#SINO


SINO คาด Q4 แข็งแกร่ง  ดีมานด์ขนส่ง-ค่าระวางสูงต่อเนื่อง

SINO คาด Q4 แข็งแกร่ง ดีมานด์ขนส่ง-ค่าระวางสูงต่อเนื่อง

          หุ้นวิชั่น - ติดทำเนียบเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของวงการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเล ด้วยปริมาณขนส่งสินค้าทางทะเลบนเส้นทางไทย-สหรัฐฯ มากเป็นอันดับ 2 ของโลก และอันดับ 1 ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง สำหรับบริษัท ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SINO ล่าสุด ‘นันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์’ ซีอีโอหนุ่มคนเก่ง กำลังเร่งทำผลงานไตรมาส 4 ของปีนี้ ที่คาดว่าจะมีอัตราเติบโตโดดเด่นไม่แพ้ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ที่มีรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 186% จากการเร่งขยายฐานธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกด้านความต้องการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องในช่วงกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา และค่าระวางที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ตลอดจนเงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงที่ผ่านมา จะช่วยหนุนความสามารถการทำกำไรที่ดียิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ SINO เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน [PR News]

SINO โชว์ศักยภาพคว้าใบรับรอง C-TPAT จากศุลกากรและการป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ

SINO โชว์ศักยภาพคว้าใบรับรอง C-TPAT จากศุลกากรและการป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ

                หุ้นวิชั่น - “บมจ.ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น’ หรือ SINO ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญ คว้า “ใบรับรอง C-TPAT” ด้านมาตรฐานความปลอดภัยในห่วงโซ่อุปทานระดับโลก จากหน่วยงานศุลกากรและการป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ ช่วยยกระดับมาตรฐานการให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศและเพิ่มความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านโลจิสติกส์กับสหรัฐฯ ที่เป็นฐานลูกค้าหลักของบริษัทฯ           นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SINO เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มุ่งพัฒนาคุณภาพการให้บริการด้านโลจิสติกส์ โดยการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในห่วงโซ่อุปทานให้ดียิ่งขึ้นและก้าวไปสู่มาตรฐานระดับโลก เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทุกราย ล่าสุด บริษัทฯ ประสบความสำเร็จครั้งสำคัญด้านการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในห่วงโซ่อุปทาน โดยได้รับ “ใบรับรอง C-TPAT” (Customs-Trade Partnership Against Terrorism) จากหน่วยงานศุลกากรและการป้องกันชายแดนของสหรัฐอเมริกา หรือ U.S. Customs and Border Protection (CBP) ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยระดับโลกที่มีความสำคัญกับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ การได้รับใบรับรอง C-TPAT ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทฯ ที่สามารถให้บริการได้ตามมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากล จึงไม่เพียงเป็นการยกระดับการดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ แต่จะเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่พันธมิตรและลูกค้าของบริษัทฯ ที่มาจากหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยเฉพาะการส่งเสริมความร่วมมือด้านโลจิสติกส์กับสหรัฐฯ เนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเลบนเส้นทางไทย-สหรัฐฯ ที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าในเส้นทางดังกล่าวเป็นอันดับ 2 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเลบนเส้นทางดังกล่าวในประเทศไทย “เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งในฐานะผู้ประกอบการไทยที่ได้รับใบรับรอง C-TPAT ซึ่งมาจากความพยายามและมุ่งมั่นให้บริการที่มีคุณภาพตามมาตรฐานระดับสากล เชื่อว่าใบรับรองนี้จะเป็นหลักประกันที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในคุณภาพและการใช้บริการด้านโลจิสติกส์ รวมถึงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้ SINO ก้าวขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจในตลาดโลกอย่างยั่งยืน โดยบริษัทฯ มีความตั้งใจจะพัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและขนส่งสินค้าถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว” นายนันท์มนัส กล่าว [PR News]

[Gossip] ‘SINO’ รุกให้บริการ “ลานตู้คอนเทนเนอร์ TICS”

[Gossip] ‘SINO’ รุกให้บริการ “ลานตู้คอนเทนเนอร์ TICS”

          ‘SINO’ ร่วมทุนพันธมิตร รุกให้บริการลานตู้คอนเทนเนอร์ใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง           เป็นธุรกิจใหม่ที่น่าจับตามองและจะเพิ่มศักยภาพการให้บริการแก่ลูกค้าของ บมจ.ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น หรือ SINO ล่าสุด “นันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์” ซีอีโอคนเก่งของ SINO ร่วมทุนกับพันธมิตร เปิดให้บริการ “ลานตู้คอนเทนเนอร์ TICS” ภายใต้บริษัทร่วมทุน  TICS - Thai International Container Services Co., Ltd. บนเนื้อที่ 40 ไร่ ใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พื้นที่ยุทธศาสตร์ของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ซึ่งรองรับการจัดวางตู้คอนเทนเนอร์ได้ถึง 10,000 ตู้ เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าผู้ส่งออกและนำเข้า ในการรับตู้คอนเทนเนอร์เพื่อนำไปบรรจุสินค้าที่โรงงานสำหรับการส่งออก และใช้เป็นพื้นที่ให้ผู้นำเข้าสินค้านำตู้คอนเทนเนอร์มาคืน นอกจากนี้ SINO ยังใช้เป็นพื้นที่พักตู้คอนเทนเนอร์ของบริษัทฯ ได้อีกด้วย งานนี้เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ทั้งสร้างรายได้และบริหารต้นทุนของบริษัทฯ ได้ดียิ่งขึ้น สมกับเป็นซีอีโอวิสัยทัศน์ไกล

[Gossip] SINO คว้าขนส่งสินค้าคุมอุณหภูมิ 1,000 ตู้ สู่สหรัฐฯ

[Gossip] SINO คว้าขนส่งสินค้าคุมอุณหภูมิ 1,000 ตู้ สู่สหรัฐฯ

          ขึ้นแท่นผู้นำธุรกิจขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับ บมจ.ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น หรือ SINO ล่าสุด 'นันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์' CEO คนเก่ง ประกาศความสำเร็จ ได้รับความไว้วางใจจากผู้ส่งออกสินค้าควบคุมอุณหภูมิ ทั้งในประเทศไทยและกลุ่มประเทศอาเซียน ให้ดูแลการขนส่งสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักที่มีศักยภาพ ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของ SINO ด้วยปริมาณการขนส่งที่สูงถึง 1,000 ตู้คอนเทนเนอร์ ในระยะเวลา 6 เดือน คาดว่าจะสร้างผลกำไรให้กับบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย ตอกย้ำความสามารถของ SINO ในการให้บริการขนส่งสินค้าที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า และยังมุ่งมั่นพัฒนาบริการและขยายเครือข่ายการขนส่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

[PR News] SINO รับมือแรงงานท่าเรือสหรัฐฯ ชูจุดแข็งทางทะเล อันดับ 3

[PR News] SINO รับมือแรงงานท่าเรือสหรัฐฯ ชูจุดแข็งทางทะเล อันดับ 3

          ‘บมจ.ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น’ หรือ SINO ให้ความมั่นใจแก่ลูกค้าพร้อมรับมือผลกระทบจากกรณีแรงงานท่าเรือในสหรัฐฯ นัดหยุดงานที่ท่าเรือฝั่งตะวันออกในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในสัญญาใหม่ ชี้กระทบระยะเวลาขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือนานขึ้นและค่าขนส่งสินค้าทางทะเลเพิ่มขึ้น 20-50% รวมถึงพื้นที่ขนส่งสินค้าไม่เพียงพอ ชูจุดแข็งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่มีปริมาณขนส่งสินค้าทางทะเลเส้นทางไทย-สหรัฐฯ อันดับ 3 ของโลก และความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ประกอบการสายการเดินเรือไปยังสหรัฐฯ จัดหาพื้นที่ขนส่งสินค้าให้เพียงพอกับดีมานด์           นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SINO เปิดเผยว่า จากกรณีที่แรงงานท่าเรือชายฝั่งประเทศสหรัฐอเมริกาหลายพันคนในสังกัด The International Longshoremen’s Association (ILA) ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ได้นัดหยุดงานที่ท่าเรือในรัฐต่างๆ ในฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ เช่น นิวยอร์ค, นิวเจอร์ซี่, เซาท์แคโลไรน่า รวมประมาณ 8-9 รัฐ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 หากไม่สามารถทำข้อตกลงสัญญาใหม่ทดแทนสัญญาเดิมที่ครบกำหนดในวันที่ 30 กันยายน 2567 กับสหภาพการค้าเรือสินค้าแห่งสหรัฐอเมริกา (USMX) โดยต้องการเรียกร้องการปรับขึ้นอัตราค่าจ้าง [caption id="attachment_5435" align="aligncenter" width="683"] นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SINO[/caption]           กรณีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเล มายังท่าเรือในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ อาทิ การปรับเปลี่ยนมาใช้สายการเดินเรือขนส่งสินค้าเส้นทางตะวันตกของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง, ผู้นำเข้าสินค้าอาจใช้เวลาขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือเพิ่มขึ้นและมีค่าใช้จ่ายการค้างตู้ที่ท่าเรือเพิ่มขึ้น ฯลฯ ซึ่งปัญหาดังกล่าวทำให้ ค่าขนส่งสินค้าทางทะเลเส้นทางไทย-สหรัฐฯ ในปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้น 20-50% และเริ่มมีพื้นที่ให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลไม่เพียงพอกับความต้องการ เนื่องจากเกิดความล่าช้าในการจัดส่งสินค้า           อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้วางแผนบริหารจัดการเพื่อรับมือปัญหาดังกล่าว โดยใช้จุดแข็งจากการเป็นผู้ให้บริการ โลจิสติกส์ที่มีปริมาณขนส่งสินค้าทางทะเลเส้นทางไทย-สหรัฐฯ เป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทยในเส้นทางดังกล่าว รวมถึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ประกอบการสายการเดินเรือไปยังสหรัฐฯ ในการประสานงานเพื่อจัดหาพื้นที่ขนส่งสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าในช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อสร้างความมั่นใจ           “ในช่วงที่มีผลกระทบการขนส่งสินค้าไปยังฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ จากการนัดหยุดงานของคนงานในท่าเรือ ทีมงานฝ่ายขายของบริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่ออัพเดตข้อมูลแก่ลูกค้า ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีความมั่นใจว่าจะทำผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปีนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้ที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีจากความต้องการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เรามุ่งมั่นพัฒนาพัฒนาการให้บริการที่ดียิ่งขึ้น โดยก่อนหน้านี้ได้นำเสนอบริการ ‘Dashboard’ แก่ลูกค้าในสหรัฐฯ สามารถใช้บริการดังกล่าวเพื่อติดตามสถานะตู้คอนเทนเนอร์และเช็กระยะเวลาการขนส่งถึงปลายทางได้เองจากช่องทางเว็บไซต์ที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นเอง เพื่อเพิ่มความสะดวก แก่ลูกค้า” นายนันท์มนัส กล่าว

[PR News] SINO ชูศักยภาพขนส่งไทย-สหรัฐฯ อันดับ 3 ของโลก

[PR News] SINO ชูศักยภาพขนส่งไทย-สหรัฐฯ อันดับ 3 ของโลก

          SINO ครบรอบ 1 ปีเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ  ชูศักยภาพผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเลเส้นทางไทย-สหรัฐฯ อันดับ 3 ของโลก วางกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าในสหรัฐฯ พร้อมศึกษาขยายบริการในอาเซียนต่อเนื่อง           ‘บมจ.ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น’ หรือ SINO ครบรอบ 1 ปีเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ  ชูศักยภาพบริษัทฯ ยกระดับเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่มีปริมาณขนส่งสินค้าทางทะเลเส้นทางไทย-สหรัฐฯ เป็นอันดับ 3 ของโลก และความสำเร็จจากการร่วมมือพันธมิตรจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในมาเลเซีย เพื่อผลักดันประเทศไทยเป็นฮับส่งออกสินค้าในภูมิภาคไปยังสหรัฐฯ พร้อมดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้หลักการ ESG มุ่งขยายธุรกิจควบคู่กับสร้างความยั่งยืน วางกลยุทธ์ก้าวต่อไปรุกขยายฐานลูกค้าโลจิสติกส์ระหว่างประเทศในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง พร้อมนำเสนอบริการใหม่ “Dashboard” สร้างมูลค่าเพิ่มด้านบริการ และศึกษาการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน             นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SINO เปิดเผยว่า นับจากวันที่ 20 กันยายน 2566 ถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครบ 1 ปี โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาได้มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจและขยายบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ ยกระดับเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าทางทะเลบนเส้นทาง ไทย-สหรัฐอเมริกา เป็นอันดับ 3 ของโลก และคงความเป็นผู้นำอันดับ 1 ของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในประเทศไทยบนเส้นทางขนส่งดังกล่าว           ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ โดยช่วงไตรมาส 2/2567 ที่ผานมา ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศมาเลเซียในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ  Sino Worldwide Logistics SDN. BND แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย (บริษัทฯ ถือหุ้น 51%) เพื่อขยายการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในมาเลเซีย ซึ่งมีปริมาณการขนส่งสินค้ามากเป็นอันดับ 3 ของกลุ่มประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะการให้บริการในเส้นทางมาเลเซีย-สหรัฐฯ ที่เป็นตลาดหลักของบริษัทฯ ปัจจุบันมีปริมาณการขนส่งสินค้าทางทะเลแบบ FOB (Free on Board) 150-200 ตู้ต่อเดือน และกำลังขยายการให้บริการแบบ CIF (Cost, Insurance & Freight) โดยบริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จากบริษัทร่วมทุนในมาเลเซียแล้วตั้งแต่ไตรมาส 3/2567 เพื่อสนับสนุนการส่งออกสินค้าจากกลุ่มประเทศในอาเซียนไปยังสหรัฐฯ           นอกจากนี้ SINO ยังมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับหลักการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ผ่านการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ทั้งยังยึดมั่นในหลักการกำกับดูแลกิจการที่โปร่งใสและเป็นธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและมูลค่าในระยะยาว และด้วยแนวทางดังกล่าว SINO ตั้งเป้าพัฒนาและขยายธุรกิจควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ระดับโลกต่อไป           ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SINO กล่าวต่อว่า ก้าวต่อไปในการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ได้วางแผนงานเชิงรุกเพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเลอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเสริมจุดแข็งและสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน โดยการขยายธุรกิจขนส่งสินค้าบนเส้นทางไทย-สหรัฐฯ นั้น ล่าสุด ทีมงานฝ่ายขายของบริษัทฯ ได้เดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อพบลูกค้าและเพิ่มโอกาสขยายตลาดรวมถึงขยายฐานลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ หลังจากในปีที่ผ่านมาได้รุกทำตลาดให้บริการขนส่งอาหารและวัตถุดิบในเส้นทางไทย-สหรัฐฯ และมีผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ โดยมีปริมาณการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นจาก 50 ตู้ต่อเดือนในช่วงแรก เป็นเฉลี่ย 800 – 1,000 ตู้ต่อเดือนในปัจจุบัน           ทั้งนี้ บริษัทฯ ใช้โอกาสดังกล่าวนำเสนอบริการใหม่ที่เรียกว่า “Dashboard” แก่ลูกค้าในสหรัฐฯ เพื่อสร้างความแตกต่าง เพิ่มมูลค่าและศักยภาพการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยลูกค้าสามารถใช้บริการดังกล่าวเพื่อติดตามสถานะตู้คอนเทนเนอร์และเช็กระยะเวลาการขนส่งถึงปลายทางได้เองจากช่องทางเว็บไซต์ที่บริษัทฯ เป็นผู้พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น จากเดิมที่ต้องเช็กสถานะผ่านแพลตฟอร์มของผู้ประกอบการสายเรือที่เป็นผู้ขนส่งสินค้า โดยบริษัทฯ เริ่มให้บริการดังกล่าวแก่ลูกค้าในประเทศไทยแล้วและมีผลตอบรับที่ดี นอกจากนี้ ได้จัดสรรงบการตลาดเพื่อร่วมสนับสนุนการแข่งขันกอล์ฟของกลุ่มผู้ประกอบการในสหรัฐฯ ที่ดำเนินธุรกิจนำเข้าสินค้าและร้านอาหาร โดยมองว่าจะช่วยกระชับความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้ประกอบการในสหรัฐฯ ได้ดียิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสขยายฐานลูกค้า           ทั้งนี้ จากแผนงานที่จะขยายการให้บริการขนส่งสินค้าจากประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนไปยังสหรัฐฯ เบื้องต้นพบว่ากลุ่มลูกค้าในสหรัฐฯ มีความต้องการนำเข้าสินค้าจากหลากหลายประเทศในกลุ่มประเทศอาเซียน ล่าสุด บริษัทฯ จึงอยู่ระหว่างศึกษาแผนการจัดตั้งสำนักงานเพิ่มเติมในกลุ่มประเทศอาเซียน ต่อจากมาเลเซียซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จไปก่อนหน้า เพื่อขยายการให้บริการได้อย่างครอบคลุมและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น