#NER


NER ออกหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/67 อายุ 5 ปี ดอกเบี้ย 3.41% ขายผู้ลงทุนสถาบัน-รายใหญ่ 18 - 19 ธ.ค.นี้

NER ออกหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/67 อายุ 5 ปี ดอกเบี้ย 3.41% ขายผู้ลงทุนสถาบัน-รายใหญ่ 18 - 19 ธ.ค.นี้

          หุ้นวิชั่น - บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER ยื่นไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต. ออกหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2567  อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.41 % เสนอขายวันที่ 18 – 19 ธันวาคม 2567  เสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยนำเงินไปใช้เพื่อชำระคืนหนี้อื่น           บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2567 ของบริษัท โดยมีรายละเอียดดังนี้ หุ้นกู้ หุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ มีผู้ค้ำประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ วันที่เสนอขาย วันที่ 18 – 19 ธันวาคม 2567 หุ้นกู้ หุ้นกู้ของบริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2567 เสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีผู้ค้ำประกัน อายุ 5 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2572 อัตราดอกเบี้ย 3.41% ต่อปี           ทั้งนี้ บริษัทจะชำระดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ซึ่งจะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่สำหรับวัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ ตั้งเป้าหมายนำเงินที่ได้จากการเสนอขายใช้ชำระคืนหนี้อื่น           โดยมีบริษัท โดยมี ธนาคารยูโอบี และ บล.เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ และ บล.เอเซีย พลัส เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ขณะที่จัดอันดับความน่าเชื่อถือโดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 องค์กรจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ BBB- หุ้นกู้จัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ AAA

NER ราคายางขาขึ้นอีก 3ปี ดีมานด์ยางเพิ่มหนุนงบโต

NER ราคายางขาขึ้นอีก 3ปี ดีมานด์ยางเพิ่มหนุนงบโต

            NER ลั่นปี 2568 ซัพพลายยางใหม่หด คาดราคารับขาขึ้น 3 ปีติด ประเมินราคายางพาราแตะ 70 บาท/กก. พร้อมเร่งผลิตแตะ 500,000 ตันต่อปี เดินหน้าสร้างโรงงานแห่งที่ 3 กลางปี 2568 ด้านกลยุทธ์เน้นจับคู่ซื้อขาย Matching Order ลดความเสี่ยง พร้อมรุกตลาด EUDR เจรจาลูกค้าแล้ว             นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า นปี 2566 บริษัทผู้ผลิตยางแผ่นรมควันและยางแผ่นดิบ ซึ่งดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทกลางน้ำที่ส่งต่อวัตถุดิบให้แก่โรงงานผลิตล้อยาง มียอดขายรวมทั้งสิ้น 25,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายยางแผ่นรมควัน 8,000 ล้านบาท และยางแท่ง 17,000 ล้านบาท โดยบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) อยู่ที่ประมาณ 5-6%             สำหรับปี 2567 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 28,000 ล้านบาท โดยคาดหวังว่าปัจจัยบวกจากสถานการณ์ราคายางพาราในตลาดโลกจะเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ภาวะอุตสาหกรรมยางพาราโลก อุตสาหกรรมยางพารายังคงเผชิญกับความผันผวนของราคาจากปัจจัยด้านอุปสงค์และอุปทาน (ดีมานด์-ซัพพลาย) โดยในปีที่ผ่านมา ราคายางพาราได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักมาจาก 2-3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่             1. ภาวะภัยแล้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตยางพาราที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่งผลให้ซัพพลายยางพาราลดลง คาดว่าผลผลิตจะหายไปประมาณ 20% ในปี 2567 ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคายางในตลาดโลกและเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ผลิตยางพารา โดยปัจจุบันราคาขายยางของเกษตรกรเฉลี่ยอยู่ที่ 67 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่เกษตรกรสามารถดำรงชีพได้อย่างเหมาะสม             2. สถานะประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตยางพาราอันดับหนึ่งของโลก โดยไทยมีส่วนแบ่งในตลาดยางพาราโลกอยู่ที่ 30% ของกำลังการผลิตทั้งหมด รองลงมาได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม รวมถึงประเทศเกิดใหม่อย่างไอวอรี่โคสต์และกัมพูชา ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในตลาดมากขึ้น             ความต้องการของตลาดยางพารา ในส่วนของการผลิตยางพารา ประเภทผลิตภัณฑ์ยางแท่ง (RSS) จะถูกส่งไปยังกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะในภาคการผลิตล้อยางรถยนต์ ซึ่งมีความต้องการในสัดส่วนที่สูงที่สุด ขณะที่ยางน้ำยางข้น (Concentrated Latex) จะถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ เช่น ถุงมือยาง เครื่องนุ่งห่ม และผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ             โดยในส่วนของจุดเด่นของบริษัท จะใช้กลยุทธ์ในการจับคู่ซื้อขาย Matching Order ระหว่างปริมาณซื้อวัตถุดิบกับปริมาณขายสินค้าในแต่ละช่วงเวลาให้ สอดคล้องกัน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคายางพารา โดยฝ่ายการตลาดจะกําหนดราคาขายสินค้า ตามต้นทุนของวัตถุดิบ ต้นทุนการ ผลิต และบวกด้วยอัตรากําไรขั้นต้นที่ต้องการ (Cost Plus Margin) ควบคู่ไปกับการพิจารณาราคาของตลาดซื้อขายยางพาราล่วงหน้าสิงคโปร์ (Singapore Commodity Exchange : SICOM), ตลาดซื้อขายยางพาราล่วงหน้าเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Future Exchange : SHFE) เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณากําหนด ราคาขายให้แก่ลูกค้า สําหรับการขายสินค้า แบ่งประเภทการขายออกเป็น 2 ส่วน คือ การขายแบบมีสัญญาระยะยาว (Long Term Contract) ที่ทําสัญญาเป็นรายปีและมีกําหนดการ ส่งมอบสินค้าเป็นรายเดือนตามที่ตกลงกัน และ การขายแบบรายครั้ง (Spot Contract)             ทั้งนี้ โรงงานผลิตยางพาราในจังหวัดบุรีรัมย์ มีกำลังการผลิตปัจจุบันอยู่ที่ 515,000 ตันต่อปี โดยในปี 2567 มีปริมาณการผลิตที่ 440,000 ตัน เนื่องจากปัญหาวัตถุดิบลดลงในช่วงต้นปี อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 บริษัทคาดว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้นเป็น 500,000 ตัน หรือเกือบ 100% ของกำลังการผลิตโรงงาน นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายโรงงานแห่งใหม่ซึ่งเป็นแห่งที่ 3 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในช่วงกลางปี 2568 เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ             "ปี 2568 คาดว่าซัพพลายยางพาราใหม่จะไม่มีเข้ามา เนื่องจากการปลูกยางพาราต้องใช้เวลา 7 ปีถึงจะให้ผลผลิตได้ ดังนั้น โอกาสที่ซัพพลายใหม่จะเข้ามาทดแทนยังต้องใช้เวลา โดยในรอบ 3 ปีจากนี้ คาดว่าราคายางพาราจะเป็นขาขึ้น พร้อมประเมินราคายางพาราแตะ 70 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี2567"             ตลาดยาง EU Deforestation Regulation (EUDR) ก็จะเป็นโอกาสของบริษัท โดยมีการเจรจากับลูกค้าแล้ว โดยคาดว่าเดือน กรกฎาคม 2568 จะเห็นการเริ่มซื้อขายEUDR รอบใหม่ โดยปีหน้าคาดว่าทำยาง EUDR ราว 8 หมื่นตัน             บริษัทให้ความสำคัญกับหลักการ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล) อย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการผลิตในโรงงานด้วยการใช้พลังงานทดแทน เช่น การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ บริษัทยังส่งเสริมชุมชนท้องถิ่นผ่านการสนับสนุนเกษตรกรให้ปลูกพืชปลอดสารพิษ ซึ่งผลผลิตดังกล่าวจะถูกนำมาจำหน่ายในโรงงานของบริษัท ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนทั้งในมิติของสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบโรงงาน https://www.youtube.com/watch?v=sr2BfTdo_aQ https://www.youtube.com/watch?v=eMZB2nyNZks

NER ได้รับผลการประเมิน SET ESG Ratings ปี 2567 ที่ระดับ “A”

NER ได้รับผลการประเมิน SET ESG Ratings ปี 2567 ที่ระดับ “A”

          หุ้นวิชั่น - บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER ปลื้มได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน “SET ESG Ratings” ในระดับ "A" ประจำปี 2567 ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้บริษัทให้ความสำคัญที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีความรับผิดชอบต่อสังคม           นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เปิดเผยว่า บริษัทได้รับเลือกเป็น 1 ใน 228 บริษัทจดทะเบียน ที่ได้รับการประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ปี 2567 ระดับ A ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน  ภายใต้แนวคิดของการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) ตลอดจนการคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน รวมถึงการให้ความสำคัญกับพนักงาน ชุมชน และสังคมผ่านกระบวนการทางธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ           รางวัลดังกล่าวนับว่าเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง ในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างเข้มแข็งและรอบด้าน สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) พร้อมเผชิญกับทุกความเสี่ยงใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ด้วยแผนการบริหารจัดการรองรับประเด็นต่างๆ อย่างชัดเจน ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นตัวช่วยที่ตอกย้ำความมั่นใจให้กับนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างยั่งยืน [PR News]

อุตสาหกรรมยางธรรมชาติไทย เจาะตลาดโลก [EP.2] | จัดเต็มการลงทุน

อุตสาหกรรมยางธรรมชาติไทย เจาะตลาดโลก [EP.2] | จัดเต็มการลงทุน

https://www.youtube.com/watch?v=eMZB2nyNZks อุตสาหกรรมยางธรรมชาติไทย เจาะตลาดโลก [EP.2] | จัดเต็มการลงทุน ติดตามรายการ #จัดเต็มการลงทุน ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 9.00-9.30 น. ทาง ททบ.5 #NER #หุ้น #SET #หุ้นวิชั่น #HoonVision

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

อุตสาหกรรมยางธรรมชาติไทย เจาะตลาดโลก [EP.1] | จัดเต็มการลงทุน

อุตสาหกรรมยางธรรมชาติไทย เจาะตลาดโลก [EP.1] | จัดเต็มการลงทุน

https://youtu.be/sr2BfTdo_aQ อุตสาหกรรมยางธรรมชาติไทย เจาะตลาดโลก [EP.1] | จัดเต็มการลงทุน ติดตามรายการ #จัดเต็มการลงทุน ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 9.00-9.30 น. ทาง ททบ.5 #NER #หุ้น #SET #หุ้นวิชั่น #HoonVision

7 โบรกการันตี!NER ไตรมาส4/67งบสดใส

7 โบรกการันตี!NER ไตรมาส4/67งบสดใส

      หุ้นวิชั่น - บล.ดาโอ (ประเทศไทย) กำไรปกติ 3Q24 ต่ำกว่าคาด จากต้นทุนยางเฉลี่ยสูงขึ้นกดดัน GPM เราคงคำแนะน้า "ถือ" แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 5.50 บาท (เดิม 5.70 บาท) อิง 2025E PER 6x(5-yr average) ตามการปรับประมาณการลง รวมถึงปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2025E NER รายงานกำไรปกติ 3Q24 (ไม่รวมกำไร Fx) ที่ 221 ล้านบาท (-35% YoY.-55% QoQ) ต่ำกว่าเราประเมินที่ 390ล้านบาท กำไรปกติที่ปรับตัวลงสาเหตุหลักจาก 1) GPM อยู่ที่เพียง 8.3% ลดลงจาก 3Q23 ที่ 10.9%และ 2024 ที่ 12.4%เป็นผลจากต้นทุนยางโดยรวมสูงขึ้น ซึ่งบริษัทบันทึกโดยวิธีถัวเฉลี่ย ขณะที่ราคาขาย ซึ่งเกิดจากการขายล่วงหน้าใน 5 เดือนก่อนหน้า ยัปรับตัวขึ้นได้ไม่มาก และ 2) SG&A สูงขึ้นจากค่าขนส่งและค่ากองทุนสงเคราะห์สวนยางตามการส่งออกมากขึ้น เราปรับกำไรปกติปี 2024E/25E ลง -15%/-10% เป็น 1.5 พันล้านบาท/1.7 พันล้านบาท (-5%YOY/+16% YoY) โดยหลักเพื่อสะท้อนการปรับสมมติฐาน GPM ลง สำหรับ 4Q24E เบื้องต้นคาดการณ์กำไรปกติจะซะลอ YoY จากปริมาณขายลดลงจากฐานสูง แต่มีโอกาสฟื้นตัว QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ราคาหุ้น underperform SET -7% ใน 1 เดือน ตามทิศทางราคายางที่ปรับตัวลง ทั้งนี้เราแนะนำเพียง"ถือ" จากผลการดำเนินงาน 2H24E กลับมาชะลอ HoH ขณะที่ล่าสุดราคายาง RSSS3 ของไทยปรับตัวลง -17% MoM หลังการเลื่อนใช้กฎหมาย EUDR และอุปทานสูงขึ้น นอกจากนี้การขยายกำลังการผลิตจากโรงงานใหม่ในโกตติวัวร์และไทย คาดจะเริ่มได้เร็วสุดในปี 2026E           บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ แม้ ไตรมาส 4/2567 คาดกำไรปกติดีขึ้น QoQ เพราะจะมีส่งบอบยางที่เลือนจาก ไตรมาส 3/2567 ราว 5 พันตัน และคาดราคาขายยางเฉลี่ยสูงขึ้น QoQ หลังเริ่มใช้ราคายางช่วง 2Q-3Q67 ซึ่งปรับขึ้นแรง หนุนให้คาดอัตรากำไรขั้นต้นจะปรัวดีขึ้น แต่อย่างไรก็ดี ไตรมาส 4/2567 คาดกำไรปกติจะอ่อนตัว YoY หลังมีความเสี่ยงปริมาณขายยางจะลดลงและอัตรากำไรขั้นต้นจะอ่อนตัวจากมีต้นทุนเฉลี่ยยางสูงขึ้น อีกทั้งกำไรปกติ 9M67 คิดเป็นเพียง 68% ของประมาณการทั้งปีซึ่งดำเกินไป เราจึงขอปรับลดประมาณการ โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2567 NER มีกำไรปกติ 1.595 aบ. ทรงตัว YoY แต่จะกลับมาโต 8%YoY ในปี 2568 จากราคายางที่ทรงตัวสูงจากอุปทานจำกัดและมีแผนเผนเพิ่มลูกค้าใหม่ เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ที่หันละ 5.00 บาท (EPS อิงจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากใช้สิทธิแปลงสภาพ NER-W2 ซึ่งมี 308 ล้านหน่วย และกำหนดให้ใช้สิทธิเท่ากัน 4 ครั้งในเวลา 2 ปี พร้อมอิงค่าเฉลี่ย PER ที่ 6.0 เท่าเช่นเดิม) ซึ่งใกล้เคียงกับราคาหุ้นปัจจุบัน อย่างไรก็ดี NER มีจุดเด่นที่จ่ายเงินปันผลสูง โดยคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปีนี้นี้ห้นละ 0.36 บาท คิดเป็น Div. Yield ปีละ7.2% ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำ "Neutra!" เพื่อรับเงินปันผล ความเสี่ยงสำคัญ คือ ความผันผวนของราคายายางพารา, การถดถอยของเศรษฐกิจโลกและจีน,ภาวะภัยแล้งจากปรากฎการณ์เอลนีโญอาจกระทบผลผลิต, การแข็งค่าของเงินบาท ส่วนความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ การแปรรูปยางอาจก่จก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศและเกิดน้ำเสียได้ (E)อย่างไรก็ดี บริษัทบริหารจัดการกระบวนการผลิตอย่างเป็นระบบ และมีการติดตามผลต่อเนื่อง           บล.กรุงศรี กำไรสุทธิ 3024 ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด เรามีมุมมอง "Negative" ต่อกำไรสุทธิ 3Q24 ของ NER ที่ 361 ลบ. (+16%y-y,-25%g-q) ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด -6%/-8% ตามลำดับ โดยหากไม่รวม FXgain และ hedging gain จะมีกำไรปกติที่ 221 ลบ. (-35%y-y, -55%q-q) เพราะGPM ต่ำกว่าคาด ในขณะที่ยอดขายและ SG&A/sales ใกล้เคียงคาด สำหรับโมเมนตั้ม 4Q24F คาดกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น y-v. g-q จากปริมาณการขายและราคาขายเพิ่มขึ้น q-q ตามร่าคา SICOM ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนในสินค้าคงเหลือมีแนวโน้มคงที่ จึงคาด GPM เพิ่มขึ้น g-q อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของบริษัทค่อนข้างท้าทายเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงาน 9M24 จึงมีโอกาสปรับประมาณการหลังได้รับข้อมูลเพิ่มจากการประชุมนักวิเคราะห์ คงคำแนะนำ Trading buy TP25F ที่ 5.85 บ.           บล.หยวนต้า แย่กว่าคาดทุกบรรทัด แต่ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เราคาดกำไร 4067 มีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่ที่ราว 650 ลบ.+/ เนื่องจาก ASP ที่สูงขึ้นสอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นมากกว่าต้นทุนและ ASP ใน 3Q67 ทำให้เราคาดว่า GPM ใน4Q67 จะกลับมาที่เลขสองหลักได้ นอกจากนี้ปริมาณขายบางส่วนส่งมอบล่าช้ากว่าแผนมาจากใน 3067 และบริษัทยังคงเป้าปริมาณขายที่ 4.4 แสนต้นในปีนี้ ทำให้ 4067 จะมีปริมาณส่งมอบถึง 1.3 แสนตัน สูงที่สุดของปี หากกำไร 4Q67 ใกล้เคียงกับที่เราประเมินจะส่งผลให้กำไรปกติปี 2567 อยู่ที่ 1,839 ลบ. จะต่ำกว่าประมาณการกำไรทั้งปี 2567 ปัจจุจุบันของเราราว 7% แต่เรายังคงประมาณการกำไรปี 2568 เนื่องจากยังคงมุมมองเชิงบวกต่อราคายาง และปี 2568 จะมีสัดส่วนรายได้จากยาง EUDR ในระดับที่มีนัยสำคัญมากขึ้น หนุนทั้งรายได้และ GPM เรายังคงคาดการณ์เงินปันผลช่วง 2H67 ที่ 0.38 บาท/หุ้น เนื่องจากในแง่ของกำไรสุทธิซึ่งใช้พิจารณาในการจ่ายเงินปันผลของบริษัทยังใกล้เคียงเราคาด คงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 7.30 บาท ปัจจุบันซื้อขายที่ PER68 ต่ำเพียง 5.0 เท่า และคงคำแนะนำ ซื้อ เชิงกลยุทธ์คาดว่าตลาดจะตอบรับเชิงลบในช่วงแรกจากกำไรปกติที่ต่ำกว่าคาดมาก แต่เป็นจุดต่ำสุดของปี ราคาหุ้นไม่แพง มีปันผลสูง และ 4067 มีโอกาส New high จึงน่าสนใจสะสมที่แนวรับ 4.80 บาท และ 4.72 บาท ตามลำดับ           บล.บัวหลวง แนวโน้ม 4Q24 จะกลับมาสดใสที่สุดของปีนี้ NER รายงานกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 361 ล้านบาท โต 15% YoY ซึ่งเป็นผลจากราคาขายเพิ่มขึ้น 25% YOY แม้ปริมาณการขายลดลง 12% YoY (ผลผลิตยางออกน้อยลงจากภาวะภัยแล้ง) โดยราคาขายเฉลี่ยเพิ่มมาอยู่ที่ 63 บาท ต่อก.ก. อย่างไรก็ดี บริษัทฯ บันทึกต้นทุนยางที่สูงขึ้นเข้ามา ขณะที่ราคาขายได้มีการกำหนดล่วงหน้าซึ่งเป็นราคาที่อยู่ในโซนต่ำใน 1H24 ส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น8.3% ใน 3Q24 จาก 10.9% ใน 3Q23 สำหรับแนวโน้ม 4Q24 ข้อมูลจากผู้บริหารในงานพบปะนักวิเคราะห์ มีมุมมองเป็นบวก จากทั้งราคาขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ใกล้ๆ 70 บาท ต่อ กก. และปริมาณการขายที่คาดการณ์ที่ 130K ตัน หรือเพิ่มทั้ง YOY และ QoQ จะทำให้ผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง ซึ่งเราคาดว่าจะเป็นกำไรที่ดีที่สุดของปีนี้           บล.พาย 3Q24 ต้นทุนขึ้นกดดันกำไรขั้นต้น เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" เพราะมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มปริมาณขายในช่วง 4Q24 ที่คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี จากการได้รับผลดีจากราคายางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ย. เป็นต้นมา ขณะที่แนวโน้มในปื 25 NER ตั้งเป้ายอดขายที่ระดับ 500,000 ตัน(+14%YoY) รวมถึงราคาขายมีโอกาสเห็นระดับ 70 บาท/กก. ซึ่งจะหนุนให้ผลประกอบการเติบโต่อได้โดยเบื้องต้นเราคาดกำไรสุทธิปี25 ที่ระดับ 2,005 ล้านบาท (+6%YoY นับเฉพาะกำไรปกติ) ส่วนผลประกอบการงวด 3Q24 มีกำไรปกติ 221 ล้านบาท (-35%YoY,-55%QoQ) ได้รับผลกระทบจากราคายางพาราที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงกลางไตรมาสทำให้เป็นปัจจัยกดดันกำไรขั้นต้นให้ลดลงเหลือเพียง 8% จาก 10.9% ใน 3Q23 และ 12.4% ใน 2Q24           บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ประเมินแนวโน้มกำไร 4Q24 จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนจากการรับรู้ราคาขาย ที่สอดคล้องกับต้นทุนมากชึ้น เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้น จะถูกรับรู้ในงวด 3Q24 ไปแล้ว ทำให้ใน 4Q24 จะกลับมาเป็นขาที่จะเห็นผลบวกจากราคาขายที่สูงขึ้นแล้ว ประกอบกับ ปริมาณการขายคาดฟื้นตัวแรง พลิกกลับมาที่ราว 1.2-1.3 แสนตันได้ คาดกำไรปกติ 4Q24 จะกลับมาเติบโตได้ดีขึ้นทั้ง qoq และ yoy NER รายงานกำไรปกติงวด 3Q24 ที่ 221 ล้านบาท ลดลง 35% yoy และ 55% qoq ปัจจัยกดดันหลักมาจาก gross margin งวด 3Q24 ที่ 8.3% ลดลงจาก 12.4% และ 10.9% ในงวด 2Q24 และ 3Q23 ตามลำดับ โดย gross margin ที่หดตัวแรงมาจากต้นทุนเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ในงวด 3Q24 แต่ต้นทุนในส่วนนี้ จะเป็นส่วนที่ผลิตเก็บไว้ขายในงวด 4Q24 ทำให้เกิดความไม่สอดคล้องในการรับรู้ต้นทุน VS ราคาขายในงวด 3Q24 กดดัน gross margin ปรับตัวลดลงแรงระยะสั้น

[ภาพข่าว] NER พบนักลงทุนในงาน Opportunity Day ประจำไตรมาส 3/2567

[ภาพข่าว] NER พบนักลงทุนในงาน Opportunity Day ประจำไตรมาส 3/2567

          คุณชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคุณศักดิ์ชัย จงสถาพงษ์พันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานบัญชี-การเงิน คุณเกศนรี จองโชติศิริกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการตลาดและควบคุมคุณภาพ และคุณปาร์ย อรรถพิสาล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานพัฒนาความยั่งยืน บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆและกลุ่มผู้ค้าคนกลางทั้งในประเทศและต่างประเทศ ร่วมนำเสนอข้อมูลในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน Opportunity Day ประจำไตรมาส 3/2567ว่าภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทมีปริมาณขาย 303,077 ตัน คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 18,514.43 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,293.14 ล้านบาท           ด้านภาพรวมปี 2567 นั้นมั่นใจว่ามีรายได้ทั้งปีจะเติบโตเป้า จากมีปริมาณขาย 440,000 ตัน โดยมีแนวโน้มคำสั่งซื้อที่ดีขึ้น ได้ปัจจัยบวกจากราคายางพาราที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูง ซึ่งปัจจุบันมีคำสั่งซื้อ (Order) ล่วงหน้าครอบคลุมถึงไตรมาส 1/2568

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

[ภาพข่าว] NER รับใบประกาศนียบัตร (CAC) ตอกย้ำองค์กรที่บริหารงานด้วยความโปร่งใส

[ภาพข่าว] NER รับใบประกาศนียบัตร (CAC) ตอกย้ำองค์กรที่บริหารงานด้วยความโปร่งใส

          นางสาวณัฐธยาน์ เจษฎาพิสิฐ ผู้ช่วยรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาดและควบคุมคุณภาพ/ประธานคณะทำงานต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เข้ารับมอบใบประกาศนียบัตรรับรองสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทยในระดับ 2 ดาว สำหรับการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2567 จากนายทศพร รัตนมาศทิพย์ กรรมการในคณะกรรมการพิจารณาให้การรับรองของ CAC ให้เกียรติมอบใบประกาศนียบัตรให้แก่บริษัทที่ผ่านการรับรอง ในงาน “CAC Certification Ceremony 2/2024” ภายใต้หัวข้อ “Navigating ESG: The Power of Integrity” ที่จัดขึ้น เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ           สำหรับการรับรองดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญและยึดมั่นต่อการปฏิบัติตามนโยบายและแนวปฏิบัติในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ภายใต้พันธสัญญาการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงหลักบรรษัทภิบาลที่ดี ความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ โดยยึดถือนโยบายป้องกันและต่อต้านการทุจริตอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นแนวร่วมในการป้องกันและต่อต้านการให้สินบน และการทุจริตคอร์รัปชันในทุกรูปแบบ

NER กำไร 9 เดือน ทะลุ 1.2 พันล้านบาท ตอกย้ำปี 2567 โตตามเป้า

NER กำไร 9 เดือน ทะลุ 1.2 พันล้านบาท ตอกย้ำปี 2567 โตตามเป้า

          หุ้นวิชั่น - บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER แจ้งงบ 9 เดือน กำไรสุทธิ 1,293.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.31% โดยรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 18,514.43 ล้านบาท ในผลิตภัณฑ์ยางแท่ง (STR20, STR-Mixture) ที่บริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ มั่นใจปี 2567 โตตามเป้าหมาย จากราคายางพาราเริ่มมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด           นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณขาย 303,077 ตัน ลดลง 66,400 ตัน หรือลดลง 17.97% คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 18,514.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.53 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 0.40% โดยงวด 9 เดือนของปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,293.14 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 6.98% ของรายได้จากการขายรวม โดยเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 209.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.31%           ด้านผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 3/2567 สำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณขาย 98,006 ตัน ลดลง 14,420 ตัน หรือลดลง 12.83 % คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 6,163.35 ล้านบาท ลดลง 535.43 ล้านบาทหรือลดลง 9.51% โดยกำไรสุทธิสำหรับงวดไตรมาส 3/2567 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 360.78 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.85% ของรายได้จากการขายรวม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 48.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.54% สำหรับรายได้จากการขายงวด 9 เดือนของปี 2567 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.40 ซึ่งเป็นการลดลงด้านปริมาณขายอยู่ที่ 3,313.53 ล้านบาท ในผลิตภัณฑ์ยางแท่ง (STR20, STR-Mixture) ที่บริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศเป็นสำคัญ ทำให้สัดส่วนยอดขายต่างประเทศลดลงจาก 35% ในปี 2566 เป็น 25% ในปี 2567 และผลต่างด้านราคาเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3,387.65 ล้านบาท           ด้านภาพรวมปี 2567 นั้นมั่นใจว่ามีรายได้ทั้งปีจะเติบโตเป้า จากมีปริมาณขาย 440,000 ตัน โดยมีแนวโน้มคำสั่งซื้อที่ดีขึ้น ได้ปัจจัยบวกจากราคายางพาราที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูง ซึ่งปัจจุบันมีคำสั่งซื้อ (Order) ล่วงหน้าครอบคลุมถึงไตรมาส 1/2568

[ภาพข่าว] NER สนันสนุนยกระดับคุณภาพการศึกษา

[ภาพข่าว] NER สนันสนุนยกระดับคุณภาพการศึกษา

           นายปริญญา ลีนะธรรม  รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานพัฒนาองค์กร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน)  ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับผศ.นิคม ลนขุนทด คณบดีคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ เพื่อสร้างและพัฒนาด้านงานวิจัยและที่ปรึกษาในเชิงบูรณาการ นอกจากนี้เพื่อสร้างความร่วมมือการจัดการศึกษาที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาหลักสูตรด้านการผลิตยางธรรมชาติ การแปรรูปผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจากยางพาราและการบริหารจัดการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และแลกเปลี่ยนความรู้ให้แก่นักศึกษา ตลอดความรู้และประสบการณ์ให้แก่นักศึกษา ต่อยอดการทำงานร่วมกับองค์กรในอนาคต และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในระดับบุคคลและสังคม ณ สำนักงานใหญ จังหวัดบุรีรัมย์

abs

Hoonvision

[ภาพข่าว] NER ขับเคลื่อนเชิงรุกต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน

[ภาพข่าว] NER ขับเคลื่อนเชิงรุกต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน

          NER ขับเคลื่อนเชิงรุกต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน  จัดอบรมกรรมการ ผู้บริหาร คู่ค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สร้างวัฒนธรรมองค์กรโปร่งใส ยั่งยืน           การคอร์รัปชั้น (Corruption)  เป็นภัยร้ายแรงทำลายการแข่งขันอย่างเสรีและความเป็นธรรม ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมและส่วนรวม บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER นำโดยคุณชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจด้วยความชื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ มีคุณธรรม ยึดมันในหลักการกำกับดูแลแลกิจการที่ดี จึงได้ยกระดับมาตรการต่อต้านคอร์รัปชัน ด้วยการจัดอบรมภายใต้หัวข้อ "บทบาทของผู้บริหารและพนักงานในการต่อต้านคอร์รัปชัน" ทั้งในรูปแบบ On-site ณ สำนักงานใหญ่ จังหวัดบุรีรัมย์ และ Online ผ่านระบบ ZOOM และ Facebook Live ให้กับคณะ กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน คู่ค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยมีคุณภิญญ์ ศิรประภาศิริ ผู้จัดการโครงการแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) เป็นวิทยากรในการให้ความรู้ เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่โปร่งใส ยุติธรรม และปฏิบัติตามจรรยาบรรณอย่างเคร่งครัด           สำหรับ NER ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับนโยบายต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น ในทุกรูปแบบเพื่อประโยชน์ทางตรงหรือทางอ้อม ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะเป็นผู้รับ ผู้ให้ หรือผู้เสนอให้ ทั้งที่เป็นตัวเงินหรือไม่เป็นตัวเงิน แก่หน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานเอกชนที่บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจหรือติดต่อด้วย โดยมีหลักการที่สำคัญ ดังนี้ บริษัทฯ ไม่เสนอให้ค่าตอบแทน จ่ายสินบน เรียกร้อง ตกลงหรือรับสินบนจากบุคคลอื่น หรือหน่วยงานอื่นในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการโดยตรงหรือโดยอ้อม เพื่อให้มีการตอบแทนปฏิบัติที่เอื้อประโยชน์ต่อกันหรือหวังผลประโยชน์เกี่ยวกับงานของบริษัท บริษัทฯ ไม่ทำธุรกรรมโดยไม่ชอบ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ บุคคลหรือหน่วยงานอื่น โดยทางตรงหรือทางอ้อม บริษัทฯ ไม่บริจาคเงินหรือจ่ายเงินเพื่ออำนวยความหรือให้เงินสนับสนุนโดๆ แก่บุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่นเพื่อเป็นช่องทางในการจ่ายสินบน บริษัทฯ ไม่สนับสนุนเงินหรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมให้แก่พรรคการเมือง กลุ่มทางการเมืองหรือบุคคลใดที่เกี่ยวกับการเมือง เพื่อให้ได้รับประโยชน์ในการดำเนินของธุรกิจหรือเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง           นโยบายดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากทีมผู้บริหารและพนักงานทุกคน ซึ่งมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดหลักจริยธรรม ยุติธรรม และโปร่งใสตลอดจนปราศจากการทุจริต           “ANTI-CORRUPTION” การต่อต้านการทุจริตไม่ใช่แค่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นภารกิจของทุกคนในสังคม ร่วมสร้างองค์กรที่โปร่งใส ไร้การทุจริตอย่างยั่งยืน ด้วยการแจ้งเบาะแส ตรวจสอบ และไม่เพิกเฉยต่อการทุจริต

[ภาพข่าว] NER คว้ารางวัล BEST CEO ครั้งที่ 2 ประจำปี 2567

[ภาพข่าว] NER คว้ารางวัล BEST CEO ครั้งที่ 2 ประจำปี 2567

         นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน)  หรือ NER รับรางวัล BEST CEO ประจำปี 2567 กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร จากนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ในงานประกาศรางวัล IAA AWARDS for Listed Companies 2024 จัดโดยสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน          นายชูวิทย์ กล่าวว่า การได้รับราง BEST CEO จากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนเป็นครั้งที่ 2  สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ NER ในการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับทุกกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ทั้งนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ นักลงทุนสถาบัน โดย NER ให้ความสำคัญกับการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และโปร่งใส เพื่อส่งต่อข้อมูลที่ครบถ้วนและถูกต้องไปยังสาธารณชน รางวัลนี้ยังเป็นการยืนยันว่า บริษัทได้ปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณ และบรรษัทภิบาลอย่างเคร่งครัด โดยรางวัลที่ได้รับในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันทุ่มเทการทำงาน เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานบริษัทให้มีความแข็งแรงและสร้างการเติบโตให้กับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติต่อไป          สำหรับรางวัล IAA Awards for Listed Companies เป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน จากการโหวตของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนเป็นสำคัญ ซึ่งพิจารณาจากความรู้ความสามารถในการบริหารงานของผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนที่มีความเป็นเลิศ มีความรอบรู้ในการดำเนินธุรกิจ ภายใต้หลักจรรยาบรรณและบรรษัทภิบาล รวมถึงการให้ความสำคัญต่อการดูแลสังคมควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมกับการพัฒนานวัตกรรมด้านสินค้าและบริการเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นรวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกมิติ ตลอดจนการให้ความสำคัญในการนำเสนอข้อมูลที่มีคุณภาพ ถูกต้องและครบถ้วนให้กับนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น รวมถึงช่วยขับเคลื่อนภาคสังคม ธุรกิจ และกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจให้กับประเทศต่อไป

NER พร้อมปรับตัวกับยุค AI เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน

NER พร้อมปรับตัวกับยุค AI เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน

          ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกมิติของชีวิต การปรับตัวและเตรียมพร้อมจึงเป็นกุญแจสำคัญในการอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืน บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการนำ AI มาใช้พัฒนาองค์กร โดยได้จัดบรรยายพิเศษเพื่อสร้างวิสัยทัศน์ให้แก่ผู้บริหารและพนักงาน ในหัวข้อ “เมื่อ AI ครองโลก มนุษย์จะอยู่อย่างไร” โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.วรศักดิ์ กนกนุกูลชัย ราชบัณฑิต และอดีตผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมบูรณาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย AI กับการเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจ           ศาสตราจารย์ ดร.วรศักดิ์ ได้ชี้ให้เห็นว่าในอนาคตอันใกล้ AI จะพัฒนาความฉลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถทำงานแทนมนุษย์ในหลายมิติ AI สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีความเหนื่อยล้าและไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมมีผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทั้งนี้ นับเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ในอนาคต AI จะก้าวไปสู่ระดับ AGI (Artificial General Intelligence) ซึ่งจะมีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์ สามารถทำงานที่ซับซ้อนและหลากหลายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น NER กับโอกาสในยุค AI           NER มองเห็นถึงโอกาสในการเติบโตและพัฒนาในยุคที่ AI ครองโลก บริษัทจึงเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตที่กำลังมาถึง โดยคาดว่า AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการ Automate ระบบต่างๆ ภายในองค์กร นอกจากนี้ ยังมีโอกาสอีกมากมายจากการเพิ่มบทบาทของ AI ในธุรกิจ ซึ่งบุคลากรของเราต้องก้าวตามกระแสธุรกิจและนวัตกรรมใหม่ๆ ให้ทัน เพื่อพัฒนาตนเองและสามารถอยู่ร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เปรียบเสมือน AI เป็น Co-Pilot ส่วนตัวในการทำงาน นอกจากนี้ NER ยังพร้อมเรียนรู้ และนำ AI มาใช้สร้างโอกาสใหม่ๆ ในการพัฒนาธุรกิจในอนาคต ควบคู่กับการให้ความสำคัญในการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างรับผิดชอบ ตามเป้าหมายความยั่งยืนขององค์กร *โลกจะขับเคลื่อนด้วย AI และ NER เตรียมพร้อมที่จะปรับตัวไปกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน*

โผหุ้นรับกระตุ้นศก.จีน

โผหุ้นรับกระตุ้นศก.จีน

          หุ้นวิชั่น รายงานว่า บล. DAOL เผยว่า จีนเปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หลังเศรษฐกิจชะลอตัว เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2024 ธนาคารประชาชนจีน (PBOC) ได้ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินและมาตรการสนับสนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ครงั้ ใหญ่ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กา ลังเผชิญกับแรงกดดันจากภาวะเงินฝืด และมีความเสี่ยงที่จะไม่บรรลุเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ โดย PBOC ประกาศปรับลดปริมาณการตงั้ เงินสา รองไว้ที่อัตราที่ต่า ที่สุดตงั้ แต่ปี 2020 และปรับลดอัตราดอกเบ้ยี นโยบาย ซึ่งถือเป็นครงั้ แรกในรอบทศวรรษที่มาตรการทงั้ สองถูกปรับลดในวันเดียวกัน นอกจากนี้ผู้ว่าการธนาคารกลางยังประกาศมาตรการสนับสนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ โดยมีรายละเอียดมาตรการของ PBOC ไว้ดังนี้ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย Reverse Repo Rate ระยะ 7 วัน ลงจาก 1.7% เป็น 1.5% ปรับลดอัตราส่วนการตั้ง เงินสำรอง (Reserve Require Ratio) ลง 0.50% ปล่อยสภาพคล่องจำนวน 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 142 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ปรับลดอัตราดอกเบ้ยี ระยะกลาง (Medium-Term Lending Facility) ลง 0.3% ปรับลดอัตราเงินดาวน์ขนั้ ต่า สา หรับผ้ซู ื้อบ้านหลังที่ 2 ลงจาก 25% เป็น 15%           การผ่อนคลายนโยบายการเงินในครั้ง นี้มากกว่าทนีั่กเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาด และมีโอกาสในการผ่อนคลายเพิ่มเติมในไตรมาสต่อๆ ไป หลังจากที่ Fed ปรับลดอัตราดอกเบ้ยี ลงมามากกว่าคาด DAOL มองเป็น sentiment เชิงบวกระยะสั้นต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจจีน เช่น กลุ่มปิโตรเคมีและแพ็กเกจจิ้ง, พลังงานต้นน้ำ , โลจิสติกส์, ยางพารา และส่งออกอาหารไปจีน กลุ่มปิโตรเคมีและแพ็คเกจจิ้ง (PTTGC, IVL, IRPC, SCC, SCGP) เนื่องจากอา นาจในการซื้อของผู้บริโภคที่สูงขึ้นเสริมให้มีการอุปโภคบริโภคภายในประเทศสูงขึ้น ทงั้ นี้ เราเชื่อว่า SCGP จะได้ประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากมีรายได้โดยตรงจากส่งออกไปจีน พลังงานต้นนา้ (PTTEP, BANPU) เนื่องจากอา นาจในการซื้อของผู้บริโภคที่สูงขึ้นจะส่งผลบวกต่อความต้องการใช้พลังงานต้นนา้ ทงั้ นี้ เราเชื่อว่า PTTEP จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการที่จีนเป็นผู้นา เข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก โลจิสติกส์ (RCL, PSL, WICE, LEO, SJWD) เนื่องจากจะส่งผลบวกต่อกิจกรรมการขนส่งดีขึ้น จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดย RCL และ PSL จะได้ประโยชน์มากกว่าจากอัตราค่าระวางเรือที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ยางพารา (STA, TEGH, NER) เนื่องจากจีนเป็นตลาดส่งออกยางสา คัญของไทย โดยเฉพาะยางแท่ง ซึ่งตลาดจีนคิดเป็นสัดส่วนราว 40-50% ของส่งออกยางแท่งรวม ทงั้ น้เี ราคาด STA จะได้ประโยชน์มากสุด เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากจีนสูงถึง 50% ส่งออกอาหารไปจีน (TKN, COCOCO, PLUS) เนื่องจากจีนเป็นตลาดส่งออกใหญ่ของผู้ประกอบการหลายราย โดย COCOCO มีสัดส่วนรายได้จากจีนประมาณ 28% ของรายได้รวม ส่วน PLUS มีสัดส่วนมากกว่า 20% ขณะที่ TKN มีสัดส่วนรายได้จากจีนที่ 22-24% ของรายได้รวม Top picks เราเลือก SCGP, PTTEP, NER, COCOCO

NER รับผลดี หลัง ธ.กลางจีน อัดเงิน ตอกย้ำรายได้ปี 67 ตามเป้า

NER รับผลดี หลัง ธ.กลางจีน อัดเงิน ตอกย้ำรายได้ปี 67 ตามเป้า

          หุ้นวิชั่น - นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER กล่าวถึงมาตรการที่ธนาคารกลางจีน (People’s Bank of China - PBOC) ได้ดำเนินการอัดฉีดเงิน 580,000 ล้านหยวน เพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และรักษาสภาพคล่องทางเศรษฐกิจว่า จะส่งผลดีต่อหลายภาคส่วน รวมถึงการบริโภคยางพาราในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของบริษัท การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มความต้องการใช้สินค้ายางพาราในอุตสาหกรรมต่างๆ ของจีน ไม่ว่าจะเป็นยางล้อรถยนต์หรือการผลิตสินค้าอื่นๆ ซึ่งจะส่งผลให้ NER มีโอกาสขยายตลาดและเติบโตได้มากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน           การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ยังเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาด และช่วยกระตุ้นความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและภาคการก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อ NER ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกยางพารารายสำคัญของประเทศไทย นอกจากนี้มาตรการดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลจีนในการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ และสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ให้มีการปรับตัวสูงขึ้น ตามความต้องการในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ธนาคารกลางลดดอกเบี้ย และกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว           โดยบริษัทมั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลดีต่อผลประกอบการ โดยคาดว่ารายได้รวมในปี 2567 จะเติบโตสูงถึง 28,500 ล้านบาท จากปริมาณการขายยางพาราที่ตั้งเป้าไว้ที่ 440,000 ตัน การกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะช่วยสนับสนุนให้ความต้องการยางพาราเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นโอกาสสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจและสร้างรายได้ที่มั่นคงในอนาคต ที่มา           ธนาคารกลางจีน (People’s Bank of China - PBOC) ได้ดำเนินการอัดฉีดเงิน 580,000 ล้านหยวนเข้าสู่ระบบการเงินเพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และรักษาสภาพคล่องทางการเงิน โดยการดำเนินการนี้รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยของการดำเนินการซื้อคืนพันธบัตร (reverse repo) ระยะเวลา 14 วันจาก 1.95% เหลือ 1.85% พร้อมทั้งการลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับการซื้อบ้านครั้งแรกและการลดอัตราเงินดาวน์ขั้นต่ำจาก 25% เป็น 15% เพื่อลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย           นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังได้ลดอัตราการสำรองเงินของธนาคารพาณิชย์ลง 0.50% เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์มีเงินทุนสำรองมากขึ้นสำหรับการปล่อยกู้แก่ภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวและแรงกดดันจากเงินฝืด โดยมีการคาดการณ์ว่า GDP ของจีนอาจขยับขึ้นสู่เป้าหมายที่ 5.0%