#SHR


SHR คาดพลิกกำไรใน Q4 รับอานิสงส์ ไฮซีซันเที่ยวไทย-มัลดีฟส์

SHR คาดพลิกกำไรใน Q4 รับอานิสงส์ ไฮซีซันเที่ยวไทย-มัลดีฟส์

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.กรุงศรี คงแนะนำ “ซื้อ” SHR ราคาเป้าหมาย 2.80 บาท สำหรับ SHR จาก (i) คาดว่าจะกลับมาทำกำไรได้ใน 4Q24F จากปัจจัยฤดูกาลท่องเที่ยวสูงสุดในไทยและมัลดีฟส์ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง และขาดทุนจาก SO Maldives ลดลง (ii) เรามองว่า SHR จะเข้าสู่ช่วงเติบโตสูง คาด 25% ต่อปี ในอีก 2 ปีข้างหน้า (FY25-27F) ทั้งนี้ปัจจุบัน SHR ซื้อขายที่ 7x EV/EBITDA และ 0.6x PBV 2025F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม โรงแรมในไทยและมัลดีฟส์แข็งแกร่ง ด้วย RevPar เติบโตสองหลัก           SHR เปิดเผยตัวเลขการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ดีกว่าที่เราคาดไว้ ด้วย RevPar +12% yoy สำหรับโรงแรมในไทยหลักๆ มาจากการปรับขึ้นค่าห้องพัก และผลจากการเปิดให้บริการโรงแรม SAii Laguna Phuket ซึ่งบริษัทคาดค่าห้องพักสำหรับโรงแรมในไทยจะเติบโตระดับสองหลักต่อเนื่องไปยัง 1Q25 สำหรับโรงแรมในมัลดีฟส์ RevPar +15% yoy จากอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้นมาที่ 80% แม้ว่าค่าห้องพักจะปรับตัวลดลง สำหรับ Outrigger (Fiji และ Mauritius) ยังเติบโตได้สูง 41% yoy หลังจากกลับมาเปิดให้บริการโรงแรมหลังจากปิดปรับปรุง ในขณะที่ UK RevPar ทรงตัวจากการเริ่มเข้าสู่ช่วง low season ซึ่งบริษัทคาดกำไรสุทธิใน 4Q24 จะใกล้เคียงกับระดับ 1Q24 ได้ที่ 128 ล้านบาท คาดผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q24 แล้วและคาดไตรมาส 4 พลิกเป็นกำไร           มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อผลประกอบการใน 4Q24F โดยคาดจะพลิกกลับมาเป็นกำไรและเติบโต yoy, qoq จาก i) การเติบโตของ RevPar ในทุกประเทศ โดยเฉพาะในไทยและมัลดีฟส์ จากการเข้าสู่ช่วง high season การเปิดโรงแรม SAii Laguna Phuket หลังจากปิดปรับปรุง รวมถึงคาดการรับรู้ผลขาดทุนจาก SO Maldives ที่คาดว่าจะลดลงจาก 60 ล้านบาทใน 3Q24 โดยมี RevPar เพิ่มขึ้นกว่า 42% qoq จากอัตราการเข้าพักเพิ่มเป็น 53% (40% ใน 3Q24) และค่าห้องพักเฉลี่ยที่ 2.1 หมื่นบาท (vs 1.9 หมื่นบาทใน 3Q24) นอกจากนี้ จากการจ่ายชำระคืนหนี้และดอกเบี้ยลดลง เราคาดจะเห็นดอกเบี้ยจ่ายลดลงมาน้อยกว่า 280 ล้านบาทใน 3Q24 และด้วยตัวเลขเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนที่ดีกว่าเราคาดไว้สำหรับโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ ดังนั้น ดูเหมือนจะมี upside ต่อประมาณการของเรา คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.80 บาท           ราคาเป้าหมายของเราอิงจากการประเมินมูลค่า DCF (WACC 6.3%, 2.5% Rf, 8% market risk premium, 1x beta, 1% terminal growth) ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นที่เปลี่ยนแปลงทุก 1% มีผลต่อประมาณการของเรา 30% และอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงทุก 0.1% มีผลต่อประมาณการของเรา 3%

โฟกัส MINT-SHR เป้าหุ้นท่องเที่ยว ESG

โฟกัส MINT-SHR เป้าหุ้นท่องเที่ยว ESG

          หุ้นวิชั่น- ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลสำรวจของ SiteMinder Platform ในปี 67 แสดงให้เห็นว่านักเดินทางทั่วโลกมากถึง 79% ให้ความสำคัญ กับการจองโรงแรมที่มีการดำเนินการด้านความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะที่ World Sustainable Hospitality Alliance ได้นิยามกลยุทธ์ “Net Positive” ว่า เป็นแนวคิดที่จะคืนประโยชน์ให้สังคม, สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจโลกมากกว่าทรัพยากรที่ใช้ไป ดังนั้น การนำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมบริการหรือ Net Positive Hospitality จึงเป็นความร่วมมือกันระหว่างผู้คน, โลก, สถานที่ รวมถึงความมั่งคั่ง เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าและยั่งยืนสำหรับทุกคน           World Sustainable Hospitality Alliance ได้สร้างกรอบการทำงานแก่ธุรกิจในอุตสาหกรรมบริการ โดยขั้นแรก ของ “Net positive hospitality pathway” คือ การวัดระดับการปล่อยคาร์บอนและบรรเทาผลกระทบเชิงลบ ส่วน ขั้นต่อไปคือ การหาวิธีลดผลกระทบเชิงลบให้เหลือน้อยที่สุด และริเริ่มโครงการที่สร้างผลกระทบเชิงบวก ตามด้วยการทำให้ผลกระทบเชิงลบหมดไป และสร้างผลกระทบเชิงบวกที่แข็งแกร่งก่อนจะส่งคืนประโยชน์ที่มาก กว่าเดิมให้กับสิ่งแวดล้อมและชุมชุม           World Sustainable Hospitality Alliance เน้นย้ำว่าประเด็นด้านความยั่งยืนที่สำคัญ (Materiality factor) ซึ่งมีผลต่อธุรกิจและผู้ถือหุ้นคือ 1.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 2.การจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ 3.การใช้น้ำ 4. การบริหารจัดการขยะ 5.สิทธิมนุษยชน ทั้งนี้โรงแรมที่ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ทำการศึกษาอาจอยู่ในขั้นตอนที่ต่างกันในเส้นทางสู่เป้าหมาย แต่เมื่อประเมินโดยเฉลี่ยแล้วพบว่า MINT และ SHR มีความคืบหน้าในการพัฒนาด้าน ESG           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่า ผู้ประกอบการโรงแรมทั้ง 4 บริษัทที่ทำการศึกษามีความเสี่ยงด้าน ESG ค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการเหล่านี้ยังต้องดำเนินการอีกมากเพื่อมุ่งสู่ Net zero และกลายเป็น Net positive ขณะที่เห็นว่า MINT น่าจะเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของนักลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการของไทยเมื่อ พิจารณาด้าน ESG เพราะ MINT มีคะแนน ESG สูงกว่าคู่แข่ง           นอกจากนี้ เชื่อว่านักลงทุนควรจับตาดู SHR เนื่องจากช่วง 3 ปีที่ผ่านมา SHR มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญด้านการดำเนินงานภายใต้กรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จึงเชื่อว่า SHR อาจมีการประเมินมูลค่าสูงขึ้นจากปัจจุบันที่ EV/EBITDA 7.7 เท่าในปี 69 หรือ 3.2 บาท เป็น 9.9 เท่าหรือ 5.0 บาท ส่วน MINT อาจเพิ่มขึ้นจาก EV/EBITDA 9.5 เท่าในปี 69 หรือ 41 บาท เป็น 10.5 เท่าในปี 69 หรือ 49 บาท