#WHA


WHA ย้ำศักยภาพนิคมฯ ไทย ลุยกรีนโลจิสติกส์-อุตสาหกรรมใหม่ปี 68

WHA ย้ำศักยภาพนิคมฯ ไทย ลุยกรีนโลจิสติกส์-อุตสาหกรรมใหม่ปี 68

          หุ้นวิชั่น-WHA ย้ำไทยยังเนื้อหอม ชูจุดเด่นโครงสร้างพื้นฐานครบครัน แรงงานฝีมือ และซัพพลายเชนแข็งแกร่ง ดันยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมพุ่งกว่า 2,500 ไร่ในปีนี้ พร้อมลุยพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ อาทิ EV และดาต้าเซ็นเตอร์ เดินหน้าผลักดันกรีนโลจิสติกส์ ยกระดับ ESG รับมือเมกะเทรนด์และดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกในปี 2568          นายณัฐพรรษ ตันบุญเอก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ปิดเผยว่าภาพรวมธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมไทยก็มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง หากเปรียบเทียบยประเทศไทยและเวียดนามถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในด้านนิคมอุตสาหกรรม แต่ต่างก็มีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ลูกค้าคนละกลุ่ม โดยประเทศไทยมีความได้เปรียบในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบน้ำ ไฟฟ้า ขนส่ง โทรคมนาคม รวมถึงระบบซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง ตลอดจนแรงงานฝีมือ (Skill Labor) ที่ได้รับการยอมรับ อีกทั้งกฎเกณฑ์ทางกฎหมายยังมีความมั่นคงและเสถียรภาพ ในขณะเดียวกัน เวียดนามมีจุดเด่นในเรื่องของแรงงานที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมต้นทุนต่ำ จึงจับกลุ่มลูกค้าต่างกลุ่มกัน อุตสาหกรรมที่ได้รับความนิยมมาลงทึนในไทย ได้แก่ ยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งรวมกันคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 70% ของฐานอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ขยายฐานอุตสาหกรรมใหม่: โอกาสการเติบโตในไทย          ทั้งนี้ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ต้อนรับอุตสาหกรรมใหม่ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเหมาะสมและศักยภาพในการรองรับการลงทุนใหม่ๆ ด้านราคาที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กลุ่ม WHA Corporation มีการขายที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากก่อนช่วงโควิด-19 ที่ขายได้ประมาณ 1,000 ไร่ หรือมีการเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เพื่อรองรับดีมานด์จากนักลงทุนหลากหลายประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น และยุโรป โครงสร้างธุรกิจ WHA และเป้าหมายการเติบโต          WHA Corporation มีโครงสร้างธุรกิจ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจโลจิสติกส์: ครอบคลุมพื้นที่กว่า 3 ล้านตารางเมตร 2. ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม: ดำเนินงานในนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด 12 แห่ง 3. ธุรกิจน้ำและไฟฟ้า: มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเกือบ 1,000 เมกะวัตต์ 4. ธุรกิจดิจิทัล: มุ่งเน้นนำ AI มาช่วยลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสรายได้ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูล          รายได้ของ WHA แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ รายได้จากการขาย และรายได้ประจำ โดยสัดส่วนอยู่ที่ 50:50 แต่ในบางช่วงรายได้จากการขายที่ดินอาจสูงขึ้นตามยอดขายที่ดินที่เพิ่มขึ้น ผลประกอบการและทิศทางอนาคต          ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ธุรกิจโลจิสติกส์มีการเติบโตต่อเนื่อง และยอดขายที่ดินปีนี้มีการปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2,500 ไร่ ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตที่แข็งแกร่ง          สำหรับปี 2568 บริษัทคาดการณ์ว่าภาพรวมจะดีต่อเนื่อง พร้อมผลักดันแนวคิดกรีนโลจิสติกส์ (Green Logistics) และยกระดับมาตรฐาน ESG ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก

โบรกแนะหุ้นอะไร?  หลัง กนง. คงอัตราดอกเบี้ย 2.25% 

โบรกแนะหุ้นอะไร? หลัง กนง. คงอัตราดอกเบี้ย 2.25% 

          หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.เอเซีย พลัส เผยแม้ FED จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ตามคาด แต่มุมมองที่ดูระมัดระวังมากขึ้นในการปรับลดดอกเบี้ยทำให้ FEDWATCH TOOL แสดงถึงโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยปี 2568 มีเพียง 2 ครั้ง ส่งผลทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐซึ่งมี VALUATION ที่แพงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมีแรงขายทำกำไรออกมา โดยดัชนีราคาหุ้นหลักปรับลดตั้งแต่ 2.58% จนถึง 3.6% และ หนุนให้ BOND YIELD ปรับสูงขึ้น           กลับมาที่บ้านเรา กนง. วานนี้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% ตามคาด แต่เริ่มสะท้อนมุมมองเชิงกังวลต่อภาพเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปี 2568 ซึ่งหากมีสัญญาณไม่ดีก็พร้อมจะพิจารณาดอกเบี้ย โดยภาพรวมเชื่อว่าจากนี้ไป ดอกเบี้ยจะอยู่ในภาวะลงช้าและลงน้อย ส่วนเรื่องอื่นที่อยู่ในความสนใจคือ การเมืองในประเทศที่คาดว่าจะมีแนวโน้มร้อนแรงขึ้นตามลำดับ ในปี 2568 ตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับลงแรง น่าจะส่ง SENTIMENT เชิงลบต่อตลาดหุ้นไทยในเช้าวันนี้ ในทาง TECHNICAL ดูแนวรับแรกที่ 1390 จุด ถัดไปที่ 1384 จุด แนวต้าน 1410 จุด TOP PICK เลือก CK, PTTGC และ WHA

“โครงการ WeCYCLE” ผนึกความร่วมมือภาครัฐ-เอกชนเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

“โครงการ WeCYCLE” ผนึกความร่วมมือภาครัฐ-เอกชนเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

          บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IEAT) ผนึกกำลังกับองค์กรชั้นนำ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) (SCGP) และบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF) จัดกิจกรรม “WE CYCLE DAY 2024” ภายใต้โครงการ WeCYCLE ด้วยการจัดการและสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ ได้แก่ ขวดพลาสติก กระดาษ และน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว ในรูปแบบของการรีไซเคิล (Recycling) และอัพไซเคิล (Upcycling) เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมตอบโจทย์การดำเนินงานตามเป้าหมายนำองค์กรสู่ Net Zero ลดภาวะโลกร้อนภายในปี 2050 และยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนพื้นที่คลังสินค้า นิคมอุตสาหกรรมของ WHA ด้วยความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นโอกาสในการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนทั้งต่อชุมชน และเศรษฐกิจ เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีการมอบเกียรติบัตร WeCYCLE และโล่รางวัล WeCYCLE ให้พันธมิตรที่มีผลงานโดดเด่น และการแสดงผลงานผลิตภัณฑ์ Upcycling เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วมงาน ณ ห้อง Convention Hall พัฒนากอล์ฟ สปอร์ต รีสอร์ท จังหวัดชลบุรี           กิจกรรม WeCYCLE DAY 2024 ภายใต้โครงการ WeCYCLE จัดตั้งในปี 2565 จนถึงปี 2567 นับเป็นการจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน เพื่อยกระดับความตระหนักรู้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ซึ่งได้รับบริจาควัสดุใช้แล้วจากสมาชิกโครงการ ได้แก่ ขวดพลาสติกใช้แล้ว เป็นจำนวน 58 ตัน กระดาษใช้แล้ว 67 ตัน น้ำมันทอดใช้แล้ว 1.1 ตัน จากปริมาณวัสดุใช้แล้วทั้งหมดเทียบเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ GHG ของปริมาณขยะฝังกลบ จำนวน 259 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้เพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวน 28,700 ต้น ภายใต้โครงการ WeCYCLE มีการนำไปผลิตผลิตภัณฑ์อัพไซเคิล ได้แก่ ชุดต้นไม้และเบาะนั่งอ่านหนังสือแห่งการเรียนรู้ ผลิตจากกระดาษรีไซเคิล และผ้าอัพไซเคิลที่ทอจากขวดพลาสติกใช้แล้วและเส้นใยผักตบชวา เพื่อมอบให้กับโรงเรียนรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กระเป๋าผ้าอัพไซเคิลปันสุข ผลิตจากผ้าอัพไซเคิลที่ทอจากขวดพลาสติกใช้แล้วและเส้นใยผักตบชวา นำมาทำเป็นกระเป๋าผ้าใส่สิ่งของจำเป็นเพื่อมอบให้กับผู้ป่วยยากไร้และกลุ่มเปราะบางรอบนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ผ้าปูเตียงผู้ป่วยผลิตจากขวดพลาสติกใช้แล้วผสมสารฆ่าไวรัส เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลรอบนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ และเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน ตอบโจทย์พลังงานสะอาดจากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว           ความสำเร็จของโครงการ WeCYCLE ในปี 2567 นี้ เกิดจากความร่วมมือของบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IEAT) และพันธมิตรที่เข้มแข็ง ได้แก่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) (SCGP) และบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF) รวมถึงความร่วมมือจากลูกค้า คู่ค้า ผู้รับเหมาโครงการ หน่วยงานส่วนท้องถิ่น โรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ โดย WHA จะใช้รถกระบะไฟฟ้าตอบโจทย์การลดปริมาณการผลิตก๊าซ CO2 เพื่อเข้าไปรับขวดพลาสติก กระดาษ และน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วจากสมาชิกที่ร่วมโครงการ เพื่อรวบรวมไว้ยังศูนย์ WeCYCLE ของ WHA ก่อนให้รถ YOUเทิร์น ของ GC เข้ามารับขวดพลาสติก รถของ SCGP เข้ามารับกระดาษ และรถของบริษัท BGCP มารับน้ำมันทอด เพื่อเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล และอัพไซเคิล และนำไปเป็นประโยชน์เพื่อสังคม ชุมชม และตอบโจทย์สิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนต่อไป

WHA จัดตั้งบริษัทย่อยเวียดนาม ลุยโครงการนิคมอุตสาหกรรม

WHA จัดตั้งบริษัทย่อยเวียดนาม ลุยโครงการนิคมอุตสาหกรรม

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) ขอเรียนให้ทราบว่า WHA Industrial Development 2 (SG) Pte. Ltd. (“WHA IDSG2”) (บริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นในประเทศสิงคโปร์ที่บริษัทถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)) ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ขึ้นในประเทศเวียดนามเสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 สรุปสาระสำคัญของบริษัทย่อยแห่งใหม่มีดังนี้ ชื่อบริษทั WHA Industrial Zone Thanh Hoa Joint Stock Company วัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรม WHA (WHA Industrial Zone) ในจังหวัด Thanh Hoa ประเทศเวียดนาม ทุนจดทะเบียน 216,000,000,000 เวียดนามดอง (VND) สัดส่วนการถือหุ้น WHA IDSG2 ถือหุ้นประมาณร้อยละ 99.9 แหล่งที่มาของเงินลงทุน เงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

FDI หนุนนิคมอุตสาหกรรม โบรกแนะซื้อ AMATA และ WHA

FDI หนุนนิคมอุตสาหกรรม โบรกแนะซื้อ AMATA และ WHA

         หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล. เคจีไอ ระบุ AMATA และ WHA มีผลการดำเนินงาน 9M67 ที่โดดเด่นในด้านยอดขายที่ดินแข็งแกร่ง (+18% YoY) การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินนิคม ฯ (+57% YoY) และกำไร (+42 YoY) โดยปกติธุรกิจไตรมาสที่สี่เป็นช่วงพีคสุดของปี ดังนั้นคาดผลการดำเนินงานเข้าสู่ช่วงที่แข็งแกร่ง ขณะที่ ประมาณการของเราค่อนข้างอนุรักษ์นิยม โดยคาดยอดขายที่ดินปี 2568F ทรงตัว แต่ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินนิคม ฯ น่าจะยังคงแข็งแกร่งด้วยอัตราการเติบโตรายปีเป็นเลขสิบกลาง ๆ ช่วงปี 2567F-68F เนื่องจากมียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (backlog) จำนวนมากรอรับรู้เป็นรายได้ในปีถัดไป อย่างไรก็ดี เราคาด upside น่าจะมาจากการฟื้นตัวของยอดขายที่ดินนิคม ฯ จากเวียดนามหลังจากที่มีผู้นำรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารแล้ว ในท่ามกลางกระแสการลงทุนที่เป็นใจและอัตราการเติบโตกำไรดี เราแนะนำซื้อทั้ง AMATA และ WHA ประเมินราคาเป้าหมาย SOTP ที่ 34.00 บาทและ 6.60 บาท ตามลำดับ การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน (BOI) ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มต่อเนื่อง          การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจาก BOI พุ่งขึ้น 42% YoY อยู่ที่ 7.22 แสนล้านบาทในช่วง 9M67 เทียบกับค่าเฉลี่ย 28% ต่อปีในช่วง 2564-66 โดยที่ อุตสาหกรรมลำดับต้น ๆ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ โครงสร้างพื้นฐาน และเทคโนโลยีดิจิทัล ขณะที่ นักลงทุนกลุ่มหลัก ๆ มาจากประเทศที่พูดภาษาจีนสื่อสาร อย่างเช่น จีน สิงคโปร์ และฮ่องกง ยอดขายและโอนที่ดินแข็งแกร่งจนถึงปัจจุบัน          ยอดขายที่ดินนิคม ฯ ของ Amata Corp (AMATA.BK, AMATA TB)* ถึงเป้าหมายปีนี้ไปแล้วที่ 2.018 พันไร่ (+68% YoY) ในช่วง 9M67 โดยปัจจุบัน ฝ่ายบริหารคาดยอดขายที่ดินทั้งปี 2567F จะอยู่ที่ 2.500 พันไร่ต่อปี ขณะที่ ยอดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินนิคม ฯ ของ AMATA เติบโตถึง 58% YoY ในช่วง 9M67 ส่วน WHA Group (WHA.BK, WHA TB)* มียอดขายที่ดินสูงเกือบ 1.800 ไร่ในช่วง 9M67 และยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ 1.570 พันไร่ (+56% YoY) ทั้งนี้ ยอดขายและโอนที่ดินนิคม ฯ รวมใน 9M67 เติบโต 18% และ 57% YoY ตามลำดับ เราคาดยอดขายที่ดินปี 2568F ทรงตัวแต่ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินน่าจะยังแข็งแกร่งต่อ          เราประเมินยอดขายที่ดินนิคม ฯ ในปี 2567F-68F ที่ 2.50 พันไร่ต่อปีสำหรับ AMATA และ 2.50-2.60 พันไร่ต่อปีสำหรับ WHA โดยที่ upside น่าจะมาจากการฟื้นตัวของยอดขายที่ดินนิคม ฯ จากเวียดนามหลังจากที่ผู้นำของเวียดนามและสหรัฐอเมริกาได้รับการเลือกแล้ว ส่วนยอดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินรวมอาจโต 14% ในปี 2567F และ 12% ในปี 2568 เนื่องจากมี backlog อยู่สูงมาก อีกทั้งมีความเป็นไปได้ที่จะขายสินทรัพย์เข้า REITs มากขึ้น หรือเอาบริษัทฯลูกเข้าตลาดในปีหน้า ในขณะที่ backlog ของ AMATA อยู่ที่ 1.96 หมื่นล้านบาท (ประมาณ 50% จะถูกบันทึกในปี 2568F) ส่วน WHA มี backlog ที่ 1.259 พันไร่ (ราว 4-5 พันล้านบาท) พร้อมอีก 904 ไร่อยู่ระหว่างทำหนังสือแสดงเจตจำนง (Letters of intent) กรณีนี้น่าจะทำให้อัตราการเติบโตกำไรรวมเป็นเลขสองหลักที่ 18-20% ต่อปีในช่วงปี 2567F-68F เร่งการลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมใหม่ ๆ          AMATA อยู่ระหว่างพัฒนานิคมอุตสาหกรรมใหม่ 2 แห่งที่เพิ่งได้ซื้อมา ได้แก่ อมตะซิตี้ ระยอง 2 (หนองละลอก) พื้นที่ 1.547 พันไร่ และ อมตะซิตี้ ชลบุรี 2 (บ้านบึง) พื้นที่ 2.213 พันไร่ (ขายได้แล้ว 40%) นอกจากนี้ AMATA วางแผนที่จะเริ่มพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่แขวง Namor ในสปป.ลาว โดยเน้นลูกค้าหลักชาวจีน ทางด้าน WHA กำลังพัฒนา 6 นิคม ฯ โดยมีพื้นที่รวม 9.19 พันไร่ (6.79 พันไร่อยู่ในพื้นที่ EEC) ส่วนที่เวียดนาม WHA มีนิคม ฯ ในจังหวัด เหงะอาน (Nghe An) และอีก 3 แห่ง (2 แห่งในจังหวัด ทัญฮว้า (Thanh Hoa) และ 1 แห่งในจังหวัดกว่างนาม (Quang Nam)) ที่จะเปิดตัวในปีหน้า ทั้งนี้ บริษัทฯ แต่ละรายตั้งเป้าที่จะใช้จ่ายราว 5-6 พันล้านบาทต่อปีเพื่อการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในอีก5ปีข้างหน้า กำไรรวม 9M67 โตถึง 42% YoY          กำไรรวม 3Q67 ที่ลดลง 19% เนื่องจากบริษัทย่อยของ WHA มีผลการดำเนินงานอ่อนแอคือ WHA Utilities & Power (WHAUP.BK, WHAUP TB) ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและอีกทั้งมีต้นทุนภาษีพิเศษ สวนทางกับ AMATA ที่รายงานการฟื้นตัวแข็งแกร่งใน 3Q67 จากฐานต่ำ อย่างไรก็ดี รายได้และกำไรใน 9M67 เติบโตแข็งแกร่ง 25% YoY และ 42% YoY ตามลำดับ สอดคล้องกับการโอนที่ดินพุ่งขึ้น 57% YoY ในระหว่างสองบริษัทดังกล่าวข้างต้น WHA รายงานกำไรสุทธิแข็งแกร่งขึ้น 55% YoY เป็นเพราะยอดโอนที่ดินมากขึ้นด้วยอัตรากำไรที่สูงขึ้น ในขณะที่ไตรมาส 4 โดยปกติเป็นไตรมาสที่พีคสุดของปี ดังนั้นเราคาดผลการดำเนินงานที่กำลังจะถึงนี้แข็งแกร่ง Valuation & Action          ท่ามกลางกระแสการลงทุนที่เป็นใจและอัตราการเติบโตกำไรดี เราแนะนำซื้อทั้ง AMATA และ WHA ประเมินราคาเป้าหมาย SOTP ที่ 34.00 บาทและ 6.60 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ เราคงให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มนี้ที่ “มากกว่าตลาด ฯ” (Overweight) Risks          ความรวดเร็วในอัตราการเติบโต GDP, การเพิ่มขึ้นของต้นทุนสาธารณูปโภคและค่าแรงงานขั้นต่ำ, ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย ความรวดเร็วในการโอนที่ดินนิคม ฯและเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI)

WHA  เผยวิสัยทัศน์สู่เส้นทางแห่งความยั่งยืน

WHA เผยวิสัยทัศน์สู่เส้นทางแห่งความยั่งยืน

          หุ้นวิชั่น - WHA Group เปิดบ้านเป็นครั้งแรกต้อนรับพันธมิตรและผู้สนใจในงาน WHA Open House 2024 ภายใต้ธีม "Explore - Discover - Shape the Future" เพื่อมาเดินทางสำรวจ ค้นพบ และร่วมกันสร้างสรรค์อนาคตของอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืน ผ่านนวัตกรรมล้ำสมัยจาก 4 กลุ่มธุรกิจหลักของ WHA ได้แก่ โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลโซลูชัน พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ในการทดลองใช้งาน  Mobilix โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจรรายแรกของไทย ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญภายในงานนี้  เมื่อวันที่ 20-22 พฤศจิกายน  ที่ผ่านมา ที่ WHA Tower สำนักงานใหญ่ บางนา-ตราด กม. 7 งานนี้ได้รับเกียรติจากผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐ ภาคเอกชน และพันธมิตรทางธุรกิจมากมาย มาร่วมแบ่งปันแนวคิด วิสัยทัศน์และกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความยั่งยืน เริ่มต้นวันแรกด้วยจรีพร   จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “How We're Shaping a Sustainable Future” เผยเส้นทางการเติบโตของ WHA Group  ในการผสานเทคโนโลยีเข้ากับธุรกิจหลักด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อยกระดับการให้บริการที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ายิ่งขึ้น พร้อมภาพความสำเร็จในวันนี้ ด้วยพื้นที่คลังสินค้ากว่า 3,100,000 ตารางเมตร นิคมอุตสาหกรรมกว่า 78,000 ไร่ พร้อมตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ การพัฒนาบุคลากร การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร การดูแลสิ่งแวดล้อม และการสร้างคุณค่าให้กับชุมชน โดยมีเป้าหมายสู่ Net Zero ภายในปี 2029 และขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน ต่อเนื่องมาในวันที่สองเป็นเวทีของ โมบิลิกส์ (Mobilix) และนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะ เริ่มด้วยการบรรยายหัวข้อ “Mobilix: Driving Sustainable Supply Chains” โดยชัยรินทร์ เนติพีระพงศ์ Managing Director บริษัท โมบิลิกส์ จำกัด ที่มาเจาะลึกถึงโซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า สถานีชาร์จ และโมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการขนส่ง พร้อมต่อยอดสู่การเสวนา “Pioneering Thailand's fully integrated green logistics solution” ร่วมกับอภิชาติ เพียรเจริญ กรรมการบริษัท King Gen ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งสินค้า ซึ่งมาบอกเล่าประสบการณ์จริง และปัจจัยที่หันมาใช้บริการ Mobilix ในธุรกิจ ตลอดจนประสิทธิภาพในการบริหารจัดการระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร และชี้ให้เห็นโอกาสในการเติบโตของEV ในอุตสาหกรรมขนส่งในประเทศไทย ขณะที่ คณิสสร์ ศรีวชิระประภา Chairman of Executive Committee จาก Nexpoint มาร่วมเสริมเกี่ยวกับโอกาสและการเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการ  EV Fleets เพื่อตอบโจทย์ สอดคล้องกับกระแสโลกที่มุ่งสู่ความยั่งยืนและการลดการปล่อยคาร์บอน และเชื่อมั่นว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบบนิเวศน์ยานยนต์ไฟฟ้า ตั้งแต่เนิ่นๆ จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และดึงดูดการย้ายฐานการผลิตจากต่างประเทศ ในช่วงถัดมา ปจงวิช พงษ์ศิวาภัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้มาบรรยายในหัวข้อ “Smart Eco-Industrial Estates: Shaping the Future of Industrial Development” เผยวิสัยทัศน์ของ WHA Groupในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะโดยผสานรวมแนวคิดริเริ่มสีเขียวหลากหลายรูปแบบตามกรอบของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มองหาโซลูชันที่ยั่งยืน ครอบคลุมตั้งแต่ระบบโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค การสื่อสาร การใช้พลังงานและน้ำ จนถึงการจัดการของเสีย ตามด้วยการเสวนา "Driving Smart Eco-Industrial Estates Towards Sustainability: The Role of Government, Private Sector, and Innovation" ร่วมกับบุปผา กวินวศิน รองผู้ว่าการ สายงานพัฒนาที่ยั่งยืน การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืน ตอบโจทย์นักลงทุนที่ใส่ใจ ทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาล (ESG) ในส่วนของบรรยายพิเศษ นันท์ศิลป์ เจนวารินทร์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล จำกัด และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้นำเสนอในหัวข้อ “Powering Innovation and Transformation” โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลเพื่อรับมือกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และการสร้างนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ โดย WHA Group ได้เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปี 2560 และประสบความสำเร็จในการพัฒนาแพลตฟอร์มและโซลูชันต่างๆ เช่น WHAPPY, WHASApp, และโครงการเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมถึงการนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความยั่งยืน ต่อด้วย ณัฐภัทร ธเนศวรกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์ และธุรกิจให้คำปรึกษา RISE  บรรยายในหัวข้อ “Corporate Innovation” โดยได้แบ่งปันแนวคิดและกรณีศึกษาเกี่ยวกับนวัตกรรมองค์กร พร้อมย้ำถึงความสำคัญของการปรับโครงสร้างองค์กร การสร้างแรงจูงใจ และการมองข้ามขอบเขตอุตสาหกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร ปิดท้ายด้วย ดิสพงศ์ พรชนกนาถ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ดับบลิวเอชเอ  คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในหัวข้อ “Pioneering Generation” เผยกลยุทธ์ของ WHA ในการพัฒนาบุคลากรให้พร้อมรับมือกับความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และสภาพภูมิอากาศ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะ การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง และการปลูกฝังค่านิยม เช่น ความเคารพ ความไว้วางใจ และการทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างทีมงานที่แข็งแกร่งและขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ และในวันสุดท้าย เวทีเสวนาได้เจาะลึกถึง 3 ประเด็นสำคัญ เริ่มต้นด้วย “Innovations in Utilities and Renewable Energy: Collaborative Efforts for Sustainable Industrial Development” โดยสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้นำเสนอนโยบายและเป้าหมายของบริษัทในการมุ่งสู่ Net Zero ผ่านการใช้บริหารจัดการระบบสาธารณูปโภค พลังงานหมุนเวียน การมองหาโอกาสสำหรับธุรกิจพลังงานทดแทนใหม่   โดยมี อัครินทร์ ประเทืองสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์  พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ร่วมเสริมรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดการสาธารณูปโภคสำหรับภาคอุตสาหกรรม การนำ AI มาใช้ในในการบริหารจัดการสาธารณูปโภคและพลังงาน การคาดการณ์ปริมาณการใช้พลังงาน และการตรวจจับความผิดปกติของระบบพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสูญเสีย ขณะที่ไพโรจน์ สัตยสัณห์สกุล กรรมการใน กนช. และกรรมการลุ่มน้ำผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำภาคอุตสาหกรรม ลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก ได้มาให้มุมมองเกี่ยวกับความท้าทายในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ EEC และความสำคัญของความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ปิดท้ายด้วย พิเชษฐ์ พรรณเชษฐ์ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสาธารณูปโภค บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ที่มาเผยแนวทางของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในการใช้น้ำอย่างยั่งยืนและเตรียมรับภัยแล้ง เช่น ลดใช้น้ำ หาน้ำจากแหล่งอื่นรวมทั้งการร่วมมือกับ WHAUP ในการนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่อย่างระบบ Reclaimed Water เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืนมากขึ้น ถัดมาเป็นเวที “ESG: Shape the Future with Sustainability Growth and Circularity ” โดย ดร.ธันยพร กริชติทายาวุธ ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (GCNT) ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของความยั่งยืนที่ธุรกิจต้องใส่ใจ และผลกระทบของกฎระเบียบใหม่ๆ เช่น EU Green Deal ต่อธุรกิจไทย ตามด้วยประสิทธิ์ ไวยาวัจมัย พาร์ทเนอร์และกรรมการ บริษัท อีอาร์เอ็ม-สยาม จำกัด (ERM) ได้เน้นย้ำถึงความคาดหวังของนักลงทุนด้าน ESG และแนะนำกรอบการดำเนินงาน รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น EU Taxonomy และ EPR Law ด้านไกรลักขณ์ อัศวฉัตรโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้อธิบายถึงกลยุทธ์ความยั่งยืนของ WHA ตามแนวคิด "WHA Circular Innovation โดยให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกระบวนการทำงาน (Process Improvement) เช่น การปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียน การนำวัสดุเหลือใช้มาทำให้เกิดประโยชน์  เป็นต้น และการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เช่น ธุรกิจ Reclamation Water  Mobilix  และการสร้างแพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยนขยะวัสดุเหลือใช้ในนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น  และ ณัฐพรรษ ตันบุญเอก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เสริมว่า WHA ให้ความสำคัญกับการสร้างความสมดุลระหว่างผลประกอบการและความยั่งยืน การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนแนวทางในการการลดคาร์บอน โดยมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าระยะยาว และการลงทุนในด้านความยั่งยืนเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และตอบสนองความต้องการของลูกค้า ปิดท้ายด้วยหัวข้อเสวนา “Co-Creating the Future: WHA's Mission for Sustainable Community Development” โดยรักษ์พล กังน้อย ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการนิคมอุตสาหกรรม บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้อธิบายถึงกระบวนการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่คำนึงถึงความยั่งยืนและการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยนุชนาถ กองสูงเนิน ผู้อำนวยการนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) เสริมถึงบทบาทของ กนอ. ในการสนับสนุนความยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรมและชุมชน ผ่านแนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ซึ่งครอบคลุม 5 มิติ คือ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม และกายภาพ ขณะที่ ประทีป จุฬาเลิศ รองผู้อำนวยการสถาบันอาชีวศึกษาภาคตะวันออก ได้นำเสนอมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมใน EEC และความร่วมมือกับ WHA ในโครงการ EEC Model Type A จากนั้น ในด้านของผู้แทนชุมชน พันจ่าเอกมนตรี ม่วงทำ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม อบต. เขาคันทรง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี กล่าวถึงความร่วมมือกับ WHA พัฒนาชุมชนด้านสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม เช่น สนับสนุนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ จัดหาเครื่องมือแพทย์ พัฒนา อสม. และใช้นวัตกรรมแจ้งเตือนภัยน้ำท่วม ส่วนวิไลวรรณ พรายเพชร ตัวแทนกลุ่มสัมมาชีพชุมชนบ้านชากมะหาด อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ได้มาบอกเล่าถึงประโยชน์ที่ชุมชนได้รับจาก WHA เช่น การจัดหาผักตบชวาเป็นวัตถุดิบผลิตสินค้า รับซื้อผลิตภัณฑ์จากชุมชน สนับสนุนทุนการศึกษา และพัฒนาหมู่บ้าน สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ WHA ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน และการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง WHA Open House 2024: Explore – Discover – Shape the Future ไม่ได้เป็นเพียงการเปิดบ้านโชว์ศักยภาพ แต่เป็นการจุดประกายความคิด สร้างแรงบันดาลใจ และเปิดมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับอนาคตของอุตสาหกรรมไทย ที่พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน งานนี้จึงเป็นมากกว่า Open House แต่เป็นการร่วมกันสร้างอนาคต “Shape the Future” ที่เราต้องการอย่างแท้จริง

KSS คาด SET วันนี้ “แกว่งขึ้น” ส่องต้าน 1470 จุด AOT, SCB, WHA เด่น

KSS คาด SET วันนี้ “แกว่งขึ้น” ส่องต้าน 1470 จุด AOT, SCB, WHA เด่น

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คาด SET วันนี้ “แกว่งขึ้น” ต้าน 1463/1470 จุด รับ 1442/1436 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดสั้นๆ ดัชนีS&P500 ปิด +0.39%           กลุ่มพลังงานขยับขึ้นนำตลาด ราคาน้ำมันดีดเฉลี่ย 3.18% รับบ่อผลิตน้ำมันนอร์เวย์ Johan Sverdrup หยุดผลิต น้ำมัน (กำลังผลิต 7.5 แสนบาร์เรลต่อวัน) และจิตวิทยาลบสถานการณ์ยูเครน - รัสเซีย กลับมาตึงขึ้น ภาพใหญ่ US Bond Yield 10 ปีติดแนวต้าน 4.5% และเริ่มนิ่งรอติดตามรายงานเศรษฐกิจเพิ่มเติม คลายแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น ผสานภาพบวกพัฒนาการเศรษฐกิจภายใน ทั้ง GDP 3Q24 เติบโต 3%y-y ดีกว่าตลาดคาด และมีสัญญาณเร่งต่อทั้งการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐ+ท่องเที่ยวที่ยังน่าจะขยายตัวสูงต่อเนื่องในระดับ 20%y-y +/-           ขณะที่วันนี้น่าจะมีความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจเสริม บวกต่อค่าเงินบาทเช้านี้แกว่งแข็งค่า 34.6 +/- บาท หนุน SET แกว่งขึ้น หุ้นนำ คือ Domestic (ค้าปลีก ท่องเที่ยว ธนาคาร เช่าซื้อ นิคม) กลุ่ม Yield นิ่ง+เงินบาทแข็ง (โรงไฟฟ้า) กลุ่มน้ำมันดีดแรงหนุนฝั่งพลังงานต้นน้ำ และปิโตรเคมี Spread สัปดาห์ล่าสุดเด่น +6-10% w-w วันนี้แนะ AOT, SCB, WHA

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

WHA Group โชว์กำไรปกติ 9 เดือน67 ที่ 3,312 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติปันผลระหว่างกาล 0.0669 บาทต่อหุ้น

WHA Group โชว์กำไรปกติ 9 เดือน67 ที่ 3,312 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติปันผลระหว่างกาล 0.0669 บาทต่อหุ้น

           หุ้นวิชั่น - กรุงเทพฯ - บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA Group) แจ้งงบผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก ปี 2567 ฟอร์มเด่น หนุนรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร 9,954 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 3,113 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% (Y-Y) แบ่งเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 10,000 ล้านบาท ขณะที่กำไรปกติ 3,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% (Y-Y) ล่าสุดบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลงวด 9 เดือน หุ้นละ 0.0669 บาท เตรียมขึ้น XD วันที่ 21 พ.ย. และกำหนดการจ่ายเงินปันผลวันที่ 6 ธ.ค. 2567 ด้าน Group CEO “จรีพร จารุกรสกุล” เผยกำลังเจรจาลูกค้ากลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์อีกหลายโครงการ ประกาศปักหมุดประเทศไทยเป็นเป้าหมายการลงทุนอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ พร้อมเตรียมรับรู้รายได้การขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ WHAIR ประกาศการันตีความสำเร็จจากเวที SET Awards 2024 หลังคว้ารางวัล Best Sustainability Awards โดยเป็นการได้รางวัลในกลุ่ม Sustainability Excellence 4 ปีซ้อน ตอกย้ำการเป็นองค์กรต้นแบบที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศทางธุรกิจในทุกมิติ            บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2567 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 2,681 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 459 ล้านบาท โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 2,913 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% และกำไรปกติ 757 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% (Y-Y) เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน            ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 9,954 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,113 ล้านบาท โดยหากพิจารณาถึงผลประกอบการปกติ บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% และกำไรปกติ 3,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% (Y-Y) จากงวดเดียวกันของปีก่อน            ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน ส่งผลให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 9 เดือนปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.0669 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 21 พฤศจิกายน และกำหนดการจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 6 ธันวาคม 2567 สอดคล้องกับการจัดอันดับเครดิตองค์กรโดยทริสเรทติ้งที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่” สะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน และแข็งแกร่ง ของ 4 กลุ่มธุรกิจหลักของบริษัทฯ รวมถึงการขายทรัพย์สินเข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล (WHAIR)            นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิว เอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA Group เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2567 เติบโตอย่างโดดเด่น เป็นผลจากการขับเคลื่อนของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ ทั้งโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภค (น้ำและไฟฟ้า) และธุรกิจดิจิทัล สอดรับกับกระแสการย้ายฐานการลงทุนและฐานการผลิตที่ดึงดูดการเข้ามาลงทุนแบบระยะยาวจากหลายภาคอุตสาหกรรมให้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง            ธุรกิจโลจิสติกส์ มีผลงานการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น โดยงวด 9 เดือนแรกมีการลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน / คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น 84,658 ตร.ม. และมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง จำนวน 100,520 ตร.ม. โดยมีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวม 3,010,488 ตร.ม. ส่งผลให้ไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ รับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจให้เช่ายานยนต์ไฟฟ้ารวม 404 ล้านบาท และ 1,123 ล้านบาท ตามลำดับ            ล่าสุดโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม. 21 ได้มีการเซ็นสัญญาเช่ากับบริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต/จัดจำหน่ายสินค้าตกแต่งและซ่อมแซมบ้าน พื้นที่ราว 16,000 ตร.ม. และเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทดังกล่าวยังเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มอีกราว 17,000 ตร.ม. ส่วนโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม. 23 โปรเจกต์ที่ 3 ล่าสุดมีลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ ลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่เพิ่มประมาณ 25,000 ตร.ม. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าที่สนใจเช่าพื้นที่อีกหลายราย โดยมียอดเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ (pre-signed) ล่วงหน้า รวมถึงโครงการที่ได้รับการคัดเลือก (award) จากกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการเช่าคลังสินค้าคุณภาพสูงเพิ่มเติมเป็นพื้นที่รวมกว่า 60,000 ตร.ม.            ส่วนธุรกิจให้เช่ายานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ “โมบิลิกส์ “(Mobilix)” โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจรแห่งแรกของไทยที่ครอบคลุมตั้งแต่การให้บริการรถขนส่งไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ บริการติดตั้งระบบชาร์จ สถานีชาร์จ พร้อมด้วย Mobilix Software Solution ก็ได้รับความสนใจอย่างมากจากลูกค้าภาคธุรกิจ และหลังจากที่ได้เปิดให้ทดลองใช้งาน Mobilix Software Solution ไปก็ได้รับผลตอบรับที่ดี โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 มีลูกค้าภาคธุรกิจเซ็นสัญญาเช่าซื้อยานยนต์ไฟฟ้าแล้วทั้งสิ้น 281 คัน            “สำหรับ บริษัท ดับบลิวเอชเอ จีซี โลจิสติกส์ จำกัด “WGCL” ล่าสุดได้มีการจัดงานเปิดตัว WGCL Grand Opening ณ ศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศ จังหวัดระยอง เป็นการสะท้อนสถานะสู่การเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GC และ WHA เพื่อตอกย้ำการพัฒนาธุรกิจมุ่งสู่การสร้างความแข็งแกร่งให้กับ WGCL ทั้งด้านความเชี่ยวชาญ จุดแข็ง และความเป็นผู้นำในตลาดโลจิสติกส์และปิโตรเคมีของทั้งสองบริษัท”            ส่วนแผนการขายทรัพย์สิน และ/หรือ สิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHAIR ในปี 2567 ล่าสุดผู้ถือหน่วยกองทรัสต์ WHAIR มีมติอนุมัติให้ทำการลงทุนทรัพย์สินเพิ่มเติมเรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทฯ มีแผนจำหน่ายทรัพย์สินประเภทคลังสินค้าพื้นที่เช่ารวม 40,172 ตร.ม. เป็นมูลค่าราว 1,065 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2567            ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม บริษัทฯ ปรับเป้าหมายยอดขายที่ดินปี 2567 เป็น 2,500 ไร่ โดย 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรวม 1,791 ไร่ (ไทย 1,695 ไร่ / เวียดนาม 96 ไร่) และยอดเซ็น MOU คงค้างรวม 904 ไร่ (ไทย 872 ไร่ / เวียดนาม 31 ไร่) โดยในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมจำนวน 974 ล้านบาท และ 4,565 ล้านบาท โดยช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ จำนวนยอดการโอนที่ดินเติบโตกว่า 56% จาก 9 เดือนแรกของปีก่อน ประกอบกับราคาขายที่ดินมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น สอดคล้องกับภาวะการลงทุนที่ได้รับปัจจัยบวกจากกระแสการย้ายฐานการลงทุน/ การผลิตมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้ากว่า 1,259 ไร่ (ไทย 1,225 ไร่ / เวียดนาม 33 ไร่)            โดยในไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินให้กับ Google บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่มีแผนสร้าง Data Center และ Cloud Region ในประเทศไทย และบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ากลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีความต้องการใช้พื้นที่อุตสาหกรรมอีกหลายโครงการ สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการลงทุนของอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์            โดย ณ ไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งประเทศไทยและเวียดนามทั้งหมด 78,000 ไร่ สำหรับในประเทศไทย ปัจจุบัน WHA Group มีนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 12 แห่งและยังมีโครงการขยาย/พัฒนานิคมฯ ใหม่ 6 โครงการ บนพื้นที่รวมกว่า 10,000 ไร่ ส่งผลให้ในอีก 3 ปีข้างหน้าบริษัทฯ จะมีพื้นที่นิคมฯ รวมกว่า 52,390 ไร่            ด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนาม ปัจจุบันมีเขตอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างกำลังพัฒนารวม 22,815 ไร่ (3,650 เฮกตาร์) ประกอบด้วยเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน เฟส 1 และเฟส 2 พื้นที่รวม 3,125 ไร่ (500 เฮกตาร์) ซึ่งได้เปิดดำเนินการแล้ว และเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 2 – เหงะอาน โดยเฟส 1 มีพื้นที่ 1,181 ไร่ (189 เฮกตาร์) คาดว่าจะได้รับอนุมัติใบอนุญาตโครงการภายในปีนี้ อีกทั้งบริษัทฯ ยังมุ่งขยายเขตอุตสาหกรรมใหม่อีก 3 โครงการในจังหวัด Thanh Hoa และ Quang Nam บนพื้นที่รวม 9,690 ไร่ (1,550 เฮกตาร์)            ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) มีการเติบโตต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจสาธารณูปโภครวมในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 812 ล้านบาท และ 2,343 ล้านบาท โดยมีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศรวม สำหรับไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 รวมเท่ากับ 42.0 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 125.8 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ            ด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำภายในประเทศไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 32.5 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 99.0 ล้านลูกบาศก์เมตรตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่มจากปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น โดยรวมนั้นมียอดขายและบริหารน้ำที่เติบโตขึ้นเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ขณะที่ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำดิบในไตรมาส 3/2567 มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากกลุ่มลูกค้าพลังงานที่มีการผลิตลดลง            “โดยบริษัทฯ มีปัจจัยบวกจากปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าใหม่ ซึ่งได้มีการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมา อาทิ โครงการซื้อขายน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) กับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ปริมาณ 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เพื่อใช้ภายในโรงงาน GC ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) เป็นต้น”            ขณะที่ปริมาณยอดขายและบริหารน้ำในประเทศเวียดนาม ปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มียอดจำหน่ายน้ำรวมตามสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับ 9.5 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 26.8 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากปริมาณการจำหน่ายน้ำของโครงการ Doung River ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายพื้นที่การให้บริการ ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายน้ำเพิ่มขึ้นทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยบริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจำนวน 2 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า            ธุรกิจไฟฟ้า บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากการดำเนินงานจากการลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทร่วมค้าไม่นับรวมกำไร/ ขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 357 ล้านบาท และ 1,063 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้ารวมปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติของโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ลดลงจากการรับรู้การบันทึกต้นทุนถ่านหินที่สูงในช่วงก่อนหน้า และการแข็งค่าของเงินบาททำให้ได้รับค่า energy payment ลดลง            สำหรับธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ ลงนามในสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Rooftop เพิ่ม 24 สัญญา กำลังการผลิตรวม 13 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสม 269 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 944 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้ว 697 เมกะวัตต์ และที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 247 เมกะวัตต์            “บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานให้ได้สิทธิ์เป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed in Tariff เฟส 1 รวม 5 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์ ซึ่งได้มีการลงนามในสัญญาเสร็จสิ้นแล้ว 4 โครงการ จำนวน 85 เมกะวัต [PR News]

WHA ชี้โอกาสทอง! นักลงทุนต่างชาติจ่อย้ายฐานผลิตเข้าไทย

WHA ชี้โอกาสทอง! นักลงทุนต่างชาติจ่อย้ายฐานผลิตเข้าไทย

           WHA เผยเผยนโยบายกีดกันการค้าของโดนัลด์ ทรัมป์ หนุนโอกาสการย้ายฐานการผลิตจากจีนเข้าสู่ไทยเพิ่ม เผยประเทศไทยศักยภาพสูง EEC โอกาสเติบโต แย้มมีเจรจาขายที่หลายราย ตั้งแต่ 300-400 ไร่ต่อราย หวังปีนี้ตามเป้าที่ 2,500 ไร่ แย้มมีปรับขึ้นราคาขายที่ 20% มอง AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทำงาน            นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า ภายหลังจากผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024 ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 มีแนวโน้มที่นักลงทุนจะสนใจย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากนโยบายของทรัมป์ที่มุ่งเน้นการกีดกันการค้า เช่น การปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนถึง 60% ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนจากจีนและชาติอื่น ๆ พิจารณาการลงทุนในไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนยานยนต์) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์หรือเซมิคอนดักเตอร์ และกลุ่มคอนซูเมอร์ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า            ประเทศไทยได้รับความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งข้อมูลระหว่างเดือนมกราคมถึงกันยายน 2567 พบว่าคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านจำนวนโครงการและมูลค่าการลงทุน แสดงถึงศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย รวมถึงความเชื่อมั่นในนโยบายและมาตรการสนับสนุนการลงทุนของรัฐ            นางสาวจรีพรเผยเพิ่มเติมว่าปัจจุบันมีการเจรจากับลูกค้าหลายราย โดยมีความต้องการที่ดินตั้งแต่ 300-400 ไร่ต่อราย และคาดว่าดีลการซื้อขายจะสามารถปิดได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 ซึ่งจะสนับสนุนเป้าหมายยอดขายที่ดินของบริษัทให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 2,500 ไร่ ที่ผ่านมามีการปรับขึ้นราคาขายที่ดินไปกว่า 20% สอดคล้องกับสภาวะตลาดและราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้น            เดินหน้าพัฒนาธุรกิจดิจิทัล ตั้งเป้ายกระดับองค์กรสู่การเป็น Technology Company และก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Tech-Driven Organization) ในปี 2568 เพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจภายในกลุ่มและสร้างรายได้ใหม่จากแพลตฟอร์มดิจิทัล ล่าสุด WHA กำลังพิจารณานำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในหลายด้าน อาทิ Solar Anomaly Detection เพื่อตรวจจับและแก้ปัญหาของแผงโซลาร์อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมถึงโครงการ Green Logistics เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจ

WHA คว้ารางวัล Best Sustainability Awards

WHA คว้ารางวัล Best Sustainability Awards

          นางสาวจรีพร จารุกรสกุล (กลาง) ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA Group) รับรางวัล Best Sustainability Awards กลุ่มรางวัล Sustainability Excellence ในงาน SET Awards 2024 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยร่วมกับนิตยสารการเงินการธนาคาร ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมนี้ นายไกรลักขณ์ อัศวฉัตรโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ และนายณัฐพรรษ ตันบุญเอก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน WHA Group ให้เกียรติเข้าร่วมในกิจกรรมดังกล่าว ปีนี้นับเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันที่ WHA Group ได้รับรางวัลในกลุ่ม Sustainability Excellence           กลุ่มรางวัลประเภท Sustainability Excellence นี้ มอบให้กับบริษัทจดทะเบียนที่มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรตามแนวทางความยั่งยืน โดยดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ยึดมั่นในหลักบรรษัทภิบาล ใส่ใจในประเด็นด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนของการดำเนินงาน รวมถึงให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ควบคู่กับการสร้างผลประกอบการที่มั่นคงและยั่งยืน [PR News]

abs

Hoonvision

Data Center หนุน WHA - WHAUP รับประโยชน์ BBIK คลาวด์โตก้าวกระโดด

Data Center หนุน WHA - WHAUP รับประโยชน์ BBIK คลาวด์โตก้าวกระโดด

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) ได้จัดงาน KSS Cloud Connect : Data Center Day เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีการบรรยายจากวิทยากรที่มีชื่อเสียงสามท่าน ได้แก่ คุณวสุพล ธารกกาญจน์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาดและปฏิบัติการของไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย), คุณณัฐพรรษ ตันบุญเอก CFO ของ WHA และคุณพชร อารยะการกุล CEO ของ BBIK จากข้อมูลที่ได้รับ ได้ข้อสรุปสำคัญดังนี้ เริ่มต้นด้วย Data Center แห่งแรกของไมโครซอฟท์ในประเทศไทยจะทำให้มีความต้องการฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ที่เพิ่มขึ้นจากต้นทุนโมเดล AI ที่ถูกลงและการสนับสนุนจากภาครัฐ           บริษัทจะใช้โมเดลการลงทุนแบบ partnership และเช่า (leased model) พร้อมไปกับการพัฒนาทักษะ IT โดยตั้งเป้าหมายพลังงานสีเขียว 100% ภายในปี 2568 โครงการเหล่านี้เน้นความจำเป็นที่ภาคพลังงานของไทยต้องปรับตัวให้เข้ากับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากผู้ให้บริการคลาวด์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า WHA และ WHAUP จะได้ประโยชน์จากการขายที่ดินและสาธารณูปโภค ขณะที่ BBIK ยังคงเติบโตผ่านความก้าวหน้าของระบบคลาวด์และ AI

ก.ล.ต. นับ 1 Filing กองทรัสต์ WHAIR เพิ่มทุนครั้งที่ 4 มูลค่าไม่เกิน 1,118 ล้านบาท

ก.ล.ต. นับ 1 Filing กองทรัสต์ WHAIR เพิ่มทุนครั้งที่ 4 มูลค่าไม่เกิน 1,118 ล้านบาท

          กรุงเทพฯ - สำนักงาน ก.ล.ต เริ่มนับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ แบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (แบบไฟลิ่ง) สำหรับการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติม จำนวนไม่เกิน 120 ล้านหน่วย เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอาคารโรงงาน คลังสินค้า พื้นที่อาคารรวมทั้งสิ้น 40,172 ตารางเมตร ในนิคมอุตสาหกรรม WHA Group มูลค่าการลงทุนเพิ่มเติมไม่เกิน 1,118 ล้านบาท   พร้อมชูศักยภาพจุดยุทธศาสตร์โรงงานและคลังสินค้าให้เช่าชั้นนำของไทย ตั้งอยู่ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พื้นที่นำร่องในเฟสแรกเป็นต้นแบบ “สมาร์ท ซิตี้” หนุนมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ฯ สูงกว่า 14,000 ล้านบาท หลังลงทุนแล้วเสร็จปลายปี 2567           นางสาวจารุชา สติมานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ WHAIR เปิดเผยว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล หรือ WHAIR  เป็นกองรีทในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปัจจุบันลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า โดยทรัพย์สินตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group ณ สิ้นไตรมาส 2 ของปี 2567 WHAIR มีพื้นที่ทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการในปัจจุบัน 428,818 ตารางเมตร มีมูลค่าสินทรัพย์รวม 13,121.56 ล้านบาท และทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการในปัจจุบันมีอัตราการเช่าสูงถึง 93.5%           สำหรับทรัพย์สินที่กองทรัสต์ WHAIR จะเข้าลงทุนในครั้งนี้ เป็นการลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพสูง ของกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เป็นจุดเชื่อมต่อด้านการขนส่งสินค้าของประเทศในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ ท่าเรือแหลมฉบัง และถนนสายหลัก ทำให้การขนส่งและการกระจายสินค้ามีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านของระยะเวลาในการเดินทางและต้นทุน           โดยทรัพย์สินที่กองทรัสต์ WHAIR จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ เป็นการลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอาคารโรงงาน คลังสินค้า จำนวน 10 ยูนิต ใน 4 โครงการ พื้นที่รวมทั้งหมด 40,172 ตารางเมตร โดยสรุปข้อมูลแยกตามที่ตั้งของทรัพย์สินได้ ดังต่อไปนี้ สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทโรงงานจำนวน 6 ยูนิต ประกอบด้วยโรงงานแบบ Detached Building จำนวน 3 ยูนิต และโรงงานแบบ Attached Building จำนวน 3 ยูนิต ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทโรงงานแบบ Detached Building จำนวน 1 ยูนิต ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทโรงงานแบบ Attached Building จำนวน 1 ยูนิต ในโครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 1 สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทคลังสินค้าจำนวน 2 ยูนิต ในโครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 3           “ความโดดเด่นของกองทรัสต์ WHAIR คือสัดส่วนทรัพย์สินภายหลังการลงทุนเพิ่มเติมกว่า 90% ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนผลักดันให้เป็นพื้นที่นำร่องในเฟสแรกเป็นต้นแบบ “สมาร์ท ซิตี้” ส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนทั้งคนไทย และต่างชาติ ให้ความสนใจเช่าทั้งโรงงาน และคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในระยะยาว นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่จุดยุทธศาสตร์ศูนย์กลางการดำเนินธุรกิจซึ่งเป็นหัวใจหลักด้านโลจิสติกส์ที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย” อีกทั้งนิคมอุตสาหกรรมของ WHA ใน Eastern Seaboard เป็นพื้นที่ลงทุนของกลุ่มคลัสเตอร์ยานยนต์และชิ้นส่วน และเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญของประเทศไทย อาทิเช่น BYD, Changan, Mazda, Ford, Isuzu, Great Wall Motor และ MG เป็นต้น ซึ่งการเติบโตขึ้นของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV Cars) ในทำเลนี้ทำให้โรงงานและคลังสินค้าของ WHAIR ได้รับอานิสงค์จากความต้องการพื้นที่เช่าโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า จากธุรกิจที่เป็น Supply Chain ของ ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ           ด้าน นางสาวจิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)  ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินแและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHAIR เปิดเผยว่า การเพิ่มทุนของกองทรัสต์ WHAIR ในครั้งนี้ เป็นการลงทุนในจังหวะที่มีสัญญาณเชิงบวกจากการปรับลดของอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลก ซึ่งส่งผลต่อการฟื้นตัวในดัชนีราคาของกลุ่ม Property Fund & REIT ที่ทยอยปรับตัวในช่วงที่ผ่านมา โดยทรัพย์สินที่กองทรัสต์ WHAIR ลงทุนเพิ่มเติมในครั้งที่ 5 เป็นโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าสำเร็จรูป ที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group ในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ปัจจุบันได้รับอานิสงค์จากการย้ายฐานการผลิต และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่เป็นอานิสงค์บวกโดยตรงต่อทรัพย์สินประเภทโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าของ WHAIR โดยจะเห็นได้จากทรัพย์สินหลักที่ลงทุนในปัจจุบันที่มีอัตราการเช่า ณ สิ้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมาที่ 93.5% และทรัพย์สินหลักที่จะลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 5 มีอัตราการเช่าเต็มพื้นที่ 100% สะท้อนถึงทรัพย์สินที่ดีมีคุณภาพ และศักยภาพในการสร้างรายได้ ทั้งนี้ ภายหลังการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินครั้งนี้ จะส่งผลให้กองทรัสต์ WHAIR มีมูลค่าทรัพย์สินรวมสูงกว่า 14,000 ล้านบาท และมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 468,990 ตารางเมตร  โดยการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินครั้งนี้จะเพิ่มรายได้ให้แก่กองทรัสต์ และโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวให้แก่ผู้ลงทุน           ปัจจุบัน สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ แบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (แบบไฟลิ่ง) แล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์และร่างหนังสือชี้ชวนการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมสำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่ 4 ให้มีผลบังคับใช้ และคาดว่าจะสามารถเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนได้ภายในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2567 [PR News]

บล.ดาโอ แนะหุ้นควรมี

บล.ดาโอ แนะหุ้นควรมี "BDMS,SCB,AOT,WHA"

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มอง ตลาดหุ้นไทย มีแรงซื้อเข้ามาเรื่อยๆ อาจได้อานิสงค์จากการซื้อของกองทุน วายุภักษ์ด้วย หากดัชนีฯ ผ่าน 1470 จุดไปได้ จะยืนยันการปรับฐานจบ            กลยุทธ์ ภาพรวมเป็น “ถือ” ควรพร้อมหรือเลือกซื้อหุ้นที่แข็งแกร่งเหนือตลาด หรือจะเป็นกลุ่มที่เป็น high dividend yield หากตลาดมีสัญญาณกลับตัว(ขึ้น) ด้วยเหตุผลใดก็ตาม หุ้น 3 ตัว ที่ควรมี BDMS, SCB , AOT และ WHA หุ้นในพอร์ตวันนี้ BDMS, TRUE*, CPALL เข้ามาใหม่ หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย BDMS (1 5 %) , TRUE*(1 0 %) , CPALL(1 5 %) , SISB (10%) , WHA(10%) , GULF (20%)

SET ลุ้นดัชนี 1,470 จุด เงินบาทชะลออ่อนค่า หนุนแรงขายต่างชาติลด

SET ลุ้นดัชนี 1,470 จุด เงินบาทชะลออ่อนค่า หนุนแรงขายต่างชาติลด

           หุ้นวิชั่น - ทีมช่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า SET ยังรอปัจจัยหนุนใหม่ ซึ่งคาดหวังจากมาตรการด้านการคลังของจีนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในวันเสาร์นี้ ขณะที่เงินบาทที่ชะลอการอ่อนค่า ส่งผลดีให้แรงขายต่างชาติลดลง ทำให้คาดดัชนีมีโอกาสขึ้นทดสอบจุดสูงเดิมบริเวณ 1470 จุด ส่วนกรอบล่างคาดแนวรับ 1450 และ 1440 จุด ยังรองรับได้ ประเด็นสำคัญ วันนี้ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ เลือกหุ้นเด่น            WHA: มีมุมมองบวกต่อ backlog จนถึงปี 2568 โดยคาดกำไรจะเติบโต 12.7% ในปี 2567 และ 16.2% ในปี 2568 ด้วย FDI และการออกบัตรส่งเสริมที่ยังเติบโตต่อเนื่องในปี 2567 อีกทั้งเชื่อว่า WHA อยู่ในตำแหน่งที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดรายหนึ่งเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในกลุ่มนิคมฯ            DELTA: 2H67 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น HoH และ YoY จากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่ยังคงเติบโตดี อีกทั้งยังมี upside จากการพัฒนาและการขายผลิตภัณฑ์ power supply ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่พัฒนาโดย DELTA Thailand เอง ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่ต้องจ่ายค่า technical fee ให้กับทาง DELTA Taiwan ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อวันนี้ไม่เกิน 112 บาท

“โกลเบล็ก” คัดหุ้นธีมลงทุน Data Center

“โกลเบล็ก” คัดหุ้นธีมลงทุน Data Center

          กรุงเทพฯ - บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทย Sideway Up จากแรงหนุนเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ 1 เริ่มลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 1 ต.ค. และเริ่มซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 7 ต.ค. และล่าสุด Google ประกาศแผนลงทุน Data Center ในไทย หนุนดัชนีในเดือนตุลาคมเคลื่อนไหวในกรอบ 1,400-1,480 จุด และกลยุทธ์ลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลงทุน Data Center ได้แก่ WHA, ADVANC, GULF, TRUE และ INSET           นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนตุลาคม 2567 มีโอกาสปรับตัวขึ้นในลักษณะ Sideway Up โดยมีแรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ 1 เริ่มลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 1 ต.ค. และเริ่มซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 7 ต.ค.ประกอบกับมีแรงหนุนจาก Google ประกาศแผนลงทุน Data Center ในประเทศไทย 3.6 หมื่นล้านบาทภายในปี 2572 จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,400-1,480 จุด           นอกจากนี้ทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าระหว่างวันที่ 1-7 ต.ค. 2567 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดในวันชาติจีน (Golden Week) จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังประเทศไทยประมาณ 1.32-1.83 แสนคน เพิ่มขึ้น 57-144% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 คาดว่าจะสร้างรายได้ทาง การท่องเที่ยวประมาณ 3,710-5,180 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 58-121%           ขณะที่ทางธนาคารกลางจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ทั้งลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีน ลง 0.30% สู่ระดับ 2.00% ลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.50% สู่ระดับ 6.6% ซื้อคืนพันธบัตร (reverse repo) ระยะ 7 วัน มูลค่า 1.82 แสนล้านหยวน (ราว 2.596 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่อัตราดอกเบี้ย 1.5% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับสถาบันการเงิน  รวมทั้งสั่งการให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านเดิมที่ยังผ่อนไม่หมด (existing home loan) ก่อนวันที่ 31 ต.ค. เพื่อฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์           ด้านปัจจัยในประเทศที่ยังคงต้องจับตาต่อ ได้แก่ วันนี้ (2 ต.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.), วันที่ 7 ต.ค. กองทุนวายุภักษ์ เริ่มซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์, สัปดาห์ที่ 2 กระทรวงพาณิชย์แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า  สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและอัพเดตสถานการณ์ลงทุน, สัปดาห์ที่ 2 หอการค้าไทยร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย, สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม, วันที่ 16 ต.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 5/2567, สัปดาห์ที่ 4 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์, กระทรวงพาณิชย์แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย, สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค  ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค, สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม, วันที่ 30 ต.ค.รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉบับย่อ และวันที่ 31 ต.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย           ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศที่น่าจับตาวันที่ 1-7 ต.ค. ตลาดหุ้นจีนปิดทำการเนื่องในวันชาติจีน,วันนี้ (2 ต.ค.) อียู รายงานอัตราว่างงานเดือนส.ค., สหรัฐ รายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์, วันที่ 3 ต.ค. สหรัฐ รายงานดัชนีภาคบริการเดือนก.ย., วันที่ 4 ต.ค. สหรัฐ รายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย., วันที่ 23 ต.ค. สำนักข่าว CNN จัดโต้วาทีครั้งที่ 2 สำหรับผู้เข้าชิงตำแหน่งปธน.สหรัฐ, วันที่ 5 พ.ย. วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐและ วันที่ 6-7 พ.ย. ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ           ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลงทุน Data Center  ได้แก่ WHA, ADVANC, GULF, TRUE และ INSET           ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในเดือนตุลาคมว่า ราคาทองคำมีโอกาสพักตัว โดยให้ระวังแรงขายทำกำไรหลังประธานเฟดส่งสัญญาณไม่รีบร้อนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากตัวเลขเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมามีสัญญาณชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง  ทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งต่อไป อย่างไรก็ตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง และปัจจัยทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ยังคงเป็นปัจจัยหนุนทองคำ มองกรอบทองคำเดือนนี้ 2,530 – 2,700 $/Oz คาดว่ามีโอกาสทดสอบแนวรับ

[PR News] WHA คว้ารางวัล Best Companies to work for in Asia 2024

[PR News] WHA คว้ารางวัล Best Companies to work for in Asia 2024

          กรุงเทพฯ 2 ตุลาคม 2567  คุณณัฐพรรษ ตันบุญเอก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และคุณดิสพงศ์ พรชนกนาถ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) รับมอบ 2 รางวัลระดับสากลได้แก่  “HR Asia: Best Companies to Work for in Asia” และรางวัล “HR Asia: Sustainable Workplace Awards”  จัดโดย HR Asia นิตยสารชั้นนำด้านทรัพยากรบุคคลของภูมิภาคเอเชีย ตอกย้ำการเป็นองค์กรที่น่าทำงานด้วย และการเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจตอบโจทย์ความยั่งยืนในระดับสากล ณ ทรู ไอคอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม           โดย รางวัล “HR Asia: Best Companies to Work for in Asia” เป็นรางวัลที่มอบให้กับองค์กรที่โดดเด่นในฐานะนายจ้างชั้นนำจากการเป็นบริษัทที่มีแนวปฏิบัติด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลที่ยอดเยี่ยม ทั้งในด้านการดูแลพนักงาน การสร้างความพึงพอใจในการทำงาน และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อการเติบโตและการมีส่วนร่วมของพนักงาน และรางวัล “HR Asia: Sustainable Workplace Awards” เป็นรางวัลที่มอบให้กับองค์กรที่มีความโดดเด่นในด้านการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืน ครอบคลุมการรักษาความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งความยั่งยืนให้เกิดขึ้นภายในองค์กร           องค์กรที่ได้รับรางวัลนี้ต้องผ่านการประเมินจากเครื่องมือ Total Engagement Assessment Model (TEAM) ซึ่งช่วยให้องค์กรเข้าใจความต้องการของพนักงาน อีกทั้งยังต้องผ่านการประเมินและสัมภาษณ์ผู้บริหารและตัวแทนองค์กรจากคณะกรรมการของ HR Asia โดย WHA เป็นหนึ่งในองค์กรของไทยที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ นับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงาน ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมตามพันธกิจ WHA: WE SHAPE THE FUTURE