ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#True


TRUE เสนอขายหุ้นกู้อายุ 3 - 10 ปี ชูดอกเบี้ยคงที่ 3.00-3.95%

TRUE เสนอขายหุ้นกู้อายุ 3 - 10 ปี ชูดอกเบี้ยคงที่ 3.00-3.95%

          หุ้นวิชั่น - กรุงเทพฯ : 21 มีนาคม 2568 - บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE บริษัทโทรคมนาคมเทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย และอันดับ 1 ของโลกด้านความยั่งยืน ด้วยคะแนน DJSI 2024 สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป จำนวน    5 ชุด อายุตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง [3.00 – 3.95]% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากทริสเรทติ้ง สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ ทรู คอร์ปอเรชั่น ในธุรกิจโทรคมนาคมและธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล คาดเปิดให้จองซื้อระหว่าง วันที่ 2 และวันที่ 6-7 พฤษภาคม 2568 ผ่าน 7 สถาบันการเงินชั้นนำได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ซีไอเอ็มบี ยูโอบี บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส รวมถึงการขายผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้           นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทรู คอร์ปอเรชั่น ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีของไทย สำหรับการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทคซึ่งดำเนินมาครบ 2 ปีในขณะนี้ ได้เสริมสร้างศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ส่งผลให้บริษัทฯ เติบโตอย่างยั่งยืน โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมรายได้ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ IC)  1.66 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.6% มี EBITDA 9.81 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิ (ภายหลังการปรับปรุง) 9.9 พันล้านบาท โดย EBITDA เติบโตต่อเนื่อง 8 ไตรมาสติดต่อกัน สำหรับปี 2568 คาดว่าจะเป็นปีที่บริษัทเริ่มมีผลกำไรสุทธิหลังหักภาษี”           นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ประกาศปรับโครงสร้างผู้บริหารเพื่อเสริม         ความแข็งแกร่งของทีมผู้นำและร่วมขับเคลื่อนบริษัทให้เติบโตทัดเทียมบริษัทชั้นนำระดับโลก โดยแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญ 3 ตำแหน่ง ได้แก่ Group CEO  ดูแลบริหารงานขับเคลื่อนด้านยุทธศาสตร์ภาพรวมของบริษัท     President/CEO – Enterprise & Data Business ดูแลสายงานในกลุ่มธุรกิจดิจิทัล ออนไลน์ ทรูวิชั่นส์ ดาต้าและ     กลุ่มลูกค้าองค์กร เพื่อปรับโฉมด้านดิจิทัลของทรูให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต  ส่วน President/CEO – Consumer Business รับผิดชอบกลุ่มธุรกิจโมบายล์และงานบริการลูกค้า การปรับโครงสร้างครั้งนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ในการเตรียมพร้อมรับความท้าทายในอนาคตและเสริมสร้างสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น           บริษัทฯ และหุ้นกู้ที่จะเสนอขายในครั้งนี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 สะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เสริมทัพด้วยโครงข่ายทั่วประเทศ ชุดคลื่นความถี่ที่ครอบคลุม และชื่อแบรนด์ที่ผู้บริโภคคุ้นเคย  อีกทั้งปัจจัยบวกจากประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการควบรวม รวมถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นในอนาคตอีกด้วย           ทางด้านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้กล่าวเพิ่มเติมว่า “หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา และมีการคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ทำให้ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนในการสะสมหุ้นกู้ เพื่อล็อคผลตอบแทนไว้ก่อนที่จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยลงอีก โดยเฉพาะนักลงทุนที่นิยมลงทุนในหุ้นกู้ที่มีคุณภาพสูง และด้วยอันดับความน่าเชื่อถือสูงที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” ของทรู หุ้นกู้ทรูจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในช่วงนี้”           หุ้นกู้ครั้งนี้จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) จำนวน 5 ชุด โดยมีอายุหุ้นกู้ให้เลือกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี ครอบคลุมผู้ลงทุนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ต้องการลงทุนระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาว วัตถุประสงค์ในการ     ออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อชำระคืนหนี้จากการออกตราสารหนี้ โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ และคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 2 และ    วันที่ 6-7 พฤษภาคม 2568 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท บริษัทฯ เชื่อว่าหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยหุ้นกู้ทั้ง 5 ชุดที่เสนอขาย มีรายละเอียดดังนี้ หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.00 - 3.15]% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.30 - 3.45]% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.45 - 3.60]% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.65 - 3.80]% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 5 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.80 - 3.95]% ต่อปี และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดได้ตั้งแต่หุ้นกู้ครบปีที่ 5 เป็นต้นไป           ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th หรือ สอบถามรายละเอียดที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 7 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือ โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02 888 8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 777 6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 626 7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอป CIMB Thai ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 285 1555 บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02 680 4004 บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02 165 5555 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปฯ Dime! และรวมถึง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)           สำหรับผู้สนใจจองซื้อหุ้นกู้ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.truemoney.com หรือติดต่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด โทร. 1240 กด 6

TRUE จับมือ ททท. กระตุ้นการใช้จ่ายนทท.  ชูแคมเปญ “Grand Songkran Grand Privileges”

TRUE จับมือ ททท. กระตุ้นการใช้จ่ายนทท. ชูแคมเปญ “Grand Songkran Grand Privileges”

          หุ้นวิชั่น - กรุงเทพฯ 20 มีนาคม 2568 – เพื่อต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 ที่กำลังจะมาถึง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE โดย  นางสรรค์พิจิตร เอี่ยมชีรางกูร หัวหน้าสายงานบริหารความสัมพันธ์และผสานสิทธิประโยชน์ลูกค้า ขานรับ นโยบาย ททท. โดยนางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ ร่วมยกระดับประสบการณ์นักท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ กระตุ้นการเดินทางและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไปกับแคมเปญพิเศษ “Grand Songkran Grand Privileges” มอบประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบาย เชื่อมต่อไร้รอยต่อ พร้อมสิทธิประโยชน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ การเดินทาง ที่พัก อาหาร แฟชั่น และความบันเทิง สามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษเพื่อเก็บดีลจาก Splash Box ผ่านเว็บไซต์ www.grandsongkrangrandprivilege.com โดยจะเปิดให้บริการในวันที่ 20 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป และสามารถใช้ดีลสิทธิพิเศษได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 เมษายน 2568           นางสรรค์พิจิตร เอี่ยมชีรางกูร หัวหน้าสายงานบริหารความสัมพันธ์และผสานสิทธิประโยชน์ลูกค้า บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เพื่อส่งมอบความสุขให้ลูกค้าทรูและดีแทคทุกพื้นที่ทั่วไทย ให้ทั่วถึง ทุกคน ทรูจึงเดินหน้ายกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พัฒนาเครือข่าย 5G ทั่วประเทศไทย เพิ่มประสบการณ์ใช้งานของลูกค้าทุกพื้นที่สู่ระดับเวิลด์คลาส สำหรับเทศกาลสงกรานต์ซึ่งถือเป็นปีใหม่ของคนไทย และเป็นเทศกาลที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางมาร่วมฉลองประเพณีไทยและร่วมเล่นน้ำสงกรานต์ ซึ่งทรู ไม่เพียงแต่มอบเครือข่ายที่ดีที่สุดให้กับนักท่องเที่ยว แต่ยังเข้าใจไลฟ์สไตล์ของนักเดินทางยุคใหม่ ที่ต้องการความสะดวกสบายและความต่อเนื่องในการใช้ชีวิตดิจิทัล 5G ครอบคลุมทั่วประเทศ รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทั้งในสนามบิน สถานีขนส่ง และจุดท่องเที่ยวสำคัญ  โดยมีทีมวิศวกรเน็ตเวิร์ก   standby ประจำศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ (BNIC) พร้อม AI และหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ (War Room) เพิ่มประสิทธิภาพความเชื่อมั่นเครือข่าย 5G, 4G และอินเทอร์เน็ตบ้าน พร้อมดูแลและบริหารเครือข่ายครอบคลุมทุกบริการ 24 ชั่วโมง  เราต้องการให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเที่ยวเมืองไทย’ ด้วยเครือข่าย และสิทธิพิเศษที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์  ครั้งนี้ร่วมมือกับ ททท. มอบสิทธิประโยชน์ให้กับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นสายเที่ยว สายชิล สายกิน หรือสายดิจิทัล ทรูพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับทุกคน  โดยทรู มอบสิทธิพิเศษ ในโครงการ ‘Grand Songkran Grand Privileges’ ดังนี้ รับฟรีซิมทัวริสต์ เพียงแสดง Promo Code จากโครงการฯ เพื่อรับซิมฟรีหรือส่วนลดค่าซิมมูลค่า 49 บาท (จำกัด 1 สิทธิ์/ 1 หนังสือเดินทาง/ 1 Promo Code) รับฟรีชุดเสื้อกางเกงลายช้าง เมื่อซื้อซิมนักท่องเที่ยวมูลค่า 699 บาทขึ้นไป และแสดง Promo Code ที่เคาน์เตอร์ทรูหรือดีแทคที่ร่วมรายการ รับฟรีซองกันน้ำ เมื่อซื้อซิมนักท่องเที่ยวมูลค่า 349 บาทขึ้นไป และแสดง Promo Code มาพร้อมสิทธิพิเศษหลังเปิดใช้งานซิม โบนัสโทรฟรีมูลค่า 100 บาท สำหรับโทรไปยัง 7 ประเทศ ได้แก่ จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน อินเดีย เกาหลีใต้ และเวียดนาม ส่วนลดพิเศษจากพันธมิตร สำหรับลูกค้าซิมทรูและดีแทคทัวริสต์ อาทิ ส่วนลดเครื่องดื่มเต่าบินสูงสุด 25% ส่วนลด 50% สำหรับเครื่องดื่มและไอศกรีมที่ร้าน Burger King และ Bonchon ในสนามบินที่ร่วมรายการ ส่วนลดบริการ Grab สูงสุด 1,050 บาท ส่วนลด 300 บาท เมื่อซื้อสินค้าที่ Lotus’s ครบ 1,000 บาท เป็นต้น           ทั้งนี้ลูกค้าทรูและดีแทคยังสามารถรับของขวัญและสิทธิพิเศษเพิ่มเติมตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ไม่ว่าจะเป็นดีลพิเศษ กล่องสุ่ม และกิจกรรมลุ้นโชค ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางแอปทรูไอดี ดีแทคแอป หรือ https://ttid.co/OiLl/SplashTogether           เตรียมสุขสุดแกรนด์ไปด้วยกัน Let’s Splash Together!

TRUE ชู TSEWS  นำเทคโนโลยี ลดขัดแย้ง คน-ช้าง

TRUE ชู TSEWS นำเทคโนโลยี ลดขัดแย้ง คน-ช้าง

          13 มีนาคม วันช้างไทย ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE นำโซลูชัน TSEWS ลดความขัดแย้ง เชื่อมความผูกพันช้างกับคนสู่การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล           หุ้นวิชั่น - “ช้าง” นับเป็นสัตว์ป่าผูกพันกับวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์ไทยมาอย่างยาวนาน เป็นสัญลักษณ์แห่งพระราชอำนาจของกษัตริย์ เป็นพาหนะในการออกศึก และเป็นขุมพลังที่มีบทบาทสำคัญในการทำงานร่วมกับคนไทยทั้งขนส่งและลากจูงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก่อนที่เครื่องจักรจะเข้ามาแทนที่ ด้วยความสำคัญอันยิ่งใหญ่นี้ วันที่ 13 มีนาคมของทุกปีจึงถูกกำหนดให้เป็น "วันช้างไทย" เพื่อรำลึกถึงคุณูปการของช้างที่ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของชาติไทย           ปัจจุบัน ประเทศไทยมีช้างป่าประมาณ 4,000 กว่าตัว กระจายอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ 91 แห่งทั่วประเทศ ช้างเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่ผูกพันกับคนไทยมายาวนาน แม้จำนวนช้างป่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นเรื่องดี แต่ในขณะเดียวกัน พื้นที่ป่าซึ่งเป็นบ้านของช้างกลับมีขนาดลดลงเนื่องจากการขยายตัวของพื้นที่เกษตรกรรมและชุมชนที่เพิ่มมากขึ้นตามจำนวนประชากรมนุษย์ ทำให้เกิดการทับซ้อนของพื้นที่อาศัยระหว่างคนกับช้าง           เมื่อพื้นที่ป่าลดลง จึงเริ่มเป็นสาเหตุทำให้ช้างต้องออกมาหาอาหารในพื้นที่เกษตรกรรมและชุมชน จนนำมาซึ่งความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง หรือที่เรียกว่า Human-Elephant Conflict (HEC) ซึ่งเป็นปัญญาทั่วโลกของประเทศที่มีช้างป่า ผลแห่งความขัดแย้งนำมาสู่ความสูญเสียทั้งสองฝ่าย ทั้งพืชผลทางการเกษตรที่ถูกทำลาย ทรัพย์สินที่เสียหาย และในบางกรณีนำมาสู่การบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของทั้งคนและช้าง จากสถิติทั่วไทยในช่วงปี 2555-2567 มีผู้เสียชีวิตจากการปะทะกับช้างป่าถึง 227 ราย และมากกว่า 1.5 แสนครัวเรือนได้รับผลกระทบ ขณะที่ช้างจำนวนไม่น้อยต้องบาดเจ็บหรือตายจากการที่คนพยายามปกป้องพืชผลและทรัพย์สินของตน           ในอดีตการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างมักเป็นวิธีการดั้งเดิม เช่น การขุดคูแนวกันช้าง การติดตั้งรั้วไฟฟ้าแรงต่ำ การจัดอาสาสมัครเฝ้าระวัง หรือการปลูกพืชที่ช้างไม่ชอบเป็นแนวกันชน แต่วิธีการเหล่านี้มีข้อจำกัด ทั้งในแง่ประสิทธิภาพ ต้นทุน และความยั่งยืน บางครั้งแนวกั้นหรือรั้วกันช้างก็ไม่สามารถหยุดช้างที่หิวโหยได้ ขณะที่การผลัดเวรเฝ้าระวังก็เป็นภาระหนักอึ้งสำหรับชาวบ้านที่ต้องทำมาหากินในตอนกลางวันและพักผ่อนในเวลากลางคืน           แต่ในยุคดิจิทัล นวัตกรรมได้เกิดขึ้นเมื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ 5G, AI และ IoT เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาสู่โซลูชันแก้ไขปัญหาที่ยาวนานนี้ โดย ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำของไทย และบริษัทอันดับ 1 ของโลกด้านความยั่งยืน ด้วยคะแนน DJSI 2024 สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ได้จับมือกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) ประเทศไทย ออกแบบพัฒนาระบบเตือนภัยอัจฉริยะที่เรียกว่า "True Smart Early Warning System" หรือ TSEWS ขึ้นมาเป็นครั้งแรก           ระบบ TSEWS นี้ไม่ใช่เพียงแค่เทคโนโลยีธรรมดา แต่เป็นนวัตกรรมจาก Tech For Good เพื่อสังคมยั่งยืน ที่ผ่านการวิเคราะห์จาก Insights โดยผสมผสานนวัตกรรมหลายอย่างเข้าด้วยกัน ทั้งเครือข่าย 5G และ 4G ที่ให้การเชื่อมต่อแม้ในพื้นที่ห่างไกล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถวิเคราะห์ภาพและแยกแยะช้างได้อย่างแม่นยำ เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และกล้องอัจฉริยะ (Camera Trap) ที่ทำงานบนเทคโนโลยีแนวคิด IoT ระบบแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ที่ส่งข้อมูลไปยัง War room ของเจ้าหน้าที่ และระบบคลาวด์ที่จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลมหาศาลเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของช้าง           ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปัจจุบันมีช้างป่าอาศัยอยู่ประมาณ 400 ตัว ท่ามกลางชุมชนที่มีประชากรมากกว่า 2 หมื่นคน เกือบ 4 พันครัวเรือน สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และสัตว์ป่าขนาดใหญ่ ที่นี่เคยเป็นพื้นที่ที่มีประวัติความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างสูง เนื่องจากล้อมรอบด้วยสวนสับปะรดและพืชไร่ที่ช้างชื่นชอบ           ข้อมูลสถิติแสดงให้เห็นว่า จำนวนครั้งที่พบช้างบุกรุกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จาก 255 ครั้งในปี 2560 เป็น 992 ครั้งในปี 2567 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ความเสียหายกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด จาก 190 ครั้งในปี 2560 และสูงสุดที่ 226 ครั้งในปี 2561 มาเป็นเพียง 3 ครั้งในปี 2562 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการติดตั้งโซลูชัน True Smart Early Warning System (TSEWS) และล่าสุดในปี 2567 ไม่มีรายงานความเสียหายเลยแม้แต่ครั้งเดียว           ความสำเร็จของโครงการนำร่องที่เริ่มต้นในปี 2562 นี้ จึงเป็นตัวอย่างของการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับช้าง (Human-Elephant Conflict หรือ HEC) ที่มีประสิทธิภาพสูง แม้จำนวนช้างจะเพิ่มขึ้นจาก 300 ตัวเมื่อเริ่มโครงการ เป็นประมาณ 400 ตัวในปัจจุบัน และการพบเจอช้างจะมีความถี่มากขึ้นเกือบสี่เท่า แต่ด้วยระบบเตือนภัยล่วงหน้าอัจฉริยะ TSEWS ทำให้ชุมชนและช้างสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน           "เมื่อก่อนเราต้องคอยระวังตลอดเวลาไม่รู้ว่าช้างจะมาเมื่อไร จุดไหน" รมมุก เพียจันทร์ Senior Leader, Project Development ส่วนงานพัฒนาที่ยั่งยืน บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เล่า "ตอนนี้เราสามารถรู้ได้ทันทีจากโซลูชัน TSEWS ทำให้มีเวลาเตรียมตัว เพราะระบบจะแจ้งเตือนล่วงหน้าเมื่อช้างบุกรุกนอกพื้นที่ป่าสู่ชุมชน เราจึงปฏิบัติการช่วยผลักดันช้างกลับเข้าป่าได้อย่างก่อนที่จะเกิดเหตุความสูญเสีย”           จากความสำเร็จเกินคาด ทรู คอร์ปอเรชั่น จึงได้ขยายโครงการ TSEWS ไปยังพื้นที่อื่นๆ ที่มีปัญหา HEC ได้แก่ พื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ภายใต้ภายใต้โครงการคชานุรักษ์ ซึ่งครอบคลุม 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา จันทบุรี ระยอง ชลบุรี และสระแก้ว           แต่ละพื้นที่มีความท้าทายที่แตกต่างกัน ทั้งภูมิประเทศ ลักษณะชุมชน และพฤติกรรมของช้างป่า ทรู คอร์ปอเรชั่น จึงปรับปรุงระบบ TSEWS ให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ โดยมีการพัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง ในเขตพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ได้นำ AI มาผสานโซลูชันสำหรับการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ของช้างแต่ละตัว เพื่อวิเคราะห์แยกแยะช้างจากลักษณะเฉพาะ เช่น รูปร่างของหู หรือหาง และสามารถระบุช้างที่มีประวัติทำลายพืชผลบ่อยครั้ง ทำให้ เจ้าหน้าที่สามารถเฝ้าระวังเป็นพิเศษ           รมมุก กล่าวด้วยความภาคภูมิใจต่อไปว่า "เทคโนโลยีการสื่อสารไม่เพียงเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน แต่ยังสามารถสร้างความสมดุลระหว่างมนุษย์กับสัตว์ป่าและธรรมชาติ ระบบ TSEWS ของเราช่วยให้ชุมชนและช้างป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน โดยลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง หรือ Human-Elephant Conflict (HEC) ซึ่งเป็นความท้าทายระดับโลก เรานำนวัตกรรมมาสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับทั้งชุมชนและช้างป่า นำไปสู่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตรต่อกันและกัน"           ความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบ TSEWS ของทรู คอร์ปอเรชั่น ไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ ระบบดังกล่าวสามารถนำมาวิเคราะห์แนวโน้มการเคลื่อนที่ และเส้นทางเดินของช้าง และแจ้งเตือนล่วงหน้า นอกจากนี้ นอกจากช่วยตรวจการบุกรุกของช้างป่าแล้ว ยังสามารถนำมารวบรวมข้อมูลพฤติกรรมและการเคลื่อนที่ของช้างเพื่อประโยชน์ในการวิจัยและอนุรักษ์           แน่นอนว่า แม้ความท้าทายในการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้างยังคงอยู่ แต่ด้วยความร่วมมือจากทรู คอร์ปอเรชั่น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ WWF-ประเทศไทย ที่มุ่งมั่นสานต่อภารกิจนี้ ภาพแห่งความขัดแย้งจะค่อยๆ เลือนหาย แทนที่ด้วยสายใยแห่งความผูกพันอันยาวนานระหว่างคนไทยกับช้างป่า เพื่อให้ลูกหลานไทยได้สืบสานความภาคภูมิใจในสัตว์คู่บ้านคู่เมืองที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ของชาติไทยตลอดไป [PR News]

จับตา ประมูลคลื่นความถี่ ปี68 สะเทือนหุ้น ICT แค่ไหน?

จับตา ประมูลคลื่นความถี่ ปี68 สะเทือนหุ้น ICT แค่ไหน?

            หุ้นวิชั่น - บล.เคจีไอ จับตาคณะกรรมการ กสทช. กำลังทบทวนแนวทางการประมูลคลื่นความถี่โทรศัพท์เคลื่อนที่สำหรับปี 2568 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันที่จำกัด เนื่องจากมีผู้ให้บริการหลักเพียง 2 ราย ขณะที่การประมูลด้วยราคาขั้นต่ำ 1.2103 แสนล้านบาท อาจเกิดการผูกขาดได้ ตามที่สภาผู้บริโภค (Consumer Council) ระบุ ซึ่งคัดค้านการประมูลเพราะอาจเกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมและ ARPU มือถือที่เพิ่มขึ้น เมื่อพิจารณาถึงความกังวลเหล่านี้และโอกาสการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น             ฝ่ายวิจัยจึงปรับลดน้ำหนักลงทุนกลุ่ม ICT ลง “เท่ากับตลาดฯ” จากเดิม “มากกว่าตลาดฯ” โดยยังเลือก TRUE เป็นหุ้นเด่นใน Q2/68 ด้วย valuation และโมเมนตัมที่เหนือกว่า ADVANC อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยยังกังวลต่อกลุ่ม ICT จากการประมูลคลื่นความถี่อาจลดความคาดหวังในการประหยัดต้นทุนและทำให้กระแสเงินสดอิสระอ่อนแอลง             ด้านบล.หยวนต้า มีมุมมองว่าการประมูลจะเป็นบวกต่ออุตสาหกรรมในด้านโอกาสปรับโครงสร้างต้นทุนให้ลดลงอย่างมีนัยยะ โอกาสที่เงื่อนไขจะถูกปรับจนเข้มข้นมากต่ำมาก ขณะที่หุ้น ทั้ง  ADVANCE แนะนำ ซื้อให้ราคาเป้าหมายที่ 296 บาท และ TRUE แนะนำ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 14.00 บาท ปรับลดลงมาจน Upside กลับมาเปิดกว้างอีกครั้งบนประมาณที่ยังไม่ได้ถูกตลาดปรับขึ้นจากการประมูลคลื่น ทำให้ฝ่ายวิจัยมองเป็นโอกาส เริ่มทยอยกลับเข้าสะสมหุ้นรอบใหม่

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

TRUE ร่วง 6.36% โบรกยันสั่ง “ขาย” ห่วงค่าใช้จ่ายประมูลคลื่นฯ สูง   

TRUE ร่วง 6.36% โบรกยันสั่ง “ขาย” ห่วงค่าใช้จ่ายประมูลคลื่นฯ สูง   

           หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บล.ทิสโก้ ยืนยันคำแนะนำ "ขาย" ซึ่งมุมมองตลาดยังคงมีมุมมองที่ดีเกินไปเกี่ยวกับ TRUE ทั้งในแง่ศักยภาพการทำกำไร และผลลัพธ์ของการประมูลคลื่นความถี่ที่กำลังจะมาถึง แม้ว่ายังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อภาพรวมของภาคบริการโทรคมนาคมไทย แต่ชอบ ADVANC มากกว่า TRUE เนื่องจากงบดุลที่แข็งแกร่งกว่า และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงกว่า จึงยืนยันคำแนะนำ "ขาย" สำหรับ TRUE โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 10.00 บาท คาดการณ์การเติบโตที่ระมัดระวังมากขึ้น            มีมุมมองที่ระมัดระวังเล็กน้อยเกี่ยวกับการเติบโตของกำไรสำหรับปี 2568 เมื่อเทียบกับแนวทางของผู้บริหาร ประมาณการกำไรสำหรับปี 2568-2570 ยังต่ำกว่า consensus 8%, 17% และ 19% ตามลำดับ คาดการณ์การเติบโตของรายได้จากบริการหลักในปี 2568 ที่เพียง 1% เทียบกับเป้าหมายของ TRUE ที่ 2-3% และการเติบโตของ EBITDA ที่ 6% เทียบกับเป้าหมายของ TRUE ที่ 8-10% ชี้ให้เห็นถึงอุปสรรค 3 ประการที่อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตในปีนี้ 1) การได้ลูกค้าใหม่ที่ชะลอตัวและการสิ้นสุดวงจรการเพิ่มขึ้นของ ARPU โดยมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่หยุดนิ่งและความเท่าเทียมกันของแพ็กเกจเป็นความท้าทายที่ต่อเนื่อง 2) มุมมองที่ท้าทายสำหรับรายได้ PayTV เนื่องจากการแข่งขันที่สูง และการยุติใบอนุญาต EPL 3) การลดต้นทุนเพิ่มเติมทำได้จำกัดในระดับ EBITDA เนื่องจากมาตรการประหยัดต้นทุนส่วนใหญ่ได้ถูกนำมาใช้และสะท้อนในปี 2567 แล้ว ความคาดหวังสำหรับผลลัพธ์การประมูลคลื่นความถี่จำเป็นต้องสมจริงมากขึ้น            ไม่คาดว่าจะเกิดสงครามราคาประมูลที่รุนแรง แต่เชื่อว่าตลาดยังคงมีมุมมองที่ดีเกินไปเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการประมูลคลื่นความถี่ (น่าจะเกิดขึ้นใน 2Q68) โดยคาดหวังสถานการณ์ที่ดีที่สุดโดยไม่มีความต้องการที่ทับซ้อนกันระหว่าง TRUE และ ADVANC ทั้งนี้คาดการณ์ว่าจะมีการแข่งขันในระดับหนึ่ง และไม่คาดว่าราคาประมูลสุดท้ายจะอยู่ที่ราคาสงวนที่ประกาศไว้ สถานการณ์พื้นฐานคาดว่า TRUE จะได้รับคลื่นความถี่ 2300MHz กลับมา โดยมีราคาสูงกว่าราคาสงวน 30% ซึ่งยังคงต่ำกว่าราคาสงวนของคลื่นความถี่ 1800MHz ถึง 61% ซึ่งถือว่าเป็นคลื่นทดแทนสำหรับคลื่นความถี่ 2300MHz การวิเคราะห์ความอ่อนไหว ระบุว่ามีความเสี่ยงด้าน downside 10% ต่อ NAV หากราคาประมูลสุดท้ายสำหรับคลื่นความถี่ 2300MHz ตรงกับราคาสงวนของคลื่นความถี่ 1800MHz การประเมินมูลค่าไม่ถูก              การประเมินมูลค่าก็ไม่ถูกเช่นกัน ปัจจุบัน TRUE ซื้อขายที่ EV/EBITDA ปี 2568 ที่ 7.6 เท่า สูงกว่าบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 7% แม้ว่าจะมีการคาดการณ์การเติบโตของ EBITDA ปี 2568 ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10% ของบริษัทในกลุ่ม (8% ไม่รวม Singtel) เมื่อพิจารณากำไรปี 2567 การปรับการคาดการณ์ ARPU ทั้งสำหรับมือถือและ FBB และการอัพเดทการคาดการณ์การประมูลคลื่นความถี่ ได้ปรับกำไรปี 2568-2569 ขึ้น 29% และ 55% ตามลำดับ และยังได้นำเสนอกำไรปี 2570 โดยมูลค่าที่เหมาะสมตามวิธี DCF เพิ่มขึ้นเป็น 10.00 บาท (จาก 9.90 บาท)            ความเสี่ยงด้านบวกที่สำคัญ คือ การหมุนเวียนกำไรที่เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ CAPEX สำหรับการประมูลคลื่นความถี่ที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

TRUE ดึง ซิกเว่ เบรกเก้ มุ่งเทคคอมปานีระดับโลก

TRUE ดึง ซิกเว่ เบรกเก้ มุ่งเทคคอมปานีระดับโลก

          หุ้นวิชั่น - กรุงเทพฯ 11 มีนาคม 2568 – ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของทีมผู้นำ ร่วมขับเคลื่อนเทคคอมปานีไทยเติบโตแข็งแกร่งเทียบชั้นระดับโลก โดยมีการแต่งตั้งนายซิกเว่ เบรกเก้ เป็น Group CEO ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม ดูแลบริหารงานขับเคลื่อนด้านยุทธศาสตร์ภาพรวมของบริษัท ขณะที่นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO คนปัจจุบัน จะรับบทบาทใหม่เป็น President/CEO - Enterprise & Data Business ประธานคณะผู้บริหาร - ด้านธุรกิจข้อมูลและลูกค้าองค์กร ดูแลสายงานหลักในกลุ่มธุรกิจดิจิทัล ออนไลน์ ทรูวิชั่นส์ ดาต้าและธุรกิจองค์กร เพื่อปรับโฉมด้านดิจิทัลของทรูให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต ส่วนนายชารัด เมห์โรทรา ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง Deputy CEO จะปรับเป็น President/CEO - Consumer Business ประธานคณะผู้บริหาร - ด้านธุรกิจลูกค้าทั่วไป รับผิดชอบกลุ่มธุรกิจโมบายล์ และงานบริการลูกค้า           นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะกรรมการ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "วันนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนทรู คอร์ปอเรชั่น หลังการควบรวมในช่วงสองปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างมาก ภายใต้การบริหารงานของทีมผู้นำที่แข็งแกร่ง จนทำให้ทรูสามารถทรานสฟอร์มองค์กรผ่านไปได้อย่างราบรื่น ปูรากฐานที่มั่นคงพร้อมเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งการปรับโครงสร้างครั้งนี้จะต่อยอดความแข็งแกร่งยกระดับศักยภาพขึ้นไปอีกขั้น โดยเสริมทัพผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และประสบการณ์ระดับโลก แต่งตั้ง นายซิกเว่ เบรกเก้ เป็น Group CEO เข้ามาขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ภาพรวมขององค์กรสู่การเป็นเทคคอมปานีระดับโลก ขณะที่ นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ซีอีโอคนปัจจุบัน ซึ่งประสบความสำเร็จในภารกิจนำพาทรู คอร์ปอเรชั่น ผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ พลิกฟื้นผลประกอบการทางการเงินของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ และเป็นผู้ที่มีบทบาทขับเคลื่อนนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลมาสร้างศักยภาพและความยั่งยืนขององค์กร ได้รับตำแหน่งใหม่เป็น President/CEO - Enterprise & Data Business ประธานคณะผู้บริหาร - ด้านธุรกิจข้อมูลและลูกค้าองค์กร ดูแลสายงานหลักในกลุ่มธุรกิจดิจิทัล ออนไลน์ ทรูวิชั่นส์ และธุรกิจองค์กร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาคส่วนธุรกิจชั้นนำของประเทศที่กำลังขยายตัวเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจยุคดิจิทัล และมีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ โดยนายมนัสส์จะนำศักยภาพความสามารถที่โดดเด่นมาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันธุรกิจที่เป็น New S-Curve สร้างโอกาสใหม่ที่จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต           สำหรับนายชารัด ซึ่งได้ทำงานร่วมกับนายมนัสส์อย่างใกล้ชิดตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง President/CEO - Consumer Business ประธานคณะผู้บริหาร - ด้านธุรกิจลูกค้าทั่วไป โดยจะดูแลฐานลูกค้าผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือของทรูที่มีมากกว่า 50 ล้านราย นายชารัดเป็นผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมที่มีประสบการณ์ยาวนาน เคยดำรงตำแหน่งผู้นำสำคัญในบริษัทโทรคมนาคมระดับโลกชั้นนำ เช่น อีริคสัน และ เทเลนอร์ กรุ๊ป ในหลายประเทศ ซึ่งความเชี่ยวชาญของนายชารัดด้านกลยุทธ์ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ การยกระดับงานบริการลูกค้า และนวัตกรรมการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล จะช่วยเสริมศักยภาพของทรูให้สามารถส่งมอบประสบการณ์การการใช้งานมือถือที่ดีที่สุด ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโครงสร้างใหม่นี้จะยกระดับความเข้มแข็งของทีมผู้บริหารให้เป็นระดับเวิลด์คลาส เติมเต็มศักยภาพความเป็นผู้นำเทคคอมปานีมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน”           นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและดิจิทัล เครือเจริญโภคภัณฑ์ จะเข้ารับตำแหน่ง Group CEO ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่นด้วย และในโอกาสที่ได้รับการแต่งตั้งครั้งนี้ นายซิกเว่ กล่าวว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับตำแหน่งประธานคณะผู้บริหารกลุ่มของทรู คอร์ปอเรชั่น และขอขอบคุณคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะกรรมการ และผู้ถือหุ้นหลัก ได้แก่ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กลุ่มเทเลนอร์ และไชน่าโมบายล์ที่ไว้วางใจให้ผมเป็นผู้นำทรู คอร์ปอเรชั่นในช่วงเวลาสำคัญนี้ โอกาสของประเทศไทยในยุคดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนนั้นเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของประเทศ จะยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม มุ่งมั่นนำเสนอบริการล้ำสมัยให้กับลูกค้า พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่ยั่งยืน ผมตั้งตารอที่จะร่วมทำงานกับทีมเทคโนโลยีโทรคมนาคมชั้นนำของประเทศไทย”

TRUE กำไรปีนี้มีแววฟื้น แนะถือ-เป้า 13.50 บาท

TRUE กำไรปีนี้มีแววฟื้น แนะถือ-เป้า 13.50 บาท

          ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ในไตรมาส 4/67 TRUE ขาดทุนสุทธิ 7.5 พันล้านบาท สูงกว่าประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ฯที่คาดจะขาดทุนสุทธิ 1.6 พันล้านบาท โดย TRUE บันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์สูงถึง 1.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯคาดไว้เพียง 4.2 พันล้านบาท           ดังนั้น ทั้งปี 67 TRUE จึงขาดทุนสุทธิ 1.1 หมื่นล้านบาท หรือลดลงจากปี 66 ที่ขาดทุน 1.57 หมื่นล้านบาท และมีขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ 2.08 หมื่นล้านบาท เทียบกับ 1.09 หมื่นล้านบาทในปี 66 อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/67 หากไม่รวมการด้อยค่าของสินทรัพย์ TRUE จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 3.6 พันล้านบาท เทียบกับกำไรปกติ 3.1 พันล้านบาทในไตรมาส 3/67 และมีกำไรปกติทั้งปี 67 อยู่ที่ 9.9 พันล้านบาท หรือดีขึ้นเมื่อเทียบกับขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 4.8 พันล้านบาทในปี 66           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า TRUE จัดประชุมนักวิเคราะห์ในวันศุกร์ที่ 21 ก.พ. 68 ประกาศเป้าหมายทางการเงินในปี 68 โดยตั้งเป้ารายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมค่าเชื่อมโยงโครงข่ายหรือ IC) เติบโต 2-3%, EBITDA เติบโต 8-10%, อัตราส่วน EBITDA 59% และงบลงทุน 2.8-3.0 หมื่นล้านบาท ขณะที่ผู้บริหารยืนยันว่า TRUE จะกลับมาทำกำไรสุทธิได้ในปี 68 นี้           TRUE มีแผนจะพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย (network modernisation) ด้วยการปรับปรุงอุปกรณ์ส่งสัญญาณ/เสาสัญญาณรวม 5,000 เสาในปี 68 นอกจากนี้ ผู้บริหารให้แนวทางว่าการด้อยค่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านบาท/เสา ดังนั้น TRUE จึงน่าจะมีขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์รวม 6 พันล้านบาทในปีนี้ ทั้งนี้ TRUE คาดว่าโครงการพัฒนาโครงข่ายจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/68 แต่ผู้บริหารเชื่อว่างานส่วนใหญ่น่าจะดำเนินการเสร็จในครึ่งแรกปี 68           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ปรับประมาณการ EPS ในปี 68-69 ขึ้น 17.0-21.8% เนื่องจากใบอนุญาตคลื่นความถี่ 850MHz และ 2300MHz จะครบกำหนดในวันที่ 3 ส.ค.68 และ TRUE น่าจะประมูลคลื่นความถี่ที่ครบกำหนดแล้วในราคาที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ ยังปรับค่าใช้จ่ายทางการเงินในปีนี้ลง 5.9% สะท้อนอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง รวมทั้งปรับลดงบลงทุนในโครงข่ายเป็น 3.03-3.05 หมื่นล้านบาท/ปี ในปี 68-69 เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของผู้บริหาร           ยังแนะนำ “ถือ” แต่ปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก 12.70 บาท เป็น 13.50 บาท (WACC: 5.7%, อัตราการเติบโตระยะยาว 2.0%) โดยมีปัจจัยหนุนจากผลกำไรที่น่าจะฟื้นตัวในปี 68 รวมทั้งความคาดหวังที่บริษัทจะจ่ายเงินปันผล อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปีนี้ TRUE จะบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์รวม 7 พันล้านบาท           ขณะที่มี upside risk หากบริษัทสามารถลดค่าใช้จ่าย SG&A และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานโครงข่ายได้มากกว่าคาด, ค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลงหลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดดอกเบี้ย ส่วน downside risk มาจากการแข่งขันสูงขึ้นในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบรอดแบนด์, มีขาดทุนจากด้อยค่าสินทรัพย์สูงกว่าคาด และราคาขั้นต่ำการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ในไตรมาส 2/68 ค่อนข้างสูง

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

ADVANC-TRUE กอดคอร่วง รับแรงเทขายทำกำไร หลังราคาหุ้นขึ้นแรง

ADVANC-TRUE กอดคอร่วง รับแรงเทขายทำกำไร หลังราคาหุ้นขึ้นแรง

          หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กรุงศรี ระบุ ราคาหุ้น ADVANC และ TRUE ร่วงลง 3-5% ในช่วงการซื้อขายเช้านี้ มองว่ามาจากการขายทำกำไร มากกว่าการเปลี่ยนแปลงในปัจจัยพื้นฐาน โดยในแง่ราคาหุ้น ADVANC และ TRUE ขึ้นมาเกือบ 9-11% ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา และสามารถเอาชนะตลาด (SET ลดลง 7%) เนื่องจากความรู้สึกของตลาดที่แย่ลงจากผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ผิดหวัง ทำให้ ADVANC และ TRUE ซึ่งเป็นหุ้นที่มีผลการดำเนินงานดีกว่า จึงมีแรงขายทำกำไรออกมา           ในแง่พื้นฐาน ยังคาดว่าการแข่งขันในตลาด ICT จะคลี่คลายลงมากขึ้นในปี 2568 และ 2569 การเพิ่มขึ้นของ ARPU และการลดต้นทุนจะยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนกำไรในสภาวะตลาดที่ผ่อนคลาย คาดว่า TRUE จะมีการเติบโตของ EPS ที่ 27.5% ในปี 2568 และ ADVANC ที่ 6.6% ในปี 2568 การประมูลครั้งถัดไปจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยขับเคลื่อนกำไรให้กับภาคธุรกิจนี้           มองว่าการปรับตัวลงของราคาหุ้นที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในปัจจัยพื้นฐานนี้เป็นโอกาสในการซื้อหุ้นทั้ง 2 ตัว จึงให้คำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ TRUE (เป้าหมายราคา 15 บาท) และ ADVANC (เป้าหมายราคา 311 บาท)

TRUE คาดปีนี้ EBITDA โต 10% เล็งจ่ายปันผล โบรกแนะซื้อ เป้า 14.00 บาท

TRUE คาดปีนี้ EBITDA โต 10% เล็งจ่ายปันผล โบรกแนะซื้อ เป้า 14.00 บาท

             หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ระบุว่า True Corporation (TRUE) รายการพิเศษใน 4Q24 ที่ 1.1 หมื่นล้านบาทที่กดดันงบ 4Q24 เกือบทั้งหมดเป็นรายการที่ไม่ใช่เงินสด มีเพียงค่าใช้จ่ายพิเศษที่เป็นค่าปรับที่จะจ่ายเงินสดออกจริงในปี 2025 ราว 800 ล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่มีนัยยะกับขนาดธุรกิจของ TRUE ► EBITDA ทั้งปี 2024 ที่เพิ่มขึ้น 1.24 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.5% YoY การเติบโต 7% มาจากรายได้ที่ดีขึ้นจาก ARPU ที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนอีกราว 7% มาจากการลดต้นทุนภายใน              Outlook: ► ดอกเบี้ยจ่ายของกลุ่มคาดทยอยลดลงต่อเนื่อง: TRUE มีการ Rollover หุ้นกู้จำนวน 1.6 หมื่นล้านบาทใน 4Q24 ที่อัตรา 3.56% และอีก 1.3 หมื่นล้านบาทใน 1Q25 ที่อัตรา 3.53% ซึ่งจะช่วยลดดอกเบี้ยของกลุ่มที่เฉลี่ยราว 4.1% TRUE มีหุ้นกู้ครบกำหนดรวม 7.1 หมื่นล้านบาทในปี 2025 และอีก 7.3 หมื่นล้านบาทในปี 2026 ทุกๆ การ Rollover จะเป็นโอกาสในการลดต้นทุนดอกเบี้ยจาก Credit และผลประกอบการที่ดีขึ้นหลังการควบรวม ► TRUE Guidance สำหรับปี 2025 ดังนี้ 1. Service revenue ex. IC เติบโต 2-3% YoY 2. EBITDA เติบโต 8-10% 3. CAPEX ที่ 2.8-3.0 หมื่นล้านบาท ► TRUE Guidance Medium Term ดังนี้ 1. EBITDA margin (EBITDA to service revenue ex. IC) ที่ 67% ในปี 2027 จากระดับ 59% ในปี 2024 2. CAPEX to total revenue exclude network rental revenue ลดลงจาก 17% ในปี 2024 เป็น 13% ในปี 2027 3. Net debt to trailing 12 months EBITDA ลดลงจาก 4.2x ในปี 2024 เป็น 3.2x ในปี 2027 ► เซ็น MOU กับดาวเทียม Low Earth Orbit (LEO) จากประเทศจีน โดยเป็นการมองหาโอกาสในการ Resell Capacity ในประเทศไทยและเพิ่มบริการในพื้นที่ห่างไกล และเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับสินค้ากลุ่ม IoTs ในตลาดใหม่ๆ ในอนาคต นอกจากนี้ TRUE ประเมินว่ายุค 6G ดาวเทียม LEO จะมีความจำเป็นมากขึ้นในการให้บริการเสริมธุรกิจมือถือ ► การประมูลคลื่น: ผู้บริหารเน้นไปที่คลื่น Mid Band โดยน่าจะหมายถึงการนำคลื่น 2100MHz และ 2300MHz กลับมาใช้งาน โดยอาจมีคลื่น 1500MHz สอดแทรกหากบริษัทฯ สามารถทำ Solution รองรับ Use case ที่ยังจำกัดในปัจจุบัน ขณะที่ความเห็นดังกล่าวน่าจะทำให้ตลาดตีความว่า TRUE มีโอกาสไม่เอาคลื่น 850MHz กลับมา หากเกิดขึ้นจะลดต้นทุนค่าเช่าต่อปีหลักหลายพันล้านบาท ► การทำ Network Integration: TRUE ทำการย้าย site ไปแล้ว 1.3 หมื่น site ในปี 2024 โดยมีเป้าหมายจะทำทั้งหมด 1.8 หมื่น sites หรืออีก 5 พันต้นในปี 2025 ภายใน 3Q25 ปัจจัยดังกล่าวสะท้อนว่า 1. หากสมมุติต้นทุนการทำที่ 1.2 ล้านบาทต่อ Site การตั้งสำรองจะเหลืออยู่ที่หลัก 6.0 พันล้านบาท เทียบกับที่สำรองไปหลักหมื่นกว่าล้านในปี 2024 และ 2. เนื่องจากจำนวนไม่เยอะมากแล้ว มีโอกาสทำเสร็จตั้งแต่ 1H25 หากเกิดขึ้น งบจะเริ่มมีกำไรสุทธิตั้งแต่ 2H25 ► TRUE ประกาศความตั้งใจจะทำกำไรสุทธิในปี 2025 และมีนโยบายการจ่ายปันผลในระยะยาวที่ Payout Ratio ไม่น้อยกว่า 50%              Our Take ► เรามีมุมมองเป็นบวก กำไรปกติแข็งแกร่งต่อเนื่องและอยู่ในรอบการเติบโต ขณะที่ผลขาดทุนจากรายการพิเศษใกล้จบแล้ว เหลืออีกราว 1-3 ไตรมาสและจะมีขนาดที่ทยอยลดลง รวมถึงมีโอกาสกลับมาจ่ายปันผลได้อีกครั้งในปี 2025 ► เราคงประมาณการปี 2025 และคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม 14.00 บาทต่อหุ้น (DCF)

TRUE กำไรปกติ Q4 ที่ 3.4 พันล. โบรกเคาะเป้า 14.00 บ.

TRUE กำไรปกติ Q4 ที่ 3.4 พันล. โบรกเคาะเป้า 14.00 บ.

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ระบุ True Corporation (TRUE) กำไรปกติใกล้เคียงคาด ปรับเพิ่ม Guidance ระยะกลาง Earnings Results           ► TRUE รายงานผลประกอบการ 4Q24 ขาดทุนสุทธิ 7.5 พันล้านบาท แต่หากตัดรายการพิเศษ ได้แก่ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 184 ล้านบาท ขาดทุนที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 1.1 หมื่นล้านบาท ผลประกอบการปกติใน 4Q24 มีกำไรปกติ 3.4 พันล้านบาท ดีขึ้นเทียบกับกำไรปกติ 2.9 พันล้านบาทใน 3Q24 และขาดทุนปกติ 1.6 พันล้านบาทใน 4Q23           ► รายการพิเศษหลักๆ ที่เกิดขึ้นครั้งเดียวที่มีมูลค่าสูงในไตรมาสนี้ ได้แก่ การตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ที่ซ้ำซ้อน 3.4 พันล้านบาท การตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ค่าความนิยม หรือ Goodwill 5.0 พันล้านบาท และการด้อยค่าเงินลงทุนในบริษัทฯ ร่วม 1.8 พันล้านบาท           ► ผลประกอบการปกติใกล้เคียงคาดการณ์ของเราที่คาดมีกำไรปกติ 3.8 พันล้านบาท แต่การตั้งด้อยค่ามากกว่าคาดทำให้ขาดทุนสุทธิมากกว่าคาด           ► รายได้ธุรกิจมือถือ Service revenue ex. IC อยู่ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท (+0.7% QoQ, +2.1% YoY) ตลาด Prepaid: Net add +107K, ARPU +4.3% QoQ, +11.0% YoY ตลาด Postpaid: Net add +8K, ARPU +0.0% QoQ, +1.4% YoY การฟื้นตัวของ ARPU ทำได้อย่างต่อเนื่อง           ► ธุรกิจ Online ทำได้ที่ 6.3 พันล้านบาท (-1.0% QoQ, +3.9% YoY) Net add +20K, ARPU +0.4% QoQ, +5.7% YoY           ► รายได้ธุรกิจ PayTV อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท (-8.9% QoQ, +7.6% YoY)           ► อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มอยู่ที่ 24.6% (-144 bps QoQ, +372 bps YoY)           ► SG&A อยู่ที่ 5.0 พันล้านบาท (-8.6% QoQ, -22.3% YoY)           ► EBITDA อยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท (+1.0% QoQ, +12.0% YoY)           ► Net Debt to EBITDA ลดลงเป็น 4.2x จาก 4.4x ใน 3Q24           ► TRUE งดจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2024 Our Take           ► ผลประกอบการทั้งปี 2024 มีกำไรปกติ 9.2 พันล้านบาท เทียบกับประมาณการทั้งปี 2024 ของเราที่กำไรปกติ 9.5 พันล้านบาท           ► TRUE Guidance สำหรับปี 2025 ดังนี้ Service revenue ex. IC เติบโต 2-3% YoY EBITDA เติบโต 8-10% CAPEX ที่ 2.8-3.0 หมื่นล้านบาท บริษัทคาดว่าจะกลับมาทำกำไรสุทธิในปี 2025 และ Guidance Integration Cost จะจบลงใน 3Q25           ► TRUE ปรับเพิ่ม Guidance Medium Term ดังนี้ EBITDA margin (EBITDA to service revenue ex. IC) ที่ 67% ในปี 2027 จากระดับ 59% ในปี 2024 CAPEX to total revenue exclude network rental revenue ลดลงจาก 17% ในปี 2024 เป็น 13% ในปี 2027 Net debt to trailing 12 months EBITDA ลดลงจาก 4.2x ในปี 2024 เป็น 3.2x ในปี 2027           ► เป้าหมายปี 2025 โดยรวมสอดคล้องกับสมมติฐานเบื้องต้นของเราที่คาดรายได้โต 2.3% และ EBITDA โต 10% อย่างไรก็ดี เป้าหมายระยะกลางดีกว่าคาดการณ์ของเรา สะท้อนประมาณการในระยะถัดไปมีโอกาสถูกปรับเพิ่มขึ้น           ► เบื้องต้นเราคงประมาณการปี 2025 มีกำไรปกติ 1.8 หมื่นล้านบาท เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม 14.00 บาทต่อหุ้น (DCF)           ► ประมาณการของเรามี Upside Risk หาก การประมูลคลื่นรอบใหม่ราคาตั้งต้นไม่สูงและแข่งขันไม่รุนแรง การลดต้นทุนที่เข้มข้นในปี 2024 ส่งผลบวกมากกว่าคาดในปี 2025 การลดภาระหนี้สินทำได้ต่อเนื่อง           ► เชิงกลยุทธ์ แม้มีผลขาดทุนสุทธิที่สูงทางบัญชี แต่เป็นรายการ One-time ที่จะหนุนกำไรปกติดีขึ้นในปี 2025 ขณะที่ ARPU ยังปรับขึ้น การลดต้นทุนทำได้ต่อเนื่อง และภาระหนี้สินโดยรวมทยอยลดลง รวมถึงมีการปรับ Guidance ระยะกลางเพิ่มขึ้น ทำให้เรามองบวกมากกว่าลบ หากหุ้นปรับลงเพราะตลาดมองแค่ผลประกอบการสุทธิ มองเป็นโอกาสสะสม           ► เราคาดปี 2025 จะเป็นปีที่กำไรปกติของ TRUE เติบโตเด่น มีลุ้นกำไรสุทธิในช่วงกลางปี และมีลุ้นการกลับมาจ่ายปันผลอีกครั้ง           ► ในกรณีที่ดี ผลประกอบการดีขึ้นต่อเนื่องและตลาดปรับเพิ่ม Multiple เราประเมินกรอบมูลค่าไปได้ที่ 16.00 บาทต่อหุ้น หรือ 7.8x EV/EBITDA เท่ากับค่าเฉลี่ยปกติของ ADVANC เป็นกรณีดีที่สุดสำหรับการเก็งกำไร TRUE ในปี 2025 ความเสี่ยงสำคัญ การประมูลคลื่นรอบใหม่ ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ Synergy เกิดขึ้นได้ช้า

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

TRUE ชู EBITDA โต 8 ไตรมาส รับอานิสงส์การควบรวม

TRUE ชู EBITDA โต 8 ไตรมาส รับอานิสงส์การควบรวม

          หุ้นวิชั่น - 20 กุมภาพันธ์ 2568 - บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2567 สร้างกำไรต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิหลังหักภาษีและหลังปรับปรุงรายการพิเศษ (Normalized Net Profit After Tax) ที่ 3.6 พันล้านบาท โดย EBITDA เติบโตเพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่ 8 ติดต่อกัน โดยมีปัจจัยหลักจากการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จากการมุ่งเน้นผลการดำเนินงานและวินัยทางการเงิน ตลอดจนการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม (Synergy) รายได้จากการให้บริการและ EBITDA สูงกว่าแนวโน้มที่ตั้งไว้สำหรับปี 2567           นาย มนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "ปี 2567 แม้เป็นปีที่มีความท้าทายทางเศรษฐกิจ แต่ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงเดินหน้าพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สามารถสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง และ EBITDA เติบโตเป็นไตรมาสที่ 8 ติดต่อกัน ซึ่งความสำเร็จมาจากการขับเคลื่อนด้วยปัจจัยสำคัญ 3 ประการ คือ ประการแรก  การเร่งดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย โดยปรับปรุงเครือข่ายแล้วเสร็จมากกว่า 77% ซึ่งเร็วกว่าแผนงาน  และเมื่อเราบรรลุเป้าหมาย 100% กลางปี 2568 ที่จะถึงนี้ จะทำให้โครงการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยที่รวมเครือข่ายระดับประเทศสองเครือข่ายเป็นหนึ่งเดียว สามารถสร้างประวัติศาสตร์แห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ  ที่ทั้งลูกค้าทรูมูฟ เอช และดีแทคได้สัมผัสประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นอย่างชัดเจน ประการที่สอง การเสริมความแข็งแกร่งด้วยพันธมิตรระดับโลกเพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี และประการที่สาม การนำประโยชน์จาก AI และการวิเคราะห์ล้ำสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายและขับเคลื่อนนวัตกรรมดิจิทัล ขณะที่เราอยู่ท่ามกลางความท้าทายในการรักษาสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการเติบโต เรายังคงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบคุณค่าที่มากขึ้นให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมกับเสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งนอกจากความสำเร็จด้านธุรกิจแล้ว เรายังภูมิใจที่ได้รับการยกย่องให้เป็นองค์กรที่ยั่งยืนที่สุดในกลุ่มโทรคมนาคมระดับโลก โดยเป็นอันดับที่ 1 ในดัชนีความยั่งยืน Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ประจำปี 2567 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7"           นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เรามั่นใจว่าในปี 2568 จะส่งมอบเครือข่ายที่ดีที่สุดครั้งประวัติศาสตร์ของเรา พร้อมคุณภาพบริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ นอกจากนี้ เรากำลังยกระดับการบริการลูกค้าด้วยการนำ AI เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ทั้งการแนะนำบริการที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละราย การให้ความช่วยเหลือทันทีโดย ‘มะลิ’ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเสมือน และการสนับสนุนพนักงานขายและคอลเซ็นเตอร์ด้วย AI co-pilots ในปี 2568 เรามีเป้าหมายเพิ่มผู้ใช้บริการดิจิทัลจากหนึ่งในสามเป็น 40% และขยายฐานผู้ใช้ดิจิทัลเป็น 20 ล้านราย แอปพลิเคชันบริการหลังการขายที่ปรับปรุงใหม่ของเราจะช่วยให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบบิล รับสิทธิประโยชน์ และรับบริการ AI ครบได้ในที่เดียว ทั้งนี้ ปี 2568 จะเป็นปีที่สร้างกำไร พร้อมส่งมอบความประทับใจให้ลูกค้าผ่านความสำเร็จของทรู"           ในไตรมาส 4/2567 จำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่กลับมาเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยเพิ่มขึ้น 116,000 เลขหมาย หรือ 0.2% จากไตรมาสที่ผ่านมา มีจำนวน 49.4 ล้านเลขหมาย ซึ่งเป็นตัวเลขภายหลังจากการลดลงของผู้ใช้บริการ 133,000 เลขหมายจากความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการฉ้อโกง ผู้ใช้บริการระบบรายเดือนคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ 15.2 ล้านเลขหมาย ในขณะที่ผู้ใช้บริการระบบเติมเงินมีจำนวน 34.2 ล้านเลขหมาย ผู้ใช้บริการออนไลน์เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อยู่ที่ 3.7 ล้านราย ณ สิ้นไตรมาส 4 ปี 2567 ผู้ใช้บริการ 5G มีจำนวน 13.8 ล้านเลขหมาย           นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า "ปี 2567 เป็นปีที่สำคัญสำหรับทรู คอร์ปอเรชั่น ด้วยการพลิกกลับมามีกำไรภายหลังการปรับปรุงตั้งแต่ไตรมาสแรกอย่างเกินความคาดหมาย ซึ่งการขับเคลื่อนต่อเนื่องนับตั้งแต่การควบรวมกิจการ ทำให้ EBITDA เติบโตติดต่อกัน 8 ไตรมาส พร้อมกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส สำหรับในปี 2567 ทรู คอร์ปอเรชั่นมีกำไรภายหลังการปรับปรุง 9.9 พันล้านบาท โดยมาจากไตรมาส 4/2567 จำนวน 3.6 พันล้านบาท”           รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ IC ปรับตัวดีขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ปีที่ผ่านมา (YoY) โดยรายได้จากการให้บริการทั้งปี 2567 เติบโต 4.6% สูงกว่าแนวโน้ม การปรับตัวดีขึ้นของรายได้จากการให้บริการมาจากการเติบโตของรายได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ และการปรับสมดุลการแข่งขันด้านราคาอย่างต่อเนื่องในกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และออนไลน์ ทรู คอร์ปอเรชั่นรายงานรายได้รวมเติบโต 0.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยรายได้จากการให้บริการปรับตัวดีขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการ (ARPU) ในทุกกลุ่มธุรกิจ แต่ถูกลดทอนบางส่วนจากรายได้การขายผลิตภัณฑ์ที่ลดลง เนื่องจากการปรับลดเงินสนับสนุนค่าเครื่องโทรศัพท์           สำหรับไตรมาส 4/2567 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย หรือ D&A) ลดลง 7.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมและวินัยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ต้นทุนเครือข่ายลดลง 0.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากการประหยัดต้นทุนจากการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยและการจัดซื้อจัดจ้าง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ลดลง 22.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับผลประโยชน์จากการควบรวมในหลายด้าน โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างองค์กรให้ทันสมัย การริเริ่มกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ ๆ และประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ด้วยการบูรณาการกรอบการดำเนินงานที่มุ่งเน้นความสามารถในการทำกำไรอย่างยั่งยืน ทรู คอร์ปอเรชั่นสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง           ทรู คอร์ปอเรชั่นบันทึกการเพิ่มขึ้นของ EBITDA จำนวน 5.8 พันล้านบาท นับตั้งแต่การควบรวมกิจการ ซึ่งนับเป็นการเติบโตของ EBITDA เป็นไตรมาสที่ 8 ติดต่อกัน สำหรับไตรมาสที่ 4/2567 EBITDA เพิ่มขึ้น 12.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 1.0% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยภาพรวมปี 2567 EBITDA เพิ่มขึ้น 14.5% สูงกว่าแนวโน้ม โดยการเติบโตของ EBITDA มาจากการปรับตัวดีขึ้นของรายได้ ผลประโยชน์จากการควบรวม และวินัยทางการเงิน อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่การควบรวมกิจการที่ 60.6% ในไตรมาส 4/2567           ในไตรมาส 4/2567 ทรู คอร์ปอเรชั่นบันทึกผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (one-time costs) จำนวน 1.11 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้มีผลขาดทุนสุทธิหลังหักภาษี 7.5 พันล้านบาท รายการพิเศษที่ไม่ใช่เงินสดเกี่ยวข้องกับการด้อยค่าสินทรัพย์จากการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยและสินค้าคงเหลือ การด้อยค่าประจำปีของค่าความนิยมและเงินลงทุน และผลขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม ทรู คอร์ปอเรชั่นยังได้ตั้งสำรองค่าใช้จ่ายเป็นเงินสดสำหรับค่าชดเชยที่ต้องจ่ายหน่วยงานท้องถิ่นในปี 2568 เมื่อปรับปรุงรายการพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียวเหล่านี้ กำไรสุทธิหลังหักภาษีอยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 451 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากการปรับตัวดีขึ้นของ EBITDA และการลดลงของต้นทุนทางการเงิน ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) สำหรับไตรมาส 4/2567 อยู่ที่ 1.14 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่จากการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย           สำหรับแนวโน้มปี 2568 บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) และโรมมิ่งภายในประเทศกับ NT เติบโต 2-3% เมื่อเทียบกับปีก่อน EBITDA จะเติบโต 8-10% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) รวมการบูรณาการคาดว่าจะอยู่ที่ 2.8-3 หมื่นล้านบาท โดยปี 2568 ทรู คอร์ปอเรชั่น คาดว่าจะมีกำไรสุทธิหลังหักภาษี ตามรายงานและได้พิจารณาความเป็นไปได้ในการจ่ายเงินปันผลมากกว่า 50% ของกำไรสุทธิ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการอนุมัติของคณะกรรมการ ตัวเลขทางการเงินที่สำคัญสำหรับปี 2567 และไตรมาส 4/2567 รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ IC: 59 หมื่นล้านบาท สำหรับปี 2567 ปรับตัวดีขึ้น 4.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน 16 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 4/2567 ปรับตัวดีขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 0.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน EBITDA: 81 หมื่นล้านบาท สำหรับปี 2567 ปรับตัวดีขึ้น 14.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน 52 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 4/2567 เพิ่มขึ้น 12.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 1.0% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการ: 2% สำหรับปี 2567 6% ในไตรมาส 4/2567 กำไรสุทธิ (ภายหลังการปรับปรุง): 9 พันล้านบาท ในปี 2567 ปรับตัวดีขึ้น 14.7 พันล้านบาทเมื่อเทียบกับปีก่อน 6 พันล้านบาทในไตรมาส 4/2567 ปรับตัวดีขึ้น 0.5 พันล้านบาทเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน [PR News]

TRUE ขานรับ กสทช.  ถอดอุปกรณ์ตามแนวพรมแดน

TRUE ขานรับ กสทช. ถอดอุปกรณ์ตามแนวพรมแดน

          10 กุมภาพันธ์ 2568 – ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ย้ำร่วมมาตรการ กสทช. ตัดการสื่อสารแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เดินหน้ารื้อถอนเสาอีก 10 แห่ง จ.ตาก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน หลังถอดอุปกรณ์รับส่งประจำตู้สัญญาณตามเสาแนวพรมแดน 7 จังหวัด 11 อำเภอเสร็จสิ้นเมื่อมิถุนายนปีที่แล้ว  เผยลุยเดินหน้านำ “True CyberSafe” สกัดลิงก์และ URL เสี่ยงภัยพร้อมเตือนลูกค้าฉุกคิดก่อนหมดตัว พร้อมใช้งานแล้วไม่มีค่าใช้จ่ายแก่ลูกค้าทรูและดีแทค           นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. และรักษาการเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยถึงการเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมสัญญาณโทรศัพท์มือถือบริเวณชายแดนไทย-เพื่อนบ้านว่า “ทีมงานจาก กสทช. ส่วนกลางและภาค 3 ซึ่งรับผิดชอบดูแลพื้นที่ภาคเหนือ ได้ลงพื้นที่สำรวจและตรวจสอบเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือในพื้นที่บ้านวังแก้ว ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับเมืองชเวโก๊กโก่ของเมียนมา พบว่ามีความจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการควบคุมเพื่อป้องกันสัญญาณโทรคมนาคมข้ามพรมแดน จึงได้ออกคำสั่งให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทุกรายดำเนินการรื้อถอนเสาสัญญาณรวมทั้งหมด 24 ต้น จากจำนวนรวมของผู้ให้บริการทุกรายที่ตั้งอยู่ในรัศมี 50 เมตรจากแนวชายแดน ครอบคลุมพื้นที่สามอำเภอของจังหวัดตาก ได้แก่ อำเภอแม่ระมาด แม่สอด และพบพระ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวเป็นการเพิ่มเติมจากมาตรการเดิมที่เคยมีการระงับบริการโทรคมนาคมในพื้นที่เสี่ยงตามแนวชายแดน 7 จังหวัด เพื่อป้องกันการใช้สัญญาณโทรศัพท์มือถือในการก่ออาชญากรรมข้ามแดน โดยเฉพาะการหลอกลวงผ่านแก๊งคอลเซ็นเตอร์"           โดยที่ผ่านมา ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ดำเนินการตามมาตรการของสำนักงาน กสทช. ด้วยการระงับสัญญาณ (Switch off) สายอากาศที่มีทิศทางหันออกจากประเทศไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และดำเนินการรื้อถอนหรือปรับทิศทางตามแนวชายแดนไทย-เพื่อนบ้าน ในพื้นที่เสี่ยง 7 จังหวัด 11 อำเภอ ได้แก่ ตาก: อำเภอแม่สอด แม่ระมาด และพบพระ เชียงราย: อำเภอแม่สาย เชียงของ และเชียงแสน สระแก้ว: อำเภออรัญประเทศ จันทบุรี: อำเภอโป่งน้ำร้อน ระนอง: อำเภอเมือง บุรีรัมย์: อำเภอบ้านกรวด สุรินทร์: อำเภอกาบเชิง           การดำเนินการนี้แล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2567 มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการลอบใช้สัญญาณโทรศัพท์มือถือของไทยในการก่ออาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่าง ทรู คอร์ปอเรชั่น และ สำนักงาน กสทช. ในการยกระดับความปลอดภัยให้กับประชาชน           นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE กล่าวว่า “ทรู คอร์ปอเรชั่นปฏิบัติตามมาตรการ กสทช. ในการควบคุมเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือมาโดยตลอด รวมทั้งล่าสุดทีบริเวณชายแดนพื้นที่สามอำเภอของจังหวัดตาก ได้แก่ อ.พบพระ อ.แม่สอด และ อ.แม่ระมาด ตามแนวชายแดน โดยทาง กสทช. ตรวจสอบแจ้งมาว่ามีจำนวนเสาของทรู 10 แห่ง จาก 24 แห่ง ที่ต้องดำเนินการรื้อถอน ซึ่งที่ผ่านมาเสาทรู และดีแทคดังกล่าวที่อยู่ตามแนวชายแดน ได้ตัดสายสื่อสารและระงับสัญญาณเป็นที่เรียบร้อย พร้อมทั้งปรับทิศทางการส่งสัญญาณให้อยู่ในเขตชุมชน จ.ตาก”           ทั้งนี้ กสทช. กำหนดให้รื้อถอนเสา จ. ตากที่อยู่ในรัศมี 50 เมตรจากแนวชายแดนทั้งหมด ส่วนเสาที่อยู่ในรัศมี 200 เมตรต้องปรับลดกำลังส่งและจำกัดความสูงไม่เกิน 15 เมตร ขณะที่เสาในรัศมี 3.5 กิโลเมตรต้องลดกำลังส่งและมีความสูงไม่เกิน 30 เมตร           เมื่อดำเนินการรื้อถอนเสร็จสิ้น ทางทีมทรู คอร์ปอเรชั่นจะเข้าสำรวจสัญญาณในพื้นที่อีกครั้ง เพื่อเช็กสัญญาณมือถือและพูดคุยกับชุมชน และจะวางแผนติดตั้งเสาสัญญาณขนาดเล็ก หรือ Small Cell สำหรับกรณีถ้าสัญญาณในชุมชนลดลง เพื่อทดแทนบริการ และคงประสิทธิภาพและคุณภาพเดิมโดยครอบคลุมชุมชนของไทย           “นอกจากความร่วมมือกับ กสทช. ในการรื้อถอนเสาแล้ว  เรายังได้พัฒนาบริการ "ทรูไซเบอร์เซฟ" (True CyberSafe) เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์จากมิจฉาชีพแก่ผู้ใช้บริการ โดยลูกค้าทรู-ดีแทคมั่นใจว่าใช้มือถือจะได้รับการปกป้องทันทีแบบอัตโนมัติ ไม่ต้องลงทะเบียน  ไม่ต้องดาวน์โหลดแอป ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ปกป้องการเข้าถึง ลิงก์/URL อันตราย จาก SMS หรือบราวเซอร์ หรือเมื่อมีการเข้าถึงเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตรายบนเว็บบราวเซอร์ของลูกค้าทรูออนไลน์” นายจักรกฤษณ์ กล่าวในที่สุด

TRUE ผนึก กาแล็กซีสเปซ พัฒนาเน็ตผ่านดาวเทียม

TRUE ผนึก กาแล็กซีสเปซ พัฒนาเน็ตผ่านดาวเทียม

         หุ้นวิชั่น - กรุงเทพฯ 10 กุมภาพันธ์ 2568 – ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ย้ำบทบาทผู้นำเทคคอมปานีไทย ประกาศเดินหน้าศึกษาเทคโนโลยีอวกาศ ผ่านความร่วมมือกับ กาแล็กซีสเปซ (GalaxySpace) บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำสัญชาติจีน มุ่งยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัลของไทย เติมเต็มวิถีชีวิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจ พร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ โดย นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ลงนามความร่วมมือกับ นายซู หมิง ผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหาร กาแล็กซีสเปซ เพื่อร่วมกันศึกษา แลกเปลี่ยนความรู้ ตลอดจนพัฒนาและตรวจสอบข้อมูลและเทคโนโลยีการสื่อสาร ครอบคลุมทั้ง เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำ การผนวกรวมการสื่อสารผ่านเทคโนโลยีอวกาศกับเครือข่ายภาคพื้นดิน และเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่ส่งสัญญาณตรงสู่อุปกรณ์สื่อสารบนพื้นโลก (Direct-to-Cell) รวมถึงนวัตกรรมการพัฒนาอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ตลอดจนความร่วมมือในการวิเคราะห์อุตสาหกรรมอวกาศในเชิงธุรกิจ และกรณีศึกษาและการใช้งานดาวเทียม LEO ในประเทศไทย          นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE เปิดเผยว่า “เทคโนโลยีดาวเทียมวงโคจรต่ำ เป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสื่อสารของโลกที่จะขับเคลื่อนและสร้างความเปลี่ยนแปลงทั้งภาคสังคมและเศรษฐกิจของนานาประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ กาแล็กซีสเปซ ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำ เพื่อเตรียมความพร้อมในการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาสู่ผู้บริโภคชาวไทย ทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะผู้นำบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยี มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัลของประเทศ เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพิ่มขีดความสามารถของภาคธุรกิจ ตลอดจนเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ การเดินหน้าสู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีอวกาศในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการเตรียมความพร้อม เสริมพลังเครือข่ายโทรคมนาคมของ ทรู คอร์ปอเรชั่น ให้ครอบคลุมและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าคนไทยทุกคนจะเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม แต่ยังเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทยด้วยการเชื่อมโยงการสื่อสารผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยีบนเครือข่ายที่ดีที่สุดอีกด้วย          สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น และ กาแล็กซีสเปซ จะร่วมกันศึกษา แลกเปลี่ยนความรู้ ตลอดจนพัฒนาและตรวจสอบข้อมูลและเทคโนโลยีการสื่อสาร ครอบคลุมทั้งการสื่อสารผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำ การผนวกรวมการสื่อสารผ่านเทคโนโลยีอวกาศกับเครือข่ายภาคพื้นดิน และเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านดาวเทียม Direct-to-Cell อีกทั้งยังจะร่วมมือในการศึกษาการพัฒนานวัตกรรมอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และการวิเคราะห์อุตสาหกรรมอวกาศในเชิงธุรกิจ รวมถึงกรณีศึกษาและการใช้งานดาวเทียม ไม่ว่าจะเป็น การสำรวจและวิเคราะห์ตลาด การทดลองและทดสอบการใช้งานโซลูชันบริการสำหรับองค์กร การเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ การสังเกตการณ์สถานการณ์โลกด้วยดาวเทียม และรูปแบบธุรกิจการให้บริการเทคโนโลยีดาวเทียม Direct-to-Cell ที่ส่งสัญญาณตรงไปยังอุปกรณ์สื่อสารบนพื้นโลก เราเชื่อมั่นว่า ผลลัพธ์จากการศึกษา วิจัย แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความเชี่ยวชาญร่วมกันของผู้นำเทคคอมปานีไทยและผู้นำอุตสาหกรรมดาวเทียม LEO ระดับโลกจากประเทศจีน จะนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมบริการด้วยเทคโนโลยีดาวเทียมวงโคจรต่ำที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงและประโยชน์ต่อคนไทยและประเทศไทยได้อย่างมีนัยยะสำคัญในอนาคต”          นายซู หมิง ผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหาร กาแล็กซีสเปซ กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ ทรู คอร์ปอเรชั่น นับเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าที่สำคัญของกาแล็กซีสเปซ ผู้บุกเบิกตลาดอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมระดับโลกที่พัฒนาเทคโนโลยีดาวเทียมวงโคจรต่ำอย่างต่อเนื่อง และในฐานะบริษัทชั้นนำด้านอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมเชิงพาณิชย์ในประเทศจีน กาแล็กซีสเปซ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบ Mini-Spider ส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งโดยไม่ต้องเดินสาย นับเป็นโครงการแรกของจีนที่สร้างความสำเร็จที่ก้าวล้ำผ่านการตรวจสอบมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง นอกจากนี้ เมื่อเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา เรายังประสบความสำเร็จในการทดลองอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำในต่างประเทศเป็นครั้งแรกของจีนในประเทศไทยผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรในท้องถิ่น โดยปัจจุบัน กาแล็กซีสเปซกำลังเร่งพัฒนาและตรวจสอบเพื่อนำไปสู่การใช้เทคโนโลยีดาวเทียม Direct-to-Cell”          “ประเทศไทยอุดมด้วยสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีพลวัตและศักยภาพทางการตลาด จึงเป็นตลาดสำคัญในอันดับต้นๆ สำหรับเราในภูมิภาคอาเซียน และ ทรู คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้นำบริการโทรคมนาคมในประเทศไทยที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์ในการให้บริการ เป็นพันธมิตรที่เราเฟ้นหา ความร่วมมือในครั้งนี้จะผลักดันการวิจัยและตรวจสอบเพื่อนำไปสู่บริการเทคโนโลยีดาวเทียม Direct-to-Cell และ ส่งเสริมนวัตกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำในภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเดินเรือ การเกษตร การศึกษา และการเชื่อมโยงกันของยานพาหนะ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยพื้นที่เชิงพาณิชย์ผ่านนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและการใช้งานที่จะขับเคลื่อนตลาด สะท้อนให้เห็นศักยภาพการเติบโตอย่างยิ่งยวดและอนาคตที่สดใส เรามุ่งหวังที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับทรู คอร์ปอเรชั่น เพื่อบูรณาการดาวเทียมและเครือข่ายภาคพื้นดิน เสริมสร้างพลังให้กับภาคการสื่อสารทั้งในอาเซียนและระดับโลก ตลอดจนมีส่วนร่วมในความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมอวกาศและการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ซู หมิง กล่าว [PR News]

abs

ออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่ายและระบบสื่อสารอย่างครบวงจร

TRUE เด้งขึ้น 5% รับ Q4/67 พลิกเป็นกำไร

TRUE เด้งขึ้น 5% รับ Q4/67 พลิกเป็นกำไร

            หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บล.กรุงศรี ระบุ ราคาหุ้น บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) ปรับตัวขึ้นเกือบ 5% คาดเป็นผลมาจากการรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/67 ที่ออกมาดี ของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) เป็นไปตามการเติบโตของรายได้ธุรกิจโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก ทั้งนี้คาดว่ากำไรของ TRUE ไตรมาส 4/67 จะอยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท พลิกเป็นกำไร จากไตรมาส 4/66 แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 14.7 บาท/หุ้น

TRUE ขานรับ Easy E-Receipt  ชวนช้อปที่ทรู ดีแทคช็อป รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี

TRUE ขานรับ Easy E-Receipt ชวนช้อปที่ทรู ดีแทคช็อป รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี

          หุ้นวิชั่น - กรุงเทพฯ 17 มกราคม 2568 – ช้อปคุ้มกว่า ... ทรู ดีแทค ขานรับนโยบายภาครัฐ Easy E-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท เมื่อซื้อมือถือ แก็ดเจ็ตและอุปกรณ์เสริม ทุกรุ่น ทุกแบรนด์ที่ ทรู ดีแทค พร้อมข้อเสนอพิเศษมากมาย  สุดคุ้ม! เมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจรายเดือน ดูฟรี! ความบันเทิงครบรส ละคร ซีรีส์ วาไรตี้ ซิทคอม ผ่านแอป VIU / iQiyi นาน 1 ปี พร้อมเชียร์บอลพรีเมียร์ลีกบนมือถือ มันส์สะใจ ครบทุกแมตช์ ตลอดฤดูกาล 2024/25 (ครั้งละ 1 จอ) ผ่านแอปทรูไอดี (เมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจรายเดือนที่กำหนด) ฟรี! บริการดูแลหน้าจอสูงสุด 1 ปี (เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการและสมัครแพ็กเกจรายเดือนที่กำหนด)    สุดคุ้มเมื่อซื้อเครื่องเปล่าไม่ติดสัญญา รับส่วนลดสูงสุด 8,000 บาท* ยกกองทัพรุ่นที่ร่วมรายการกว่า 50 รุ่น ฟรี! บริการดูแลหน้าจอนานสูงสุด 1 ปี* (เฉพาะรุ่นที่กำหนด) พิเศษยิ่งกว่า ลูกค้าทรู ดีแทค ยิ่งอยู่นาน ยิ่งรักกัน นำอายุการใช้งาน รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 1,000 บาท เช็คสิทธิ์ส่วนลดกด *399*888# โทรออก   ช้อปเลย! ที่ทรูช็อป ดีแทคช็อป ทุกสาขา หรือสั่งซื้อออนไลน์ผ่าน True Store / dtac Online Store ส่งฟรีถึงบ้าน ตั้งแต่วันนี้ ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568           นอกจากนี้ ลูกค้าทรู ดีแทค ยังได้รับการปกป้องและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานด้วยบริการ “True CyberSafe”  ระบบป้องกันภัยไซเบอร์แบบเรียลไทม์ โดยอัตโนมัติ ช่วยปกป้องได้แม่นยำด้วยเทคโนโลยี AI ขั้นสูง ช่วยบล็อกหรือแจ้งเตือน เมื่อลูกค้าเผลอคลิกลิงก์อันตรายจาก SMS หรือเว็บบราวเซอร์ โดยความร่วมมือกับเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เป็นบริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าทรู ดีแทค ปลอดภัยจากภัยคุกคามไซเบอร์ต่างๆ           ช้อปออนไลน์ผ่าน True Store / dtac Online Store ส่งฟรีถึงบ้าน คลิก https://bit.ly/40weoWa *เงื่อนไขเป็นไปตามที่มาตรการรัฐกำหนด l สามารถใช้ได้เฉพาะสินค้าและช่องทางจำหน่ายที่รัฐบาลกำหนดเท่านั้น

TRUE หารือ ผบ.ตร. ตั้ง “วอร์รูม” ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

TRUE หารือ ผบ.ตร. ตั้ง “วอร์รูม” ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

           หุ้นวิชั่น - 16 มกราคม 2568 - ทรู คอร์ปอเรชั่น ลุยเข้มหยุดภัยมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชน โดยคณะผู้บริหารระดับสูง นำโดย นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร และนางสาวทิพยรัตน์ แก้วศรีงาม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการจัดการระดับภูมิภาค เข้าพบ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีแนวคิดตั้ง “วอร์รูม” ร่วมกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ            การปรึกษาหารือครั้งนี้ ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทรู คอร์ปอเรชั่น จะร่วมมือกันในแนวทางการจัดตั้ง "วอร์รูม" ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อบูรณาการข้อมูลเชิงลึกจากทั้งสองฝ่าย นำมาวิเคราะห์เพื่อป้องปรามและจับกุมแก๊งมิจฉาชีพ โดยเฉพาะการทลายเครือข่ายที่ใช้อุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ (Simbox) และการตรวจจับพฤติกรรมการโทรหรือส่ง SMS ที่ผิดปกติ เพื่อหยุดยั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และทลายแหล่งมิจฉาชีพในการสร้างความเสียหายและการสูญเสียทรัพย์สินจากการหลอกลวงประชาชน            นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในฐานะผู้นำด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีของประเทศไทย เราตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่กำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างกว้างขวาง จึงได้มุ่งมั่นดำเนินมาตรการเชิงรุกอย่างเข้มข้น เพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากมิจฉาชีพที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชน ทั้งในรูปแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการส่งข้อความ SMS หลอกลวง โดยบริษัทได้กำหนดมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยของลูกค้าและสังคมอย่างเป็นระบบ มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยคัดกรองและเฝ้าระวังพฤติกรรมที่ผิดปกติ พร้อมทั้งจัดตั้งทีมงานเฉพาะกิจในการตรวจสอบและป้องกันการกระทำผิดอย่างเข้มงวด ล่าสุด เราได้ยกระดับความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการบูรณาการการทำงานเชิงลึก ด้วยการเตรียมจัดตั้งวอร์รูมร่วมกัน เพื่อผสานความเชี่ยวชาญและข้อมูลเชิงลึกจากทั้งสองฝ่าย การร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ยับยั้งและทลายเครือข่ายมิจฉาชีพ เพื่อปกป้องประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มอาชญากรเหล่านี้”            นับตั้งแต่ปี 2567 บริษัทได้เพิ่มความเข้มงวดในการลงทะเบียนซิมการ์ดและเลขหมาย พร้อมนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการคัดกรอง มีการยกเลิกความร่วมมือกับคู่ค้าที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย และระงับการใช้งานซิมการ์ดที่อาจถูกนำไปใช้ในทางมิชอบ รวมถึงจัดตั้งทีมงานเฉพาะกิจด้านการป้องกันการทุจริต (Fraud Team)            นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่นยังได้พัฒนาบริการ "ทรูไซเบอร์เซฟ" (True CyberSafe) เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์แก่ผู้ใช้บริการ โดยระบบจะแจ้งเตือนเมื่อพบลิงก์ต้องสงสัย ซึ่งลูกค้าทรู-ดีแทค และทรูออนไลน์สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติม            ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำระบบดิจิทัลและเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม โดยล่าสุดได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน Cyber Check ที่ช่วยให้ประชาชนสามารถคัดกรองเบอร์โทรศัพท์และตรวจสอบเลขบัญชีธนาคารที่ต้องสงสัยได้ โดยใช้ฐานข้อมูลจากระบบรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นข้อมูลจากการร้องเรียนและการดำเนินคดีจริง            ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและป้องกันการสูญเสียทรัพย์สินที่ถูกหลอกลวงจากกลุ่มมิจฉาชีพ สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงประชาชน รวมถึงการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

abs

Hoonvision

จับตา ADVANC-TRUE  ชิงประมูลคลื่น-ชี้แข่งไม่ดุ

จับตา ADVANC-TRUE ชิงประมูลคลื่น-ชี้แข่งไม่ดุ

           หุ้นวิชั่น- ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นรายงานว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติ (กสทช.) เตรียมจัดการประมูลคลื่นความถี่ 6 ย่านความถี่คือ 850MHz, 1500MHz, 1800MHz, 2100MHz, 2300MHz และ 26GHz ในปี 68 โดย กสทช.จะนำหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะภายใน 30 วันและน่าจะเปิดประมูลได้ในเดือนเม.ย.68            ทั้งนี้ กสทช. เผยว่า การประมูลย่านความถี่ 850MHz, 1500MHz และ 1800MHz จะจัดขึ้นพร้อมกัน ขณะที่ย่านความถี่ 850MHz, 2100MHz และ 2300MHz ใช้งานโดยบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) และจะสิ้นสุดการอนุญาตในเดือนส.ค.68 ส่วนการประมูลย่านความถี่ 26GHz จะมาจาก capacity ที่เหลืออีก 100MHz จากการประมูลรอบล่าสุดในปี 63            โดยย่านความถี่ 2100MHz ประกอบด้วย bandwidth ของ NT 45MHz ส่วนที่เหลือมาจากใบอนุญาตคลื่นความถี่ 2100MHz ของ AIS และ TRUE ที่จะหมดอายุในปี 70            ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า ปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับราคาตั้งต้นประมูลของแต่ละย่านความถี่ ขณะที่กสทช. เผยว่าราคาตั้งต้นประมูลของคลื่นความถี่ 2100MHz จะต่ำกว่าราคาคลื่นความถี่รอบที่แล้วที่ 3.1 หมื่นล้านบาท จึงเชื่อว่าบริษัทโทรคมนาคมน่าจะไม่ให้ความสนใจกับย่านความถี่ low-band (850MHz, 1500MHz และ 1800MHz) และ high-band (26GHz) มากนัก เนื่องจากเป็นย่านความถี่ที่ใช้สำหรับ 3G และในบางพื้นที่สำหรับ 5G แต่ย่านความถี่ mid-band สามารถใช้สำหรับ 4G หรือ 5G ได้ทั่วประเทศ จึงเชื่อว่า ย่านความถี่ mid-band (2100MHz และ 2300MHz) จะถูกประมูลโดยผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่สองบริษัท คือ AIS และ TRUE เพื่อรองรับบริการ 4G/5G และเทคโนโลยีในอนาคต            ยังแนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) ในกลุ่มโทรคมนาคมไทย แนะนำถือ ADVANC และ TRUE เพราะเชื่อว่านักลงทุนควรรอดูผลการ ประมูลคลื่นความถี่และราคาประมูลสุดท้าย ปัจจุบันกลุ่มโทรคมนาคมมีการประเมินมูลค่าที่ premium หรือที่ P/BV 3.46 เท่าในปี 68 หรือ +2SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต 6 ปี สะท้อนการแข่งขันที่ไม่รุนแรงและตลาดที่มีผู้เล่นเพียงสองราย ขณะที่เชื่อว่าแนวโน้มของกลุ่มโทรคมนาคมในปี 68-69 น่าจะขึ้นอยู่กับการเติบโตของธุรกิจหลัก ซึ่งน่าจะชะลอตัว            กลุ่มโทรคมนาคมมี downside risk หากผู้ประกอบการแข่งขันกันเสนอแพ็คเกจโทรศัพท์เคลื่อนที่และบรอดแบนด์รายเดือนมากขึ้น รวมถึงการบริโภคภาคเอกชนที่ชะลอตัวและการประมูลคลื่นความถี่ ส่วน upside risk จะมาจากการประหยัดค่าใช้จ่ายโครงข่ายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) รวมทั้งการที่ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และบรอดแบนด์เพิ่มขึ้นสุทธิแข็งแกร่งกว่าคาด

TRUE คาด ปี68 โกยกำไร 7,682 ลบ.  โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 13.43 บาท

TRUE คาด ปี68 โกยกำไร 7,682 ลบ. โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 13.43 บาท

         หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.ฟิลลิป  คาด 4Q67 รายได้หลักโต q-q จาก Netadd ธุรกิจโทรศัพท์มือถือมีแนวโน้มกลับมาเป็นบวก นอกจากนี้ คาด Write-off ประจำปีกดดันผลประกอบการใน 4Q67 จากการบันทึกรายการด้อยค่าสินทรัพย์สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ TRUE ในปี 2568 จากแนวโน้มการประหยัดต้นทุนจากการเปิดประมูลคลื่นความถี่ของ กสทช. ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วง 2Q68 คาด 4Q67 รายได้หลักโต q-q: จาก Preview ผลประกอบการ 4Q67 ทางฝ่ายคาดรายได้หลักโต q-q เนื่องจาก Netadd ธุรกิจโทรศัพท์มือถือมีแนวโน้มกลับมาเป็นบวกทั้งรูปแบบ prepaid และ postpaid จาก High Season การท่องเที่ยว คาด Write-off ประจำปีกดดันผลประกอบการ: ทางฝ่ายคาด TRUE มีแนวโน้มตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ใน 4Q67 สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากโดยปกติ TRUE มักจะตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ในไตรมาส 4 ของทุกปี มองปัจจัยดังกล่าวกดดันผลประกอบการ ส่งผลให้คาดการณ์ 4Q67 บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 389 ล้านบาท มอง TRUE ดีต่อเนื่อง: ทางฝ่ายยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ TRUE จากแนวโน้มการประหยัดต้นทุนจากการเปิดประมูลคลื่นความถี่ของ กสทช. ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วง 2Q68 ทางฝ่ายคาด TRUE สนใจคลื่น 2300 MHz ซึ่งเป็นคลื่นที่บริษัทฯ ใช้งานอยู่ ขณะที่คลื่น 850 MHz มีแนวโน้มไม่ประมูล เนื่องจากได้รับคลื่นสั้นเพิ่มจากการควบรวม สำหรับการแข่งขันด้านราคา ทางฝ่ายมองว่าอาจไม่รุนแรง เนื่องจากไม่มีความจำเป็นต้องแย่งส่วนแบ่งการตลาดระหว่างกัน โดยทางฝ่ายคาดปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 7,682 ล้านบาท ราคาพื้นฐาน 13.43 บาท คงคำแนะนำ "ซื้อ"

เกินต้าน! คาดกำไรปี 67 TRUE พุ่ง 106%  โบรกแนะ

เกินต้าน! คาดกำไรปี 67 TRUE พุ่ง 106% โบรกแนะ "ซื้อ" ปรับเป้าที่ 14.70 บาท

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กรุงศรี คงคำแนะนำ "ซื้อ" และราคาปรับเป้าหมายที่ 14.70 บาท สำหรับหุ้น TRUE เรายังคงเชื่อมั่นในแนวโน้มการฟื้นตัวของผลประกอบการ คาดการณ์กำไรหลักใน 4Q24 ที่ 3.8 พันล้านบาท ฟื้นตัวจากขาดทุน 1 พันล้านบาทใน 4Q23 นับเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันที่มีการเติบโตแบบ QoQ ตั้งแต่ 1Q24 และมี upside ต่อกำไรปี 2567 และ 2568 ของเรา มูลค่าซื้อขายยังคงน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ระดับ EV/EBITDA ปี 2568 เท่ากับ 7.7 เท่า ในขณะที่ EBITDA คาดว่าจะเติบโต 10% ในปี 2568 กำไรหลักใน 4Q แกร่งที่ 3.8 พันล้านบาท (+32% QoQ)           คาดการณ์ว่าธุรกิจหลักจะทำกำไรได้ 3.8 พันล้านบาทใน 4Q24F เพิ่มขึ้น 32% QoQ และฟื้นตัวจากขาดทุนหลัก 1 พันล้านบาทใน 4Q23 นับเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันของการฟื้นตัวของผลประกอบการและการเติบโตแบบ QoQ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งจะมาจากรายได้ที่สูงขึ้นทั้งในกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบ้าน รวมถึงการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร สมมติฐานหลักของเราสำหรับ 4Q24F คือ (i) รายได้หลักไม่รวมรายการพิเศษจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY (+4%) และ QoQ (+1.5%) หนุนโดยกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบ้าน รายได้จากโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเพิ่มขึ้น 3% YoY และ 1.5% QoQ และรายได้จากอินเทอร์เน็ตบ้านจะเพิ่มขึ้น 7% YoY และ 2% QoQ; (ii) ต้นทุนบริการสำหรับธุรกิจหลักจะลดลง 4% YoY และทรงตัว QoQ เนื่องจากกลยุทธ์การลดต้นทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานเครือข่าย; และ (iii) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะคงที่ในระดับ 3Q24 แม้ว่าจะมีการใช้จ่ายด้านการตลาดที่สูงขึ้นตามฤดูกาล แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโดยรวมควรลดลงต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร คงประมาณกำไรกำไรปี 2567 และ 2568 (+25% YoY)           ประมาณการของเราสำหรับ 4Q24 จะทำให้กำไรปี 2567 อยู่ที่ 106% ของประมาณการทั้งปีของเรา มี upside ต่อประมาณการกำไรของเรา แต่เราจะคงกำไรปี 2567 ที่ 9.1 พันล้านบาท ฟื้นตัวจากขาดทุนหลัก 6.4 พันล้านบาทในปี 2566 และเราคาดการณ์ว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 25% YoY ในปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้ที่สูงขึ้นและการควบคุมต้นทุน และ upside จากการประมูลคลื่นความถี่ที่กำลังจะเกิดขึ้น คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาปรับเป้าหมาย 14.70 บาท           TRUE ยังคงมีความน่าสนใจในเรื่องของการเติบโตของผลประกอบการ มูลค่าซื้อขายยังคงน่าสนใจที่ระดับ EV/EBITDA ปี 2568 เท่ากับ 7.7 เท่า ในขณะที่ EBITDA คาดว่าจะเติบโต 10% ในปีนี้

กสทช. ประมูลคลื่นใหม่ คาดหนุนกำไร ADVANC – TRUE  โบรกแนะซื้อ เป้า 305 บ. - 14.7 บ. ตามลำดับ

กสทช. ประมูลคลื่นใหม่ คาดหนุนกำไร ADVANC – TRUE โบรกแนะซื้อ เป้า 305 บ. - 14.7 บ. ตามลำดับ

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กรุงศรี มีมุมมองเชิงบวก โดยกำไรสุทธิและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง คงประมาณการกำไรปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 89% yoy และเติบโต 10% yoy ในปี 2568 ด้วย Upside จากการประมูลคลื่นความถี่ ในปี 2568 เนื่องจากการแข่งขันที่มีน้อยลง คงคำแนะนำ “ซื้อ” ADVANC และ TRUE (Top pick ราคาเป้าหมาย 14.7 บาท) กสทช. จะดำเนินการประมูลคลื่นความถี่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ตามข่าว คาดว่าจะมีการเสนอแผนการนำคลื่นความถี่ไปใช้ในช่วง 5 ปีข้างหน้า และรูปแบบการประมูลคลื่นความถี่ครั้งต่อไป เข้าที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในวันอังคารที่ 14 มกราคมนี้ โดยคลื่นความถี่ที่คาดว่าจะนำมาประมูล ได้แก่ 850 MHz, 1500 MHz, 1800 MHz, 2100 MHz และ 2300 MHz ราคาเริ่มต้นอาจอยู่ที่ประมาณ 16,000 ล้านบาท สำหรับคลื่นความถี่ 2100 MHz ขนาด 30 MHz และ 30,000 ล้านบาท สำหรับคลื่นความถี่ 2300 MHz ขนาด 60 MHz คาดว่า NT อาจจะไม่เข้าร่วมประมูลในครั้งนี้ คาดว่าการประมูลคลื่นความถี่ใหม่จะเพิ่มกำไรของ ADVANC และ TRUE หากเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในเดือนกุมภาพันธ์/มีนาคม และการประมูลจะจัดขึ้นในเดือนเมษายน/พฤษภาคม ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานที่คาดว่าการประมูลจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 สมมติฐานดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานของคลื่นความถี่บางส่วน (850 MHz, 2100 MHz และ 2300 MHz) ที่ NT ถือครองอยู่ในปัจจุบันจะหมดอายุในเดือนสิงหาคมปีนี้ ตามกฎระเบียบ NT จำเป็นต้องคืนคลื่นความถี่ดังกล่าวให้กับ กสทช. และ กสทช. จะดำเนินการนำคลื่นความถี่ดังกล่าว กลับมาบริหารจัดการและประมูลต่อไป ในมุมมองของบทวิเคราะห์ การประมูลคลื่นความถี่ 850 MHz, 2100 MHz และ 2300 MHz จะไม่ได้ทำให้เกิดการลงทุนใหม่ แต่จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของผู้ให้บริการ และส่งผลให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นในปี 2568 คาดว่าจะมีการประหยัดต้นทุนจากปัจจัยต่อไปนี้ (i) ผู้ให้บริการแต่ละรายจะประมูลคลื่นความถี่ที่ตนเองต้องการเท่านั้น และ (ii) การแข่งขันจะมีน้อยลง และ ราคาประมูลสุดท้ายจะใกล้เคียงกับราคาเริ่มต้น จากราคาเริ่มต้นของคลื่นความถี่ 2100 MHz และ 2300 MHz ตามที่รายงานข่าวระบุ คาดว่าคลื่นความถี่ดังกล่าวจะส่งผลให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น หาก ADVANC ได้รับการประมูลคลื่นความถี่ 2100 MHz ในราคา 16,000 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการตัดจำหน่ายต่อปีจะอยู่ที่ 1,060 ล้านบาท ต่ำกว่าค่าเช่าที่ชำระให้กับ NT ในปัจจุบันที่ 4,000 ล้านบาท ถือเป็น upside risk ต่อประมาณการกำไรสุทธิในปี 2568 ของ ADVANC ที่ 8% สำหรับ TRUE ค่าใช้จ่ายในการตัดจำหน่ายต่อปีของคลื่นความถี่ 2600 MHz จะอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ต่ำกว่าค่าเช่าที่ชำระให้กับ NT ในปัจจุบันที่ 6,000 ล้านบาท ถือเป็น upside risk ต่อประมาณการกำไรสุทธิในปี 2568 ที่ 33% ได้ดำเนินการวิเคราะห์ (Sensitivity Analysis) เกี่ยวกับระดับราคาประมูลที่จะทำให้กำไรต่อหุ้นของ ADVANC และ TRUE ไม่เพิ่มขึ้น ผลการวิเคราะห์พบว่า หากราคาประมูลสุดท้ายของ TRUE สูงถึง 90,000 ล้านบาท (เท่าตัวของราคาเริ่มต้น) และ 45,000 ล้านบาทสำหรับ ADVANC (เท่าตัวของราคาเริ่มต้น) กำไรต่อหุ้นอาจไม่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม มองว่ามีความเป็นไปได้น้อยมาก คำแนะนำ           คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ ADVANC (ราคาเป้าหมาย 305 บาท) และ TRUE (ราคาเป้าหมาย 14.7 บาท) โดยมีสมมติฐานหลักมาจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของกำไรสุทธิและ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานในอีก 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิในปีหน้า โดยมี upside risk จากการประมูลคลื่นความถี่.

TRUE คาด Q4 ผลประกอบดี  โบรกแนะทยอยสะสม เป้า 12.10 บ.

TRUE คาด Q4 ผลประกอบดี โบรกแนะทยอยสะสม เป้า 12.10 บ.

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กสิกรไทย มีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มสื่อสารซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความมั่นคงทั้งด้านผลประกอบการและการเคลื่อนไหวของราคา โดยการแต่งตั้งคุณซิเกเว่ เบรกเก้ อดีต CEO ของ Telenor Group เป็นประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและดิจิทัลของเครือเจริญโภคภัณฑ์ คาดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารและการควบคุมค่าใช้จ่ายของ TRUE นอกจากนี้ คาดว่า TRUE จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ที่ดี โดย EBITDA จะเติบโตทั้งเทียบไตรมาสก่อนและปีก่อน จากรายได้ต่อผู้ใช้บริการ (ARPU) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังการแข่งขันด้านราคารลดลง ประกอบกับการลดต้นทุนและประโยชน์จากการควบรวมกิจการจะส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานหลักปรับตัวดีขึ้น และต่อเนื่องไปในปี 2568 โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นโอกาสในการทยอยสะสม TRUE: ราคาพื้นฐาน 12.10 บาท

TRUE นำ 5G พลิกโฉม “สาธารณสุขอัจฉริยะ” หยุดยั้ง “โรคหลอดเลือดสมอง”

TRUE นำ 5G พลิกโฉม “สาธารณสุขอัจฉริยะ” หยุดยั้ง “โรคหลอดเลือดสมอง”

          หุ้นวิชั่น - น่าน, 10 มกราคม 2568 - 5G เชื่อมต่อวินาทีของชีวิตในยุคที่โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) กลายเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นของคนไทย “ทรู คอร์ปอเรชั่น” บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย ได้นำศักยภาพของเครือข่าย 5G มาพลิกโฉมวงการสาธารณสุขไทย ผ่านโครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ (Mobile Stroke Unit) เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ขั้นสูงสำหรับผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกลด้วยแนวทาง “สาธารณสุขอัจฉริยะ” โดยร่วมกับโครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่เฉลิมพระเกียรติเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันในพื้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กับ มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงาน กสทช. พร้อมนำร่องแล้วที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว จังหวัดน่าน           จากรายงานสถิติสาธารณสุขล่าสุดของ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขในปี 2566 พบว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองสูงถึง 349,126 ราย และมีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 10 และทุพพลภาพถึงร้อยละ 60 โดยที่น่าวิตกคือผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีอายุน้อยกว่า 70 ปี ทั้งนี้ โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการตายของคนไทยอันดับ 2 รองจากมะเร็ง           นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัยระบบสารสนเทศ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เครือข่าย 5G ของทรู คอร์ปอเรชั่นมีจุดเด่นทั้งด้านความเร็วสูง ความหน่วงต่ำ ความเสถียร และความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลากหลาย ซึ่งเป็นหัวใจการเชื่อมต่อดิจิทัลที่สำคัญสู่ ‘Mobile Stroke Unit’ ให้สามารถดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองได้เสมือนอยู่ในการรักษาของแพทย์อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะการส่งภาพสแกนสมองจากเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองที่มีไฟล์ขนาดใหญ่ และสัญญาณชีพของผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ด้วยความละเอียดสูง ช่วยให้ทีมแพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำและทันเวลา พลิกวิกฤตนาทีชีวิต ก่อนผู้ป่วยจะเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ซึ่งลดอัตราการเสียชีวิตและทุพพลภาพของคนไทย”           ความสำคัญของ 5G การเชื่อมต่อความเร็วสูง ความหน่วงต่ำ (Low Latency) สู่ “Mobile Stroke Unit” การสื่อสารดิจิทัลคุณภาพและความเร็วสูง: อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงช่วยให้การสื่อสารระหว่างแพทย์และผู้ป่วยผ่านวิดีโอคอลมีความคมชัดและไม่สะดุด ทำให้การวินิจฉัยและการให้คำปรึกษามีประสิทธิภาพแม่นยำโดยเฉพาะเวลาที่ทุกวินาทีมีความหมายต่อชีวิต การรับ-ส่งดาต้า: การส่งและรับข้อมูลทางการแพทย์ เช่น ภาพถ่าย เอกซเรย์ หรือผลตรวจต่าง ๆ ต้องการความเร็วในการเชื่อมต่อที่สูง เพื่อให้ข้อมูลถูกส่งอย่างรวดเร็วและปลอดภัย การขยายบริการสาธารณสุข: อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทำให้บริการทางการแพทย์ ยกระดับสู่ “สาธารณสุขอัจฉริยะ” สามารถเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลหรือชนบท ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์           โครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่เฉลิมพระเกียรติเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันในพื้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช  21 แห่งทั่วประเทศ มีแผนที่จะนำรถ Mobile Stroke Unit จำนวน 21 คัน กระจายสู่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั่วประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ 6 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 แห่ง ภาคใต้ 4 แห่ง และภาคกลาง 2 แห่ง ซึ่งเริ่มที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว จังหวัดน่าน เป็นแห่งแรก           รถ Mobile Stroke Unit นี้ได้รับการออกแบบให้เป็นเสมือนโรงพยาบาลเคลื่อนที่ โดยจะไปหาผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว จากการที่ได้รับแจ้งจากผู้ป่วยหรือญาติที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล โดยมีหลักการทำงานที่สำคัญต่อชีวิตในภาวะวิกฤตจากโรคหลอดเลือดสมอง ดังนี้ รถพยาบาลเฉพาะทางสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ทำหน้าที่เสมือนโรงพยาบาลเคลื่อนที่สู่ชุมชน ช่วยลดระยะเวลารักษาและอัตราการเสียชีวิต หรือทุพพลภาพ เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT Scanner)  ให้ภาพสแกนสมองภายในไม่กี่วินาที ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยและรักษาได้รวดเร็ว ทั้งกรณีหลอดเลือดอุดตันและเลือดออกในสมอง ติดตั้งอุปกรณ์ทันสมัย ทั้งเครื่องฉีดสารทึบรังสี เครื่องตรวจเลือด พร้อมระบบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางทางไกล (Teleconsultation) และสามารถให้ยาสลายลิ่มเลือดได้ทันที ระบบกล้องบันทึกภาพและสนทนากับผู้ป่วยขณะอยู่บนรถ ช่วยให้ทีมแพทย์วางแผนการรักษาล่วงหน้าก่อนถึงโรงพยาบาล           นายประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เทคโนโลยี 5G ที่มีความเร็วสูง ความหน่วงต่ำ และความเสถียร ช่วยให้การส่งข้อมูลทางการแพทย์ขนาดใหญ่ ทั้งภาพ CT Scan สมองและสัญญาณชีพของผู้ป่วย สามารถทำได้แบบเรียลไทม์อย่างแม่นยำและรวดเร็ว แม้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะอยู่ห่างไกลหลายร้อยหรือหลายพันกิโลเมตร ช่วยให้การวินิจฉัยและวางแผนการรักษาทำได้ทันที นับเป็นการยกระดับการเข้าถึงการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สำหรับประชาชนในพื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่ที่ขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหลอดเลือดสมอง”           ทั้งนี้ องค์การโรคหลอดเลือดสมองโลก (World Stroke Organization: WSO) เผยว่าประชากรทั่วโลก 1 ใน 4 คนเคยประสบกับโรคหลอดเลือดสมอง ดังนั้นการดูแลสุขภาพและการป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคร้ายนี้ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสังเกตอาการ “โรคหลอดเลือดสมอง” ด้วยตนเอง ตามหลัก B.E.F.A.S.T. เบื้องต้น ได้แก่ Balance: เดินเซ เวียนศีรษะ บ้านหมุนฉับพลัน Eye: ตามัว มองเห็นภาพซ้อนฉับพลัน Face: ปากเบี้ยว หน้าเบี้ยวเฉียบพลัน Arm: แขนขาอ่อนแรงหรือชาครึ่งซีก Speech: พูดไม่ชัด เสียงเปลี่ยน ลิ้นแข็ง พูดไม่รู้เรื่อง Time: ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด           ผู้ป่วยที่มีอาการโรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke จะต้องให้ยาสลายลิ่มเลือดภายใน 4 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งทุกๆ 1 นาทีที่เสียไปนั้น สมองและเซลล์ประสาทจะตาย 1.9 ล้านตัว  หากพบแพทย์ล่าช้า อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต หรืออาจจะเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต กลายเป็นบุคคลทุพพลภาพถาวร ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ กล่าวคือ หากผู้ป่วยหรือญาติมีอาการเดินเซ มองเห็นภาพซ้อน หน้าเบี้ยว แขนขาอ่อนแรง หรือพูดไม่ชัด ให้รีบโทร 1669 ทันที หากผู้ป่วยมีอาการดังกล่าวทางโรงพยาบาลจะส่งรถฉุกเฉินไปรับผู้ป่วย พร้อมกับแจ้งทีมปฏิบัติการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ (Mobile Stroke Unit) ออกปฏิบัติการเพื่อออกรับผู้ป่วย เมื่อถึงจุดนัดพบ จะย้ายผู้ป่วยเข้ารถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่เพื่อเริ่มการรักษาทันที           สำหรับความร่วมมือดังกล่าวในโครงการนี้ นับเป็นการต่อยอดความสำเร็จที่ทางทรู คอร์ปอเรชั่นได้ร่วมมือกับศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี 2563 โดยเป็นโครงการที่ร่วมพัฒนาหน่วยรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ (Mobile Stroke Unit) ในรูปแบบของรถมาจากความคิดริเริ่มของศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช พัฒนารถต้นแบบคันแรกเสร็จในปี 2561           “ทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย มีความมุ่งมั่นที่จะนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาพัฒนาระบบสาธารณสุขอัจฉริยะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ขั้นสูงของประชาชนไทยในทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียม” นายประเทศ กล่าวในที่สุด

ทรูมูฟ เอช ชำระค่าคลื่น 700 MHz งวดที่ 5 มูลค่า 1,881 ล้านบาท

ทรูมูฟ เอช ชำระค่าคลื่น 700 MHz งวดที่ 5 มูลค่า 1,881 ล้านบาท

           หุ้นวิชั่น - 8 มกราคม 2568 – บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ผู้ได้รับจัดสรรคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 700 MHz ช่วงความถี่ 713-723 MHz คู่กับ 768-778 MHz (เดิมเป็นของบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด) ได้ดำเนินการชำระค่าใบอนุญาตคลื่น 700 MHz งวดที่ 5 เป็นจำนวนเงิน 1,881,488,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมยื่นหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินสำหรับการชำระเงินค่าคลื่นความถี่ในส่วนที่เหลือ ให้แก่สำนักงาน กสทช. ตามเงื่อนไขที่กำหนด เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 โดยมีนายนฤพนธ์ รัตนสมาหาร (ที่ 3 จากซ้าย) หัวหน้าสายงานรัฐกิจสัมพันธ์และกำกับดูแล และนางสาววีณา จ่างเจริญ (ขวาสุด) ผู้เชี่ยวชาญสายงานกลยุทธ์กฎระเบียบการกำกับดูแลกิจการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนบริษัทฯ ในการชำระค่าคลื่นความถี่ โดยมีนายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน (ที่ 2 จากซ้าย) รองเลขาธิการ กสทช.สายงานกิจการโทรคมนาคม เป็นผู้รับมอบ พร้อมด้วยนางพุธชาด แมนมนตรี (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการสำนัก สำนักการอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม 1 (ปท.1) ณ สำนักงาน กสทช.            ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งพัฒนาบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ครอบคลุมทุกย่านคลื่นความถี่ ทั้งคลื่นความถี่ต่ำ กลาง และสูง โดยได้นำคลื่น 700 MHz ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ต่ำมาพัฒนาการให้บริการและขยายโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สัญญาณครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมนำอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสู่ผู้ใช้บริการทุกคน เพื่อมอบประสบการณ์การใช้เทคโนโลยี 5G และ 4G ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ส่งผลให้ลูกค้าทั้งทรูและดีแทคได้ใช้บริการที่มีคุณภาพยิ่งขึ้นจากการพัฒนาโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง [PR News]

TRUE คาดกำไรปี 68 ปังต่อ! แนะ “ซื้อ” เป้า 12.10 บาท

TRUE คาดกำไรปี 68 ปังต่อ! แนะ “ซื้อ” เป้า 12.10 บาท

หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.กสิกรไทย ชี้ หุ้นปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมาเป็นโอกาสทยอยสะสม มีมุมมองเชิงบวกต่อ TRUE แนะนำเก็งกำไรสำหรับงบ 4Q24 คาดแนวโน้มผลประกอบการ EBITDA ใน 4Q24 จะเร่งตัวขึ้น QoQ และ YoY หนุนโดย ARPU ที่ยังคงปรับตัวขึ้นเล็กน้อยทั้ง YoY และ QoQ หลังจากการแข่งขันด้านราคาที่น้อยลง ทั้งนี้การลดต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหนุนด้วย synergy value จากการควบรวมจะส่งผลให้แนวโน้มของกำไรจากผลประกอบการหลักปรับตัวดีขึ้น และต่อเนื่องไปในปี 2025 ฝ่ายวิจัยแนะนำราคาพื้นฐานที่ 12.10 บาท

TRUE เผย Countdown 2025 ไอคอนสยามคึก  ยอดดาต้าทรูพุ่ง 200% รับกระแส “ลิซ่า”  

TRUE เผย Countdown 2025 ไอคอนสยามคึก ยอดดาต้าทรูพุ่ง 200% รับกระแส “ลิซ่า”  

          หุ้นวิชั่น - 1 มกราคม 2568 - ทรู คอร์ปอเรชั่นเผยดาต้าฉลองต้อนรับปีมะเส็ง 2568 เทรนด์การใช้งานมือถือ เน็ตบ้านสุดคึกปีนี้ไทยจัดเคานต์ดาวน์กระหึ่ม อาทิ ไอคอนสยามกับงานเฉลิมฉลองศักราชใหม่ "Amazing Thailand Countdown 2025" พร้อมเชิญ "ลิซ่า ลลิษา มโนบาล" ศิลปินไทยที่ดังระดับโลกมาเยือน เผยยอดใช้งานดาต้าพื้นที่ไอคอนสยามในคืนเคานต์ดาวน์สูงมากกว่า 200% จากการใช้งานในช่วงเทศกาล ด้าน Mobility Data การเดินทางท่องเที่ยวปีใหม่ และการใช้มือถือจากผู้ใช้งานแบรนด์ทรู และดีแทคสุดพีคจากเทศกาลตามคาดการณ์ พบไฮไลท์น่าจับตา 10 จังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทยและต่างชาติ พร้อมรายงาน 5 แอปพลิเคชันครองใจคนใช้งานทั้งมือถือและเน็ตบ้าน ขณะที่แอปทรูไอดี (TrueID) โดยรวมมียอดผู้ใช้งานในช่วงเทศกาลเพิ่มขึ้นราว 500%           นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เปิดเผยว่า "ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ยกระดับประสบการณ์ในการให้บริการเครือข่ายมือถือและอินเทอร์เน็ตเต็มประสิทธิภาพตลอดช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองและในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีมะเส็งที่ผ่านมา โดยเราได้วางแผนอย่างแม่นยำผ่านการวิเคราะห์ Mobility Data และติดตามพฤติกรรมผู้ใช้มือถือในพื้นที่จัดงานเคานต์ดาวน์ทั่วประเทศ ส่งผลให้การเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณทั้ง 5G, 4G และ WiFi มีประสิทธิภาพสูงสุดและตรงจุด พร้อมทีมปฏิบัติการภาคสนามที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ดูแลคุณภาพสัญญาณทั้งในจุดเคานต์ดาวน์หลักของกรุงเทพมหานครและสถานที่ยอดนิยมในต่างจังหวัด รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไทย ทำให้ผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถแชร์ภาพ วิดีโอ ไลฟ์สตรีม และส่งข้อความอวยพรได้อย่างต่อเนื่องและราบรื่น สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์ดิจิทัลของคนไทยให้ก้าวสู่ปีใหม่ด้วยมาตรฐานการให้บริการระดับโลก" สถิติจากการใช้งานมือถือแบรนด์ “ทรูมูฟ เอช”ช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ 2568     10 จังหวัดยอดนิยมคนไทย - นักท่องเที่ยวเดินทางและกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่มากสุด 10 จังหวัดอันดับแรก คือ 1. บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ 3. นครราชสีมา 4. สุรินทร์ 5. อุบลราชธานี 6. ชัยภูมิ 7. ร้อยเอ็ด 8. เพชรบูรณ์ 9. นครสวรรค์ 10. กาฬสินธุ์ (ข้อมูลการเคลื่อนที่ของจำนวนประชากรจากโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobility Data ทรูมูฟ เอชในช่วงฉลองเทศกาลปีใหม่ ธันวาคม 2567) จังหวัดดาวรุ่งขวัญใจคนไทยปีมะเส็ง - จังหวัดมาแรงที่คนไทยนิยมเดินทางช่วงปีใหม่ที่มียอดเติบโตสูงสุดคือ “อุทัยธานี” โดยเติบโตเพิ่มขึ้นราว 60% โดยเป็นข้อมูลสะท้อนให้เห็นว่าพฤติกรรมนักท่องเที่ยวไทยนิยมมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ซึ่งอุทัยธานี เป็นเมืองรองตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ ใกล้ชิดธรรมชาติ และวิถีชุมชน อีกทั้งระยะทางที่ใกล้กรุงเทพฯ ทำให้สามารถไป-กลับได้ภายในวันเดียว เหมาะกับคนที่มีเวลาจำกัดแต่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่ 10 จังหวัดยอดนิยมนักท่องเที่ยวต่างชาติ - สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่ 10 จังหวัดอันดับแรก คือ 1. เชียงราย ภูเก็ต 3. สุราษฎร์ธานี 4. กรุงเทพมหานคร 5. ตาก 6. กระบี่ 7. สงขลา 8. เชียงใหม่ 9. เพชรบุรี 10. ประจวบคีรีขันธ์ (ข้อมูลการเคลื่อนที่ของจำนวนประชากรจากโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobility Data ทรูมูฟ เอชในช่วงฉลองเทศกาลปีใหม่ ธันวาคม 2567) จังหวัดดาวรุ่งขวัญใจนักท่องเที่ยวต่างชาติปีมะเส็ง - จังหวัดมาแรงที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางไปช่วงปีใหม่ที่มียอดเติบโตสูงสุดคือ “เชียงราย” โดยเติบโตเพิ่มขึ้นราว 200% และยังคงครองแชมป์ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา 5 แอปพลิเคชันยอดนิยม – แอปพลิเคชันที่มีการใช้งานสูงสุดในช่วงเทศกาลเคานต์ดาวน์สู่ปีใหม่ คือ 1. Facebook YouTube 3. LINE 4. TikTok 5. WhatsApp ช่วงเวลาดีๆ ที่นิยมใช้งานสูงสุด (Peak hour period) คือ เวลา 00-22.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2567 สถิติจากการใช้งานมือถือแบรนด์ “ดีแทค” ช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ 2568      10 จังหวัดยอดนิยมคนไทย - นักท่องเที่ยวเดินทางและกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่มากสุด 10 จังหวัดอันดับแรก คือ 1. นครราชสีมา 2. เพชรบูรณ์ 3. อุบลราชธานี 4. ศรีสะเกษ 5. กาญจนบุรี 6.ขอนแก่น 7. เชียงใหม่ 8.บุรีรัมย์ 9.นครสวรรค์ 10.สุรินทร์ (ข้อมูลการเคลื่อนที่ของจำนวนประชากรจากโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobility Data ดีแทคในช่วงฉลองเทศกาลปีใหม่ ธันวาคม 2567) จังหวัดดาวรุ่งขวัญใจคนไทยปีมะเส็ง - จังหวัดมาแรงที่คนไทยนิยมเดินทางไปช่วงปีใหม่ที่มียอดเติบโตสูงสุดคือ “เพชรบูรณ์” โดยเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ซึ่งเป็นข้อมูลแสดงถึงเทรนด์ที่คนไทยนิยมไปท่องเที่ยวจังหวัดที่เดินทางสะดวกและไม่ไกลมากจากกรุงเทพมหานครในช่วงปีใหม่นี้ และเพชรบูรณ์ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจเช่น เขาค้อและภูทับเบิก พร้อมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับพักผ่อนอีกด้วย 10 จังหวัดยอดนิยมนักท่องเที่ยวต่างชาติ - สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่ 10 จังหวัดอันดับแรก คือ 1. ตาก 2. ภูเก็ต 3. เชียงราย 4. กระบี่ 5. ชลบุรี 6.สุราษฎ์ธานี 7.กาญจนบุรี 8.สงขลา 9.นครราชสีมา 10.พังงา (ข้อมูลการเคลื่อนที่ของจำนวนประชากรจากโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobility Data ดีแทคในช่วงฉลองเทศกาลปีใหม่ ธันวาคม 2567) จังหวัดดาวรุ่งขวัญใจนักท่องเที่ยวต่างชาติปีมะเส็ง - จังหวัดมาแรงที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางไปช่วงปีใหม่ที่มียอดเติบโตสูงสุดคือ “ตาก” โดยเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 260% 5 แอปพลิเคชันยอดนิยม – แอปพลิเคชันที่มีการใช้งานสูงสุดในช่วงเทศกาลเคานต์ดาวน์สู่ปีใหม่ คือ 1. Facebook YouTube 3. WhatsApp 4. TikTok 5. LINE ช่วงเวลาดีๆ ที่นิยมใช้งานสูงสุด (Peak hour period) คือ เวลา 00-22.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2567 สถิติจากการใช้งาน “ทรู ออนไลน์” หรือเน็ตบ้านช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ 2568    ทรูออนไลน์ มีการใช้งานสูงสุดในช่วงเวลา 00-22.00 น. วันที่ 31 ธันวาคม 2567 แอปพลิเคชันยอดนิยมใช้งานสูงสุด 5 อันดับ คือ 1. YouTube Facebook 3. TikTok 4. Netflix 5. TrueID           นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ส่งมอบความสุขต้อนรับปีใหม่ผ่านแคมเปญ 'ยิ้มทั่วไทย' ด้วยการมอบประสบการณ์พิเศษและของขวัญมากมายผ่านสัญญาณ 5G ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เริ่มจากการนำเสนอภาพยนตร์โฆษณา 'ยิ้มทั่วไทย ยิ้มให้ตัวเอง' ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนมองเห็นคุณค่าของตนเองและคนรอบข้าง ควบคู่ไปกับ 'ยิ้มทั่วไทย ทรูทั่วไทย' ที่ยกระดับประสบการณ์การใช้งานด้วยสัญญาณคุณภาพทั่วทุกพื้นที่ พร้อมเชิญชวนร่วมกิจกรรมสุดพิเศษใน 'ยิ้มทั่วไทย ยิ้มให้ปีใหม่' และร่วมลุ้นรับของขวัญผ่านกิจกรรม 'ยิ้มทั่วไทย ยิ้มรับของขวัญ' ด้วยการถ่ายภาพยิ้มผ่าน AR บนแอปทรูไอดี ดีแทคแอป หรือทรูไอเซอร์วิส โดยเข้าที่เมนู 'สิทธิพิเศษ' และคลิกแบนเนอร์ 'ยิ้มรับสุขทั่วไทย' เพื่อร่วมลุ้นรับของขวัญมากมายจนถึง 15 มกราคม 2568

ทรู คอร์ปอเรชั่น องค์กรที่ยั่งยืนที่สุดในโลก 7 ปีซ้อน ประกาศเป้าหมายปี 2568 เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

ทรู คอร์ปอเรชั่น องค์กรที่ยั่งยืนที่สุดในโลก 7 ปีซ้อน ประกาศเป้าหมายปี 2568 เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

           หุ้นวิชั่น -  ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้รับการจัดอันดับดัชนีความยั่งยืน Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ปี 2024 ให้เป็นองค์กรที่ยั่งยืนที่สุดในกลุ่มโทรคมนาคมของโลก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 จากการประเมินบริษัทต่างๆ ทั่วโลกตามหลักเกณฑ์ Corporate Sustainability Assessment (CSA) ของ S&P Global ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยความสำเร็จอีกครั้งในปีนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้คะแนนรวมสูงถึง 95 จาก 100 ซึ่งเป็นคะแนนสูงสุดของโลกในกลุ่มบริษัทโทรคมนาคม พร้อมเดินหน้าประกาศแผนงานสำคัญ ปี 2568 ขับเคลื่อนกลยุทธ์สร้างองค์กรผู้นำด้านความยั่งยืนต่อเนื่อง            นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “การที่ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้รับการจัดอันดับดัชนีความยั่งยืน DJSI 2024 ให้เป็นบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีที่ยั่งยืนที่สุดในโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจขององค์กรบนพื้นฐานความยั่งยืน ทั้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) แต่อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า คือ การเปิดเวทีแห่งโอกาสให้เราได้ร่วมกันขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืนในประเด็นสำคัญต่างๆ ในประเทศไทย อาทิ การแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต การเข้าถึงดิจิทัล นวัตกรรม และการศึกษา ซึ่งปี 2568 ที่กำลังจะมาถึงนี้ จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ทรู จะเร่งก้าวไปข้างหน้า เป็นผู้นำที่พร้อมเสริมแกร่งให้คนไทยทุกคนได้ใช้ชีวิตที่ปลอดภัยขึ้น มีสุขภาพที่ดีขึ้น และใช้ชีวิตดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” มิติด้านสิ่งแวดล้อม ชูแพลตฟอร์มจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ 94 จาก 100 คะแนนในมิติด้านสิ่งแวดล้อม จากการประเมิน S&P Global CSA ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการลดการปล่อยคาร์บอนและการเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ดำเนินการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่เสาสัญญาณมากกว่า 10,000 แห่ง อีกทั้ง ยังดำเนินโครงการรีไซเคิลและโครงการต่างๆ เพื่อบริหารจัดการและลดขยะ ในปี 2568 ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งเดินหน้าขยายความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มเพื่อร่วมกันบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่าน 3 โครงการสำคัญ ได้แก่ ผสานความร่วมมือกับคู่ค้าหลัก เร่งขับเคลื่อนภารกิจลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน หรือใน Scope 3 ตามหลักการ Science Based Targets initiative (SBTi) โดยคู่ค้าหลักที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับการสนับสนุนจากทรู ในการจัดหาแพลตฟอร์มเพื่อใช้เป็นเครื่องมือเก็บข้อมูลและตรวจสอบข้อมูล ช่วยให้บริษัทคู่ค้าบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยยังมีแผนที่จะมอบสิทธิประโยชน์ด้านการเงินให้แก่บริษัทคู่ค้าที่เข้าร่วมโครงการด้วย พัฒนานวัตกรรมแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงาน ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้สูงสุดถึง 20% โดยนำเทคโนโลยี IoT และปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เพื่อคาดการณ์และจัดการการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บ่มเพาะนวัตกรรุ่นใหม่ ดึงศักยภาพเทคโนโลยีคืนคุณค่าให้แก่สังคม ในปี 2567 ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ดำเนินโครงการ “e-Waste HACK BKK” เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนและคนรุ่นใหม่ ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมโซลูชันจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีแผนที่จะจัดโครงการ Hackathon ต่อเนื่องในปี 2568 มิติด้านสังคม สร้างการเข้าถึงดิจิทัลเพื่อเสริมแกร่งคนในสังคม            จากการประเมิน ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ 99 จาก 100 คะแนนในมิติด้านสังคม สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาชุมชนอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นส่งเสริมด้านการศึกษา สาธารณสุข และการสร้างสังคมดิจิทัลสำหรับทุกคน ซึ่งโครงการเหล่านี้เกิดขึ้นได้ด้วยโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของทรู ทั้งเครือข่าย 4G ที่ครอบคลุมประชากรไทยมากกว่า 99% ขณะที่เครือข่าย 5G ครอบคลุม 92% และในปี 2568 ทรู ยังตั้งเป้าที่จะเร่งยกระดับเครือข่ายให้ทันสมัยครบ 100% เพื่อเพิ่มความเร็วและความครอบคลุมในเสาสัญญาณทั่วประเทศ จากโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมอันแข็งแกร่งนี้ ทรู มุ่งมั่นที่จะทรานสฟอร์มการเข้าถึงเครือข่ายและสัญญาณให้กลายเป็นโอกาสทางดิจิทัล ผ่าน 3 แพลตฟอร์มสำคัญ ได้แก่ ทรูปลูกปัญญา โครงการหลักด้านการศึกษาของทรู โดยคลังความรู้ออนไลน์ ทรูปลูกปัญญา มีผู้ใช้งานมากกว่า 32 ล้านคนต่อปี และมีการปรับเปลี่ยนอัปเดทอยู่เสมอเพื่อตอบสนองให้ทันต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของนักเรียนและครูผู้สอน และด้วยการเติบโตของเทคโนโลยี AI ทรูปลูกปัญญา ยังได้เสริมหลักสูตรต่างๆ เพื่อสร้างทักษะอย่างยั่งยืน เช่น การคิดเชิงวิพากษ์ ความคิดสร้างสรรค์ และการคิดเชิงวิเคราะห์ Tech for Good พัฒนานวัตกรรมโซลูชันเพื่อส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืน ตอบโจทย์ประเด็นต่างๆ ในสังคมไทย โดยทรู คอร์ปอเรชั่น ได้จดทรัพย์สินทางปัญญามาแล้วกว่า 100 ผลงาน พร้อมขับเคลื่อนโซลูชันที่จะนำมาใช้แก้ไขปัญหาจนเกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ ระบบ True Smart Early Warning System (TSEWS) ที่ใช้เทคโนโลยีมาช่วยเฝ้าระวังช้างป่า ไม่ให้เข้ามาทำความเสียหายและอันตราย ลดความขัดแย้งระหว่างมนุษย์และช้างป่า โดยอัตราความสำเร็จใกล้เคียง 100% ทั้งนี้ ทรู ตั้งเป้าที่จะจดสิทธิบัตรนวัตกรรมให้ได้ 125 ผลงาน ภายในปี 2568 ทรู ไซเบอร์เซฟ ระบบป้องกันภัยไซเบอร์จากมิจฉาชีพ ทั้งจากลิงก์แปลกปลอม SMS หลอกลวง และการกรองสายเรียกเข้า โดยสามารถป้องกันผู้ใช้งานจากลิงก์อันตรายได้มากกว่า 100,000 รายการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการอย่างเต็มระบบทุกรูปแบบราวเดือนมีนาคม 2568   มิติด้านธรรมาภิบาล: การป้องกันรูปแบบใหม่ ก้าวทันยุค AI            ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงรักษามาตรฐานระดับสูงในมิติด้านธรรมาภิบาล โดยมุ่งเน้นความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม โดยได้ 92 จาก 100 คะแนนในมิตินี้ และเพื่อรับมือกับการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เพิ่มขึ้น ทรู คอร์ปอเรชั่น เป็นบริษัทโทรคมนาคมแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้นำแผนการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างมีความรับผิดชอบ หรือ Responsible AI (RAI) Roadmap ของสมาคมจีเอสเอ็ม (GSMA) มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ผ่านความร่วมมือกับโอเปอร์เรเตอร์ระดับโลก 19 ราย เพื่อส่งเสริมการใช้ AI อย่างปลอดภัย เท่าเทียมและยั่งยืน เป็นไปตามมาตรฐานระดับสากลสูงสุด และในช่วงต้นปี 2568 ทรู คอร์ปอเรชั่น เตรียมจะเปิดตัวโครงการ Responsible AI by Design เพื่อรับรองการใช้งาน AI อย่างมีจริยธรรมในทุกกระบวนการดำเนินงานขององค์กร

ADVANC – TRUE ในสนาม ICT ไทย  โบรกมองแข่งกันไม่ดุ ลงทุนต่ำ กำไรเพิ่ม

ADVANC – TRUE ในสนาม ICT ไทย โบรกมองแข่งกันไม่ดุ ลงทุนต่ำ กำไรเพิ่ม

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.เคจีไอ อัปเดตอุตสาหกรรม ICT Sector ระบุ วัฏจักรเชิงบวกหนุนพรีเมียม valuation การประมูลคลื่นความถี่อาจเสี่ยงต่อคำแนะนำของบล.ในการ re-rating กลุ่ม ICT ปี 2568 คาดว่าการประมูลคลื่นความถี่จะเกิดขึ้นใน 1H68 โดยไม่เกิดสงครามราคา           เพราะจุดสำคัญคือการให้บริการเครือข่ายดีต่อเนื่อง ขณะที่ True Corporation (TRUE.BK/TRUE TB) และ Advanced Info Service (ADVANC.BK/ADVANC TB)* ดูเหมือนจะไม่สนใจคลื่น 850MHz แต่จะมุ่งเน้นที่คลื่น 2300MHz และ 1800MHz ตามลำดับ           ในปี 2568 TRUE คาดว่าจะประหยัดค่าเช่าคลื่นความถี่ได้ 4-5 พันล้านบาทต่อปีจากคลื่น 850MHz และ 2300MHz หมดอายุ โดยเหลือเพียงคลื่น 2300MHz ส่วน ADVANC อาจประหยัดได้ ~1-1.5 พันล้านบาทต่อปีจากการแทนที่การเช่าคลื่น 2100MHz จาก NT ด้วยคลื่น 1800MHz Guidance ปี 2568 เป็นบวกต่อ           คาดว่า TRUE และ ADVANC จะให้ guidance ปี 2568 ด้านการเติบโต EBITDA และรายได้การให้บริการเป็นเลขหลักเดียว ด้วยงบลงทุน (CAPEX) ที่ต่ำลง (ไม่รวมค่าประมูลคลื่นฯ) ขณะที่แรงผลักดันรายได้ ด้วยการให้บริการมือถือเติบโตเล็กน้อย (1-3%) พร้อมกับ fixed broadband (FBB) เติบโตปานกลาง (>5%) การรับรู้ synergy ชัดเจนขึ้น และการประหยัดรายจ่ายจากการหมดอายุของคลื่นความถี่ เช่น คลื่น 850MHz และ 2300MHz ของ TRUE ใน 1Q68           โดย ADVANC อาจทำให้นักลงทุนดีใจด้วยเงินปันผลระหว่างกาล 2H67 ที่สูงกว่าคาด ขณะที่ TRUE อาจพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ ผู้แข่งขันในตลาดสองรายและศักยภาพการเติบโตกลุ่ม ICT ของไทย           กลุ่ม ICT ของไทยกำลังอยู่ในช่วงของผู้แข่งขันในตลาดเพียงสองราย ซึ่งช่วยเพิ่มกำไรผ่านการแข่งขันที่ลดลงและงบลงทุนต่ำลง โดยมี EBITDA margin คาดเพิ่มมาอยู่ที่ 50-60%           ขณะที่วัฏจักรขาขึ้นนี้อยู่ในช่วงของการขยายตัวและการแข่งขันลดลง ทำให้เกิดความเป็นไปได้ในการเติบโตแข็งแกร่งสำหรับ TRUE และ ADVANC ขณะที่ valuation ของกลุ่มอยู่ในระดับสูง แต่ทั้งสองบริษัทมี upside เพิ่มได้อีก และยอมรับได้จากการปรับ EPS ขึ้นต่อเนื่อง           EBITDA margin ดีขึ้นและเกิดแหล่งรายได้ใหม่จากศูนย์ข้อมูล           ทั้งนี้ TRUE มีช่องทางในการเพิ่ม ARPU มากขึ้น จะได้รับประโยชน์จาก synergy จากการควบรวมกิจการล่าสุดและรายได้จากการขายโทรศัพท์มือถือดีขึ้น รวมถึง iPhone16 ด้วย กำไรกลุ่ม ICT ปี 2568F จะเพิ่มขึ้น 17% YoY หลังจากพุ่งขึ้น 231% YoY ในปี 2567F           TRUE จะมีสัดส่วนของการเติบโตของกลุ่ม ICT สูงถึง 63% ในปี 2568F พร้อมกับการพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ           ขณะที่กำไรหลักของกลุ่ม ICT ปี 2567F/2568F ของบล.สูงกว่า consensus ราว 5%/2%           ทั้งนี้ ปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตในปี 2568 น่าจะมาจากการเพิ่มขึ้นของ ARPUs ต้นทุนที่เหมาะสม และการ synergy กับ DTAC (สำหรับ TRUE) และ TTTBB (สำหรับ ADVANC)           อย่างไรก็ดี คาดกำไรปีนี้จะสูงสุดใน 4Q67 และเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ Valuation and action           คงให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มนี้ “เท่ากับตลาดฯ” โดยเลือก ADVANC เป็นหุ้นเด่นช่วง 1Q68 เนื่องจากคาดเห็นแรงเก็งกำไรจากเรื่อง gain on bargain purchase ในระหว่างการแปลงร่างของ NewCo, upside จากการประหยัดค่าใช้จ่ายจากการประมูลคลื่นความถี่ใหม่ในปี 2568 และอาจจ่ายเงินปันผลสูงขึ้น           ส่วน TRUE ก็ยังชอบเช่นกันด้วย reward/risk ที่น่าสนใจ มีโอกาสในการเพิ่มอัตรากำไรและ synergy ที่มาเร็วและมากกว่า ADVANC           ทั้งนี้ ความเสี่ยงด้านลบคือคดีความที่ศาลของ TRUE และ ADVANC รวมถึงต้นทุนการควบรวมสูง

TRUE ส่งแคมเปญ “ยิ้มทั่วไทย” ชวนเปิดกล้องยิ้ม-รับของขวัญ

TRUE ส่งแคมเปญ “ยิ้มทั่วไทย” ชวนเปิดกล้องยิ้ม-รับของขวัญ

          หุ้นวิชั่น - กรุงเทพฯ 13 ธันวาคม 2567 – ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ชวนคนไทยร่วมยิ้มให้ตัวเองกับปีที่ผ่านมา พร้อมยิ้มรับปีใหม่ ให้มีแต่สุขยิ้มได้ตลอดปีกับแคมเปญ “ยิ้มทั่วไทย” ยิ้มรับสุข พร้อมของขวัญพิเศษทั่วไทยที่จะส่งไปกับสัญญาณทรู ดีแทค 5G เร็ว แรง กระจายครอบคลุมทั่วไทย เติมเต็มทุกความสุขตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าครบครันทั้ง “ยิ้มทั่วไทย ยิ้มให้ตัวเอง” ภาพยนตร์โฆษณาสุดซึ้งกินใจ ที่จะชวนให้ทุกคนหันมายิ้มให้กับตัวเองและคนข้างๆกับสิ่งดีๆ ที่ผ่านมา พร้อมทั้งต้อนรับปีใหม่ด้วยความหวัง และรอยยิ้ม https://www.youtube.com/watch?v=kx6D090psBk พร้อมชวนส่ง “ยิ้มทั่วไทย ทรูทั่วไทย” ส่งตรงความเร็ว แรง ของสัญญาณความสุข ที่ทั่วถึง ทุกทิศ ทั่วไทย “ยิ้มทั่วไทย ยิ้มให้ปีใหม่” กับกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ สนุก ฟิน อมยิ้มข้ามปี และพิเศษสุดกับ “ยิ้มทั่วไทย ยิ้มรับของขวัญ” ที่ชวนลูกค้าแลกยิ้มรับความสุขทั่วไทยง่ายๆ ผ่าน AR จากแอปทรูไอดี ดีแทคแอป หรือ  ทรูไอเซอร์วิส เลือก “สิทธิพิเศษ” แล้วคลิกที่แบนเนอร์ “ยิ้มรับสุขทั่วไทย” เพียงแค่เปิดกล้องและยิ้ม ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับสุข 2 ต่อ ต่อที่ 1 รับทันทีบริการ “ทรู ไซเบอร์เซฟ” ป้องกันภัยไซเบอร์จากมิจฉาชีพ ปกป้องพร้อมแจ้งเตือนเมื่อกดลิ้งก์แปลกปลอม ต่อที่ 2 รับสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลมากมาย ทั้งรับฟรี!  ไอศกรีมโคน McDonald, แพ็กเกจเสริมเน็ต 5GB, วอลเปเปอร์เสริมดวงตามวันเกิดจาก HoroWorld ส่วนลดจากคาเฟ่ และร้านอาหารชื่อดัง อาทิ Hello Yogurt, TrueCoffee, Au Bon Pain, PAUL, Dunkin, KatsuyaPepperlunch Chabuton, Greyhound Café และร้านในเครือ ส่วนลดช้อปปิ้ง จาก Lazada Oriental Princess Robinson Beauty ตลอดจนความคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตจาก FWD ด้วยประกันอุบัติเหตุวงเงิน 500,000 บาท โดยลูกค้าสามารถร่วมสนุกได้ตั้งแต่ วันที่ 11 ธันวาคม 2567 ถึง 15 มกราคม 2568 คลิกเพื่อร่วม “ยิ้มรับสุข” ได้ที่ https://www.true.th/true-network/happiness-express           นายฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “แคมเปญ ‘ยิ้มทั่วไทย’ เกิดขึ้นจากความตั้งใจของทรู ที่ต้องการสร้างรอยยิ้มให้ลูกค้าทุกคนในช่วงเทศกาลปีใหม่ เชื่อว่ารอยยิ้มเป็นพลังบวกที่สามารถสร้างความสุขให้กับทุกคนได้ ขณะที่ เครือข่ายทรู เร็ว แรง พร้อมเป็นสัญญาณความสุขที่กระจายครอบคลุมทั่วไทย ให้ยิ้มทั่วไทย ทรูทั่วไทย เพื่อส่งมอบประสบการณ์แห่งความสุขได้แบบไร้ขีดจำกัด โดยเฉพาะในช่วงบรรยากาศส่งท้ายปี ที่ทรูตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะเติมเต็มทุกความสุขตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า   ด้วยการมอบของขวัญและความสุขต้อนรับปีใหม่ ผ่านเครือข่ายที่ดีที่สุดจากทรูและดีแทค อยากให้ทุกคนได้ “ยิ้มให้ตัวเอง” กับทุกเรื่องราวในปีที่ผ่านมา และ “ยิ้มรับของขวัญ” ที่เราตั้งใจมอบให้ เพื่อเป็นแรงใจในการ ”ยิ้มให้ปีใหม่” ไปด้วยกัน ด้วยกิจกรรม “ยิ้มรับสุข” ให้ลูกค้าทรู ดีแทคและทรูออนไลน์ทุกคน เพียงมีแอปทรูไอดี ทรูไอเซอร์วิส หรือดีแทคแอป เข้าในแอป และคลิกที่แบนเนอร์ “ยิ้มรับสุข” กดยอมรับเพื่อเล่นเกม ลูกค้าจะเห็นการ์ดอวยพรปีใหม่จากเรา จากนั้นให้ลูกค้าเปิดกล้อง และยิ้มรับความสุข ก็จะได้รับกล่องของขวัญ กดที่กล่องของขวัญเพื่อรับสิทธิพิเศษต่างๆ ให้ได้ไป อิ่ม ช้อป เพลิน จากร้านค้าชั้นนำ ฟรีทั่วไทย หรือคลิกเพื่อร่วม “ยิ้มรับสุข” ได้ที่ https://www.true.th/true-network/happiness-express”           มาร่วมเป็นครอบครัวทรู ดีแทค เพื่อรับความสุขแบบนี้ตลอดทั้งปีได้ง่ายๆ เพียงดาวน์โหลดแอปทรู หรือแอปดีแทค แล้วมาร่วมยิ้มรับสุขไปพร้อมกัน!           ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ “ยิ้มทั่วไทย” และคลิกเพื่อร่วม “ยิ้มรับสุข” ได้ที่ https://www.true.th/true-network/happiness-express

เปิดโผ หุ้น AI โอกาสโต! DELTA-GULF-TRUE-INSET น่าจับตา

เปิดโผ หุ้น AI โอกาสโต! DELTA-GULF-TRUE-INSET น่าจับตา

           หุ้นวิชั่น - บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึงในบทวิเคราห์ ถึงประเด็นที่ “เจนเซ่น หวง” (Jensen Huang) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เอ็นวิเดีย” (NVIDIA) ยักษ์ผู้ผลิตชิป AI ที่มีมูลค่าบริษัทกว่า 3.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เตรียมเยือนประเทศไทย ในงาน “AI Vision for Thailand” ภายใต้ธีม “The First Step for Thailand Sovereign AI” วันที่ 4 ธ.ค. 2567 ณ Embassy Room, Park Hyatt Bangkok พร้อมประกาศแผนลงทุน ดันไทยขึ้นฮับ AI ภูมิภาค ในงาน AI Vision for Thailand ทั้งนี้ธุรกิจของบริษัทในตลาดหุ้นไทยที่อิงกับ NVIDIA ได้แก่ อีเล็คทรอนิคส์ คอมพิวเตอร์ , AI, Cloud และ Data Center เราคัด 3 หุ้นได้ประโยชน์ จากการนี้ ประกอบด้วย DELTA, GULF และ TRUE            ขณะที่ บริษัท หลักทรัพย์ บัว หลวง จำกัด (มหาชน) ระบุถึง เมื่อการเยือนของ Jensen Huang ในเดือนธันวาคมนี้ใกล้เข้ามาแล้ว (คาดว่าสัปดาห์หน้า) ถึงเวลาแล้วที่จะมองไปที่เฟส 1 ของการเปลี่ยนแปลง Gen AI ในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของความต้องการ GPU เมื่อข้อจำกัดในอุปทานทำให้ GPU ขาดแคลน ผู้ที่เริ่มต้นก่อนอย่าง JTS และ LTS จะสามารถเก็บเกี่ยวผลกำไรได้อย่างมากในระยะนี้            JTS กำลังสร้าง GPU Farm และโมเดล AI Training โดยใช้ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับ KT เพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์ NVIDIA GPUs นอกจากการใช้งานของตนเองแล้ว แพลตฟอร์ม Gen AI ของ JTS จะทำหน้าที่เป็นสตูดิโอสำหรับการฝึกฝนและปรับใช้งานสำหรับลูกค้า ช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้งาน AI ได้โดยไม่ต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของตนเอง            LTS: SIAM AI เป็นพันธมิตร Nvidia Cloud รายแรก (และรายเดียว) ของประเทศไทย ผ่านความร่วมมือกับ SIAM AI ทำให้ LTS ได้ประโยชน์จากการเป็นพันธมิตร ซึ่งช่วยให้เข้าถึง GPU ได้ก่อนใคร แตกต่างจากโมเดลการจัดจำหน่ายแบบดั้งเดิม โมเดลปัจจุบันของ NVIDIA คือ "By Invitation Only" ซึ่งให้ข้อได้เปรียบแก่พันธมิตรในการได้รับ GPU ที่จัดสรรในตลาดที่มีข้อจำกัดนี้            INSET วางเป้าหมายปี 2025 เติบโตจากธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับ Cloud และ AI โดยมุ่งเน้นการลงทุนใน Data Center ในประเทศไทย จากความพร้อมด้านประสบการณ์ในการก่อสร้างส่วนงานอาคารหลายโครงการ และการเข้าร่วมประมูลงานจากผู้ประกอบการที่สนใจลงทุนในไทย โดยคาดว่าจะมีการประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า นอกจากนี้ INSET ยังมีโอกาสลุ้นงานในกลุ่ม ICT ที่เกี่ยวข้องกับโครงข่ายต่างๆ เพิ่มเติม            PROEN การเข้ามาของกลุ่ม DAMAC ผู้ให้บริการ Data Center ระดับโลกจากดูไบที่มีลูกค้าทั่วโลก ได้ประกาศลงทุนร่วมกับ PROEN ภายใต้แบรนด์ EDGNEX ด้วยเป้าหมายเริ่มต้น 20MW ในปี 2025-2026 (พร้อมที่ดินรองรับแล้ว) และขยายเพิ่มเป็นหลัก 100MW ในระยะยาว โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา PROEN ได้โอน OTT DC ขนาด 5MW ซึ่งเป็นโครงการแรกให้กลุ่ม DAMAC และรับรู้รายได้-กำไรในช่วง 4Q24 ซึ่งเพิ่มโอกาสให้ PROEN เห็นการ Turnaround ตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป โครงการดังกล่าวจะเปิดให้บริการลูกค้าเฟสแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 และเฟส 2-3 จะเปิดครบในกลางปี 2025 โดยจะมีรายได้จากบริการหลังการขายและระบบประมวลผลเพิ่มเติม

True รุกดิจิทัล ปลอดภัย ชู “ทรู ไซเบอร์เซฟ ปกป้องภัยไซเบอร์”

True รุกดิจิทัล ปลอดภัย ชู “ทรู ไซเบอร์เซฟ ปกป้องภัยไซเบอร์”

          หุ้นวิชั่น -  ทรู คอร์ปอเรชั่น ตระหนักถึงความรับผิดชอบที่จะสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยโดยเฉพาะการปกป้องคนไทยจากภัยไซเบอร์ที่ปัจจุบันทวีความซับซ้อนและส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สิน  โดยได้ลงทุนพัฒนาระบบและนำเทคโนโลยี AI ขั้นสูงยกระดับภารกิจรักษาความปลอดภัยไซเบอร์   เปิดตัวบริการใหม่ “ทรู ไซเบอร์เซฟ True CyberSafe”  ระบบป้องกันภัยไซเบอร์จากมิจฉาชีพ ทั้งจาก ลิ้งค์แปลกปลอม  SMS หลอกลวง และการกรองสายเรียกเข้า   โดยนำร่องให้บริการระบบปิดกั้นและแจ้งเตือนการเข้าถึงลิ้งก์แปลกปลอม (Web / URL Protection) ทั้งที่เป็น Blacklist จากภาครัฐ และลิ้งก์ที่มีความเสี่ยง รวมเบื้องต้นกว่า 100,000 ลิ้งก์   สำหรับลูกค้ามือถือทรู ดีแทค และเน็ตบ้านทรูออนไลน์ทุกคน ฟรี! ทันที ไม่ต้องลงทะเบียนหรือโหลดแอปเพิ่มเติม  สร้างความมั่นใจให้คนไทยสามารถใช้งานโลกดิจิทัลได้อย่างปลอดภัย พร้อมเตรียมต่อยอดแจ้งเตือน SMS AI Filter และแจ้งเตือนสายเรียกเข้า Call AI Filter ที่จะลดความเสี่ยงทุกมิติจากภัยไซเบอร์ อีกทั้ง ผนึกกำลัง แอสเซนด์ มันนี่ (ทรูมันนี่) เพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้น สำหรับลูกค้ามือถือทรู ดีแทค เมื่อใช้จ่ายผ่านแอปทรูมันนี่ ด้วยระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น 'TrueMoney 3 x Protection' ตรวจ-จับ-หยุด ธุรกรรมแปลกปลอมที่มั่นใจได้มากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าจับมือภาคีทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ DE  คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือกสทช. สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ สกมช. หรือ NCSA สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  รวมถึง ภาคเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อร่วมกันปกป้องคนไทยจากภัยไซเบอร์อย่างรอบด้าน    “มุ่งสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัย”           นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า  “ทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าอย่างมุ่งมั่นในภารกิจสร้างสังคมดิจิทัลที่ ครอบคลุม ปลอดภัย และยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแบบครบวงจร ทั้งการเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยี 3G  4G และ 5G เป็นรายแรก การวางโครงข่ายไฟเบอร์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศแม้ในพื้นที่ห่างไกล และการสร้างระบบนิเวศน์ดิจิทัลที่แข็งแกร่ง ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดียิ่งขี้นในทุกมิติ เพื่อร่วมทรานส์ฟอร์มประเทศไทยสู่ Digital Economy อย่างเต็มรูปแบบ  ขณะเดียวกัน ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลือนสู่สังคมดิจิทัลอย่างมีความรับผิดชอบ    ซึ่งรวมถึง Responsible AI (RAI)  ที่มีการใช้ AI ตามแผนการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างมีความรับผิดชอบ  และภารกิจดูแลปกป้องประชาชนจากภัยไซเบอร์ ที่กลายเป็นปัญหาสำคัญในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน  โดยล่าสุด ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ลงทุนพัฒนาระบบป้องกันภัยทางไซเบอร์ ที่นำเทคโนโลยี AI ขั้นสูงมาใช้เพื่อดูแลปกป้องลูกค้าทรู ดีแทค ของเราทุกคน ซึ่งเป็นที่มาของการเปิดบริการ “ทรู ไซเบอร์เซฟ ปกป้องภัยไซเบอร์” ในวันนี้ อันเป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงถึงความตั้งใจของทรู คอร์ปอเรชั่นในการรับผิดชอบสังคมดิจิทัล และพร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้ง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ  หรือ กสทช.  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และพันธมิตรเอกชน   เช่น บริษัท แอสเซนต์ มันนี่ จำกัด  รวมถึงอีกหลายองค์กรทั้งในและต่างประเทศ  เพื่อสร้างระบบป้องกันที่แข็งแกร่งและครอบคลุมทุกมิติ  ”   “ยกระดับความปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อลูกค้าทรู ดีแทคทุกคน”                นางสุกัณณี เลิศสุขวิบูลย์ หัวหน้าสายงานธุรกิจต่างประเทศและบริการดิจิทัล บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ทรู คอร์ปอเรชั่น  ตระหนักถึงปัญหาภัยไซเบอร์ที่สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา คนไทยสูญเสียจากการถูกหลอกออนไลน์สูงเป็นอันดับ 4 ของโลก และประเทศไทยมีปัญหา การโทรหลอกลวง สูงเป็นอันดับสองในเอเชีย และ SMS หลอกลวงมากที่สุดในเอเชีย ซึ่งส่วนใหญ่มีลิงก์ ที่มาจากเบราว์เซอร์ที่มีความเสี่ยงแนบมาด้วย   ดังนั้น เราจึงได้พัฒนาบริการใหม่ “ทรู ไซเบอร์เซฟ ปกป้องภัยไซเบอร์”  ซึ่งเป็นระบบป้องกันภัยไซเบอร์ที่ทันสมัย โดยทรูได้ลงทุนพัฒนาและนำ AI ขั้นสูงมาใช้เพื่อยกระดับการปกป้องและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้บริการโลกออนไลน์ โดยระยะแรกจะให้บริการระบบคัดกรองลิ้งค์แปลกปลอมที่รวบรวมจากพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลกกว่า 100,000 ลิ้งค์ โดยลูกค้าจะได้รับการบล็อก หรือ แจ้งเตือนทันทีหลังจากกดลิ้งก์จาก SMS หรือบราวเซอร์ เพื่อให้ลูกค้าพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนจะตัดสินใจเลือกเข้าหรือไม่เข้าสู่ลิ้งก์ดังกล่าว    โดย เปิดให้ลูกค้ามือถือทรู ดีแทค หรือทรูออนไลน์ ที่เชื่อมต่อเน็ตบ้าน หรือ WiFi ของทรูทุกคน ใช้บริการได้ ฟรี!  ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถใช้ได้ทันที ไม่ต้องลงทะเบียนหรือโหลดแอปเพิ่มเติม” “ทุ่มทุนพัฒนา AI ขั้นสูง กับ True CyberSafe “               ทรู ไซเบอร์เซฟ เป็นระบบป้องกันภัยไซเบอร์ ที่ทรูได้พัฒนานำ AI ขั้นสูงมาใช้เพื่อช่วยในการวิเคราะห์   แบบแผน และพฤติกรรม การใช้ลิงก์/URL , การส่งSMS และ การโทร เพื่อหาความเสี่ยงจากมิจฉาชีพ ผ่านแมชชีนเลิร์นนิ่ง  รวมทั้งช่วยตรวจจับ คัดกรอง ลิ้งก์/URL แปลกปลอม ที่รวบรวมฐานข้อมูล จากความร่วมมือกับภาครัฐ พันธมิตรเอกชน การร้องเรียนจากลูกค้า การวิเคราะห์จาก AI และจากการลงทุนของกลุ่มทรู ซึ่งได้มาจากทั่วโลกกว่า 100,000 ลิ้งก์ในระยะแรก และจะมีการพัฒนาฐานข้อมูลให้ครอบคลุมกลลวงมิจฉาชีพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ทั้งนี้ ระบบทรู ไซเบอร์เซฟ  ยังเป็นไปตามข้อบังคับ PDPA โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง เพื่อปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า  ซึ่งกระบวนการทำงานของ AI ทั้งหมดนี้ ทำให้ทรูสามารถตรวจพบสิ่งผิดปกติ และแจ้งเตือนภัยออนไลน์ จากมิจฉาชีพ ได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และสามารถป้องกันภัยไซเบอร์จากมิจฉาชีพได้ใน 4 รูปแบบ คือ 1. ลิ้งค์แปลกปลอม ปกป้องลูกค้ามือถือทรู ดีแทค : บล็อก หรือ แจ้งเตือน  เมื่อมีการเข้าถึงเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตราย หากลูกค้ากดเข้าไป จาก SMS หรือ บราวเซอร์ 2. ลิ้งค์แปลกปลอม ปกป้องลูกค้าเน็ตบ้านทรูออนไลน์ : บล็อก หรือ แจ้งเตือน  เมื่อมีการเข้าถึงเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตราย  บนเว็บบราวเซอร์ 3. SMS AI Filter : โดยจะแจ้งเตือนSMS ที่อาจเป็นมิจฉาชีพ ใช้ AI ในการประมวลพฤติกรรมของมิจฉาชีพ 4. Call AI Filter การกรองสายเรียกเข้า : แจ้งเตือนสายเรียกเข้าที่อาจเป็นมิจฉาชีพ โดยความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและพันธมิตรเอกชน ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการอย่างเต็มระบบทุกรูปแบบราวเดือนมีนาคม 2568 “ผนึกทรูมันนี่ ชูระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น”    นอกเหนือจาก การพัฒนาระบบความปลอดภัยไซเบอร์ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยแล้ว   ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังได้ร่วมกับ แอสเซนต์ มันนี่ มอบการปกป้องการหลอกลวงทางการเงิน ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น สำหรับลูกค้าทรู ดีแทค เมื่อใช้จ่ายผ่านแอป True Money  ด้วยระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น 'TrueMoney 3 x Protection' ตรวจ-จับ-หยุด ธุรกรรมแปลกปลอมที่มั่นใจได้มากกว่า “ครอบคลุมครบทุกมิติ 360 องศา” ยิ่งไปกว่านั้น ทรู คอร์ปอเรชั่น  ยังได้ร่วมป้องกันภัยไซเบอร์ครอบคลุมการดำเนินการทุกมิติทั้ง 360 องศา   ซึ่งรวมถึงการให้ความร่วมมือกับ  ภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น การปิดเสาสัญญาณบริเวณชายแดนเพื่อป้องกันมิจฉาชีพลักลอบใช้สัญญาณเครือข่ายในการหลอกลวงประชาชน  ดำเนินการตามมาตรการลงทะเบียนซิมอย่างเข้มงวด  พร้อมใช้เทคโนโลยี AI ช่วยวิเคราะห์ประมวลผลตรวจสอบความผิดปกติของการลงทะเบียนซิมและการใช้งานผิดปกติ  รวมทั้งให้ข้อมูลและชี้เบาะแสเพื่อช่วยหน่วยงานภาครัฐในการปราบปรามมิจฉาชีพ อีกทั้งยังเปิดศูนย์ฮอตไลน์ 9777 ให้โทรแจ้งเบอร์โทรและ SMS ต้องสงสัย  พร้อมแจ้งผลภายใน 48 ชม. เพื่อนำไปสู่การจับกุมมิจฉาชีพ    ยิ่งไปกว่านั้น ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังมุ่งเน้นเสริมสร้างความตื่นตัวและตระหนักรู้เท่าทันกลลวงของมิจฉาชีพทางออนไลน์ โดยจัดกิจกรรมเวิร์กชอป เสริมทักษะให้คนไทยรู้ทันโลกออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ทรูปลูกปัญญา อีกด้วย รายละเอียดเพิ่มเติม “ทรู ไซเบอร์เซฟ”  ได้ https://www.true.th/services/true-cyber-safe

TRUE ชี้แจงพรีเมียร์ลีก ยันไม่กระทบธุรกิจ

TRUE ชี้แจงพรีเมียร์ลีก ยันไม่กระทบธุรกิจ

          กรุงเทพฯ 12 พฤศจิกายน 2567 – ทรูวิชั่นส์ รายงานว่า ได้เข้าร่วมประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (EPL) ฤดูกาลหน้า 2025-2028 โดยได้ยื่นข้อเสนอไปในราคาที่เหมาะสม แต่มีรายอื่นที่เสนอราคาสูงกว่าและได้รับสิทธิ์ไป อย่างไรก็ตาม ทรูวิชั่นส์ ยืนยันว่าสมาชิกยังสามารถรับชมพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024/2025 ผ่านทุกช่องทางของทรูได้อย่างต่อเนื่องจนสิ้นสุดฤดูกาลในเดือนพฤษภาคม 2568 ทั้งนี้ผลจากการประมูลครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของทรู คอร์ปอเรชั่น           นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าสายงานทรูวิชั่นส์ และมีเดีย บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) กล่าวว่า ทรูวิชั่นส์ มีความตั้งใจมาโดยตลอดที่จะให้ได้มาซึ่งคอนเทนท์ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งในครั้งนี้ก็เช่นกันได้เข้าร่วมประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฤดูกาล 2025-2028 ซึ่งแม้ได้ยื่นข้อเสนอแข่งขันไปในราคาที่เหมาะสม แต่เนื่องจากมีผู้ร่วมประมูลรายอื่นเสนอราคาสูงกว่าจึงได้รับสิทธิ์การถ่ายทอดสำหรับฤดูกาลหน้าไป อย่างไรก็ตาม สมาชิกทรูวิชั่นส์ยังคงสามารถรับชมพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024/2025 ได้อย่างเต็มอิ่มจนถึงเดือนพฤษภาคมปีหน้า (2568) รวมทั้งยังสามารถรับชมคอนเทนท์กีฬาฟุตบอลระดับโลกอื่น ๆ บนทรูวิชั่นส์ เช่น ลาลีกา,บุนเดสลีกา, ซาอุดิลีก, ซาอุดี คิงส์คัพ, เอลีก (ออสเตรเลียน ลีก), ยูฟ่าแชมเปียนส์ ลีก, ยูฟ่ายูโรปา ลีก, ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก, เอฟเอคัพอังกฤษ รวมถึงฟุตบอลไทยลีก1 ไทยลีก2, ช้างเอฟเอคัพ และ รีโวคัพ           ผลจากการประมูลครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของทรู คอร์ปอเรชั่น หรือความพึงพอใจของลูกค้าสมาชิก เรายังคงมุ่งมั่นที่จะลงทุนในคอนเทนท์ที่หลากหลายทั้งในระดับโลกและระดับประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการความบันเทิงของสมาชิกทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งยังเดินหน้าพัฒนาบริการการรับชมผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยเสริมประสบการณ์การรับชมคอนเทนท์ เพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตของลูกค้าในทุก ๆ วันอย่างต่อเนื่องต่อไป [PR News]

TRUE ได้ไปต่อ โบรกฯมอง ราคาหุ้นน่าสน-รอลุ้นข่าวดีปีหน้า

TRUE ได้ไปต่อ โบรกฯมอง ราคาหุ้นน่าสน-รอลุ้นข่าวดีปีหน้า

          หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน จากบทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป ได้วิเคราะห์ TRUE หลังประกาศงบ Q3/67 ขาดทุนลดลง y-y และ q-q จากรายได้จากการให้บริการเติบโต y-y, q-q โดยหลักมาจากรายได้ธุรกิจมือถือ ทางฝ่ายฯ คาดปี 2567 ขาดทุนน้อยลง จากการรับรู้รายได้ธุรกิจมือถือและธุรกิจออนไลน์เพิ่มขึ้น ตามการเข้ามาของนักท่องเที่ยวและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้รอลุ้นข่าวดีรับต้นปี 68 จากการประมูลคลื่นความถี่ที่กำลังจะมาถึง ฝ่ายวิจัยเคาะราคาพื้นฐานปี68 ที่16.28 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยทางฝ่ายวิจัยประเมินราคาหุ้น โดยใช้ EV/EBITDA อยู่ที่ 9.97 เท่า เนื่องจากเป็นบริษัทฯ ที่มั่นคงและเป็นบริษัทฯที่ใหญ่ ทางฝ่ายฯ มีการปรับเพิ่มรายได้หลักในปี 2567 เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้หลัก Q3/67 ที่เติบโต y-yและ q-q คาดขาดทุนสุทธิปี 67 ที่ 9 ลบ. เติบโต 39.2% y-y ราคาพื้นฐานปี 68อยู่ที่ 16.28 บาท/หุ้น ราคาหุ้นปัจจุบันยังต่ำกว่าราคาพื้นฐาน คงคำแนะนำ “ซื้อ”

TRUE เตือนอย่าเชื่อเพจปลอม ใช้โลโก้ชวนเทรดหุ้น

TRUE เตือนอย่าเชื่อเพจปลอม ใช้โลโก้ชวนเทรดหุ้น

          กรุงเทพฯ, 4 พฤศจิกายน 2567 – ตามที่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “TRUE”) ได้ตรวจพบว่า มีการแอบอ้างนำชื่อ โลโก้ของบริษัทฯไปใช้เพื่อเชิญชวนเข้าร่วมคอร์สเรียนเทรดออนไลน์ และรับคำปรึกษาด้านการลงทุนจากโค้ชมืออาชีพ           บริษัทฯ ขอเรียนแจ้งให้ทราบว่า บริษัทฯและบริษัทในเครือ ไม่มีการดำเนินธุรกิจคอร์สเรียนเทรดหุ้นออนไลน์ หรือลงทุนซื้อ-ขายหุ้นดังที่มีการกล่าวอ้าง รวมถึง บริษัทฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพจหรือกลุ่มที่ใช้ชื่อ "บริษัทแอสเซนด์ ประเทศไทย" หรือ “Ascendth” ที่มีการอ้างชื่อและนำโลโก้ทรูไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาต           *จึงขอเตือนประชาชนเพิ่มความระมัดระวังและพิจารณาอย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะหากมีการเชิญชวนซื้อหุ้นทรูในราคาพิเศษ ต่ำกว่าราคาในตลาดหลักทรัพย์ โปรดอย่าหลงเชื่อ โดย หุ้นทรู จะซื้อขายผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น           ทั้งนี้ ขอเรียนย้ำว่า การดำเนินการใดๆ ที่เกิดจากเพจหรือกลุ่มดังกล่าว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกกรณีกับบริษัทฯและบริษัทในเครือ โดยบริษัทฯ จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการบิดเบือนข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและสร้างความเสียหายแก่องค์กรต่อไป

TRUE กำไร Q3 ที่ 3.1 พันล. หลังปรับรายการพิเศษ-EBITDA โตต่อ

TRUE กำไร Q3 ที่ 3.1 พันล. หลังปรับรายการพิเศษ-EBITDA โตต่อ

           หุ้นวิชั่น - 25 ตุลาคม 2567 - บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 เผยมีกำไรต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิหลังหักภาษีและหลังปรับปรุงรายการพิเศษ (Normalized Net Profit After Tax) ที่ 3.1 พันล้านบาท EBITDA ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน โดยมีปัจจัยหลักจากการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจากการมุ่งเน้นผลการดำเนินงานและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น พร้อมการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม (Synergy)            นาย มนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "ในไตรมาส 3 ปี 2567 ทรู คอร์ปอเรชั่นมีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและภูมิภาค รวมถึงเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัด การลงทุนด้านโครงข่ายของเราเสริมสร้างความเชื่อมั่นทั้งในด้านความพร้อมอย่างเต็มประสิทธิภาพ การดำเนินงานที่ยืดหยุ่นคล่องตัว และการเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เรายังให้ความสำคัญในการเร่งช่วยเหลือลูกค้าและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย สำหรับ EBITDA เติบโตเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของเราในการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทาย โดยมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและการผสานปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เพื่อยกระดับทั้งการดำเนินงานภายในและการบริการลูกค้า เรายังคงมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าเราสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด"            นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ในไตรมาส 3 ปี 2567 เรายังคงมุ่งเน้นการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าด้วยการลงทุนราว 1 หมื่นล้านบาท โดยมุ่งเน้นที่การดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วมากกว่า 10,000 สถานีจากทั้งหมด 17,000 สถานี นอกจากนี้ เรากำลังนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าในเชิงลึก เพื่อสร้างสรรค์บริการรูปแบบใหม่ ยกระดับการดำเนินธุรกิจ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ เรายังภูมิใจที่เป็นรายแรกในประเทศไทยที่นำแผนการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างมีความรับผิดชอบ หรือ Responsible AI (RAI) Maturity Roadmap ของ GSMA มาใช้ เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้ AI ของเราเป็นไปอย่างมีจริยธรรมและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล"            ในไตรมาส 3 ปี 2567 ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มคุณภาพของการได้มาในส่วนผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ลดลงสุทธิ 1.2 ล้านเลขหมาย หรือ 2.3% จากไตรมาสก่อน โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการรวม 49.3 ล้านเลขหมาย ผู้ใช้บริการระบบรายเดือนลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนมาอยู่ที่จำนวน 15.2 ล้านราย ในขณะที่ผู้ใช้บริการระบบเติมเงินมีจำนวน 34.1 ล้านราย ผู้ใช้บริการออนไลน์เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อยู่ที่ 3.7 ล้านราย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 ผู้ใช้บริการ 5G มีจำนวน 12.4 ล้านราย เพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน            นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า "ทรู คอร์ปอเรชั่นประสบความสำเร็จด้วยการเติบโตของ EBITDA เป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน ส่งผลให้ไตรมาส 3 ปี 2567 มีกำไรภายหลังการปรับปรุงดีขึ้นอยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ IC เติบโต 4.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) โดยมีปัจจัยหลักจากการเติบโตในกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และออนไลน์ รายได้รวมอยู่ที่ 5.08 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% (YoY) โดยมีปัจจัยหลักจากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการในทุกกลุ่มธุรกิจ"            จากการดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการผสานการบริหารผลงานร่วมกับวัฒนธรรมองค์กร ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการ (ARPU) เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจเมื่อเทียบกับปีก่อน รายได้จากบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 3.7% (YoY) จาก ARPU เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5.6% (YoY) รายได้บริการออนไลน์เพิ่มขึ้น 7.5% (YoY) โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของ ARPU อย่างต่อเนื่องที่ 9.8% (YoY)  ส่วนรายได้จากบริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก (PayTV) เพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมี ARPU เพิ่มขึ้น 1.8% จากปีที่แล้ว            สำหรับไตรมาส 3 ปี 2567 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย หรือ D&A) ลดลง 9.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม และมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ต้นทุนเครือข่ายลดลง 13.3% (YoY) โดยมีปัจจัยหลักจากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมทั้งจากการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยและการจัดซื้อจัดจ้าง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ลดลง 17.7% (YoY) โดยการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมในโครงการปรับปรุงด้านธุรกิจและการพัฒนาองค์กรให้ทันสมัย ซึ่งจากการเร่งดำเนินการเพื่อรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมในด้านสำคัญต่าง ๆ และการมุ่งเน้นเชิงลึกในการเพิ่มประสิทธิภาพในเชิงโครงสร้าง ทรู คอร์ปอเรชั่น สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่อง            ทรู คอร์ปอเรชั่นบันทึกการเพิ่มขึ้นของ EBITDA จำนวน 5,530 ล้านบาท นับตั้งแต่การควบรวมกิจการ ซึ่งนับเป็นการเติบโตของ EBITDA เป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน สำหรับไตรมาส 3 ปี 2567 EBITDA ปรับตัวดีขึ้น 646 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน (QoQ) เพิ่มขึ้น 2.7% (QoQ) อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่การควบรวมกิจการที่ 60.2% ในไตรมาส 3 ปี 2567            สำหรับไตรมาส 3 ปี 2567 ทรู คอร์ปอเรชั่นบันทึกผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (one-time costs) จากการด้อยค่าสินทรัพย์ที่มีความซ้ำซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย จำนวน 3,917 ล้านบาท ส่งผลให้มีขาดทุนสุทธิหลังหักภาษี 810 ล้านบาท ซึ่งเมื่อปรับปรุงรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว กำไรสุทธิหลังหักภาษีอยู่ที่ 3,107 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 709 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากการปรับตัวดีขึ้นของ EBITDA สำหรับค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) ไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 9,919 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นที่การดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย            แนวโน้มสำหรับทรู คอร์ปอเรชั่นในปี 2567 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) เติบโต 4-5% เมื่อเทียบกับปีก่อน EBITDA จะเติบโต 12-14% (YoY) ในขณะที่แนวโน้มค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) รวมถึงการลงทุนเพื่อการควบรวมกิจการยังคงอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท โดยในปี 2567 จะยังคงมีกำไรหากไม่รวมการตัดจำหน่ายสินทรัพย์เครือข่ายที่มีความซ้ำซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย ตัวเลขทางการเงินที่สำคัญในไตรมาส 3 ปี 2567 รายได้จากบริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ IC จำนวน 41,509 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% (YoY) และคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน EBITDA อยู่ที่ 24,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.5% (YoY) และ 2.7% (QoQ) อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 60.2% กำไรสุทธิภายหลังการปรับปรุง (Normalized) จำนวน 3,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 709 ล้านบาท (QoQ)

บล.กรุงศรี ชี้กลุ่ม ICT ขาขึ้น โอกาสซื้อ

บล.กรุงศรี ชี้กลุ่ม ICT ขาขึ้น โอกาสซื้อ "ADVANC"

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) ยังคงมุมมองเชิงบวกกับกลุ่มจากกำไรและกระแสเงินสดที่ยังเป็นขาขึ้นผลักดันจากรายได้ต่อเลขหมายที่ยังเป็นขาขึ้นอยู่ คาดว่ากำไรของ ADVANC และ TRUE จะปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้ง yoy และ qoq ในช่วงไตรมาส 3/67 แม้ว่าจะเป็นช่วง low season ซึ่งถ้าผลประกอบการออกมาตามคาด           คาดว่า ทั้งฝ่ายวิเคราะห์และตลาดจะมีการปรับประมาณการกำไรของหุ้นทั้ง 2 ตัวนี้ขึ้น การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นโดยเฉพาะหุ้น ADVANC ถือว่าเป็นโอกาสซื้อ และ TRUE ยังเป็นหุ้น Top Pick

KSS แนะสะสมหุ้นพื้นฐานดี ชอบ ADVANC, CPALL, TRUE

KSS แนะสะสมหุ้นพื้นฐานดี ชอบ ADVANC, CPALL, TRUE

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คาด SET Index บ่ายนี้จะแกว่งในกรอบ 1,477 -1,490 จุด โดยยังไม่มีปัจจัยหนุนหรือกดดันอะไรใหม่ ปัจจัยสำคัญตลาดจะให้โฟกัสคือ วันพฤหัสบดีนี้ รายละเอียดมาตรการและวงเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลจีน และการรายงานงบฝั่ง Real sector ที่จะเริ่มทยอยประกาศ อาทิ DELTA, TRUE กลยุทธ์แนะนำนักลงทุนทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีโดยเฉพาะกลุ่มที่คาดว่างบไตรมาส 3/67 จะออกมาแข็งแกร่ง ( ADVANC, CPALL, TRUE, IVL MOSHI) โดยมี Top Pick บ่ายนี้ คือ ADVANC, CPALL, TRUE

TRUE เสริมสัญญาณ 5G/4G  19 จุดชมขบวนพยุหยาตราฯ

TRUE เสริมสัญญาณ 5G/4G 19 จุดชมขบวนพยุหยาตราฯ

           ทรู คอร์ปอเรชั่น ขยายสัญญาณ 5G, 4G, WiFi รองรับประชาชนร่วมรับชมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค จัดโซลูชันครบวงจรรองรับจุดชมริมเจ้าพระยา ทีมลงพื้นที่ตรวจสอบสัญญาณมั่นใจวันซ้อมเสมือนจริง            18 ตุลาคม 2567 – ทรู คอร์ปอเรชั่น จัดโซลูชันเพิ่มสัญญาณเครือข่าย 5G, 4G, WiFi พร้อมรองรับการใช้งานในพื้นที่ต่างๆ ที่ประชาชนจะร่วมรับชมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ตามเส้นทางริมแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่สะพานพระราม 8 จนถึงวัดอรุณราชวราราม โดยขยายเครือข่ายการสื่อสารเป็นที่เรียบร้อย พร้อมนำทีมลงพื้นที่ตรวจสอบสัญญาณให้มั่นใจ พร้อมรองรับการใช้งานทั้งในวันซ้อมใหญ่เสมือนจริงซึ่งจะจัดขึ้นอีก 1 ครั้ง ในวันที่ 22 ตุลาคม 2567 และในวันพระราชพิธีจริง คือ วันที่ 27 ตุลาคม 2567 นี้            เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ประชาชนจะได้มีโอกาสเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ และชื่นชมพระบารมีในขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ 27 ตุลาคม 2567            นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ทรู คอร์ปอเรชั่นขยายเพิ่มสัญญาณเครือข่าย 5G, 4G, WiFi เพื่อรองรับการสื่อสารของประชาชนที่ร่วมรับชมความงดงามพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร            ทีมงานได้เตรียมความพร้อมการสื่อสารอย่างเต็มที่ เพื่อรองรับประชาชนคนไทยที่จะร่วมเฝ้ารับเสด็จและชมความงดงามขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ ด้วยปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเชื่อมต่อและการแบ่งปันความประทับใจ โดยเฉพาะภาพและวิดีโอผ่านโทรศัพท์มือถือ เราจึงได้วางแผนและออกแบบเครือข่ายเป็นพิเศษ เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่น และตอบสนองการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลของผู้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”            โซลูชันเสริมความแข็งแกร่ง และขยายเครือข่ายทรู คอร์ปอเรชั่นรองรับการใช้งานเส้นทางริมแม่น้ำเจ้าพระยา ดังนี้ เพิ่มรถโมบายล์สถานีฐานเคลื่อนที่เร็ว (COW หรือ Cell-On-Wheel) ประจำจุดสถานที่สำคัญ ติดตั้งเสาสัญญาณเฉพาะกิจ (Temporary site) ขยายสู่พื้นที่จัดกิจกรรมและรองรับการเข้าชม ติดตั้ง WiFi รองรับบริการตามจุดสำคัญเส้นทางสัญจรของประชาชน พารามิเตอร์สัญญาณ (Event Parameter) ปรับแต่งค่าสัญญาณตามพฤติกรรมการใช้งาน BNIC ศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ พร้อม AI พร้อมดูแลและบริหารเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง            น.ส. เกศิณี จันทร์วิจิตร วิศวกรชำนาญการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “พวกเราเตรียมความพร้อมมากกว่า 5 เดือน โดยทีมได้นำดาต้าการใช้งาน และประสบการณ์ที่ได้ร่วมอำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารดิจิทัลแก่ประชาชนเมื่อครั้งที่ได้เดินทางมาเฝ้ารับเสด็จ ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562 มาวิเคราะห์เพื่อวางแผนรองรับการใช้งานในครั้งนี้ให้ดีที่สุด และเราได้ลงพื้นที่นำทีมร่วมตรวจสอบการใช้งานในวันซ้อมใหญ่เสมือนจริงเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา สู่การวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อออกแบบการใช้งานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด”            ส่วนหนึ่งของจุดสำคัญริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทรู คอร์ปอเรชั่น ขยายความแรงสัญญาณ 5G, 4G, WiFi ท่าเรือ – ท่าวาสุกรี ท่ามหาราช ท่าราชวรดิษฐ์ ท่าเรือราชินี (ปากคลองตลาด) วัด – วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร วัดอรุณราชวราราม วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร สถานที่ราชการ – ธนาคารแห่งประเทศไทย หอประชุมกองทัพเรือ อู่ทหารเรือธนบุรี สน.บวรมงคล โรงพยาบาลศิริราช สะพานข้ามเจ้าพระยา - สะพานพระราม8 และสะพานพระปิ่นเกล้า สวนและลานกิจกรรม – สวนสันติชัยปราการ สวนนาคราภิรมย์ ลานปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถานที่เอกชน – ร้านอาหารกินลมชมสะพาน และอื่นๆ            “ทีมงานของเราภาคภูมิใจที่เห็นประชาชนมาร่วมงานได้ใช้งานมือถือเพื่อการสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง นับเป็นประสบการณ์ที่ภาคภูมิใจสูงสุดของเราที่ได้ทำงานนี้ สำหรับครั้งนี้ จุดรองรับการใช้งานต่างจากทั่วไปซึ่งจัดขึ้นในเมือง แต่ครั้งนี้เป็นพื้นที่ริมน้ำเจ้าพระยา เราได้วิเคราะห์ข้อมูลสภาพแวดล้อมทั้งจุดสำหรับใช้เป็นพื้นที่เพื่อติดตั้งรถโมบายล์สถานีฐานเคลื่อนที่เร็ว (COW) และติดตั้งเสาสัญญาณเฉพาะกิจ (Temporary site) ซึ่งสถานที่ริมน้ำส่วนใหญ่จะมีทั้งพื้นที่จำกัดมากกว่า เราต้องประสานงานกับหน่วยงานที่เป็นเจ้าของพื้นที่ต่างๆ ทั้งหน่วยงานราชการ หรือเอกชนเพื่อนำโซลูชันและคลื่นสัญญาณที่เหมาะสมติดตั้งในพื้นที่ใช้งานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งคำนวณถึงเส้นทางสัญจรของประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมรับชมในจุดต่างๆ อีกด้วย” น.ส. เกศิณี กล่าวในที่สุด            ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งมั่นให้ความสำคัญในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า โดยยกระดับการบริการสู่มาตรฐานระดับโลก (No.1 World-Class Customer Experience) และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัลให้ทันสมัย มีคุณภาพสูง พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน 5G, 4G และ WiFi ด้วยการปรับปรุงเทคโนโลยีเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้มาตรฐานสูงสุดและตอบสนองพฤติกรรมใช้งานดิจิทัลของลูกค้า [PR News]

[PR News]

[PR News] "ทรู" ควง "เทนนิส" คิดอย่างแชมป์ ทำอย่างแชมป์

          ทรู ต้อนรับสาวไทยหัวใจแชมป์  “เทนนิส วงศ์พัฒนกิจ” เข้าสู่ครอบครัว ชูแนวคิด “คิดอย่างแชมป์ ทำอย่างแชมป์” สะท้อนสปิริตแชมป์ของทรูไปด้วยกัน พร้อมส่ง 3 แพ็กเกจ เอาใจคนรักกีฬาและความบันเทิง ย้ำภาพผู้นำคอนเทนต์กีฬาและบันเทิงระดับโลก           กรุงเทพฯ, 10 ตุลาคม 2567 –  ทรู คอร์ปอเรชั่น  ต้อนรับ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก ปารีส 2024 เข้าสู่ครอบครัวทรู ชื่นชมในความมุ่งมั่นและสปิริตนักสู้ของเทนนิสแชมป์ตัวจริง ที่สะท้อนถึงคุณค่าของแบรนด์ทรูอย่างชัดเจน …..พร้อมกันนี้ ทรูได้เปิดตัวแคมเปญยิ่งใหญ่ “Champ Spirit, True Spirit คิดอย่างแชมป์ ทำอย่างแชมป์” ที่สะท้อนความมุ่งมั่นของแชมป์ที่แท้จริง ที่ไม่เคยยอมแพ้ พร้อมเป็นกำลังใจให้คนไทยเดินหน้าตามความฝันด้วยจิตวิญญาณของนักสู้เช่นเดียวกับเทนนิส  และเปิดตัว 3 แพ็กเกจกีฬาพิเศษ เพื่อเอาใจแฟนชาวไทยหัวใจนักสู้แบบคุ้มค่าสุด ทั้งแพ็กเกจมือถือรายเดือน 5G Super Sports EPL+ จาก True dtac 5G เริ่มต้นที่ 1,199 บาท และแพ็กเกจเน็ตบ้าน TrueOnline Super Sports EPL+ เพียง 1,199 บาท แพ็กเกจเน็ตบ้านไฟเบอร์ พร้อมดูพรีเมียร์ลีก หลากหลายกีฬาฮิต หนัง ซีรีส์ และอนิเมะดัง และ TrueVisions NOW MAX – แพ็กเกจพรีเมียม รวมกีฬาและคอนเทนต์บันเทิงครบครัน ราคา 2,155 บาท           นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ “เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ” ฮีโร่แห่งชาติและเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก เข้าสู่ครอบครัวทรู เทนนิสแสดงให้เห็นถึงสปิริตของแชมป์ที่แท้จริง สู้ในทุกสถานการณ์แม้ว่าเกมจะยากลำบากหรือเจอสถานการณ์ที่ท้าทาย แต่เทนนิสไม่เคยถอย ด้วยความเชื่อมั่นในตนเองที่ต้องทำได้ด้วยสปิริตนักสู้ จนทำให้เทนนิสคว้าแชมป์มาให้คนไทยได้ชื่นชม  ซึ่งความมุ่งมั่นของเทนนิสสะท้อนถึงความเป็นทรูที่ คิดอย่างแขมป์ ทำอย่างแชมป์ เช่นเดียวกัน คือต้องไม่ยอมแพ้ ต้องทำให้ดีที่สุด ที่ผ่านมาทรูต้องฝ่าฟันสถานการณ์ที่ท้าทายมาหลายครั้ง แต่ด้วยความเป็นนักสู้ของคนทรู และเชื่อว่าเราทำได้ และต้องทำให้ดีกว่าในทุกด้าน ทำให้เราสามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำโทรคมนาคม เทคคอมปานี   และเป้าหมายสำคัญในวันนี้ที่เราต้องก้าวต่อไปคือการสร้าง Digital Transformation เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย และส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้กับลูกค้ากว่า 50 ล้านคนทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด ‘Your Everyday Living Tech’ เทคโนโลยีที่ทำให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้นในทุกๆ วัน"           นายฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เทนนิส และทรู คอร์ปอเรชั่นนับเป็นการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบของสองแชมป์ผู้นำด้านกีฬา  โดยเทนนิสถือเป็น 'Queen of Sport' ผู้ที่เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและความเป็นเลิศ แชมป์เหรียญทองโอลิมปิกกีฬา      เทควันโด 2 สมัย ที่กลายเป็นตำนานที่คนไทยและคนทั่วโลกต่างให้การยอมรับในความสามารถ  ขณะที่ทรูเป็น ‘King of Content’ ที่สุดของกีฬา ละคร ซีรีส์ และแอนิเมชัน เป็นผู้นำคอนเทนต์กีฬาระดับโลกที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง มีการนำเสนอคอนเทนต์กีฬาระดับโลกอย่างต่อเนื่องส่งตรงให้คนไทยได้รับชมถึงบ้าน และร่วมสนับสนุนทัพนักกีฬาไทยสู้ศึกมาโดยตลอด อีกทั้งทรูเองยึดมั่นในสิ่งที่เราทำ เรามุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพเครือข่ายที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า การันตีด้วยรางวัล nPerf 8 ปีซ้อน จากความเร็ว ดาวน์โหลด อัปโหลด การเปิดเว็บและรับชมวีดีโอยูทูป ดังนั้นการจับคู่กันของทรูและเทนนิสจึงเป็นการผสานความเป็นเลิศทั้งในด้านกีฬาและความบันเทิง ให้กับแฟนๆ ชาวไทยอย่างแท้จริง โดยในครั้งนี้ เราได้ออกแบบ 3 แพ็กเกจสินค้าจากทรูเพื่อเอาใจแฟนกีฬาชาวไทยโดยเฉพาะให้ได้สัมผัสกับคอนเทนต์กีฬาระดับโลกในราคาที่คุ้มค่า ซึ่งไม่เพียงเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จของเธอ แต่ยังเป็นความมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์กีฬาระดับโลกให้กับแฟนกีฬาทั่วประเทศ"           เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความร่วมมือครั้งนี้ ทรูได้เปิดตัวแคมเปญ TVC ภายใต้ชื่อ "Champ Spirit, True Spirit" ที่แสดงถึงการเดินทางของเทนนิสและความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ พร้อมสนับสนุนคนไทยให้คิดอย่างแชมป์ ทำอย่างแชมป์ เดินหน้าตามความฝันด้วยจิตวิญญาณของนักสู้เช่นเดียวกับเทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ โดยหนังโฆษณารับชมได้แล้ววันนี้ พร้อมเปิดตัว 3 แพ็กเกจกีฬาพิเศษเพื่อแฟนกีฬาชาวไทยโดยเฉพาะ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ เร็วระดับแชมป์ มันสุด! แพ็กเกจมือถือรายเดือน เน็ตและโทรพร้อมพรีเมียร์ลีก กีฬาฮิต ซีรีส์ อนิเมะดัง ความบันเทิงระดับโลก 5G Super Sports EPL+ – เริ่มต้นที่ 1,199 บาท เน็ตบ้านไฟเบอร์แรงระดับแชมป์ มันสุด! ติดเน็ตบ้านทรู พร้อมชมพรีเมียร์ลีก กีฬาฮิต ซีรีส์ อนิเมะดัง ความบันเทิงระดับโลก อาทิ พรีเมียร์ลีกครบทุกแมตช์ UEFA, F1, เทนนิส และอีกมากมายจาก TrueVisions NOW แพ็กเกจ TrueOnline Super Sports EPL+ – แพ็กเกจสุดคุ้มเพียง 1,199 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.true.th/true-online ครบระดับแชมป์ ทั้งกีฬาสด หนัง รายการดังจากทั่วทุกมุมโลก มากกว่า 68 ช่อง ดูได้พร้อมกันสูงสุด 4 จอ TrueVisions NOW Max – แพ็กเกจพรีเมียม ราคา 2,155 บาท ที่รวมกีฬาและคอนเทนต์บันเทิง ครบครัน รายละเอียดเพิ่มเติมทั้ง 3 แพ็กเกจที่ www.true.th/true-network/true-spirit

[PR News] “ทรู คอร์ปอเรชั่น” ออกหุ้นกู้ชุดใหม่ ดอกเบี้ย 2.95–4.10%ต่อปี เครดิต “A+”

[PR News] “ทรู คอร์ปอเรชั่น” ออกหุ้นกู้ชุดใหม่ ดอกเบี้ย 2.95–4.10%ต่อปี เครดิต “A+”

          กรุงเทพฯ : 8 ตุลาคม 2567 - บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย และอันดับ 1 ของโลกด้านความยั่งยืน ด้วยคะแนน DJSI 2023 สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป จำนวน 5 ชุด อายุหุ้นกู้ตั้งแต่ 2 ปี ถึง 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง [2.95 - 4.10]% ต่อปี ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากทริสเรทติ้ง สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่นในธุรกิจโทรคมนาคม และธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล คาดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 21-22 และ 25 พฤศจิกายน 2567 ผ่าน 7 สถาบันการเงินชั้นนำได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ซีไอเอ็มบี ยูโอบี บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส รวมถึงการขายผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้           นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 ของทรู คอร์ปอเรชั่นแสดงถึงความสำเร็จต่อเนื่องจากการควบรวมทรูและดีแทค ด้วยกำไรสุทธิ (หลังหักภาษีและหลังปรับปรุงรายการพิเศษ) 2.4 พันล้านบาท และ EBITDA ที่เติบโตเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน สะท้อนการเติบโตของรายได้จากธุรกิจหลักและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ  เรายังมุ่งสู่การเป็นผู้นำโทรคมนาคมและเทคโนโลยีที่ยั่งยืน เน้นการใช้ AI และระบบอัตโนมัติเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในองค์กร  นอกจากนี้ การลงทุนในเครือข่าย 5G ที่ครอบคลุม 92% ของประชากร จะช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทและสร้างคุณค่าแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างยั่งยืน”           บริษัทฯ และหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 ซึ่งสะท้อนถึงสถานะผู้นำทางการตลาด (market position) ในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เสริมทัพด้วยโครงข่ายทั่วประเทศ ชุดคลื่นความถี่ที่ครอบคลุม และชื่อแบรนด์ที่ผู้บริโภคคุ้นเคย  อีกทั้งปัจจัยบวกจากประโยชน์ที่คาดว่า จะเกิดขึ้นจากการควบรวม รวมถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทฯที่คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นในอนาคตอีกด้วย           ทางด้านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ถือเป็นจังหวะที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสะสมหุ้นกู้ที่มีคุณภาพก่อนที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเริ่มปรับตัวลดลง โดยเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 ที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยปรับลดลง 0.50% และส่งสัญญาณที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ สำหรับประเทศไทย แม้ว่าการประชุมเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% แต่ก็มีโอกาสที่ กนง. จะประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯประกาศลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง โดยการประชุมครั้งต่อไปคือวันที่ 16 ตุลาคม 2567 ช่วงเวลานี้จึงเป็นจังหวะที่ดีสำหรับนักลงทุนในการสะสมหุ้นกู้ เพื่อล็อคผลตอบแทนไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะนักลงทุนที่นิยมลงทุนในหุ้นกู้ที่มีคุณภาพสูง และด้วยอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A+ แนวโน้ม “คงที่” ของทรู น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน”           หุ้นกู้ครั้งนี้จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) โดยมีอายุหุ้นกู้ระหว่าง 2 ปี ถึง 10 ปี เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทั้งนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว วัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อชำระคืนหนี้จากการออกตราสารหนี้ โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ และคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 21-22 และ 25 พฤศจิกายน 2567 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ซึ่งบริษัทฯ หวังว่าหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนหุ้นกู้ทุกชุดที่ผ่านมาของบริษัทฯ โดยหุ้นกู้ทั้ง 5 ชุดที่เสนอขาย มีรายละเอียดดังนี้ หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [2.95 - 3.10]% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.25 - 3.40]% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.65 – 3.80]% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.80 – 3.95]% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 5 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.95 – 4.10]% ต่อปี ซึ่งเฉพาะรุ่นอายุ 10 ปี ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดได้ตั้งแต่หุ้นกู้ครบปีที่ 5 เป็นต้นไป           ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th หรือ สอบถามรายละเอียดที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 7 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือ โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02 888 8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 777 6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 626 7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอป CIMB Thai Digital Banking ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 285 1555 บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02 680 4004 บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02 165 5555 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปฯ Dime! และรวมถึง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)           สำหรับผู้สนใจจองซื้อหุ้นกู้ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet สามารถศึกษาเพิ่มเติมถึงรายละเอียด ขั้นตอน และวิธีการสมัคร TrueMoney Wallet Application และวิธีการจองซื้อ ได้ที่เว็บไซต์ www.truemoney.com หรือติดต่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด โทร. 1240 กด 6

“โกลเบล็ก” คัดหุ้นธีมลงทุน Data Center

“โกลเบล็ก” คัดหุ้นธีมลงทุน Data Center

          กรุงเทพฯ - บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทย Sideway Up จากแรงหนุนเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ 1 เริ่มลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 1 ต.ค. และเริ่มซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 7 ต.ค. และล่าสุด Google ประกาศแผนลงทุน Data Center ในไทย หนุนดัชนีในเดือนตุลาคมเคลื่อนไหวในกรอบ 1,400-1,480 จุด และกลยุทธ์ลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลงทุน Data Center ได้แก่ WHA, ADVANC, GULF, TRUE และ INSET           นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนตุลาคม 2567 มีโอกาสปรับตัวขึ้นในลักษณะ Sideway Up โดยมีแรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ 1 เริ่มลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 1 ต.ค. และเริ่มซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 7 ต.ค.ประกอบกับมีแรงหนุนจาก Google ประกาศแผนลงทุน Data Center ในประเทศไทย 3.6 หมื่นล้านบาทภายในปี 2572 จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,400-1,480 จุด           นอกจากนี้ทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าระหว่างวันที่ 1-7 ต.ค. 2567 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดในวันชาติจีน (Golden Week) จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังประเทศไทยประมาณ 1.32-1.83 แสนคน เพิ่มขึ้น 57-144% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 คาดว่าจะสร้างรายได้ทาง การท่องเที่ยวประมาณ 3,710-5,180 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 58-121%           ขณะที่ทางธนาคารกลางจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ทั้งลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีน ลง 0.30% สู่ระดับ 2.00% ลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.50% สู่ระดับ 6.6% ซื้อคืนพันธบัตร (reverse repo) ระยะ 7 วัน มูลค่า 1.82 แสนล้านหยวน (ราว 2.596 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่อัตราดอกเบี้ย 1.5% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับสถาบันการเงิน  รวมทั้งสั่งการให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านเดิมที่ยังผ่อนไม่หมด (existing home loan) ก่อนวันที่ 31 ต.ค. เพื่อฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์           ด้านปัจจัยในประเทศที่ยังคงต้องจับตาต่อ ได้แก่ วันนี้ (2 ต.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.), วันที่ 7 ต.ค. กองทุนวายุภักษ์ เริ่มซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์, สัปดาห์ที่ 2 กระทรวงพาณิชย์แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า  สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและอัพเดตสถานการณ์ลงทุน, สัปดาห์ที่ 2 หอการค้าไทยร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย, สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม, วันที่ 16 ต.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 5/2567, สัปดาห์ที่ 4 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์, กระทรวงพาณิชย์แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย, สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค  ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค, สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม, วันที่ 30 ต.ค.รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉบับย่อ และวันที่ 31 ต.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย           ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศที่น่าจับตาวันที่ 1-7 ต.ค. ตลาดหุ้นจีนปิดทำการเนื่องในวันชาติจีน,วันนี้ (2 ต.ค.) อียู รายงานอัตราว่างงานเดือนส.ค., สหรัฐ รายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์, วันที่ 3 ต.ค. สหรัฐ รายงานดัชนีภาคบริการเดือนก.ย., วันที่ 4 ต.ค. สหรัฐ รายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย., วันที่ 23 ต.ค. สำนักข่าว CNN จัดโต้วาทีครั้งที่ 2 สำหรับผู้เข้าชิงตำแหน่งปธน.สหรัฐ, วันที่ 5 พ.ย. วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐและ วันที่ 6-7 พ.ย. ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ           ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลงทุน Data Center  ได้แก่ WHA, ADVANC, GULF, TRUE และ INSET           ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในเดือนตุลาคมว่า ราคาทองคำมีโอกาสพักตัว โดยให้ระวังแรงขายทำกำไรหลังประธานเฟดส่งสัญญาณไม่รีบร้อนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากตัวเลขเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมามีสัญญาณชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง  ทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งต่อไป อย่างไรก็ตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง และปัจจัยทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ยังคงเป็นปัจจัยหนุนทองคำ มองกรอบทองคำเดือนนี้ 2,530 – 2,700 $/Oz คาดว่ามีโอกาสทดสอบแนวรับ

INSET พร้อมเติบโตตามอุตสาหกรรม Data Center

INSET พร้อมเติบโตตามอุตสาหกรรม Data Center

          หุ้นวิชั่น - INSET พร้อมเติบโตตามการขยายตัวของอุตสาหกรรม Data Center โดยในอีก 4-5 ปีข้างหน้า เราคาดว่าอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจดิจิทัลและ AI ที่มีบทบาทสำคัญในทุกภาคส่วน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บริษัทรับงานก่อสร้าง Data Center มากขึ้น คาดว่าจะเริ่มเห็นการประมูลโครงการตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป แต่การรับรู้รายได้จะเกิดขึ้นในปี 2569           นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET เปิดเผยกับ หุ้นวิชั่น ว่า อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยล่าสุด Google ได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 35,000 ล้านบาท ในประเทศไทยระหว่างปี 2568-2572 เพื่อสร้าง Data Center และ Cloud Region แห่งใหม่ ซึ่งเป็นการลงทุนสำคัญที่ช่วยผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้           การลงทุนนี้ไม่เพียงแต่จะยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีในประเทศ แต่ยังเปิดโอกาสให้ประเทศไทยรองรับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจดิจิทัลขั้นสูง เช่น 5G, ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI), คลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud), Internet of Things (IoT) และ Smart City           นอกจากนี้ การสร้าง Data Center และ Cloud Region ของ Google ยังช่วยดึงดูดผู้ประกอบการด้านบริการข้อมูลระดับโลกเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากประเทศมีความโดดเด่นในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน อัตราค่าไฟฟ้าที่แข่งขันได้ และการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดการลงทุนของผู้ประกอบการยุคใหม่           สำหรับ INSET ซึ่งให้บริการก่อสร้างศูนย์ข้อมูล (Data Center) บริษัทมีความเชี่ยวชาญในด้านการออกแบบและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ Data Center ที่รองรับ Big Data, เทคโนโลยี 5G, Cloud Computing และระบบ AI การขยายตัวของผู้ให้บริการดิจิทัลและคลาวด์ในระดับโลกทำให้เกิดความต้องการ Data Center ที่มีประสิทธิภาพสูงและมีเสถียรภาพ ซึ่ง INSET สามารถตอบโจทย์นี้ได้           ด้วยความพร้อมของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในโครงการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล INSET อยู่ในตำแหน่งที่ดีในการเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้าง Data Center ทั้งจาก Google และผู้ให้บริการเทคโนโลยีรายใหญ่อื่นๆ บริษัทคาดว่าจะเข้าร่วมการประมูลงานตั้งแต่ปลายปีนี้ไปจนถึงปีหน้า มูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท สอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรม โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการเหล่านี้ในปี 2569           อนึ่ง INSET เป็นผู้ให้บริการก่อสร้างศูนย์ข้อมูล (Data Center) และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ, ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคม และธุรกิจซ่อมบำรุงและให้บริการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม ส่วนความเห็นนักวิเคราะห์           กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้จะสร้างโอกาสให้ไทยในช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทยมีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G, 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจจากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด           จากการรวบรวมตัวเลขโดย KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขึ้นในประเทศหลักๆ เราประเมินว่าปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 200,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุนในช่วง 4-5 ปี จะส่งผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมประโยชน์ด้านดิจิทัลอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นอีกมากมายต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S-Curve ใหม่ของไทย และเป็น Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาว ซึ่งเชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP มุมมองเชิงกลยุทธ์           ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5 ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่ขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF, INTUCH, ADVANC, TRUE, INSET, DELTA, STPI (Non-Coverage)           กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะยาวที่จะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8, BBIK           ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาสฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI ซึ่งเราคาดไม่ต่างจากยุค 3G, 4G ที่เคยหนุนหุ้นที่ได้ประโยชน์ อาทิ HANA, ADVICE (Non-Coverage), SYNEX (Non-Coverage) Best Picks: GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE ที่มา : บล.กรุงศรี

พฤอา
242526272812345678910111213141516171819202122232425262728293031123456