#MINT


MINT 4Q67 เข้าสู่ช่วง High Seasonท่องเที่ยว

MINT 4Q67 เข้าสู่ช่วง High Seasonท่องเที่ยว

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ผลประกอบการ 3Q67 ของ MINT มีรายได้จากการดำเนินงาน 42 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY จากแนวโน้มที่ดีขึ้น อย่างต่อเนื่องของกลุ่มโรงแรม รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPar) เพิ่มขึ้น 9% และราคาห้องพักเฉลี่ย (ADR) ที่เพิ่มขึ้น 7 % จากช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวในยุโรป ส่วนไทยแม้จะเป็นช่วง Low Season แต่ได้รับแรงหนุนจากความต้องการห้องพักสำหรับการเดินทางเพื่อธุรกิจและการพักผ่อนที่ยังแข็งแกร่ง ADR เพิ่มขึ้น 9% ในส่วนของธุรกิจอาหาร SSSG ของแบรนด์อาหารหลักในไทยและสิงคโปร์ยังเติบโตได้ กำไรสุทธิอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% YoY          แนวโน้มใน 4Q67 คาดจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากแรงหนุนการเข้าสู่ช่วง High Season ของภาคการท่องเที่ยวไทย และด้านธุรกิจอาหารคาดยอดขายและจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นผ่านการจัดแคมเปญของร้านอาหารในเครือ           อีกทั้งบริษัทมีแผนจัดตั้งกอง REIT นำโรงแรมขายเข้ากอง REIT ขนาดกองทุนราว 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยบริษัทจะถือหุ้นราว 50% จะทำให้บริษัทได้รับเงินราว 700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2.3-2.4หมื่นล้านบาท ทางบริษัทจะนำเงินราว 1 หมื่นล้านบาทชำระหนี้ ส่วนที่เหลือจะนำไปขยายการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยของบริษัทลงได้ 500 ล้านบาทต่อปี โดยบริษัทคาดว่าจะจัดตั้งกอง REIT ได้แล้วเสร็จ ปลายปี 2568 นี้ ด้านแผนระยะยาวตั้งเป้าเพิ่มโรงแรมในเครือมากกว่า 780 แห่ง และร้านอาหาร 3,700 สาขาภายในปี 2569 จากสิ้นปี 2566 มีโรงแรม 532 โรงแรมและร้านอาหาร 2,645 สาขา ได้รับ Sentiment บวกจาการที่ MINT ได้รับการเข้าคำนวณดัชนี FTSE Large cap ซึ่งมีผลบังคับใช้ 23 ธ.ค.

เปิดโผหุ้นเด่น น่าสะสม 1 ปี ขึ้นไป มองปีหน้ากำไรเติบโตต่อ

เปิดโผหุ้นเด่น น่าสะสม 1 ปี ขึ้นไป มองปีหน้ากำไรเติบโตต่อ

          หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.เอเชียพลัส สำรวจหุ้น พบว่า หลังโควิดถึงปัจจุบัน การลงทุนในตลาดหุ้นไทยยากขึ้น ถูกกดดันจากเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตช้า และต่ำคาด, การเมืองไม่นิ่ง, FUND FLOW ชะลอไหลเข้า กดดันให้ ในปี 2022, 2023, 2024YTD มีสัดส่วนจำนวนหุ้นทั้งหมดในดัชนี SET และ MAI ที่ให้ผลตอบแทนรายปีเป็นบวกน้อยกว่าครึ่ง หรือเพียง 31%, 14%, 26% ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่า ตลาดมีจำนวนหุ้นบวกรายปีต่ำ ทำให้การลงทุนต้อง พิถีพิถัน และเน้น SELECTIVE BUY มากขึ้น ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ ทำการศึกษา และค้นหาหุ้นที่คาดว่าจะเอาชนะตลาด และน่าสะสม สะสมระยะ 1 ปีขึ้นไป ด้วยเงื่อนไขต่างๆ ดังนี้ เลือกหุ้นที่มี SAFETY MARGIN สูง โดยปกติตลาดหุ้นและหุ้นมักจะไม่ลบ ติดต่อกัน 2 ปี ทำให้หุ้นที่ย่อตัวลงมาในปีนี้ ช่วยลด DOWNSIDE RISK ลงไป ระดับหนึ่งแล้ว เลือกหุ้นที่กำไรปีหน้ามีโอกาสเติบโตเด่น โดยสังเกตได้จากหุ้นที่ขึ้นแรง อันดับต้นๆใน SET100 ในแต่ละปี มักเป็นหุ้นที่กำไรปีนั้นเติบโตเด่นมาก ดังนั้น ฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการค้นหา กลุ่มหุ้นที่ราคาย่อตัวลงมาเยอะ แต่กำไรมี โอกาสเติบโตเด่นในปี 2568 อาทิ PETRO, CONS, MEDIA, TOURISM, CONMAT, ENERG, PKG, FIN และเลือกหุ้นเด่นน่าลงทุนจากในกลุ่มนี้ ได้ผลลัพธ์ หุ้นเด่นน่าเข้าสะสมหวังผลในระยะ 1 ปีขึ้นไป คือ SCC, SCGP, MINT, GPSC, CK เป็นต้น นอกจากนี้  ฝ่ายวิจัยฯ ยังค้นหาจุดน่าเข้าสะสมที่เหมาะสมที่สุดรายบริษัท จากการหา OPTIMIZATION  ในกรอบการซื้อขาย ผ่านตัวชี้วัดทางเทคนิค อย่าง RSI โดยการ ทดสอบย้อนหลังในระยะเวลา 4 ปี ที่ผ่านมา ผลลัพธ์จะได้ช่วงซื้อ (RSI กรอบล่าง) และช่วงขาย (RSI กรอบบน) ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีสุดสำหรับหุ้นตัวนั้นๆ

โบรกมอง MINT โตต่อปีนี้ถึงปีหน้า การดำเนินงานและลดหนี้หนุน

โบรกมอง MINT โตต่อปีนี้ถึงปีหน้า การดำเนินงานและลดหนี้หนุน

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.กรุงศรี ระบุจากการประชุมนักวิเคราะห์ มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของ MINT โดยบริษัทยังคงมั่นใจต่อแนวโน้มใน 4Q24F-2025F จากการดำเนินงานโรงแรมในไทย เอเชีย และยุโรปที่ RevPar ยังเติบโต แผนการปรับปรุงและขยายโรงแรม และแผนการลดภาระหนี้ที่คาดว่าจะเห็นชัดเจนขึ้น           ดังนั้นยังคงประมาณการผลประกอบการของเรา โดยคาดว่ากำไรปกติจะเติบโต YoY และ QoQ ใน 4Q24F และกำไรในปี 2024F จะยังคงเติบโต 17% YoY มาที่ 8.3 พันล้านบาท           ปัจจุบัน MINT ซื้อขายอยู่ที่ 7x EV/EBITDA, 16x PER 2025F ซึ่งคิดเป็น -1SD ของค่าเฉลี่ยในอดีตแล้ว           ดังนั้น ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสม 38 บาท คงเป้าหมายการเติบโตและแผนการลดหนี้ โรงแรม: สำหรับยุโรปและละตินอเมริกา RevPar ตุลาคม +4-5% YoY ในขณะที่รายได้จากยอดจอง (On-the-Book) เติบโตระดับ High Single Digit ในพฤศจิกายน-ธันวาคม สำหรับเอเชีย (ไทยและอื่นๆ) RevPar +9-10% ในตุลาคม และเติบโตสองหลักสำหรับที่เหลือของปี สำหรับปี 2025F บริษัทมีมุมมองระมัดระวัง โดยคาดเติบโตเลขตัวเดียว (Mid-Low) แต่จะใช้กลยุทธ์ในการ Rebranding และ Repositioning โรงแรมเพื่อขยับขึ้นค่าห้องพัก แผนการขยายโรงแรม: MINT ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนโรงแรมจาก 561 เป็น 780 โรงแรมในปี 2026F ด้วยจำนวนห้องเพิ่มขึ้นจาก 8.1 หมื่นห้องเป็น 1.2 แสนห้องในปี 2026F จะเน้นการเพิ่มสัดส่วน Asset Light จาก 31% ในปัจจุบันเป็น 50% ใน 2026F อาหาร: ไทยและสิงคโปร์ยังเป็นพื้นที่หลัก ด้วย TSSSG ที่ยังเป็นบวก (ไทย SSSG ลบเล็กน้อย (vs -0.8% ใน 3Q24), สิงคโปร์ +2% (vs -1.1% ใน 3Q24)) หลักๆ จากแบรนด์สำคัญ เช่น Sizzler, The Pizza Company และ Dairy Queen ออสเตรเลียดีขึ้นด้วย Flat YoY (vs -1.6% ใน 3Q24) มีกำรปรับปรุงร้าน The Coffee Club และจีนติดลบน้อยลง มาอยู่ที่ลบเลขตัวเดียว (vs -20% ใน 3Q24) บริษัทมีการปรับกลยุทธ์เพิ่มแบรนด์ใหม่และเน้นควบคุมต้นทุน สำหรับระยะกลาง บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาจาก 2.6 พันสาขาใน 3Q24 เป็น 3.7 พันสาขาในปี 2026F โดยจะเน้นรูปแบบแฟรนไชส์ แผนการลดหนี้: อัตราส่วนหนี้สุทธิต่อทุน (Net IBD/E) ลดลงเหลือ 0.98 เท่าใน 3Q24 ต่ำกว่าค่าที่กำหนดไว้ที่ 1.3 เท่า และตั้งเป้าอยู่ที่ 0.8x ใน 2024F จากการจ่ายชำระคืนหนี้ตามผลการดำเนินงานและฐานเงินทุนที่สูงขึ้น บริษัทมีแผนออก REITs ภายใน 12-18 เดือนข้างหน้า เพื่อช่วยลดภาระหนี้และความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน แต่ปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด คงประมาณการผลประกอบการ แนะนำ BUY ราคาเป้าหมาย 38 บาท           คาดว่ากำไรปกติใน 4Q24F จะเติบโต YoY และ QoQ จากการดำเนินงานโรงแรมที่เติบโตทั้งในไทยและยุโรป           นอกจากนี้ การจัดการหนี้สินของ MINT เห็นผลจากการเร่งจ่ายชำระหนี้ใน 3Q24 และภาระดอกเบี้ยลดลงเหลือ 9.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของกำไรใน 4Q24-2025F           ทั้งนี้ ราคาหุ้นของ MINT ลดลงในช่วงที่ผ่านมาและซื้อขายในระดับต่ำกว่ากลุ่มที่ EV/EBITDA ที่ 7 เท่า และ P/E ที่ 16 เท่า หรือ -1SD จากค่าเฉลี่ยในอดีต           ดังนั้น จึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยประเมินมูลค่าที่เหมาะสมที่ 38 บาท (DCF)

MINT ตั้งบริษัทย่อย ทำธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

MINT ตั้งบริษัทย่อย ทำธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

          บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (‘บริษัท’, ‘MINT’) ขอแจ้งการจัดตั้งบริษัทใหม่ Minor Restaurants Management DMCC โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ ชื่อบริษัทใหม่: Minor Restaurants Management DMCC วันที่จัดตั้ง: ตุลาคม 2567 โครงสร้างการถือหุ้น: บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)* ถือหุ้นร้อยละ 100 ทุนจดทะเบียน: 100,000 เดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ประมาณ 950,000 บาท) แหล่งที่มาของเงินทุน: กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน วัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง: เพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

MINT กำไรปกติตามคาด จับตา Q4 พร้อมโตต่อ

MINT กำไรปกติตามคาด จับตา Q4 พร้อมโตต่อ

           หุ้นวิชั่น - บทวิเคราะห์ บล.ดาโอยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” MINT และมีการ Rollover ราคาเป้าหมายไปเป็นปี 2025E ได้เท่าเดิมที่ 34.00 บาท อิง DCF (WACC ที่ 7%, terminal growth ที่ 2.5%) เพราะสะท้อนถึงความผันผวนของค่าเงิน โดย MINT ประกาศกำไรปกติ 3Q24 อยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท (+16% YoY, -18% QoQ) เป็นไปตามที่ตลาดและคาด เพราะผ่านช่วง Peak season ของยุโรปไปแล้วใน 2Q24            ขณะที่มีกำไรสุทธิที่ 149 ล้านบาท เพราะมีรายการพิเศษราว -2.5 พันล้านบาท จากขาดทุนจากสัญญาอนุพันธ์เป็นหลัก โดย 1) ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัว ภาพรวม RevPAR เพิ่มขึ้น +9% YoY แต่ลดลง -9% QoQ โดยไทยมี RevPAR ที่ +12% YoY และ +1% QoQ ขณะที่ยุโรปมี RevPAR เพิ่มขึ้นที่ +9% YoY แต่ลดลง -6% 2) ธุรกิจอาหารมี SSSG โดยรวมลดลง -3% YoY จาก 2Q24 ที่ +3% YoY โดยไทยมี SSSG ลดลง -1% YoY จาก 2Q24 ที่ +1% YoY ขณะที่ออสเตรเลียลดลงที่ -2% YoY จาก 2Q24 ที่ -4% YoY ส่วนจีนลดลงมากที่สุดอยู่ที่ -20% YoY จาก 2Q24 ที่ -20% YoY จากการบริโภคในประเทศที่หดตัวลง กำไรปกติ 9M24 คิดเป็น 73% ของประมาณการกำไรทั้งปี ทำให้เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2024E ที่ 7.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น +6% YoY จากการฟื้นตัวในทุกประเทศ โดยเฉพาะที่ไทยและยุโรป            ขณะที่คาดว่า 4Q24E จะโต YoY ได้ต่อเพราะเป็น High season ที่ไทยและมัลดีฟส์เข้ามาช่วยหนุน ราคาหุ้นปรับตัวลดลง -10% และ -13% ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับ SET จากประเด็นเรื่องสเปน (สัดส่วนราว 30% ของรายได้โรงแรม NH) ที่ยังมีการประท้วงต่อต้านนักท่องเที่ยวมาตลอดตั้งแต่เดือน เม.ย. 24 รวมถึงมีน้ำท่วมที่สเปนเข้ามากดดันเพิ่มเติม ขณะที่ RevPAR ในยุโรปยังเติบโต YoY ได้ดี ด้าน valuation ยังถูกกว่ากลุ่มฯซื้อขาย 2024E EV/EBITDA ที่ 10x (-2.00SD below 10-yr average EV/EBITDA) ถูกกว่า ERW และ CENTEL ที่ average EV/EBITDA เราจึงยังคงแนะนำ “ซื้อ

นักท่องเที่ยวเพิ่ม 5% หนุน AOT-AAV-MINT

นักท่องเที่ยวเพิ่ม 5% หนุน AOT-AAV-MINT

          หุ้นวิชั่น- บทวิเคราะห์ บล.ดาโอ ระบุว่า นักท่องเที่ยวสัปดาห์ล่าสุด (4-10 พ.ย.) เพิ่มขึ้น +5% WoW จากอินเดีย, รัสเซียและจีน รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวสัปดาห์ที่ผ่านมา (4-10 พ.ย.) มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 736,136 คน (+5% WoW/+21% YoY) คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 105,162 คน โดยประเทศมี % เพิ่มขึ้นตามลำดับดังนี้ 1) อินเดีย 51,478 คน (+26% WoW/+94% YoY), 2) รัสเซีย 47,493 คน (+15% WoW), 3) เกาหลีใต้ 34,763 คน (+7% WoW/+9% YoY) และ 4) จีน 103,150 คน (+7% WoW/+50% YoY) ขณะที่มาเลเซียลดลงมาอยู่ที่ 89,463 คน (-27% WoW/-20% YoY) โดยนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) เพราะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวกลุ่มภูมิภาคยุโรป อเมริกา และโอเชียเนีย           ขณะที่กลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short haul) อย่างมาเลเซียลดลงเพราะเป็นช่วงสิ้นสุดวันหยุดต่อเนื่องในสัปดาห์ก่อนหน้า สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-10 พ.ย. 24 ทั้งสิ้น 29,816,537 คน เพิ่มขึ้น +29% YoY (ที่มา: กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา)           มองเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น WoW โดยจำนวนนักท่องเที่ยวรวมทำจุดสูงสุดในรอบ 12 สัปดาห์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นได้ดีเพราะการเข้าสู่ช่วง High season ของไทย ขณะที่นักท่องเที่ยวอินเดียเริ่มกลับมาเริ่มฟื้นตัวได้ดี +26% WoW และนักท่องเที่ยวรัสเซียมีการเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องมา 4 สัปดาห์ติดต่อกัน (CENTEL มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวรัสเซียมากสุดที่ 5% รองลงมาเป็น ERW ที่ 3%)           ประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวรวมเฉลี่ยรายสัปดาห์ในช่วง 11 ต.ค.-17 พ.ย. 67 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) โดยเฉพาะตลาดภูมิภาคยุโรป ประกอบกับมีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีผลต่อจำนวนที่นั่งเข้าไทย (Seat Capacity) ระหว่างเดือน ก.ค. มาจนถึง ธ.ค. ที่จะเพิ่มขึ้น 10% รวมถึงการกระตุ้นและส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มจำนวนเที่ยวบินมากยิ่งขึ้น ขณะที่เราคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเริ่มมากขึ้นอีกในเดือน ธ.ค. 24 ที่มีหลายเทศกาลเข้ามาช่วยหนุน ทั้งนี้ ภาพรวมของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2024E ยังอยู่ในกรอบประมาณการนักท่องเที่ยวรวมและนักท่องเที่ยวจีนที่เราประเมินไว้           โดยหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น เรียงลำดับจากมากไปน้อยตามสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT, SHR           คงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 2024E เพิ่มขึ้น +21% YoY และนักท่องเที่ยวจีน +84% YoY เรายังคงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 2024E จะอยู่ที่ 34 ล้านคน เพิ่มขึ้น +21% YoY และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะอยู่ที่ 6.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง +84% YoY ให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด” โดย Top pick ของกลุ่มท่องเที่ยวเรายังชอบ AAV, AOT และ MINT AAV (ซื้อ/เป้า 3.60 บาท) คาด 4Q24E จะดีโดดเด่นจากการเข้าสู่ high season ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารและค่าตั๋วโดยสารจะเพิ่มขึ้นได้ดี AOT (ซื้อ/เป้า 72.00 บาท) จากแนวโน้มกำไร 1Q-2QFY25E ที่จะยังโต YoY ดีต่อเนื่อง MINT (ซื้อ/เป้า 34.00 บาท) จาก valuation ยังถูกกว่ากลุ่มฯซื้อขาย 2024E EV/EBITDA ที่ 10x (-2.00SD below 10-yr average EV/EBITDA) ถูกกว่า ERW และ CENTEL ที่ average EV/EBITDA ขณะที่คาดกำไรปกติ 4Q24E จะโต YoY ได้ต่อ เพราะเป็น High season จากไทยและมัลดีฟส์

ส่องอนาคต MINT ซีรีส์ดังพร้อมกระตุ้น?

ส่องอนาคต MINT ซีรีส์ดังพร้อมกระตุ้น?

          หุ้นวิชั่น - ล่าสุด HBO เผยแพร่สถานที่ถ่ายทำ The White Lotus Season 3 ที่โรงแรมของบริษัท อาทิ เช่น Four Seasons Resort ในสมุย ทำให้ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวระดับบนจากทุกมุมโลกให้เดินทางมาที่โรงแรมของ MINT ในสมุยและภูเก็ตตามรอยซีรีส์ดังกล่าว ส่งผลให้โรงแรมของบริษัทขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางระดับลักชัวรีชั้นนำ           ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2567 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชันแนล จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) หรือ MINT  แนวโน้มในอนาคต           ไมเนอร์ โฮเทลส์ โรงแรมในทวีปเอเชียพร้อมตอบสนองความต้องการการเดินทางของนักท่องเที่ยวเมื่อเข้าสู่ไตรมาส 4 ปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว โดยปริมาณการจองโรงแรมที่สูงกว่าในช่วงปีที่แล้ว จากการฟื้นตัวของจำนวนเที่ยวบินและความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวของสนามบินที่เพิ่มขึ้นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 เห็นได้จากการจราจรทางอากาศที่ดำเนินการโดยสายการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การจองโรงแรมล่วงหน้าสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการการเดินทางที่แข็งแกร่งในแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญในช่วงเทศกาลและวันหยุด จากนักเดินทางที่แสวงหาประสบการณ์ระดับพรีเมียมในสถานที่ยอดนิยม เช่น กรุงเทพฯ และ ภูเก็ต โดยคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเข้าใกล้ปลายปี บริษัทจึงได้ออกแบบแพ็คเกจพร้อมนำเสนอประสบการณ์พิเศษต่างๆ ที่สามารถขับเคลื่อนรายได้ทั้งจากห้องพัก จากร้านอาหารและเครื่องดื่ม และบริการอื่นๆ ทำให้แนวโน้มไตรมาส 4 ปี 2567 ยังคงแข็งแกร่ง ล่าสุด HBO เผยแพร่สถานที่ถ่ายทำ The White Lotus Season 3 ที่โรงแรมของบริษัท อาทิ เช่น *Four Seasons Resort* ในสมุย ทำให้ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวระดับบนจากทุกมุมโลกให้เดินทางมาที่โรงแรมของเราในสมุยและภูเก็ตตามรอยซีรีส์ดังกล่าว ส่งผลให้โรงแรมของบริษัทขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางระดับลักชัวรี่ชั้นนำ สำหรับทวีปยุโรป การเดินทางเพื่อธุรกิจและการพักผ่อนยังคงแข็งแกร่ง โดยยอดจองโรงแรมของนักเดินทางกลุ่มองค์กรเพิ่มสูงขึ้นในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน และยังคงมีความต้องการการเดินทางเพื่อการพักผ่อนต่อเนื่องไปจนถึงเดือนธันวาคม ในไตรมาส 4 ปี 2567 ส่วนของการจองโรงแรมล่วงหน้ามีแนวโน้มเติบโตด้วยตัวเลขหลักเดียวที่สูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน           กลยุทธ์การปรับปรุงสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง การเพิ่มรายได้จากช่องทางการจองโรงแรมโดยตรง และการขยายแบรนด์ในตลาดที่มีการเติบโตสูง ได้แก่ การเปิดตัวโรงแรมเอ็นเอช และเอ็นเอช คอลเลคชั่นในประเทศไทย ศรีลังกา มัลดีฟส์ และแอฟริกาใต้เมื่อเร็วๆ นี้ รวมถึงอวานีในอัมสเตอร์ดัม และอนันตราในอินเดีย ส่งผลให้บริษัทขยายตลาดในทำเลที่มีความต้องการสูง สามารถดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย เพื่อให้ไมเนอร์ โฮเทลส์สามารถขับเคลื่อนการเติบโตด้านผลกำไรและขยายส่วนแบ่งการตลาดในปี 2568 และปีต่อๆ ไปได้อีกในอนาคต           ไมเนอร์ ฟู้ด ไมเนอร์ ฟู้ดมีธุรกิจร้านอาหารที่หลากหลายซึ่งสามารถจะได้รับประโยชน์จากเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองนี้ การเข้ามารับประทานอาหารที่ร้านเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศไทยและสิงคโปร์ จากจำนวนลูกค้าที่ผ่านแคมเปญใหม่ๆ และเมนูพิเศษที่ปรับให้เหมาะกับโอกาสของการเฉลิมฉลองในไตรมาส 4 ปี 2567 โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าและเพิ่มการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อลูกค้าให้สูงขึ้น แบรนด์ร้านอาหารต่างๆ ภายใต้ธุรกิจของเรายังคงเป็นผู้นำในตลาด โดยสเวนเซ่นส์นำเสนอของหวานตามเทศกาล ในขณะที่เดอะ พิซซ่า คอมปะนี และซิซซ์เล่อร์ กำลังเปิดตัวเมนูที่ออกแบบมาสำหรับการสังสรรค์โดยเฉพาะ           นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ยกระดับแบรนด์เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าในตลาดใหม่ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทั่วโลก เช่น การปรับแบรนด์เบนิฮานาเพื่อให้เป็นที่รู้จักในระดับสากลมากขึ้น ผ่านการนำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารอันแปลกใหม่เพื่อขยายฐานในระดับโลก ส่วนในประเทศจีน แบรนด์ร้านอาหารที่มีราคาเข้าถึงง่ายขึ้นได้ใหม่เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายในตลาดเพิ่มเติม และในประเทศไทย บริษัทเตรียมเปิดตัวร้านสเต๊กในราคาที่ดึงดูดฐานลูกค้ากลุ่มใหม่และสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในการรับประทานอาหารที่มีคุณภาพในราคาที่คุ้มค่า กลยุทธ์การขยายธุรกิจของบริษัทประกอบด้วยการนำเสนอแบรนด์ใหม่ที่สอดคล้องกับเทรนด์ ภายใต้แนวคิดที่สามารถนำไปต่อยอดขยายแบรนด์ในตลาดอื่นได้ เช่น เพลท ที่ประสบความสำเร็จในประเทศสิงคโปร์ ตลอดจนแบรนด์เบนิฮานา และเดอะ คอฟฟี่ คลับ โฉมใหม่ได้ถูกนำไปใช้ขยายธุรกิจในตลาดอื่นๆ ของไมเนอร์ ฟู้ด เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจรูปแบบแฟรนไชส์ แนวทางนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจร้านอาหารของไมเนอร์ ฟู้ด แต่ยังสร้างแหล่งรายได้ใหม่จากการลงทุนแบบที่ลดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (Asset-light) ในภูมิภาคต่างๆ มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของแต่ละแบรนด์ เพื่อเพิ่มการมีส่วนรวมของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สร้างโอกาสในการมารับประทานอาหารมากขึ้น และขยายส่วนแบ่งการตลาด           วินัยทางการเงินและความแข็งแกร่งของงบดุล ในปี 2568 บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะลดภาระหนี้และสร้างเสถียรภาพทางการเงินในไตรมาส 4 ปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายการชำระหนี้เพิ่มเติมโดยใช้กระแสเงินสดในไตรมาสล่าสุด เพื่อให้มั่นใจว่าท่ามกลางความผันผวนของค่าเงิน ระดับหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยยังคงสามารถลดลงอย่างต่อเนื่อง ด้วยวินัยทางการเงินนี้ ทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นในการลงทุนยกระดับพัฒนาสินทรัพย์ รวมถึงโครงการที่อยู่อาศัย การเปิดร้านอาหารใหม่ๆ และความร่วมมือกับพันธมิตรที่สามารถสร้างผลตอบแทนสูง ทั้งหมดนี้จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทเติบโตในระยะยาว           นอกจากความมุ่งมั่นในการสร้างวินัยทางการเงินแล้ว ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยุโรปและอเมริกา (MHEA) ยังได้รับการปรับระดับการจัดอันดับเครดิตจากมูดี้ส์ (Moody’s) ด้วยอันดับเครดิตองค์กรระยะยาวสำหรับกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น Ba3 จาก B1 และหุ้นกู้มีประกันไม่ด้อยสิทธิ์จำนวน 400 ล้านยูโรของบริษัทได้รับการปรับระดับการจัดอันดับเป็น Ba2 การปรับอันดับนี้เน้นให้เห็นถึงการพัฒนาตัวชี้วัดทางการเงินของไมเนอร์ โฮเทลส์ ยุโรปและอเมริกาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการได้รับการสนับสนุนจาก MINT ทั้งด้านการดำเนินงานและการเงิน ตอกย้ำความมุ่งมั่นในระยะยาวที่จะลดภาระหนี้สินและเพิ่มเสถียรภาพทางการเงินจนถึงปี 2569 นอกจากนี้ บริษัทยังภาคภูมิใจที่ได้รับการจัดอันดับการกำกับดูแลกิจการ (CG) ระดับ “ดีเลิศ” หรือ “5 ดาว” ซึ่งเป็นอันดับสูงสุด เป็นปีที่ 12 ติดต่อกันจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และยังตอกย้ำการมีชื่อเสียงระดับโลกในด้านแนวปฏิบัติขององค์กรที่มีความรับผิดชอบ จากการจัดอันดับ "AA" MSCI ESG ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับทั้งความสามารถ

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 20% AOT-AAV-MINT รับโชค

นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 20% AOT-AAV-MINT รับโชค

          หุ้นวิชั่น - บทวิเคราะห์ บล.ดาโอ ระบุว่า รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวสัปดาห์ที่ผ่านมา (28 ต.ค.-3 พ.ย.) มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 701,962 คน (+20% WoW/+26% YoY) คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 100,280 คน โดยประเทศมี % เพิ่มขึ้นตามลำดับดังนี้ 1) มาเลเซีย 123,121 คน (+52% WoW/+68% YoY), 2) รัสเซีย 41,397 คน (+27% WoW), 3) อินเดีย 40,956 คน (+6% WoW/+34% YoY), 4) เกาหลีใต้ 32,593 คน (+6% WoW/+8% YoY) และ 5) จีน 96,756 คน (+5% WoW/+44% YoY)           โดยนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมากในทุกกลุ่มตลาด ทั้งนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) และกลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short haul) โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) เดินทางเข้ามาจำนวน 243,204 คน หรือเพิ่มขึ้น 25% WoW ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวจากกลุ่มตลาดระยะไกลเดินทางเข้ามาแตะระดับ 200,000 คน นับตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยมีปัจจัยจากการเข้าสู่ High season ของนักท่องเที่ยวยุโรป อเมริกา และโอเชียเนีย โดยเฉพาะตลาดรัสเซียและเยอรมันที่เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นกว่า 8,000 คน           ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short haul) ฟื้นตัวด้านการเดินทางเช่นกัน โดยเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น 18% WoW จากการมีวันหยุดต่อเนื่อง (เทศกาลดิวาลี) ในหลายประเทศ อาทิ อินเดีย มาเลเซีย และสิงคโปร์           สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-3 พ.ย. 24 ทั้งสิ้น 29,080,399 คน เพิ่มขึ้น +29% YoY (ที่มา: กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา)           DAOL: เรามองเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น WoW ทุกประเทศ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวรวมทำจุดสูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นได้ดีเพราะการเข้าสู่ช่วง High season ของไทย ขณะที่นักท่องเที่ยวรัสเซียเริ่มเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องมา 3 สัปดาห์ติดต่อกัน (CENTEL มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวรัสเซียมากสุดที่ 5% รองลงมาเป็น ERW ที่ 3%) โดยเราประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวรวมเฉลี่ยรายสัปดาห์ในช่วง 4 ต.ค.-10 พ.ย. 67 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) โดยเฉพาะตลาดภูมิภาคยุโรป ประกอบกับมีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีผลต่อจำนวนที่นั่งเข้าไทย (Seat Capacity) ระหว่างเดือน ก.ค. มาจนถึง ธ.ค. ที่จะเพิ่มขึ้น 10% รวมถึงการกระตุ้นและส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มจำนวนเที่ยวบินมากยิ่งขึ้น ขณะที่เราคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเริ่มมากขึ้นอีกในเดือน ธ.ค. 24 ที่มีหลายเทศกาลเข้ามาช่วยหนุน ทั้งนี้ ภาพรวมของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2024E ยังอยู่ในกรอบประมาณการนักท่องเที่ยวรวมและนักท่องเที่ยวจีนที่เราประเมินไว้ โดยหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น เรียงลำดับจากมากไปน้อยตามสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT, SHR คงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 2024E เพิ่มขึ้น +21% YoY และนักท่องเที่ยวจีน +84% YoY เรายังคงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 2024E จะอยู่ที่ 34 ล้านคน เพิ่มขึ้น +21% YoY และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะอยู่ที่ 6.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง +84% YoY ให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด” โดย Top pick ของกลุ่มท่องเที่ยวยังชอบ AAV, AOT และ MINT AAV (ซื้อ/เป้า 3.60 บาท) 3Q24E จะยังมีกำไรปกติได้แม้จะอยู่ในช่วง low season จากผู้โดยสารและค่าตั๋วโดยสารที่ยังดี ขณะที่ 4Q24E จะดีขึ้นโดดเด่นจากการเริ่มเข้าสู่ high season AOT (ซื้อ/เป้า 72.00 บาท) จากแนวโน้มกำไร 1Q-2QFY25E ที่จะยังโต YoY ดีต่อเนื่อง MINT (ซื้อ/เป้า 34.00 บาท) จาก valuation ยังถูกกว่ากลุ่มฯซื้อขาย 2024E EV/EBITDA ที่ 10x (-2.00SD below 10-yr average EV/EBITDA) ถูกกว่า ERW และ CENTEL ที่ average EV/EBITDA ขณะที่คาดกำไรปกติ 3Q24E จะโต YoY ได้ต่อ โดย RevPAR ที่ยุโรปยังเพิ่มขึ้นที่ +9% YoY และไทย RevPAR เพิ่มขึ้น +15% YoY ส่วน 4Q24E จะมี High season จากไทยและมัลดีฟส์ช่วยหนุน

นักท่องเที่ยวมาไทยเพิ่ม 2% โฟกัส AOT-AAV-MINT

นักท่องเที่ยวมาไทยเพิ่ม 2% โฟกัส AOT-AAV-MINT

           หุ้นวิชั่น - บล. ดาโอ ระบุว่า นักท่องเที่ยวสัปดาห์ล่าสุด (21-27 ต.ค.) เพิ่มขึ้น +2% WoW จากรัสเซีย, เกาหลีเพิ่ม แต่จีนลดลงเล็กน้อย รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวสัปดาห์ที่ผ่านมา (21-27 ต.ค.) มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 584,462 คน (+2% WoW/+16% YoY) คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 83,495 คน โดยประเทศมี % เพิ่มขึ้นตามลำดับดังนี้ 1) รัสเซีย 32,491 คน (+10% WoW), 2) เกาหลีใต้ 30,862 คน (+5% WoW/+13% YoY) และ 3) มาเลเซีย 80,873 คน (+4% WoW/+7% YoY) ขณะที่ประเทศมี % ลดลงตามลำดับดังนี้ 1) อินเดีย 38,743 คน (-3% WoW/+19% YoY) และ 2) จีน 92,517 คน (-1% WoW/+57% YoY) โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว (High season) ของภูมิภาคยุโรป และภูมิภาคอเมริกา ส่งผลให้นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น 5.15% WoW และเป็นการขยายตัวด้านการเดินทางอย่างต่อเนื่อง 5 สัปดาห์ สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-27 ต.ค. 24 ทั้งสิ้น 28,378,473 คน เพิ่มขึ้น +30% YoY (ที่มา: กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา)            บล.ดาโอ มอง เป็นกลางต่อกลุ่มท่องเที่ยวจากตัวเลขนักท่องเที่ยวรวมที่เพิ่มขึ้น WoW แต่จีนหดตัวลงเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวรวมจะเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยที่ +2% WoW แต่จำนวนนักท่องเที่ยวหลักอย่างจีนและอินเดียมีการปรับตัวลง -1% WoW และ -3% WoW ตามลำดับ อย่างไรก็ดี นักท่องเที่ยวรัสเซียเริ่มเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องมา 2 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยเราประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวรวมเฉลี่ยรายสัปดาห์ในช่วง 28 ต.ค.-3 พ.ย. 67 จะค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะการเข้าสู่ช่วง High season ของไทย และมีปัจจัยส่งเสริมการเดินทางจากวันหยุดในเทศกาลดิวาลีในหลายประเทศ อาทิ มาเลเซีย และสิงคโปร์ และคาดว่าจะเริ่มมากขึ้นอีกในเดือน ธ.ค. 24 ที่มีหลายเทศกาลเข้ามาช่วยหนุน ทั้งนี้ ภาพรวมของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2024E ยังอยู่ในกรอบประมาณการนักท่องเที่ยวรวมและนักท่องเที่ยวจีนที่เราประเมินไว้ โดยหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น เรียงลำดับจากมากไปน้อยตามสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT, SHR คงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 2024E เพิ่มขึ้น +21% YoY และนักท่องเที่ยวจีน +84% YoY เรายังคงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 2024E จะอยู่ที่ 34 ล้านคน เพิ่มขึ้น +21% YoY และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะอยู่ที่ 6.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง +84% YoY ให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด” โดย Top pick ของกลุ่มท่องเที่ยวเรายังชอบ AAV, AOT และ MINT AAV (ซื้อ/เป้า 3.20 บาท) 3Q24E จะยังมีกำไรปกติได้แม้จะอยู่ในช่วง low season จากผู้โดยสารและค่าตั๋วโดยสารที่ยังดี ขณะที่ 4Q24E จะดีขึ้นโดดเด่นจากการเริ่มเข้าสู่ high season AOT (ซื้อ/เป้า 72.00 บาท) จากแนวโน้มกำไร 1Q-2QFY25E ที่จะยังโต YoY ดีต่อเนื่อง MINT (ซื้อ/เป้า 34.00 บาท) จาก valuation ยังถูกกว่ากลุ่มฯซื้อขาย 2024E EV/EBITDA ที่ 10x (-2.00SD below 10-yr average EV/EBITDA) ถูกกว่า ERW และ CENTEL ที่ average EV/EBITDA ขณะที่เราคาดว่า 3Q24E จะโต YoY ได้ต่อเพราะยังเป็น High season ที่ยุโรป โดย RevPAR ที่ยุโรปยังเพิ่มขึ้นได้ดีที่ +15% YoY และมี ADR เพิ่มขึ้นได้ +12% YoY ส่วนไทย RevPAR เพิ่มขึ้นได้ที่ +16% YoY ส่วน 4Q24E จะมี High season จากไทยและมัลดีฟส์ช่วยหนุน

โฟกัส MINT-SHR เป้าหุ้นท่องเที่ยว ESG

โฟกัส MINT-SHR เป้าหุ้นท่องเที่ยว ESG

          หุ้นวิชั่น- ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลสำรวจของ SiteMinder Platform ในปี 67 แสดงให้เห็นว่านักเดินทางทั่วโลกมากถึง 79% ให้ความสำคัญ กับการจองโรงแรมที่มีการดำเนินการด้านความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะที่ World Sustainable Hospitality Alliance ได้นิยามกลยุทธ์ “Net Positive” ว่า เป็นแนวคิดที่จะคืนประโยชน์ให้สังคม, สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจโลกมากกว่าทรัพยากรที่ใช้ไป ดังนั้น การนำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมบริการหรือ Net Positive Hospitality จึงเป็นความร่วมมือกันระหว่างผู้คน, โลก, สถานที่ รวมถึงความมั่งคั่ง เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าและยั่งยืนสำหรับทุกคน           World Sustainable Hospitality Alliance ได้สร้างกรอบการทำงานแก่ธุรกิจในอุตสาหกรรมบริการ โดยขั้นแรก ของ “Net positive hospitality pathway” คือ การวัดระดับการปล่อยคาร์บอนและบรรเทาผลกระทบเชิงลบ ส่วน ขั้นต่อไปคือ การหาวิธีลดผลกระทบเชิงลบให้เหลือน้อยที่สุด และริเริ่มโครงการที่สร้างผลกระทบเชิงบวก ตามด้วยการทำให้ผลกระทบเชิงลบหมดไป และสร้างผลกระทบเชิงบวกที่แข็งแกร่งก่อนจะส่งคืนประโยชน์ที่มาก กว่าเดิมให้กับสิ่งแวดล้อมและชุมชุม           World Sustainable Hospitality Alliance เน้นย้ำว่าประเด็นด้านความยั่งยืนที่สำคัญ (Materiality factor) ซึ่งมีผลต่อธุรกิจและผู้ถือหุ้นคือ 1.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 2.การจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ 3.การใช้น้ำ 4. การบริหารจัดการขยะ 5.สิทธิมนุษยชน ทั้งนี้โรงแรมที่ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ทำการศึกษาอาจอยู่ในขั้นตอนที่ต่างกันในเส้นทางสู่เป้าหมาย แต่เมื่อประเมินโดยเฉลี่ยแล้วพบว่า MINT และ SHR มีความคืบหน้าในการพัฒนาด้าน ESG           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่า ผู้ประกอบการโรงแรมทั้ง 4 บริษัทที่ทำการศึกษามีความเสี่ยงด้าน ESG ค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการเหล่านี้ยังต้องดำเนินการอีกมากเพื่อมุ่งสู่ Net zero และกลายเป็น Net positive ขณะที่เห็นว่า MINT น่าจะเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของนักลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการของไทยเมื่อ พิจารณาด้าน ESG เพราะ MINT มีคะแนน ESG สูงกว่าคู่แข่ง           นอกจากนี้ เชื่อว่านักลงทุนควรจับตาดู SHR เนื่องจากช่วง 3 ปีที่ผ่านมา SHR มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญด้านการดำเนินงานภายใต้กรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จึงเชื่อว่า SHR อาจมีการประเมินมูลค่าสูงขึ้นจากปัจจุบันที่ EV/EBITDA 7.7 เท่าในปี 69 หรือ 3.2 บาท เป็น 9.9 เท่าหรือ 5.0 บาท ส่วน MINT อาจเพิ่มขึ้นจาก EV/EBITDA 9.5 เท่าในปี 69 หรือ 41 บาท เป็น 10.5 เท่าในปี 69 หรือ 49 บาท

abs

Hoonvision

MINT ซ่อนมูลค่ากำไร Q3 คาดโชว์ 2.5พันล. ธุรกิจฟื้น

MINT ซ่อนมูลค่ากำไร Q3 คาดโชว์ 2.5พันล. ธุรกิจฟื้น

           หุ้นวิชั่น - บล.ดาโอ ยังคงคำแนะนำ MINT “ซื้อ” และราคาเป้าหมายปี 2024E ที่ 34.00 บาท อิง DCF (WACC ที่ 7%, terminal growth ที่ 2.5%) โดยคาดว่ากำไรปกติ 3Q24E จะอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท (ดีกว่าที่คาดไว้เบื้องต้นที่ราว 2.3 พันล้านบาท) เพิ่มขึ้น +11% YoY แต่ลดลง -22% QoQ โดย 1) ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัว ภาพรวม RevPAR เพิ่มขึ้น +9% YoY แต่ลดลง -9% QoQ โดยไทยมี RevPAR ที่ +12% YoY และ +1% QoQ            ขณะที่ยุโรปมี RevPAR เพิ่มขึ้นที่ +9% YoY แต่ลดลง -6% QoQ 2) ธุรกิจอาหารมี SSSG โดยรวมลดลง -3% YoY จาก 2Q24 ที่ +3% YoY โดย Swensen หดตัวจากฐานสูง แต่ Sizzler, The Pizza Company ยังโตได้ดี ส่วน 3) ดอกเบี้ยจ่ายทรงตัว YoY แต่ลดลง -5% QoQ จากการเริ่มทยอยคืนหนี้บางส่วนราว 5-6 พันล้านบาท ทั้งนี้ 3Q24E จะมีผลกระทบจากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเพราะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาก ราว -2.1 พันล้านบาท โดยเป็นรายการ Non-core item และเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว จะส่งผลให้กำไรสุทธิ 3Q24E จะอยู่ที่ 422 ล้านบาท ลดลง -80% YoY และ -85% QoQ            บล.ดาโอ ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2024E ที่ 7.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น +6% YoY จากการฟื้นตัวในทุกประเทศ โดยเฉพาะที่ไทยและยุโรป ขณะที่เราคาดว่า 4Q24E จะโต YoY ได้ต่อเพราะเป็น High season ที่ไทยและมัลดีฟส์เข้ามาช่วยหนุน ราคาหุ้นปรับตัวลดลง -6% และ -23% ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับ SET จากประเด็นเรื่องสเปน (สัดส่วนราว 30% ของรายได้โรงแรม NH) ที่ยังคงมีการประท้วงต่อต้านนักท่องเที่ยวมาตลอดตั้งแต่เดือน เม.ย. 24 ซึ่งเดิมอยู่ในนอกเมือง แต่ปัจจุบันได้เข้ามาถึงตัวเมืองอย่างบาร์เซโลนา รวมถึงความกังวลต่อเศรษฐกิจของยุโรปหลัง IMF มีการปรับเป้า GDP ในยุโรปลง            อย่างไรก็ดี RevPAR ที่ยุโรปใน 3Q24E ยังคงเติบโต YoY ได้ดี ด้าน valuation ยังถูกกว่ากลุ่มฯ ซื้อขาย 2024E EV/EBITDA ที่ 10x (-2.00SD below 10-yr average EV/EBITDA) ถูกกว่า ERW และ CENTEL ที่ average EV/EBITDA จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ”

บล.ดาโอ ชี้นักท่องเที่ยวจีนหนุน หุ้น ERW-CENTEL-MINT-SHR

บล.ดาโอ ชี้นักท่องเที่ยวจีนหนุน หุ้น ERW-CENTEL-MINT-SHR

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้ดี WoW จากวันชาติจีน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวรวมและนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น WoW เพราะเป็นวันชาติจีน (1-7 ต.ค. 24) ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ 160,474 คน (+34%WoW/+114% YoY) เป็นไปตามที่ ททท. คาดไว้ที่ 132,000 – 183,000 คน เพิ่มขึ้น 57-144% YoY           โดยฝ่ายวิเคราะห์ประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเฉลี่ยต่อสัปดาห์จะลดลงมาสู่ระดับปกติในช่วงสัปดาห์หน้าที่ระดับ 1.3-1.4 แสนต่อสัปดาห์เพราะหมดเทศกาลวันชาติจีน ส่วนนักท่องเที่ยวรวมจะมีโอกาสจะกลับมาหดตัว WoW ได้เช่นกัน ทั้งนี้ภาพรวมของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2024E ยังอยู่ในกรอบประมาณการนักท่องเที่ยวรวมและนักท่องเที่ยวจีนที่เราประเมินไว้           โดยหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นเรียงลำดับจากมากไปน้อยตามสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT, SHR คงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 2024E เพิ่มขึ้น +21% YoY และนักท่องเที่ยวจีน +84% YoY           ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 2024E จะอยู่ที่ 34 ล้านคน เพิ่มขึ้น +21% YoY และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะอยู่ที่ 6.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง +84% YoY ฝ่ายวิเคราะห์ให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด” โดย Top pick ของกลุ่มท่องเที่ยวเรายังชอบ AAV, AOT, MINT และ BAFS AAV (ซื้อ/เป้า 3.20 บาท) 3Q24E จะยังมีกำไรปกติได้แม้จะอยู่ในช่วง low season จากผู้โดยสารและค่าตั๋วโดยสารที่ยังดี ขณะที่ 4Q24E จะดีขึ้นโดดเด่นจากการเริ่มเข้าสู่ high season AOT (ซื้อ/เป้า 72.00 บาท) จากแนวโน้มกำไร 1Q-2QFY25E ที่จะยังโต YoY ดีต่อเนื่อง MINT (ซื้อ/เป้า 34.00 บาท) จาก valuation ยังถูกกว่ากลุ่มฯซื้อขาย 2024E EV/EBITDA ที่ 10x (-2.00SD below 10-yr average EV/EBITDA) ถูกกว่า ERW และ CENTEL ที่ average EV/EBITDA ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า 3Q24E จะโต YoY ได้ต่อเพราะยังเป็น High season ที่ยุโรป โดย RevPAR ที่ยุโรปยังเพิ่มขึ้นได้ดีที่ +15% YoY และมี ADR เพิ่มขึ้นได้ +12% YoY ส่วนไทย RevPAR เพิ่มขึ้นได้ที่ +16% YoY ส่วน 4Q24E จะมี High season จากไทยและมัลดีฟส์ช่วยหนุน BAFS (ซื้อ/เป้า 22.00 บาท) จากจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น

วิเคราะห์มูลค่า MINT ท่องเที่ยวยุโรปฟื้น ได้ดีแค่ไหน?  

วิเคราะห์มูลค่า MINT ท่องเที่ยวยุโรปฟื้น ได้ดีแค่ไหน?  

          หุ้นวิชั่น - ล่าสุดเดือนก.ค.และส.ค.2567 สเปน มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 7% yoy และ 9% yoy ตามลำดับ ซึ่งสเปนเป็นประเทศที่ MINT มีธุรกิจอยู่มากสุดในยุโรป รายได้จากโรงแรมในสเปนมีสัดส่วนราว 31% ของรายได้จากโรงแรมในยุโรปและสหรัฐในไตรมาส 2/67           ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ในไตรมาส 3/67 สถิตินักท่องเที่ยวของยุโรปยังแข็งแกร่ง จากข้อมูลของ Instituto Nacional de Estadistica ระบุว่า เดือนก.ค.และส.ค.67 สเปนมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 7% yoy และ 9% yoy ตามลำดับ ซึ่งสเปนเป็นประเทศที่ MINT มีธุรกิจอยู่มากสุดในยุโรป รายได้จากโรงแรมในสเปนมีสัดส่วนราว 31% ของรายได้จากโรงแรมในยุโรปและสหรัฐในไตรมาส 2/67           ขณะที่นักท่องเที่ยวของอิตาลีเพิ่มขึ้น 13% yoy ในเดือนก.ค. 67 ซึ่งรายได้จากโรงแรมในอิตาลีมีสัดส่วนราว 22% ของรายได้จากธุรกิจโรงแรมในยุโรปและสหรัฐฯในไตรมาส 2/67 จึงมองว่าสถิตินักท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งจะส่งผลดีต่อโรงแรมของ MINT ในสเปนและอิตาลี ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนโรงแรมในยุโรปและสหรัฐฯของบริษัท ส่วนประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 28% yoy ในไตรมาส 3/67 จึงเชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลดีต่อ MINT           โรงแรมส่วนใหญ่ของ MINT ในยุโรปและสหรัฐฯอยู่ภายใต้กลุ่ม NH Hotel Group ซึ่ง MINT ถือหุ้น 96% ทั้งนี้ โรงแรมของ MINT ในยุโรปทำรายได้คิดเป็น 62% ของรายได้รวมจากธุรกิจโรงแรมในไตรมาส 1/67 เนื่องจากเป็นโลว์-ซีซั่น และเพิ่มเป็น 75% ในไตรมาส 2/67 ซึ่งเป็นไฮ-ซีซั่น           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า แม้ธุรกิจอาหารของ MINT ในไตรมาส 3/67 จะยังมีผลการดำเนินงานอ่อน เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศอ่อนแอ แต่คาดว่าจะค่อยๆดีขึ้น หลังรัฐบาลมอบเงิน 1.45 แสนล้านบาทถึงมือผู้มีรายได้น้อย 14.5 ล้านคนในปลายเดือนก.ย.67 จึงคาดว่า MINT จะมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ -1% yoy และมีอัตราการเติบโตของยอดขายรวม (TSSG) อยู่ที่ +3% yoy ในไตรมาส 3/67           ขณะที่คาดว่า Wealth Effect ที่เพิ่มขึ้นจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นและ sentiment ที่ดีขึ้น น่าจะช่วยให้ผล ประกอบการของธุรกิจอาหารกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 4/67 และปี 68           โรงแรมของ MINT ในยุโรปน่าจะยังมีรายได้เติบโตสูงจากสถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่แข็งแกร่ง แต่ยังต้องจับตาดูอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของธุรกิจโรงแรม ซึ่งลดลงจาก 42.4% ในไตรมาส 2/66 เป็น 40.0% ในไตรมาส 2/67 เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้น จึงทำประมาณการ GPM ของธุรกิจโรงแรมอยู่ที่เพียง 38.0% ในไตรมาส 3/67 เทียบกับ 41.5% ในไตรมาส 3/66 โดยคาดว่า MINT จะทำกำไรสุทธิ 2,488 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% yoy แต่จะลดลง 12% qoq ในไตรมาส 3/67           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่าการที่โรงแรมในยุโรปของ MINT มีผลกำไรดีในไตรมาส 3/67 เพราะได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง น่าจะทำให้ราคาของ MINT ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากราคาหุ้นขณะนี้ยัง underperform ตลาด (MINT -3% YTD vs. SET +2% YTD) ขณะที่คาดว่า MINT จะมีกำไรสุทธิเติบโตสูงในปี68-69 เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวน่าจะเติบโตต่อเนื่องและดอกเบี้ยจ่ายจะลดลงจากแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย           ดังนั้นจึงยังแนะนำ “ซื้อ” MINT แต่เลื่อนปีฐานในการประเมินมูลค่า ทำให้ราคาเป้าหมายในปัจจุบันอยู่ที่ 41 บาท เท่ากับ EV/EBITDA 9.5 เท่าในปี 69 หรือยังเท่ากับ -1SD ของค่าเฉลี่ยห้าปี อย่างไรก็ตามอาจมี downside risk หากบริษัทมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของยุโรปชะลอตัวรุนแรง

live-sticky
LIVE