#OKJ


OKJ ปี68 ตั้งเป้า 157 สาขา คาดหนุนกำไรสุทธิโต 65%

OKJ ปี68 ตั้งเป้า 157 สาขา คาดหนุนกำไรสุทธิโต 65%

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บทวิเคราะห์ บล.ดาโอ แนะนำ “ถือ” OKJ และราคาเป้าหมายที่ 15.00 บาท อิง 2025E PER ที่ 25x (สูงกว่า peers ที่ 21x จากอัตราการเติบโตของกำไรที่สูงกว่า) หรือเทียบเท่า 2024E-26E PEG = 0.6x โดยเราชอบ OKJ จาก 1. เป็นร้านอาหารคุณภาพระดับ premium (อาหารและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแบบเกษตรอินทรีย์) 2. มีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่องจาก 57 สาขาในปี 2024E โดยตั้งเป้าที่ 157 สาขาในปี 2028E (โอ้กะจู๋จาก 41 เป็น 67 สาขา, Oh! Juice จาก 15 เป็น 70 สาขา และ Ohkajhu Wrap & Roll จาก 1 เป็น 20 สาขา)           บทวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิปี 2024E/25E ที่ 232/360 ล้านบาท เติบโต +65%/+55% ตามลำดับ หนุนโดยการขยายสาขา, GPM ขยายตัวจากระดับ 45% ในปี 2023 สู่ระดับ 46% ในปี 2026E จาก revenue contribution ในส่วนของ Oh! Juice และ Ohkajhu Wrap & Roll ที่มีบทบาทมากขึ้น โดยทั้งสองร้านมี GPM ที่ราว 55% ในขณะที่ร้าน โอ้กะจู๋ อยู่ที่ราว 45%-50% ส่วน SG&A to sale ประเมินมีสัดส่วนลดลงจากระดับ 34% ในปี 2023 เป็น 32% ในปี 2026E จาก economy of scale           ราคาหุ้น outperform SET +47% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา (เข้าเทรด 4 ต.ค. 2024) สะท้อนความคาดหวังผลประกอบการเติบโตเด่นในอนาคตจากการขยายสาขาที่มีต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เราประเมินราคาสะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปมาก และการเติบโตจะเริ่มเข้าสู่ช่วง deterioration rate จากฐานกำไรและจำนวนสาขาที่เริ่มทำฐานสูง ส่งผลให้ในอนาคต (หากขาดปัจจัยหนุนใหม่) การให้ valuation premium ที่มากกว่า peers ของตลาดจำเป็นต้องลดลง           เราจึงแนะนำเพียง “ถือ” Event: Initial Coverage ❑ ร้านอาหาร & เครื่องดื่ม และผู้ผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพระดับ premium ที่แบรนด์ โอ้กะจู๋ (OKJ) มี brand positioning / brand awareness ที่แข็งแรง ได้รับการตอบรับดีจากผู้บริโภคถึงความสดใหม่ของวัตถุดิบที่เป็นเกษตรอินทรีย์ (organic) คุณภาพ และรสชาติของอาหาร ซึ่งมีการปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ด้วยตัวเอง ผ่านการควบคุม/บริหารจัดการ value chain ของบริษัท ตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบ การบริหารจัดการครัวกลาง การบริหารจัดการสาขา ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพและประสิทธิภาพในแต่ละกระบวนการได้ ❑ ขยายสาขาต่อเนื่องในอุตสาหกรรมร้านอาหารในประเทศที่ยังเติบโตดี บริษัทมีแผนขยายสาขาต่อเนื่อง โดยเน้นในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ นับจากสิ้นปี 2024E ถึงปี 2028E ดังนี้ ร้าน โอ้กะจู๋ จาก 41 สาขา ขยายเพิ่มเป็น 67 สาขา ร้าน Oh! Juice จาก 15 สาขา เป็น 70 สาขา Ohkajhu Wrap & Roll จาก 1 สาขา เป็น 20 สาขา ในขณะที่คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมร้านอาหารในประเทศไทยจะยังคงเติบโตเฉลี่ย 9-12% CAGR 2022-28E ❑ แนวโน้มกำไรเติบโตแข็งแกร่ง เราประเมินกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 51% CAGR 2023-26E จากระดับ 141 ล้านบาทในปี 2023 สู่ระดับ 485 ล้านบาทในปี 2026E หนุนโดยการขยายสาขาที่ต่อเนื่อง และประเมินจะได้เห็นการขยายตัวของ GPM จากระดับ 45% ในปี 2023 สู่ระดับ 46% ในปี 2026E จาก revenue contribution ในส่วนของ Oh! Juice และ Ohkajhu Wrap & Roll ที่มีบทบาทมากขึ้น โดยทั้งสองร้านมี GPM ที่ราว 55% ในขณะที่ร้าน โอ้กะจู๋ อยู่ที่ราว 45%-50% ส่วน SG&A to sale ประเมินมีสัดส่วนลดลงจากระดับ 34% ในปี 2023 เป็น 32% ในปี 2026E จาก economy of scale Valuation/Catalyst/Risk เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2025E ที่ 15.00 บาท/หุ้น อิง EPS ปี 2025E ที่ 0.59 บาท และ PER ที่ 25x เราประเมิน PER premium เหมาะสมเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมจากแนวโน้มการเติบโตที่ดีกว่า (Earnings growth OKJ 2025E 55% VS Industry avg. 27%) ในขณะที่หากอิง PEG จะอยู่ที่ 0.6x (PER 25x, CAGR 2024E-26E 45%) Key catalyst คือการขยายสาขาเพิ่มเติม รวมถึงการเปิดตัวสินค้าใหม่

โอ๋กะจู๋ ไตรมาส 3/67 กำไรโต 100.8% แตะ60ล้านบาท

โอ๋กะจู๋ ไตรมาส 3/67 กำไรโต 100.8% แตะ60ล้านบาท

          หุ้นวิชั่น - โอ๋กะจู๋ หรือ OKJ รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 60.1 ล้านบาท และ 162.4 ล้านบาทสำหรับงวด 9 เดือน คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 9.4% และ 9.3% ตามลำดับ พร้อมเดินหน้าขยายสาขาและเปิดตัวแบรนด์ใหม่เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง ชูกลยุทธ์เสริมสร้างภาพลักษณ์ร้านอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อร่อยและหลากหลาย โดยการพัฒนาเมนูและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ           บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 60.1 ล้านบาท และ 162.4 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนปี 2567 ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 9.4% และ 9.3%  ตามลำดับ  บริษัทฯ มีรายได้จากการขายไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 633.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะเดียวกัน แม้บริษัทฯ จะมีการขยายสาขาเพิ่มในไตรมาส 3 ปี 2567 อัตราการเติบโตของรายได้จากการขายของสาขาเดิม (SSSG) ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเติบโต 16.8% สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโต คือ การขยายสาขาและช่องทางการจำหน่ายและการเปิดตัวแบรนด์ใหม่           ยอดขายไตรมาส 3 และยอดขายสะสมในช่วง 9 เดือนของปี 2567 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยหลักมาจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้นและสะดวกสบายในการสั่งและรับประทานใกล้บ้าน บริษัทฯ มีการเพิ่มจำนวนสาขาร้านโอกะจู๋เพิ่มอีก 7 สาขา หลังจากไตรมาส 3 ปี 2566 เป็นต้นมา นอกจากนี้ บริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จากการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ได้แก่ ร้าน Ohkajhu Wrap and Roll ที่เปิดสาขาแรกในเดือนเมษายน 2567 และร้าน Oh! Juice ที่เริ่มเปิดสาขาแรกในเดือนพฤษภาคม 2567 โดยมีการขยายสาขาทั้งหมดเป็น 7 สาขาในช่วงเวลา 5 เดือน นอกจากนี้ ยอดขายสินค้าพร้อมทานในร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอนเติบโตขึ้นมาก โดยยอดขายสะสม 9 เดือนเพิ่มขึ้น 175.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายได้ต่อไปอีก หลังการย้ายฐานการผลิตไปยังครัวกลางแห่งใหม่           กลยุทธ์ทางด้านการตลาดเชิงรุกและการคิดค้นเมนูใหม่สามารถดึงดูดลูกค้าได้เพิ่มขึ้น - บริษัทฯ ได้พัฒนากลยุทธ์ในการคิดค้นเมนูใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในหมวดอาหารจานหลัก ขนมหวาน เครื่องดื่ม รวมถึงผลิตภัณฑ์พร้อมทาน ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดี เมนูใหม่เหล่านี้ยังคงได้รับความนิยมสูงและมักติด 20 อันดับแรกเมนูขายดีของบริษัทฯ การเปิดตัวเมนูและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นี้มาพร้อมกับกลยุทธ์ทางการตลาดที่เข้าถึงลูกค้าผ่านสื่อออนไลน์ทำให้ลูกค้าเห็นภาพและเข้าใจถึงวัตถุดิบคุณภาพสูงที่บริษัทฯ คัดสรรมาอย่างดี           โดยกลยุทธ์ที่กล่าวข้างต้นส่งผลให้อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมเติบโตอย่างโดดเด่น อัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมในไตรมาส 3 มีอัตราการเติบโตที่ 16.8% และสะสม 9 เดือน เติบโตเฉลี่ยที่ 10.8% ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย รวมถึงเพิ่มความถี่ในการใช้บริการของลูกค้าเดิม ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องของยอดขายสาขาเดิมตั้งแต่ไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 3 โดย 90% ของการเติบโตมาจากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และอีก 10% มาจากการเพิ่มขึ้นของยอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อลูกค้า 1 คน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการซื้อสินค้ากลับบ้านเพิ่มเติม เช่น เบเกอรี เทมเป และสินค้าโอกาด เป็นต้น เป้าหมายในการดําเนินธุรกิจของบริษัทฯ และทศทางการเติบโตในอนาคต           สำหรับเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจและทิศทางการเติบโตของบริษัทฯ อยู่ในวิสัยทัศน์ เรามุ่งมั่นเดินบนวิถีอินทรีย์ที่ดีต่อตัวเราและสังคม และด้วยความมุ่งมั่นของคณะผู้ก่อตั้งและผู้บริหารที่จะสร้างสังคมเกษตรอินทรีย์ด้วยจุดยืน “Building an Organic Legacy for All” บริษัทฯ มีกลยุทธ์สำคัญและปัจจัยในการขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัทฯ ดังนี้ 1  การเติบโตผ่านการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง - บริษัทฯ มุ่งเน้นขยายสาขา โดยมีแผนเพิ่มจำนวนสาขาทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง การขยายสาขานี้จะครอบคลุมทั้งพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และตามจังหวัดหัวเมืองในแต่ละภูมิภาคต่างๆ โดยคาดว่าจะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าในทุกภูมิภาค ซึ่งการลงทุนในการขยายสาขาจำเป็นต้องเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการขยายครัวกลาง การส่งเสริมนวัตกรรมการเกษตรเพื่อเป็นปัจจัยสำคัญในการรองรับการเติบโตของบริษัทฯ 2  เสริมความแข็งแกร่งผ่านความหลากหลายของรูปแบบสินค้าและบริการเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น อีกทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้น - บริษัทฯ ขยายการเข้าถึงลูกค้าโดยเปิดตัวร้านค้ารูปแบบใหม่ ไม่เพียงแค่เมนูใหม่ๆ ในร้านโอกะจู๋ แต่รวมไปถึงแบรนด์ใหม่อย่าง “Ohkajhu Wrap and Roll” เพื่อส่งมอบอาหาร Quick Service ที่มีประโยชน์และรวดเร็ว อีกทั้ง “Oh! Juice” เพื่อส่งมอบน้ำผักผลไม้สมูทตี้ที่เน้นเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบและสารอาหาร เหมาะกับกลุ่มลูกค้าทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้ บริษัทฯ เพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายผ่านพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง Café Amazon กลยุทธ์ดังกล่าวช่วยในการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์ความสะดวกสบายให้กับลูกค้า อีกทั้งสร้างการรับรู้แบรนด์ของลูกค้าได้กว้างขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯ ไม่หยุดยั้งที่จะหาโอกาสสร้าง New S Curve ผ่านการเปิดตัวแบรนด์ใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเสริมสร้างภาพลักษณ์ร้านอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อร่อยและหลากหลาย โดยการพัฒนาเมนูและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ 3  เชื่อมั่นในการเติบโตอย่างสมดุลควบคู่ไปกับความมุ่งมั่นในพันธกิจหลักของบริษัทฯ - บริษัทฯ มีความเชื่อในการขยายธุรกิจโดยยังคงยึดมั่นในพันธกิจหลักเพื่อส่งเสริมสุขภาพของผู้บริโภค ด้วยการนำเสนออาหารที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ โดยการส่งมอบผักสลัดออร์แกนิกจากฟาร์มของบริษัทฯ ที่ปราศจากสารเคมีและเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยสารอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกค้าให้เหมือนกับการดูแลคนในครอบครัว และให้การสนับสนุน ส่งเสริมเกษตรกรที่มีอุดมการณ์ในวิถีอินทรีย์ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง พันธกิจหลักนี้จะส่งเสริมให้บริษัทฯ สามารถเติบโตควบคู่ไปกับสังคมไทยในระยะยาว

OKJ เจอน้ำท่วมฟาร์มผัก กระทบการผลิตแค่ 13%

OKJ เจอน้ำท่วมฟาร์มผัก กระทบการผลิตแค่ 13%

          หุ้นวิชั่น- ราคาหุ้น OKJ ได้ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง ล่าสุด(7 /10/2567) มาปิดที่ 12.90 บาท เพิ่มขึ้น 6.20 บาท จากราคา IPO ที่ 6.70 บาท จับตาผลกระทบจากน้ำท่วมฟาร์มผักรอบนี้ คาดกระทบกำลังการผลิตไม่เกิน 13% ของกำลังการผลิตผักสลัดทั้งหมด หรือ 150-300 กิโลกรัมต่อวัน ชี้เป็นสถานการณ์ชั่วคราว ไม่กระทบฐานะการเงินบริษัท             นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ได้ชี้แจงว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งครอบคลุมหลายอำเภอ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทฯ แต่อย่างใด           ร้านอาหาร โอ้กะจู๋ 2 สาขาในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ สาขาสันทราย ตั้งอยู่ที่อำเภอสันทราย และสาขานิ่มซิตี้ เดลี่ ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณสนามบินเชียงใหม่ ไม่ได้รับผลกระทบและยังคงสามารถเปิดขายได้เป็นปกติ ครัวกลางที่อำเภอดอยสะเก็ด และฟาร์ม 4 แห่ง ซึ่งฟาร์มหลักอยู่ที่อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอสันกำแพง และอำเภอสันทราย ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมเช่นกัน สำหรับการขนส่งผักสลัดและวัตถุดิบไปยังกรุงเทพฯ และปริมณฑลรวมถึงภาคตะวันออกก็ยังคงดำเนินการได้ตามปกติ           พื้นที่ของบริษัทฯ ที่ถูกน้ำท่วมคือฟาร์มที่อำเภอสารภี ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของพื้นที่เพาะปลูกผักสลัดของบริษัทฯ โดยพื้นที่สวนสารภีในปัจจุบันมีกำลังผลิตประมาณวันละ 150-300 กิโลกรัม หรือคิดเป็นประมาณไม่เกินร้อยละ 13 ของกำลังการผลิตผักสลัดทั้งหมดในปัจจุบัน ซึ่งทางบริษัทฯ เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวเรียบร้อยแล้วล่วงหน้า โดยบริษัทฯ ปรับแผนเพิ่มกำลังการผลิตในการเพาะปลูกที่ฟาร์มสันอุ้ม อำเภอดอยสะเก็ดทดแทน รวมทั้งรับซื้อผลผลิตเพิ่มเติมจากเกษตรกรเครือข่ายที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมเนื่องจากอยู่บนพื้นที่สูงของจังหวัดเชียงใหม่           นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มีการทำประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สินเพื่อคุ้มครองกรณีเกิดความเสียหายไว้อย่างเพียงพอทั้งฟาร์ม ร้านอาหาร ครัวกลาง เบื้องต้นความเสียหายที่ฟาร์มสารภีนั้นหลัก ๆ เป็นเพียงการรอระยะเวลาน้ำลดและพักแปลงดินประมาณ 2 เดือน เพื่อใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูกอีกครั้ง อนึ่ง ฤดูกาลของการเพาะปลูกผักในช่วง 2 เดือนหลังน้ำลดนั้นเป็นช่วงใกล้เข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งการเพาะปลูกให้ผลผลิตที่ดี           บริษัทฯ จึงขอเรียนชี้แจงและเน้นย้ำว่าไม่มีความน่ากังวลใดแต่อย่างใดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ฟาร์มสารภี ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

OKJ แจงน้ำท่วมเชียงใหม่ ไม่กระทบธุรกิจ

OKJ แจงน้ำท่วมเชียงใหม่ ไม่กระทบธุรกิจ

          หุ้นวิชั่น รายงานว่า บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ชี้แจงจากเหตุการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งครอบคลุมหลายอำเภอ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทฯ แต่อย่างใด           ร้านอาหาร โอ้กะจู๋ 2 สาขาในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ สาขาสันทราย ตั้งอยู่ที่อำเภอสันทราย และสาขานิ่มซิตี้ เดลี่ ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณสนามบินเชียงใหม่ ไม่ได้รับผลกระทบและยังคงสามารถเปิดขายได้เป็นปกติ ครัวกลางที่อำเภอดอยสะเก็ด และฟาร์ม 4 แห่ง ซึ่งฟาร์มหลักอยู่ที่อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอสันกำแพง และอำเภอสันทราย ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมเช่นกัน สำหรับการขนส่งผักสลัดและวัตถุดิบไปยังกรุงเทพฯ และปริมณฑลรวมถึงภาคตะวันออกก็ยังคงดำเนินการได้ตามปกติ           พื้นที่ของบริษัทฯ ที่ถูกน้ำท่วมคือฟาร์มที่อำเภอสารภี ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของพื้นที่เพาะปลูกผักสลัดของบริษัทฯ โดยพื้นที่สวนสารภีในปัจจุบันมีกำลังผลิตประมาณวันละ 150-300 กิโลกรัม หรือคิดเป็นประมาณไม่เกินร้อยละ 13 ของกำลังการผลิตผักสลัดทั้งหมดในปัจจุบัน ซึ่งทางบริษัทฯ เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวเรียบร้อยแล้วล่วงหน้า โดยบริษัทฯ ปรับแผนเพิ่มกำลังการผลิตในการเพาะปลูกที่ฟาร์มสันอุ้ม อำเภอดอยสะเก็ดทดแทน รวมทั้งรับซื้อผลผลิตเพิ่มเติมจากเกษตรกรเครือข่ายที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมเนื่องจากอยู่บนพื้นที่สูงของจังหวัดเชียงใหม่           นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มีการทำประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สินเพื่อคุ้มครองกรณีเกิดความเสียหายไว้อย่างเพียงพอทั้งฟาร์ม ร้านอาหาร ครัวกลาง เบื้องต้นความเสียหายที่ฟาร์มสารภีนั้นหลัก ๆ เป็นเพียงการรอระยะเวลาน้ำลดและพักแปลงดินประมาณ 2 เดือน เพื่อใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูกอีกครั้ง อนึ่ง ฤดูกาลของการเพาะปลูกผักในช่วง 2 เดือนหลังน้ำลดนั้นเป็นช่วงใกล้เข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งการเพาะปลูกให้ผลผลิตที่ดี บริษัทฯ จึงขอเรียนชี้แจงและเน้นย้ำว่าไม่มีความน่ากังวลใดแต่อย่างใดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ฟาร์มสารภี ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น           ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่มีนัยสำคัญ บริษัทฯ จะเรียนชี้แจงให้ทราบต่อไป

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

[PR News] “OKJ” เปิดเทรดวันแรก 10.10 บาท พุ่ง 50.75% ปักธง 150 สาขาภายในปี 71

[PR News] “OKJ” เปิดเทรดวันแรก 10.10 บาท พุ่ง 50.75% ปักธง 150 สาขาภายในปี 71

          “OKJ” โชว์ฟอร์มสวยเปิดเทรดวันแรก 10.10 บาท พุ่ง 50.75% ปักหมุดสร้างการเติบโตในฐานะ “King of Organic Salad” ในไทย เดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจฟาร์มเกษตรอินทรีย์และร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ระดมทุนเปิดสาขาใหม่ ‘โอ้กะจู๋’ ‘Oh! Juice’ และ ‘Ohkajhu Wrap & Roll’  รวมเป็นกว่า 150 สาขาภายในปี 71           “บมจ. ปลูกผักเพราะรักแม่” ผู้นำธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be Organic from Farm to Table” เน้นวิถีเกษตรอินทรีย์ (Organic) ปักหมุดสร้างการเติบโตในฐานะ “King of Organic Salad” ในไทย หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ตอกย้ำพื้นฐานธุรกิจแกร่ง มั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับดี พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจฟาร์มเกษตรอินทรีย์และร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ปักธงเปิดสาขาใหม่ ‘โอ้กะจู๋’ ‘Oh! Juice’ และ ‘Ohkajhu Wrap & Roll’ เพื่อให้มีจำนวนสาขารวมมากกว่า 150 สาขาภายในปี 71           นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล (กลาง) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายจิรายุทธ ภูวพูนผล (ที่ 4 จากขวา) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่สายงานเกษตรอัจฉริยะ นายวรเดช สุชัยบุญศิริ (ที่ 3 จากขวา) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ซัพพลายเชน รศ.นพ.สมศักดิ์ เชาว์วิศิษฐ์เสรี (ที่ 2 จากขวา) ประธานกรรมการ นายชัดชาญ เอกชัยพัฒนกุล (ขวา) ที่ปรึกษา บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ พร้อมด้วย นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย นายดิษทัต ปันยารชุน (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ร่วมพิธีเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมี นายอัสสเดช คงสิริ (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการ นายอำนวย จิรมหาโภคา (ซ้าย) ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์ 1 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมแสดงความยินดี โดยหุ้น OKJ เปิดทำการซื้อขายที่ราคา 10.10 บาท เพิ่มขึ้น 50.75% จากราคาจองซื้อที่ 6.70 บาทต่อหุ้น ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อ 4 ตุลาคม 2567           นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “OKJ”) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรก (4 ตุลาคม 2567) ในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย หมวดเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร / อาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้ชื่อย่อ ‘OKJ’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ที่จะเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ด้วยศักยภาพของบริษัทฯ และพื้นฐานการดำเนินธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be Organic from Farm to Table” เน้นวิถีเกษตรอินทรีย์ (Organic) ภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” “Oh! Juice” และ “Ohkajhu Wrap & Roll” จะสนับสนุนให้ OKJ เป็นหุ้นที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ และมีความยั่งยืนในอนาคต           บริษัทฯ มีเป้าหมายสร้างการเติบโตในฐานะ “King of Organic Salad” ในประเทศไทย โดยให้ความสำคัญและมุ่งมั่นพัฒนาสูตรอาหารและเครื่องดื่มมาโดยตลอด เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี โดยใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์และความพร้อมด้านบุคลากรของฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้กลายเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มทำให้เมนูอาหารเพื่อสุขภาพมีรสชาติอร่อยแปลกใหม่ ทานง่าย ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและเพิ่มยอดขายให้บริษัทฯ ได้มากขึ้น โดยบริษัทฯ ใช้เวลาในการคิดค้นและออกเมนูหรือผลิตภัณฑ์ใหม่เพียงประมาณ 1-2 เดือน           อย่างไรก็ตาม OKJ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ในการพัฒนาธุรกิจและสร้างแบรนด์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมรวมถึงการศึกษาและคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อสร้าง New S-Curve โดยตั้งเป้าแผนการดำเนินงานในระยะ 5 ปี (2567-2571) ในการขยายสาขาใหม่ทั้ง 3 แบรนด์ แบ่งเป็น วางแผนจะขยายสาขาแบรนด์ “โอ้กะจู๋” เป็น 67 สาขา จากปัจจุบันที่มีร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full-service Restaurant) และร้านอาหารในรูปแบบ Deliver & Kiosk รวมทั้งสิ้น 37 สาขา, ขยายสาขาแบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll” ให้ครบ 20 สาขา จากปัจจุบันมีทั้งสิ้น 1 สาขา และขยายสาขาแบรนด์ “Oh Juice” ให้ครบ 70 สาขา จากปัจจุบันมีทั้งสิ้น 8 สาขา ส่งผลให้มีสาขารวมทั้งสิ้น 157 สาขาภายในปี 2571 เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ๆ รวมทั้งหัวเมืองหลักในภูมิภาคต่าง ๆ           นอกเหนือจากนั้น บริษัทฯ ยังวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในช่องทางต่าง ๆ ที่หลากหลายเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า ได้แก่ ร้านจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ (Delivery and Kiosk) เน้น Delivery และ Grab & Go, การให้บริการแบบ Drive Thru การบริการอาหารว่าง (Snack box) การสั่งอาหารทางออนไลน์ Food Delivery Platform ต่าง ๆ ขณะเดียวกันได้รับการสนับสนุนจาก OR ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นทางอ้อมของบริษัทฯ ซึ่ง OR เป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพ ที่พร้อมส่งเสริมการเติบโตในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การขยายสาขาในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ในทำเลที่มีศักยภาพ (Strategic location) การนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ไปวางจำหน่ายผ่านร้าน Café Amazon นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการวางจำหน่ายผลผลิตเกษตรอินทรีย์ เช่น ผัก สลัดพร้อมทาน ผ่าน Rimping Supermarket ใน จ.เชียงใหม่ และ Gourmet Market ในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม OKJ ยังมีแผนในการเพิ่มบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอื่น ๆ เช่น การจำหน่ายและบริการวางแผนมื้ออาหาร (Meal plan) และการจัดเลี้ยง (Catering) ซึ่งตอบโจทย์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลง และความนิยมของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น           ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OKJ กล่าวเพิ่มว่า เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในการทำเกษตรอินทรีย์ บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการวิจัยและพัฒนากระบวนการเพาะปลูกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต โดยได้ศึกษาและพัฒนาวิธีการเพาะปลูกให้เป็นเกษตรอินทรีย์เชิงอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิตให้ได้ปริมาณที่ต้องการอย่างสม่ำเสมอ เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าในพื้นที่เพาะปลูกเท่าเดิม โดยจะใช้เงินระดมทุนมาลงทุนในระบบและอุปกรณ์ที่ได้ศึกษาและออกแบบไว้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตได้อีกประมาณร้อยละ 300 จากปริมาณผลผลิตที่ได้ในปัจจุบัน  นอกจากนี้ ได้มีกลยุทธ์ในการลงทุนและพัฒนาเครื่องจักร อุปกรณ์ และระบบสาธารณูปโภค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูก เช่น เครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์ เครื่องย้ายต้นกล้า เครื่องโปรยปุ๋ย รถไถพรวนดิน ระบบรดน้ำ เป็นต้น ขณะเดียวกัน ยังมุ่งมั่นในการขยายเครือข่ายเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงในการสรรหาผลผลิต รวมถึงเป็นการสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้แก่เกษตรกร อีกทั้งลดการใช้เคมี คืนผืนป่าและต้นน้ำให้แก่ชุมชน และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพผลผลิตที่ได้รับจากเครือข่ายเกษตรกร จึงมีแผนในการพัฒนาสถานที่ที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพ (In-house lab) จากผักที่รับซื้อจากเกษตรกรทุกรอบ สำหรับการใช้ในร้านอาหารรวมถึงการจำหน่ายภายใต้โครงการโอ้กาด และให้การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของบริษัทฯ เอง (Ohkajhu’s Certified) เพื่อให้มั่นใจว่าผักที่ซื้อจากเกษตรกรทั้งหมดจะเป็นผักออร์แกนิคที่ปราศจากสารพิษและสารเคมีตกค้าง           นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมพัฒนาเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อเพิ่มผลผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) โดยมีแผนในการสร้างครัวกลางกรุงเทพฯ แห่งใหม่ ในโซนรังสิต จ.ปทุมธานี คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเต็มรูปแบบได้ภายในไตรมาส 3/2568 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและเพิ่มสายการผลิตสินค้าใหม่ ๆ รวมถึงแผนพัฒนาเครื่องจักร อุปกรณ์ รวมถึงห้องล้างผัก และเทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในครัวกลาง ระบบการบริหารจัดการวัตถุดิบสินค้าคงเหลือ และสำนักงาน เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต           นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า OKJ เป็นผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในไทย จึงมีกระแสตอบรับจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยเป็นอย่างมากในช่วงการจองซื้อหุ้น IPO ที่ผ่านมา เนื่องจาก แบรนด์ “โอ้กะจู๋” เป็นที่รับรู้ในวงกว้างว่าเป็นผู้นำธุรกิจร้านอาหารสุขภาพ ที่เสิร์ฟอาหารคุณภาพระดับพรีเมี่ยม โดยบริษัทฯ ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพระดับสูง ใช้ผักสดใหม่จากสวน ด้วยกระบวนการเพาะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ ที่เสริมสร้างคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมถึงมีผัก และดอกไม้ที่หลากหลายกว่า 50 ชนิด ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้บริษัทฯ แตกต่างจากร้านอาหารอื่น ๆ ขณะเดียวกันมีการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และเป็นผู้นำในการสร้างเทรนด์ผลิตภัณฑ์ และเมนูเพื่อสุขภาพที่แปลกใหม่ (Trend setter) ส่งผลให้ OKJ เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานทางธุรกิจแข็งแกร่งและมีโอกาสเติบโตในอนาคตอีกมาก

[PR News] OR ร่วมแสดงความยินดีกับ OKJ เข้าตลาดหลักทรัพย์วันแรก

[PR News] OR ร่วมแสดงความยินดีกับ OKJ เข้าตลาดหลักทรัพย์วันแรก

          นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ร่วมแสดงความยินดีกับนายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ เจ้าของแบรนด์ “โอ้กะจู๋” ในโอกาสที่เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก (First Trading Day)           นายดิษทัต กล่าวว่า OR รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ OKJ ซึ่งเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของ OR เติบโตและสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ OKJ ที่จะเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดย OR เชื่อมั่นในศักยภาพและวิสัยทัศน์ของ OKJ ในการนำเสนออาหารเพื่อสุขภาพที่มีคุณภาพสูงให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health and Wellness) มากขึ้น และรักษาสัดส่วนการถือหุ้นที่ 20%           ทั้งนี้ การเข้าลงทุนใน OKJ สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ OR ในด้านไลฟ์สไตล์ที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage) และการเพิ่มสัดส่วนของ EBITDA สำหรับกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ รวมไปถึงการสรรหาพันธมิตรการลงทุนที่สามารถสร้างมูลค่าส่วนเพิ่มร่วมกัน (Synergy Creation) และมีสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยที่ผ่านมา OR และ OKJ ได้ร่วมมือกันในหลายด้าน อาทิ การขยายสาขาร้านอาหาร “โอ้กะจู๋” ในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น การจำหน่ายอาหารว่าง “Light Meal” เช่น แซนวิช สลัด Wrap ในร้านคาเฟ่ อเมซอน 458 สาขา การเข้าร่วมแคมเปญส่งเสริมการขายต่างๆ ของ OR ผ่านทาง blue+ การนำสินค้าของคาเฟ่ อเมซอน เข้าไปจำหน่ายในร้าน OKJ ตลอดจนการร่วมกันสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรผ่านโครงการต่างๆ  เช่น โครงการมอบพลาสติกคลุมโรงเรือน และแผงโซลาร์เซลล์ ให้แก่เกษตรกร เป็นต้น           OR หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเติบโตของ OKJ ในครั้งนี้จะสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่าย ซึ่งรวมไปถึงเกษตรกร และผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันต่อไปอย่างยั่งยืน

[PR News] ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้อนรับ บมจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ) เริ่มซื้อขาย 4 ต.ค. นี้

[PR News] ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้อนรับ บมจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ) เริ่มซื้อขาย 4 ต.ค. นี้

          บมจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ ธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแบรนด์ “โอ้กะจู๋” พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 4 ต.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,080.30 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “OKJ”           นายอำนวย จิรมหาโภคา ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์ 1 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “OKJ” ในวันที่ 4 ตุลาคม 2567           บริษัทประกอบธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายใต้คอนเซ็ปท์ “Be Organic from Farm to Table” รวมถึงบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ โดยเน้นการปลูกผัก แบบเกษตรอินทรีย์ (Organic) และนำเสนออาหารและเครื่องดื่มจากวัตถุดิบหลักที่เป็นอินทรีย์ที่มีคุณภาพ โดยมีธุรกิจหลักคือธุรกิจบริการและจำหน่ายอาหารภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” ซึ่งมีช่องทางจำหน่ายทั้งในรูปแบบร้านอาหาร Full-service การจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพผ่าน Delivery and Kiosk การจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารว่างและอาหารเพื่อสุขภาพผ่าน Café Amazon และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทผัก ผลไม้ สลัดพร้อมทานในซุปเปอร์มาร์เก็ต นอกจากนี้ บริษัทยังมีธุรกิจอาหารจานด่วนภายใต้แบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll” และ ธุรกิจร้านน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ “Oh! Juice” อีกด้วย           OKJ มีทุนชำระแล้วหลังการเสนอขาย IPO 304.50 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท บริษัทเสนอขายหุ้น IPO จำนวนรวม 159 ล้านหุ้น โดยได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกระหว่างวันที่ 23 – 25 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ในราคาหุ้นละ 6.70 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 1,065.30 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO เท่ากับ 4,080.30 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 24.13 เท่า พิจารณาจากกำไรสุทธิในช่วง 12 เดือนย้อนหลังซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 169.08 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญหลังเสนอขายซึ่งเท่ากับ 609 ล้านหุ้น คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (Fully Diluted EPS) เท่ากับ 0.28 บาท โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ           นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ) เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งมั่นสร้างการเติบโตในฐานะ “King of Organic Salad” ในประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ “เรามุ่งมั่นเดินบนวิถีอินทรีย์ที่ดีต่อตัวเรา และสังคม” ผ่านการส่งมอบผักออร์แกนิคจากฟาร์ม คัดสรรวัตถุดิบปราศจากสารเคมี นำเสนอผ่านประสบการณ์มื้ออาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน ซึ่งการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุนของบริษัท และช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อรองรับโอกาสการเติบโตทางธุรกิจในอนาคตอย่างยั่งยืนต่อไป           OKJ มีผู้ถือหุ้นหลักภายหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มผู้ก่อตั้งคือ 1) กลุ่มครอบครัวเอกชัยพัฒนกุล ร้อยละ 34.3 2) นายจิรายุทธ ภูวพูนผล ร้อยละ 16.6 3) ครอบครัวสุชัยบุญศิริ ร้อยละ 8.3 รวมร้อยละ 59.1 และ บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ร้อยละ 14.8 ทั้งนี้ ณ วันแรกที่หุ้น OKJ เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด จะซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ก่อตั้ง 3 ท่าน ได้แก่ นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล  นายจิรายุทธ ภูวพูนผล และ นายวรเดช สุชัยบุญศิริ บนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) จำนวนรวม 31.8 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 5.2 เพื่อให้กลุ่ม OR รักษาสัดส่วนการถือหุ้นที่ร้อยละ 20 ภายหลังการ IPO โดยภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO และการซื้อขายหุ้น Big Lot ดังกล่าว กลุ่มผู้ก่อตั้งจะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 53.9           ทั้งนี้ OKJ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ภายหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ การจ่ายเงินปันผลอาจน้อยกว่าอัตราข้างต้น โดยคำนึงถึงปัจจัยและความเหมาะสมอื่น ๆ           ผู้ลงทุนและผู้สนใจ สามารถดูรายละเอียด จากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th  และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.okjgroup.com และ www.set.or.th  

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

[PR News] “OKJ” ปิดการขายหุ้น IPO  สถาบันจองซื้อล้น 11 เท่า

[PR News] “OKJ” ปิดการขายหุ้น IPO สถาบันจองซื้อล้น 11 เท่า

          “OKJ” ปิดการขายหุ้น IPO หลังยอดจองซื้อล้นหลาม สถาบันจองซื้อล้น 11 เท่า สะท้อนนักลงทุนเชื่อมั่นในศักยภาพธุรกิจดีเดย์เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก 4 ต.ค.นี้ เร่งเดินเครื่องต่อยอดแบรนด์ใหม่ Oh! Juice และ Ohkajhu Wrap & Roll           “บมจ. ปลูกผักเพราะรักแม่” ผู้นำธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be Organic from Farm to Table” เน้นวิถีเกษตรอินทรีย์ (Organic) พร้อมนำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก ในวันที่ 4 ตุลาคม 67 ปลื้มกระแสตอบรับนักลงทุนล้นหลาม สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพธุรกิจฟาร์มเกษตรอินทรีย์และร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ‘โอ้กะจู๋’ เร่งเดินเครื่องต่อยอดแบรนด์ใหม่ Oh! Juice และ Ohkajhu Wrap & Roll เดินหน้าสร้างการเติบโตในฐานะ “King of Organic Salad” ในไทย           นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “OKJ”) เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ โดยใช้ชื่อย่อ ‘OKJ’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ภายหลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 159 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขาย 6.70 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทฯ (P/E) ที่ประมาณ 24.13 เท่า ซึ่งภายหลังจากเปิดจองซื้อหุ้น ระหว่างวันที่ 23 – 25 กันยายน 2567           ที่ผ่านมา โดยหุ้น OKJ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก สะท้อนพื้นฐานธุรกิจในการเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be Organic from Farm to Table” เน้นวิถีเกษตรอินทรีย์ (Organic) ภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” “Oh! Juice” และ “Ohkajhu Wrap & Roll” และศักยภาพในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีการเติบโตสูง ยิ่งจะช่วยสนับสนุนให้ OKJ เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนภายหลังจากเข้าเทรดอย่างแน่นอน           ทั้งนี้ ภายหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ ได้วางแผนขยายการลงทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในปี 2567-2571 ซึ่งจะใช้เงิน IPO ในการขยายสาขาร้านโอ้กะจู๋ Oh! Juice และ Ohkajhu Wrap & Roll รวมถึงการขยายธุรกิจหรือแบรนด์ใหม่ ๆ การก่อสร้างครัวกลางแห่งใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและประสิทธิภาพในการผลิต พัฒนา อุปกรณ์ และระบบสาธารณูปโภค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูก และอาจนำเงินส่วนที่เหลือไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างยั่งยืน           ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OKJ กล่าวเพิ่มว่า แบรนด์โอ้กะจู๋ถือเป็นแบรนด์ชั้นนำและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ในฐานะผู้นำธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บริษัทฯ จึงได้เดินหน้าต่อยอดข้อได้เปรียบดังกล่าว ผ่านการพัฒนาเมนูและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่จำหน่ายในร้านอาหารปัจจุบัน รวมถึงใช้จุดแข็งในการทำเกษตรอินทรีย์ มาพัฒนาเป็นธุรกิจใหม่ ๆ ซึ่งยังคงคอนเซ็ปต์อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สำหรับขายในร้าน Café Amazon เบเกอรี่เพื่อสุขภาพ และสินค้าสำหรับซื้อกลับบ้าน (Take away) รวมถึงในปีนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มธุรกิจใหม่ภายใต้แบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll” และ “Oh! Juice” ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จภายหลังเปิดตัวไป โดยมีแผนจะขยายสาขาร้านใหม่ทั้ง 2 แบรนด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ๆ โดยตั้งเป้าหมายการขยายสาขาร้าน Ohkajhu Wrap & Roll ให้ครบจำนวนประมาณ 20 สาขา และขยายสาขาร้าน Oh! Juice ให้ครบจำนวนประมาณ 70 สาขา ภายในปี 2571 รวมถึงมีแผนพัฒนาแบรนด์อื่น ๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนในการเพิ่มบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอื่น ๆ เพื่อตอบโจทย์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลง และความนิยมของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญการดูแลสุขภาพมากขึ้น           นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า หลังจาก บมจ.ปลูกผักเพราะรักแม่ หรือ OKJ ได้เปิดขายหุ้น IPO จำนวน 159 ล้านหุ้น มีมูลค่าหลักทรัพย์ (Market cap) ณ ราคา IPO เท่ากับ 4,080.30 ล้านบาท ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก โดยมียอดจองซื้อจากนักลงทุนสถาบันกว่า 11 เท่า สะท้อนความมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานที่ดีและมีศักยภาพการเติบโตสูง ประกอบกับธุรกิจของบริษัทฯ ยังเป็นอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่สำคัญ (Megatrends) ที่เกิดจากเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคของประชากรทั่วไป หันมาสนใจและให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับสัดส่วนประชากรในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเข้าสู่สังคมสูงอายุ (Aging society) มากขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยเชื่อว่า OKJ มีความพร้อมในด้านผลิตภัณฑ์ ความเชี่ยวชาญ บุคลากร และอยู่ในสถานะที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากการเติบโตดังกล่าวได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง ด้วยความมุ่งมั่นสร้างการเติบโตในฐานะ “King of Organic Salad” ในประเทศไทย เป็นสิ่งช่วยผลักดันที่ทำให้กระแสความสนใจหุ้นของ OKJ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี           นอกจากนี้ ด้วยความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของ OKJ ทำให้บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด (Modulus) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ตกลงจะซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ก่อตั้ง 3 ท่านบนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) จำนวน 31.8 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 5.22 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลัง IPO ในวันแรกที่หุ้น OKJ เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้กลุ่ม OR รักษาสัดส่วนการถือหุ้นที่ร้อยละ 20 ภายหลังการ IPO

[ภาพข่าว] OKJ ตั้ง Underwriter พร้อมเคาะราคาหุ้น IPO 6.70 บาท จองซื้อ 23 – 25 ก.ย. 67 นี้

[ภาพข่าว] OKJ ตั้ง Underwriter พร้อมเคาะราคาหุ้น IPO 6.70 บาท จองซื้อ 23 – 25 ก.ย. 67 นี้

          นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายจิรายุทธ ภูวพูนผล (ขวาสุด) ประธานเจ้าหน้าที่สายงานเกษตรอัจฉริยะ นายวรเดช สุชัยบุญศิริ (ซ้ายสุด) ประธานเจ้าหน้าที่ซัพพลายเชน บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ร่วมกับ นางอาทิตยา ปัญจทรัพย์ (ที่ 3 จากขวา) หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) นางสาวบุษราภรณ์ จันทร์ชูเชิด (ที่ 2 จากขวา) รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด และ นางสาววีรยา ศรีวัฒนะ (ที่ 2 จากซ้าย) หัวหน้าฝ่าย วาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมลงนามสัญญาแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Lead Underwriter) และแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Co-Underwriters) ทั้งนี้ ในการเสนอขายหุ้น IPO ของ OKJ จำนวน 159 ล้านหุ้น กำหนดราคาเสนอขายที่ 6.70 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้จองซื้อ ในวันที่ 23-25 กันยายน 2567 โดยคาดว่าจะนำหุ้น OKJ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ประมาณวันที่ 4 ตุลาคม 2567 พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตในฐานะ “King of Organic Salad” ในไทย

[PR News] โอ้กะจู๋ ลงกระดานเทรด 4 ต.ค.นี้ เสนอขาย IPO หุ้นละ 6.70 บาท

[PR News] โอ้กะจู๋ ลงกระดานเทรด 4 ต.ค.นี้ เสนอขาย IPO หุ้นละ 6.70 บาท

           “OKJ” โชว์กลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจฟาร์มเกษตรอินทรีย์และร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ‘โอ้กะจู๋’ ประกาศราคาเสนอขาย IPO หุ้นละ 6.70 บาท จองซื้อ 23 – 25 ก.ย. 67 นี้ ลงกระดานเทรด 4 ต.ค.นี้            “บมจ. ปลูกผักเพราะรักแม่” หรือ “OKJ” หนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be Organic from Farm to Table” เน้นวิถีเกษตรอินทรีย์ (Organic) ตั้งแต่เพาะปลูกจนถึงเก็บผลผลิต กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 159 ล้านหุ้น ที่ราคา 6.70 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อระหว่างวันที่ 23 – 25 กันยายน 67 คาดนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 4 ตุลาคมนี้ ชูกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจฟาร์มเกษตรอินทรีย์และร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ‘โอ้กะจู๋’ เดินหน้า สร้างการเติบโตในฐานะ “King of Organic Salad” ในไทย ฟาก OR มั่นใจศักยภาพคงสัดส่วนการถือหุ้น 20% หลัง IPO            นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “OKJ”) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างการเติบโตในฐานะ “King of Organic Salad” ในประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ “เรามุ่งมั่นเดินบนวิถีอินทรีย์ที่ดีต่อตัวเรา และสังคม” ผ่านพันธกิจที่สำคัญ คือการส่งมอบผักออร์แกนิคจากฟาร์ม คัดสรรวัตถุดิบปราศจากสารเคมี นำเสนอผ่านประสบการณ์มื้ออาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน และให้การดูแลต้อนรับเสมือนคนในครอบครัว พร้อมทั้งมุ่งมั่นสนับสนุนเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในวิถีอินทรีย์ ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันเพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคตอย่างยั่งยืน            ปัจจุบัน บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มอีกทั้งผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be Organic from Farm to Table” เน้นการปลูกผักสลัดแบบเกษตรอินทรีย์ (Organic) และและคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ โดยแบ่งธุรกิจปัจจุบันเป็น 3 ประเภท ได้แก่ (1) บริการและจำหน่ายอาหารภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” จัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประเภทต่าง ๆ อาทิ สลัด สเต็ก สปาเก็ตตี้ อาหารจานเดียว ขนมหวาน น้ำผักผลไม้ (2) ร้านอาหารประเภทจานด่วน (QSR) ภายใต้แบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll” จำหน่ายสลัด แร๊พสลัด แซนวิช และเมนูสุขภาพพร้อมหยิบ (Grab & Go) เพื่อให้ตอบโจทย์ชีวิตที่เร่งรีบได้ (3) ร้านน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “Oh! Juice” ซึ่งต่อยอดจากเมนูน้ำผักออร์แกนิค และผลไม้ที่จำหน่ายในร้านโอ้กะจู๋            บริษัทฯ มีกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโต ผ่าน 7 แนวทาง ได้แก่ (1) พัฒนาธุรกิจบริการและจำหน่ายอาหารภายใต้แบรนด์โอ้กะจู๋ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยการขยายสาขา เพิ่มรูปแบบร้านอาหารใหม่ ๆ และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยตั้งเป้าหมายขยายครบ 67 สาขา ภายในปี 2571 (2) สร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเพื่อให้เกิดความผูกพันกับแบรนด์ (Brand engagement) และความจงรักภักดีต่อแบรนด์ (Brand loyalty) ผ่านกลยุทธ์ในการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่สมาชิกเพิ่มเติม รวมถึงแผนการตลาดที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อทำให้เกิดการซื้อซ้ำบ่อยขึ้น (3) พัฒนาธุรกิจ และแบรนด์ใหม่ ๆ และขยายช่องทางการจำหน่าย โดยต่อยอดจากธุรกิจหลัก โดยในปีนี้ บริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการเริ่มธุรกิจใหม่ภายใต้แบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll” และ “Oh! Juice” และมีแผนจะขยายสาขาร้านใหม่ทั้ง 2 แบรนด์อย่างต่อเนื่อง ให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือเมืองท่องเที่ยวสำคัญ โดยตั้งเป้าหมายการขยายสาขาทั้ง 2 แบรนด์ รวมประมาณ 90 สาขา ภายในปี 2571 รวมถึงมีแผนพัฒนาแบรนด์อื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อให้สามารถตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น (4) เติบโตอย่างรวดเร็วร่วมกับ OR ซึ่งเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง โดยร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์และนำสินค้าไปจำหน่ายในร้าน Café Amazon ทำให้มีโอกาสเข้าถึงเครือข่ายผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันของ OR จำนวนมาก ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ในการทำธุรกิจ รวมถึงเพิ่มโอกาสขยายสาขาร้านอาหาร (5) ต่อยอดและรักษาความเป็นผู้นำในการทำเกษตรอินทรีย์ และพัฒนาวิธีการเพาะปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตมากขึ้น พร้อมมุ่งมั่นในการขยายเครือข่ายเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ วิถีธรรมชาติ วิถีที่ยั่งยืน (6) พัฒนาเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อเพิ่มผลผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) โดยมีแผนในการเพิ่มกำลังการผลิตและเพิ่มสายการผลิตสินค้าเพิ่มเติมที่ครัวกลางในกรุงเทพฯ (7) แสวงหาโอกาสในการลงทุนและขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องที่ช่วยพัฒนา Ecosystem และสร้างนวัตกรรมในการทำธุรกิจของบริษัทฯ ให้สอดคล้องกับเป้าหมาย วิสัยทัศน์ และแผนกลยุทธ์            นายจิรายุทธ ภูวพูนผล ประธานเจ้าหน้าที่สายงานเกษตรอัจฉริยะ OKJ กล่าวว่า OKJ เชี่ยวชาญในกระบวนการทำเกษตรอินทรีย์ในเชิงลึก ซึ่งเป็นกระบวนการจัดหาวัตถุดิบผักสลัดที่หลากหลายและเป็นวัตถุดิบหลักที่สำคัญที่สุดของบริษัทฯ โดยผู้บริหารและบุคลากร มีความเข้าใจวิธีการเพาะปลูก ลักษณะ และคุณสมบัติของผักแต่ละชนิด สามารถปรับเปลี่ยนวิธีเพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมแต่ละฤดูกาลในประเทศไทย โดยมีการทำเกษตรอินทรีย์แบบบูรณาการทุกกระบวนการ เพราะบริษัทฯ เชื่อว่าเกษตรอินทรีย์เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำการเกษตรกรรม นอกจากนี้ บริษัทฯ ตั้งใจปลูกและเก็บเกี่ยวผักอินทรีย์ทุกต้นพร้อมเสิร์ฟให้ถึงมือทุกคน โดยปราศจากสารเคมีและยาฆ่าแมลง ปัจจุบัน สวนของ OKJ ที่ใช้ปลูกผักสลัด ผลไม้บางชนิด และดอกไม้ทานได้ ด้วยกระบวนการเกษตรอินทรีย์ทั้ง 5 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่รวมประมาณ 380 ไร่ เป็นฟาร์มเกษตรอินทรีย์ที่การันตีด้วยมาตรฐาน IFOAM จากสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ USDA Organic มาตรฐานรับรองอาหารและผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ของสหรัฐอเมริกา มาตรฐานระบบเกษตรอินทรีย์แคนาดา (Canada Organic Regime – COR) และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สหภาพยุโรป (EU Organic Certification)            นายวรเดช สุชัยบุญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่ซัพพลายเชน OKJ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มีความสามารถในการบริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) ของธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ สามารถควบคุมคุณภาพและประสิทธิภาพ ตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบ บริหารจัดการครัวกลาง บริหารจัดการสาขา ทำให้มั่นใจได้ถึงคุณภาพและประสิทธิภาพในแต่ละกระบวนการ รวมไปถึงการควบคุมการดำเนินงาน วางแผนร่วมกับผู้ให้บริการภายนอกที่มีประสบการณ์ด้านการโลจิสติกส์ในการขนส่งและการบริหารจัดการศูนย์กระจายสินค้า พร้อมใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้สามารถติดตามสถานะการขนส่ง การควบคุมจัดเก็บวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ โดยจะขนส่งวัตถุดิบจากเชียงใหม่มาศูนย์กระจายสินค้าในกรุงเทพฯ รวมถึงกระจายสินค้าไปยังร้านอาหารแต่ละสาขาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะผักถือเป็นวัตถุดิบสำคัญของบริษัทฯ โดยสามารถจัดส่งผลผลิตที่สดใหม่จากสวนถึงหน้าร้านสาขาภายใน 28 ชั่วโมง            นางสาวเบญญาภา เตชะมณีสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ OKJ กล่าวว่า จุดแข็งของ OKJ คือการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย จากทีมวิจัย และพัฒนาที่มีศักยภาพในการคิดค้นตั้งแต่ต้นน้ำคือการเพาะปลูกผักที่หลากหลาย พืชหาทานยาก รวมถึงพัฒนาสูตรอาหาร และเครื่องดื่ม โดยร่วมกับฝ่ายการตลาดที่ศึกษาพฤติกรรม ความต้องการ และกระแสนิยมของผู้บริโภค ทำให้บริษัทฯ สามารถออกเมนูใหม่ ๆ ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่หลากหลาย และแตกต่างจากอาหารเพื่อสุขภาพทั่วไป นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับกระบวนการฝึกอบรม เพิ่มศักยภาพบุคลกรอย่างสม่ำเสมอ โดยมีศูนย์การเรียนรู้ Ohkajhu academy เพื่อสร้างสมรรถนะที่ครบด้าน รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ในการให้บริการลูกค้าที่เปรียบเสมือนคนในครอบครัว เป็นคนที่เรารัก พร้อมที่จะดูแล และมอบสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม และยอดขายจากสาขาที่เปิดเพิ่มเติม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการนำเมนูและผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาและต่อยอดมาจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยมของแบรนด์โอ้กะจู๋ และนำเสนอเป็นร้านรูปแบบใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มช่องทางการจำหน่าย ได้แก่ การเปิดร้าน Oh! Juice และร้าน Ohkajhu Wrap & Roll ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าและถูกพูดถึงในสื่อสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก ตอกย้ำให้ OKJ เป็นผู้นำการสร้างเทรนด์ผลิตภัณฑ์ และเมนูเพื่อสุขภาพที่แปลกใหม่ (Trend setter) ให้เกิดเป็นกระแสนิยมในประเทศไทย            นางสาวภวิษย์เพ็ญ เหล่ารัตนไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บัญชีและการเงิน OKJ กล่าวเสริมว่า ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,110.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 778.0 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 102.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 73.9 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นทั้งการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม และการขยายสาขารูปแบบ Full-service Restaurant 6 สาขา นับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2566 อีกทั้ง บริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จากการขายจากการเปิดร้านอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ใหม่ ได้แก่ ร้าน Ohkajhu Wrap & Roll ที่เริ่มเปิดสาขาแรกเดือนเมษายน 2567 และร้าน Oh! Juice ที่เริ่มเปิดสาขาแรกเดือนพฤษภาคม 2567 เป็นต้นมา            นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า บมจ.ปลูกผักเพราะรักแม่ ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 6.70 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) 24.13 เท่า หากพิจารณาผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง ถือเป็นราคาที่เหมาะสมที่สะท้อนพื้นฐานและศักยภาพการเติบโต โดยเตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 23 – 25 กันยายน 2567 โดยมี บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และมีบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 4 ตุลาคมนี้            ปัจจุบัน OKJ มีทุนจดทะเบียน 304.5 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 609.0 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.5 บาท โดยมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 225.0 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 450.0 ล้านหุ้น โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน ไม่เกิน 159.0 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 26.1 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลัง การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ไปใช้ขยายสาขา สร้างครัวกลางแห่งใหม่ เพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ            นอกจากนี้ เพื่อคงความเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ภายหลัง IPO ทาง บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด (Modulus) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้น โดยจะซื้อหุ้นสามัญเดิมจากผู้ร่วมก่อตั้งรวม 31.8 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.2% ของจำนวนหุ้นหลัง IPO บนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) ในราคาเดียวกับราคาเสนอขายหุ้น IPO ในวันแรกที่หุ้น OKJ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นที่ 20% ภายหลังการ IPO และคาดว่าจะได้เห็นความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ หรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่เหมาะสมและตรงกับกลุ่มเป้าหมายเพื่อวางจำหน่ายในร้าน Café Amazon

abs

Hoonvision