SAWAD คาดกำไร Q4 พุ่ง สินเชื่อ-รัฐ หนุน เป้า 44.50 บาท
หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บทวิเคราะห์ บล.เอเอสแอล ระบุว่า บริษัทรายงานงบ 3Q67 มีกำไรสุทธิ 1.31 พันล้านบาท +3% QoQ, -6% YoY เป็นไปตาม consensus คาดการณ์ โดยได้แรงหนุนจาก Non-NII ที่ปรับตัวขึ้น +19% QoQ, +31% YoY จากธุรกิจนายหน้าประกันภัย แต่ในขณะที่ NII ยังอ่อนแอจากสินเชื่อที่หดตัว -3% QoQ, -1% YTD จากสถานการณ์ในตลาดหุ้นกู้ที่ซบเซา ทำให้ต้องเลื่อนการระดมทุน กระทบต่อการปล่อยสินเชื่อภายในงวด ส่วนด้านค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองชะลอตัวลง คิดเป็น Credit cost ที่ 2.0% (เทียบกับไตรมาสก่อนที่ 2.1% และปีก่อนที่ 1.4%) ขณะที่ NPLs ratio ขยับขึ้นเป็น 3.5% จากไตรมาส ก่อนที่ 3.4% ซึ่งมาจากฐานสินเชื่อที่หดตัว ในขณะที่ Gross NPL ยังทรงตัว รวมถึงลูกหนี้ S2 ลดลงเป็น 10.5% จากไตรมาสก่อนที่ 11.1% สะท้อนพัฒนาการด้านคุณภาพลูกหนี้ที่ดีขึ้นตามแผนการ Clean-up balance sheet ผู้บริหารให้แนวโน้มการฟื้นตัวใน 4Q67 – 2568F ประเมินแนวโน้มสินเชื่อจะกลับมาขยายตัวหลังสถานการณ์ ตลาดหุ้นกู้เริ่มดีขึ้น โดยได้รับเสียงตอบรับที่ดีในการระดมทุนผ่านหุ้นกู้ราว 3 พันล้านบาท รวมถึงได้รับการอนุมัติใบอนุญาตขายประกันออนไลน์ ทำให้เราคาดหวังรายได้จากการดำเนินงาน (NII + Non-NII) จะกลับมาเติบโตเด่น ขณะที่เป้า NPLs ratio จะยังคงไม่เกิน 3.5% ส่วนเป้าปี 68F สินเชื่อขยายตัวราว 10-15% และ Credit cost จะ ไม่เกิน 1.8% ซึ่งมองว่าท้าทายตามปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนในปัจจุบันอยู่ในระดับสูง รวมถึงระดับการตั้งสำรองในงวดปัจจุบันยังไม่ได้สูงมากนัก แต่ผู้บริหารเชื่อว่าผลขาดทุนจากการขายรถยึดใน SCAP จะเริ่มปรับลดลงตั้งแต่งวดนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ประเมินกำไรสุทธิ 4Q67F จะขยายตัวทั้ง QoQ และ YoY โดย Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 67-68F เท่ากับ 5.2 พันล้านบาท +4.8% YoY และ 5.7 พันล้านบาท +9.5% YoY มีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 42.78 บาท ในเชิง sentiment ขานรับปัจจัยบวกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะฐานราก เช่น นโยบายแจกเงินดิจิทัล และนโยบายช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ซึ่งคาดหวังว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัท ทั้งนี้ยังมีปัจจัย บวกหนุนราคาหุ้นให้ปรับตัวขึ้นอยู่ ได้แก่ 1. มีโอกาสเข้าคำนวณในดัชนี SET50 รอบ 1H68 2. นโยบายขึ้นค่าแรงที่จะมีการพิจารณาในช่วงปลายเดือนนี้ (21 ธ.ค.) และ 3. แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงในปี 25F (ทางฝ่ายคาดว่าจะปรับลดลง 1 ครั้ง 0.25% สู่ระดับ 2.00%)