SEAFCO ชูธงรายได้2พันล. รถไฟสายสีส้มดันยอด
หุ้นวิชั่น - SEAFCO โกยงานรถไฟฟัาสายสีส้มเข้าพอร์ต ยอดพันล้าน เล็งกระชับพื้นที่ 10 มกราคมนี้ พร้อมบุ๊กเงิน 80% ด้านบอสใหญ่ "ณรงค์ ทัศนนิพันธ์" ชูธงรายได้ปี 68 ที่ 2 พันล้านบาท จับตางานรัฐ เอกชนทยอยออก เล็งตุน Backlog เต็มหน้าตัก ดร.ณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ว่า ปี 2568 จะเป็นปีที่สดใสของ SEAFCO เนื่องจากคาดว่าจะมีงานประมูลการก่อสร้างออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด SEAFCO ได้รับงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเข้าพื้นที่และดำเนินการได้ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2568 โดยบริษัทจะเริ่มนำอุปกรณ์เสาเข็มเจาะเข้าหน้างานในวันที่ 10 มกราคม 2568 และจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างทันที เนื่องจากงานนี้เป็นโครงการเร่งด่วน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้ของ SEAFCO ในปี 2568 โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวได้ประมาณ 70-80% ในปี 2568 และส่วนที่เหลือจะถูกบันทึกเป็นรายได้ในปีถัดไป นอกจากนี้ SEAFCO ยังคงเดินหน้ารับงานขนาดกลางและขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 2568 รายได้ของบริษัทจะไปแตะระดับ 2,000 ล้านบาท ส่วนงานในมือ หรือ Backlog คาดว่าจะสะสมได้ถึง 3,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่ราว 600 ล้านบาท โดยหากรวมงานรถไฟฟ้าสายสีส้มแล้ว คาดว่า Backlog จะสูงถึง 1,700-1,800 ล้านบาท ล่าสุด SEAFCO ได้รับงานโครงการทางลอดหน้าสนามบินจังหวัดเชียงราย มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท และคาดว่าจะมีงานใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยบริษัทจะเน้นงานในมือเป็นหลัก โดยเฉพาะงานรถไฟฟ้าสายสีส้มที่บริษัทได้รับมอบหมายแล้ว ดร.ณรงค์ กล่าวต่อว่า บริษัทไม่กังวลกับประเด็นเรื่องค่าแรง เนื่องจากมีอัตราจ้างในระดับสูง อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลประกาศขึ้นค่าแรง บริษัทอาจพิจารณาเรื่องต้นทุนค่าใช้จ่ายอีกครั้ง ส่วนประเด็นการลงทุนภาคเอกชน บริษัทจะยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจับตาดูว่าผู้ประกอบการจะเริ่มก่อสร้างหรือลงทุนเพิ่มเติมหรือไม่ ในขณะเดียวกัน SEAFCO มองว่า ภาครัฐจะมีงานออกมาค่อนข้างมาก เช่น โครงการทางด่วน ซึ่งล้วนแต่ต้องใช้เสาเข็มเป็นส่วนประกอบหลัก แม้ว่าจะมีคู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน แต่ SEAFCO เชื่อว่าจะสามารถขยายส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ได้ โดยปัจจุบันบริษัทมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 30% ปัจจัยท้าทายที่สำคัญในปัจจุบัน คือ หากมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ก็จะไม่มีปัจจัยกดดันทางธุรกิจ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะต้องติดตามและระมัดระวังเรื่องการเก็บเงินและการรอบบิลให้รัดกุม เพื่อป้องกันปัญหาด้านการเงิน นอกจากนี้ เศรษฐกิจในประเทศยังเป็นปัจจัยที่น่าสนใจและต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในปี 2568 ดร.ณรงค์ กล่าวในงาน SEAFCO 50 Anniversary Special Seminar Sustainability in Deep Foundation and Deep Excavation ว่า SEAFCO ก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ด้วยความมุ่งมั่นในการทำงานอย่างต่อเนื่องจากทีมผู้บริหารและคณะทำงาน ซึ่งมุ่งมั่นผลักดันผลงานให้เติบโตยิ่งขึ้น ปัจจุบัน SEAFCO ยังคงเดินหน้าหางานใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยบริษัทมีการพรีเซนต์งานให้กับลูกค้าต่างประเทศ และเดินทางไปพบปะลูกค้าต่างชาติ เพื่อขยายฐานการดำเนินธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการรับงานก่อสร้างในประเทศ อย่างไรก็ตาม แผนการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มถือเป็นงานเร่งด่วนที่บริษัทจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อให้สามารถส่งมอบงานตามกำหนดเวลาและเสริมสร้างการเติบโตของบริษัทในอนาคต รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision