#OR


OR คว้า SET ESG Ratings ระดับสูงสุด “AAA” 2ปี ต่อเนื่อง

OR คว้า SET ESG Ratings ระดับสูงสุด “AAA” 2ปี ต่อเนื่อง

          หุ้นวิชั่น - OR ได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ที่ระดับสูงสุด “AAA” ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินงานธุรกิจตามวิสัยทัศน์ “Empowering All toward Inclusive Growth: OR เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโต ร่วมกัน”           ม.ล. ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ (OR) เปิดเผยว่า OR ได้รับการประเมินผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ที่ระดับสูงสุด “AAA” ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เนื่องด้วย OR ให้ความสำคัญของภาคธุรกิจในการเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม และส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ดี พร้อมความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน สะท้อนการดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสีย โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) เพื่อสร้างความเข้มแข็งและการเติบโตที่ยั่งยืน ความสำเร็จในปีนี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจ และตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจของ OR เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อบรรลุเป้าหมาย OR 2030 ที่ครอบคลุมทั้งในมิติของสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ ผ่านการบูรณาการโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เข้าสู่การดำเนินธุรกิจของ OR ไม่ว่าจะเป็น โครงการ “ไทยเด็ด”  ซึ่งสนับสนุนช่องทางการขายสินค้าชุมชนทั่วประเทศผ่านสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น (PTT Station) โครงการ “Café Amazon for Chance” ที่มุ่งสร้างโอกาสให้สังคม ผ่านการพัฒนาอาชีพให้แก่ผู้ด้อยโอกาส เป็นต้น นอกจากนี้ OR ยังขยายความแข็งแกร่งให้ธุรกิจต้นน้ำผ่านการริเริ่มโครงการอุทยาน         คาเฟ่อเมซอน (Café Amazon Park) ที่ จ. ลำปาง ตลอดจนพัฒนา “โครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน” เพื่อส่งเสริมการปลูกกาแฟควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ ด้วยความตั้งใจและมีเป้าหมายสำคัญเพื่อขยายผลองค์ความรู้การทำงานพัฒนาการปลูกและการผลิตกาแฟร่วมกับภาคีเครือข่ายในอีกหลายพื้นที่เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่ที่ยังขาดโอกาสในการพัฒนาทักษะความรู้ได้มีองค์ความรู้ในการประกอบอาชีพอย่างยั่งยืน และนำเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพจากเกษตรกรไทยมาจำหน่ายในร้าน Café Amazon ซึ่งช่วยสร้างรายได้ให้กับสังคมชุมชน รวมถึงการเปิดจุดรับซื้อและโรงแปรรูปเมล็ดกาแฟที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ที่ได้รับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรชุมชนในพื้นที่แล้วกว่า 370 ตัน ซึ่งนอกจากจะเป็นโรงงานแปรรูปเมล็ดกาแฟต้นแบบแล้ว ยังสร้างการเติบโตร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืนตามแนวทาง OR SDG           การได้รับการจัดอันดับ AAA จาก SET ESG Ratings สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ OR ในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม เราจะยังคงเดินหน้าสร้างคุณค่าร่วมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน ม.ล. ปีกทอง กล่าวทิ้งท้าย [PR News]

OR มอบของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ไม่ขึ้นราคาน้ำมัน 7 วัน

OR มอบของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ไม่ขึ้นราคาน้ำมัน 7 วัน

         พีทีที สเตชั่น มอบของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 เติมเต็มความสุขให้คนไทย ไม่ขึ้นราคาน้ำมันทุกชนิดระหว่างวันที่ 27 ธ.ค. 2567 – 2 ม.ค. 2568 รวม 7 วัน และหากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดก็จะปรับลดราคาน้ำมันลง เตรียมความพร้อมให้ พีทีที สเตชั่น ทุกแห่งมีน้ำมันเพียงพอในช่วงเทศกาล พร้อมมอบสิทธิพิเศษจากร้านค้าในเครือ OR ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้ก๊าซหุงต้ม ปตท. และคาเฟ่ อเมซอน ตลอดช่วงเทศกาลแห่งความสุข          ม.ล. ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่กำลังจะมาถึงนี้ OR ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเดินทางท่องเที่ยว และการเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยได้สำรองน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และคลังน้ำมันของ OR ทั่วประเทศให้เพียงพอ และจะไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมันเป็นเวลา 7 วัน ระหว่างวันที่ ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 - 2 มกราคม 2568 ถึงแม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้น และหากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง OR ก็จะปรับราคาน้ำมันลงด้วย พร้อมทั้งจัดเตรียมให้ พีทีที สเตชั่น เป็นจุดแวะพักที่จะช่วยเติมเต็มความสุขให้ทั้งผู้คน สังคม และชุมชน ตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่นี้          นอกจากนี้ OR ยังได้เตรียมมอบสิทธิพิเศษเพื่อเติมเต็มความสุขให้ผู้บริโภค เป็นของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ด้วยโปรโมชั่นพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และร้านค้าต่าง ๆ ในเครือ OR ดังนี้ • สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น จัดโปรโมชันพิเศษ เมื่อเติมน้ำมันทุกชนิดครบ 500 บาท รับฟรี น้ำดื่ม 1 ขวด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 30 เมษายน 2568 และพิเศษสำหรับลูกค้าที่เติมน้ำมัน Super Power ครบ 1,200 บาท รับฟรี หมวก GODJI Limited Edition 1 ใบ ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2567- 25 มกราคม 2568 รวมทั้ง เมื่อเติมน้ำมันทุกชนิดครบ 100 บาทขึ้นไป รับฟรี ประกันอุบัติเหตุคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2567 - 3 มกราคม 2568 นอกจากนี้ สำหรับกลุ่มรถใหญ่ เมื่อเติมน้ำมันทุกชนิดครบ 150 ลิตร รับส่วนลด 0.50 บาทต่อลิตร หรือ เมื่อเติมครบ 200 ลิตร รับส่วนลด 0.60 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 -31 มกราคม 2568 • สำหรับลูกค้า ก๊าซหุงต้ม ปตท. รับส่วนลดในการซื้อก๊าซหุงต้ม ปตท. เมื่อสั่งผ่านแอปพลิเคชัน OR LPG สำหรับการสั่งครั้งแรก รับทันทีส่วนลด 100 บาท เพียงกรอกโค้ดส่วนลด NEW100 และสามารถกดรับคูปองส่วนลดพิเศษ อีก 30 บาท นอกจากนี้ สมาชิก Blue Card ยังสามารถรับโค้ดส่วนลด 40 บาท ได้จาก แอปพลิเคชัน xplORe ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 - 31 มกราคม 2568 • ศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้ จัดโครงการ "FIT Auto Tune up ฟิตรถรับปีใหม่" ให้บริการตรวจเช็ครถยนต์ฟรี 35 รายการ บริการเติมลมไนโตรเจน และปะยางแบบแทงไยไหมฟรี พร้อมโปรโมชันพิเศษรับส่วนลดสินค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันเครื่องเกรด 10,000 กิโลเมตร เริ่มต้น 690 บาท ฟรี! ค่าแรงและไส้กรองน้ำมันเครื่อง รวมทั้ง ส่วนลด 10% สำหรับไส้กรองอากาศ ส่วนลดสูงสุด 15% สำหรับไส้กรองแอร์ และส่วนลดสูงสุด 20% สำหรับบริการล้างแอร์ด้วยกล้อง Micro Cam และบริการเติมน้ำยาแอร์ รวมทั้งเมื่อซื้อยางรถยนต์ 2 เส้น แถมฟรี 2 เส้น เฉพาะรุ่น ระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 – 15 มกราคม 2568 ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน ช่วยลดมลพิษจากฝุ่น PM 2.5 และเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทางช่วงปีใหม่อย่างอุ่นใจ • พิเศษสำหรับลูกค้า คาเฟ่ อเมซอน เมื่อซื้อเครื่องดื่มคาเฟ่ อเมซอน เมนูใดก็ได้ 1 แก้วรับฟรี หน้ากากผ้าอนามัย Café Amazon Limited Edition1 ชิ้น ณ ร้านคาเฟ่ อเมซอน ที่ร่วมรายการ 30 สาขา ที่ตั้งอยู่บริเวณจุดรอยต่อสู่ภูมิภาคและจังหวัดใหญ่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2567 - 1 มกราคม 2568          ในปี 2567 ที่ผ่านมา OR ขอขอบคุณผู้บริโภคทุกท่านที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์ของ OR อย่างดียิ่งมาโดยตลอด OR พร้อมอยู่เคียงข้างคนไทยในทุกช่วงเวลาด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ครบครัน และยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจเพื่ออำนวยความสะดวกผู้เดินทาง ตลอดจนสร้างทางเลือกที่หลากหลายสำหรับการดำเนินชีวิตแบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกไลฟสไตล์ และสำหรับในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ พีทีที สเตชั่น ร้าน คาเฟ่ อเมซอน ทุกสาขา รวมทั้งร้านค้าต่าง ๆ ในเครือ OR พร้อมอยู่เคียงข้าง เติมเต็มความสุข และเป็นจุดแวะพักเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าระหว่างการเดินทางสำหรับทั้งคนและรถให้เดินทางต่ออย่างปลอดภัย ในเทศกาลปีใหม่นี้ OR ขอให้ทุกท่านใช้ความระมัดระวังในการขับรถเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง และขอให้ทุกท่านเดินทางถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพและมีความสุขตลอดเทศกาลแห่งความสุขนี้ ม.ล. ปีกทอง กล่าวในตอนท้าย

‘ดิษทัต’ ทิ้งท้ายวิชั่น OR สร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน

‘ดิษทัต’ ทิ้งท้ายวิชั่น OR สร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน

         หุ้นวิชั่น - "ทุกความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นเพียง Milestone ไม่ใช่เส้นชัย เราต้องพร้อมปรับตัว Disrupt ตัวเองก่อนถูก Disrupt และเตรียมพร้อมรับคลื่นลูกใหม่แห่งนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อน OR สู่วิสัยทัศน์ 'Empowering All toward Inclusive Growth' ในการเป็นองค์กรที่เสริมสร้างโอกาสเพื่อทุกการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน” นายดิษทัต กล่าว          นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้แบ่งปันมุมมองและประสบการณ์การทำงานจากจุดเริ่มต้นในสายงานเทรดดิ้ง ปตท. สู่การก้าวขึ้นเป็นผู้นำ OR โดยได้วางรากฐานสำคัญขององค์กรผ่านแนวคิด RISE OR ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ (R - Result-oriented) การตัดสินใจอย่างชาญฉลาด (I - Intelligence) การร่วมกันทำร่วมกันเติบโต (S - Synergy) และการสร้าง Mindset แห่งความเป็นเจ้าของธุรกิจ (E - Entrepreneurship)          พร้อมผลักดันการเปลี่ยนแปลงในการทำงานขององค์กร โดยส่งเสริมให้บุคลากรก้าวออกจาก Comfort Zone ที่จำกัดอยู่ในพื้นที่ความถนัดเดิม สู่ Growth Zone ที่เปิดรับโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพใหม่ ๆ และวางกลยุทธ์การพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งด้านโครงสร้างการดำเนินงาน การเตรียมโครงสร้างความพร้อมสำหรับบุคลากรใน OR การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพทั้งภายในและภายนอกองค์กร และการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยเฉพาะการผลักดันให้เกิด Digital Transformation ด้วยการเป็นบริษัทแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่บูรณาการการจัดการระหว่างธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกด้วยระบบ SAP S/4HANA ใน 2 อุตสาหกรรม พร้อมพัฒนาระบบติดตามและควบคุมการดำเนินงานแบบศูนย์รวม (Dashboard Control Tower) ที่ช่วยให้มองเห็นภาพรวมการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่อุปทานและเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ รวมถึงต่อยอดสู่การพัฒนาสู่ธุรกิจใหม่ ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) ที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มจากข้อมูลทางธุรกิจ โดยร่วมมือกับพันธมิตร          OR ได้เสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศธุรกิจในหลายด้าน โดยเฉพาะการพัฒนาด้าน Mobility ผ่านการเป็น Thailand Mobility Partner ที่ขยายเครือข่าย EV Station PluZ ให้ครอบคลุม 77 จังหวัด ควบคู่กับการผลักดันการใช้เชื้อเพลิงการบินแบบยั่งยืน (SAF) ร่วมกับการบินไทย เวียตเจ็ทแอร์ และบางกอกแอร์เวย์ส พร้อมทั้งปรับ Mode การขนส่งโดยเพิ่มการใช้ขนส่งทางท่อแทนทางรถยนต์หรือรถไฟ เพื่อการบริหารจัดการด้านระบบ Logistic ให้ Optimization มากที่สุด นอกจากนี้ ยังได้พัฒนา Retail Mixed-Use Platform รูปแบบใหม่ผ่าน PTT Station Flagship ที่มีธุรกิจ Non-oil ถึง 80% และต่อยอดสู่ OR Space ที่มุ่งเน้นธุรกิจ Non-oil 100% รองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ควบคู่ไปกับความสำเร็จในธุรกิจไลฟ์สไตล์ โดย Café Amazon ทำยอดขายกว่า 1 ล้านแก้วต่อวัน พร้อมขยายความแข็งแกร่งให้ธุรกิจต้นน้ำผ่าน Café Amazon Park ที่ จ. ลำปาง รวมถึงการเปิดจุดรับซื้อและโรงแปรรูปเมล็ดกาแฟที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ที่ได้รับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรชุมชนในพื้นที่แล้วกว่า 370 ตัน ซึ่งนอกจากจะเป็นโรงงานแปรรูปเมล็ดกาแฟต้นแบบแล้ว ยังสร้างการเติบโตร่วมกับชุมชนตามแนวทาง OR SDG ด้วยการพัฒนาระบบ KALA Application เพื่อรวบรวมข้อมูลเกษตรกร พื้นที่ปลูก และคุณภาพเมล็ดกาแฟ นอกจากนี้ ยังเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจไลฟ์สไตล์ผ่านการเปิดร้าน found&found แบรนด์เฮลท์แอนด์บิวตี้รีเทลรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรักสุขภาพและความงาม โดยวางแผนขยายเป็น 10 สาขาในปี 2025 พร้อมทั้งบริหารพอร์ตโฟลิโออย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ EBITDA Margin ปรับเพิ่มขึ้นจาก 27% เป็น 30%          นอกจากนี้ OR ยังเดินหน้าขยายการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยวางรากฐานผ่านการลงทุนใน PTT (Cambodia) หรือ PTTCL ในฐานะ Second Homebase พร้อมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ทั้ง Marine Terminal และสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่ถนนหุนเซนบูเลอวาร์ด ควบคู่กับการต่อยอดโครงการ Project ONE ในประเทศฟิลิปปินส์ หรือ PTTPC ที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันแข็งแกร่งภายในกลุ่ม ปตท. นอกจากนี้ยังขยายโอกาสทางธุรกิจสู่เวียดนาม ผ่านการสร้างฐานธุรกิจ LPG แห่งใหม่ และขยายแหล่งจัดหาเมล็ดกาแฟใน สปป. ลาวเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น          นายดิษทัต เปิดเผยว่า "ทุกความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นเพียง Milestone ไม่ใช่เส้นชัย เราต้องพร้อมปรับตัว Disrupt ตัวเองก่อนถูก Disrupt และเตรียมพร้อมรับคลื่นลูกใหม่แห่งนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อน OR สู่วิสัยทัศน์ 'Empowering All toward Inclusive Growth' ในการเป็นองค์กรที่เสริมสร้างโอกาสเพื่อทุกการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน”          ทั้งนี้ นายดิษทัตได้เน้นย้ำถึงหลักคิดสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรว่า การจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้นั้น ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงตนเองก่อน ต้องกล้าที่จะ Disrupt ตัวเองก่อนที่จะถูก Disrupt จากภายนอก พร้อมเตรียมรับมือกับคลื่นลูกใหม่แห่งนวัตกรรมและแพลตฟอร์ม ไม่รอให้อนาคตมาถึงแต่ต้องลงมือสร้างอนาคตเอง และที่สำคัญคือต้องสื่อสารพันธกิจขององค์กรให้ชัดเจนและสม่ำเสมอ สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของ OR ในการก้าวสู่บทใหม่แห่งการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

CIB ร่วมกับ OR แถลงผลปฏิบัติการทลายเครือข่ายผลิตถังก๊าซปลอมรายใหญ่

CIB ร่วมกับ OR แถลงผลปฏิบัติการทลายเครือข่ายผลิตถังก๊าซปลอมรายใหญ่

          หุ้นวิชั่น - พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) และ นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ร่วมแถลงผลปฏิบัติการบุกทลายโรงบรรจุปิโตรเลียมเหลวผิดกฎหมายรายใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมาและขอนแก่น รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 4 ล้านบาท           พลตำรวจโท จิรภพ กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ประสานกับ OR เข้าตรวจค้นโรงบรรจุก๊าซห้างหุ้นส่วนจำกัด ธัญญะเศรษฐ์ 2017 จังหวัดนครราชสีมา และห้างหุ้นส่วนจำกัด ธัญญะเศรษฐ์ 2015 จังหวัดขอนแก่น และโกดังที่ตั้งอยู่หลังโรงบรรจุก๊าซห้างหุ้นส่วนจำกัด ธัญญะเศรษฐ์ 2015 โดยสามารถตรวจยึดหลักฐาน ได้แก่ เครื่องจักรและอุปกรณ์ซึ่งน่าเชื่อได้ว่าใช้เป็นแหล่งผลิตถังก๊าซหุงต้มผิดกฎหมาย พร้อมถังก๊าซหุงต้มปลอมที่มีเครื่องหมายการค้า “ก๊าซหุงต้ม ปตท.” ถังก๊าซปลอมเครื่องหมาย มอก. ถังก๊าซหุงต้ม ปตท. ที่หมดอายุ และเครื่องจักรพร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตถังก๊าซหุงต้มผิดกฎหมาย รวมของกลางทั้งถังปลอมและถังก๊าซหุงต้ม ปตท. ที่ถูกลักลอบบรรจุน้ำก๊าซซึ่งยึดได้ทั้งหมดกว่า 1,500 ใบ มูลค่าความเสียหายกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหลายฉบับ ทั้ง พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 พ.ร.บ.ควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ โดยเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป รวมถึงจะตรวจสอบการกระทำความผิดโรงบรรจุก๊าซที่ลักลอบปลอมถังก๊าซหรือลักลอบบรรจุข้ามยี่ห้อทั่วประเทศ ตามที่มีข้อมูลและเบาะแสอย่างต่อเนื่อง           นายดิษทัต เปิดเผยว่า OR ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในการให้เบาะแส กรณีถังก๊าซหุงต้ม ปตท. ถูกลักลอบนำไปบรรจุน้ำก๊าซ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน เพื่อดำเนินการทางกฎหมาย และได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ CIB ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์เตือนภัย ร้านค้าก๊าซหุงต้ม และประชาชนในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและนครราชสีมา เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องอันตรายจากถังก๊าซหุงต้มผิดกฎหมาย พร้อมแนะนำวิธีสังเกตถังก๊าซหุงต้ม ปตท. ของแท้ต้องปิดผนึกวาล์วด้วย “ซีลทอง QR” ซึ่งจะมีรหัส 10 หลักอยู่ด้านล่างคิวอาร์โค้ด สัญลักษณ์การันตีความปลอดภัยและรับประกันว่าถังก๊าซใบนั้นเป็นถังก๊าซหุงต้ม ปตท. ที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยตามกฎหมายและได้รับการบรรจุน้ำก๊าซคุณภาพจากผู้แทนจำหน่ายของ OR อย่างแท้จริง และเพื่อความมั่นใจผู้บริโภคควรซื้อผลิตภัณฑ์ ก๊าซหุงต้ม ปตท. จากร้านค้าตัวแทนก๊าซหุงต้ม ปตท. (ค้นหาร้านค้าตัวแทนใกล้บ้านได้ที่ www.pttlpgshops.com) จุดจำหน่ายก๊าซหุงต้ม ปตท. ในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น หรือสั่งซื้อจากแอปพลิเคชัน OR LPG เท่านั้น           ทั้งนี้ “ก๊าซหุงต้ม ปตท.” เป็นแบรนด์ก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ดำเนินการโดย OR และได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอย่างดียิ่งมาโดยตลอด “ก๊าซหุงต้ม ปตท.” ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้บริโภคอย่างสูงสุด โดยมีโรงซ่อมบำรุงถังก๊าซหุงต้ม ปตท. ที่กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศเพื่อรองรับการทดสอบและซ่อมบำรุงถังก๊าซรวมกว่า 3 ล้านใบต่อปี เพื่อให้มั่นใจว่าถังก๊าซทุกใบต้องผ่านการควบคุมคุณภาพตามมาตรฐาน มอก. อย่างเข้มงวด และได้รับการรับรองจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และขอเน้นย้ำให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการใช้ถังก๊าซหุงต้มของแท้ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพ เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อร่วมกันปราบปรามผู้กระทำผิดและห่วงใยความปลอดภัยจากการใช้งานก๊าซหุงต้มในสังคมไทย หากพบเห็นการจำหน่ายถังก๊าซหุงต้ม ปตท. ที่น่าสงสัยว่าเป็นของปลอมหรือผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ. 1135 ตลอด 24 ชั่วโมง

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

OR เร่งช่วย 4 จังหวัดใต้ มอบความช่วยเหลือกว่า 1.25 ล้านบาท

OR เร่งช่วย 4 จังหวัดใต้ มอบความช่วยเหลือกว่า 1.25 ล้านบาท

            บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เร่งให้ความช่วยเหลือ 4 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ประกอบด้วยจังหวัด สงขลา นราธิวาส ยะลา และปัตตานี โดยสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงมูลค่า 500,000 บาท ให้แก่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมจัดเตรียมถุงยังชีพ 1,900 ถุง และก๊าซหุงต้ม ปตท. 200 ถัง มูลค่า 90,000 บาท รวมมูลค่าความช่วยเหลือทั้งสิ้นกว่า 1.25 ล้านบาท             ทั้งนี้ OR ได้ร่วมกับผู้แทนจำหน่ายก๊าซหุงต้ม ปตท.ส่งมอบก๊าซหุงต้ม 100 ถัง ให้ศูนย์รับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จังหวัดสงขลา รวมทั้งได้ส่งมอบก๊าซหุงต้ม ปตท. ให้แก่หน่วยทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อใช้ในโรงครัวชั่วคราวที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี นอกจากนี้ ยังร่วมกับผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น จังหวัดสงขลา สนับสนุนน้ำดื่ม อุปกรณ์ทำความสะอาด น้ำประปา 1,200 ลิตร และน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถและเรือกู้ภัย คันละ 1,000 บาท รวมมูลค่ากว่า 62,000 บาท             ความช่วยเหลือครั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของ OR ที่ก่อนหน้านี้ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน 7 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ทั้งนี้ OR ยืนยันจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยจะร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน [PR News]

DSI ชี้ PTT-OR อยู่ในขั้นสืบสวน ยันเอกสารที่เผยแพร่สื่อ ไม่ใช่ของ DSI

DSI ชี้ PTT-OR อยู่ในขั้นสืบสวน ยันเอกสารที่เผยแพร่สื่อ ไม่ใช่ของ DSI

PTT-OR ชี้ ข่าว DSI บิดเบือนความจริง ลุยทางกฎหมายปกป้องชื่อเสียง

PTT-OR ชี้ ข่าว DSI บิดเบือนความจริง ลุยทางกฎหมายปกป้องชื่อเสียง

หุ้นวิชั่น - บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (“ปตท.”) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะกล่าวอ้างว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ “สรุปสำนวนเชื่อว่า” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (“ปตท.”) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (“OR”) (รวมเรียกว่า “ผู้บริหารฯ”) เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่ลิงก์จากต่างประเทศเพื่อให้ดาวน์โหลดหนังสือจากกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น ปตท. ขอเรียนชี้แจงดังนี้ 1. ข่าวดังกล่าวมีที่มาจากการที่มีตัวแทนของกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริต โดยได้เข้ามาถือหุ้นในบริษัทในเครือของ ปตท. เพียง 100 หุ้น เพื่อใช้เป็นฐานในการยื่นฟ้องคดีผู้บริหารฯ ต่อศาล โดยใช้ข้อกล่าวหาที่ปราศจากมูลความจริง และมีเจตนาสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของ ปตท. บริษัทในเครือ ปตท. และผู้บริหารฯ 2. ข่าวดังกล่าวมีเนื้อหาที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง หนังสือของกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้นเป็นเพียงเอกสารที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวนำมาอ้างเป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ปัจจุบัน ศาลยังไม่ได้รับคำฟ้องดังกล่าว และกรมสอบสวนคดีพิเศษยังไม่ได้มีการสรุปสำนวนตามที่มีการกล่าวอ้างในข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด 3. ปตท. เชื่อว่าข่าวดังกล่าวเป็นความพยายามของกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริต ซึ่งพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมทั้งพยายามกล่าวหาและโจมตีผู้บริหารฯ มาโดยตลอด โดยกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริตดังกล่าวได้ยื่นเรื่องตามที่ปรากฏเป็นข่าวต่อ ปตท. ให้ ปตท. ตรวจสอบในปี 2566 ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบของ ปตท. และคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทจดทะเบียนในเครือ ปตท. ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอีก 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวหาแล้ว ผลการตรวจสอบปรากฏว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวปราศจากมูลความจริง ธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของการดำเนินธุรกิจตามปกติและเป็นไปเพื่อประโยชน์ของทั้ง OR และบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) 4. การกระทำของกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริตในการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ มีลักษณะเป็นการกระทำที่มีเป้าประสงค์เพื่อบ่อนทำลายชื่อเสียงของ ปตท. กลุ่มบริษัทในเครือของ ปตท. และผู้บริหารฯ ผ่านกลยุทธ์ที่สะท้อนถึงความไม่โปร่งใส และเจตนาแอบแฝง เช่น การเริ่มต้นเผยแพร่หรือแชร์เอกสารผ่านบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็น “บัญชีอวตาร” ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นบัญชีปลอมหรือไม่สามารถระบุตัวตนผู้ใช้ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีการใช้ลิงก์จากต่างประเทศเพื่อให้ดาวน์โหลดหนังสือของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบและการดำเนินการทางกฎหมาย 5. ปตท. อยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายเพื่อปกป้องชื่อเสียงของกลุ่ม ปตท. ขอให้นักลงทุนใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ และหลีกเลี่ยงการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลที่อาจบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด สร้างความเสียหายต่อกลุ่ม ปตท. และส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น โดยสถานการณ์ดังกล่าวอาจเปิดโอกาสให้กลุ่มบุคคลบางกลุ่มแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ไม่เหมาะสม ในขณะที่ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับผลกระทบด้านลบ นักลงทุนจึงควรตรวจสอบและพิจารณาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือก่อนตัดสินใจดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ท้ายนี้ ปตท. ขอยืนยันในความมุ่งมั่นต่อการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล และจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ขณะ ที่ OR ระบุว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะกล่าวอ้างว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ “สรุปสำนวนเชื่อว่า” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (“OR”) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (“ปตท.”) (รวมเรียกว่า “ผู้บริหารฯ”) เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่ลิงก์จากต่างประเทศเพื่อให้ดาวน์โหลดหนังสือจากกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น OR ขอเรียนชี้แจงดังนี้ 1. ข่าวดังกล่าวมีเนื้อหาที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง หนังสือของกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น เป็นเพียงเอกสารที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวนำมาอ้างเป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ปัจจุบันศาลยังไม่ได้รับคำฟ้องดังกล่าว และกรมสอบสวนคดีพิเศษเองก็ยังไม่ได้มีการสรุปสำนวนตามที่มีการกล่าวอ้างในข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด 2. OR เชื่อว่าข่าวดังกล่าวเป็นความพยายามของกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริต ซึ่งพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมทั้งพยายามกล่าวหาและโจมตีผู้บริหารฯ มาโดยตลอด โดยกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริตดังกล่าวได้ยื่นเรื่องตามที่ปรากฏเป็นข่าวต่อ OR ให้ตรวจสอบในปี 2566 ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบของ OR และคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ปตท., บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) และบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GGC) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวหาแล้ว ผลการตรวจสอบปรากฏว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวปราศจากมูลความจริง ธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของการดำเนินธุรกิจตามปกติ และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของทั้ง OR และ GGC 3. การกระทำของกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริตในการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ มีลักษณะเป็นการกระทำที่มีเป้าประสงค์เพื่อบ่อนทำลายชื่อเสียงของผู้บริหารฯ ผ่านกลยุทธ์ที่สะท้อนถึงความไม่โปร่งใสและเจตนาแอบแฝง เช่น การเริ่มต้นเผยแพร่หรือแชร์เอกสารผ่านบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็น “บัญชีอวตาร” ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นบัญชีปลอมหรือไม่สามารถระบุตัวตนผู้ใช้ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีการใช้ลิงก์จากต่างประเทศเพื่อให้ดาวน์โหลดหนังสือของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบและการดำเนินการทางกฎหมาย 4. OR จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายที่เหมาะสม เพื่อปกป้องสิทธิ ชื่อเสียง และผลประโยชน์ของกิจการ รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียของ OR ทั้งนี้ ขอให้นักลงทุนใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข่าวสารที่ได้รับ และหลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและความเสียหายต่อ OR และส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น โดยสถานการณ์ดังกล่าวอาจเปิดโอกาสให้กลุ่มบุคคลบางกลุ่มแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ไม่เหมาะสม ในขณะที่ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับผลกระทบด้านลบ นักลงทุนจึงควรตรวจสอบและพิจารณาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือก่อนตัดสินใจดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน OR ขอยืนยันในความมุ่งมั่นต่อการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล และจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

OR เสริมความแกร่งธุรกิจ เปิดร้าน found & found สาขาที่ 5

OR เสริมความแกร่งธุรกิจ เปิดร้าน found & found สาขาที่ 5

          หุ้นวิชั่น - นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR พร้อมด้วย นายไกรพิท เปรมมณี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจไลฟ์สไตล์ และนายณัฐพล ชูจิตารมย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออาร์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนส จำกัด (ORHW) ร่วมเปิดตัวร้าน found & found สาขาที่ 5 ณ ศูนย์การค้าแพชชั่น ช้อปปิ้งเดสติเนชั่น ระยอง อย่างเป็นทางการ โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหารบริษัทในกลุ่ม ปตท. ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ นายคิงก้วย หวง กรรมการผู้บริหารสูงสุดและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท คอนวี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ร่วมแสดงความยินดี found & found สาขาแพชชั่น ระยอง นับเป็นสาขาแรกในภูมิภาค สะท้อนกลยุทธ์การขยายเครือข่ายธุรกิจสู่ภูมิภาค โดยเริ่มด้วยพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของภาคตะวันออก โดยก่อนหน้านี้ได้เปิดให้บริการแล้ว 4 สาขาในกรุงเทพฯ ได้แก่ สาขา EnCo ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์, สาขา พีทีที สเตชั่น สายไหม 56, สาขา พีทีที สเตชั่น บรมราชชนนี 97, และสาขา OR Space รามคำแหง 129 ซึ่งแสดงถึงวิสัยทัศน์ของ found & found ในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านสุขภาพและความงามที่ครบครันสำหรับทุกคน พร้อมตั้งเป้าขยายเครือข่ายให้ครอบคลุม 500 สาขา ตลอดจนเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้ถึง 5,000 รายการ ภายในปี 2573

OR ได้รับเครื่องหมายรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ Café Amazon ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจสีเขียว

OR ได้รับเครื่องหมายรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ Café Amazon ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจสีเขียว

  หุ้นวิชั่น - Café Amazon ได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมระดับประเทศทั้ง CFP และ CFR จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) สำหรับผลิตภัณฑ์กว่า 12 รายการ ตอกย้ำความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามแนวคิด OR SDG นายรองเพชร บุญช่วยดี รองผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. มอบเครื่องหมายรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint Product: CFP) และเครื่องหมายรับรองลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint Reduction: CFR) ให้แก่ นางสาววรรณวิสาข์ สู่ศุภอรรถ ผู้จัดการฝ่ายบริหารความยั่งยืนและคุณภาพ ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม และนางวิไล บุญเจริญชัย ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์และการตลาดคาเฟ่อเมซอน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ณ ห้องประชุม Ownership Centerศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ อาคารบี ชั้น 1   การได้รับการรับรองครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ OR ในการดำเนินการตามแนวคิด OR SDG โดยเฉพาะด้าน G – GREEN โอกาสเพื่อสังคมสะอาด ที่มุ่งผลักดันให้ธุรกิจทุกประเภทของ OR เป็นธุรกิจสีเขียว โดยผลิตภัณฑ์ Café Amazon ที่ได้รับการรับรอง CFP ครอบคลุมทั้งเครื่องดื่ม Iced Black Coffee กาแฟคั่วเต็มเมล็ด กาแฟดริปและดริปแต่งกลิ่น และกาแฟแคปซูลและแคปซูลแต่งกลิ่น รวมทั้งสิ้น 12 รายการ นอกจากนี้ ยังมี 3 ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่าร้อยละ 2 จากปีฐานตามเกณฑ์การพิจารณาเครื่องหมาย CFR จนได้รับเครื่องหมายดังกล่าว ได้แก่ Café Amazon Drip Coffee Signature, Café Amazon Coffee Capsule Amazon Signature และ Café Amazon Coffee Capsule Amazon Selected ซึ่งทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์นี้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 13 % สำหรับกาแฟดริปและมากกว่า 30% สำหรับกาแฟแคปซูลตามลำดับ   การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง OR และสถาบันนวัตกรรม ปตท. ในการรวบรวมข้อมูลตั้งแต่การปลูกกาแฟ การขนส่ง การผลิตจากกลุ่มโรงงานภายในศูนย์ธุรกิจไลฟ์สไตล์คาเฟ่ อเมซอน หรือ OASYS จนผลิตภัณฑ์ถึงมือลูกค้า รวมถึงการจัดการของเสียที่เกิดขึ้นหลังการบริโภค ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้ได้ผ่านการทวนสอบโดยผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์   ทั้งนี้ เครื่องหมายรับรอง CFP และ CFR  สะท้อนวิสัยทัศน์ของ OR ในการเป็นผู้นำด้านธุรกิจสีเขียวที่ยั่งยืน พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรายอื่น หันมาใส่ใจการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับสังคมไทย

OR หนุนพัฒนาเยาวชน  ชู OR Seeding the Future ASEAN Camp

OR หนุนพัฒนาเยาวชน ชู OR Seeding the Future ASEAN Camp

หุ้นวิชั่น - นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR พร้อมด้วย นายรชา อุทัยจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านธุรกิจต่างประเทศ OR ร่วมเปิดโครงการค่ายเยาวชน “OR Seeding the Future ASEAN Camp 2024” ผ่านแนวคิด "Z-Leads: Business Game Changer" ณ ห้องประชุม Multiverse ชั้น 10 อาคารซี ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์           นายดิษทัต กล่าวว่า OR ได้จัดโครงการค่ายเยาวชนเป็นปีที่ 8 เพื่อเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา ระดับอุดมศึกษา จากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนที่ OR ได้เข้าไปดำเนินธุรกิจอยู่ ได้แก่ ไทย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว และเมียนมา ทั้งที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยในประเทศไทยและในประเทศของตน จำนวน 50 ราย โดยผ่านการคัดเลือกจากผลงานสื่อวีดีโอแสดงวิสัยทัศน์ตามหัวข้อที่กำหนดพร้อมแนะนำตนเอง เพื่อสนองตามนโยบายและทิศทางกลยุทธ์ของ OR ในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายในการเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก (Global Brand) ซึ่งเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะได้รับความรู้ และประสบการณ์ระดับนานาชาติ ผ่านการสร้างเครือข่ายเยาวชนในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนเป็นการสร้างโอกาสในการคัดสรรบุคลากรเพื่อเข้าร่วมงานกับบริษัทในเครือของ OR ที่ดำเนินการอยู่ในภูมิภาคอาเซียน และพัฒนาไปสู่เครือข่ายทรัพยากรบุคคลในกลุ่มประเทศสมาชิก AEC จากกลุ่มเยาวชนสมาชิกค่ายที่มีศักยภาพ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาศักยภาพเยาวชนเพื่อช่วยพัฒนาประเทศในอนาคต นอกจากนี้ กลุ่มเยาวชนจะได้มีโอกาสทัศนศึกษาดูงานการดำเนินธุรกิจของ OR และกลุ่ม ปตท. ในประเทศไทย รวมถึงได้ร่วมฝึกงานกับ OR และบริษัทในเครือที่อยู่ในประเทศนั้นๆ เพื่อได้เรียนรู้ประสบการณ์การทำงานจากสถานการณ์จริง ซึ่งจะช่วยให้เยาวชนได้พัฒนาทักษะทางการคิด ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ศักยภาพในด้านต่าง ๆ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมระหว่างประเทศ รวมถึงการสร้างเครือข่ายเยาวชนที่แน่นแฟ้นในหมู่เยาวชนในประเทศอาเซียน โครงการ OR Seeding the Future ASEAN Camp ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพเยาวชนอาเซียน แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนในประเทศที่ OR ดำเนินธุรกิจอยู่ ผ่านการสร้างความเข้าใจในธุรกิจและวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้นการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน ซึ่งสะท้อนผ่านวิสัยทัศน์ "Empowering All toward Inclusive Growth" หรือ "เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน " โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์ OR กับคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคในอนาคต

abs

Hoonvision

GC, OR และ TG ผนึกกำลัง! ผลักดัน SAF ขับเคลื่อนการบิน

GC, OR และ TG ผนึกกำลัง! ผลักดัน SAF ขับเคลื่อนการบิน

หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC, บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR และ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TG ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญผ่านการลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อผลักดันการใช้ด้านเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) หรือ SAF ภายใต้พันธกิจร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมการบิน สอดคล้องกับมาตรฐานระดับโลกที่กำหนดโดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization) หรือ ICAO เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นประเทศที่คาร์บอนต่ำ ความร่วมมือระหว่าง GC, OR และ TG ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการวิจัยและพัฒนาการผลิต รวมถึงส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิง SAF ตั้งแต่การใช้วัตถุดิบจากของเสียทางการเกษตร การตรวจสอบคุณภาพเชื้อเพลิง ไปจนถึงการจำหน่าย และการใช้ในการชดเชยการปล่อยคาร์บอน (Carbon Offsetting) ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการขยายการใช้พลังงานสะอาดในอุตสาหกรรมการบินไทย อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงการนำแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals - SDGs) มาปฏิบัติจริง ผลิตภัณฑ์ SAF ไม่เพียงแต่ช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของการเดินทางทางอากาศ แต่ยังเสริมสร้างการตระหนักรู้ในระดับสากลถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแนวทาง ESG ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ           คุณทศพร บุณยพิพัฒน์ ผู้จัดการใหญ่ GC เปิดเผยว่า GC ภูมิใจที่ได้เป็นองค์กรผู้บุกเบิกการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel - SAF) โดยใช้การแปรรูปน้ำมันพืชใช้แล้ว (Used Cooking Oil: UCO) ร่วมกับน้ำมันดิบ ภายใต้โครงการ Biorefinery เป็นรายแรกของประเทศ  ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโรงกลั่นชีวภาพ GC จึงสามารถนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการผลิต SAF ในระดับเชิงพาณิชย์ได้โดยไม่ต้องสร้างโรงงานขึ้นมาใหม่ โดยในระยะแรกมีกำลังการผลิต 5,000 ตัน หรือ 6 ล้านลิตรต่อปี และจะขยายเป็น 25,000 ตัน หรือ 24 ล้านลิตรต่อปีในอนาคต ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 15,000 ตันต่อปีในระยะแรก และ 60,000 ตันต่อปีในระยะที่สอง  กระบวนการนี้ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนการแปรรูปวัสดุชีวภาพ แต่ยังสร้างความมั่นใจว่าอุตสาหกรรมการบินไทยจะสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก และมีส่วนร่วมสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน เรามั่นใจว่าการนำนวัตกรรมนี้มาใช้จะช่วยสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมตอบโจทย์ความท้าทายด้านพลังงานในยุคปัจจุบันได้อย่างสมบูรณ์แบบ           คุณสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่บริษัท OR เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังระหว่าง OR ในฐานะผู้นำการจำหน่ายน้ำมันอากาศยานของไทย และการบินไทย (TG) ในฐานะสายการบินชั้นนำ รวมทั้ง GC ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล โดย OR มีความมั่นใจในความสามารถที่จะให้บริการด้านการจำหน่าย การจัดส่ง และรองรับเทคโนโลยีเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) โดย OR และ GC ได้ร่วมพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ยั่งยืนสำหรับการผสม SAF โดยนำกระบวนการ Co – Processing ของ GC มาใช้ในอุตสาหกรรมการบินเป็นครั้งแรกเพื่อรองรับนโยบายการบังคับใช้ SAF ของประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ความต้องการเพิ่มสูงขึ้น ด้วยระบบโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่งของ OR ที่ครอบคลุมการจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงอากาศยานทั่วประเทศ OR จึงมีความพร้อมในการจัดส่ง SAF ไปยังทุกภูมิภาคของประเทศไทย และด้วยความร่วมมือร่วมกับการบินไทย (TG) เพื่อใช้ SAF ในเที่ยวบินของการบินไทยทั้งเส้นทางบินในประเทศและต่างประเทศ ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ธุรกิจยั่งยืน จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพื่อแสดงถึงการตระหนักในความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและการร่วมลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งสามารถบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคการบินระหว่างประเทศตามข้อบังคับของ ICAO ในอนาคต รวมทั้งยังสอดคล้องกับแนวคิดการดำเนินธุรกิจของ OR ที่มุ่งสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน OR SDG เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี พ.ศ. 2608   คุณเฉิดโฉม เทอดสถีรศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการบัญชี การบินไทย  เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาการใช้พลังงานทางเลือก โดยเฉพาะ         อย่างยิ่ง เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF ถือเป็นทางเลือกที่สำคัญในการช่วยลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ที่ต้องการบรรลุ Net Zero ภายในปี พ.ศ.2593  การบินไทยในฐานะสายการบินชั้นนําของประเทศไทยจะได้ทํางานเคียงข้างกับ OR และ GC  โดยมีเป้าหมายที่จะร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และทักษะเทคโนโลยีในการผลิต การใช้งาน และการรักษาคุณภาพของเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน รวมถึงการทํางานร่วมกันในการพิจารณาโครงการใหม่ๆ ในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือก สําหรับการดำเนินธุรกิจอากาศยานของไทย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการบินไทยให้ก้าวไปข้างหน้าในทิศทางที่ยั่งยืน ความร่วมมือในการผลักดันการใช้ SAF ของ GC, OR และ TG ไม่เพียงเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมการบินไทย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ลดผลกระทบต่อโลก พร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้กับภาคธุรกิจทั่วโลกในการร่วมมือเพื่อการเติบโตอย่างสมดุล ด้วยความตั้งใจที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว สามองค์กรชั้นนำนี้ยังตั้งเป้าหมายที่จะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมพลังงานและการบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะไม่หยุดเพียงแค่ SAF แต่ยังขยายไปสู่การสำรวจและพัฒนาโครงการพลังงานทางเลือกอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบินในอนาคต เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และนวัตกรรมด้านพลังงานที่สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นผู้นำในความพยายามสร้างโลกที่ดีขึ้นให้กับทุกคน

OR แนวโน้ม Q4 เชิงบวก ชิงส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันคืน

OR แนวโน้ม Q4 เชิงบวก ชิงส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันคืน

          หุ้นวิชั่น – บล.กรุงศรี มอง OR “slightly positive” ต่อข้อมูลจากที่ประชุมนักวิเคราะห์ ทิศทางธุรกิจมีแนวโน้มฟื้นตัว i) Mobility การชิงส่วนแบ่งตลาดน้ำมันกลับมามีโอกาสเป็นไปตามคาด หลังบริษัทเริ่มใช้การตลาดเชิงรุก (เติมน้ำมันแจกทองทุกสัปดาห์ ซึ่งผู้บริหารชี้แจงว่าการตอบรับดี) ii) Lifestyle ยอดขายต่อบิลเติบโต y-y, q-q แม้ลดการใช้ promotion สะท้อนกำลังซื้อฟื้นตัว และประสบความสำเร็จในการเพิ่มยอดขาย non-F&B และ iii) Global ยังมีโอกาสในการขยายตลาดฟิลิปปินส์และลดค่าใช้จ่ายในตลาดกัมพูชา ทั้งนี้เราคงคำแนะนำ Trading Buy ที่ TP25F = 17.0 บาท ประเด็นจากที่ประชุมนักวิเคราะห์ - ตั้งเป้าลดค่าใช้จ่าย 3,000 ลบ. เพื่อเพิ่มการทำกำไรในสภาวะการแข่งขันสูง ผ่านการ i) เน้นการทำการตลาดที่หนุนปริมาณขายโดยตรง เช่น เติมน้ำมันแจกทองทุกสัปดาห์ ระยะเวลา 3 เดือน (23 ต.ค. 24 – 17 ธ.ค. 24) เป็นต้น และ ii) ลดค่าใช้จ่าย outsource โดยใช้ digital platform และ Automation ทดแทน รวมถึงการบริหารจัดการ port การลงทุน โดยหยุดการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ทำกำไร และหาการลงทุนใหม่เข้ามาหนุน eco-system คาดคืบหน้าใน 1H25 - ธุรกิจ Mobility อยู่ระหว่างทำการตลาดเชิงรุกเพิ่มส่วนแบ่งตลาด คาดเห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q24 ที่เริ่มใช้ promotion แจกทองทุกสัปดาห์ งบรวม 30 ลบ. และได้รับผลตอบรับดี คาดมี promotion ออกมาต่อเนื่อง รวมถึงคงเป้าเปิดสาขา Mobility 90-100 แห่งใน 2024 (9M24 เพิ่มไป 23 สาขา) ทั้งนี้ในด้านของการบริหารคลังน้ำมัน คาดว่า Digital dashboard (เริ่มใช้ ธ.ค. 2024) จะช่วยลดการเก็บสินค้าในคลังได้ และลดผลกระทบช่วงราคาน้ำมันผันผวน - ธุรกิจ Lifestyle มุ่งเพิ่ม ticket size จากยอดขาย non-food & beverage โดยช่วง 3Q24 โตได้ราว 10% y-y, 4% q-q และสัดส่วน non-F&B เพิ่มจาก 11% เป็น 13% ทั้งนี้ คงเป้าเปิดสาขาคาเฟ่ อเมซอน 300 แห่ง ใน 2024 (9M24 เปิดไปแล้ว 158 สาขา) - ธุรกิจ Global มุ่งเจาะตลาดฟิลิปปินส์ต่อเนื่อง ผู้บริหารมองว่ายังมีโอกาสขยายตลาดฟิลิปปินส์เพิ่มจากการขยายฐานลูกค้า (9M24 ปริมาณขายน้ำมัน +26% y-y Vs. ภาพรวม Global +14% y-y) ส่วนกัมพูชาสามารถหาคู่ค้ามาร่วมใช้คลังน้ำมันช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายคงที่ ส่วนลาวแม้มีการกลับมาควบคุมราคาน้ำมันทำให้ปรับราคาได้ยาก แต่ยังทำกำไร - คงเป้าขยาย Health & Wellness (found & found) เป็น 10 สาขาภายใน 2025 โดยปัจจุบันเริ่มเปิดไปแล้ว 5 สาขา ทุกสาขาทำกำไรขั้นต้นได้หมด ทั้งนี้หากประสบความสำเร็จจากช่วงทดลองเปิด 10 สาขา จะนำ success model ไปเพิ่มเป็น 500 แห่งภายใน 2030 คาดหวังรายได้ต่อสาขา/ปีราว 0.6-1.0 ลบ. และ EBITDA ราว 25% ความเห็นและคำแนะนำ - เรามีมุมมอง slightly positive ต่อข้อมูลที่ได้รับจากงานประชุมนักวิเคราะห์ i) ทิศทางปริมาณขายน้ำมัน Mobility มีแนวโน้มฟื้นต่อเนื่องใน 4Q24-2025F หาก promotion แจกทองประสบความสำเร็จต่อเนื่อง และทำให้ลดความกังวลของตลาดประเด็นการสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดน้ำมัน (ฝั่งสถานีบริการฯ) ii) ธุรกิจ Lifestyle อยู่ในทิศทางเติบโตตามการขยายสาขาและเพิ่มยอดขายต่อบิล แม้จะใช้ promotion น้อยลง และ iii) ธุรกิจ Global มีแนวโน้มเพิ่มอัตรากำไรได้จากการเพิ่ม economies of scale (Vs. เราให้อัตรากำไรทรงตัว โตแค่ปริมาณขาย) - คงคำแนะนำ Trading Buy ที่ TP25F = 17.0 คงมุมมอง 4Q24-2025F ฟื้นตัวต่อเนื่องจากการเร่งเปิดสาขาช่วงปลายปี, การปรับตัวทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้นในการฟื้นส่วนแบ่งตลาดน้ำมัน, ขาดทุนจากร้านอาหารลดลง รวมถึงกำไรขั้นต้นต่อลิตรมีแนวโน้มฟื้นตัวในสภาวะที่ต้นทุนน้ำมันลดลง

OR เปิดแผนปฏิรูปดิจิทัล  มุ่งยกระดับธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกสู่อนาค

OR เปิดแผนปฏิรูปดิจิทัล มุ่งยกระดับธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกสู่อนาค

           OR เปิดตัวแผนปฏิรูปดิจิทัล หรือ Digital Transformation Journey ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล มุ่งยกระดับธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกสู่อนาคต พร้อมสร้างโอกาสใหม่และเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ และการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ            นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า OR ในฐานะผู้นำธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกชั้นนำของประเทศประกาศความพร้อมเพื่อก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านองค์กรครั้งสำคัญ ผ่านเส้นทางการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล หรือ“Digital Transformation Journey” ที่จะครอบคลุมในทุกมิติของการดำเนินธุรกิจ โดยมีเป้าหมายที่การเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรและการส่งเสริมเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทั้งกลุ่มธุรกิจ Mobility และ Lifestyle เพื่อส่งเสริมการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ ตลอดจนเพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และสร้างประสบการณ์ที่ดีสำหรับผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การบริหารสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ (Real Time) การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Advanced Data Analytics) เพื่อการตัดสินใจ ไปจนถึงการพัฒนาบริการใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค            นายภากร สุริยาภิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจดิจิทัลและโซลูชัน OR เปิดเผยว่า การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งนี้จะเป็นมากกว่าการนำเทคโนโลยีมาใช้ โดยเป็นการปรับวัฒนธรรมองค์กรให้พร้อมรับมือกับอนาคต ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยธุรกิจต่าง ๆ และเพิ่มความสามารถในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด ทั้งยังเสริมสร้างพอร์ตโฟลิโอธุรกิจด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการกระจายสินค้าและการสร้างประสบการณ์เชิงดิจิทัลให้แก่ลูกค้า รวมถึงการเปิดโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ ผ่านการร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับผู้พัฒนานวัตกรรม เช่น ธุรกิจ Virtual Bank และธุรกิจกาแฟ เป็นต้น            OR ยังมุ่งมั่นในการพัฒนาบุคลากร และปลูกฝังวัฒนธรรมดิจิทัลให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร หรือ OR DNA ตลอดจนสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม เพื่อให้การปฏิรูประบบดิจิทัลในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกของไทย และช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมต่อไป

OR เผยผลการดำเนินงาน 9 เดือนของปี 2567 มีกำไรสุทธิ 4,651 ล้านบาท

OR เผยผลการดำเนินงาน 9 เดือนของปี 2567 มีกำไรสุทธิ 4,651 ล้านบาท

           หุ้นวิชั่น - OR เผยภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือนของปี 2567 มีกำไรสุทธิ 4,651 ล้านบาท ซึ่งปรับลดลง โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจ Mobility ที่ผลประกอบการลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลกและสภาพตลาดที่แข่งขันสูง รวมทั้งปริมาณการขายที่ลดลง สวนทางกับกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ที่ผลการดำเนินงานแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากมีรายได้ขายและบริการเพิ่มขึ้น 8.1% และกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสือมราคา ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA ) เพิ่มขึ้น 5.2% อีกทั้ง OR มีภาพรวมค่าใช้จ่ายดำเนินการปกติสุทธิปรับลดลง 4.6% ตามการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ คาดไตรมาส 4 จะปรับตัวดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจตามสภาพเศรษฐกิจและการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี            นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน 9 เดือนของปี 2567 OR มีกำไรสุทธิ 4,651 ล้านบาท ลดลง 57.3% รายได้ขายและบริการ 538,054 ล้านบาท ลดลง 39,024 ล้านบาท หรือลดลง 6.8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แม้ว่ากลุ่มธุรกิจ Mobility จะมีผลประกอบการอ่อนตัวลงตามสภาพการแข่งขันและแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง แต่กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีรายได้ขายและบริการเพิ่มขึ้น 1,316 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นของทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่มและธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ และมี EBITDA จำนวน 12,779 ล้านบาท ลดลง 5,904 ล้านบาท หรือลดลง 31.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยลดลงจากกลุ่มธุรกิจ Mobility และกลุ่มธุรกิจ Global ที่ภาพรวมผลประกอบการที่อ่อนตัวลงจากราคาน้ำมันในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม EBITDA ของกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ปรับเพิ่มขึ้นจากธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม ถึงแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายพิเศษ (Extra Item) เนื่องจากการยุติธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น โดย OR มีเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่มรวม 4,462 สาขา ไม่ว่าจะเป็น Café Amazon, Pearly Tea และ Pacamara Coffee Roasters โดย Café Amazon มีปริมาณจำหน่าย 9 เดือน รวม 299 ล้านแก้ว  เพิ่มขึ้น  8.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดยอดปริมาณจำหน่าย 1 ล้านแก้วต่อวัน            ทั้งนี้ ด้วยสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ OR ต้องปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจให้เหมาะสม เพื่อให้ทุกการตัดสินใจลงทุน ยังได้รับผลตอบแทนการลงทุนที่เหมาะสม โดยปัจจุบัน OR อยู่ระหว่างการประเมินทบทวนความเหมาะสมของ Investment portfolio เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง โดยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา OR ได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ และได้พิจารณาที่จะยุติการดำเนินธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น และขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท อิ่มทรัพย์ โกลบอล คูซีน จำกัด เกิดผลขาดทุนและค่าใช้พิเศษที่เกี่ยวข้อง (Extra Item) รวม 552 ล้านบาท และเชื่อมั่นว่าการตัดสินใจดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาว ช่วยสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและผลตอบแทนที่เหมาะสมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน เพื่อสร้างโอกาสใหม่และเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ OR จะยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงแสวงหาพันธมิตรที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายในการมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในการเป็นผู้นำธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่มของ OR ต่อไป            สำหรับการดำเนินธุรกิจของ OR ในไตรมาส 4 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจตามสภาพเศรษฐกิจ ที่มีแนวโน้มขยายตัวจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ซึ่งมีวันหยุดและมีการเดินทางสูง รวมไปถึงการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจของ OR ในทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจ Mobility ทั้งในด้านการขายปลีกน้ำมันผ่านสถานีบริการ PTT Station รวมไปถึงการจำหน่ายน้ำมันอากาศยาน กลุ่มธุรกิจ Lifestyle และกลุ่มธุรกิจ Global ตามแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มขยายตัว            นายดิษทัต เพิ่มเติมว่า OR ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาให้ปรับปรุงการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร ทั้งในด้านการดำเนินการ การบริหารต้นทุน และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ รวมไปถึงเสริมสร้างและเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้า และได้เริ่มการเปลี่ยนแปลงทางดิจิตอล หรือ Digital Transformation ที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนของการดำเนินธุรกิจ ผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลายรูปแบบ โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงเทคโนโลยีกับกระบวนการทำงานหลักของธุรกิจและสร้างระบบนิเวศที่รองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ยกระดับธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกให้ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล พร้อมมุ่งสร้างโอกาสใหม่และเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ พร้อมมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน            ด้านการดูแลชุมชน ในช่วงสถานการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา OR ได้ผนึกกำลังกับหน่วยงานต่างๆ ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง มอบถุงยังชีพและสิ่งของจำเป็นให้แก่ชุมชนในพื้นที่ จ.ลำปาง จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ รวมถึงสนับสนุนก๊าซหุงต้ม ปตท. ในการประกอบอาหารที่โรงครัวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรม “โออาร์ อาสาสานสุข” ในหลายพื้นที่ ช่วยดูแลชุมชนที่อยู่โดยรอบสถานประกอบการของ OR โดยขับเคลื่อนทั้งธุรกิจ ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม​ให้เดินหน้าไปได้พร้อม ๆ กันอย่างยั่งยืน            ล่าสุด OR ได้รับรางวัล Highly Commended Sustainability Awards จาก SET Awards 2024 ในฐานะหุ้นยั่งยืนระดับ AAA ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจของ OR เพื่อสร้างความเข้มแข็งและการเติบโตอย่างยั่งยืน เคียงข้างชุมชน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทาง ESG ทั้ง 3 มิติ ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และและการกำกับดูแลที่ดีผ่านการลงมือปฏิบัติจริงตามแนวทาง OR SDG

OR เปิดตัว

OR เปิดตัว "OR Space รามคำแหง 129" มิติใหม่ของศูนย์การค้า “พื้นที่ความสุข ครบทุกไลฟ์สไตล์ใกล้บ้านคุณ”

          OR Space รามคำแหง 129 มิติใหม่ของศูนย์การค้า พื้นที่แห่งความสุขที่จะเติมเต็มความสุขให้ทุกคน พรั่งพร้อมด้วยสินค้าและบริการที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความสะดวกสบาย กลมกลืน เข้าถึงง่าย และเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน           นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR และนายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ OR พร้อมด้วยครอบครัวเซลิบริตี้ชื่อดัง ปุ้มปุ้ย - พรรณทิพา อรุณวัฒนชัย กวินท์ ดูวาล และ ไซอัสบลู - สกาย ดูวาล ร่วมฉลองพิธีเปิด "OR Space รามคำแหง 129" ศูนย์การค้าแนวใหม่นอกสถานีบริการน้ำมันด้วยแนวคิด “Convenience Mall” บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ ณ ถนนรามคำแหง แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร อย่างเป็นทางการ โดย OR มุ่งมั่นนำเสนอสินค้าและบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมทั้งพัฒนารูปแบบร้านค้าและขยายสาขาเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้อย่างครอบคลุมในทุกมิติ และมีแผนการขยายสาขา OR Space อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ ทั้งนี้ เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา OR ได้เปิดให้บริการ OR Space เณรแก้ว สุพรรณบุรี ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี           นายดิษทัต เปิดเผยว่า ในปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป OR จึงได้ใช้กลยุทธ์ในการปรับรูปแบบการบริหาร physical platform จากการดำเนินธุรกิจน้ำมันผ่านสถานีบริการ PTT Station ไปสู่การดำเนินธุรกิจค้าปลีก โดยการพัฒนา Retail Mixed-use Platform ที่มีสัดส่วน Non-oil 100% และก้าวสู่ธุรกิจศูนย์การค้าอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และนับเป็นการก้าวเข้าไปสู่การเติบโตในธุรกิจแนวใหม่ จากการที่ OR เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ อีกทั้งยังมีความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจค้าปลีกอยู่แล้ว           สำหรับ “OR Space รามคำแหง 129” ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ เป็นศูนย์การค้ารวบรวมสินค้าและบริการครบครันเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนในชุมชน โดดเด่นด้วยร้านยูนิโคล่ โรดไซด์ (Uniqlo Roadside) ดีไซน์ใหม่แห่งแรกในประเทศไทย และยังเป็นสาขาแรกในต่างประเทศที่ถอดแบบมาจากร้านยูนิโคล่ สาขามาเอะบาชิ (Maebashi) และนิชิบะ (Nishiiba) ประเทศญี่ปุ่น พร้อมด้วยแบรนด์ชั้นนำในเครือ OR อาทิ Café Amazon, found & found, Pacamara และ Otteri รวมถึงสถานีชาร์จ EV Station PluZ ที่มีจุดชาร์จไฟฟ้าถึง 6 ช่องจอด พร้อมด้วยร้านค้าพันธมิตรชั้นนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร เช่น หวังฝูข้าวต้มปลา ราดหน้าฟาไฉ เป็นต้น บริการด้านสุขภาพและความงาม เช่น The One Relax & Spa ร้านขายยา Fascino และแว่นท็อปเจริญ ตลอดจนพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อน เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน ตลอดจนการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้คน ชุมชน สิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืน (Sustainability) ด้วยแนวคิด "All Lifestyle Pulse, Community Heartbeat" เพื่อให้ “OR Space” เป็นพื้นที่แห่งความสุขที่ครบทุกไลฟ์สไตล์ใกล้บ้านคุณ           ภายในงานยังมีการเสวนาพิเศษ โดย นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR และ นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ OR ร่วมพูดคุยกับครอบครัว ปุ้มปุ้ย - พรรณทิพา อรุณวัฒนชัย กวินท์ ดูวาล และไซอัสบลู - สกาย ดูวาล เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย และมิติใหม่ของ OR Space ที่ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ OR Space รามคำแหง 129 พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ พิเศษ! ในโอกาสเปิดตัวอย่างเป็นทางการ OR จัดโปรโมชั่นพิเศษ เพียงรวมใบเสร็จจากการซื้อสินค้าหรือบริการภายในโครงการ ครบ 800 บาท รับฟรี! ครีมอาบน้ำ Melsavon ขนาด 460ML หรือครบ 500 บาท รับฟรี! โฟมล้างหน้า S-Select Clay Facial Cleansing Foam ขนาด 160 กรัม จากร้าน found & found (จำกัด 1 สิทธิ์ ต่อท่าน ต่อวัน) พร้อมรับคูปองส่วนลดมูลค่า 50 บาท เพื่อใช้ในร้าน found & found เมื่อซื้อสินค้าขั้นต่ำ 399 บาท ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม 2567

บล.ทรีนีตี้ ปรับเป้าหมาย OR ปี 68 ที่ 18 บ.

บล.ทรีนีตี้ ปรับเป้าหมาย OR ปี 68 ที่ 18 บ.

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คงคำแนะนำ “ซื้อ” OR แต่ปรับราคาเป้าหมายไปปี 2568 ที่ 18.00 บาท อิง PER ที่ 17x ประเมินระยะสั้นราคาหุ้นอาจถูกกดดันจากแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนแอ ทั้งนี้คาดบริษัทจะรายงานขาดทุนใน 3Q24 ที่ -1.3 พันล้านบาท โดยเป็นผลมาจากไตรมาสคาดว่าจะมีการรับรู้ Stock lossที่ค่อนข้างสูงจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมาเร็วและรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงมีรับรู้ค่าใช้จ่ายในการปิด Taxus Chicken ราว 500 ล้านบาทและคาดว่าจะมี Fx loss จากเงินบาทที่แข็งค่า           ฝ่ายวิเคราะห์มีการปรับลดประมาณการกำไรปี 2024 ลงเหลือ 7.3 พันล้านบาทจากการปรับปริมาณขายเป็นหดตัว -6% จากเดิม +5% และรวมผลของ Extra Item และ stock loss ที่เกิดขึ้น

OR คว้ารางวัล Highly Commended Sustainability Awards จาก SET Awards 2024

OR คว้ารางวัล Highly Commended Sustainability Awards จาก SET Awards 2024

          OR คว้ารางวัล Sustainability Awards ในระดับ Highly Commended Sustainability Awards จาก SET Awards 2024 ตอกย้ำความสำเร็จการพัฒนาอย่างยั่งยืน สร้างการเติบโตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผ่านแนวคิด OR SDG เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 อย่างมีประสิทธิภาพ           ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธี มอบรางวัล SET Awards 2024 ในระดับ Highly Commended Sustainability Awards จากกลุ่มรางวัล Sustainability Excellence ให้แก่ นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ซึ่งจัดขึ้น ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สะท้อนถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมยืนยันความเป็นเลิศทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม นายดิษทัต กล่าวว่า "ปัจจุบัน OR ได้รับผลการประเมินหุ้นยั่งยืน (SET ESG Ratings) ที่ระดับสูงสุด “AAA” ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร และในปีนี้ OR คว้ารางวัล Highly Commended Sustainability Awards จาก SET Awards 2024 รางวัลนี้เป็นความภาคภูมิใจของพนักงาน OR ทุกคน และเป็นแรงผลักดันให้เราพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง ตามวิสัยทัศน์ 'Empowering All toward Inclusive Growth' หรือ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน” ซึ่ง OR มุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างคุณค่าให้กับทุกภาคส่วนของสังคม ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำในทุกกระบวนการทางธุรกิจ           OR ได้ดำเนินการตามแนวคิด OR SDG ซึ่งครอบคลุมทั้ง 3 ด้านสำคัญ ด้าน "S" หรือ "Small" มุ่งเน้นการให้โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก ผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ “โครงการ Café Amazon for Chance” ที่สร้างโอกาสการจ้างงานให้กับผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส และ “โครงการไทยเด็ด” ที่สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยผ่านการเปิดพื้นที่ขายสินค้าในสถานีบริการ PTT Station เป็นต้น ด้าน "D" หรือ "Diversified" เน้นการสร้างโอกาสเพื่อการเติบโตในทุกรูปแบบ อาทิ การเปิดตัว “OR Space” แพลตฟอร์มพื้นที่รูปแบบใหม่ที่รวบรวมไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย และ “found&found” ธุรกิจค้าปลีกด้านสุขภาพและความงาม ส่วนด้าน "G" หรือ "Green" มุ่งสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน อาทิ โครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนที่ อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกกาแฟควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ โดย OR ได้จัดตั้งจุดรับซื้อและโรงแปรรูปเมล็ดกาแฟคาเฟ่ อเมซอน เพื่อเป็นจุดรับซื้อเมล็ดกาแฟกะลาอะราบิกาจากเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟโดยตรงในพื้นที่ภาคเหนือ สร้างความยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังพัฒนาสถานีชาร์จ EV Station PluZ เพื่อรองรับการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้า และมุ่งสู่การเป็นธุรกิจคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Business) ตามเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593           SET Awards นับเป็นเวทีแห่งเกียรติยศที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยร่วมกับวารสารการเงินธนาคารจัดขึ้นเพื่อประกาศเกียรติคุณและเชิดชูองค์กรที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจ ทั้งบริษัทจดทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน โดยในปี 2567 มีการมอบรางวัลใน 2 กลุ่มหลัก คือ Sustainability Excellence สำหรับองค์กรที่มีความเป็นเลิศด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ Business Excellence สำหรับองค์กรที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม

[PR News] OR ลุยพลังงานสะอาด มุ่งสู่การเป็นผู้นำ SAF

[PR News] OR ลุยพลังงานสะอาด มุ่งสู่การเป็นผู้นำ SAF

          นายทรงพล เทพนำโสมนัสส์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจเอนเนอร์ยี่โซลูชัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ร่วมถ่ายทอดแนวคิดของ OR ในฐานะผู้บุกเบิกการพัฒนาเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ในประเทศไทย ในงาน "Thai Aviation Sustainability Day" ณ หอประชุม ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 7 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ           นายทรงพล กล่าวว่า OR ในฐานะผู้นำตลาดในธุรกิจน้ำมันอากาศยานของไทยด้วยส่วนแบ่งตลาด 54% ที่พร้อมเดินหน้ามุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ระดับประเทศ ด้วยประสบการณ์กว่า 49 ปีในวงการการบินของประเทศไทย OR ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งประกอบด้วยคลังน้ำมันอากาศยาน 7 แห่ง และสถานีเติมน้ำมันอากาศยานกว่า 12 แห่งทั่วประเทศ โดยทั้งหมดดำเนินงานภายใต้มาตรฐาน JIG Standard (Joint Inspection Group Standard) ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล นอกจากนี้ OR ยังอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อขอรับการรับรองมาตรฐาน Sustainability Certification จาก ISCC (International Sustainability and Carbon Certification) ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 ซึ่งจะทำให้สามารถเริ่มจำหน่าย SAF ได้ในไตรมาสแรกของปี 2568 และ OR มีความมั่นใจในความสามารถที่จะให้บริการด้านการจำหน่าย การจัดส่ง และรองรับเทคโนโลยีเชื้อเพลิงอากาศยาน โดย OR และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ร่วมพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ยั่งยืนสำหรับการผสม SAF โดยนำกระบวนการ Co – Processing ของ GC มาใช้ในอุตสาหกรรมการบินเป็นครั้งแรก เพื่อรองรับนโยบายการบังคับใช้ SAF ของประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ความต้องการเพิ่มสูงขึ้น ด้วยระบบโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่งของ OR ที่ครอบคลุมการจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงอากาศยานทั่วประเทศ OR จึงมั่นใจในการจัดส่ง SAF ไปยังทุกภูมิภาคของประเทศไทย           นอกจากนี้ การใช้ SAF ในอุตสาหกรรมการบิน ยังเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้สายการบินสามารถบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคการบินระหว่างประเทศตามข้อบังคับของ ICAO ในอนาคต และสอดคล้องกับนโยบายการเป็น Energy Solution Provider ของ OR ตลอดจนสอดคล้องกับแนวทาง OR SDG ในด้าน “G” หรือ “GREEN” ที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ครอบคลุมตลอดทั้งการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด สร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) เพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี พ.ศ.2608 รวมทั้งสร้างความยั่งยืนทางพลังงาน และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยอีกด้วย นายทรงพล กล่าวเสริมในตอนท้าย

[ภาพข่าว] OR ร่วมมอบถุงยังชีพเพื่อการศึกษา

[ภาพข่าว] OR ร่วมมอบถุงยังชีพเพื่อการศึกษา

          โออาร์ ร่วมกับกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ส่งต่อโอกาสทางการศึกษา มอบถุงยังชีพและอุปกรณ์กีฬาแก่เด็กนักเรียนที่ขาดแคลน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา มหาราชันย์ สานต่อความยั่งยืนสู่สังคมไทย           นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ พร้อมด้วย พลตรีสิทธิพร จุลปานะ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ร่วมมอบถุงยังชีพเพื่อการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ จำนวน 132 คน พร้อมทั้งมอบอุปกรณ์กีฬาให้แก่ 23 โรงเรียน ในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง           กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการความร่วมมือระหว่าง โออาร์ และกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ เพื่อสนับสนุนการศึกษาและส่งเสริมกิจกรรมกีฬาให้แก่เด็กนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา มหาราชันย์ โดยส่งมอบถุงยังชีพเพื่อการศึกษาและอุปกรณ์กีฬา ให้แก่เด็กนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ อ่างทอง ลพบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 432 คน จาก 72 โรงเรียน ซึ่งถือเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของ OR ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) สะท้อนถึงบทบาทสำคัญในการเป็นบริษัทชั้นนำที่ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นความสำเร็จทางธุรกิจ แต่ยังคำนึงถึงการสร้างคุณค่าร่วมกันกับชุมชนและสังคม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

[PR News] OR ร่วมแสดงความยินดีกับ OKJ เข้าตลาดหลักทรัพย์วันแรก

[PR News] OR ร่วมแสดงความยินดีกับ OKJ เข้าตลาดหลักทรัพย์วันแรก

          นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ร่วมแสดงความยินดีกับนายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ เจ้าของแบรนด์ “โอ้กะจู๋” ในโอกาสที่เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก (First Trading Day)           นายดิษทัต กล่าวว่า OR รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ OKJ ซึ่งเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของ OR เติบโตและสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ OKJ ที่จะเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดย OR เชื่อมั่นในศักยภาพและวิสัยทัศน์ของ OKJ ในการนำเสนออาหารเพื่อสุขภาพที่มีคุณภาพสูงให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health and Wellness) มากขึ้น และรักษาสัดส่วนการถือหุ้นที่ 20%           ทั้งนี้ การเข้าลงทุนใน OKJ สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ OR ในด้านไลฟ์สไตล์ที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage) และการเพิ่มสัดส่วนของ EBITDA สำหรับกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ รวมไปถึงการสรรหาพันธมิตรการลงทุนที่สามารถสร้างมูลค่าส่วนเพิ่มร่วมกัน (Synergy Creation) และมีสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยที่ผ่านมา OR และ OKJ ได้ร่วมมือกันในหลายด้าน อาทิ การขยายสาขาร้านอาหาร “โอ้กะจู๋” ในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น การจำหน่ายอาหารว่าง “Light Meal” เช่น แซนวิช สลัด Wrap ในร้านคาเฟ่ อเมซอน 458 สาขา การเข้าร่วมแคมเปญส่งเสริมการขายต่างๆ ของ OR ผ่านทาง blue+ การนำสินค้าของคาเฟ่ อเมซอน เข้าไปจำหน่ายในร้าน OKJ ตลอดจนการร่วมกันสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรผ่านโครงการต่างๆ  เช่น โครงการมอบพลาสติกคลุมโรงเรือน และแผงโซลาร์เซลล์ ให้แก่เกษตรกร เป็นต้น           OR หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเติบโตของ OKJ ในครั้งนี้จะสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่าย ซึ่งรวมไปถึงเกษตรกร และผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันต่อไปอย่างยั่งยืน

[PR News] GC จับมือ OR ร่วมพัฒนาเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero

[PR News] GC จับมือ OR ร่วมพัฒนาเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero

          30 กันยายน 2567 - กรุงเทพมหานคร: บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ลงนามบันทึกข้อตกลงในความร่วมมือกับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เพื่อศึกษาโอกาสทางการตลาดและกลยุทธ์การขายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินที่ยั่งยืนของประเทศไทย           GC มุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ ด้วยการกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ.2593 พร้อมผสานแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ควบคู่การกับพัฒนาธุรกิจ จึงเกิดการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ยั่งยืนด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับน้ำมันพืชใช้แล้ว (Used Cooking Oil: UCO) ผสานเทคโลยีการกลั่น ขั้นสูงสู่การผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF ซึ่งถือเป็นพลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable & Sustainable Energy ที่มีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม           OR กำหนดเป้าหมายมุ่งสู่การเป็น Energy Solution Provider ด้วยแนวทางการพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และขยายสู่อุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่สามารถผสมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF เข้ากับน้ำมัน JET โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ของเครื่องบิน เป็นหลักการเดียวกับการผสมเอทานอลกับน้ำมันเบนซิน หรือ การผสมไบโอดีเซลกับน้ำมันดีเซล ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมภาคการบินทั้งสายการบินในประเทศและสายการบินระหว่างประเทศได้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง SAF เพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี พ.ศ.2608           นายณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GC กล่าวว่า GC ในฐานะผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ มีความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐานและความเชี่ยวชาญด้านโรงกลั่นน้ำมัน โดยเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพโรงกลั่นสู่การผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานที่ยั่งยืนหรือ SAF จากน้ำมันพืชใช้แล้ว การบุกเบิกผลิตภัณฑ์ SAF ในเชิงพาณิชย์ สู่อุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย มีทั้งโอกาสและความท้าทาย ซึ่งความร่วมมือระหว่าง GC และ OR ในฐานะผู้นำด้านการตลาดและการจำหน่ายน้ำมันอากาศยานของไทย จะเป็นแรงผลักดันในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลังงานและอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นได้สำเร็จ           นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR กล่าวว่า "ความร่วมมือระหว่าง OR และ GC ในครั้งนี้ OR ในฐานะผู้นำการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานของไทย มุ่งมั่นที่จะแบ่งปันองค์ความรู้และประสบการณ์ร่วมกับ GC ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่มีการดำเนินงานด้านความยั่งยืนระดับสากล เพื่อศึกษาและนำน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF) จากกระบวนการ Co-Processing ของ GC มาใช้ในอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้สายการบินทั้งในประเทศและสายการบินระหว่างประเทศได้ใช้ SAF เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้ง ยังสอดคล้องกับเป้าหมาย Net Zero ของประเทศไทยภายในปี พ.ศ.2608 และยังเป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานของ ICAO และ IATA ในอนาคต นอกจากนี้ ความร่วมมือครั้งนี้ ยังสอดคล้องกับนโยบายการเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านพลังงาน (Energy Solution Provider) ของ OR เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกันต่อไป           GC และ OR ผนึกกำลังผสานจุดแข็งร่วมกันเพื่อยกระดับศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสู่การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน ในกลุ่ม ปตท. และร่วมผลักดันให้เกิดการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ส่งผลให้ตอบสนองความต้องการของตลาดในด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ