#SUN


KGI อัพเป้ากำไร SUN ชน 330ล.ปันผลสูง 6.5% แนะ

KGI อัพเป้ากำไร SUN ชน 330ล.ปันผลสูง 6.5% แนะ"ซื้อ" เป้า 5.15บ.

หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ปรับประมาณการกำไร SUN โรงงาน RTE ใหม่จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตรายได้ปี 2568F โรงงานกลุ่มสินค้าพร้อมทาน (RTE) แห่งใหม่ซึ่งกำหนดจะเริ่มดำเนินการใน 1Q68 จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตหลักของ SUN ในปี 2568 โดยที่กำลังการผลิตกลุ่มสินค้าพร้อมทานจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสู่ 3.0 แสนชิ้นต่อวัน จากปัจจุบันที่ 1.5 แสนชิ้นต่อวัน ซึ่งปัจจุบันนี้ได้ดำเนินการเต็มกำลังการผลิตแล้ว          นอกจากนี้ SUN วางแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในปีหน้าอีกด้วย จากที่มี 15 SKUs ในปัจจุบันที่วางขายในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ซึ่งจะรวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้าพร้อมทานต่าง ๆ ที่มีอายุการเก็บที่ยาวนานขึ้นเพื่อมุ่งเป้าไปที่การขายในต่างประเทศ ทั้งนี้ประเมินว่ารายได้ของกลุ่ม RTE จะเติบโตราว 43% ในปี 2568F และ 22% ในปี 2569F ความร่วมมือกับเต็ดตราแพ็ค (Tetra Pak) เป็นตัวเร่งการเติบโตใหม่ SUN ได้เข้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ระยะยาว 8 ปีกับบริษัทเต็ดตราแพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของโลกด้านโซลูชันกระบวนการผลิต การบรรจุและบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อผลิตข้าวโพดหวานในบรรจุภัณฑ์กระดาษโดยที่ภายใต้ข้อตกลงนี้ทางเต็ดตราแพ็คจะจัดหาบรรจุภัณฑ์กระดาษและให้ยืมใช้เครื่องจักรสำหรับสายการผลิตใหม่ด้วยกำลังการผลิตราว 35-40 ล้านชิ้นต่อปี          ขณะที่ สายการผลิตดังกล่าวนี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนตุลาคม 2568 มองว่าความร่วมมือนี้เป็นตัวหนุนของการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญต่อ SUN ขณะที่ใช้เงินลงทุนน้อยมาก ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่บรรจุในกล่องกระดาษนี้มีอุปสงค์อย่างมากจากกลุ่มลูกค้าปัจจุบันของ SUN โดยที่ประเมินว่าโครงการนี้จะสร้างรายได้ประมาณ 75 ล้านบาทในปี 2568F และเติบโตโดดเด่นในปีถัดไป ฝ่ายวิเคราะห์ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2567F ขึ้นเล็กน้อยที่ 3% อยู่ที่ 330 ล้านบาท สะท้อนถึงประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นของ SUN และการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ราว 0.7ppts อยู่ที่ 21.9% ขณะที่ กำลังการผลิตส่วนเพิ่มจากโรงงาน RTE ใหม่และความร่วมมือกับเต็ดตราแพ็คคาดว่าจะผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ราว 17-18% ต่อปีในปี 2568F-2569F อย่างไรก็ตามเมื่อคำนึงถึงแรงกดดันที่อาจเกิดจากค่าเงินบาทแข็งค่าและการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ประมาณการค่อนข้างอนุรักษ์นิยมว่า GPM จะลดลงอยู่ที่ 20.8% ในปี 2568F ดังนั้นคาดว่ากำไรสุทธิของ SUN จะเติบโตปานกลางราว 10% เป็น 363 ล้านบาทในปี 2568F ก่อนที่จะเร่งโตขึ้น 20% (435 ล้านบาท) ในปี 2569F          ฝ่ายวิเคราะห์คงให้คำแนะนำซื้อหุ้น SUN หลังจากผ่านพ้น 4Q67 ที่เป็นช่วง low season ของการส่งออกแล้ว คาดว่าวัฏจักรการเติบโตรอบใหม่น่าจะเริ่มใน 1Q68 เพราะฉะนั้น ฝ่ายวิเคราะห์ได้ปรับ PER ของ SUN ใหม่ขึ้นเป็น 11x (เฉลี่ย PER ระยะยาว) และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นใหม่ที่ 5.15 บาท จากเดิม 4.68 บาท (PER ที่ 10x) นอกจากนี้ คาดว่า SUN จะให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจูงใจราว 6.5% ในปี 2567F และ 7.1% ในปี 2568F ซึ่งตอกย้ำความน่าสนใจในการลงทุน เป้าปี 2568 ที่ 5.15 บาท

SUN จับมือ Tetra Pak ยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทย ด้วยบรรจุภัณฑ์อนาคต

SUN จับมือ Tetra Pak ยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทย ด้วยบรรจุภัณฑ์อนาคต

          หุ้นวิชั่น - บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) (SUN) ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด (Tetra Pak Thailand ) ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์และโซลูชันการแปรรูปอาหาร พัฒนานวัตกรรม ข้าวโพดหวานบรรจุกล่อง Tetra Recart บรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงทั้งสองบริษัทเข้าร่วมลงนามสัญญา นำโดย นายองอาจ  กิตติคุณชัย  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SUN และ นางสาวรัตนศิริ ติลกสกุลชัย  กรรมการผู้จัดการ Tetra Pak Thailand เมื่อเร็วๆนี้ ณ บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) นายองอาจ กิตติคุณชัย กล่าวว่า SUN มองเห็นโอกาสขยายตลาดต่างประเทศ ที่ปัจจุบันเริ่มให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้ร่วมมือในการพัฒนาข้าวโพดหวานบรรจุกล่อง Tetra Recart ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานระดับโลก ด้วยเป้าหมายเพิ่มรายได้ของ SUN ให้เติบโตขึ้น 10-15% พร้อมขับเคลื่อนแนวทาง ESG (Environment, Social, Governance) อย่างชัดเจน นวัตกรรม Tetra Recart บรรจุภัณฑ์แห่งอนาคตเป็นที่นิยมในตลาดโลก โดยเป็นบรรจุภัณฑ์แบบคาร์บอนต่ำ ผลิตจากกระดาษที่ได้จากป่าปลูกทดแทนซึ่งมีการจัดการอย่างรับผิดชอบ ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อีกทั้งยังสามารถรีไซเคิลได้ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจทั้งคุณภาพและสิ่งแวดล้อม เชื่อว่ากล่องบรรจุภัณฑ์ Tetra Recart จะช่วยสร้างความแตกต่างและเสริมสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ KC ต่อผู้บริโภคทั่วโลก ด้าน นางสาวรัตนศิริ ติลกสกุลชัย กล่าวเสริมว่า Tetra Pak Thailand มีความยินดีที่ได้ร่วมงานกับ SUN ในการพัฒนานวัตกรรมที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นต่อความยั่งยืนที่ทั้งสองบริษัทมีร่วมกัน นับเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากลอย่างยั่งยืนต่อไป

SUN กำไร Q3 สูงกว่าคาด FX gain หนุน-ปันผล 15สต.

SUN กำไร Q3 สูงกว่าคาด FX gain หนุน-ปันผล 15สต.

          หุ้นวิชั่น- บทวิเคราะห์ บล. ดาโอ คงแนะนำ “ซื้อ” SUN และคงราคาเป้าหมายที่ 4.60 บาท อิง 2024E PER11.5x SUN รายงานกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 140 ล้านบาท (+67% YoY, +114% QoQ) สูงกว่าตลาดและเราคาด +8% จาก FX gain ที่มากกว่าคาด กำไรโต YoY จาก 1) GPM ขยายตัว และ 2) FX gain ที่ 62 ล้านบาท (3Q23 = -26 ล้านบาท) ด้านกำไรที่โต QoQ หนุนโดย 1) รายได้รวมขยายตัว +10% QoQ จากรายได้ต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น +10% QoQ และรายได้ในประเทศเติบโตต่อเนื่องจากกลุ่ม RTE เติบโต, 2) GPM ขยายตัว จากต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำลง, utilization rate ที่ดีขึ้น,ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า และ 3) FX gain ที่เพิ่ม (2Q24 = -10 ล้านบาท)           ทั้งนี้ SUN ประกาศจ่ายปันผล 0.15 บาท (XD 20 พ.ย. 2024) คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 313 ล้านบาท (-13% YoY) กำไร 9M24 มีสัดส่วนที่ 83% ของประมาณการกำไรปี 2024E ทั้งนี้ เราคาดกำไรสุทธิ 4Q24E จะชะลอตัว YoY, QoQ จากผลกระทบน้ำท่วมทำให้วัตถุดิบปรับตัวลดลง และ GPM ลดลงจาก utilization rate ลดลง ราคาหุ้นทรงตัวเมื่อเทียบกับ SET ใน 1 เดือนที่ผ่านมา เราชอบ SUN จาก valuation ที่ไม่แพงโดยเทรดที่ 2024E PER 9.8x และเป็นผู้นำข้าวโพดหวานส่งออกของไทย อีกทั้งยังมี upside จาก M&A

SUN Q3/67 กำไรพุ่ง 66.8% บริหารต้นทุนดี พร้อมปันผล 0.15 บาทต่อหุ้น

SUN Q3/67 กำไรพุ่ง 66.8% บริหารต้นทุนดี พร้อมปันผล 0.15 บาทต่อหุ้น

           SUN รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 140.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 66.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้รายได้จากการขายลดลงร้อยละ 10 สาเหตุจากการลดการสั่งซื้อของคู่ค้าต่างประเทศ แต่ยอดขายในประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มสินค้าพร้อมทาน SUN ยังคงเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติ พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน            บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าในไตรมาส 3/2567 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 913.0 ล้านบาท ลดลง 100.8 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 10.0 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3/2566 รายได้จากการขายต่างประเทศลดลงเนื่องจากในปี 2566 สภาพอากาศเหมาะสม ทำให้คู่ค้าเร่งซื้อสินค้าเพื่อชดเชยสินค้าที่ขาดในช่วงก่อนหน้า ส่งผลให้ในปี 2567 คู่ค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะทวีปเอเชีย มีสินค้าพอเพียงในการจำหน่ายจึงไม่เร่งนำเข้าสินค้า ขณะที่ภูมิภาคตะวันออกกลางและทวีปอเมริกายังคงขยายตัวได้ โดยเติบโตขึ้นจากกลุ่มสินค้ากระป๋องและสินค้าแช่แข็งในส่วนของลูกค้ารายเดิมที่มาซื้อเพิ่ม ปริมาณวัตถุดิบรับเข้ายังคงเป็นไปตามแผน โดยลูกค้าเริ่มกลับมาซื้อเพิ่มในไตรมาส 3/2567 ทำให้รายได้จากการขายสูงขึ้น 86.0 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2567            รายได้จากการขายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มสินค้าพร้อมทาน (RTE) โดยเฉพาะมันหวานเผา ถั่วแระญี่ปุ่น ข้าวโพดพร้อมทาน ธัญพืชพร้อมทาน และลำไยลอยแก้ว โดยมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น ข้าวโพดหวานผสมถั่วแระญี่ปุ่น ข้าวโพดคลุกชีส ถั่วรวมต้มน้ำตาล และข้าวโพดข้าวเหนียวคลุกมะพร้าววางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ            สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 3/2567 มีจำนวน 140.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 66.8 จากไตรมาส 3/2566 เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้นจากการปรับปรุงสายการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และมีการใช้ระบบอัตโนมัติ (automation) ในกระบวนการผลิตมากขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ โดยมีกำไรจากตราสารอนุพันธ์และอัตราแลกเปลี่ยน 62.1 ล้านบาท            ในงวดเก้าเดือนของปี 2567 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 2,505.3 ล้านบาท ลดลง 347.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.2 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเก้าเดือนของปี 2566 สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทและบริษัทย่อยในงวดเก้าเดือนของปี 2567 มีจำนวน 260.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.5 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเก้าเดือนของปีก่อน แม้ว่ารายได้จากการขายจะลดลงร้อยละ 12.2 แต่บริษัทสามารถบริหารต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้นจากการปรับปรุงสายการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการขายลดลงตามสัดส่วนของยอดขายที่ลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายบริหารเพิ่มขึ้นจากเงินเดือนและผลประโยชน์พนักงาน รวมถึงค่าเช่าโกดังสินค้าที่สูงขึ้น บริษัทยังคงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ โดยมีกำไรจากตราสารอนุพันธ์และอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 25.5 ล้านบาท            สถานะการเงินของบริษัทและบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 2,333.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 355.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.0 จากวันที่ 31 ธันวาคม 2566 สาเหตุหลักมาจากสินค้าคงเหลือที่เพิ่มขึ้น 239.2 ล้านบาท เนื่องจากมีวัตถุดิบเข้าผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ - สุทธิเพิ่มขึ้น 58.5 ล้านบาทจากโครงการ Mini Factoryz และโครงการปรับปรุงไลน์ผลิต บริษัทมีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 864.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 253.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.4 จากการเพิ่มขึ้นของเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินจำนวน 287.5 ล้านบาทเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน นอกจากนี้ บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้น 1,468.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 จากกำไรสุทธิ 260.0 ล้านบาท และกำไรเบ็ดเสร็จอื่น 2.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกระทบจากการวัดมูลค่าตามวิธีคณิตศาสตร์ประกันภัยของหนี้สินผลประโยชน์พนักงาน โดยหนี้สินผลประโยชน์พนักงานลดลงและกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงอัตราคิดลดที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดจำนวน 161.2 ล้านบาท พร้อมอนุมัติเงินปันผล 0.15 บาทต่อหุ้น วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) : 20 พ.ย. 2567 โดยวันที่จ่ายปันผล : 04 ธ.ค. 2567

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

[Vision Exclusive] SUN เดินหน้าดันแบรนด์ KC สู่ตลาดโลก ปักหมุดรายได้ 5 พันล้าน

[Vision Exclusive] SUN เดินหน้าดันแบรนด์ KC สู่ตลาดโลก ปักหมุดรายได้ 5 พันล้าน

           ดร.องอาจ กิตติคุณชัย ประธานกรรมการบริหาร SUN เผยบริษัทเดินหน้าขยายตลาดแบรนด์ KC สู่การเป็น Global Brand อย่างต่อเนื่อง พร้อมขยายกำลังการผลิตรองรับความต้องการในตลาดโลก ตั้งเป้ารายได้ 5,000 ล้านบาทใน 3 ปี ขณะเดียวกันวางแผนบุกตลาดคาร์บอนเครดิต หวังสร้างรายได้เพิ่มจากการเพาะปลูกข้าวโพดตอบรับเศรษฐกิจสีเขียวและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก            ดร.องอาจ กิตติคุณชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าผลักดันแบรนด์ KC สู่การเป็น Global Brand อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีการจำหน่ายสินค้า 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ข้าวโพดกระป๋อง ซึ่งมีสัดส่วนยอดขาย 70% ข้าวโพดแช่แข็ง 20% และสินค้าพร้อมทาน (Ready-to-Eat หรือ RTE) อีก 10% นอกจากนี้ บริษัทสามารถขยายตลาดไปยังมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก โดยมีฐานลูกค้าครอบคลุม 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ผู้นำเข้า/ส่งออกอาหารรายใหญ่ กลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่ (Retailer) กลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) และร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) รวมถึงกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมผลิตอาหารและร้านอาหาร            ทั้งนี้ รายได้จากการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของรายได้รวม บริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านการบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (Customer Relationship Management) เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาว            สำหรับการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทมีการทำ Forward rate ไว้ 50-70% ของยอดการส่งออก เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน แม้สถานการณ์น้ำท่วมและอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงที่ผ่านมาจะมีผลกระทบต่อผลประกอบการบ้าง แต่ผลประกอบการทั้งปีของบริษัทยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมการเพิ่มกำลังการผลิตในกลุ่มสินค้าพร้อมทาน (RTE) โรงงาน Mini Factory 2 จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 250,000  ชิ้นต่อวันในปีหน้า ทั้งนี้คาดว่าโรงงานดังกล่าวจะแล้วเสร็จช่วงต้นปี 2568            อีกทั้งบริษัทมีเป้าหมายในการเพิ่มมูลค่าของสินค้าโดยมุ่งเน้นสินค้าสำหรับกลุ่มธุรกิจขายปลีกมากขึ้น ภายในระยะเวลา 3-5 ปี เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย บริษัทได้พัฒนาสินค้าใหม่และเพิ่มคุณค่าให้แก่สินค้าที่ตอบสนองต่อกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้า 3 ปี (2567-2569) จะมีรายได้แตะ 5,000 ล้านบาท            พร้อมกันนี้ บริษัท ได้เล็งเห็นโอกาสในตลาดคาร์บอนเครดิต โดยวางแผนที่จะสร้างรายได้ใหม่ผ่านการเพาะปลูกพืชที่มีศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอน โดยเฉพาะการปลูกข้าวโพด ซึ่งสามารถสร้างคาร์บอนเครดิตที่สามารถนำไปจำหน่ายในตลาดคาร์บอนเครดิตในอนาคต ทั้งนี้ การพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิตดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการเติบโตของรายได้ของบริษัทในระยะยาว ตอบรับกับกระแสโลกที่มุ่งเน้นความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม อีกทั้งการเข้าสู่ตลาดคาร์บอนเครดิตถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่บริษัทจะใช้ประโยชน์จากการดำเนินงานด้านการเกษตรในมิติต่าง ๆ โดยบริษัทมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจสีเขียว            ทั้งนี้ SUN เป็นผู้นำธุรกิจข้าวโพดหวานครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีความเป็นสากลดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายข้าวโพดหวานแปรรูปและผลิตภัณฑ์แปรรูปสินค้าเกษตรอื่นๆ ภายใต้ตราสินค้าของบริษัท “KC” และผลิตตามคำสั่งลูกค้าภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า            บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)ระบุถึง คาดว่า SUN จะรายงานกำไรสุทธิใน 3Q67F ที่ 130 ล้านบาท (+55 YoY และ +98% QoQ) โดยที่กำไร เติบโตก้าวกระโดดอย่างมากเป็นผลจากการประมาณว่ามีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ราว 50 ล้านบาท จากการแข็งค่าของเงินบาทอย่างมาก ณ สิ้นไตรมาสนี้ ในขณะที่ คาดกำไรจากการดำเนินงานลดลง 12% YoY แต่เพิ่มขึ้น 15% QoQ อยู่ที่ 104 ล้านบาท ในทิศทางเดียวกับรายได้จากการขายซึ่งคาดว่าจะลดลง 7% YoY แต่ดีขึ้น 15% อยู่ที่ 948 ล้านบาท ขณะที่ การส่งออกข้าวโพดหวานจะถูกกดดันจากการแข็งค่าเงิน บาทและการแข่งขันเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การลดลงของรายได้จากการส่งออกไม่แย่อย่างที่เราเคยกังวล เนื่องจากคุณภาพสินค้าที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น            กำไรใน 4Q67F น่าจะค่อนข้างแข็งแกร่งแม้เป็นช่วง low season การผลิตข้าวโพดหวานในไตรมาสที่สี่น่าจะต่ำจากปัจจัยฤดูกาลและการปลูกที่ล่าช้าออกไปผลจากฝนตก หนักมากในปีนี้ เมื่อรวมกับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน คาดว่ากำไรของ SUN จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ ใน 4Q67F อย่างไรก็ตาม มองว่ากำไรน่าจะค่อนข้างแข็งแกร่งแม้ว่าเป็นช่วง low season เป็นเพราะ SUN ได้สำรองสินค้ากึ่งสำเร็จรูป (semi-finished products)ไว้ในสินค้าคงคลังและน่าจะมี อุปทานเพียงพอเพื่อการจัดส่งให้ลูกค้าได้ ประมาณการกำไรสุทธิขึ้น 11% อยู่ที่ 320 ล้านบาทในปี 2567F (-10% YoY) และ 2% อยู่ที่ 362 ล้านบาทในปี 2568F (+13% YoY) จึงปรับเพิ่มคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จากถือ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 4.68 บาท (จากเดิม 4.20 บาท)

live-sticky
LIVE