#SKY


SKY หุ้นเด่นเทคโนโลยี-เป้า 29.4 บาท

SKY หุ้นเด่นเทคโนโลยี-เป้า 29.4 บาท

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นคำแนะนำ "ซื้อ" พร้อมราคาเป้าหมายที่ 29.4 บาท SKY เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มบริษัทให้บริการด้านเทคโนโลยี เพราะเห็นว่า SKY จะได้รับประโยชน์จากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นในสนามบินของไทยและการลงทุนด้านไอทีของรัฐบาล โดยปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตทั้งสองนี้คาดว่าจะนำไปสู่การเติบโตของกำไรหลักที่แข็งแกร่ง 61%/56% ในปีงบ 67/68 ตามลำดับ           ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินราคาเป้าหมายที่ 29.4 บาท โดยใช้วิธีประเมิน SoTP ซึ่งประกอบด้วยมูลค่าหุ้นตามราคาที่เหมาะสมของ 1) บริการที่เกี่ยวข้องกับสนามบิน (อิงจาก P/E ปี 68 ที่ 32 เท่า) 2) ธุรกิจ SI (อิงจาก P/E ปีงบ 68 ที่ 12 เท่า) ปัจจัยเสี่ยงได้แก่ความไม่แน่นอนทางการเมือง (ซึ่งอาจนำไปสู่ความล่าช้าในโครงการของรัฐบาล) และจำนวนผู้โดยสารที่น้อยกว่าที่คาดไว้ คาดกำไรปีงบ 67 โตแรง 61% จากธุรกิจบริการที่เกี่ยวกับสนามบิน           คาดการณ์ว่ากำไรหลักในปีงบ 67 จะเติบโต 61% โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการให้บริการผู้โดยสาร (คิดเป็น 31% ของกำไรสุทธิปีงบ 67) และส่วนแบ่งกำไรจาก AOTGA (คิดเป็น 37% ของกำไรสุทธิปีงบ 67) เราคาดว่ารายได้จากบริการผู้โดยสารจะเติบโต 37% ในปีงบ 67 ซึ่งประกอบด้วยรายได้จาก CUPPS (19 บาท/ผู้โดยสารสำหรับผู้โดยสารขาออกทั้งในประเทศและต่างประเทศ) และ APPS (12 บาท/ผู้โดยสารสำหรับการตรวจสอบประวัติ) โดยรายได้จาก APPS ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศ ส่วนรายได้จาก CUPPS มีการันตีขั้นต่ำ           นอกจากนี้เราคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจาก AOTGA จะเพิ่มขึ้น 37% ในปีงบ 67 จากความต้องการบริการภาคพื้นดิน (กระเป๋าสัมภาระและขนส่งสินค้า) ที่เติบโตที่สนามบินภูเก็ตและดอนเมือง คาดเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องในปีงบ 68 จากธุรกิจ SI           คาดว่ากำไรหลักในปีงบ 68 จะเติบโต 56% โดยนอกจากบริการผู้โดยสารและ AOTGA แล้วยังมีปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ในปี 68 ได้แก่ 1) รายได้จากโครงการประเภท system integration เพิ่มขึ้น 213% 2) บริการสแกนไบโอเมตริกซ์ที่สนามบินของ AOT (2 บาท/ผู้โดยสารขาออก) และ 3) รายได้จาก CUPPS ที่ 7 สนามบินของกรมท่าอากาศยาน โดยการเติบโตของรายได้จาก SI ในปี 68 ส่วนใหญ่มาจากโครงการของรัฐบาลที่ล่าช้าในปีงบ 67 (จากการอนุมัติงบประมาณล่าช้าในปีงบประมาณ 67) อัพไซด์จากสนามบินสุวรรณภูมิและบริการคลาวด์           คาดการณ์ส่วนแบ่งกำไรจาก AOTGA ในปีงบ 68 ที่ 236 ล้านบาท (+17% YoY) โดยมีโอกาสได้รับอัพไซด์จากโครงการให้บริการภาคพื้นดินที่อาคาร SAT-1 ของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีกำหนดประมูลในเดือนมีนาคม 2568 อีกหนึ่งอัพไซด์สำหรับปี 68-69 คือการเพิ่มการใช้งานคลาวด์ของรัฐบาล (เช่น ระบบ ERP และ Data Gateway)

SKY ผลงาน 9 เดือนนิวไฮรายได้ทะลุ 4,730 ลบ.

SKY ผลงาน 9 เดือนนิวไฮรายได้ทะลุ 4,730 ลบ.

          หุ้นวิชั่น - “สกาย กรุ๊ป” โชว์ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2567 กวาดรายได้ 4,730 ล้านบาท โต 66% กวาดกำไรสุทธิ 331 ล้านบาท ปัจจัยหนุนการเติบโตหลังตลาดนักท่องเที่ยวฟื้นตัวเต็มที่ผู้โดยสารเดินทางในสนามบินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมเดินหน้าเปิดให้บริการระบบ Biometric ที่สนามบินเต็มรูปแบบ หลังได้รับการตอบรับดีเยี่ยม โชว์แบ็คล็อกแกร่ง 23,000 ล้านบาท เสริมการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว             นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ สกาย กรุ๊ป (SKY Group) เปิดเผยว่า ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค.-ก.ย. 67) บริษัทสามารถทำรายได้รวมทั้งสิ้น 4,730 ล้านบาท เติบโตขึ้น 66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) และทำกำไรสุทธิอยู่ที่ 331 ล้านบาท โดยผลประกอบการในไตรมาส 3/67 (ก.ค.-ก.ย. 67) บริษัทสามารถทำรายได้รวม 1,715 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 111 ล้านบาท โดยมีรายได้เติบโตขึ้นอย่างโดดเด่นถึง 58% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YOY)           สกาย กรุ๊ป สามารถขับเคลื่อนธุรกิจในช่วง 9 เดือนแรกให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยหนุนหลักๆ มาจากตลาดนักท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างเต็มที่ โดยปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกประเทศไทยถึง 100 ล้านคน และคาดว่าในปีนี้จะมีนักเดินทางเข้าออกประเทศเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 20 เปอร์เซ็นต์ ทำให้รายได้จากโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับท่าอากาศยาน ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทยังคงเติบโตได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทมีการรับรู้รายได้จากบริษัทในเครืออย่าง บริษัท เมทเธียร์ จำกัด และบริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) รวมถึงการลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทอื่นที่มีศักยภาพ อาทิ บริษัท วันทูวัน โปรเฟสชั่นแนล จำกัด (OTP) ส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ           นายสิทธิเดช กล่าวอีกว่า ณ สิ้นไตรมาส 3/67 บริษัทได้เข้าทำสัญญาใหม่และมีงานที่อยู่ระหว่างรอส่งมอบตามสัญญาในอนาคต (Backlog) อยู่ทั้งสิ้นประมาณ 23,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ให้กับสกาย กรุ๊ปในอีกอย่างน้อย 6-7 ปี เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างการเติบโตระยะยาวในอนาคต นอกจานี้ สกาย กรุ๊ป ยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ สามารถต่อยอดได้ด้วยเทคโนโลยี เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจว่าในปีนี้ภาพรวมบริษัทจะยังคงเติบโตได้อย่างมั่นคง             สำหรับบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำในประเทศไทยที่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน การรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ และแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยบริษัทมุ่งเดินหน้าให้บริการโซลูชันใหม่ๆ ให้สอดรับกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบิน พร้อมช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุดให้กับผู้โดยสารผ่านบริการต่างๆ อาทิ การรวมระบบ แอปพลิเคชัน ระบบรักษาความปลอดภัย และบริการอำนวยความสะดวกภายในท่าอากาศยาน

SKY ชูระบบ Biometric อำนวยความสะดวก นทท. ในสนามบิน

SKY ชูระบบ Biometric อำนวยความสะดวก นทท. ในสนามบิน

          “SKY” เป็นผู้ให้บริการระบบ Biometric ภายในสนามบิน ด้วย One-ID เพียงใช้ใบหน้าของนักท่องเที่ยวก็สามารถเดินทางผ่านทุกจุดเช็คอินได้อย่างสะดวกสบาย ที่ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของท่าอากาศยานไทย (AOT) โดยเริ่มให้บริการกับผู้โดยสารภายในประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้ และจะพร้อมใช้งานสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศตั้งแต่ 1 ธ.ค. เป็นต้นไป นับเป็นอีกพันธกิจที่ช่วยผลักดันสนามบินไทยสู่สนามบินชั้นนำระดับ World Class และตอบโจทย์การเข้าสู่ Touchless Society           นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ สกาย กรุ๊ป (SKY Group) กล่าวว่า บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ให้บริการเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมการบินชั้นนำของประเทศไทย ล่าสุดนำระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Automated Biometric Identification System: Biometric) หรือ ระบบข้อมูลชีวมาตร คือ การพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลโดยใช้การสแกนใบหน้าเพื่อเข้าสู่ระบบสนามบิน ซึ่งเทคโนโลยีนี้สามารถนำมาใช้ในการยืนยันตัวตนของผู้โดยสารในสนามบินได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว เทคโนโลยี Biometrics นี้จะเริ่มให้บริการกับผู้โดยสารภายในประเทศก่อนในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 และพร้อมใช้งานสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ภายในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่  นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันสนามบินชั้นนำในหลายประเทศทั่วโลกได้เริ่มนำเอาระบบ Biometric นี้ มาใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร เช่น สนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์ สนามบินดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สนามบินฮาร์ทสฟิลด์-แจ็คสัน เมืองแอตแลนตา ประเทศสหรัฐอเมริกา สนามบินซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย และสนามบินฮาเนดะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประเทศไทยนับว่าอยู่ในกลุ่มประเทศแรกๆ ของโลกที่นำระบบนี้มาใช้ภายในสนามบินเช่นกัน นายสิทธิเดช กล่าวต่อว่า การนำ Biometric มาใช้ในสนามบินสามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ทั้งนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานภายในสนามบิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดขั้นตอนต่าง ๆ เพิ่มความรวดเร็ว เนื่องจากนักท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องถือพาสปอร์ตและ Boarding Pass เพื่อยืนยันตัวตนแก่เจ้าหน้าที่อีกต่อไป แต่ด้วยระบบ Biometric ที่พัฒนาขึ้นมานี้ นักท่องเที่ยวสามารถใช้ใบหน้าของตัวเองเป็นทางผ่านได้เลย ซึ่งนอกจากความรวดเร็วแล้วยังส่งผลโดยตรงมาในส่วนความสะอาด (Hygienic) เพราะจะช่วยลดการสัมผัสภายในสนามบิน เนื่องจากอย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่าสนามบินเป็นแหล่งรวมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเป้าหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกประเทศไทยถึง 100 ล้านคน และคาดว่าในปีนี้จะมีนักเดินทางเข้าออกประเทศเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการมีระบบนี้เข้ามา มั่นใจว่าจะช่วยเจ้าหน้าที่ให้บริการได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และอำนวยความสะดวกและประหยัดเวลาให้แก่นักท่องเที่ยวได้มากขึ้นด้วย ขั้นตอนการทำงานของ ระบบ Biometric เพื่อใช้ใบหน้าเป็น One-ID เริ่มจากผู้โดยสารแสดงบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต พร้อมกับสแกนหน้าเพื่อยืนยันตัวตนที่ระบบออกตั๋วโดยสารที่เคาน์เตอร์ (CUTE: Common Use Terminal Equipment) หรือระบบออกตั๋วโดยสารด้วยตัวเอง (CUSS: Common Use Self-check in System) หลังจากยืนยันตัวตนเสร็จแล้ว ระบบจะสร้าง Travel Token ของผู้โดยสารแต่ละคนขึ้นมา ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถสแกนใบหน้าผ่านเข้าไปยังพื้นที่ภายในสนามบินจนกระทั่งผ่าน Boarding Gate ได้อย่างสะดวก ไม่ต้องแสดงเอกสารต่างๆ อีก รูป 1. Biometric Flow   รูป 2. Passenger Journey การให้บริการภายในสนามบินด้วยเทคโนโลยีทั้ง 6 เทคโนโลยีจาก SKY           ที่ผ่านมาสกายฯ ในฐานะผู้พัฒนาระบบด้านเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักเดินทางภาคพื้นดิน ได้พัฒนาระบบบริการผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่องหรือ CUPPS (Common Use Passenger Processing System) มาใช้ใน สนามบินภายในประเทศไทย โดยระบบ CUPPS ที่ปัจจุบันดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยประกอบไปด้วย CUTE (Common Use Terminal Equipment) ระบบออกตั๋วโดยสารที่เคาน์เตอร์, CUSS (Common Use Self-check in System) ระบบออกตั๋วโดยสารด้วยตัวเอง, CUBD (Common Use Bag Drop) ระบบโหลดกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติด้วยตัวเอง, PVS (Passenger Validation System) ระบบการคัดกรองผู้โดยสาร, SBG (Self-Boarding Gate) ระบบประตูทางออกขึ้นเครื่องอัตโนมัติ และล่าสุด คือ ระบบ Biometric หรือ One-ID ซึ่งทั้ง 6 ระบบ ที่ถูกพัฒนาขึ้น เรามั่นใจว่าจะสามารถทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ Touchless Society ตั้งแต่ก้าวแรกที่นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประเทศไทย ซึ่งเป็นประตูด่านหน้าก่อนเดินทางเข้าประเทศ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้รู้สึกถึงความสะดวกสบายในการเดินทางมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ตรงเป้าหมายที่สกายช่วยในการพัฒนาประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านจาก New Normal สู่ Now Normal เพื่อให้ผู้เดินทางได้เดินทางอย่างปลอดภัย และสะดวกสบาย (Save, Secure and Convenience)   รูป 3. เทคโนโลยีทั้ง 6 เทคโนโลยีที่สกายพัฒนาเพื่อให้บริการภายในสนามบิน สำหรับบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำในประเทศไทยที่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน การรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ และแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยบริษัทมุ่งเดินหน้าให้บริการโซลูชันใหม่ๆ ให้สอดรับกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบิน พร้อมช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุดให้กับผู้โดยสารผ่านบริการต่างๆ อาทิ การรวมระบบ แอปพลิเคชัน ระบบรักษาความปลอดภัย และบริการอำนวยความสะดวกภายในท่าอากาศยาน [PR News]

SKY ยักษ์ใหญ่ IT สนามบิน

SKY ยักษ์ใหญ่ IT สนามบิน

https://youtu.be/hvm-OMfO7MY?si=hLq00ZL1jQhFZHm9

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

[Vision Exclusive] SKY เด้งรับ “Golden Week” จีนทะลักสนามบินไทย!

[Vision Exclusive] SKY เด้งรับ “Golden Week” จีนทะลักสนามบินไทย!

หุ้นวิชั่น -  รู้หรือไม่! วันที่ 1-7 ตุลาคม 67 เป็นช่วงวันหยุดยาวของประเทศจีนที่รู้จักกันในชื่อ “Golden Week” ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  คาดการณ์จะทำให้ปริมาณผู้โดยสารในสนามบินเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และสนามบินท่องเที่ยวหลักอื่น ๆ ทั่วประเทศ สำหรับบริการภายในสนามบินนั้น บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในสนามบิน ก็เตรียมพร้อมรับมือด้วยการยกระดับระบบความปลอดภัยและบริการอัจฉริยะภายในสนามบิน เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับประสบการณ์ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบตรวจสอบผู้โดยสาร ระบบจัดการคิวการเข้าออก และการตรวจเช็กสัมภาระด้วยเทคโนโลยี AI ที่ทันสมัย            SKY ได้ร่วมมือกับการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยในการพัฒนาโซลูชันเทคโนโลยีเพื่อลดความแออัดและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการในช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารหนาแน่น เช่น การใช้ระบบตรวจสอบข้อมูลการเดินทางผ่านการสแกนบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตแบบอัตโนมัติ การติดตั้งกล้องวงจรปิดอัจฉริยะเพื่อตรวจจับพฤติกรรมผู้โดยสาร และการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชันของสนามบิน การเตรียมพร้อมรับมือ ของ SKY นี้ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของสนามบินเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในช่วง Golden Week นี้อีกด้วย โดยการพัฒนาระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะภายในสนามบินจะช่วยลดเวลาในการตรวจสอบผู้โดยสาร และเพิ่มความปลอดภัยในระดับสูงสุด ซึ่งเป็นการสร้างความประทับใจแรกเมื่อเดินทางเข้าประเทศไทย            ทีมข่าวหุ้นวิชั่นได้สัมภาษณ์ คุณสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เกี่ยวกับสถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วง Golden Week ซึ่งตรงกับวันที่ 1-7 ตุลาคม คาดจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวของจีน รวมถึงการเดินทางออกต่างจังหวัดมีความคึกคักเป็นพิเศษ นอกจากนักท่องเที่ยวชาวจีนแล้ว การประกาศมาตรการฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวไทยที่จะเดินทางไปจีนยังเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้มีการเดินทางออกนอกประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยมองว่าการท่องเที่ยวในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ (Q4/67) จะมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นเมื่อเทียบกับ Q3/67 และในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา (Q4/66) การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวนี้ยังจะส่งผลดีต่อภาคการบริการภายในสนามบินและการจัดการผู้โดยสาร โดย SKY ได้เตรียมความพร้อมในการให้บริการด้านโซลูชันเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบการตรวจสอบและจัดการผู้โดยสารแบบอัจฉริยะ รวมถึงการดูแลความปลอดภัยในสนามบินที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์การเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งขาเข้าและขาออก ทั้งนี้ ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวในประเทศไทยไม่เพียงแต่มาจากนักท่องเที่ยวจีน แต่ยังรวมถึงนักท่องเที่ยวจากชาติอื่น ๆ เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และยุโรป ที่คาดว่าจะเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567  คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจะพุ่งแตะ 2 แสนคน เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับ Q3/67 ที่มีจำนวนผู้เดินทางเข้าประเทศประมาณ 1.9 แสนคน โดย SKY พร้อมให้บริการโซลูชันด้านเทคโนโลยีภายในสนามบินเพื่อรองรับการเติบโตนี้ สำหรับมูลค่างานในมือ (Backlog) ของ SKY ในปัจจุบันสูงกว่า 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการหลัก ได้แก่ ระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing System: CUPPS) และโครงการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (Advance Passenger Processing System: APPS) ที่มีมูลค่ารวมกันกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ส่วนที่เหลือเป็นงานบริการอื่น ๆ โซลูชันที่ SKY ให้บริการในสนามบิน ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางของผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออก ด้วยระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ระบบจัดการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (CUPPS) ที่ช่วยลดความแออัดและเพิ่มความรวดเร็วในการเช็กอินและตรวจสอบผู้โดยสาร ตลอดจนโครงการ APPS ที่ช่วยตรวจสอบข้อมูลการเดินทางล่วงหน้าเพื่อความปลอดภัยสูงสุด การเตรียมพร้อมในครั้งนี้ของ SKY เป็นการสนับสนุนให้การท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นของประเทศไทยมีความราบรื่นและสร้างความประทับใจแก่ผู้โดยสาร อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการบริการสนามบินของไทยในระดับสากล โดยปัจจุบัน SKY ให้บริการครอบคลุม สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินเชียงใหม่ สนามบินเชียงราย สนามบินภูเก็ต สนามบินหาดใหญ่ รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำหนักข่าว Hoonsivion