#SET50


หลักทรัพย์บัวหลวง ชวนเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนเกาะดัชนี SET50 ด้วย “หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง ประเภทคุ้มครองเงินต้น” ชูจุดเด่นคุ้มครองเงินต้น 100%

หลักทรัพย์บัวหลวง ชวนเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนเกาะดัชนี SET50 ด้วย “หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง ประเภทคุ้มครองเงินต้น” ชูจุดเด่นคุ้มครองเงินต้น 100%

            หลักทรัพย์บัวหลวง ต่อยอดความมั่งคั่งให้นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทางการเงินน้องใหม่ “หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง ประเภทคุ้มครองเงินต้น” หรือ Shark Fin Note (SFN) เครื่องมือสร้างผลตอบแทนเกาะกับดัชนี SET50 พร้อมคุ้มครองเงินต้น 100% เมื่อถือจนครบอายุสัญญา โดดเด่นด้วย 3 รูปแบบการลงทุนที่ออกแบบมาตอบโจทย์ทุกสภาวะตลาด             นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการอาวุโส กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้ตอบโจทย์การลงทุนในทุกมิติ โดยในช่วงที่สภาวะตลาดมีความท้าทายและเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแบบ Sideways ทำให้การลงทุนในหุ้นโดยตรงอาจสร้างผลตอบแทนได้ค่อนข้างยาก บริษัทจึงได้ต่อยอดสินทรัพย์ทางเลือกการลงทุน ประเภทหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง (Structured Note) ตราสารที่มีส่วนผสมระหว่างหุ้นกู้กับตราสารอนุพันธ์ ที่มีลักษณะพื้นฐานเหมือนหุ้นกู้ระยะสั้น แต่จ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาหุ้นหรือตัวแปรที่อ้างอิง ทำให้มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ทั่วไป ด้วยการออกแบบให้มีความหลากหลายครอบคลุมทุกระดับความเสี่ยงมากขึ้น เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถสร้างกระแสเงินสดและเพิ่มพูนความมั่งคั่งได้อย่างไม่สะดุด             ล่าสุดบริษัทเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ออกแบบมาตอบโจทย์เน้นเรื่องความปลอดภัยของเงินต้นพร้อมสร้างโอกาสรับผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากทั่วไป ด้วยบริการ “หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง ประเภทคุ้มครองเงินต้น” หรือ Shark Fin Note (SFN) ที่มีจุดเด่นสามารถสร้างผลตอบแทนเกาะดัชนี SET50 ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบไปด้วยหุ้นชั้นนำ 50 ตัวของตลาดหลักทรัพย์ไทย โดยมีการคุ้มครองเงินต้นสูงสุด 100% เมื่อถือจนครบอายุสัญญา ซึ่งสามารถเลือกลงทุนได้ผ่าน 3 รูปแบบตามมุมมองการลงทุน ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 1 ล้านบาท คือ Shark Fin Bull Note ออกแบบมาตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสร้างผลตอบแทน เมื่อมองว่าดัชนี SET50 มีโอกาสปรับตัวขึ้นอยู่ในกรอบ และต้องการรักษาเงินต้นไปในเวลาเดียวกัน โดยแม้มองตลาดผิดทางแต่หากถือจนครบกำหนด นักลงทุนก็ยังได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน Shark Fin Bear Note รูปแบบนี้เหมาะกับผู้ที่มีมุมมองว่าตลาดอาจปรับตัวลงอยู่ในกรอบซึ่งสามารถทำผลตอบแทนได้ในสภาวะที่ดัชนี SET50 ติดลบหรือย่อตัวลง ในขณะเดียวกันยังสามารถรักษาเงินต้นไปในตัว แม้ดัชนี SET50 ปรับตัวขึ้นต่างจากคาดการณ์ Twin-Win Shark Fin Note หรือครีบฉลามสองด้าน การลงทุนในรูปแบบนี้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ทั้งสภาวะที่ดัชนี SET50 ปรับตัวขึ้นอยู่ในกรอบ หรือสามารถทำกำไรได้เมื่อดัชนี SET50 ปรับตัวลงในกรอบ ซึ่งเหมาะกับสภาวะที่ตลาดเคลื่อนไหวไม่ชัดเจนหรือในช่วงที่คาดการณ์ตลาดได้ค่อนข้างยาก             ทั้งนี้ในกรณีที่ระดับดัชนี SET50 ที่ปิดในทุกวันไม่หลุดกรอบ Knock Out (KO) ตลอดอายุสัญญา Shark Fin Note ไม่ว่าจะทั้ง Bull, Bear หรือ Twin-Win ผลตอบแทนที่นักลงทุนได้รับจะตามการเปลี่ยนแปลงของดัชนี SET50 ณ วันกำหนดค่าหลักทรัพย์เทียบกับระดับดัชนี ณ วันเปิดสัญญา เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด ทำให้นักลงทุนมีโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากหรือตราสารหนี้ หากเป็นไปตามคาดการณ์ ในทางกลับกันหากทิศทางของดัชนี SET50 ไม่ได้เคลื่อนไหวไปตามที่คาดการณ์ไว้หรือลงทุนผิดทาง นักลงทุนก็ไม่ต้องเผชิญกับภาวะการณ์ขาดทุนโดยยังได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวนเมื่อถือจนจนครบกำหนด 6 เดือน หรือ 1 ปี ตามสัญญา อย่างไรก็ดีหากในระหว่างอายุสัญญาระดับราคาปิดของดัชนี SET50 ณ สิ้นวัน ปิดสูงกว่าหรือเท่ากับกรอบราคา Knock Out (KO) ที่กำหนด เมื่อถือจนครบกำหนด นักลงทุนจะได้รับส่วนชดเชยผลตอบแทน (Rebate) ที่ 0.5% ต่อปี พร้อมกับเงินต้นเต็มจำนวน ซึ่งจะทำให้เห็นว่าลักษณะจ่ายผลตอบแทน (Payoff) ของ Shark Fin Note จะเหมือนกับครีบของปลาฉลาม             “ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก การกระจายพอร์ตลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น พร้อมคุ้มครองเงินต้นในเวลาเดียวกัน ด้วย Shark Fin Note ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือการลงทุนที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากและการลงทุนในตราสารหนี้อื่น ๆ โดยสามารถออกแบบแต่ละสัญญาให้ตอบโจทย์ในมุมของความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดหวังของนักลงทุนแต่ละท่านได้ รวมถึงสามารถใช้สร้างผลตอบแทนได้ในหลากหลายสภาวะตลาด หรือสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนได้” นายบรรณรงค์ กล่าว             นายบรรณรงค์ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนและสร้างกระแสเงินสดในช่วงที่สถานการณ์ ไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการลงทุน ด้วย “หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง” จากหลักทรัพย์บัวหลวง สามารถเลือกลงทุนได้หลากหลายประเภทตามระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน  เช่น หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงประเภท หรือ Fixed Coupon Note (FCN) เครื่องมือสร้างผลตอบแทนจากดอกเบี้ยต่อเนื่องตลอดอายุการลงทุนตั้งแต่ 3, 6 หรือ 9 เดือน โดยสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้ประมาณ 7-15% ต่อปี ตามระดับความผันผวนของหุ้นอ้างอิงใน SET50 ซึ่งนักลงทุนสามารถออกแบบสัญญาได้ทั้งในมุมของดอกเบี้ยที่ต้องการ และระดับของความเสี่ยง ผ่านกรอบราคาด้านล่าง หรือ Knock In (KI) ในระหว่างสัญญานักลงทุนจะได้รับกระแสเงินสดเป็นดอกเบี้ยทุก ๆ เดือน หรือเลือกรับดอกเบี้ยทุก ๆ สองสัปดาห์ ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า FCN เป็นเครื่องมือในการสร้างผลตอบแทนต่อเนื่องโดยที่ไม่ต้องเทรดหุ้นเอง สำหรับจุดเด่น “หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง” ของหลักทรัพย์บัวหลวง คือ 1. มั่นใจ บริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AA จากทริสเรทติ้ง โดยมีธนาคารกรุงเทพ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 2. มืออาชีพ มีทีมผู้เชี่ยวชาญ และผู้แนะนำการลงทุนให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด 3. ยืนหยุ่น ออกแบบสัญญาได้หลากหลายและสามารถปรับแต่งรูปแบบสัญญาได้เองตามโจทย์ที่นักลงทุนต้องการ 4. สะดวก สามารถซื้อได้ทุกวันทำการ โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม พร้อมติดตามพอร์ตการลงทุนแบบครบวงจร ด้วย itracker monthly report ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ผู้แนะนำการลงทุนของท่าน หรือ BLS Customer Service โทร. 0 2618 1111

เก็งโผหุ้นเข้า SET50 BANPU, SAWAD, COM7, TCAP

เก็งโผหุ้นเข้า SET50 BANPU, SAWAD, COM7, TCAP

            หุ้นวิชั่น - ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ได้ประเมินหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 ในรอบครึ่งแรกปี 68 เบื้องต้น ได้แก่ BANPU, SAWAD, COM7, TCAP และหุ้นที่คาดว่าจะออกจาก SET50 ได้แก่ BCP, CENTEL, EA, TIDLOR โดยคาดว่ามูลค่าหลักทรัพย์ที่ไม่ติดอันดับเป็นสาเหตุที่ทำให้หลุดออกจาก SET50 ทั้งนี้ประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 หากข้อมูลครบ จะคำนวณใหม่อีกครั้ง             สำหรับหุ้นคาดว่าจะเข้า SET100 ในรอบครึ่งแรกปี 68 ได้แก่ JTS, CCET, COCOCO, PR9 ขณะที่คาดว่าหุ้นที่จะออกจาก SET100 ได้แก่ MBK, RBF, TIPH, TOA สาเหตุที่คาดว่า MBK และ TOA จะหลุดออกจาก SET100 เนื่องจาก Turnover ratio 1% ไม่ครบ 9 ใน 12 เดือน ส่วน TIPH จะหลุดจาก SET100 เพราะมูลค่าซื้อขายไม่ผ่านเกณฑ์ 25% ของค่าเฉลี่ยรวมทั้งตลาด 9 ใน 12 เดือน และ RBF ที่หลุด เพราะมูลค่าหลักทรัพย์ไม่ติดอันดับ โดยประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 หากข้อมูลครบ จะคำนวณใหม่อีกครั้ง             โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) น่าจะประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก SET50 และ SET100 ในรอบ ครึ่งแรกปี 68 ในช่วงวันที่ 13 - 18 ธ.ค.2567 และเริ่มใช้วันที่ 1 ม.ค.- มิ.ย. 2568             ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า จากข้อมูลหุ้นที่เข้า SET50 ในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา หรือ 16 รอบของการปรับหุ้นเข้าและออกใน SET50 พบว่าหากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้า 1 เดือน ก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.83% ขณะที่หากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ ก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.15% ดังนั้น จากข้อมูลดังกล่าวพบว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงหุ้นใน SET50 นั้น หุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 จะให้ผลตอบแทนในเชิงบวก             ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า หุ้นที่ได้รับการปรับประมาณการเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีการซื้อขายอยู่ในโซนล่าง และมี เปอร์เซ็น upside สูง เป็นหุ้นที่น่าสนใจ โดยเมื่อเปรียบเทียบเปอร์เซ็น upside ของราคาหุ้นต่อราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus กับค่า Z Score ช่วง 12 เดือน FWD PE 5 ปีย้อนหลัง หุ้นที่มีการซื้อขายอยู่ในโซนล่างมีเปอร์เซ็น upside ของราคาหุ้นต่อราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus สูง และมี SETESG Rating ในระดับ A ขึ้นไป ได้แก่ TCAP (7.7%) และ BANPU (0.5%) ในขณะที่ค่า Z-Scores 12 เดือน FWD PE 5 ปีจะอยู่ที่ -0.95 และ 0.003 ตามลำดับ             ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบการปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) กับราคาเป้าหมายย้อนหลัง 1 เดือน จะได้หุ้นที่ถูกปรับประมาณการเพิ่มขึ้นได้แก่ COM7 ขณะที่หุ้นที่ราคาลงมามากที่สุด โดยเปรียบเทียบย้อนหลัง 1 เดือนล่าสุดได้แก่ BANPU (-11.3%) และเมื่อพิจารณาข้อมูลการซื้อขายสุทธิของผู้บริหาร ตั้งแต่ต้นปี 2567 ถึงปัจจุบัน จะได้หุ้นที่ มียอดซื้อขายสุทธิของผู้บริหารมากสุด ได้แก่ SAWAD 323.24 ล้านบาท และ BANPU 8.54 ล้าน บาท