#SORKON


SORKON พลิกกลับมามีกำไรในรอบ 10 ไตรมาส [HoonVision x Fynncorp]

SORKON พลิกกลับมามีกำไรในรอบ 10 ไตรมาส [HoonVision x Fynncorp]

          บริษัท ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) [Ticker: SORKON] Key Highlights : หนึ่งในผู้นำอาหารไทยมายาวนานกว่า 40 ปี SORKON ดำเนินการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ภายใต้แบรนด์ ได้แก่ 1) ส. ขอนแก่น 2) หมูดี 3) บ้านไผ่ 4) หมูแชมป์ 5) ห้วยแก้ว 6) แบรนด์กันเอง 7) อองเทร่ กลุ่มขนมขบเคี้ยวสายสุขภาพ โปรตีนล้วน 8) ยูนนานและ ส. ขอนแก่น เป็นกลุ่มสินค้าพร้อมปรุงและรับประทาน และอาหารทะเลแปรรูป ภายใต้แบรนด์ แต้จิ๋ว มหาชัย ไทเป และอื่นๆ รายได้และกำไรพลิกกลับมาดีขึ้นในรอบ 10 ไตรมาส ด้วยรายได้รวมไตรมาส 2 เติบโต 11.17% YoY จากการที่มีผู้บริโภคนำผลิตภัณฑ์ไปประกอบอาหารจนเกิดเป็นเทรนในโลกออนไลน์ ส่งผลต่อยอดขายที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์จนของขาดตลาด นอกจากนี้ แม้ว่าธุรกิจอาหารแปรรูปจะมีการแข่งขันสูงทั้งจากผู้เล่นรายใหญ่และ SMEs ที่มีจำนวนมากและต้นทุนการผลิตต่ำกว่า แต่ ส. ขอนแก่น มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคมานานในเรื่องคุณภาพสินค้าด้วย Market share กว่า 80% ในช่องทาง Modern Trade ของกลุ่มสินค้าสด ซึ่งเป็นสินค้าหลัก โอกาสการเติบโตอีกมากทั้งในและต่างประเทศ จากจุดกระจายสินค้ามากกว่า 20,000 จุดทั่วประเทศ สู่การขยายธุรกิจด้วยกลยุทธ์ Product เดิม Market ใหม่ และ Product ใหม่ Market เดิม พร้อมกับเพิ่มช่องทางการขาย Modern Trade ผ่าน distributor รายใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญกลุ่ม snacks และตีตลาดต่างประเทศ ผ่านตัวแทนจำหน่ายและฐานการผลิตในอเมริกาจากข้อจำกัดด้านการนำเข้าเนื้อสุกรและ ในจีนซึ่งเป็นประเทศที่มี potential มีกลุ่มลูกค้าหลักที่ชื่นชอบสินค้าเป็นทุนเดิม คาดการเติบโตของรายได้และกำไรในปี 2567 - 2568 เราประเมินรายได้รวมในปี 2567 และ 2568 เติบโต 6.1% YoY และ 12.1% YoY ตามลำดับ ด้วยกำไรสุทธิคาดการณ์ในปี 67 สูงขึ้น 1.07 เท่า จากปีก่อนและเพิ่มขึ้น 1.0% YoY ในปี 68 จากแผนขยายช่องทางจำหน่ายฝั่ง General Trade รวมทั้งการนำสินค้าใหม่ไปใน Modern Trade มากขึ้น ในปี 67 ไปจนถึงการเริ่มรับรู้รายได้จากฐานการผลิตที่อเมริกาและจีนในปี 68 และการตั้งเป้าขยายสัดส่วนรายได้จากแต่ละช่องทางการขายให้มีความสมดุลกันมากขึ้นในอนาคต เราประเมินราคาเป้าหมายของ SORKON อยู่ที่ 4.87 บาท อิงจาก EPS ของปี 2567F ที่ 0.32 บาทต่อหุ้น โดยใช้ P/E ที่ 15.37x ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของ Trailing P/E ตั้งแต่ปี 2562-2565 ทั้งนี้ เราไม่ได้นำค่า P/E ในปี 2566 มารวมในการคำนวณค่าเฉลี่ย เนื่องจากผลการดำเนินงานปี 2566 มีความผันผวนสูง ส่งผลต่อค่า EPS ที่ค่อนข้างเหวี่ยงเมื่อเทียบกับปีอื่นๆ อันเป็นผลกระทบมาจากปัจจัยภายนอก เช่น ราคาสุกร Company Profile           หนึ่งในผู้นำอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ของไทยมายาวนานกว่า 40 ปี           บริษัท ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นในปี 2527 โดยคุณ เจริญ รุจิราโสภณ และได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2537 ประกอบธุรกิจ 4 ส่วนหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ 2) อาหารทะเลแปรรูป 3) ร้านอาหาร Quick Service Restaurant (QSR) 4) ฟาร์มสุกร และอื่นๆ           โดยบริษัทมีรายได้จากในประเทศคิดเป็น 90% ของรายได้จากการขาย และอีก 5% จากการส่งออกไปในประเทศฮ่องกง กัมพูชา สปป. ลาว โดยฮ่องกงเป็นประเทศส่งออกหลัก และกิจการต่างประเทศ ซึ่งรายได้จากการขายสินค้าอาหารแปรรูปทั้ง 2 กลุ่มในปัจจุบัน มาจากช่องทางการขาย Modern Trade 65%, General Trade 28%, Export 5% และอื่นๆ จากจุดเริ่มต้นสู่การยกระดับมาตรฐานอาหารพื้นบ้าน           จุดเริ่มต้นของธุรกิจ มาจากการที่คุณเจริญสังเกตว่าคนกรุงเทพจำนวนหนึ่งนิยมบริโภคอาหารประเภทหมูหยอง หมูแผ่น และกุนเชียง จึงเกิดไอเดียนำผลิตภัณฑ์เหล่านี้จากขอนแก่นมาจำหน่ายที่กรุงเทพ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อตรา ส. ขอนแก่น หรือ สินค้าจากจังหวัดขอนแก่น ต่อมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งและควบคุมคุณภาพ ได้มีการก่อตั้งโรงงานเพื่อผลิตสินค้าเหล่านี้จำหน่ายเอง จากนั้นได้เริ่มขยายฐานลูกค้าไปในต่างประเทศด้วยการส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสุกรไปฮ่องกงเป็นประเทศแรก และในปี 2538 ได้ตัดสินใจขยายธุรกิจเกษตรเต็มรูปแบบด้วยการมีฟาร์มสุกร ต่อมาได้เข้าสู่ธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป อาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน ธุรกิจร้านอาหาร Quick Service Restaurant (QSR) ตามลำดับ เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ (Integrated Supply Chain) Financial Performance           รายได้รวมในปี 2566 ลดลง 2.6% YoY มาอยู่ที่ 3,132.3 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายของธุรกิจฟาร์มสุกรลดลง 31.8% YoY จากภาวะราคาสุกรตกต่ำมากที่สุดซึ่งได้รับผลมาจากการลักลอบนำสุกรมาจำหน่ายในราคาถูก ตามมาด้วยรายได้จากกลุ่มธุรกิจร้านอาหารและอาหารทะเลแปรรูปลดลง 7.4% และ 3.9% YoY ขณะที่กลุ่มอาหารแปรรูปจากเนื้อสุกร ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจหลักที่สร้างรายได้มากกว่า 50% ในแต่ละปี มีรายได้โตจากปีก่อน 4.8% YoY และมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะช่องทางร้านสะดวกซื้อ รวมถึงการวางสินค้าใหม่ได้ตามแผน ส่วนรายได้จากการให้เช่าและบริการอยู่ที่ 12.8 ล้านบาท เติบโตขึ้น 19.8% YoY           รายได้ภาพรวมใน 6 เดือนแรกของปี 67 ขยายตัว 3.1% YoY อยู่ที่ 1,623.8 ล้านบาทแบ่งเป็นรายได้จากการขายจำนวน 1,595.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% YoY โดยยอดขายที่สร้างรายได้หลักมาจากกลุ่มอาหารแปรรูปจากเนื้อสุกร คิดเป็น 55.8% ของรายได้จากการขาย รองลงมาเป็นกลุ่มอาหารทะเลแปรรูป คิดเป็นยอดขาย 32.6% ซึ่งทั้งสองกลุ่มธุรกิจหลักนี้ มีการเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ 4.5% และ 4.4% ตามลำดับ เป็นผลมาจากเทรนด์ของผู้บริโภคที่ได้นำผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปประกอบอาหารในรูปแบบเมนูใหม่ๆ จนเป็นกระแสในโลกออนไลน์ ส่งผลดีต่อยอดขายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงจากการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าของกลุ่มอาหารทะเลแปรรูป (กลุ่มสินค้าพร้อมรับประทาน) ผ่าน Modern trade และเพิ่มช่องทางการส่งออก ขณะที่ธุรกิจฟาร์มสุกรยังคงรายได้ลดลง 10.9% YoY เนื่องจากราคาเนื้อสุกรมีราคาต่ำลงเมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนฝั่งรายได้จากค่าเช่าและบริการ อยู่ที่ 8.8 ล้านบาท ขยายตัว 43.8% YoY แม้ผลการดำเนินงานปี 66 ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก แต่พลิกกลับมาดีขึ้นมากช่วง 1H67           กำไรสุทธิในปีที่ผ่านมาลดลงจากปัจจัยหลัก คือ ราคาสุกรลดลง ทำให้เกิดขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ชีวภาพ (สุกร) และรายได้จากธุรกิจฟาร์มสุกรลดลงไป รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นจากการเตรียมคนเพื่อขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิ (NPM) ลดลงจาก 3.03% ในปี 2565 เป็น 1.61% ในปี 2566 อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งแรกของปี 67 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 59.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 1.46 เท่าเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย และราคาเนื้อสุกรซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตมีราคาต่ำลง อีกทั้ง บริษัทมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารดีขึ้น จนทำให้กำไรขั้นต้นสูงขึ้น โดย GPM ใน 2Q67 ปรับตัวขึ้นเป็น 26.2% จาก 22.48% ใน 2Q66 ซึ่งส่งผลต่อกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นตามมาอย่างเห็นได้ชัด คาดรายได้โต 6-12% ต่อปี หนุนกำไรปี 67-68 ทะลุ 100 ล้านบาท จากการขยายช่องทางขายและธุรกิจต่างประเทศ           เราคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 67 อยู่ที่ 104.1 ล้านบาท โตขึ้น 1.07 เท่าจากปีก่อน และในปี 68 กำไรคาดการณ์อยู่ที่ 105.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% YoY จากรายได้รวมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6.1% และ 12.1% YoY ตามลำดับ           รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากปัจจัยสนับสนุนหลักจากการเพิ่มช่องทางการขายของสินค้าแปรรูปทั้ง 2 กลุ่มหลักและแผนการขยายสาขาร้านอาหาร รวมถึงธุรกิจฟาร์ม ดังนี้ สินค้าแปรรูปจากเนื้อสุกร มีแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่าน General trade มากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางร้านอาหาร ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่ขยายไปแล้วกว่า 1,600 จุด รวมถึงช่องทางตลาดสดอีกเกือบ 500 จุด ซึ่งได้เริ่มขยายมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ปี 2566 จนถึงตุลาคมปีนี้ นอกจากนั้น มีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็น Ready-to-Eat ในช่องทาง Modern Trade เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในช่องทางนี้มากขึ้น รวมถึงการ Collaboration ระหว่างสินค้าขนมอองเทร่กับ venom ออกรสชาติพร้อม Packaging ใหม่เพื่อจับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น สินค้าอาหารทะเลแปรรูป ที่ปัจจุบันได้มีการขยายช่องทางการจำหน่ายในกลุ่มสินค้าพร้อมรับประทานผ่าน Modern Trade และเพิ่มช่องทางการส่งออก ธุรกิจร้านอาหาร (QSR) จากยอดขายที่ดีขึ้น บริษัทจึงมีแผนการขยายร้าน Zaap Classic ที่คาดว่าจะเปิดอีกประมาณ 2 สาขาในปีนี้ และ 3-5 สาขาในปี 2568 ธุรกิจฟาร์มสุกร บริษัทได้เน้นไปที่หมูขุนเพื่อให้สามารถขายในจำนวนกิโลกรัมที่สูงขึ้นมากกว่าการจำหน่ายลูกหมู ประกอบกับราคาสุกรที่เริ่มสูงขึ้นเล็กน้อย ส่งผลต่อรายได้ของฟาร์มสูงขึ้น           นอกจากนี้ บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ และพยายามวางรากฐานภายในปี 2567 โดยการหา Distributor เพื่อนำสินค้าในต่างประเทศเข้าสู่ช่องทางที่เป็น Food service มากขึ้น ควบคู่กับช่องทางออนไลน์รวมถึงสินค้าใหม่ เจาะกลุ่มประเทศที่มีการบริโภค Hot pot สูง อย่างเช่น จีน เกาหลี และการเปิดฐานการผลิตในอเมริกาและจีน ซึ่งในอเมริกาได้มีการ Soft launch ไปแล้วในเดือนตุลาคม 2567 และในจีนอยู่ในกระบวนการสร้างโรงงาน โดยบริษัทคาดว่าจากฐานการผลิตทั้ง 2 จะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2568 เป็นต้นไป           ส่วนของกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อ Net Profit Margin ที่มากขึ้นจากปี 2566 มาจากปัจจัยที่ราคาสุกรเริ่มกลับมาปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลต่อรายได้จากฟาร์มสุกรโตขึ้นจากการคาดการณ์ที่ 5.2% YoY ในปี 2567 รวมถึงส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนร่วมค้าที่ลดลง ขณะที่ตัวต้นทุนจากการขายมีสัดส่วนต่อรายได้รวมที่ค่อนข้างคงที่ อ่านรายละเอียดเพิ่ม ที่ https://bit.ly/IAS_SORKON_011124

SORKON ยกเลิก Joint Venture ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ (เมียนมาร์)

SORKON ยกเลิก Joint Venture ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ (เมียนมาร์)

          หุ้นวิชั่น - นายเจริญ รุจิราโสภณ นายจรัญพจน์ รุจิราโสภณ กรรมการผู้มีอำนาจ แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ด้วยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2567 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 มีมติเป็นเอกฉันท์ อนุมํติให้บริษัทยกเลิกการร่วมทุน (Joint Venture) ในนาม บริษัท ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ (เมียนมาร์) จำกัด ตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2562 เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 ที่อนุมัติให้บริษัท ลงทุนร่วมในบริษัทส.ขอนแก่นฟู้ดส์ (เมียนมาร์) จำกัด เพื่อผลิตอาหารพื้นเมืองไทย เช่น หมูยอ ไก่ยอ แหนม ไส้กรอกอีสาน ลูกชิ้นหมู ลูกช้นไก่ แะสินค้าแปรรูปจากเนื้อสุกร และเนื้อไก่ ได้แก่ ไส้กรอกหมู ไส้กรอกไก่ แฮม เบคอน ฯลฯ ด้วยทุนจดทเบียน 25 ล้านบาท           โดยสัดส่วนการลงทุนของบริษัท 60% ร่วมกับหุ้นส่วน 4 ราย ด้วยเหตุปัจจุ บริษัท ส.ขอนแก่น ฟู้ดส์ (เมียนมาร์) จำกัด ยังไม่ได้มีการลงทุน และเปิดดำเนินการแต่ประการใด สืบเนื่องจากเมียนมาร์ได้เกิดการสู้รบระหว่างฝ่ายยึดอำนาจ และฝ่ายถูกยึดอำนาจ บ้านเมืองเกิดความไม่สงบ และขาดกำลังซื้อ หลังจากเฝ้าติดตามสถานการณ์มาช้านาน สถานการณ์บ้านเมืองยังไม่ดีขึ้น หุ้นส่วนซึ่งมีถิ่นฐานในประเทศเมียนมาร์เห็นว่าสถานการณ์ อาจจะยืดเยื้อยาวนาน เป็นอุปสรรคและไม่ปลอดภัยต่อการลงทุน และดำเนินธุรกิจ