หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น นายสุรสิทธิ์ คิวประสพศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทอร์ราไบท์ พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ TERA เปิดเผยแนวโน้มธุรกิจในปี 2568 คาดว่าจะเป็นปีแห่งการเติบโต หลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยบริษัทมั่นใจว่าภาพรวมธุรกิจจะเติบโตดีกว่าปี 2567 เนื่องจากในปีนี้บริษัทมีค่าใช้จ่าย One-time ที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและการลงทุนในโครงการ T.Cloud Gen3 ซึ่งจะเริ่มเห็นผลในปี 2568
นอกจากนี้ TERA กำลังศึกษาแผนการลงทุนในธุรกิจ SME ในกลุ่มไอที เพื่อเสริมศักยภาพให้กับบริษัท โดยในปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาบริษัท 2 แห่ง ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบทางบัญชีและการทำ Due Diligence คาดว่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการลงทุนในปี 2568-2569
งบลงทุนในการขยายธุรกิจในปี 2568 จะเป็นไปตามแผนที่ระบุในแบบแสดงข้อมูลหรือไฟลิ่ง โดยบริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนรวม 70 ล้านบาท ในการขยายธุรกิจตามที่วางไว้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ภาพรวมธุรกิจในปี 2567 ยังคงอยู่ในทิศทางที่ดี แม้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้รายได้จะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีที่แล้วบริษัทมีงานโปรเจ็กต์พิเศษ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือหรือ Backlog อยู่ที่ 360 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยการจัดจำหน่ายอุปกรณ์ด้านไอที และการให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร รวมถึงงานบริการ (Service) โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 50:50 และคาดว่าในอนาคตสัดส่วนรายได้จากบริการจะเติบโตขึ้นไปแตะ 70% จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้น
ล่าสุด นายบุญชัย ตั้งวัฒนาพรชัย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทอร์ราไบท์ พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ “TERA” เปิดเผยว่า TERA มีการลงทุน 40 ล้านบาทในโครงการ T.Cloud Gen3 ในปี 2567 ซึ่งเป็นไปตามแผนการระดมทุน IPO โดยบริษัทสามารถดำเนินการได้เร็วกว่าที่เคยแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ mai โครงการนี้คาดการณ์ ROI ที่ 25% และ IRR ประมาณ 35% ขึ้นไป พร้อมตั้งเป้าคืนทุนภายใน 3 ปี โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ T.Cloud Gen3 ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 คาดว่าปีแรกจะมีรายได้จากโครงการประมาณ 35 ล้านบาท
โครงการ T.Cloud Gen3 ถือเป็น Flagship Solutions ของ TERA โดยบริษัทได้ลงทุนใน Data Centers ขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐานระดับโลก พร้อมเลือกใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก IT Vendors ชั้นนำ รวมถึงการสร้าง Network Operation Center (NOC) ให้บริการ 24 ชั่วโมง 7 วัน เพื่อยกระดับการบริการคลาวด์และ IT Infrastructure
ปัจจุบัน TERA มีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นกว่า 100 สัญญา ในรูปแบบ Subscription Model และมี Customer Retention Rate สูงถึง 94% นอกจากนี้ การเติบโตของตลาดบริการคลาวด์และ Data Center ยังสอดคล้องกับนโยบาย Cloud First ของภาครัฐไทย ที่มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต
ปี 2566 TERA มีรายได้จากการให้บริการ T.Cloud ประมาณ 62.40 ล้านบาท คิดเป็น 10.33% จากรายได้รวม คิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปีประมาณ 29%
สำหรับงวดเก้าเดือน สิ้นสุดไตรมาส 3/2567 TERA มีรายได้จากการให้บริการ T.Cloud ประมาณ 55.64 ล้านบาท คิดเป็น 15.16% จากรายได้รวม คิดเป็นอัตราการเติบโต YoY ประมาณ 19% ซึ่งการลงทุนโครงการ T.Cloud Gen3 นี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มรายได้จากการให้บริการแบบประจำสม่ำเสมอ และเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นในการให้บริการ T.Cloud ได้สูงขึ้นอีกจาก T.Cloud Gen2 เดิม
บริษัท ตั้งเป้ารายได้ของโครงการในปีแรก 35 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตอย่างน้อย 20% ต่อปี โดยมีแผนการ Conversion จากสัญญาลูกค้าเดิมที่ให้บริการ T.Cloud Gen2 ให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นการป้องกันความเสี่ยงของการลงทุนได้อย่างสูงสุด ประกอบกับการเติบโตจากลูกค้าใหม่ ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ ที่มีอัตราเติบโตของการใช้บริการคลาวด์ เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง (คาดการณ์การเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อปี CAGR ของตลาด Cloud ในประเทศไทย ระหว่างปี 2567-2572 ประมาณ 19.64% ต่อปี Source: Statistica.com)
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567) กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ Cloud (ทั้ง T.Cloud และ Public Cloud) รวม 90.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) 21.40%
รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision