#MAGURO


MAGURO เปิดแบรนด์

MAGURO เปิดแบรนด์ "Tonkatsu Aoki" คาดกระแสดี เป้า 26 บ.

        หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า MAGURO (ซื้อ/เป้า 26.00 บาท) คาด Tonkatsu Aoki ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 26.00 บาท อิง 2025E PER 23.5x วานนี้ฝ่ายวิเคราะห์ได้ไปร่วมงาน soft opening ของร้าน Tonkatsu Aoki สาขาแรกที่ Central World จุดเด่นของร้าน Tonkatsu Aoki เมื่อเทียบกับคู่แข่ง คือ 1) ใช้วัตถุดิบ premium นำเข้ามาจากญี่ปุ่น, 2) รสชาติดี ได้รับยกย่องให้เป็น Senmonten (ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน) ด้านทงคัตสึ ทอดได้กรอบนอกนุ่มใน รักษาความ juiciness ในเนื้อหมูได้ดีมาก และ 3) ราคาอาหารแข่งขันได้ โดยเริ่มต้นที่ 320–990 บาท จากที่เราได้ชิมอาหารในครั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่าร้าน Tonkatsu Aoki จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค จากคุณภาพอาหารที่ premium และราคาที่เหมาะสม โดยร้านจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันนี้ (20 ธ.ค. 2024) ทั้งนี้ MAGURO มีแผนเปิดเพิ่มอีก 4 สาขาในปี 2025E โดยคาดสาขา 2 ที่ One Bangkok และสาขา 3 ที่ Velaa จะเปิดปลาย 1Q25E ต้น 2Q25E เราคาดรายได้ปี 2025E ที่ 45 ล้านบาท/สาขา/ปี, GPM > 50% และ NPM 9-10% ทั้งนี้ หากเปิดครบ 5 สาขา เราคาดจะมีรายได้จาก Tonkatsu Aoki ที่ 225-235 ล้านบาท/ปี และกำไรที่ 23 ล้านบาท/ปี คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 95 ล้านบาท (+31% YoY) และกำไรปกติที่ 101 ล้านบาท (+39% YoY) สำหรับปี 2025E คาดกำไรสุทธิที่ 141 ล้านบาท (+49% YoY) ราคาหุ้น underperform SET -6% ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันเทรดอยู่ที่ 2025E PER 17.7x ตํ่ากว่า peer อย่างไรก็ตาม เรายังชอบ MAGURO จาก 1) ธุรกิจร้านอาหารแบบ Full-Service ไทยยังมีการเติบโตต่อเนื่อง, 2) มี penetration rate ที่ต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก และ 3) valuation ไม่แพงเมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไรปี 24-25E ที่ทำ All Time High และยังมี upside จากแบรนด์ใหม่และการขยายสาขาที่มากกว่าคาด

[Vision Exclusive] จับตา GDP โค้งท้าย MAGURO ชูโรงหุ้นอาหาร

[Vision Exclusive] จับตา GDP โค้งท้าย MAGURO ชูโรงหุ้นอาหาร

          หุ้นวิชั่น - นายกฯ มั่นใจ Digital Wallet หนุน GDP โค้งท้ายปีนี้โตเกิน 3% ฟากโบรก "วิลาสินี บุญมาสูงทรง" สั่งจับตาตัวเลขส่งออก - ภาคบริการ เชื่อท่องเที่ยวหนุนรายได้สะพัด ชูกลุ่มอาหารเด่น  หุ้น MAGURO เข้าตา           นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายการบริหารราชการภายใต้หัวข้อ “2568 Empowering Thais: A Real Possibility จากผลงานที่เป็นรูปธรรม สู่อนาคตที่ทำได้จริง” เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศในปี 2568 ให้สามารถแข่งขันกับทุกประเทศในโลกได้ โดยหนึ่งในนโยบายสำคัญคือ Digital Wallet ซึ่งนายกรัฐมนตรีมั่นใจว่า GDP ในไตรมาส 4 ปี 2567 จะเติบโตเกิน 3% หลังจากการแจกเงินในเฟสแรก และยืนยันว่าจะเดินหน้าแจกเงินหมื่นในเฟส 2 ก่อนตรุษจีน และเฟส 3 สำหรับบุคคลทั่วไปจะเป็นการแจกผ่านดิจิทัลวอลเล็ตในปีหน้า           ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า การแจกเงินจะช่วยกระจายสู่รากหญ้าและกระตุ้นการบริโภคและการผลิตในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ GDP เติบโตได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ที่กว่า 3% ในปี 2567           ตัวเลขการส่งออกล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน 2567 ดีขึ้น โดยมีตัวเลขสะสมเติบโต 4.9% ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญในการผลักดันให้ GDP เติบโตตามเป้าหมาย ทั้งนี้ คงต้องติดตามผลการส่งออกใน 2 เดือนสุดท้ายของปี ขณะที่ภาคบริการ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้สำคัญให้กับประเทศ ก็มีแนวโน้มเติบโตดี โดยกลุ่มอาหารยังคงเป็นเซกเตอร์ที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนหุ้นขนาดกลางในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่มีแนวโน้มเติบโตดี ได้แก่ บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision

MAGURO ติดโผหุ้น Top Rank ธ.ค.

MAGURO ติดโผหุ้น Top Rank ธ.ค.

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  คาดกรอบเคลื่อนไหวดัชนีฯ เดือน ธ.ค.ไว้ที่ 1410-1500 จุด ปัจจัยเด่นในเดือนนี้ คือ การประชุม FOMC 18 ธ.ค., การประชุมมาตรการเศรษฐกิจ จีนช่วงกลางเดือน ธ.ค.  มาตรการเศรษฐกิจใหม่ๆ ของไทย ส่วนปัจจัยเสี่ยงคือ สงคราม           กลยุทธ์การลงทุนในเดือนนี้ ตลาดยังมีความผันผวน เหมาะกับการเล่นสั้นๆ แต่จะเป็นจังหวะเก็บหุ้นเพื่อเก็งงบ+เงินปันผล ถ้าดัชนีฯลงมาใกล้จุดรับ หรือตลาดเริ่ม เปลี่ยนเป็นขึ้น           หุ้นแนะนำ : AAV, CENTEL, CRC, MAGURO, SISB, SPRC, TOG ▪ AAV     : กำไรปกติ 4Q24E-1Q25E จะเติบโตสูงต่อเนื่อง ตำมผู้โดยสำรที่เพิ่มขึ้น ▪ CENTEL: กำไร 2025E จะเติบโตได้สูงที่สุดเมื่อเทียบกับ MINT และ ERW ▪ CRC    : High season ต่อเนื่อง 4Q24E-1Q25E  จากการใช้จ่ายในช่วงเทศกาล ▪ SISB    : 4Q24E ผลประกอบการเข้า high season ปีการศึกษาใหม่หนุน ▪ SPRC  : คาดกลับมามีกำไรสุทธิใน 4Q24E; 2025E crack spread ฟื้นตัว ▪ MAGURO : กำไร4Q24E ทำ All Time High ต่อ, คาด 2 แบรนด์ใหม่ตอบรับ ▪ TOG    : 4Q24E โตตาม high season, กำลังการผลิตใหม่เริ่ม 1Q25E           ฝ่ายวิเคราะห์มองทิศทางธุรกิจ บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO เปิดแบรนด์ใหม่ 2 แบรนด์ ธ.ค. นี้ คาดได้รับการตอบรับดี ได้แก่ Tonkatsu Aoki (เปิดที่เซ็นทรัลเวิลด์ในวันที่ 20 ธ.ค. 2024) และ CouCou (เปิดวันที่ 25 ธ.ค. 2024) โดยคาดรายได้ในปี 2025E จาก 2 แบรนด์ใหม่ที่ 93 ล้านบาท และ NPM 9-10% EARNINGS OUTLOOK           แนวโน้มกำไร 4Q24E ทำ All Time High ต่อ คาดกำไร 4Q24E เดินหน้าทำ All Time High ต่อ (เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิอยู่ในกรอบ 32-38 ล้านบาท) จากการขยาย 6 สาขา เปิดแบรนด์ใหม่ 2 แบรนด์ และเข้าสู่ high season คาดรายได้ทำ All Time High ต่อเนื่อง และ SSSG เป็นบวก           ทั้งนี้ SSSG เดือน ต.ค. +2-3% คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E - 2025E คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 95 ล้านบาท (+31% YoY) และกำไรปกติปี 2024E ที่ 101 ล้านบาท (+39% YoY) ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิปี 2025E ที่ 129 ล้านบาท (+36% YoY) PERFORMANCE & VALUATION           แนะนำ “ซื้อ” MAGURO และราคาเป้าหมายปี 2025E ที่ 22.50 บาท อิง 2025E PER 22.0x ยังชอบ MAGURO จาก 1) ธุรกิจร้านอาหารแบบ Full-Service ไทยยังมีการเติบโตต่อเนื่อง, 2) มี penetration rate ที่ต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากจากการขยายสาขาและแบรนด์ใหม่, และ 3) valuation ไม่แพงเมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไรปี 24-25E ที่ทำ All Time High

MAGURO ลุ้นโค้งท้ายทำไฮ โบรกเล็งปรับเป้าจากปัจจุบัน 22 บ.

MAGURO ลุ้นโค้งท้ายทำไฮ โบรกเล็งปรับเป้าจากปัจจุบัน 22 บ.

หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หุ้นเด่นวันนี้: MAGURO แนะนำ “ซื้อ” อยู่ระหว่างปรับเพิ่มราคาเป้าหมายจากปัจจุบันที่ 22 บาท เบื้องต้นประเมินกำไร 4Q24 จะทำ New High ต่อเนื่องที่ 33-35 ลบ. เนื่องจากรายได้ที่เติบโตต่อเนื่องตามการเปิดสาขาใหม่ ล่าสุดเตรียมเปิดตัวร้านอาหารแบรนด์ใหม่ทั้ง Tonkatsu Aoki ร้านหมูทอดจิ้มเกลือ และ CouCou เป็นรูปแบบ All-day Dining ในเดือนธ.ค. หนุนการเติบโต ฝ่ายวิเคราะห์อยู่ระหว่างปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากปัจจุบันที่คาดปี 2024-25 ที่ 84 ลบ. -4% y-y และ 121 ลบ. +44% y-y ตามลำดับ ยังเป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มร้านอาหารที่ฝ่ายวิเคราะห์ชอบ แนวรับ 20.40//20 บาท แนวต้าน 21.50//22 บาท

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

MAGURO แบรนด์ใหม่ทำเงิน ลุ้นโค้งท้าย All Time High ส่องพิกัด 22.50 บ.

MAGURO แบรนด์ใหม่ทำเงิน ลุ้นโค้งท้าย All Time High ส่องพิกัด 22.50 บ.

             หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะซื้อ MAGURO (ซื้อ/เป้า 22.50 บาท) กำไร 4Q24E ทำ All Time High ต่อ คาด 2 แบรนด์ใหม่ตอบรับดี ฝ่ายวิเคราะห์คงคำแนะนำ "ซื้อ" และคงราคาเป้าหมายที่ 22.50 บาท อิง 2025E PER ที่ 22.0x คาดกำไร 4Q24E จะทำ All Time High ต่อเนื่อง (เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิอยู่ในกรอบ 32-38 ล้านบาท) จากการขยาย 6 สาขา เปิดแบรนด์ใหม่ 2 แบรนด์ และเข้าสู่ช่วง high season คาดรายได้ทำ All Time High ต่อเนื่อง และ SSSG เป็นบวก ทั้งนี้ SSSG เดือน ต.ค. อยู่ที่ +2-3% สำหรับร้าน 2 แบรนด์ใหม่ที่เปิดในเดือนธันวาคม ได้แก่ Tonkatsu Aoki (เปิดที่เซ็นทรัลเวิลด์ 20 ธ.ค. 2024) และ CouCou (เปิด 25 ธ.ค. 2024) โดยคาดรายได้จาก 2 แบรนด์ใหม่ในปี 2025E จะอยู่ที่ 93 ล้านบาท คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 95 ล้านบาท (+31% YoY) และกำไรปกติที่ 101 ล้านบาท (+39% YoY) สำหรับปี 2025E คาดกำไรสุทธิที่ 129 ล้านบาท (+36% YoY) ราคาหุ้น outperform SET +13% ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันเทรดอยู่ที่ 2025E PER 18.9x ตํ่ากว่า peer ที่ 2025E PER 20.4x  อย่างไรก็ตาม เรายังชอบ MAGURO จาก 1) ธุรกิจร้านอาหารแบบ Full-Service ในไทยยังมีการเติบโตต่อเนื่อง 2) มี penetration rate ที่ต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก และ 3) valuation ไม่แพงเมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไรในปี 2024-2025E ที่จะทำ All Time High ปัจจุบันเทรดอยู่ที่ 2025E PER 18.9x ตํ่ากว่า peer ที่ 2025E PER 20.4x และยังมี upside จากแบรนด์ใหม่และการขยายสาขาที่มากกว่าคาด

MAGURO-AUเสิร์ฟกำไรล้นเต็มคำ

MAGURO-AUเสิร์ฟกำไรล้นเต็มคำ

หุ้นอาหารไซส์มินิ เสิร์ฟกำไรแน่น MAGURO กวาดกำไร 9 เดือน 62.4 ล้านบาท เร่งขยายสาขาทำเงิน ล่าสุดเปิดแบรนด์ใหม่ “CouCou” อัพยอด ฟาก AU ปั๊มเงินเข้าพอร์ตแล้ว 210 ล้านบาท โบรกคาดนักท่องเที่ยวหนุนยอดขนมหวาน ชูพิกัด12.10 บาท          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) อุตสาหกรรมอาหาร ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2567 เติบโตดี โดย บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO บริษัทมีกำไรสุทธิ 29.3 ล้านบาท เติบโต 54.2% ขณะที่ 9 เดือนแรกปี 2567 มีกำไรสุทธิ 62.4 ล้านบาท เติบโต 6.2% ทั้งนี้ MAGURO มีรายได้รวม ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 355.7 ล้านบาท เติบโต 33.2% และ 9 เดือนแรกปี 2567 ทำได้ 973.7 ล้านบาท เติบโต 26.8%          กําไรสุทธิของบริษัทสําหรับ 9 เดือนของปี 2567 ได้รวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (One-time expenses) จํานวน 7.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการนําบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หากไม่นับรว, ค่าใช้จ่ายนี้ บริษัทจะมีกําไรสุทธิสําหรับ 9 เดือนของปี 2567 อยู่ที่ 68.0ล้านบาท หรืออัตรากําไรสุทธิ7.0% (บนสมมติฐานอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล 20%)          MAGURO ได้เปิดตัวโครงการ The Flavorhood ตั้งอยู่บนประดิษฐ์มนูธรรม บนพื้นที่ 2 ไร่ ที่ประกอบไปด้วย 3 ร้านอาหารในเครือ MAGURO ที่มีการตกแต่งผสมผสานระหว่างความร่วมสมัย แต่ยังคง กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น รวมถึงสวนในโครงการที่มีทั้งรูปแบบ Japanese Garden และ Modern Tropical Garden          ล่าสุด MAGURO เปิดตัวแบรนด์ล่าสุด  ลำดับที่ 5 “CouCou” (คุคูว์) ร้านอาหารรูปแบบ All-Day Dining สไตล์ตะวันตก ณ The Flavorhood ประดิษฐ์มนูธรรม เจาะกลุ่มลูกค้าผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารแบบ All-Day Dining ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับ ปีใหม่ เป็นแบรนด์สุดท้ายของปีนี้ ปัจจุบัน MAGURO Group มีร้านอาหารในเครือ รวมทั้งหมด 35 ร้านจาก 3 แบรนด์ คือ 1.) MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิสไตล์ระดับพรีเมียม 18 ร้าน 2.) SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลี วัตถุดิบพรีเมียม 6 ร้าน 3.) HITORI SHABU ร้านชาบูและสุกียากี้ หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซ 11 ร้าน รวมถึงรูปแบบ Specialty เรื่อง Suki ภายใต้ชื่อแบรนด์ HITORI SUKIYAKI ร้านสุกียากี้คันไซแบบดั้งเดิมใน รูปแบบ Authentic Japanese Sukiyaki Course ในรูปแบบ Stand Alone ซึ่งเปิดสาขาแรกที่เอกมัย 12 ไป เมื่อกลางเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะที่ บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ AU ไตรมาส 3/2567  มีรายได้ที่ 428 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ 338 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% และ 9 เดือนแรกปี 2567 มีรายได้ 1,144 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน 900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27%  กำไรสุทธิไตรมาส 3/2567 ทำได้ 83 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน 54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% ส่วน 9 เดือนแรกปี 2567 มีกำไรสุทธิ 210 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน 131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% โดยมีสาขา ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 ที่ 61 สาขา เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ 59 สาขา ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ AU โดยมีราคาเป้าหมายที่ 11.50 บาท โดย AU รายงานการเติบโตของกำไรที่ +55% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน และ +15% จากไตรมาสก่อนหน้า ในไตรมาส 3/2567 เป็นจำนวน 81 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าการประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ 10% คาดว่ากำไรในไตรมาส 4/2567 จะเติบโตทั้งจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ การเปิดร้านค้าเพิ่มเติมอีก 3 สาขาทำให้เครือข่ายขยายตัวเป็น 66 สาขา และยอดขายที่แข็งแกร่งในร้านสะดวกซื้อและช่องทางอื่นๆ นอกจากนี้ในไตรมาส 4/2564 AU มีความชัดเจนในด้านกำไรที่แข็งแกร่งซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการวางตำแหน่งแบรนด์ที่มั่นคง การขยายช่องทางการขาย และการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวซึ่งคิดเป็น 30% ของรายได้กลุ่ม คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินทิศทางธุรกิจของ AUว่า AU รายงานกำไรในไตรมาส 3/2567 ที่ 83 ล้านบาท (+54% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน และ +15% จากไตรมาสก่อนหน้า) ซึ่งเป็นสถิติกำไรสูงสุดรายไตรมาส โดยที่กำไรสูงกว่าประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์และ consensus ถึง 11% และ 8% ตามลำดับ ขณะที่ กำไรสุทธิใน 9 เดือนแรกปี 2567 คิดเป็น 80% ของประมาณการกำไรทั้งปีของฝ่ายวิเคราะห์ที่ 262 ล้านบาท ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงให้คำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 12.10 บาท (อิงจาก PER ที่ 32x หรือ – 0.75SD) โดยที่ฝ่ายวิเคราะห์มองว่ากำไรของ AU ในไตรมาส 4/2567 น่าจะคงมีโมเมนตัมบวก ซึ่งทำให้มี upside ต่อประมาณการกำไรปี 2567 ขณะที่ ปัจจัยบวกต่าง ๆในไตรมาส 4/2567 ประกอบด้วย การเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 1-2 แห่งภายในประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายร้านขายขนมหวานและการเปิดสาขาใหม่ในกัมพูชาในเดือนตุลาคมซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า

MAGURO ลุย

MAGURO ลุย "CouCou" เจาะ All-Day Dining

หุ้นวิชั่น - MAGURO Group เตรียมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการอาหาร ด้วยการเปิดตัวแบรนด์แบรนด์ที่ 5 "CouCou" (คุคูว์) ร้านอาหารรูปแบบ All-Day Dining สไตล์ตะวันตก ณ The Flavorhood ประดิษฐ์มนูธรรม ต้อนรับปีใหม่ 2568 เจาะกลุ่มลูกค้าผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารแบบ All-Day Dining พร้อมเปิดให้บริการแบบ Soft Opening 25 ธันวาคมนี้ ภายในโครงการ Stand Alone แห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตั้งอยู่เคียงคู่กับร้านดังในเครืออย่าง MAGURO และ HITORI SHABU           คุณเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการอาหาร ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ล่าสุด  ลำดับที่ 5 "CouCou" (คุคูว์) ร้านอาหารรูปแบบ All-Day Dining สไตล์ตะวันตก ณ The Flavorhood ประดิษฐ์มนูธรรม เจาะกลุ่มลูกค้าผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารแบบ All-Day Dining ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับ ปีใหม่ เป็นแบรนด์สุดท้ายของปีนี้ โดยในการสร้างแบรนด์ใหม่ครั้งนี้ MAGURO Group ยังคงยึดมั่นในแนวทางภายใต้แนวคิด "Give More" พร้อม มอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่เหนือความคาดหมาย กับการให้มากกว่าสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังอยู่เสมอ ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมจากแหล่งที่ดีที่สุด พร้อมสร้างความประทับใจในทุกมื้ออาหาร ตั้งแต่เช้า จรดค่ำ ด้วยการสื่อสารผ่านชื่อร้าน "CouCou" ที่หมายถึง "สวัสดี" ในภาษาฝรั่งเศส สะท้อนความเป็นกันเอง และอบอุ่นเสมือนการทักทายระหว่างเพื่อนสนิท “สำหรับแบรนด์น้องใหม่ CouCou เป็นแบรนด์สุดท้ายของปีนี้ของ MAGURO Group เพื่อเจาะกลุ่มผูัที่ชื่นชอบ รับประทานอาหารแบบ All-Day Dining ตั้งแต่มื้อเช้า กลางวัน และเย็น อาหารสไตล์ตะวันตก ซึ่งเปิดตัวเพื่อ ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ที่มาพร้อมบรรยากาศการต้อนรับที่อบอุ่นและมีชีวิตชีวา ตั้งแต่ก้าวแรกที่ลูกค้าเข้าร้าน ไปจนถึงการส่งมอบเมนูสุดพิเศษ ทำให้ทุกมื้อของ CouCou ไม่ใช่เพียงการรับประทานอาหาร แต่คือ Special Moment & Memorable Experience ที่ลูกค้าจะได้สัมผัสอย่างแท้จริง” คุณเอกฤกษ์ กล่าว ด้าน คุณจักรกฤติ สายสมบูรณ์ กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง MAGURO กล่าวว่า การเปิดตัว CouCou ครั้งนี้ นับว่าเป็นการเขย่าวงการอาหารที่นอกจากจะเป็นรูปแบบ All-Day Dining สไตล์ตะวันตกแล้ว ยังตั้งอยู่บน ถนนประดิษฐ์มนูธรรม บนพื้นที่ 2 ไร่ ที่ประกอบไปด้วยอีก 2 ร้านอาหารในเครือ MAGURO ทั้งร้าน MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิสไตล์ระดับพรีเมียม และ ร้าน HITORI SHABU ร้านชาบูและสุกียากี้ หม้อเดี่ยว สไตล์คันไซ โดยในพื้นที่มีการตกแต่งผสมผสานระหว่างความร่วมสมัยแต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น รวมถึงสวน ในโครงการ ที่มีทั้งรูปแบบ Japanese Garden และ Modern Tropical Garden อีกทั้งยังมีความตั้งใจให้โครงการนี้เป็นการ ต่อยอดแนวทางด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีแผนการติดตั้งจุดชาร์จ EV Charger และ Solar Roof ภายในโครงการ รวมถึงจุดรีไซเคิลขยะพลาสติก และการแยกขยะ อย่างเป็น ระบบอีกด้วย โดยไฮไลต์สำคัญของ CouCou คือความหลากหลายของเมนูอาหารเช้าที่เต็มไปด้วยตัวเลือกมากมาย นำด้วยเมนู อาหารเช้าสุดคลาสสิก 2 สัญชาติ อย่าง American และ Full English Breakfast อีกทั้งจุดเด่นในเรื่อง Specialty Coffee กว่า 20 เมนู จากเมล็ดกาแฟคุณภาพพรีเมียม ส่วนมื้อกลางวัน พาสต้า Homemade เส้นสดหลากหลาย รูปแบบพร้อมเสิร์ฟสำหรับผู้ที่ชื่นชอบพาสต้า นอกจากนี้ CouCou ยังเน้นเรื่องกระบวนการทำอาหารเป็นอย่างมาก เลือกใช้ปรัชญา Give More ที่ Beyond จาก All- Day dining ปกติทั่วไป โดยเลือกใช้เครื่องมือหนักอย่างเตาย่างถ่านถึงสองชนิด คือ Charcoal Oven และ Argentine Parrila Grill เพื่อเพิ่มมิติทั้งรสชาติและกลิ่นของเมนูไปอีกขั้น ด้วยการนำวัตถุดิบหลายชนิดมาย่างด้วยถ่าน เช่น เมนูไส้กรอก รวมไปถึงเมนูมื้อเย็น ประเภท Grill และ สเต็กด้วย รวมถึงยังมีเมนูสุขภาพ รูปแบบ Organic Salad หลากหลายเมนู และมื้อเย็นจะเป็นอาหารยุโรปสไตล์ Casual Dining อาทิ Fillet Mignon, Beef Bourguignon พร้อมขนมหวาน สุดพิเศษ เช่น Burnt Cheesecake, Carrot Cake, Tiramisu ทั้งนี้ CouCou มาพร้อมบรรยากาศและการตกแต่งที่ทันสมัย สีสันแปลกใหม่ ด้วยการใช้สี Brick (สีอิฐ) เป็นส่วน ประกอบหลักที่เข้ากับงานศิลปะแบบ Modern Illustration ที่ประดับอยู่ทั่วร้าน ให้บรรยากาศแบบร้าน Brunch ในยุโรปอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีพื้นที่ Outdoor ซึ่งเป็นพื้นที่ Pet Friendly ให้ลูกค้าสามารถนำสัตว์เลี้ยงมาด้วยได้ ในช่วงแรกของการ Soft Opening จะเปิดให้บริการในรูปแบบอาหารเช้าและอาหารกลางวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 18.00 น. และเมื่อถึงช่วง Grand Opening จะเพิ่มบริการอาหารในรูปแบบ Dinner โดยจะขยายเวลาให้บริการ จนถึง 22.00 น. โดยสามารถสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. 096-945-2491 ณ The Flavorhood ประดิษฐ์มนูธรรม https://g.co/kgs/pai1tD3 ปัจจุบัน MAGURO Group มีร้านอาหารในเครือ รวมทั้งหมด 35 ร้านจาก 3 แบรนด์ คือ 1.) MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิสไตล์ระดับพรีเมียม 18 ร้าน 2.) SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลี วัตถุดิบพรีเมียม 6 ร้าน 3.) HITORI SHABU ร้านชาบูและสุกียากี้ หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซ 10 ร้าน และร้าน HITORI SUKIYAKI ร้านสุกียากี้คันไซแบบดั้งเดิมในรูปแบบ Authentic Japanese Sukiyaki Course ในรูปแบบ Stand Alone ซึ่งเปิดสาขาแรกที่เอกมัย 12 สำหรับแบรนด์ใหม่ อีก 2 แบรนด์ภายในสิ้นปีประกอบด้วย TONKATSU AOKI ร้านหมูทอดทงคัตสึร้านดัง จากประเทศญี่ปุ่นซึ่งเปิดเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. เป็นสาขาแรก ณ เซ็นทรัล เวิลด์ ชั้น 3 และ CouCou ร้านอาหารรูปแบบ All-Day Dining สไตล์ตะวันตก ณ The Flavorhood ประดิษฐ์มนูธรรม ที่กำลังจะเปิดในวันที่ 25 ธ.ค. นี้

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

“MAGURO” งบ Q3/67 ทำสถิติสูงสุดกำไรโต 54% เล็งเปิด 2 แบรนด์ใหม่ อาโอกิ ทงคัตสึจากญี่ปุ่น และร้านสไตล์ All Day Dining

“MAGURO” งบ Q3/67 ทำสถิติสูงสุดกำไรโต 54% เล็งเปิด 2 แบรนด์ใหม่ อาโอกิ ทงคัตสึจากญี่ปุ่น และร้านสไตล์ All Day Dining

    หุ้นวิชั่น - “MAGURO” ผู้นำร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลีระดับพรีเมียม-แมส เปิดงบโชว์ผลงานไตรมาส 3/2567 ทำสถิติสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท กวาดรายได้ 355.7 ล้านบาท พุ่ง 33% Y-o-Y และ 11% Q-o-Q และกำไรสุทธิทำสถิติแรงไม่แพ้กัน 29 ล้านบาท โต 127% Q-o-Q และ 54% Y-o-Y ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรก บริษัทฯกวาด รายได้ 974 ล้านบาท โต 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังขยายร้านเกินเป้าเป็น 13 ร้าน รวมเป็น 32 ร้าน พร้อมเตรียมต้อนรับแบรนด์น้องใหม่อาโอกิทงคัตสึจากญี่ปุ่นปลายปีนี้ พร้อมจ่อเปิดร้านอาหารรูปแบบใหม่รับ อานิสงส์ดีมานด์พุ่ง ด้าน “เอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง” ซีอีโอ เผยบริษัทฯ เดินตามหลักปรัชญา “Give More” ให้มากกว่าที่ขอ มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตตามเป้า 30% คุณเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานของ MAGURO ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้รายได้รวมอยู่ที่ 355.7 ล้านบาท เติบโต 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และ ขณะที่งบ 9 เดือนแรกของปี 2567 มีรายได้รวมที่ 976 ลบ. ขยายตัว 27% มากกว่ารายได้รวมใน 9 เดือนแรกของ ปีก่อน โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากสาขาที่เปิดใหม่ 7 สาขา ด้านกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้อยู่ที่ 29 ล้านบาท เติบโต 127% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีก่อน และกำไรสุทธิ 9 เดือนแรก เติบโต 6.2% เป็น 62 ล้านบาท โดยการ เติบโตดังกล่าว บริษัทฯได้รับอานิสงส์จากแผนการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้แต่เดิมอยู่แล้ว เพื่อ พัฒนาศักยภาพร้านอาหารให้ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าเดิม หรือ กลุ่มลูกค้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาใช้บริการ ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘Give More Culture’ หรือ ‘การให้มากกว่าที่ขอ’ ที่เราใช้ ในการบริหารธุรกิจมาโดยตลอด” โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2567 บริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายร้านอาหารเพิ่มแล้ว 11 ร้าน (ครึ่งปีแรกเปิด 2 ร้าน) และ มั่นใจว่าจะสามารถเปิดสาขาได้มากกว่าเป้ารวมที่ตั้งไว้เป็น 13 ร้าน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าระดับ พรีเมียม และพรีเมียม-แมส ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้สิ้นปีนี้ Maguro จะมีเครือข่ายทั้งหมด 38 สาขา ภายใต้ 5 แบรนด์ คุณจักรกฤติ สายสมบูรณ์ กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง MAGURO กล่าวว่า “นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมเปิดบริการร้าน อาโอกิ ทงคัตสึ (Aoki Tonkatsu) ร้านอาหารหมูทอดระดับพรีเมียมยอดนิยมจากญี่ปุ่น ในเดือนธันวาคมนี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิร์ลอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะได้รับการต้อนรับจากอบอุ่นจากทั้งกลุ่มลูกค้าเดิม สมาชิกของมากุโระและลูกค้าใหม่ที่ชอบทานทงคัตสึ นอกจากนี้ในเดือนหน้า MAGURO จะเปิดร้านอาหารรูปแบบ ใหม่สไตล์ All-Day Dining ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าพรีเมียม และ พรีเมียม-แมส ที่โครงการ The Flavorhood เพื่อรองรับความต้องการจากลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด MAGURO ได้เปิดตัวโครงการ The Flavorhood ตั้งอยู่บนประดิษฐ์มนูธรรม บนพื้นที่ 2 ไร่ ที่ประกอบไปด้วย 3 ร้านอาหารในเครือ MAGURO ที่มีการตกแต่งผสมผสานระหว่างความร่วมสมัย แต่ยังคง กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น รวมถึงสวนในโครงการที่มีทั้งรูปแบบ Japanese Garden และ Modern Tropical Garden อีกทั้งยังมีความตั้งใจให้โครงการนี้เป็นการต่อยอดแนวทางด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีแผน การติดตั้งจุดชาร์จ EV Charger และ Solar Roof ภายในโครงการ รวมถึงจุดรีไซเคิลขยะพลาสติก และการแยกขยะ อย่างเป็นระบบอีกด้วย ปัจจุบัน MAGURO Group มีร้านอาหารในเครือ รวมทั้งหมด 35 ร้านจาก 3 แบรนด์ คือ 1.) MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิสไตล์ระดับพรีเมียม 18 ร้าน 2.) SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลี วัตถุดิบพรีเมียม 6 ร้าน 3.) HITORI SHABU ร้านชาบูและสุกียากี้ หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซ 11 ร้าน รวมถึงรูปแบบ Specialty เรื่อง Suki ภายใต้ชื่อแบรนด์ HITORI SUKIYAKI ร้านสุกียากี้คันไซแบบดั้งเดิมใน รูปแบบ Authentic Japanese Sukiyaki Course ในรูปแบบ Stand Alone ซึ่งเปิดสาขาแรกที่เอกมัย 12 ไป เมื่อกลางเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ MAGURO ยังมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งจากจำนวนสมาชิกที่อยู่ในระบบ (Membership Program) มากกว่า 210,000 ราย จากการที่บริษัทฯ ใช้ระบบ CRM (Customer Relation Management) ในการรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมลูกค้ามาวิเคราะห์เพื่อนำเสนอโปรโมชั่น และกิจกรรมส่งเสริมการขายให้แก่ลูกค้า ได้อย่างตรงจุด ทำให้ทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ได้รับประสบการณ์ที่ดีตามแบบฉบับวัฒนธรรม “Give More” ของ MAGURO “เรามีฐานลูกค้าสมาชิกที่เหนียวแน่นถึง 210,000 ราย เพราะฉะนั้น จากฐานที่แข็งแกร่งนี้รวมกับระบบ CRM ของ MAGURO ทำให้เราสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า และส่งมอบประสบการณ์ที่ดี ตามแบบฉบับ วัฒนธรรม Give More ของ MAGURO ได้ อย่างเช่น การร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์ต่างๆในหลากหลายรูปแบบ เช่น เชฟ Black จาก Blackish เชฟ ชินจาก Noname Noodle หรือ เชฟ แรนดี้จาก Fillet Omakase และล่าสุด เป็นการร่วมมือกับแบรนด์ไอศครีม Guss Dam Good ที่พัฒนามาเป็นเมนูที่ชื่อว่า Give Good Things ไอศกรีม รสมันหวานญี่ปุ่นครีมบูเล่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปกับ The Flavorhood” คุณจักรกฤติ กล่าวเสริม สำหรับภาพรวมทั้งปีนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าจาก ครึ่งปีหลังนี้ การขยายสาขา เพิ่มแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเพื่อให้ ครอบคลุมลูกค้าทุกเซ็กเม้นท์ รวมถึงการใช้ระบบ CRM วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าตอบโจทย์ความต้องการ ซึ่งคาด ว่ากลยุทธ์การดำเนินงานดังกล่าวที่วางไว้ จะช่วยผลักดันรายได้ตลอดทั้งปี 2567 ขยายตัวต่อเนื่อง และทำให้รายได้ เติบโตตามที่คาดไว้ที่ประมาณ 30% จากปี 2566