#PCE


PCE สุดแกร่ง! เข้าคำนวณดัชนี FTSE SET Shariah Index

PCE สุดแกร่ง! เข้าคำนวณดัชนี FTSE SET Shariah Index

        หุ้นวิชั่น - บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) สุดสตรอง! ติดโผเข้าคำนวณดัชนี FTSE SET Shariah Index มีผลวันที่ 23 ธ.ค.67 นี้ ฝ่ายผู้บริหาร “พรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล” ระบุถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานที่มีความแข็งแกร่ง สภาพคล่องสูง ยึดหลัก CG ลงทุนตามหลักศาสนาอิสลาม พร้อมมุ่งมั่นสร้างคุณค่าในระยะยาว หนุนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (PCE) ผู้นำธุรกิจน้ำมันปาล์มครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี FTSE SET Index Series ในกลุ่ม FTSE SET Shariah Index (ดัชนี ฟุตซี่ เซ็ท ชาริอะห์) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และองค์กรระดับโลก FTSE Russell โดยใช้สูตรการคำนวณที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งพิจารณาเรื่องสภาพคล่อง (Liquidity Screen), การกระจายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float Screen) รวมไปถึง การดำเนินธุรกิจโดยมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Good Governance) และสอดคล้องไปกับการลงทุนตามหลักศาสนาอิสลาม โดยมีผลวันที่ 23 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป “การที่ PCE ถูกนำเข้าคำนวณใน FTSE SET Shariah Index ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานที่มีความแข็งแกร่ง ดำเนินธุรกิจโดยมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี และการเติบโตของธุรกิจที่มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าในระยะยาว เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนและมั่นคง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น”         รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ PCE กล่าวอีกว่า บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณในดัชนี FTSE SET Shariah Index ซึ่งเป็นดัชนีหลักทรัพย์ระดับนานาชาติที่นักลงทุนสถาบันและต่างชาติ ใช้อ้างอิงให้น้ำหนักประกอบการตัดสินใจในการลงทุน สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายฐานผู้ลงทุนรายใหม่ สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจในอนาคตได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และฟุตซี่ รัสเซล (FTSE Russell) ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ชุดใหม่ที่ใช้ในการคำนวณ FTSE SET Index Series มีผลวันที่ 23 ธันวาคม 2567 โดยในส่วนของดัชนี FTSE SET Shariah Index มี 20 หลักทรัพย์ใหม่ที่เข้าร่วมคำนวณ [PR News]

PCE จัด “Analyst Meeting Q3/2024”  โชว์ศักยภาพผู้นำธุรกิจน้ำมันปาล์มครบวงจร

PCE จัด “Analyst Meeting Q3/2024” โชว์ศักยภาพผู้นำธุรกิจน้ำมันปาล์มครบวงจร

หุ้นวิชั่น - นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (PCE) ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรที่มีความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน ร่วมให้ข้อมูลแก่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ในงาน Analyst Meeting ไตรมาส 3 ปี 2567 โดยผลการดำเนินงานใน 9 เดือนปี 2567 กวาดรายได้กว่า 2.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.3%  กำไรสุทธิ 400.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.7% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน สูงกว่ากำไรรวมทั้งปี 2566 อยู่ที่ระดับ 310.73 ล้านบาท จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ น้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์(RBDPKO) นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์หลัก เช่น น้ำมันปาล์มดิบกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPO) น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) และน้ำมันเมล็ดในปาล์ม (CPKO) ยังมีปริมาณการจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งงานดังกล่าวจัดขึ้น ณ ห้อง function room บล.เมย์แบงก์ เมื่อเร็วๆ นี้

PCE จับมือ Sinopharm รุกน้ำมันปาล์ม-ไบโอดีเซล จีน-เอเชีย

PCE จับมือ Sinopharm รุกน้ำมันปาล์ม-ไบโอดีเซล จีน-เอเชีย

          บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) ผู้นำธุรกิจน้ำมันปาล์มครบวงจร ของประเทศไทย ประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์กับ Sinopharm (ซิโนฟาร์ม) ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมยาและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพในประเทศจีน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดน้ำมันปาล์ม และไบโอดีเซล ฝ่ายผู้บริหาร “นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล” ระบุ Demand ปี 68 กว่า 4 หมื่นตัน ดันยอดขาย-กำไร เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต รับแผนขยายตลาดในจีนและภูมิภาคเอเชีย           นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (PCE) ผู้นำธุรกิจน้ำมันปาล์มครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัท China National Pharmaceutical Group หรือ Sinopharm หนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านการผลิตและจำหน่ายยา และผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพรายใหญ่จากประเทศจีน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากน้ำมันปาล์ม และอนุพันธ์ที่ได้จากการผลิตไบโอดีเซลในตลาดประเทศจีนและภูมิภาคเอเชีย           “ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานของทั้งสองบริษัท ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืน และมีคุณภาพสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการดูแลส่วนบุคคล” นายพรพิพัฒน์กล่าว           ทั้งนี้ น้ำมันเมล็ดในปาล์มบริสุทธิ์ (RBD Palm Kernel Oil หรือ RBDPKO) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมโอลีโอเคมิคอล ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น น้ำยาซักผ้า สบู่ แชมพู และผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล (Personal care) อื่นๆ ขณะที่กลีเซอรีน อนุพันธ์ผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตไบโอดีเซล เมื่อผ่านการกลั่นให้มีความบริสุทธิ์ตามมาตรฐาน USP 99.7% สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยาและวัคซีน ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการด้านความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ยาในสหรัฐอเมริกา           รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ PCE กล่าวอีกว่า ความร่วมมือดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาการผลิตที่ยั่งยืน และการสร้างคุณค่าในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มและอนุพันธ์จากไบโอดีเซล สอดคล้องกับ PCE ที่มุ่งมั่นสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจและห่วงโซ่การผลิต นำเสนอผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มที่มีคุณภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และต่อยอดน้ำมันปาล์มให้สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ พร้อมยกระดับความรับผิดชอบต่อสังคม           โดยการร่วมมือกับ Sinopharm จะช่วยขยายฐานลูกค้า เพิ่มยอดขายและกำไร เพิ่มศักยภาพการเติบโตในตลาดเอเชียและระดับโลก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นให้กับบริษัทฯ โดยในปี 2568 Sinopharm มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จากน้ำมันปาล์ม และอนุพันธ์ที่ได้จากการผลิตไบโอดีเซลของ PCE จำนวน 4 หมื่นตัน [PR News]

[ภาพข่าว] ‘กลุ่มเพชรศรีวิชัย’ จับมือ ‘เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี’ ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม

[ภาพข่าว] ‘กลุ่มเพชรศรีวิชัย’ จับมือ ‘เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี’ ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม

         ‘บริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด’ หรือ NBD ในเครือ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE เดินหน้าลดผลกระทบด้านมลภาวะสิ่งแวดล้อมจากน้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้ว ร่วมมือกับเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ทำโครงการ “ทิ้งไปเสียดายแย่” ให้ประชาชนนำน้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้วจากชุมชนในจังหวัดสุราษฎร์ธานีแลกเป็นน้ำมันพืชขวดใหม่ตรา “รินทิพย์” เพื่อนำน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงไบโอดีเซล           นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรที่มีความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน เปิดเผยว่า บริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด หรือ NBD ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล น้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ น้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อการบริโภค และผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้อื่นๆ รวมถึงการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า ในกลุ่มบริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE โดย “NBD” ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ในการดำเนินโครงการ “ทิ้งไปเสียดายแย่” นำน้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้วจากชุมชนในจังหวัดสุราษฎร์ธานีมาแลกเป็นน้ำมันพืชตรารินทิพย์ เพื่อนำน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงไบโอดีเซล ช่วยลดผลกระทบต่อการอุดตันของท่อระบายน้ำจากการทิ้งน้ำมันปรุงอาหารของประชาชนที่เป็นปัญหาซึ่งยากต่อการจัดการในอนาคต สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน (Sustainability) การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) และเพื่อการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างผลเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน           โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนหลักการ ESG (Environmental, Social, and Governance) ของบริษัทฯ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านการใช้เชื้อเพลิงหมุนเวียนและการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดเงื่อนไขรับแลกน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว 2 กิโลกรัม เปลี่ยนเป็นน้ำมันพืชตรารินทิพย์ได้ 1 ขวด ตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค.67 ถึงวันที่ 31 ต.ค.68 ทุกวันศุกร์ของแต่ละสัปดาห์ ณ สำนักงานเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี           “เรามีความมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก (GHG Reduction) ด้วยการใช้วัตถุดิบที่หมุนเวียนได้และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วจากชุมชนและผู้ประกอบการ เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร และโรงแรม จะถูกนำมาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงไบโอดีเซล ซึ่งมีการปล่อยคาร์บอนต่ำกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล นอกจากนี้ยังช่วยขจัดปัญหาการจัดการของเสียที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของชุมชนอีกด้วย” นายพรพิพัฒน์กล่าว

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

‘PCE’ รับอานิสงส์ราคาน้ำมันปาล์มดิบสูง

‘PCE’ รับอานิสงส์ราคาน้ำมันปาล์มดิบสูง

          ‘บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์’ หรือ PCE เผยสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มดิบไทยไตรมาส 4/ 2567 ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทะลุกว่า 40 บาทต่อกิโลกรัม จากปัจจัยความต้องการในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น สวนทางกับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่ออกสู่ตลาดลดลงตามช่วงฤดูกาล คาดแนวโน้มราคาน้ำมันปาล์มดิบยังไปต่อ ขณะที่ PCE รับปัจจัยบวกที่สามารถรองรับความต้องการบริโภคได้อย่างครอบคลุม หนุนผลประกอบการครึ่งปีหลัง 2567 เติบโตต่อเนื่อง พร้อมตั้งเป้าการขายทั้งปีเติบโต 10-15%           นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรที่มีความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาเฉลี่ยน้ำมันปาล์มดิบในประเทศในไตรมาส 4/2567 ล่าสุด (21 ต.ค.2567) ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ระดับกว่า 40 บาทต่อกิโลกรัมจาก 37 บาทต่อกิโลกรัมเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2566 เป็นไปตามการปรับราคาของตลาดโลกที่มาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ผลปาล์มสดในตลาดมีปริมาณลดลงซึ่งเป็นไปตามช่วงฤดูกาลจึงส่งผลต่อปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่ออกสู่ตลาดในประเทศลดลงตาม           ทั้งนี้ ในไตรมาส 4/2567 ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากการบริโภค อุปโภค และความต้องการด้านพลังงานในช่วงเทศกาล ตลอดจนความต้องการของประเทศอินโดนีเซีย ที่มีปริมาณน้ำมันปาล์มดิบคงคลัง ณ เดือน มิ.ย.2567 เหลืออยู่ที่ 2.51 ล้านตัน หรือลดลงราว 20% จากปี 2566 จากความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมไบโอดีเซล เช่นเดียวกับประเทศมาเลเซีย ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 มีปริมาณน้ำมันปาล์มดิบคงคลังอยู่ที่ 2.01 ล้านตัน ลดลงกว่า 10% และไทยมีปริมาณน้ำมันปาล์มดิบคงคลังอยู่ที่ 0.296 ล้านตัน ลดลง 18% จากปี 2566 แต่มีแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพิ่มมากขึ้น           “ราคาน้ำมันปาล์มดิบยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยผลปาล์มสดในประเทศของไตรมาส 4 ที่ลดลงตามฤดูกาลที่กล่าวมา ซึ่งสวนทางกับความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่ออุปโภคและบริโภค และด้านพลังงานในช่วงเทศกาลที่คาดว่าจะอยู่ที่ 6-7 แสนตัน ประกอบกับประเทศมาเลเซียมีความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้น ขณะที่อินโดนีเซียต้องการใช้น้ำปาล์มดิบเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมไอโบดีเซลในสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลที่ 35% และจะมีการปรับสัดส่วนขึ้นเป็น 40% ในปี 2568 ซึ่งจะส่งผลให้มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นอีก 4-5 แสนตันต่อไตรมาส ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีก และจะเป็นปัจจัยบวกต่อ PCE ที่สามารถรองรับความต้องการบริโภคได้อย่างครอบคลุม และช่วยส่งเสริมให้ผลประกอบการในครึ่งปีหลัง 2567 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยมีเป้าหมายการขายทั้งปีเติบโตที่ 10-15%” นายประกิตกล่าว [PR News]

[PR News] ‘กลุ่มเพชรศรีวิชัย’ จับมือ ‘เครือบางจาก’ ลดมลภาวะสิ่งแวดล้อม

[PR News] ‘กลุ่มเพชรศรีวิชัย’ จับมือ ‘เครือบางจาก’ ลดมลภาวะสิ่งแวดล้อม

          บริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด หรือ NBD ในเครือ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด มหาชน หรือ PCE ร่วมลดผลกระทบด้านมลภาวะสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชนในพื้นที่ภาคใต้ และทั่วประเทศ รับน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วส่งต่อบริษัทในเครือ บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ต่อยอดการพัฒนาเพื่อผลิตเป็นน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน ช่วยขจัดปัญหาการย่อยสลายยากของน้ำมันบริโภคที่ใช้แล้ว           นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ บริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด หรือ NBD ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล น้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ น้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อการบริโภค และผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้อื่นๆ รวมถึงการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า ในกลุ่มบริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE  เปิดเผยว่า  บริษัทฯได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการจัดหา รวบรวม และจัดเก็บน้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้วจากพื้นที่ภาคใต้ และจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ ส่งต่อให้กับบริษัท บีเอฟจีเอฟ จำกัด และบริษัท ธนโชคน้ำมันพืช (2012) จำกัด ในกลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อนำไปแปรรูปเป็นน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel, SAF) สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน มุ่งใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า และนำกลับมาใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด เพื่อการเติบโตร่วมกันกับสังคมในระยะยาว นอกจากนี้ ยังช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งเสริมสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคให้มีการใช้น้ำมันใหม่อยู่เสมอ           ทั้งนี้ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว เป็นการต่อยอดการพัฒนาการขจัดปัญหาน้ำมันที่ย่อยสลายยากอย่าง น้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว (Used Cooking Oil) จากร้านอาหาร ครัวเรือน หรือบ้านพักอาศัย โดยจะมีการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้านมลภาวะในชุมชนและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันผ่านโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” และโครงการ “ทิ้งไปเสียดายแย่” เพื่อบริหารจัดการนำน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วมาผลิตน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน โดยน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืนเป็นน้ำมันที่ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลหรือมีอัตราปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์

[PR News] PCE วางงบ 1,000 ล้านบาท เพิ่มศักยภาพการผลิตน้ำมันปาล์ม

[PR News] PCE วางงบ 1,000 ล้านบาท เพิ่มศักยภาพการผลิตน้ำมันปาล์ม

          ‘PCE’ วางงบลงทุน 1,000 ล้านบาท เพิ่มศักยภาพการผลิตน้ำมันปาล์ม รับโอกาสตลาดในไทยและต่างประเทศขยายตัว ย้ำเงินบาทแข็งค่าไม่กระทบ ไตรมาส 4 ยังเติบโตได้ดี           ‘บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์’ หรือ PCE เดินหน้าขยายอาณาจักรน้ำมันปาล์มครบวงจร สร้างการเติบโตหลังเข้าเทรด วางงบลงทุน 1,000 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ เพิ่มความมั่นคงด้านการจัดหาวัตถุดิบน้ำมันปาล์มดิบ พร้อมขยายกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อใช้ในการบริโภค รับโอกาสอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในประเทศและต่างประเทศขยายตัว บุกตลาดส่งออกเพิ่ม เล็งเพิ่มการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันไบโอดีเซล ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนตลาดต่างประเทศเป็น 50% ภายในปี 2568 จากปัจจุบันมีสัดส่วน 36% ย้ำแม้เงินบาทแข็งค่าไม่กระทบการส่งออกในไตรมาส 4 มั่นใจยังสามารถเติบโตได้ดี คาดทั้งปีผลการดำเนินงานเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%           นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE เปิดเผยว่า หลังจากกลุ่มบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) พร้อมกับเดินหน้าขยายกำลังการผลิตเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรระดับประเทศ ล่าสุดได้วางงบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.) ขยายโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อเพิ่มความมั่นคงการจัดหาวัตถุดิบน้ำมันปาล์มดิบซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล โดยเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 120 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง จากเดิม 60 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง ใช้งบลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท 2.) ลงทุนซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในบริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด (NBD) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยอีกประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีนในการบริโภคเพิ่มขึ้นเป็น 600 ตันต่อวัน จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 300 ตันต่อวัน โดยการขยายกำลังการผลิตโรงงานทั้งสองแห่งคาดว่าจะแล้วเสร็จเริ่มเดินเครื่องจักรในต้นปี 2568           ทั้งนี้ เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบในประเทศในปี 2567-2569 ที่คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 3%-5% ต่อปี จากความต้องการใช้อย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อกลั่นเป็นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ในอุตสาหกรรมอาหารที่มีแนวโน้มเติบโต 3-4% ต่อปีตามการฟื้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยว, อุตสาหกรรมไบโอดีเซล ที่คาดว่าจะมีความต้องการใช้ 5-5.5 ล้านลิตรต่อวัน เติบโตเฉลี่ย 6%-7% ต่อปี จากความต้องการใช้ยานยนต์ดีเซลในภาคขนส่งที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะธุรกิจ E-commerce เป็นต้น           นอกจากนี้ PCE ยังเพิ่มการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ และส่งออกน้ำมันไบโอดีเซล ไปยังประเทศจีนและอินเดีย และมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการทำตลาดต่างประเทศเป็น 50% ภายในปี 2568 จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 36% โดย PCE มีศักยภาพและความพร้อม เพราะนอกจากจะเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร ยังมีบริการคลังสินค้า ท่าเทียบเรือ และให้บริการขนส่งสินค้าทางรถและทางเรือเอง จึงสามารถส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ครบครันแบบ One Stop Service ซึ่งเป็นจุดเด่นและความได้เปรียบ และพร้อมที่จะก้าวสู่ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในระดับประเทศ           ทั้งนี้ จากสถานการณ์เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันบริษัทฯ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนในการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ เนื่องจากประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซียซึ่งเป็นคู่แข่งทางการค้า มีเป้าหมายใช้น้ำมันไบโอดีเซลในประเทศเพิ่มขึ้น จึงเรียกเก็บภาษีการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธ์ไปจำหน่ายยังประเทศอินเดียและจีนในระดับที่สูง ขณะที่ PCE มีความได้เปรียบทางการค้า เพราะสามารถส่งออกน้ำมันปาล์มดิบไปจำหน่ายที่ประเทศอินเดียได้อย่างเสรี ประกอบกับปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบของทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซียที่ส่งออกไปจำหน่ายในตลาดโลกมีไม่มากนัก สวนทางกับความต้องการที่มีปริมาณสูงขึ้น จึงส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ทำให้บริษัทฯ ได้รับประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าว และเชื่อว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4 /2567 ยังสามารถเติบโตได้ดี           สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3/2567 คาดว่ารายได้จะเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และมั่นใจว่าในปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในทุกภาคส่วน ทั้งในและต่างประเทศตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ โดยในงวด 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ปี 2567 มีรายได้รวมอยู่ที่ 12,921.47 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 211.97 ล้านบาท

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

[Gossip] APM ควง PCE ออกงาน Dinner Talk จ.สุราษฎร์ธานี

[Gossip] APM ควง PCE ออกงาน Dinner Talk จ.สุราษฎร์ธานี

          หลังนำ เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ได้ไม่นาน FA มือทอง ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ และสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แห่ง แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ (APM) จูงมือ บอสใหญ่แห่ง PCE นำโดยประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วย พรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ ร่วมงานผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน จ. สุราษฎร์ธานี (Dinner Talk) เพื่ออัพเดทข้อมูลของบริษัท โดยแย้มข่าวดีรายได้ปี 67 โตตามเป้า พร้อมยังเผยแผนงานในอนาคตที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอีกด้วย