#MAJOR


MAJOR ร่วมกับ ททท. - เป๊ปซี่  จัดงานพรมแดง “CineAsia 2024 RECEPTION NIGHT”

MAJOR ร่วมกับ ททท. - เป๊ปซี่ จัดงานพรมแดง “CineAsia 2024 RECEPTION NIGHT”

          หุ้นวิชั่น - เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  และ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเจ้าภาพจัดงานพรมแดง “CineAsia 2024 RECEPTION NIGHT” ซึ่งเป็นการจัดอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ตั้งแต่ปี 2565 - 2567 ถือเป็นการตอกย้ำว่าประเทศไทยมีศักยภาพ มีความพร้อมในการต้อนรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมภาพยนตร์จากนานาชาติกว่า 1,500 คน จาก 30 ประเทศ ที่เดินทางมาร่วมงาน “CineAsia 2024” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 12 ธันวาคม 2567 ณ โรงภาพยนตร์ไอคอน ซีเนคอนิค และทรูไอคอน ฮอลล์ สอดคล้องกับนโยบายของ ททท. ที่ผลักดันให้ผู้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศนำเงินเข้ามาลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทยมากขึ้น เพื่อสร้างงานให้กับคนในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์และภาคธุรกิจ รวมทั้งนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ของโลกภาพยนตร์           วิชา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR กล่าวว่า เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ได้รับเกียรติจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมภาพยนตร์กว่า 30 ประเทศ เดินทางมาร่วมประชุมงาน “CineaAsia 2024” ครั้งที่ 29 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไทย โดย ฟิล์ม เอ็กซ์โป กรุ๊ป ผู้จัดงาน ได้ให้ความสนใจโรงภาพยนตร์ไอคอน ซีเนคอนิค เป็นสถานที่ในการประชุมต่อเนื่องถึง 3 ปีซ้อน เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ในฐานะเจ้าบ้านรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก พร้อมต้อนรับ ผู้บริหาร, นักธุรกิจ, สตูดิโอภาพยนตร์, ผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ และบุคลากรในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ กว่า 1,500 คน จาก 30 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, จีน, เกาหลีใต้, มาเลเซีย และ อินเดีย           การจัดงาน CineAsia นอกจากจะเป็นงานที่รวมตัวของผู้ประกอบการในธุรกิจภาพยนตร์และธุรกิจโรงภาพยนตร์ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ความพิเศษของงานนี้ทุกคนรอคอย คือ World Expo การจัดนิทรรศการระดับโลกที่นำเสนอนวัตกรรมในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ล้ำสมัยที่สุดของโลกจะมารวมตัวกัน    ในงานนี้ การนำเสนอภาพยนตร์ในปี 2025 จากสูตดิโอชั้นนำ ซึ่งทุกค่ายพร้อมนำเสนอเป็นไฮไลท์ การมอบรางวัลให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ นอกจากนี้ งาน CineAsia ยังเป็นงานใหญ่ประจำปี     ที่เป็นเวทีพิเศษให้ผู้ซื้อและผู้ขายภายในอุตสาหกรรมได้แลกเปลี่ยนความรู้และความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ที่ตอกย้ำความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ไม่มีวันหายไปจากวิถีชีวิตของผู้คนทุกยุคทุกสมัย แม้ที่ผ่านมาจะผ่านวิกฤติต่าง ๆ เรียกได้ว่า Cinema Never Die ภาพยนตร์ไม่มีวันหายไป           สำหรับงานเลี้ยงพรมแดง “CineAsia 2024 RECEPTION NIGHT” ได้รับเกียรติจาก วิชา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นิธี สีแพร รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ด้านดิจิทัลวิจัยและพัฒนา และ บุญชัย อัศวฤทธิพรหม์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นประธานในงาน โดยมี แอนดรูว์ ซันไชน์ จาก ซีนีเอเชีย, ดร.มัน-นาง ชอง จาก จีดีซี เทคโนโลยี และ ริชาร์ด เกลฟอนด์ ซีอีโอ IMAX  มาร่วมงานด้วย นอกจากนี้ยังมีเหล่านักแสดงที่ให้เกียรติมาร่วมงานในปีนี้ทั้ง ผู้สร้าง ผู้กำกับ นักแสดง นางงาม เข้าร่วมงานพรมแดงกันอย่างคับคั่ง อาทิ นัท มีเรีย, อเล็กซ์ อเล็กซานเดอร์ บัคแลนด์, จีซัง อคิรา คิม, ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ, โอปอล สุชาตา ช่วงศรี รองอันดับ 3 Miss Universe 2024, ซูริ สุริศา ซูซานน่า เรโนล รองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024, ไหมไทย สุริยะยรรยง รองอันดับ 4 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024 รวมทั้งนักแสดงจากภาพยนตร์วัยเป้ง นักเลงขาสั้น 2 และ ธี่หยด 2 ณ นภาลัย เทอเรส ไอคอนสยาม           นอกจากนี้ ในงาน CineAsia 2024 เครื่องดื่มเป๊ปซี่ โดย บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดโมเมนต์ความซ่าสุดพิเศษที่ยกขบวนมาปลดล็อกพลังซ่าที่ซ่อนเร้นในตัวคุณไปกับ “เป๊ปซี่ อิเล็กทริก ไม่มีน้ำตาล กลิ่นซิตรัส” (Pepsi Electric Zero Sugar - Citrus Flavor) กับความอร่อย ซ่า ทะลุพิกัด ด้วยเครื่องดื่มอัดลมโคล่าสีฟ้าสุดโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ผสานรสชาติสุดเริ่ดที่ทั้งซ่า สดชื่น หวานนิดเปรี้ยวหน่อย และหอมกลิ่นซิตรัสแบบจัดเต็ม ที่ออกมาในโอกาสพิเศษให้ได้ลิ้มลองกัน รวมทั้งยังดับเบิ้ลความพิเศษขึ้นไปอีกขั้น เพราะได้นำเป๊ปซี่ อิเล็กทริก ไม่มีน้ำตาล กลิ่นซิตรัส มาสร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มมิกซ์ โซโลจี้ (Mixology) สุดพิเศษ สำหรับผู้ประกอบการที่มาร่วมงาน CineAsia ตั้งแต่วันที่ 9 -12 ธันวาคม 2567 [PR News]

MAJOR ร่วมจัดงาน “CineAsia 2024”  ดันภาพยนตร์ไทยเป็น Soft Power 

MAJOR ร่วมจัดงาน “CineAsia 2024” ดันภาพยนตร์ไทยเป็น Soft Power 

           เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ภาคภูมิใจเป็นตัวแทนประเทศไทยร่วมจัดงานใหญ่ประจำปีของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับโลกกับงาน “CineAsia” ซึ่งจัดต่อเนื่องมาถึง 3 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2022-2024 ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจระดับนานาชาติ ที่ให้ความสำคัญเดินทางมาร่วมประชุม ณ โรงภาพยนตร์ ที่ประเทศไทย ซึ่งในปี 2567 ฟิล์ม เอ็กซ์โป กรุ๊ป กำหนดจัดงาน CineAsia 2024 ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 9-12 ธันวาคม 2567 ณ โรงภาพยนตร์ไอคอน ซีเนคอนิค และ ทรู ไอคอน ฮอลล์ โดยมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาพยนตร์กว่า 1,500 คน จาก 30 ประเทศ เดินทางมาร่วมงาน            วิชา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR กล่าวว่า เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ได้รับเกียรติจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมภาพยนตร์กว่า 30 ประเทศ เดินทางมาร่วมประชุมงาน “CineaAsia 2024” ครั้งที่ 29 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไทย โดย ฟิล์ม เอ็กซ์โป กรุ๊ป ผู้จัดงาน ได้ให้ความสนใจโรงภาพยนตร์ไอคอน ซีเนคอนิค เป็นสถานที่ในการประชุมต่อเนื่องถึง 3 ปีซ้อน เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ในฐานะเจ้าบ้านรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก พร้อมต้อนรับ ผู้บริหาร, นักธุรกิจ, สตูดิโอภาพยนตร์, ผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ และบุคลากรในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ กว่า 1,500 คน จาก 30 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, จีน, เกาหลีใต้, มาเลเซีย และ อินเดีย            การจัดงาน CineAsia นอกจากจะเป็นงานที่รวมตัวของผู้ประกอบการในธุรกิจภาพยนตร์และธุรกิจโรงภาพยนตร์ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ความพิเศษของงานนี้ทุกคนรอคอย คือ World Expo การจัดนิทรรศการระดับโลก ที่นำเสนอนวัตกรรมในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ล้ำสมัยที่สุดของโลกจะมารวมตัวกันในงานนี้ การนำเสนอภาพยนตร์ในปี 2025 จากสูตดิโอชั้นนำ ซึ่งทุกค่ายพร้อมนำเสนอเป็นไฮไลท์ การมอบรางวัลให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ นอกจากนี้ งาน CineAsia ยังเป็นงานใหญ่ประจำปี ที่เป็นเวทีพิเศษให้ผู้ซื้อและผู้ขายภายในอุตสาหกรรมได้แลกเปลี่ยนความรู้และความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ที่ตอกย้ำความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ไม่มีวันหายไปจากวิถีชีวิตของผู้คนทุกยุคทุกสมัย แม้ที่ผ่านมาจะผ่านวิกฤติต่าง ๆ เรียกได้ว่า Cinema Never Die ภาพยนตร์ไม่มีวันหายไป            ความสำคัญของงาน CineAsia 2024 ในปีนี้ ยังเป็นการประกาศความสำเร็จของภาพยนตร์ไทยให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั่วโลก ได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของภาพยนตร์ไทยที่สามารถเข้าสู่เป้าหมายการเป็น Tollywood (Hollywood + Thailand) ตั้งแต่ปี 2566-2567 สัดส่วนตลาดภาพยนตร์ไทยสามารถครองสัดส่วนมาร์เก็ตแชร์ถึง 50% และเชื่อว่าภาพยนตร์ไทยยังสามารถเป็น Soft Power ได้อย่างชัดเจน จากภาพยนตร์ไทยเรื่องล่าสุด “ธี่หยด 2” ที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นภาพยนตร์ในปี 2567 ที่สร้างสถิติทำรายได้มากกว่า 800 ล้านบาท และยังเตรียมออกฉายในต่างประเทศอีกกว่า 30 ประเทศ อาทิ ลาว, เมีนมา, เวียดนาม, ไต้หวัน, กัมพูชา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, มาเลเซีย, บรูไน, เม็กซิโก, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, โคลัมเบีย, ฟิลิปปินส์, อาร์เจนตินา, ปารากวัย, เอกวาดอร์, บราซิล, เปรูรัสเซีย และ โบลิเวีย ซึ่ง   “ธี่หยด 2” ก็ยังสร้างปรากฎการณ์ ทำสถิติภาพยนตร์ไทยทำรายได้สูงสุดของประเทศที่เข้าฉาย โดยบันทึกเป็นสถิติหน้าใหม่ให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศนั้น ๆ อาทิ เวียดนาม และ ลาว รวมรายได้ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศทำได้เกือบ 1,000 ล้านบาท            เพื่อเป็นการต้อนรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ให้เกียรติเดินทางมาร่วมงานประชุมใหญ่ประจำปี ณ โรงภาพยนตร์ไอคอน ซีเนคอนิค ประเทศไทย เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ บริษัท ซันโทรี เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานเลี้ยงต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมในชื่อ “CineAsia 2024 Reception Night” ณ นภาลัย เทอเรซ ไอคอนสยาม กับบรรยากาศที่สวยงามวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืนที่สวยงาม พบการแสดงจากศิลปินชั้นนำ นัท มีเรีย, เหวยเหวย ฮัน และ อาลามินา ผู้เข้าประกวด The Voice  [PR News]

MAJOR ไตรมาส 3/67 มีกำไรที่ 50.33 ล้านบาท ดีกว่าโบรกคาดเล็กน้อย

MAJOR ไตรมาส 3/67 มีกำไรที่ 50.33 ล้านบาท ดีกว่าโบรกคาดเล็กน้อย

          บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2567 ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยสำหรับไตรมาส 3/2567 งบการเงินรวมงวด 3 เดือน บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 1,660 ล้านบาท มีกำไรสุทธิเท่ากับ 50 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีรายได้ลดลง 81 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5 และมีกำไรสุทธิลดลง 54 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 52 (ไตรมาส 3/2566 บริษัทมีรายได้ 1,741 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 104 ล้านบาท) ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษกำไรภาษีจากการขายเงินลงทุนในบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 91 ล้านบาทในไตรมาส 3/2566 บริษัทจะมีกำไรมากกว่าไตรมาส 3/2566 เท่ากับ 37 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 276 และมีสัดส่วนกำไรต่อรายได้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1 เป็นร้อยละ 3 และในไตรมาส 3/2567 บริษัทยังได้บริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ           บริษัท หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีการคาดกำไรสุทธิใน 3Q67 ที่ 44 ล้านบาท ลดลง 81% QoQ และลดลง 58% YoY

MAJOR จัดดูหนังมาราธอน 72 ชั่วโมง ชิงรางวัลรวมมูลค่า 346,300 บาท

MAJOR จัดดูหนังมาราธอน 72 ชั่วโมง ชิงรางวัลรวมมูลค่า 346,300 บาท

          เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ผนึกพลังพันธมิตร กาแฟพร้อมดื่มเบอร์ดี้, ยำยำ คัพ, แอลจี และ มายบาซิน ชวนคนพันธุ์อึดดูหนังไทยแบบมาราธอนข้ามวันข้ามคืนนาน 72 ชั่วโมง กับกิจกรรม “MAJOR TOLLYWOOD MOVIE MARATHON 2024” งานยิ่งใหญ่ของคนรักหนังไทย มาร่วมบันทึกสถิตผู้ชนะเลิศเพียง 1 เดียว คว้ารางวัลเงินสด 200,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล เครื่องฟอกอากาศ และบัตรสมาชิก M PASS ฟรี 1 ปี และรางวัลรองชนะเลิศ อีก 4 รางวัล รวมมูลค่า 346,300 บาท           นรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ผนึกพลังร่วมกับพันธมิตร กิตติคุณ วัฒนะโชติ ผู้จัดการฝ่ายกาแฟพร้อมดื่มเบอร์ดี้ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย ธนภรณ์ ตรีสุคนธ์ ผู้จัดการแผนกการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด, นาถกานต์ จริงจิตร ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ ศุภโชติ วิเศษแก้ว ผู้จัดการผลิตภัณฑ์เกร็ทเตอร์ มายบาซิน บริษัท เกร็ทเตอร์ มายบาซิน จำกัด ร่วมสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่   ที่คนรักหนังไทยต้องไม่พลาด! กับอีเว้นท์ใหญ่แห่งปี “MAJOR TOLLYWOOD MOVIE MARATHON 2024” รวมพลคนรักหนังไทย ตามหาคอหนังไทยพันธุ์อึด พิชิตศึกแข่งขันดูหนังไทยมาราธอนแบบข้ามวันข้ามคืนนาน 72 ชั่วโมง   ชิงรางวัลเงินสด 200,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล เครื่องฟอกอากาศ และบัตรสมาชิก M PASS ฟรี 1 ปี และรางวัลอื่น ๆ รวมมูลค่า 346,300 บาท ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 15-18 พฤศจิกายน 2567 ณ โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน โรงที่ 13 (GLS) ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่สุด คาดจะสร้างความคึกคักให้กับตลาดหนังไทยซึ่งปัจจุบันเติบโตอย่างต่อเนื่องมีมาร์เก็ตแชร์ถึง 50% จนเรียกได้ว่าเป็น TOLLYWOOD (Thailand + Hollywood) เพื่อตามหาแฟนหนังไทยพันธุ์อึดที่จะมาร่วมพิชิตการดูหนังไทยพร้อมบันทึกสถิติการดูหนังไทยที่ยาวนานที่สุดถึง 72 ชั่วโมง กับภาพยนตร์ไทยหลากหลายแนวและหลากหลายอารมณ์ ทั้งตลก เศร้า ตื่นเต้น และสยองขวัญ รวมจำนวน 32 เรื่อง           สำหรับการแข่งขันดูหนังไทยมาราธอน “MAJOR TOLLYWOOD MOVIE MARATHON 2024” ในปีนี้ จะสร้างความประทับและความตื่นเต้นให้กับผู้เข้าร่วมแข่งขันอย่างแน่นอน คนพันธุ์อึดที่ผ่านการดูหนังจะได้รับการบันทึกสถิติการดูหนังไทยที่ยาวนานที่สุด 72 ชั่วโมง พร้อมรับรางวัลอันทรงคุณค่าในฐานะแฟนพันธุ์แท้คนรักหนังไทย จำนวน 5 รางวัล ดังนี้ รางวัลชนะเลิศ รับรางวัลเงินสด 200,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล เครื่องฟอกอากาศ LG Aero Tower และรับบัตรสมาชิก M PASS ฟรี 1 ปี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รับรางวัลตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ต่างประเทศ 2 ที่นั่ง เครื่องฟอกอากาศ LG Aero Furniture และรับบัตรสมาชิก M PASS ฟรี 1 ปี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รับรางวัลตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ภายในประเทศ 2 ที่นั่ง เครื่องฟอกอากาศ LG Aero Furniture และรับบัตรสมาชิก M PASS ฟรี 1 ปี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 รับรางวัลเครื่องฟอกอากาศ LG Aero Furniture และบัตรชมภาพยนตร์ 10 ที่นั่ง รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 4 รับรางวัลเครื่องฟอกอากาศ LG PuiCare Hit และบัตรชมภาพยนตร์ 10 ที่นั่ง [PR News]

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

[Vision Exclusive] MAJOR ธี่หยด 2 กระแสดี ดันงบ Q4 โต

[Vision Exclusive] MAJOR ธี่หยด 2 กระแสดี ดันงบ Q4 โต

          บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ก่อตั้งขึ้นในปี 2538 โดยนายวิชา พูลวรลักษณ์ ดำเนินธุรกิจหลักในการเป็นผู้ให้บริการจัดแสดงภาพยนตร์และให้บริการเกี่ยวกับความบันเทิง โดย MAJOR เป็นผู้ประกอบการอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ จากการขยายสาขาไปยังจุดต่างๆ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการทั่วกรุงเทพมหานคร ปริมณฑลและต่างจังหวัด ที่มีศักยภาพเพียงพอและคุ้มค่ากับการลงทุน ส่งผลให้ในปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่าร้อยละ 70 และรวมทั้งบริษัทฯ มีนโยบายการบริหารความเสี่ยงในด้านต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นอย่างชัดเจน เพื่อลดผลกระทบในด้านลบให้หมดไปหรือให้น้อยที่สุด เป็นการนำไปสู่ความเติบโตขององค์กรอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน           ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ได้คาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากภาพยนตร์ที่เข้าฉายหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือ "ธี่หยด 2" ซึ่งเริ่มฉายตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2024 โดยในช่วงวันที่ 14 ตุลาคม 2567 ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ไปแล้วกว่า 270 ล้านบาท (ในส่วนของโรงภาพยนต์ของ MAJOR) หากรวมทั้งหมดคาดว่า รายได้รวมถึง 350 ล้านบาท  นอกจากี้  MAJOR จะได้รับรายได้เพิ่มเติมอีก 25% จากการจัดการสตูดิโอของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ร่วมดำเนินการกับช่อง 3           นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์ดังที่จะเข้าฉายในไตรมาสนี้ เช่น "Venom: The Last Dance" และ "วัยเป้งนักเลงขาสั้น" ซึ่งทั้งสองเรื่องจะเข้าฉายในวันที่ 23 ตุลาคม 2024 คาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้เพิ่มเติมในช่วงปลายไตรมาส 4/2567           ในด้านการขยายตัว MAJOR มีแผนขยายหน้าจอฉายภาพยนตร์ปีนี้ 40-45 จอ ใน 12 แห่ง โดยใช้งบลงทุน (CAPEX) จำนวน 300 ล้านบาท  ซึ่งแผนการขยายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการเติบโตของความต้องการในการชมภาพยนตร์ในประเทศไทยและต่างประเทศ และช่วยเสริมสร้างรายได้ในอนาคต  ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีจอภาพยนต์จำนวนทั้งสิ้น 860 จอ แบ่งเป็น ประเทศเทศ 814 จอ กัมพูชา 33 จอ และลาว 14 จอ นอกโรงภาพยนตร์           ได้มีการเดินหน้า  POPCORN MAJOR โดยวางจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อทั่ว ประเทศ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกเหนือจากนี้ การเปิดโมเดลมินิคีออส (MINI KIOSK) เพื่อจับกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด เป็นการขยายช่องทางการสร้างรายได้และได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ทั้งนี้ บริษัทยังคงดำเนินตามแผนการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ อาทิเช่น การบริหารจัดการ สินค้า ค่าใช้จ่ายในการขาย การใช้นวัตกรรมด้านการประหยัดพลังงาน เพื่อช่วยลดต้นทุนการด าเนินงานของบริษัท รวมถึงการปรับโครงสร้างต้นทุนทางการเงินให้เหมาะสมท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น เป้าหมาย Net Zero           บริษัทกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2593 ผ่านกระบวนการปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนกระบวนการ อุปกรณ์ และใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เช่น การร่วมมือกับบริษัท กันตนา โพสต์ โปรดักชั่น จำกัด เปลี่ยนการส่งภาพยนตร์ที่ฉายในระบบดิจิทัล (Digital Cinema Package) หรือ DCP มาใช้ระบบส่งหนังออนไลน์เพื่อฉายผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 5G ของเอไอเอส แทนการขนส่งคอนเทนต์ภาพยนตร์ทางรถยนต์ ซึ่งต้องใช้น้ำมันเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดขั้นตอนการส่งไฟล์ ประหยัดเวลา และลดการใช้พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น           บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง MAJOR ว่ายอดขายตั๋วหนังในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2567 ทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) โดยปัจจัยหลักมาจาก ภาพยนตร์ Deadpool & Wolverine และหนังไทย วิมานหนาม ซึ่งถือว่าเป็นบวก อย่างไรก็ตาม คาดว่ายอดขายจะดีขึ้นในเดือนกันยายน 2567 และไตรมาส 4/2567 เนื่องจากมีภาพยนตร์หลายเรื่องรอเข้าฉาย ซึ่งจะช่วยดันรายได้สูงขึ้น QoQ แต่คาดว่าอาจจะชะลอตัวลง YoY เพราะในไตรมาส 4/2566  มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่ประสบความสำเร็จอย่างมายอดขายเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวทรงตัว YoY แต่คาดว่าจะดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ตั้งแต่ไตรมาส 4/2567  เป็นต้นไป โดยได้รับแรงหนุนจากการออกสินค้าใหม่และการเข้าฉายของภาพยนตร์ที่มีศักยภาพสูง แม้บริษัทไม่มีการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายในปี 2567 ก็ตาม คาดว่าอาจทำให้ยอดขายเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่ margin ของสินค้าจะดีขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ GPM โดยรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นทั้ง HoH และ YoY ใน 2H67F เทียบกับ 33.6% ใน 1H67โดยสรุป คาดว่ากำไรของ MAJOR ใน 2H67 จะเพิ่มขึ้น HoH แต่ลดลง YoY           ขณะที่ คาดหนังดังของค่าย Hollywood ในปี 2568 จะช่วยหนุนรายได้สูงขึ้น หนังดังของ Hollywood คิดเป็น 65% ของหนังทำรายได้สูงสุด 5 อันดับแรก ซึ่งส่วนใหญ่ทำรายได้เกินกว่า 200 ล้านบาทต่อเรื่องในช่วงปี 2562-2566 (ดูรูปที่ 3) เชื่อว่ารายได้จากโรงภาพยนตร์ของ MAJOR น่าจะเพิ่มขึ้น YoY อย่างมีนัยสำคัญในปี 2568 โดยมีปัจจัยหลักมาจากหนังแฟรนไชส์ใหญ่ ๆ ที่เคยมีผู้เข้าชมจำนวนมากและรอเข้าฉายอีกหลายเรื่อง (ดูรูปที่ 2) นอกจากนี้ ยังมีโอกาสในการปรับราคาตั๋วหนังเพิ่มขึ้นในปี 2568           หนังทำรายได้สูงสุด 3 อันดับแรกของค่าย Hollywood ในครึ่งปีแรกของปี 2567 (1H67) ได้แก่ Godzilla x Kong: The New Empire (ทำรายได้สูงถึง 157 ล้านบาท), Dune: Part Two (รายได้ 71 ล้านบาท) และ Inside Out 2 (รายได้ 63 ล้านบาท)           ปรับใช้ราคาเป้าหมายเป็นสิ้นปี 2568 ด้วยระดับ PE เดิมที่ 15x ประเมินราคาเป้าหมายใหม่ที่ 17.80 บาท (จากเดิม 13.10 บาท) ทั้งนี้ จากอัพไซด์ของราคาเป้าหมายใหม่ เราปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้น MAJOR ขึ้นเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ถือ” รายงานโดย : ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว สำนักข่าว Hoonvision

[ภาพข่าว] เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป คว้า 3 รางวัล จากงาน IAA Awards

[ภาพข่าว] เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป คว้า 3 รางวัล จากงาน IAA Awards

          วิชา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)  รับมอบรางวัลอันทรงเกียรติ “BEST CEO” กลุ่ม Mediaและบริการอื่น จากงานมอบรางวัล “IAA Awards : Awards for Listed Companies 2024” ซึ่งจัดโดยสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน โดยได้รับเกียรติจาก พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานมอบรางวัล พร้อมด้วย ไพบูลย์ นลิน     ทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ร่วมมอบรางวัล นอกจากนี้ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ยังคว้าอีก 2 รางวัล คือ BEST CFO และ OUTSTANDING IR (Investor Reations) โดย ฐิตาภัสร์   อิสราพรพัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและบัญชี รับรางวัล BEST CFO และ วิศรุต พูลวรลักษณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร รับรางวัล OUTSTANDING IR ณ ห้อง Grand Hall The Athenee Hotel Bangkok           สำหรับรางวัล IAA Award for Listed Companies จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เป็นการมอบรางวัลให้กับบริษัทจดทะเบียน จากผลการโหวตของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนเป็นสำคัญตามแนวทางที่ทางสมาคมฯ กำหนด โดยมอบรางวัลให้กับผู้บริหารในตลาดทุนที่มีศักยภาพที่โดดเด่นและความเป็นเลิศในการบริหารงานในอุตสาหกรรมของตนเองอย่างแท้จริง สามารถนำพาองค์กรให้เติบโตก้าวหน้าอย่างยั่งยืน นับเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ตลาดทุน และประเทศไทยโดยรวม