PSP งบ 9 เดือน กำไรพุ่ง 53% ลั่น Q4 แรงได้อีก
บมจ. พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ (PSP) กางผลงานงวด 9 เดือนปี 2567 กำไรโต 53.4% แตะ 498 ล้านบาท สูงกว่ากําไรสุทธิทั้งปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 427.54 ล้านบาท รับยอดขายทั้งในและต่างประเทศพุ่ง หนุนรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ฟากผู้บริหาร “เสกสรร ครองพาณิชย์” ลั่นผลงานไตรมาส 4/67 ดีต่อเนื่อง มั่นใจดันรายได้รวมโตเข้าเป้า 15-20% นายเสกสรร ครองพาณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) (PSP) ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจรที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญมากว่า 35 ปี ในการพัฒนาและผลิตน้ำมันหล่อลื่น (Lubricant) จาระบี (Grease) และผลิตภัณฑ์พิเศษ (Specialty products) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2567 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567) บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 498.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 173.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 53.4% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 324.7 ล้านบาท และสูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 427.54 ล้านบาท ส่วนรายได้รวม 10,276.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,083.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.8% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 9,192.8 ล้านบาท สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้งวด 9 เดือนปี 2567 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากรายได้รวมที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของยอดขายทั้งในและต่างประเทศ การบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ภาระดอกเบี้ยที่ลดลง และผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ “ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2567 PSP สามารถทำผลงานเติบโตได้ดีตามแผนที่วางไว้ เป็นผลมาจากรายได้จากการขายและอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น โดยเชื่อมั่นว่าผลประกอบการทั้งปีนี้จะเติบโตได้ดีกว่าปีก่อนอย่างมีนัยยะสำคัญ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในหลากหลายผลิตภัณฑ์ทั้งในและต่างประเทศ การฟื้นตัวของอุตสาหกรรม การบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพจากการทำ Digital Transformation ภาระดอกเบี้ยที่ลดลง อีกทั้งบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่บริษัทฯ เข้าไปลงทุน อาทิ บริษัท รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ผู้นำด้านธุรกิจรีไซเคิลสารเคมี และบริษัท จีเนียส เจเนติกส์ จำกัด ผู้นำด้านการตรวจและแปลงผล DNA มีผลการดำเนินงานที่ดีเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมั่นใจว่ารายได้รวมทั้งปี 2567 เติบโต 15-20% ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้” นายเสกสรร กล่าวในที่สุด [PR News]