#XO


XO เครื่องปรุงรสแซ่บ โมเดิร์นเทรดทำเงิน

XO เครื่องปรุงรสแซ่บ โมเดิร์นเทรดทำเงิน

           หุ้นวิชั่น - XO ชูธงขายเครื่องปรุงรสต่างแดน เร่งเครื่องทำยอด จับเทรนด์ผู้บริโภค อาหารโตต่อ ด้าน บิ๊กบอส "จิตติพร จันทรัช" ตั้งเป้ารายได้ปี 68  โต 15% ลุยเจาะโมเดิร์นเทรด สาขา 1.2 หมื่นแห่ง แถมบาทอ่อนหนุนเงิน            นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า บริษัทคาดว่าไตรมาส 4/2567 จะเป็นจุดต่ำสุด และในปี 2568 บริษัทจะเติบโตเพิ่มขึ้น โดยภาพรวมของปี 2568 คาดว่าจะดีกว่าปี 2567 จากการขยายการขายสินค้าในตลาดหลัก เช่น ประเทศเยอรมนี ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าโมเดิร์นเทรดกว่า 12,000 แห่ง ขณะที่บริษัทจำหน่ายซอสของบริษัทในร้านค้าเพียง 3,000 แห่ง ทำให้ยังมีโอกาสขยายช่องทางการขายในตลาดหลักได้อีกมาก            นอกจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าขยายตลาดใหม่เพื่อเพิ่มฐานลูกค้า โดยเฉพาะในประเทศยุโรป ซึ่งมีความต้องการใช้เครื่องปรุงรสคล้ายคลึงกับตลาดที่ XO จำหน่ายอยู่ โดยบริษัทจะเน้นการออกงานแสดงสินค้าเพื่อเพิ่มการรับรู้และเปิดตลาดใหม่ในการขายสินค้า            สำหรับปี 2568 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15% จากปี 2567 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) จัไม่ต่ำกว่า 45% ซึ่งดีมานด์การใช้เครื่องปรุงรส และซอสยังเติบดตต่อเนื่อง โดยเป็นไปตามการบริโภคอาหารของผู้บริโภคที่ต้องการได้รสชาติอาหารอร่อย            อย่างไรก็ดี บริษัทไม่กังวลประเด็นสงครามต่างประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทสามารถสามารถจำหน่ายสินค้าได้เป็นปกติ แม้จะเกิดสงครามยูเครน รัสเซีย ส่วนประเด็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยอยู่ในโซนอ่อนค่า เป็นผลดีต่อการจำหน่ายของ XO เนื่องจากบริษัทซื้อขายสินค้าเป็นสกุลเงินบาท            อนึ่ง 9 เดือนแรกปี 2567 XO มีรายได้แล้วที่ 1,979.16 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 670.48 ล้านบาท            ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) ระบุว่าถึง XO ว่า ฝ่ายวิเคราะห์ ลดเป้ารายได้ 2024F เหลือทรงตัว จากเดิม +10-15%  y-y(vs ฝ่ายวิเคราะคาด +3%  y-y) จากลูกค้าหลักทั้งยุโรป  (80% ของรายได้)  ชะลอตัวจากก่อนหน้านี้  เร่งออเดอร์ช่วง 2Q23-2Q24ไปมาก และเหลือสต็อคสูง ขณะที่ สหรัฐ (ลดจาก 25% เหลือ 3% ของรายได้) ยังมีปัญหา Supply เหลือสูงเช่นกัน และปัญหาการแข่งขัน ที่เจ้าตลาดตัดราคา             โดยระยะสั้น 4Q24F มองออเดอร์จะยังลดลง y-y และยังลงเล็กน้อย q-q ต่อเนื่อง  ซึ่งโดยรวม มองการจัดการด้านสต็อคต้องใช้เวลาอีกราว 1-2 ไตรมาส ขณะที่ อิงอดีตที่ผ่านมา ในรอบธุรกิจที่ดี หลังรายได้ทำจุด Peak จะใช้เวลา 5-7 ไตรมาส เพื่อกลับสู่ Peak อีกรอบ (รอบนี้รายได้พีค 4Q23) Line ผลิตใหม่เริ่มTest run และคงแผนสร้างโรงงาน โดย Line ผลิตใหม่อีก 1ไลน์ (ลงทุน 200ลบ., ตัดค่าเสื่อม 10ปี, สร้าง Max revenue 1พันลบ.) เริ่ม Test run 4Q24F และจะเริ่มเชิงพาณิชย์ 1Q25F โดยจะได้ BOI ขณะที่ คงแผนสร้างโรงงานใหม่ ลงทุนราว 700 ลบ. ใช้เวลา 12-18 เดือน คาด Eff tax rate ปี 2025F 8-9% หลังทยอยหมด BOI ไลน์ปัจจุบัน 3Q24 และรวมประโยชน์จาก BOI ไลน์ใหม่เข้าไปแล้ว โดยเทียบ Eff tax rate 1H243.3%, 3Q247.2% ความเห็นและคำแนะนำ มีมุมมอง “Slightly  negative” ต่อข้อมูลที่ได้รับจากงานประชุมนักวิเคราะห์และลดประมาณการกำไรปี 2024F-26F ลงเฉลี่ย 2% จากลดรายได้ลง  โดยกำไรปี 2024-25F ที่ 805ลบ. (+3%) และ 752ลบ. (-7%) ระยะสั้น 4Q24F คาดกำไรยังลดทั้ง y-y,  q-q จากรายได้ที่ยังชะลอ โดยจุดที่ต้องจับตา คือ ในแนวโน้มรายได้ชะลอตัว ขณะที่ จะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามา อาจกระทบอัตรากำไรในช่วงแรก แม้ราคาหุ้นปรับลดมามาก และซื้อขาย Valuation PER25F เหลือ 11.4 เท่า (-1.6SD) แต่หุ้นยังขาดปัจจัยบวก ยังแนะนำ “Neutral” และจะหาจุดเข้าลงทุนต่อไป จาก TP25F ใหม่ 21.1บาท (เดิม 27บาท) อิง PER 12เท่า เทียบเท่า ค่าเฉลี่ย-1.5SD รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision

XO ไลน์ผลิตใหม่หนุนยอด โบรกเคาะราคา 25.50 บาท

XO ไลน์ผลิตใหม่หนุนยอด โบรกเคาะราคา 25.50 บาท

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน)หรือ XO มีกำไร 3Q67 ที่ 157 ล้านบาท หดตัว 37% QoQ และหดตัว 37% YoY จากรายได้ที่ปรับตัวลง 21% YoY และลดลง 21% QoQ สู่ 555 ล้านบาท เนื่องจากคำสั่งซื้อในสหรัฐฯ ปรับตัวลงจากก่อนหน้านี้ที่มีการเร่งสั่งสินค้า ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลง 3.2% จาก 2Q67 เหลือ 46.6% เนื่องจากยอดขายที่ลดลงทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยกดดัน GPM เพิ่มเติม           อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายปรับตัวขึ้น 1.7% สู่ 15.2% เนื่องจากยอดขายที่ปรับตัวลง แต่เมื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายเป็นตัวเงินพบว่าปรับตัวลงจาก 95.5 ล้านบาทเหลือ 84 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทรายงานกำไร 9M67 ที่ 670 ล้านบาท +20% YoY และคิดเป็น 82% ของประมาณการ คาดรายได้ 4Q67 จะอ่อนตัว QoQ และ YoY           ฝ่ายวิจัยคาดว่ายอดขายใน 4Q67 จะอ่อนตัวลงต่อเนื่องจากยอดขายในสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว ซึ่งคาดว่ายอดขายในสหรัฐฯ จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวใน 2Q68 โดยในปี 68 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% ต่อปีจากการออกงานแสดงสินค้าเพิ่มขึ้นสู่ 24 งาน เทียบเท่ากับการออกงานฯ ก่อนการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อสนับสนุนการเติบโตของยอดขาย ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าไลน์การผลิตใหม่ที่โรงงานนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ งบลงทุน 200 ล้านบาท จะแล้วเสร็จภายใน 4Q67 และเริ่มการผลิตภายใน 1Q68 โดยไลน์การผลิตใหม่จะสามารถรองรับยอดขายได้อีกราว 1 พันล้านบาทต่อปี แต่ชะลอแผนสร้างโรงงานแห่งใหม่ออกไปประมาณ 3-9 เดือน (1H68-2H68) เนื่องจากต้นทุนค่าก่อสร้างที่ปรับตัวขึ้นและการเพิ่มไลน์การผลิตใหม่ยังสามารถรองรับยอดขายที่เติบโตได้ ปรับประมาณการรายได้ปี 67 ลดลง 7% จากประมาณเดิม แต่คงประมาณการกำไรสุทธิที่เดิม           ฝ่ายวิจัยปรับลดคาดการณ์รายได้ปี 67 ลงจาก 2.7 พันล้านบาท ลดลง 7% เหลือ 2.5 พันล้านบาท แต่คงประมาณการกำไรสุทธิที่ 817 ล้านบาท เติบโต 4% YoY เนื่องจากยอดขายในทวีปอเมริกาเหนือที่ลดลงทำให้กระทบต่อการเติบโตของรายได้ อย่างไรก็ตามเราปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นปี 67 จาก 47% สู่ 49% เพื่อให้สอดคล้องกับงวด 9M67 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 49.2% ทำให้ชดเชยรายได้ที่ปรับตัวลง ทั้งนี้เราคาดการณ์รายได้และกำไรปี 68 ที่ 2.7 พันล้านบาท และ 834 ล้านบาท เติบโต 7% YoY และ 2% YoY ตามลำดับ ปรับลดคำแนะนำเหลือ “ถือ” ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 68 ที่ 25.50 บาท:           ประเมินมูลค่าด้วยวิธี Prospective P/E โดยใช้ค่าเฉลี่ย PE Ratio ย้อนหลัง 1 ปีได้ค่าเฉลี่ยที่ 12 เท่า และเราคาดการณ์ EPS ปี 68 ที่ 1.96 บาท ได้ราคาเหมาะสมปี 68 ที่ 25.50 บาท ลดลงจากราคาเหมาะสมปี 67 ที่ 26.80 บาท แม้ว่าราคาที่ประเมินได้จะมี Upside 27% แต่ผลประกอบการ 4Q67 มีแนวโน้มชะลอตัวจาก 3Q67 และยังขาด Catalyst ใหม่ ทำให้เราปรับลดคำแนะนำจาก “ซื้อเก็งกำไร” เหลือ “ถือ”