ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#SPRC


กลุ่มปิโตรเคมี-แนฟทา SPRC รับอานิสงส์ยังไง?

กลุ่มปิโตรเคมี-แนฟทา SPRC รับอานิสงส์ยังไง?

            หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ข้อมูลของ International Energy Agency data (IEA) แสดงให้เห็นว่าปริมาณการส่งออกแนฟทาของรัสเซียยังทรงตัวที่ 530-600k บาร์เรล/วันในปี 67 เนื่องจากโรงกลั่นของรัสเซียสามารถเปลี่ยนเส้นทาง cargo จาก EU ไปเอเชีย หลังถูกคว่ำบาตรในปี 66 ซึ่งผู้ซื้อหลักได้แก่จีน, อินเดีย, สิงคโปร์และไต้หวัน             อีกทั้งฝ่ายวิเคราะห์ฯมองว่า ปริมาณการส่งออกแนฟทาที่ผันผวนรายเดือนในปีที่แล้ว เกิดจากการที่โรงกลั่นต้องหยุดการผลิตหลังถูกยูเครนโจมตีด้วยโดรนมากกว่าจะเกิดจากปัญหาด้านอุปสงค์ ขณะที่ไม่แน่ใจว่าแนฟทาจากรัสเซียจะเปลี่ยนเส้นทางกลับมายังยุโรปทั้งหมด หากรัสเซียและยูเครนบรรลุข้อตกลงหยุดยิง เนื่องจากความต้องการแนฟทาในยุโรปเริ่มเข้าสู่ขาลงมาตั้งแต่ปี 66 จากการปิดตัวลงของ Naphtha cracker             นอกจากนี้ ข้อมูลของ IEA ระบุว่า แนฟทาจากรัสเซียมีราคาต่ำกว่าราคาตลาดในเอเชียประมาณ 14-15 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาส 4/67 แสดงว่า Naphtha cracker ในเอเชียที่ใช้วัตถุดิบแนฟทาจากรัสเซียจะมีความได้เปรียบด้านต้นทุน อย่างไรก็ตาม อัตราการผลิตของ Naphtha cracker ในเอเชียยังอยู่ในระดับต่ำที่ 80% ในปี 66-67 เพราะต้นทุนแนฟทาที่ถูกลงยังไม่พอชดเชยราคาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนตัว             ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า สเปรด PE (polyethylene-)-แนฟทาและ PP (polypropylene)-แนฟทาในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้นจาก 150-170 เหรียญสหรัฐ/ตันในเดือนม.ค.-ก.พ. 68 เป็น 179 เหรียญสหรัฐ/ตันในเดือนมี.ค. 68 เพราะมีการหยุดผลิตนอกแผนหลายครั้งในเกาหลีใต้และอาเซียน แต่ผลดีส่วนหนึ่งจากการฟื้นตัวของสเปรด PP/PP จะหักลบกับราคาที่ลดลงของผลิตภัณฑ์พลอยได้อย่างเบนซีนและบิวทาไดอีน ซึ่งมีราคาลดลงจาก 896 เหรียญสหรัฐ/ตันและ 1,360 เหรียญสหรัฐ/ตันในเดือนม.ค.68 เป็น 869 เหรียญสหรัฐ/ตันและ 1,330 เหรียญสหรัฐ/ตันในเดือนก.พ.-มี.ค.68 ตามลำดับ             ดังนั้น สเปรด PE/PP โดยรวมในอาเซียนจึงยังต่ำกว่าต้นทุนเงินสดที่ 167 เหรียญสหรัฐ/ตัน QTD ในไตรมาส 1/68 แม้จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 150 เหรียญ สหรัฐ/ตันในไตรมาส 4/67 ขณะเดียวกัน Naphtha cracker ส่วนใหญ่ในเอเชียยังมีอัตราการผลิตต่ำกว่ากำลังการผลิต รวมถึง cracker 6 แห่งในเกาหลีใต้ (5.2mtpa) และ cracker 1 แห่งของ PTTGC (ต้องส่งอีเทนไป ให้กับ Ole 3 cracker) ขณะที่โครงการ Long Son Petrochemical ของ SCC ยังออฟไลน์ แม้ว่าวัตถุดิบ LPG (ก๊าซปิโตรเลียมเหลว) จะมีราคาถูกกว่าแนฟทา             นอกจากนี้ คาดว่า PE/PP-แนฟทาในอาเซียน อาจเผชิญกับแรงกดดันเพิ่มเติมในไตรมาส 2/68 จากการเปิดดำ เนินงานโรงงาน PE/PP ใหม่ในจีน และเนื่องจากมีคอนเทนเนอร์เปล่าเพิ่มขึ้นที่ท่าเรือของสหรัฐฯ จึงมองว่ามีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะส่งออก PE ไปจีนเพิ่มขึ้นก่อนที่หน่วยงานรัฐของจีนจะตัดสินใจตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ             ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่า EBITDA จากธุรกิจเคมีภัณฑ์ของ PTTGC และ IRPC อาจไม่เพิ่มขึ้น qoq ในไตรมาส 1/68 นี้ ขณะที่ Naphtha cracker สองแห่งในไทยของ SCC น่าจะยังมีขาดทุนสุทธิ แต่การที่บริษัทกลับมาเปิดหน่วยผลิต VCM (vinyl chloride monomer เป็นสารตั้งต้นในการผลิต PVC ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำกำไรให้กับ SCC) อาจทำให้ธุรกิจเคมีภัณฑ์ของ SCC มี EBITDA เติบโต qoq ในไตรมาส 1/68             ยังคงคำแนะนำ Underweight กลุ่มปิโตรเคมี เนื่องจากอุตสาหกรรมโอเลฟินส์ในเอเชีย น่าจะยังมีอุปทานเกินความต้องการในปี 68-69 และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน (ถ้ามี) น่าจะไม่สามารถแก้ปัญหาอุปทานล้นตลาด ดังนั้นจึงมองว่าโรงกลั่นน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในกลุ่มพลังงานของไทย             โดยมี SPRC เป็นหุ้น Top pick ขณะที่ปัจจัยลบที่กดดันกลุ่มคือ อุปสงค์ที่อ่อนตัวของเคมีภัณฑ์ ซึ่งเป็นผลมาจากสงครามการค้าโลกที่ปะทุขึ้นอีกครั้ง ส่วน upside risk จะมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง

SPRC ปี 67 พลิกกำไร 2.2 พันลบ. ค่าการกลั่นหนุน

SPRC ปี 67 พลิกกำไร 2.2 พันลบ. ค่าการกลั่นหนุน

         หุ้นวิชั่น -  บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC รายงานผลกำไรสุทธิที่ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งพลิกฟื้นได้อย่างมีศักยภาพเมื่อเปรียบเทียบกับผลขาดทุนสุทธิ 64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยหลักจากค่าการกลั่นตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น          ค่าการกลั่นตลาดในไตรมาสที่ 4/2567 อยู่ที่ 6.04 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก 4.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในไตรมาสที่ 3/2567 และอัตราการนำน้ำมันดิบเข้ากลั่นในไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 155,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 89 ของกำลังการกลั่น ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากการซ่อมบำรุงตามแผน (Scheduled Maintenance)          สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2567 SPRC และบริษัทในเครือมีกำไรสุทธิ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มสูงขึ้น 86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับการขาดทุนสุทธิ 26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากผลประกอบการรวมในปี 2566 การเติบโตในปี 2567 เป็นผลมาจากค่าการกลั่นน้ำมันที่ดีขึ้น อัตราการนำน้ำมันดิบเข้ากลั่นที่สูงขึ้น และมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 29 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการเข้าซื้อธุรกิจการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงภายใต้แบรนด์คาลเท็กซ์ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2567          มร. โรเบิร์ต โดบริค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ SPRC กล่าวว่า “การบูรณาการธุรกิจของเราสามารถเสริมสร้างมูลค่าได้อย่างมีนัยสำคัญผ่านการเติบโตทั้งในช่องทางการค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงคาลเท็กซ์และการขยายช่องทางการขาย การบริหารสินค้าคงคลังและกระบวนการกลั่นน้ำมันที่มีประสิทธิภาพ การทำข้อตกลงใหม่ ๆ เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมถึงการปรับปรุงระบบโลจิสติกส์”          “แม้ว่า SPRC จะขยายธุรกิจได้เพียง 1 ปี แต่บริษัทฯ ได้วางรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อสร้างมูลค่าอย่างต่อเนื่องให้แก่องค์กร SPRC ยังคงมุ่งมั่นสร้างผลลัพธ์ที่โดดเด่นด้วยการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้ และเข้าถึงได้เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสีย SPRC พร้อมขับเคลื่อนการสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น” มร. โดบริค กล่าวเสริม          ในวันเดียวกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2568 มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ในวันที่ 10 เมษายน 2568 ให้จ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิของปี 2567 เป็นจำนวนเงิน 0.40 บาทต่อหุ้น โดยหลังจากหักเงินปันผลระหว่างกาลที่ได้จ่ายไปแล้วจำนวน 0.25 บาทต่อหุ้น ทำให้เงินปันผลคงเหลือเป็นจำนวน 0.15 บาทต่อหุ้น บริษัทฯ จะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 7 มีนาคม 2568 โดยกำหนดวันจ่ายเงินปันผลเป็นวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 หลังจากได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 แล้ว

9 หุ้นแกร่ง ลุ้นรีบาวน์แรง รับ Cover Short

9 หุ้นแกร่ง ลุ้นรีบาวน์แรง รับ Cover Short

หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บล.กรุงศรี ระบุ บรรยากาศลงทุน SET ที่เริ่มฟื้นตัวจากโซนลงทุน จากความคาดหวังเชิงบวกการกลับมาDomestic Long Term Fund ประเมินมีหุ้นอีกชุด Underperform SET และถูก Short สูงมีโอกาสรีบาวน์แรงจากการเร่ง Cover Short ภายใต้เกณฑ์ ผลตอบแทน YTD เคลื่อนไหว Underperform SET100 ที่ YTD ให้ผลตอบแทน -7.3% ยอด Short Sales สูงกว่าค่าเฉลี่ยหุ้นใน SET100 ที่ 0.64% ของทุนชำระแล้ว อิงเกณฑ์ดังกล่าว ผสาน องค์ประกอบที่เป็นหุ้นที่มีความแข็งแกร่งระดับหนึ่งในทางพื้นฐานและมีปัจจัยหนุนรออยู่ ได้ 9 บริษัทที่เหมาะกับการลงทุนลุ้นรีบาวน์แรงดังนี้           BGRIM (YTD -32.8%, Short Sales 1.19%) กระแสเทคโนโลยีระยะนี้กลับมาเด่น คาดมีโอกาสหนุนหุ้นโรงไฟฟ้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลัก           OSP (YTD -27.9%, Short Sales 1.51%) เตรียมรับช่วงหน้าร้อน มี.ค.- เม.ย.68           SPRC (YTD -22.9%, Short Sales 1.59%) ค่าการกลั่นเช้าวันนี้เร่งขึ้นสู่ 4.07 เหรียญฯ +22.6%d-d           JMT (YTD -21.98%, Short Sales 0.97%) งบ 4Q24 มีสัญญาณ Cash Collection ฟื้นตัว q-q           BANPU (YTD -21.7%, Short Sales 1.26%) มีโอกาสได้รับประโยชน์ทางบวกธุรกิจในสหรัฐฯ           COM7 (YTD -17.3%, Short Sales 0.78%) คาดยอดจับจ่ายปลายปี-ต้นปีคึกคักต่อเนื่องตามฤดูกาล + มาตรการกระตุ้นรัฐฯ           WHA (YTD -16%, Short Sales 1.13%) หุ้นนิคมมีสัญญาณบวก FDI เร่งต่อเนื่อง ผสาน จิตวิทยาบวก Trade Tension เข้ามาเป็นระยะๆ           BH(YTD -12.3%, Short Sales 1.1%) ภาพใหญ่สังคมสูงวัยไม่เปลี่ยน ขณะที่หุ้นถูกกดันจากปัจจัยลบชั่วคราว           KCE (YTD -11.8%, Short Sales 2.15%) แรงกดดันอุตสาหกรรมยานยนต์บรรเทาลง โดยเฉพาะล่าสุดภาษีเท่าเทียม เตรียมยกเว้นสินค้ายา+ยานยนต์ เชิงกลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรหุ้นชุดดังกล่าว BGRIM, OSP, SPRC, JMT, BANPU, COM7, WHA ,BH, KCE ลุ้นรีบาวน์แรงจากการเร่ง Cover Short

SPRC คาดพลิกกำไร 520 ลบ.  โบรกชี้มีปันผล 0.15 บ. เป้า 7.30 บาท

SPRC คาดพลิกกำไร 520 ลบ. โบรกชี้มีปันผล 0.15 บ. เป้า 7.30 บาท

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กสิกรไทย มีมุมมองเชิงบวกต่อ SPRC จากการคาดการณ์ที่ว่าค่าการกลั่นจะฟื้นตัวในช่วงฤดูร้อน เนื่องจาก SPRC ใช้เทคโนโลยี FCC ที่ให้ผลผลิตน้ำมันเบนซินสูงกว่าโรงกลั่นที่ใช้เทคโนโลยีไฮโดรแคร็กเกอร์ และการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินจะเป็นประโยชน์ต่อ SPRC มากที่สุด            นอกจากนี้ คาดว่ากำไรไตรมาส 4/2567 จะอยู่ที่ 520 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 4.6 พันล้านบาทในไตรมาส 4/2566 จาก Market GRM ที่เพิ่มขึ้น อัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันที่ลดลง โดยประเมินว่าจะจ่ายเงินปันผลครึ่งหลังของปี 2567 ที่ 0.15 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 2.7% SPRC : ราคาพื้นฐาน 7.30 บาท

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

SPRC คาด Q4 พลิกกำไร 434 ลบ. โบรกแนะ“ซื้อ” เป้า 8.50 บาท

SPRC คาด Q4 พลิกกำไร 434 ลบ. โบรกแนะ“ซื้อ” เป้า 8.50 บาท

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.ดาโอ คงคำแนะนำ SPRC “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายที่ 8.50 บาท อิง 2025E PBV ที่ 0.88x (ประมาณ -1.8SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 5 ปี) เราประเมินว่าบริษัทจะกลับมารายงานกำไรสุทธิใน 4Q24E ที่ 434 ล้านบาท จากขาดทุน 4.6 พันล้านบาทใน 4Q23 และขาดทุน 2.2 พันล้านบาทใน 3Q24 โดยมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของค่าการกลั่นตลาด (market GRM) และผลขาดทุนจากสต๊อก (stock loss net of NRV) ที่ลดลง ในขณะเดียวกัน เราเชื่อว่าบริษัทจะยังคงรักษาอัตราการใช้กำลังการกลั่น (crude run) ที่ระดับสูงได้ในไตรมาสนี้และได้ประโยชน์จากการดำเนินงานเต็มไตรมาสของทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล (SPM) อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าบริษัทอาจจะเห็นผลประกอบการ 1Q25E ได้รับผลกระทบจากแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและน้ำมันดิบ (crack spread) ของผลิตภัณฑ์น้ำมันเบนซิน (gasoline) ที่อ่อนแอและการสูงขึ้นที่เป็นไปได้ของพรีเมียมน้ำมันดิบ (crude premium) จากผลกระทบของการคว่ำบาตร (sanction) การส่งออกน้ำมันของรัสเซียโดยสหรัฐอเมริกา (US)            เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E/2025E ที่ 2.5/2.7 พันล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ 1.2 พันล้านบาทในปี 2023 โดยมีสมมติฐานที่สำคัญ คือ Market GRM จะอยู่ในช่วง USD5.1/bbl-USD5.9/bbl เทียบกับ USD4.4/bbl ในปี 2023 Crude run จะอยู่ที่ 160-161 พันบาร์เรลต่อวัน (kbd) สูงขึ้นจาก 153 kbd ในปี 2023 Stock loss (including NRV) ที่ลดลงอยู่ในช่วง -USD0.5/bbl-USD0.4/bbl เทียบกับ -USD0.7/bbl ในปี 2023            ราคาหุ้นปรับตัวลง 33% และ underperform SET 35% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนแนวโน้ม gasoline cracks ที่ยังทรงตัวต่ำ อย่างไรก็ดีปัจจุบัน SPRC ซื้อขายที่ valuation ที่น่าดึงดูดที่ 2025E PBV 0.59x (ประมาณ -3.0SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 5 ปี) เราเชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้วใน 3Q24 ในขณะที่การดำเนินงานของโรงกลั่นจะได้แรงหนุนของการกลับมาดำเนินงานตามปกติของ SPM แล้ว นอกจากนี้ เราคาดอัตราตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจที่ระดับ 4.4% ในปี 2024E-2025E Event: 4Q24E earnings preview คาดกลับมารายงานกำไรสุทธิใน 4Q24E เราประเมินว่าบริษัทจะกลับมารายงานกำไรสุทธิใน 4Q24E ที่ 434 ล้านบาท จากขาดทุน 4.6 พันล้านบาทใน 4Q23 และขาดทุน 2.2 พันล้านบาทใน 3Q24 โดยมีสมมติฐานที่สำคัญ คือ Market GRM จะอยู่ที่ USD5.8/bbl (+220% YoY, +36% QoQ) โดยสูงขึ้น YoY ตามแนวโน้ม crude premium ที่ต่ำลงและค่าขนส่ง (ship-to-ship cost) ที่ต่ำลงหลังจาก SPM กลับมาดำเนินงาน ขณะที่สูงขึ้น QoQ ตาม crack spread ที่ดีขึ้น Crude run จะอยู่ที่ 158 kbd (+5% YoY, ทรงตัว QoQ) Stock loss (net of NRV) จะอยู่ที่ USD1.1/bbl เทียบกับ -USD8.6/bbl ใน 4Q23 และ -USD5.8/bbl ใน 3Q24 กำไรอาจลดลง YoY ใน 1Q25E จากฐานที่สูง เราเชื่อว่ากำไรของบริษัทอาจจะลดลง YoY ใน 1Q25E หลักๆ จาก ฐานของ crack spread ที่สูง การสูงขึ้นที่เป็นไปได้ของ crude premium จากผลกระทบของการ sanction การส่งออกน้ำมันของรัสเซีย ทำให้ผู้ซื้อหลักของน้ำมันรัสเซีย (จีนและอินเดีย) หันมาซื้อน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางมากขึ้น            อย่างไรก็ดี จากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น QTD ใน 1Q25E (ปัจจุบันกลับมายืนเหนือ USD80.0/bbl) จากภาพรวมตลาดน้ำมันโลกที่ตึงตัวมากขึ้น เราเชื่อว่าบริษัทอาจจะรับรู้ stock gain (net of NRV) ได้ Implication            คงประมาณกำไรสุทธิปี 2024E/2025E ที่ 2.5/2.7 พันล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ 1.2 พันล้านบาทในปี 2023 โดยมีสมมติฐานที่สำคัญ คือ Market GRM จะอยู่ในช่วง USD5.1/bbl-USD5.9/bbl เทียบกับ USD4.4/bbl ในปี 2023 Crude run จะอยู่ที่ 160-161 kbd สูงขึ้นจาก 153 kbd ในปี 2023 Stock loss (including NRV) ที่ลดลงอยู่ในช่วง -USD0.5/bbl-USD0.4/bbl เทียบกับ -USD0.7/bbl ในปี 2023

โรงกลั่นฟื้นตัวไตรมาส4 โบรกชู SPRC กำไรแกร่ง

โรงกลั่นฟื้นตัวไตรมาส4 โบรกชู SPRC กำไรแกร่ง

หุ้นวิชั่น - บทวิเคราะห์ บล.ดาโอระบุว่า ยังคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” สำหรับกลุ่มพลังงาน กลุ่มโรงกลั่นมีความน่าสนใจมากที่สุด จากผลประกอบการ 4Q24E ที่จะฟื้นตัวดี โดยเลือก SPRC (ซื้อ/เป้า 8.50 บาท) เป็น Top pick โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้ 1) ราคาน้ำมันมีแรงกดดันจากภาวะล้นตลาด โดยล่าสุด IEA ระบุว่าปี 2025E จะมีอุปทานน้ำมันส่วนเกิน 0.95 ล้านบาร์เรลต่อวัน (mbd) (ประมาณเกือบ 1% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลก) และจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.4 mbd หาก OPEC+ ปรับเพิ่มกำลังผลิตในเดือนเม.ย. 2025E โดยเราคาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 2025E จะลดลงเป็น USD73/bbl จากระดับ USD79-80/bbl ในปี 2024E, 2) ราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติจะสูงขึ้นไม่ได้มากจากปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติคงคลังที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวในสหภาพยุโรป (EU), 3) ค่าการตลาด (marketing margin) ของกลุ่มค้าปลีกน้ำมันไทยมีแนวโน้มทรงตัวแต่ยังคงมีความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ (regulatory risk), 4) ค่าการกลั่นตลาด (market GRM)/ค่าการกลั่นพื้นฐาน (operating GRM) มีแนวโน้มสูงขึ้นใน 4Q24E ตามส่วนต่างราคา crack spread โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์กึ่งหนักกึ่งเบา (middle distillate) ที่ดีขึ้น ดัชนีกลุ่มพลังงานปรับตัวลงและ underperform SET –8% ในช่วง 6 เดือน ตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัว  ทั้งนี้ เลือก SPRC (ซื้อ/เป้า 8.50 บาท) เป็น Top pick ของกลุ่มพลังงานโดยเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอใน 3Q24 ไปมากแล้ว เราเชื่อว่าบริษัทจะกลับมารายงานกำไรสุทธิได้ใน 4Q24E ตามแนวโน้ม market GRM/operating GRM ที่ฟื้นตัวและผลขาดทุนจากสต๊อก (stock loss) ที่เป็นไปได้ที่ลดลง

OPEC+ ขยายเวลาลดการผลิต หุ้นโรงกลั่นน่าลงทุนไหม?

OPEC+ ขยายเวลาลดการผลิต หุ้นโรงกลั่นน่าลงทุนไหม?

           หุ้นวิชั่น - บล. ดาโอ ระบุว่า ประเทศสมาชิก OPEC+ บางประเทศตกลงขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจนถึงปี 2026E ที่ประชุมระดับรัฐมนตรีของผู้ผลิตน่ามันรายใหญ่ทั้งในและนอกกลุ่มโอเปค (OPEC and non-OPEC Ministerial Meeting: ONOMM) ครั้งที่ 38 เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2024 มีข้อตกลงที่จะขยายการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจ (voluntary production cuts) ของ 8 ประเทศสมาชิก (รวมถึง ซาอุดิอาระเบีย, รัสเซีย, อิรัก, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE), คูเวต, คาซัคสถาน, อัลจีเรียและโอมาน) ออกไปจนถึงปี 2026E โดยแบ่งออกเป็น 1) voluntary production cuts จำนวน 1.65 ล้านบาร์เรลต่อวัน (mbd) (ซึ่งประกาศมาตั้งแต่ เม.ย.2023) จะมีผลจนถึง ธ.ค.2026 และ 2) voluntary production cuts จำนวน 2.2 mbd (ซึ่งประกาศในเดือน พ.ย.2023) จะขยายเวลาจนถึงเดือน มี.ค.2025 ก่อนที่จะทยอยปรับลดขนาดรายเดือนจนถึงสิ้นเดือน ก.ย.2026 เพื่อสนับสนุนความมีเสถียรภาพของตลาด โดยการปรับเพิ่มรายเดือนสามารถที่จะหยุดหรือกลับรายการได้ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด ทั้งนี้ การประชุม ONOMM ครั้งที่ 39 จะจัดขึ้นในวันที่ 28 พ.ค.2025 (ที่มา: Reuters, Bloomberg)            มีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ โดยเรามองว่าการขยายเวลาการทยอยถอน voluntary production cuts ออกไปจะทำให้ผลกระทบจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นต่อตลาดน้ำมันโลกจำกัดมากขึ้น            อย่างไรก็ดี เชื่อว่าตลาดน้ำมันโลกยังมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะอุปทานล้นตลาด (oversupply) ในปี 2025E จากภาพรวมอุปสงค์การใช้น้ำมันที่ฟื้นตัวช้ากว่าอุปทานใหม่ที่เข้ามา (โดยเฉพาะจากกลุ่ม non-OPEC+) และเรายังเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวลง YoY ในปี 2025E โดยปัจจุบัน            สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยของเราอยู่ที่ USD80.0/bbl ในปี 2024E และ USD73.0/bbl ในปี 2025E ทั้งนี้เราเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจะซื้อขายในกรอบ USD70/bbl-USD75/bbl สำหรับช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้            ยังคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” สำหรับกลุ่มพลังงาน และชอบหุ้นโรงกลั่นที่น่าจะเห็นการฟื้นตัว QoQ ของผลประกอบการใน 4Q24E            โดยชอบหุ้น SPRC (ซื้อ/เป้า 8.50 บาท), TOP (ซื้อ/เป้า 55.00 บาท) และ BCP (ซื้อ/เป้า 40.00 บาท)            ทั้งนี้ เชื่อว่าผลประกอบการของกลุ่มโรงกลั่นน่าจะผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้วใน 3Q24 และจะกลับมารายงานกำไรสุทธิได้ใน 4Q24E หนุนโดย 1) การฟื้นตัวของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปและราคาน้ำมันดิบ (crack spread) และ 2) ผลขาดทุนสต๊อกน้ำมัน (stock loss) ที่เป็นไปได้ที่ลดลงตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่มีความผันผวนน้อยลง QoQ ใน 4Q24E

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

จับตาโรงกลั่น SPRC ลุ้นQ4พลิกกำไร-เป้า 8.50 บ.

จับตาโรงกลั่น SPRC ลุ้นQ4พลิกกำไร-เป้า 8.50 บ.

หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะ SPRC (ซื้อ/ปรับเป้าลงเป็น 8.50 บาท) คาดกลับมามีกำไรสุทธิใน 4Q24E; 2025E crack spread ฟื้นตัว คงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมายใหม่ปีที่ 8.50 บาท (เดิม 9.00 บาท) อิง 2025E PBV เดิมที่ 0.88x (ประมาณ -1.8SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 5 ปี) เชื่อว่าภาพรวมธุรกิจโรงกลั่นจะฟื้นตัว QoQ ใน 4Q24E ในขณะที่แนวโน้มต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและน้ำมันดิบ (crack spread) น่าจะฟื้นตัว YoY ได้ในปี 2025E โดยมีแรงหนุนหลักๆ จากภาพรวมอุปสงค์การใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปกึ่งหนักกึ่งเบา (middle distillate) ที่สูงขึ้นจากอุปสงค์การท่องเที่ยวที่สูงขึ้นและเศรษฐกิจในเอเชียที่เติบโต   ทั้งนี้ คาดว่า SPRC จะกลับมารายงานกำไรสุทธิได้ใน 4Q24E หลักๆ จากค่าการกลั่นตลาด (market GRM) ที่สูงขึ้นจากแรงหนุนของการดำเนินงานของทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล (SPM) เต็มไตรมาส, crack spread ที่สูงขึ้นตามแรงหนุนของอุปสงค์ที่สูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว และผลขาดทุนจากสต๊อก (stock loss including NRV) ที่เป็นไปได้ที่ลดลง ฝ่ายวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E/2025E ลง 15%/2% เป็น 2.5/2.7 พันล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ 1.2 พันล้านบาทในปี 2023 โดยปรับกำไรปี 2024E ลงหลักๆ เพื่อสะท้อนผลขาดทุนจาก stock loss ใน 3Q24 ที่สูงกว่าคาด ในขณะที่ปรับกำไรปี 2025E ลงเนื่องจากผลกระทบเชิงลบจากต้นทุนในการดำเนินงาน (OPEX) และสมมติฐาน stock loss ที่สูงขึ้น มีขนาดใหญ่กว่าผลกระทบเชิงบวกจาก market GRM ที่สูงขึ้นจากการดำเนินงานเต็มปีของ SPM ราคาหุ้นปรับตัวลง 20% และ underperform SET 25% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนแนวโน้ม crack spread ที่อ่อนตัวและผลประกอบการที่น่าผิดหวังใน 3Q24 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน SPRC ซื้อขายที่ valuation ที่น่าสนใจที่ 2025E PBV 0.70x (ประมาณ -2.5SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 5 ปี) เชื่อว่าผลประกอบการน่าจะผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้วใน 3Q24 และคาดว่าบริษัทจะกลับมารายงานกำไรสุทธิได้ใน 4Q24 หนุนโดยอุปสงค์ที่สูงขึ้นในฤดูหนาวของประเทศตะวันตกและ stock loss ที่ต่ำลง

SPRC มีสัญญาเชิงบวกQ4 คาด GRM จะเพิ่มขึ้น

SPRC มีสัญญาเชิงบวกQ4 คาด GRM จะเพิ่มขึ้น

          หุ้นวิชั่น - ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า SPRC กล่าวในการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 67 ว่า ค่าการกลั่นตลาด (GRM) ของบริษัทจะเพิ่มขึ้น mom ในเดือนพ.ย.67 หลัง crack spread ของผลิตภัณฑ์ middle distillate เพิ่มขึ้น ฝ่ายวิเคราะห์ฯจึงเชื่อว่ามีโอกาสสูงขึ้นที่หน่วย CDU (crude distillation unit) ของ SPRC จะมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 95% ในไตรมาส 4/67 จาก 89.9% ในไตรมาส 3/67           SPRC เผยว่า crack spread ของ ผลิตภัณฑ์ middle distillate ยังคงเป็นปัจจัยที่กำหนดอัตราการใช้กำลังการผลิตของ CDU ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯเชื่อว่า crack spread ที่ดีขึ้นของ HSFO (น้ำมันเตาที่มีกำมะถันสูง) ซึ่งติดลบ 1.9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลตั้งแต่ต้นไตรมาส 4/67 จนถึงขณะนี้ เทียบจากที่ติดลบ 5.27 เหรียญสหรัฐ/ บาร์เรลในไตรมาส 3/67 ไม่น่าจะทำให้ CDU ใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นหากน้ำมันดิบชนิดหนักยังมีราคาแพง           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า Crack spread ของน้ำมันดีเซลในเอเชียเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 16.9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล MTD ในเดือนพ.ย.67 เทียบจาก 12.9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนต.ค.67 จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในอินเดียและอาเซียน ซึ่งช่วยชดเชยความต้องการที่ลดลงในจีน หลังคนจีนหันมาใช้งานรถบรรทุกที่ใช้เชื้อเพลิง LNG มากขึ้นทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลลดลง           นอกจากนี้ crack spread ของน้ำมันอากาศยานยังเพิ่มขึ้นเป็น 16.9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล MTD ในเดือนพ.ย.67 จาก 13.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนต.ค.67 เนื่องจากเที่ยวบินเชิงพาณิชย์มีจำนวนเพิ่มขึ้น ขณะที่ S&P Platts คาดว่าอุปสงค์ของน้ำมันอากาศยานและน้ำมันดีเซลในตลาดโลกน่าจะเติบโต 3.2% yoy ในปี 68 แต่ฝ่ายวิเคราะห์ฯมองว่าอุปสงค์ของน้ำมันดีเซลอาจมี downside risk หากภาคการผลิตของจีนยังอ่อนตัว ซึ่งอาจส่งผลให้มีการส่งออกไปตลาดเอเชียเพิ่มขึ้น           สำหรับ Crack spread น้ำมันเบนซินในเอเชียนั้น ยังค่อนข้างทรงตัวที่ 11.8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล MTD ในเดือนพ.ย. 67 จาก 10.9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนต.ค.67 เพราะปริมาณสต็อกในศูนย์กลางการซื้อขายของสิงคโปร์ลดลง อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาดูแนวโน้ม crack spread ของน้ำมันเบนซินในปีหน้า เพราะหน่วย FCC (fluid catalytic cracking unit) ของโรงกลั่น Dangote Refinery และ Olmeca Refinery Complex ในเม็กซิโกอาจเปิดดำเนินงานในปีหน้า           ขณะที่ SPRC กล่าวว่าบริษัทอาจมีการผลิตน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ด้วยการแลกเปลี่ยนผลผลิตพลอยได้กับพันธมิตรทางธุรกิจ หากน้ำมันดีเซลมี crack spread สูงกว่าน้ำมันเบนซินในปีหน้า GRM น่าจะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4/67           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ยังแนะนำ “ซื้อ” SPRC ที่ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท เท่ากับ EV/EBITDA 6.0 เท่าในปี 68เนื่องจาก GRM มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยประมาณการว่า GRM ของ SPRC น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือนต.ค. และ 5.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล MTD ในเดือนพ.ย.67 จาก crack spread ที่เพิ่มขึ้นของน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตา นอกจากนี้ คาดว่าต้นทุนต่อหน่วยจะกลับมาอยู่ในระดับปกติที่ 2.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาส 4/67 เนื่องจากบันทึกต้นทุน catalyst ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ในไตรมาส 3/67 แล้ว           อย่างไรก็ตาม SPRC ให้แนวทางว่าต้นทุนต่อหน่วยจะอยู่ที่ 2.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปี 68 และอาจเพิ่มขึ้นช่วงปลายปีหน้าจากค่าใช้จ่ายในการ เตรียมการปิดซ่อมบำรุงใหญ่หน่วย CDU ในไตรมาส 1/69 ขณะที่ปัจจัยบวกที่จะช่วยหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นระยะสั้นคือ crack spread ของน้ำมันเบนซินที่แข็งแกร่งกว่าคาด ส่วน downside risk จะมาจากการหยุดการผลิตของหน่วย RFCC นอกแผน

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011