[Vision Exclusive] KWMเกษตรเต้นรัว-แจกเงินไร่ละ1พัน
หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM เปิดเผยกับทีมข่าว หุ้นวิชั่น ว่า ทิศทางธุรกิจเกษตรในปี2568 คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากปี 2567 โดยเฉพาะในด้านสินค้าส่งออก ซึ่งจะได้รับผลกระทบที่ดีโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงในตลาดโลก เช่น การปรับขึ้นภาษีสินค้าเกษตรจากจีนที่คาดว่าจะสูงถึง 60% ทำให้สินค้าจากจีนจะส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาลดลง และส่งผลให้ผู้ประกอบการในประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศไทยมีโอกาสขยายตลาดได้มากขึ้น เนื่องจากประเทศไทยมีฐานการผลิตที่แข็งแกร่งและสามารถส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาได้ สำหรับบริษัท KWM การจำหน่ายสินค้าส่วนใหญ่เป็นการผลิตให้กับ บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 75% และผ่านแบรนด์ Pegasus ในบริษัท อัดเลอร์เทค จำกัด อีก 25% โดยในส่วนของอัดเลอร์เทค มีการจำหน่ายสินค้าภายในประเทศ 20% และส่งออกต่างประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมอีก 5% บริษัทมองว่าตลาดสหรัฐอเมริกามีดีมานด์ใช้อุปกรณ์การเกษตรจำนวนมาก ขณะที่ตลาดยุโรปมีความต้องการใช้อุปกรณ์การเกษตรอยู่ที่ประมาณ 7-8 ล้านใบต่อปี ซึ่งเป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับการขยายตลาดของบริษัท ปัจจุบัน KWM ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ทางการเกษตรได้ประมาณ 4 แสนใบต่อปี และยังมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรปอีกมาก ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันการเติบโตและเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในอนาคต ในส่วนของการสนับสนุนจากภาครัฐ ล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยืนยันมตินบข. ที่เตรียมจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับชาวนา โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ครอบคลุมชาวนา 4.68 ล้านครัวเรือน รวมวงเงิน 3.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นภาคการเกษตรในประเทศไทยและสร้างบรรยากาศที่คึกคักในปี 2568 บริษัท KWM ได้พัฒนาสินค้าใหม่อย่างเครื่องตัดหญ้าและใบโรตารี ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มยอดขายที่ดีขึ้น ขณะที่แบรนด์สินค้าที่ KWM ผลิตและจำหน่ายเอง อย่าง "Pegasus" ก็ได้รับการยอมรับในคุณภาพสินค้า และอยู่ในช่วงของการเติบโตที่สำคัญ นอกจากนี้ KWM ยังได้ออกแบบสินค้าใบจักรที่ช่วยตัดอ้อยเพื่อลดมลภาวะ โดยไม่จำเป็นต้องเผาอ้อยก่อนที่จะปลูกอ้อยชุดใหม่ ซึ่งเป็นการลดปัญหามลพิษ PM2.5 ในพื้นที่การเกษตร สินค้ากลุ่มนี้นอกจากจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังคาดว่าจะส่งผลดีต่อผลผลิตที่มีคุณภาพสูงขึ้นในปีนี้ เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่มากขึ้น อีกทั้งยังมีกลุ่มพืชสมุนไพรที่มีการส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น โดยคาดว่าการเติบโตในตลาดต่างประเทศจะช่วยผลักดันการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต นายเอกพันธ์ กล่าวต่อว่า บริษัทคาดว่าในปี 2568 การผลิตและจำหน่ายสินค้าภายใต้การร่วมมือกับบริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด จะทรงตัว ขณะที่การผลิตและจำหน่ายสินค้าผ่านบริษัท อัดเลอร์เทค จำกัด คาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีอัตราการเติบโตประมาณ 20-30% จากการขยายตลาดใหม่เพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนการเติบโตในกลุ่ม B2C บริษัทใช้แพลตฟอร์ม Sales Force ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการขายจาก B2B มาเพื่อเข้าถึงลูกค้าโดยตรง การจำหน่ายสินค้ากลุ่ม B2C คาดว่าจะช่วยเพิ่มอัตราการทำกำไรของบริษัทได้มากขึ้น เนื่องจาก Gross Profit Margin ของสินค้ากลุ่ม B2C อยู่ในระดับสูง