#Synex


SYNEX คว้า SET ESG ระดับ AA  ควบ CGR 5 ดาว ระดับ “ดีเลิศ”

SYNEX คว้า SET ESG ระดับ AA ควบ CGR 5 ดาว ระดับ “ดีเลิศ”

         นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ดิสทริบิวเตอร์ผู้นำด้านไอทีอีโคซิสเต็ม เผยบริษัทฯ ได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็น 1 ในบริษัท ที่ได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ AA (SET ESG Ratings: AA) ประจำปี 2567 ในกลุ่ม Technology ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ยกระดับจากปี 2566 ที่อยู่ในระดับ A  สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่พัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ยึดตามแนวทางความยั่งยืน เป็นไปตามหลักบรรษัทภิบาล ควบคู่กับให้ความสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance) ทั้งนี้ ซินเน็คฯ ยังได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการที่ดี ในระดับดีเลิศ (Excellent) หรือระดับ 5 ดาว จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2567 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2024 : CGR) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สะท้อนภาพรวมการบริหารงานของซินเน็คฯ ที่ให้ความสำคัญทั้งการบริหารงานที่สร้างการเติบโต และขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวหน้า คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย เปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมุ่งสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ลงทุนในระยะยาว [PR News]

[Gossip] โบรกคาด SYNEX Q4 นิวไฮ  ปีหน้าโตต่อรับเทรนด์ AI

[Gossip] โบรกคาด SYNEX Q4 นิวไฮ ปีหน้าโตต่อรับเทรนด์ AI

          หุ้นได้ประโยชน์ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี เข้าสู่ไฮซีซั่นของสินค้าไอทีและสมาร์ทโฟน นักวิเคราะห์ยกให้ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ดิสทริบิวเตอร์ผู้นำด้านไอทีอีโคซิสเต็ม นำโดยการบริหารของ นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่ปีนี้ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ปักธงรายได้สู่เป้าหมาย 40,000 ล้านบาท มั่นใจทำได้ตามนัด ขณะที่ปี 2568 ปีทอง รับอานิสงส์สินค้าเทคโนโลยีบุกตลาด   ตลาดเกมบูมต่อเนื่อง กำลังซื้อผู้บริโภคกลับมา และจับตาการเบิกจ่ายงบประมาณด้านไอทีที่คาดว่าจะฟื้นตัวในปีหน้า           ด้าน บริษัท หลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ SYNEX แนวโน้มกำไรปกติของไตรมาส 4 ปี 2567 แข็งแกร่งทำระดับสูงสุดใหม่ของปีนี้ ขณะที่มองข้ามไปปี 2568 สินค้ากลุ่ม AI จะเข้าสู่ตลาดเต็มตัวเป็นปีแรก รวมถึงการฟื้นตัวของงานกลุ่มราชการจะเป็นแรงหนุนสำคัญให้กับ SYNEX ในด้านการเติบโตของรายได้ ขณะที่แนวโน้มดอกเบี้ยขาลงจะลดแรงกดดันด้านดอกเบี้ยจ่ายให้กับ SYNEX ที่เราคาดว่าจะเริ่มเห็นในช่วง ไตรมาส 1 ปี 2568 เป็นต้นไป           โดยทิศทาง Q4/67 เติบโตโดดเด่นสนับสนุนสำคัญได้แก่ สินค้ากลุ่ม AI เข้าสู่ตลาดมากขึ้น พร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Apple intelligence ที่เริ่มเข้ามาสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า รวมถึงสินค้า AI PC เริ่มเข้าสู่ตลาดช่วงกลางไตรมาส 4 โดยเน้นสินค้ารุ่น High-end เป็นหลัก นอกจากนี้ยังได้เปิดร้าน Nintendo Authorized Store by Synnex เพื่อกระตุ้นตลาดเกมมิ่ง และการเซ็น MOU กับ axis communication เพื่อขยายกล้องวงจรปิดแบบ High-end และเติมสินค้ากลุ่มโซลูชั่นให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ที่ 19.20 บาทต่อหุ้น อิง +1.0SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีต           ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุมุมมองยังเป็นบวก บริษัทเผยกำไรยังคงแข็งแกร่งในไตรมาส 4 ปี 2567 และ 2568 การร่วมทุนของ Nintendo Authorized Store นั้นมีความเสี่ยงน้อยกว่าที่คิด คงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมาย 17.80 บาทต่อหุ้น เนื่องจากปี 2568 จะเป็นปีทองของ SYNEX [PR News]

SYNEX ประเมิน Q4 แนวโน้มดี รับสินค้าใหม่เปิดตัว บุกตลาดเกมต่อเนื่อง

SYNEX ประเมิน Q4 แนวโน้มดี รับสินค้าใหม่เปิดตัว บุกตลาดเกมต่อเนื่อง

      หุ้นวิชั่น - นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ดิสทริบิวเตอร์ผู้นำด้านไอทีอีโคซิสเต็ม พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร จัดงานประชุมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ (Analyst Meeting) ประจำไตรมาส 3 ปี 67 ซินเน็คฯ สามารถรักษาการทำรายได้และกำไรได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ มีรายได้จากการขายและบริการ 10,762 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% กำไรสุทธิอยู่ที่ 169 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% หนุนรายได้ 9 เดือนปีนี้อยู่ที่ 30,336 ล้านบาท โต 12.3% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 480 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากกลยุทธ์ขยายตลาดรับเทรนด์เทคโนโลยี รวมถึงการขยายชาแนลการขายที่เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ซึ่งภาพรวมรายได้ในไตรมาสนี้ โดดเด่นในกลุ่มสินค้าคอมมูนิเคชั่น ที่โตแรงจากการเปิดตัว iPhone16 ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่รองรับ AI รวมถึงสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ อาทิ แบรนด์ HONOR อีกทั้งยังเจาะกลุ่มนาฬิกาอัจฉริยะ (Smart Watch) จากแบรนด์ Huawei ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น รวมถึงการโฟกัสกลุ่มสินค้าที่มีอัตราการเติบโต บวกกับการจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เดินหน้ารักษาฐานรายได้ดีและกำไรได้ดี           พร้อมประเมินแนวโน้มไตรมาส 4/67 เดินหน้าพุ่งชนเป้าหมาย 40,000 ล้านบาท รับสินค้ากลุ่มคอมมูนิเคชั่น จ่อคิวเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง บวกกับการบุกตลาดเกมมิ่งอย่างเข้มข้น มุ่งมั่นขยายพอร์ตสินค้า Gaming Ecosystem อย่างครบวงจร โดยไฮไลท์หลักกับการเปิดตัว Nintendo Authorized Store by Synnex แห่งแรกในประเทศไทย ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปักหมุดเป็น Tourist Destination ของประเทศไทย ด้วยสินค้ามากกว่า 300 รายการ ที่จะโดนใจสาวก Nintendo ให้เข้ามาช้อปปิ้งได้อย่างจุใจแน่นอน คาดหนุนรายได้ของแอคเซสเซอรี่และสินค้าที่เกี่ยวข้องในกลุ่มเกมมิ่งพุ่งแรง ตอกย้ำศักยภาพการเติบโตของซินเน็คฯ ในฐานะ No.1 ผู้นำเข้า จัดจำหน่ายและบริการไอทีครบวงจรในประเทศไทย ภายใต้สัญลักษณ์ Trusted By Synnex

SYNEX จัด Opp Day โชว์ผลงาน 9 เดือน ชี้ Q4 ไฮซีซั่น มั่นใจรายได้ปี 67 แตะ 40,000 ลบ.

SYNEX จัด Opp Day โชว์ผลงาน 9 เดือน ชี้ Q4 ไฮซีซั่น มั่นใจรายได้ปี 67 แตะ 40,000 ลบ.

          บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ดิสทริบิวเตอร์ผู้นำด้านไอทีอีโคซิสเต็ม สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) ประจำไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมี นายปัญญา พูนเพิ่มผลสิริ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายขายและการตลาด และ นางสาวณัฐนิชา ธุรนิกร ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน ร่วมนำเสนอข้อมูลในครั้งนี้ มั่นใจเป้าหมายรายได้ทั้งปีทะยานแตะ 40,000 ล้านบาท พร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะนำเข้าสินค้าไอทีที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า เพื่อทำให้ชีวิตผู้คนดีขึ้นและง่ายขึ้นด้วยเทคโนโลยี           โดยบริษัทฯ มองแนวโน้มไตรมาส 4/2567 ฤดูไฮซีซั่น สินค้าใหม่ทยอยเปิดตัวได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มคอมมูนิเคชั่นที่มีความคึกคัก หลายแบรนด์พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมที่รองรับ AI มาวางจำหน่ายกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคมากขึ้น อีกทั้ง กลุ่มเกมมิ่งที่จะกลับมาสร้างความตื่นเต้น เตรียมเปิด Nintendo Authorized Store by Synnex แห่งแรกในประเทศไทย ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน สาขาต้นแบบที่มีสินค้าครอบคลุม สนับสนุนปลายปีตลาดเกมฟีเวอร์ ขณะที่ งานภาครัฐเริ่มเห็นทิศทางที่ดี จากงบประมาณที่ออกมาเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีให้ทันสมัย ช่วยยกระดับการทำงาน โดยซินเน็คฯ พร้อมนำเสนอสินค้าและโซลูชั่นส์ครบวงจร           สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2567 มีรายได้จากการขายและบริการสูงถึง 30,336 ล้านบาท โต 12.3 % กำไรสุทธิอยู่ที่ 480 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.5 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากการทำรายได้เติบโตรับเทรนด์สินค้าไอที อีกทั้งในส่วนของค่าเงินแลกเปลี่ยนบริษัทฯ มีการมอนิเตอร์และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบกับรายได้ของบริษัทในไตรมาสนี้ ด้วยทีมบริหารที่แข็งแกร่งทำให้ซินเน็คฯ สามารถรักษาฐานกำไรได้ในระดับดี และวางกลยุทธ์การขยายตลาดได้อย่างตรงจุดสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

SYNEX 9 เดือน รายได้ชน 30,336 ล้านบาท เตรียมเข้าเส้นชัยเป้า 40,000 ล.

SYNEX 9 เดือน รายได้ชน 30,336 ล้านบาท เตรียมเข้าเส้นชัยเป้า 40,000 ล.

          บมจ.ซินเน็ค(ประเทศไทย) (SYNEX) รายได้ทะยานโต ผลงาน 9 เดือน มีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 30,336 ล้านบาท โต 12% จากกลยุทธ์การขยายตลาด รวมกับการเติบโตของสินค้าไอทีที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีกำไร 480 ล้านบาท โต 32% ด้าน Q3/2567 ทำรายได้อยู่ที่ 10,762 ล้านบาท สะท้อนภาพรวมยังเดินหน้าทำผลงานรักษาการเติบโตได้ดี คาดโค้งสุดท้ายของปีทิศทางสดใสรับไฮซีซั่น เตรียมเปิด Nintendo Authorized Store by Synnex แห่งแรกในประเทศไทย เดือนพฤศจิกายน นี้           นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ดิสทริบิวเตอร์ผู้นำด้านไอทีอีโคซิสเต็ม เปิดเผยว่า ซินเน็คฯ โชว์ฟอร์มแกร่งรายได้ทะยานโต จากการทำรายได้ต่อเนื่อง พุ่งเป้ากลยุทธ์ในการขยายตลาด และช่องทางการขาย รวมถึงโฟกัสกลุ่มสินค้าที่มีอัตราการเติบโตสูงท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของภาครัฐ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการสูงถึง 30,336 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,320 ล้านบาท หรือ 12.3% โดยมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 1,226 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 159 ล้านบาท หรือ 14.9% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 480 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115 ล้านบาท หรือ 31.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน           โดยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 ซินเน็คฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 10,762 ​ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,392 ล้านบาท หรือ 14.9% มีกำไรขั้นต้น 424 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60 ล้านบาท หรือ 16.5 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของยอดขายที่เพิ่มขึ้น และการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรักษาสัดส่วนค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สนับสนุนให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 169 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27 ​ล้านบาท หรือ 19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ​ 1.6​%           สำหรับภาพรวมรายได้ที่เติบโตอย่างโดดเด่นคือกลุ่มคอมมูมิเคชั่น ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 1,016 ล้านบาท หรือ 27% โดยเฉพาะแรงหนุนจากการเปิดตัว iPhone16 ทำให้กระตุ้นกำลังซื้อได้อย่างดี รวมถึงสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ เช่น Samsung, HONOR, และ Tecno  ก็มีการเติบโตของยอดขายเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มนาฬิกาอัจฉริยะ (Smart Watch) ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ประกอบกับกลุ่มสินค้าคอมเมอร์เชียล รายได้เพิ่มขึ้น 334 ล้านบาท คิดเป็น 27% ซึ่งมาจากยอดขายสินค้าเพิ่มในงานโปรเจกต์ กลุ่มภาคเอกชน โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มกล้องวงจรปิด ด้านระบบและ Storage ด้านกลุ่มเอนเตอร์ไพรซ์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ล่าสุดที่ซินเน็คฯ ยกพอร์ตสินค้าออกมาเพื่อที่เราจะโฟกัสมากขึ้น สามารถเดินหน้าสร้างรายได้และกำไรได้ดี โดยเพิ่มจากยอดขาย Software Autodesk และระบบการป้องกันความปลอดภัย เป็นต้น ที่สามารถทำรายได้เพิ่มขึ้น 267 ล้านบาท หรือ 38%           อย่างไรก็ดี ในส่วนของกลุ่มสินค้าคอนซูมเมอร์ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ส่งผลต่อกำลังในการซื้อของผู้บริโภค และการรอสินค้าคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค ที่มีการพัฒนา AI ในสินค้ารุ่นใหม่ๆ บวกกับ สินค้าเกมมิ่ง ไฮไลท์ของพอร์ตอย่างแบรนด์ Nintendo Switch ที่เหล่าเกมเมอร์ต่างรอคอยการเปิดตัวเกมรุ่นใหม่ในปี 2568 ทำให้ซินเน็คฯ เล็งเห็นแนวโน้มกลุ่มคอนซูมเมอร์ที่อาจจะกลับมาดีขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของปี รวมถึงเป็นไฮซีซั่นของสินค้าไอที มีสินค้าเปิดตัวใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการเปิดตัว Nintendo Authorized Store by Synnex แห่งแรกในประเทศไทย ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ในเดือนพฤศจิกายนนี้ คาดว่าจะเข้ามามีส่วนสำคัญในการกระตุ้นยอดขายของแอคเซสเซอรี่และสินค้าที่เกี่ยวข้องได้อย่างน่าสนใจ และจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตที่มีศักยภาพในอนาคต           นางสาวสุธิดา กล่าวเสริม “อุตสาหกรรมไอทีในประเทศของเรามีแนวโน้มการเติบโตอย่างมาก ทั้งในด้านปัญญาประดิษฐ์อย่าง AI การยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน ที่เข้ามาเสริมการทำงานทั้งในระบบองค์กรและชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซินเน็คฯ ในฐานะดิสทริบิวเตอร์ไอทีอีโคซิสเต็ม เรามุ่งมั่นในการนำเข้าเทคโนโลยีอย่างครบวงจร ที่จะเข้ามายกระดับการใช้ชีวิตของผู้คนให้ง่ายขึ้น โดยในปีนี้ ซินเน็คฯได้ปรับกลยุทธ์ และบุกตลาดที่สร้างโอกาสในการเติบโตมากยิ่งขึ้น เพื่อก้าวให้ทันกับเทรนด์ของนวัตกรรมใหม่ๆ และมั่นใจว่า เป้ารายได้ 40,000 ล้านบาทที่วางไว้ ไม่พลาดแน่นอน”           และนอกจากการดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้และผลกำไรที่เติบโตอย่างสำเร็จแล้ว ซินเน็คฯ ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และบริหารงานบนหลักธรรมาภิบาลที่ดี รวมถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ต่อต้านการทุจริต ดำเนินงานอย่างโปร่งใส ตลอดจนดูแลผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้าเติบโตได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืน โดยในไตรมาส 3 ปี 2567 ซินเน็คฯ ได้รับรางวัลและการยอมรับที่การันตีการดำเนินงานดังนี้ AGM Check List ระดับ 4 ดาว ประจำปี 2567 โดยสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (Thai Investors Association: TIA) Corporate Governance Report of Thai Listed Companies – CGR ประจำปี 2567 ในระดับ “ดีเลิศ (Excellent)” หรือ 5 ดาว ผลการประเมินในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เกียรติบัตรโครงการ ESG DNA ประจำปี 2567 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำหรับการพัฒนาความรู้ ด้านความยั่งยืนในองค์กร การจัดอันดับจากนิตยสาร Fortune ติดลิสต์ Southeast Asia 500 ประจำปี 2567 โดยบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับที่ 51 ในประเทศไทย และ อันดับที่ 262 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สะท้อนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง [PR News]

SYNEX Q3 กำไร 169 ลบ. เพิ่มขึ้น 19% รับอานิสงค์สินค้าไอที

SYNEX Q3 กำไร 169 ลบ. เพิ่มขึ้น 19% รับอานิสงค์สินค้าไอที

           บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX แจ้งผลการดำเนินงานของ บจ. ไตรมาสที่ 3 ปี 2567 บริษัทมีกำไรขั้นต้น 424 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60 ล้านบาท หรือ 16.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้เกิดจากการเติบโตของยอดขายที่เพิ่มขึ้นของทุกกลุ่มสินค้ายกเว้นเพียงกลุ่มคอนซูเมอร์ที่ยอดขายน้อยกว่าปีที่แล้วเพียง 6% ทำให้ยอดกำไรขั้นต้นสูงขึ้น            ในไตรมาส 3/2567 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ 230 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 37 ล้านบาท หรือ 19.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว แม้ว่าค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น แต่บริษัทฯ ยังคงสามารถควบคุมอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเทียบกับรายได้ให้อยู่ที่ 2.1% ซึ่งเท่ากับปีที่แล้ว ความสำเร็จนี้สะท้อนถึงความพยายามของบริษัทฯ ในการจัดการและควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการเติบโตและการขยายตัวของธุรกิจ การรักษาสัดส่วนค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่บริษัทฯ ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการที่ดี            กำไรสุทธิ 169 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27 ล้านบาท หรือ 19% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หากคิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อยอดขาย 1.6% ซึ่งไม่แตกต่างจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว 1.5% ทั้งนี้ทางบริษัทฯ พยายามเพิ่มยอดขาย เพิ่มกำไรขั้นต้นโดยยังคง % GP ได้ และบริหารจัดการควบคุมรายจ่ายให้มีประสิทธิภาพ            ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการสูงถึง 30,336 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,320 ล้านบาท หรือ 12.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เกิดจากหนึ่งในปัจจัยหลักคือการเติบโตของสินค้าไอที ซึ่งเป็นสินค้าที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในตลาดปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ขยายกลุ่มสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มในส่วนของสมาร์ทโฟน นาฬิกาอัจฉริยะ เกม งานโซลูชัน ซอฟต์แวร์ และคลาวด์ ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด นอกจากนี้ การเป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว (Exclusive Brand) ของแบรนด์ชั้นนำยังช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการเติบโตของบริษัทฯ อีกด้วย การขยายกลุ่มสินค้าและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ทำให้ยอดขายของบริษัทฯ เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเติบโตที่แข็งแกร่งนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในอนาคต และสร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมไอที

[ภาพข่าว] SYNEX คว้า CGR 5 ดาว ระดับ “ดีเลิศ”

[ภาพข่าว] SYNEX คว้า CGR 5 ดาว ระดับ “ดีเลิศ”

           นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ดิสทริบิวเตอร์ผู้นำด้านไอทีอีโคซิสเต็ม ได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการที่ดี ในระดับดีเลิศ (Excellent) หรือระดับ 5 ดาว ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2567 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2024 : CGR) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ภายใต้การสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สะท้อนถึงความมุ่งมั่นเป็นที่หนึ่งในด้านอุตสาหกรรมไอที ด้วยการบริหารที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ภายใต้หลักบรรษัทภิบาลที่ดีที่ใส่ใจในทุกมิติ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกส่วน ด้วยความโปร่งใส และเดินหน้าองค์กรให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

คัด 3 หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่แข็งค่าและมีแนวโน้มธุรกิจที่เติบโต [HoonVision x FynnCorp]

คัด 3 หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่แข็งค่าและมีแนวโน้มธุรกิจที่เติบโต [HoonVision x FynnCorp]

          ในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า ตลาดหุ้นไทยกำลังเผชิญกับโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจเป็นพิเศษ การแข็งค่าของเงินบาทในครั้งนี้เป็นผลจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง แม้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีการลดดอกเบี้ยเช่นกัน แต่เงินบาทยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากปัจจัยเชิงโครงสร้างทางนโยบายการเงินโลกที่ซับซ้อน           ในภาวะที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเช่นนี้ นักลงทุนควรจับตามองหุ้นที่สามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะบริษัทที่มีปัจจัยหนุนด้านธุรกิจแข็งแกร่งในช่วงปลายปีและต่อเนื่องไปถึงต้นปีหน้า ซึ่งจะช่วยเสริมแรงบวกจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนให้ชัดเจนยิ่งขึ้น SYNEX, AAV และ GULF เป็นหุ้นสามตัวที่มีโอกาสได้รับประโยชน์จากทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่าและแนวโน้มธุรกิจที่เติบโตในไตรมาสสุดท้ายของปี รวมถึงมีศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่องในอนาคต 1) SYNEX: ผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้า IT ที่พร้อมจะได้ประโยชน์จากต้นทุนที่ลดลง SYNEX ผู้นำในการจัดจำหน่ายสินค้า IT ในไทย มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่าซึ่งช่วยลดต้นทุนนำเข้าและเพิ่มอัตรากำไร ประกอบกับการเติบโตของตลาด IT จากเทรนด์การทำงานที่บ้านและเรียนออนไลน์ บริษัทมีโอกาสเติบโตทั้งยอดขายและกำไร โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ที่มีเทศกาลช้อปปิ้งและแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ในปี ภาพรวมธุรกิจ บริษัท ซินเน็ค จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าเทคโนโลยีในประเทศไทย โดยจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วง ซอฟต์แวร์ ระบบสารสนเทศ และอุปกรณ์สื่อสาร บริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าจากผู้ผลิตมากกว่า 50 แบรนด์จากต่างประเทศ ตั้งแต่ Apple, Huawei, Nintendo และ Samsung SYNEX มีฐานลูกค้าเป็นผู้ประกอบการประมาณ 5,000 ราย ประกอบไปด้วยผู้วางระบบซอฟต์แวร์ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าปลีกทั่วประเทศ โดย SYNEX มีช่องทางการจำหน่ายครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ และให้บริการจัดส่งสินค้าและบริการหลังการขาย บริษัทมีรายได้รวมในปี 2566 และช่วงครึ่งแรกของปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 36,000 ล้านบาท และ 18,000 ล้านบาทตามลำดับ โดยปกติแล้ว จะมีสัดส่วนรายได้จากการขายอุปกรณ์ ซอฟต์แวร์ หรือ ระบบไอที มากกว่า 99% ของรายได้ทั้งหมด แผนภูมิแสดงรายละเอียดรายได้และค่าใช้จ่ายของ SYNEX ในปี 2023 โดยมีรายได้หลักจากการขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และไอที มากถึง 36.47 พันล้านบาท คิดเป็น 99.7% ของรายได้ทั้งหมด สัดส่วนของรายได้แยกตามหมวดของสินค้า โดยมีเปอร์เซ็นต์ของช่วงครึ่งปีแรกของ 2024 เป็นสัดส่วนที่อยู่วงนอก ต้นทุนหลักของ SYNEX คือต้นทุนขายสินค้า ซึ่งคิดเป็นประมาณ 93% ของรายได้ เมื่อแบ่งลงไปอีก จะแยกเป็นการจัดซื้อสินค้า 69% จากผู้ผลิตต่างประเทศที่มีฐานการผลิตในไทย และนำเข้า 31% จากผู้ผลิตในต่างประเทศโดยตรง ในด้านการบริหารสินค้าคงคลัง SYNEX ใช้ระบบการสั่งซื้อตามความถี่การขาย โดยสั่งซื้อสินค้าที่มียอดขายสูงอย่างสม่ำเสมอ และสั่งซื้อล่วงหน้าสำหรับสินค้าโครงการหรือสินค้าที่มีระยะเวลาการส่งมอบนานโดยทั่วไป บริษัทได้รับเครดิตเทอม 30-60 วันจากผู้ผลิตในประเทศ และ 30-45 วันจากผู้ผลิตต่างประเทศ ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เมื่อเงินบาทแข็งค่า ราคาหุ้นของ SYNEX ก็มักจะปรับตัวขึ้นตามไปด้วย กราฟนี้แสดงให้เห็นว่าการแข็งค่าของเงินบาท (USD/THB ลดลง) มักสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น SYNEX FynnCorp IAS มองว่าการแข็งค่าของเงินบาทส่งผลดีโดยตรงต่อ SYNEX เนื่องจากช่วยลดต้นทุนการนำเข้าสินค้า IT จากต่างประเทศ ซึ่งคิดเป็น 31% ของสินค้าทั้งหมด ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิ เหตุใด SYNEX จึงน่าลงทุน? ผลประโยชน์จากเงินบาทแข็งและการเติบโตของตลาด IT: SYNEX ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการลดลงของต้นทุนนำเข้าเมื่อเงินบาทแข็งค่า ในขณะเดียวกัน ความต้องการสินค้า IT ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากเทรนด์การทำงานที่บ้านและการเรียนออนไลน์ ทำให้บริษัทมีโอกาสเติบโตทั้งในด้านยอดขายและอัตรากำไร โอกาสจากยอดขายพุ่งในไตรมาส 4 และการเปิดตัวสินค้าใหม่: ช่วงเทศกาลช้อปปิ้งปลายปีมักส่งผลให้ยอดขายของ SYNEX เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับแผนการเปิดตัวสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรุ่นใหม่ในไตรมาส 4 ปี 2567 จะเป็นตัวเร่งสำคัญในการเติบโตของรายได้ ปัจจัยเสี่ยง การแข่งขันที่รุนแรงและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี: ตลาด IT มีการแข่งขันสูงและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว SYNEX ต้องรักษาความสามารถในการแข่งขันและบริหารสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสินค้าล้าสมัย ภาวะเศรษฐกิจและการพึ่งพาซัพพลายเออร์: ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอาจส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ในขณะที่การพึ่งพาซัพพลายเออร์รายใหญ่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความต่อเนื่องของธุรกิจหากเกิดปัญหากับซัพพลายเออร์หลัก 2) AAV: โอกาสจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและเงินบาทแข็งค่า AAV ผู้นำสายการบินต้นทุนต่ำในไทย มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเงินบาทแข็งค่าซึ่งช่วยลดต้นทุนดำเนินงานที่อยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ เช่น ค่าเช่าเครื่องบินและค่าบำรุงรักษา บริษัทมีโอกาสเติบโตจากแผนขยายเส้นทางบินใหม่ โดยเฉพาะในเส้นทางที่มียอดจองสูง และการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ภาพรวมธุรกิจ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV เป็นบริษัทแม่ของสายการบินไทยแอร์เอเชีย ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำชั้นนำในประเทศไทยที่ให้บริการทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2023 AAV มีรายได้จากการดำเนินงานเที่ยวบินหลักอยู่ที่ 41 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 135% จากปี 2022 สะท้อนถึงความสำเร็จในการเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินและการขยายเส้นทางบินใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดการบิน โดยรายได้จากเที่ยวบินภายในประเทศคิดเป็น 60% และระหว่างประเทศคิดเป็น 40% ของรายได้ทั้งหมด ภาพแสดงการกระจายรายได้และค่าใช้จ่ายของ AAV ในปี 2023 โดยรายได้หลักมาจากการดำเนินงานเที่ยวบิน (41.03 พันล้านบาท) ในปี 2566 ต้นทุนหลักของ AAV ประกอบด้วย ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งคิดเป็น 37% ของต้นทุนรวม และยังเป็นต้นทุนที่มีความผันผวนสูงตามราคาน้ำมันโลก นอกจากนี้ยังมี ค่าใช้จ่ายสนามบินและค่าจอดเครื่องบิน คิดเป็น 14% ซึ่งรวมถึงค่าธรรมเนียมการใช้สนามบินและการจอดเครื่องบิน และ ค่าบำรุงรักษาและค่าซ่อมแซม คิดเป็น 15% ของต้นทุนรวม เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาเครื่องบินให้พร้อมใช้งานและปลอดภัย ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน การแข็งค่าของเงินบาทส่งผลดีโดยตรงต่อ AAV เนื่องจากช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่อยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เช่น ค่านํ้ามัน, ค่าเช่าเครื่องบิน และค่าบำรุงรักษา ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิ เหตุใด AAV จึงน่าลงทุน การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในภูมิภาค: ตลาดการท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2567 AAV อยู่ในตำแหน่งที่ดีในการได้รับประโยชน์จากการเติบโตนี้ ด้วยเครือข่ายเส้นทางบินที่ครอบคลุมและแบรนด์ที่แข็งแกร่งในภูมิภาค การปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน: AAV ได้ดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและการบริหารจัดการฝูงบิน กลยุทธ์การขยายธุรกิจที่มุ่งเน้นการเติบโต: AAV มีแผนขยายเส้นทางบินใหม่ โดยเฉพาะในเส้นทางที่มีศักยภาพสูงและมียอดจองแน่น เช่น เส้นทางไปยังประเทศจีนและญี่ปุ่น การขยายตัวนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มรายได้ แต่ยังช่วยกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ปัจจัยเสี่ยง ความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว: แม้ว่าการท่องเที่ยวจะมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่ยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก เช่น สถานการณ์โรคระบาด หรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ที่อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณนักท่องเที่ยวในระยะสั้น ความผันผวนของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง: แม้ว่าราคาน้ำมันจะมีแนวโน้มลดลง แต่ยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อต้นทุนการดำเนินงานของ AAV การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมการบิน: การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวอาจนำไปสู่การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในอุตสาหกรรมการบิน โดยเฉพาะในด้านราคา ซึ่งอาจกดดันอัตรากำไรของ AAV ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง 3)  GULF: ผู้นำด้านพลังงานสะอาดและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า GULF ผู้นำในธุรกิจพลังงานของไทย กำลังขยายการลงทุนสู่พลังงานหมุนเวียนและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยได้รับประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่าซึ่งช่วยลดภาระหนี้สินในสกุลเงินดอลลาร์และต้นทุนการนำเข้าเทคโนโลยี บริษัทมีโอกาสเติบโตจากแนวโน้มการลดการปล่อยคาร์บอนทั่วโลกและการเพิ่มขึ้นของความต้องการบริการดิจิทัล โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนและศูนย์ข้อมูล นอกจากนี้ GULF ยังมีความได้เปรียบจากประสบการณ์และเครือข่ายในอุตสาหกรรมพลังงาน ภาพรวมธุรกิจ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานของประเทศไทย โดยดำเนินโครงการด้านพลังงานทั้งจากพลังงานฟอสซิลและพลังงานหมุนเวียน ในปี 2566 บริษัทมีรายได้รวมประมาณ 114 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 21% จากปีก่อน โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าและธุรกิจก๊าซธรรมชาติ GULF มีแผนขยายการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล โดยตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานสะอาดและขยายศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ในประเทศไทย โดย GULF เองมีแผนที่จะลงทุน มากถึง 1,800 ล้านบาทใน Data Center ในช่วงระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า รายได้หลักของ GULF ในปี 2023 มาจากธุรกิจพลังงานเป็นหลัก คิดเป็น 93% ของรายได้รวม ซึ่งประกอบไปด้วย ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจพลังงานหมุนเวียน รายได้ส่วนอื่นของ GULF จะมาจากโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค, ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และอื่นๆ แผนภูมิแสดงรายได้และค่าใช้จ่ายของ GULF ในปี 2023 โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจพลังงาน เป็น 106.13 พันล้านบาท สิ้นปี 2566 GULF มีหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยกว่า 282,626 ล้านบาท โดยเกือบ 18% อยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ค่าเงินมีบทบาทสำคัญต่อภาระหนี้ของบริษัท ในปีที่ผ่านมา บริษัทต้องบันทึกขาดทุนทางบัญชี 576 ล้านบาท จากการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แม้ว่าจะไม่ใช่การสูญเสียเงินสดจริง แต่ก็ส่งผลต่อการรายงานผลประกอบการ อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินบาทกลับเป็นผลดีต่อ GULF ในแง่ของการจ่ายหนี้ เพราะทำให้ใช้เงินจ่ายน้อยลงเมื่อหนี้อยู่ในสกุลเงินดอลลาร์ ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน การแข็งค่าของเงินบาทส่งผลดีต่อ GULF ในหลายด้าน ประการแรก ช่วยลดภาระหนี้สินในสกุลเงินดอลลาร์ ทำให้บริษัทมีโอกาสในการลดต้นทุนทางการเงินและเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ ประการที่สอง ช่วยลดต้นทุนการนำเข้าเทคโนโลยีและอุปกรณ์สำหรับโครงการพลังงานหมุนเวียนและศูนย์ข้อมูล ซึ่งส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังเพิ่มความคล่องตัวในการขยายการลงทุน ทำให้ GULF สามารถเร่งแผนการลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพสูงได้เร็วขึ้น เหตุใด GULF จึงน่าลงทุน โอกาสการเติบโตในธุรกิจพลังงานสะอาดและดิจิทัล: GULF กำลังขยายการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและศูนย์ข้อมูล ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการลดการปล่อยคาร์บอนทั่วโลกและการเติบโตของความต้องการบริการดิจิทัล การลงทุนในสองธุรกิจที่มีศักยภาพสูงนี้จะช่วยสร้างแหล่งรายได้ใหม่และกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ ประโยชน์จากการบริหารต้นทุนและหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ: การแข็งค่าของเงินบาทช่วยลดต้นทุนการนำเข้าอุปกรณ์และเทคโนโลยีสำหรับโครงการใหม่ ขณะเดียวกันก็ช่วยลดภาระหนี้สินในสกุลเงินดอลลาร์ เปิดโอกาสให้ GULF สามารถรีไฟแนนซ์หนี้ในอัตราที่ต่ำลง เพิ่มความสามารถในการทำกำไรและการลงทุนในอนาคต ตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมพลังงาน: GULF มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงาน พร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการขยายธุรกิจไปสู่พลังงานหมุนเวียนและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล สามารถใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์และความเชี่ยวชาญที่มีอยู่เพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่ ปัจจัยเสี่ยง ความไม่แน่นอนของนโยบายภาครัฐและกฎระเบียบ: การเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านพลังงานและดิจิทัลของภาครัฐ รวมถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง อาจส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนและการดำเนินงานของ GULF โดยเฉพาะในโครงการพลังงานหมุนเวียนและศูนย์ข้อมูล ความผันผวนของราคาพลังงานและวัตถุดิบ: แม้ว่า GULF จะกำลังขยายไปสู่พลังงานหมุนเวียน แต่ธุรกิจหลักยังคงเป็นการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ ความผันผวนของราคาก๊าซธรรมชาติและเชื้อเพลิงอื่นๆ อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและความสามารถในการทำกำไร ความท้าทายในการขยายธุรกิจใหม่: การขยายธุรกิจไปสู่พลังงานหมุนเวียนและศูนย์ข้อมูลอาจเผชิญกับความท้าทายในด้านการดำเนินงานและการแข่งขัน เนื่องจากเป็นธุรกิจใหม่ที่ GULF อาจยังไม่มีประสบการณ์มากนัก อาจต้องใช้เวลาในการสร้างความเชี่ยวชาญและส่วนแบ่งตลาด อ่านรายละเอียดเพิ่ม คลิก https://app.visible.vc/shared-update/b7514fb8-becc-4ff0-a481-b1cba459cb46

[ภาพข่าว] SYNEX เดินสาย “ปั้นช่าง สร้างอาชีพ”

[ภาพข่าว] SYNEX เดินสาย “ปั้นช่าง สร้างอาชีพ”

           บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ดิสทริบิวเตอร์ผู้นำด้านไอทีอีโคซิสเต็ม ภายใต้โครงการ “ปั้นช่าง สร้างอาชีพ” และ “ทิ้งให้ถูกที่ กับ Trusted by Synnex E-Waste” ได้มอบคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ IT และถังขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้กับวิทยาลัยเทคนิคเชียงใหม่ เพื่อส่งเสริมการศึกษาด้านเทคโนโลยีและการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกต้อง โดยมี นายธฤตพน กรุงหิรัญ ผู้จัดการฝ่ายขายภูมิภาค เป็นตัวแทนมอบ และได้รับเกียรติจาก ดร.วัชรพงศ์ ฝั้นติ๊บ ผู้อำนวยการวิทยาลัยฯ เป็นผู้รับมอบ ณ วิทยาลัยเทคนิคเชียงใหม่            โครงการดังกล่าว มีแผนมอบอุปกรณ์ IT และจัดฝึกอบรมให้กับ 10 วิทยาลัยอาชีวศึกษาทั่วประเทศภายในปี 2567 รวมมูลค่ากว่า 2,310,000 บาท โดยเชียงใหม่เป็นวิทยาลัยที่ 5 ที่ได้รับการสนับสนุน นอกจากนี้ยังมีแผนมอบอุปกรณ์ให้กับวิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี, นครราชสีมา, หาดใหญ่, พิษณุโลก และอุบลราชธานี            ซินเน็คฯ มุ่งมั่นยกระดับการศึกษาและสนับสนุนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมผ่านการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี

บล.กรุงศรี เชื่อ SYNEX ปี 68 กำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

บล.กรุงศรี เชื่อ SYNEX ปี 68 กำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คาดปี 2568 SYNEX จะมีกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากโมเดล CPU และ GPU รุ่นใหม่ ซึ่งจะกระตุ้นความต้องการอัปเกรดจากผู้บริโภคที่ซื้อผลิตภัณฑ์ PC ในปี 2566-2567 นอกจากนี้ จะมีการนำ AI มาใช้ใน PC และสมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลาย เราจึงเริ่มครอบคลุม SYNEX ด้วยคำแนะนำ "ซื้อ" และราคาเป้าหมาย 17.80 บาท (ปี 2025) 2025 จะเป็นปีทอง           เราคาดว่าปี 2025 จะเป็นปีทองสำหรับธุรกิจสินค้าไอที โดยเฉพาะตลาดคอมพิวเตอร์ โดยมีสาเหตุจาก (1) พัฒนาการของเทคโนโลยี AI (2) การเปิดตัว CPU และ GPU รุ่นใหม่ และ (3) การเริ่มต้นของวัฏจักรการอัปเกรดคอมพิวเตอร์ (4) ความต้องการสมาร์ทโฟนจะเติบโตตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI โดย SYNEX ในฐานะหนึ่งในผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไอทีรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จะได้รับประโยชน์จากเทรนด์เหล่านี้ คาดว่าการขายพีซีและสมาร์ทโฟนทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 5% และ 4% ตามลำดับในปี 2025 เร่งตัวจากปี 2024 คาดการณ์กำไรเติบโตแข็งแกร่ง           SYNEX รายงานผลประกอบการที่ดีใน 1H24 กำไรเพิ่มขึ้น 41% hoh จากรายได้ที่เติบโตและอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น เราคาดว่าโมเมนตัมจะยังคงต่อเนื่องใน 2H24 จากไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึง iPhone 16 และ PC ที่ใช้ AI นอกจากนี้ เรายังเชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะยังอยู่ในระดับสูงจากการมุ่งสู่กลุ่มลูกค้า Commercial มากขึ้น เราคาดว่ากำไรทั้งปีของ SYNEX จะเพิ่มขึ้น 34% เป็น 572 ล้านบาทในปี 2024 และกำไรหลักจะเติบโตต่อเนื่อง 19% เป็น 682 ล้านบาทในปี 2025 เริ่มต้นคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 17.80 บาท           SYNEX มีปัจจัยหนุนทั้งภายในและภายนอกในปี 2024 และ 2025 ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนกำไรหลัก ราคาเป้าหมายของเราที่ 17.80 บาท อิง P/E 22 เท่า (+0.5 SD) โดยเรามองว่าบริษัทสมควรซื้อขายที่ระดับพรีเมียมเหนือกลุ่มเล็กน้อย เนื่องจากคาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

abs

Hoonvision

[Gossip] SYNEX ขานรับเทคโนโลยีใหม่เปิดตัว หนุน Q4

[Gossip] SYNEX ขานรับเทคโนโลยีใหม่เปิดตัว หนุน Q4

          ซินเน็คฯ ยิ้มรับเทคโนโลยีใหม่พาเหรดเปิดตัว พร้อมบุกตลาดสมาร์ทวอทช์ - รับกระแส HUAWEI หนุน Q4 ทิศทางบวก           บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ดิสทริบิวเตอร์ผู้นำด้านไอทีอีโคซิสเต็ม นำโดย คุณสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยโค้งสุดท้ายของปี พอร์ตสินค้าคอมมูนิเคชั่น เจ้าตลาดไอทีหลายแบรนด์ชั้นนำระดับโลกต่างพาเหรดออกโปรดักส์ใหม่กระตุ้นกำลังซื้อ ล่าสุด Huawei ยกขบวนสมาร์ทวอทช์รุ่นเรือธง เปิดตัว HUAWEI Watch GT 5 Series, HUAWEI Watch Ultimate และ HUAWEI FreeBuds 6i x SKULLPANDA หูฟังลิมิเต็ดเอดิชั่น และอุปกรณ์ Wearable ที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า เรียกได้ว่า อุปกรณ์สวมใส่ของ Huawei เป็นแบรนด์อันดับ 1 ของโลกที่มีการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างดี อีกทั้ง ยังเป็นแบรนด์ชั้นนำตลาดในประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน           ซินเน็คฯ ในฐานะผู้จัดจำหน่ายสินค้าหัวเว่ยอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เห็นทิศทางบวกจากการเปิดตัวสินค้าอินโนเวชั่น ที่มีนวัตกรรมโดดเด่น คาดกระแสตอบรับดี ยอดสั่งจองแน่น สอดรับกลยุทธ์ในช่วงครึ่งปีหลัง ที่ซินเน็คฯ บุกตลาดสมาร์ทวอทช์ และอุปกรณ์สวมใส่มากขึ้น โฟกัสในกลุ่มสินค้าที่เป็นไฮมาร์จิ้น ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง และอัตรากำไรดี รับไฮซีซั่นที่กระแสปีนี้แรงสุดๆ

[ภาพข่าว] SYNEX ร่วมงาน HUAWEI เปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำแห่งปี

[ภาพข่าว] SYNEX ร่วมงาน HUAWEI เปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำแห่งปี

          บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีระดับโลก และผู้จัดจำหน่ายสินค้าหัวเว่ยอย่างเป็นทางการในประเทศไทย นำโดย คุณสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมทีมผู้บริหาร ได้เข้าร่วมงานเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ "HUAWEI Innovative Product Launch 2024" ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลต์ในงานฯครั้งนี้ คือ HUAWEI Watch GT 5 Series และ HUAWEI FreeBuds 6i x SKULLPANDA หูฟังลิมิเต็ดเอดิชั่น ที่ผสานดีไซน์สร้างสรรค์กับเทคโนโลยีล้ำสมัย ตอบโจทย์ทั้งสายสุขภาพและสายสะสมอาร์ตทอย           คุณสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่าง หัวเว่ย และซินเน็คฯ ในการนำเสนอเทคโนโลยีล่าสุดให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ซินเน็คฯ ภูมิใจในฐานะผู้จัดจำหน่ายสินค้าหัวเว่ย อย่างเป็นทางการเพียงรายเดียวในประเทศไทย พร้อมสร้างความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สัญลักษณ์แห่งความไว้วางใจ “Trusted by Synnex”

[ภาพข่าว] SYNEX เปิดบ้านต้อนรับนักลงทุน THAI VI

[ภาพข่าว] SYNEX เปิดบ้านต้อนรับนักลงทุน THAI VI

          นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ดิสทริบิวเตอร์ผู้นำด้านไอทีอีโคซิสเต็ม เปิดบ้านต้อนรับนักลงทุนสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า(ประเทศไทย) (THAI VI) โชว์ศักยภาพ และทิศทางกลยุทธ์การเติบโตในครึ่งปีหลัง อัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีจากแบรนด์ต่างๆระดับโลก ที่จะเข้ามาเปิดตัวสร้างสีสัน รับเทรนด์ AI กระตุ้นยอดขายให้กับพอร์ตรายได้ สู่เป้ารายได้ 40,000 ล้านบาท ที่วางไว้ อีกทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูลการดำเนินธุรกิจสู่ความสำเร็จ พร้อมพาเดินชมคลังสินค้า ที่มีระบบการทำงานด้วยนวัตกรรมต่างๆอย่างทันสมัย ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเข้าเยี่ยมชมกิจการอย่างเนื่องแน่น ณ สำนักงานใหญ่ บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) เมื่อเร็วๆนี้