#STECON


STECON แจ้งบริษัทย่อย  รับงานก่อสร้างบางกอกมอลล์ (Zone 2-4) มูลค่า 5,800 ลบ.

STECON แจ้งบริษัทย่อย รับงานก่อสร้างบางกอกมอลล์ (Zone 2-4) มูลค่า 5,800 ลบ.

          หุ้นวิชั่น - นายภาคภูมิ ศรีชานิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“STECON”) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (“STEC”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ STECON (สัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 99.60) ได้ลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงจ้างและรับจ้างก่อสร้างโครงการศูนย์การค้าบางกอกมอลล์ Zone 2, 3 และ 4 โดยมีรายละเอียดดังนี้ ชื่อโครงการ : โครงการศูนย์การค้าบางกอกมอลล์ Zone 2, 3 และ 4 (หนังสือแสดงเจตจำนงฯ ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2567) เจ้าของโครงการ : บริษัท บางนา ช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์ จำกัด ผู้ว่าจ้าง : บริษัท บางนา ช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์ จำกัด ผู้รับจ้าง : บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น มูลค่าโครงการ : 5,800,000,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ลักษณะงานก่อสร้าง : งานก่อสร้างโครงสร้าง สถาปัตย์ อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ระยะเวลาการก่อสร้าง : 1 มีนาคม 2568 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2572

สเตคอน กรุ๊ป คว้า SET ESG Ratings ระดับ AA ปี 67

สเตคอน กรุ๊ป คว้า SET ESG Ratings ระดับ AA ปี 67

          บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ STECON ได้รับผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ในระดับ AA ประจำปี 2567 ในกลุ่มก่อสร้าง โดยเป็น 1 ใน 228 บริษัทจดทะเบียนที่ได้รับการประเมินและจัดอันดับจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สะท้อนการทำงานอย่างจริงจังและต่อเนื่องของ STECON ในด้าน ESG ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล           นับเป็นปีที่สองติดต่อกันที่ STECON ได้รับคัดเลือกเข้าสู่หุ้นยั่งยืน “SET ESG Rating” โดยได้รับการจัดอันดับในระดับ “Rating AA” นับเป็นความสำเร็จและภาคภูมิใจของบริษัทฯ ซึ่งตระหนักถึงความสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยบริษัทกำหนดนโยบายและเป้าหมายหลักด้านการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ตามหลัก ESG (Environmental, Social and Governance) ให้ความสำคัญกับแนวทางในการดำเนินธุรกิจแบบเติบโตไปพร้อมกันทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน หรือ Sustainability Development ที่ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งด้านบรรษัทภิบาลเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล เพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศไทย สร้างคุณค่าแก่สังคมไทยในทุกภาคส่วน           ทั้งนี้การประเมินหุ้นยั่งยืนหรือ SET ESG Ratings นี้ ยังเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้ลงทุน นักวิเคราะห์ และผู้จัดการกองทุน ใช้ควบคู่กับข้อมูลอื่น ๆ ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสการเติบโตของธุรกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) จะยิ่งส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันและศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ           STECON มีความมุ่งมั่นสร้างการเติบโตทางธุรกิจ นำหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาปรับประยุกต์ใช้ในการทำงานตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ มีเป้าหมายการเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม และจากนี้บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสู่การเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป [PR News]

[Vision Exclusive] STECON ได้สีส้มหนุน ก่อสร้างปี68 ยิ้มได้!

[Vision Exclusive] STECON ได้สีส้มหนุน ก่อสร้างปี68 ยิ้มได้!

          หุ้นวิชั่น - STECON แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทลูก STEC เซ็นสัญญาร่วมค้าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า 5.89 หมื่นล้าน ร่วมกับ CK คาดเริ่มรับรู้รายได้งานก่อสร้างQ1/68 หนุน Backlog สิ้นปี 2567 แตะ 1 แสนล้าน คาดรับรู้รายได้หลักใน 3-4 ปี พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 2568 ที่ 31,000-32,000 ล้านบาท เดินหน้าขยายธุรกิจพลังงานสะอาด-สาธารณูปโภค มองโอกาสลงทุน Startups           นายภาคภูมิ ศรีชำหนิ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่ม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ STECON ขอแจ้งให้ตลาดหทรัพย์แห่งประเทศไทย ทราบว่า บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ STEC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ STECON (สัดส่วนการถือหุ้นร้อนละ 99.60) ได้ทำสัญญาร่วมค้ากับ ซีเคเอสที-โออาร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อรับจ้างก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดยมีสัดส่วนการร่วมลงทุนดังนี้1. บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) 51% 2. บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) 49%           ทั้งนี้ กิจการร่วมค้า ซีเคเอสที-โออาร์ ได้ลงนามเป็นผู้รับจ้างในสัญญาจ้างก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กับบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) โดยมีรายละเอียดของงานดังต่อไปนี้ วันลงนามสัญญา: 29 พฤศจิกายน 2567มูลค่าสัญญา: ประมาณ 58,950,000,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ระยะเวลาดำเนินการ: ประมาณ 64 เดือน ทั้งนี้น่าจะรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างได้ตั้งแต่ ไตรมาส 1/2568           มูลค่างานในมือ (Backlog) เมื่อรวมโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ดำเนินการในนามกิจการร่วมค้า CKST (ซีเคเอสที) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2567 โดยการรับรู้รายได้หลักจากโครงการดังกล่าวจะเกิดขึ้นในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง           สำหรับปี STEC ตั้งเป้ารายได้ในปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 31,000-32,000 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อยจากปี 2567 ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ราว 30,000 ล้านบาท โดยโครงการสำคัญที่จะสนับสนุนการเติบโต ได้แก่ โครงการสนามบินอู่ตะเภา ที่มีแนวโน้มเริ่มดำเนินการได้ในช่วงกลางปี 2568 รวมถึงโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ เช่น ทางด่วนและรถไฟทางคู่ ที่หากประมูลได้สำเร็จ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2569 ในส่วนของการขยายธุรกิจใหม่ บริษัทมุ่งเน้นด้าน สาธารณูปโภค เช่น น้ำประปา และ พลังงานสะอาดหรือพลังงานทดแทน พร้อมทั้งเข้าศึกษาความเป็นไปได้ในตลาดเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่ม Startups เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตในอนาคต           แนวโน้มอุตสาหกรรมก่อสร้างในปี 2568 คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ที่รัฐชะลอในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การลงทุนภาคเอกชนในประเทศมีแนวโน้มเติบโตตามการลงทุนของรัฐ และยังคาดหวังการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลเริ่มสร้างความเชื่อมั่นและเสถียรภาพในสายตานักลงทุน โดยรวม STEC มองว่า ปี 2568 จะดีกว่าปี 2567 จากปัจจัยสนับสนุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมก่อสร้างในภาพรวม. รายงาน ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว สำนักข่าว HoonVision

ตลท. เตือนซื้อขาย STEC หลังแลกหุ้น STECON เสร็จแล้ว ซึ่งจะถูกเพิกถอนต่อไป

ตลท. เตือนซื้อขาย STEC หลังแลกหุ้น STECON เสร็จแล้ว ซึ่งจะถูกเพิกถอนต่อไป

          หุ้นวิชั่น - ตลท. ขอให้ผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์ STEC เนื่องจากอยู่ระหว่างการนำหลักทรัพย์ของ บมจ. สเตคอน กรุ๊ป (STECON) เข้าจดทะเบียนแทนหลักทรัพย์ STEC ซึ่งจะถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อไป ตามที่บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (STECON) ได้มีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STEC) เพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้น โดยการแลกเปลี่ยน 1 หุ้นสามัญของ STEC ต่อ 1 หุ้นสามัญของ STECON ระหว่างวันที่ 19 สิงหาคม 2567 - 21 ตุลาคม 2567 เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่ง STECON อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนแทนหลักทรัพย์ STEC นั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์ STEC ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว เนื่องจาก STEC จะเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่มีตลาดรองในการซื้อขายหลักทรัพย์ ภายหลังการนำหลักทรัพย์ STECON เข้าจดทะเบียนแทนหลักทรัพย์ STEC ซึ่งจะถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อไป

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน