#KSS


KSS คาด SET วันนี้ “Rebound” ต้าน 1380 จุด แนะ GULF, ADVANC, CRC

KSS คาด SET วันนี้ “Rebound” ต้าน 1380 จุด แนะ GULF, ADVANC, CRC

หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คาด SET วันนี้ “Rebound” ต้าน 1375/1380 จุด รับ 1360/1352 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัว ดัชนี S&P500 +1.09% หนุนจากรายงานเงินเฟ้อ PCE พ.ย. 24 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่ำกว่าตลาดคาด +2.4%y-y, +0.1%m-m บรรเทาความกังวล Fed ให้สัญญาณเข้มงวดวงจรดอกเบี้ยล่าสุด ผสาน สภาสหรัฐผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวทันก่อนสหรัฐต้อง Shutdown โดยรวมช่วยให้ US Bond Yieldอายุ 10 ปีชะลอการขึ้น คือ ปรับลง -4 bps ปิดที่ 4.52 % Dollar Index กลับมาอ่อนค่า 107.8 จุด คาดบวกต่อจิตวิทยาลงทุนตลาดหุ้น Emerging Markets (EM) ที่เผชิญแรงกดดันดังกล่าวตลอดสัปดาห์ก่อน รวมถึง SET ที่เงินบาทกลับมาแข็งค่าสู่ 34.28 +/- บาท ขณะที่สัปดาห์นี้แรงขับเคลื่อนหลักจะมาจากภายใน โดยเฉพาะการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เม็ดเงินลงทุนระยะยาวเข้ามามากขึ้น หลัง SET ปรับลงมาอยู่ในโซนลงทุน Current และ Forward Equity Risk Premium อยู่ที่ 4.09% และ 4.82% > AVG. + 1 S.D. ที่ 4.05% ที่มักเป็นจุดกลับตัวกรณีไม่มีวิกฤติ ผสาน จิตวิทยาต่างประเทศเป็นบวก วันนี้คาด SET Rebound ได้ หุ้นนำ คือ กลุ่มที่แรงกดดัน Yield ลดลง (โรงไฟฟ้า เช่าซื้อHigh Yield) หุ้น Domestic (ค้าปลีก ท่องเที่ยว) และหุ้นในธีม Entertainment Complex วันนี้แนะนํา GULF, ADVANC, CRC

KSS เคาะหุ้นเด่นปี 2025  คาด SET ผันผวนระยะสั้น ทยอยตั้งรับ   

KSS เคาะหุ้นเด่นปี 2025 คาด SET ผันผวนระยะสั้น ทยอยตั้งรับ  

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.กรุงศรี ระบุ Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่คาดปรับลดดอกเบี้ยปี 2025F ช้าลง           Fed Meeting: ผลประชุม Fed ตามคาด ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง -25bps สู่ระดับ 4.25% - 4.5% แต่รายงาน Dot Plot ปรับสะท้อนการกลับมาเป็นประธานาธิบดีของคุณ Trump มากกว่าที่เราคาด ทำให้ตัวเลขคาดการณ์ในรายงานค่อนข้าง Hawkish กว่าที่เราและตลาดมอง โดยปรับมุมมองการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายปี 2025 ลงเหลือเพียง 2 ครั้ง (จากเดิม 4 ครั้ง และความคาดหวังตลาด 2-3 ครั้ง) และคงมุมมองการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายปี 2026 ลง 2 ครั้งตามเดิม สอดคล้องกับมุมมองเงินเฟ้อ PCE ที่ปรับเพิ่มขึ้นทั้งปี 2025 – 2026 จากเดิม +2.2%, +2.0% สู่ระดับ +2.5%, 2.1% นอกจากนี้ Fed ปรับการเติบโตของ GDP ปี 2025 ขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 2.0% เป็น 2.1% แต่ยังชะลอลงจากปี 2024F คาด +2.5% หลังประชุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับขึ้นแรง ตอบสนองต่อรายงาน Dot Plot ดังกล่าว รวมถึง Dollar Index แข็งค่าขึ้นสู่ 108 +/- จุด ทำให้เงินบาทอ่อนค่าเร่งมาที่ 34.5-34.6 บาท ทำให้ระยะสั้นตลาดหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวผันผวน อย่างไรก็ดี เราประเมินความผันผวนอยู่ในช่วงปลายแล้ว ทั้งจากภาพที่ตลาดหุ้นไทยปรับลดสถานะมาล่วงหน้า ผสานภาพหลักปี 2025F ที่วงจรดอกเบี้ยยังเป็นขาลง ยังหนุนภาวะ Search for Yield หลังผ่านช่วงตลาดผันผวน และหากอิงเศรษฐกิจสหรัฐ Soft Landing vs BOT ที่ยังคงคาดการณ์ GDP ปี 2025F เร่งขึ้นสู่ 2.9% จากปี 2024F คาดเติบโต 2.7% โดยมีภายในหนุน ทำให้เราประเมินความผันผวนระยะสั้นเป็นโอกาสทยอยตั้งรับ หุ้นเด่นคือกลุ่ม Domestic           กลยุทธ์การลงทุน: เราประเมินเป้าหมาย SET ปี 2025 ที่ 1660 จุด (อิงกำไรตลาด 96 บาท, ERP 3.06%) มองหุ้นกลุ่ม Domestic Plays เด่น แนะนำทยอยสะสมหุ้น Best Picks 2025: ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE. Mid-Small Cap Play: INSET, JMT, MALEE, MOSHI Fact: ผลการประชุม Fed เมื่อคืนวานนี้ มติเอกฉันท์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25bps ลงสู่ระดับ 4.25-4.50% รายงานมุมมองเศรษฐกิจ Dot Plot สะท้อน: การปรับลดอัตราดอกเบี้ย นโยบายปี 2025 ลดลงจาก 4 ครั้ง เหลือ 2 ครั้ง, ปี 2025 คงที่ 2 ครั้ง ปรับมุมมองเงินเฟ้อ PCE ขึ้นปี 2025 จาก +2.2% เป็น +2.5% และปี 2026 จาก +2.0% เป็น +2.1% ปรับเพิ่มมุมมองการเติบโตเศรษฐกิจปี 2025 ขึ้นเล็กน้อยจาก 2.0% เป็น +2.1% มองอัตราการว่างงานลดลงเล็กน้อยจากเดิมปี 2025 มองระดับ 4.4% ลงสู่ระดับ 4.3% ถ้อยแถลงของประธาน Fed คุณ Jerome Powell ให้ความเห็นว่า Fed มองการลดดอกเบี้ยนโยบายชะลอลงเนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อเดือน ต.ค. - พ.ย. ที่เริ่มสะท้อนความหนืด (Sticky) มากขึ้นเป็นหลัก Fed ยังคงพิจารณาจากข้อมูลเป็นหลัก (Data-Driven Decision Making) ประกอบการตัดสินใจกำหนดนโยบายการเงินระยะถัดไป Key Ideas: Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับ -25bps ลงสู่กรอบ 4.25% - 4.5% ตามตลาดและเราคาด ส่งผลให้ปีนี้ Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้ง รวม 1.0% ตามทิศทางของเงินเฟ้อที่ชะลอลงได้ตามคาดนับตั้งแต่ 2Q24 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตามมุมมองทิศทางการดำเนินนโยบายจากรายงาน Summary of Economic Projections (SEP) สะท้อนมุมมองที่ Hawkish มากขึ้น โดยเฉพาะมุมมองอัตราดอกเบี้ยนโยบายปี 2025 จะปรับลงเหลือเพียง 2 ครั้ง จากเดิม 4 ครั้ง vs ตลาดคาดจะปรับลด 2-3 ครั้ง สะท้อนมุมมองเงินเฟ้อ PCE ที่ถูกปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน ในขณะที่ปรับมุมมองการเติบโตเศรษฐกิจและภาคการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย สินทรัพย์ต่างๆ ปรับเพื่อสะท้อนแนวโน้มการลดดอกเบี้ยที่ชะลอลงดังกล่าว ได้แก่ Dollar Index ปรับแข็งค่าขึ้น +1.16% ปิดที่ระดับ 108.2 จุด, อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ตอบสนองต่อรายงาน Dot Plot ดังกล่าว โดยอายุ 2 ปี ปรับเพิ่มขึ้น +11bps สู่ระดับ 4.35% และอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้น +12bps ขึ้นปิดที่ระดับ 4.51% ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐานแรง นำโดย NASDAQ -3.7% และ S&P500 -2.95% ขณะที่เงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าสู่ 34.5-34.6 บาท เป็นแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น.

KSS คาด SET “ช่วงปลายความผันผวน” ต้าน 1415 จุด ชู KTB, SCB, BTS

KSS คาด SET “ช่วงปลายความผันผวน” ต้าน 1415 จุด ชู KTB, SCB, BTS

           หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คาด SET วันนี้ “ช่วงปลายความผันผวน” ต้าน 1411/1415 จุด รับ 1380/1363 จุด ดัชนีS&P500 ดิ่ง -2.95% ตอบ รับผลประชุม Fed ที่แม้ปรับลดดอกเบี้ย -25 bps ตามคาด แต่ประเด็นที่ตลาดให้น ้าหนัก คือ Dot Plot ปี2025F ที่คาดปรับลดดอกเบี้ยเหลือ 2 ครั้ง (vs ตลาดคาด 2-3 ครั้ง, เดิม 4 ครั้ง) โดยรวมผลกระทบนโยบาย Trump 2.0 ขณะที่ปรับเพิ่ม GDP ปี2025F สู่ 2.1% (เดิม 2.0%) vs prev. 2.5% หลังประชุม US Bond Yield 10 ปี+12 bps มาที่ 4.51% Dollar Index แข็งค่าสู่ 107.9 จุด ประเมินระยะสั้นท าให้เกิดภาพปรับสถานะ สินทรัพย์เสี่ยงโลกอีกรอบ แต่ประเมินความผันผวนจะอยู่ในช่วงปลาย โดยไทยกดดันจากเงินบาทอ่อนค่าสู่ 34.5 +/- บาท อย่างไรก็ตาม ภาพ หลักปี2025F ที่ Fed ยังมองวงจรดอกเบี้ยเป็นขาลง เศรษฐกิจสหรัฐ Soft Landing vs BOT ที่ยังคงคาดการณ์ GDP ปี2025F เร่งขึ้น โดย มีภายในหนุน เราประเมินความผันผวนระยะสั้นเป็นโอกาสทยอยตั้งรับ หุ้นเด่น คือ กลุ่ม Domestic ที่เกาะไปกับกระแส Yield เร่งขึ้น+เศรษฐกิจ ภายในเด่น อาทิธนาคาร ประกัน ผสาน หุ้น Defensive อาทิสื่อสาร ค้าปลีก (สินค้าจ าเป็น) ร.พ. กลุ่มที่ได้จิตวิทยาบวกเงินบาทอ่อนค่าหนุน วันนี้แนะน ำ KTB, SCB, BTS

KSS คาด SET “Rebound” ต้าน 1433 จุด ชู BJC, CRC, KTB

KSS คาด SET “Rebound” ต้าน 1433 จุด ชู BJC, CRC, KTB

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คาด SET วันนี้ “Rebound” ต้าน 1429/1433 จุด รับ 1415/1411 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งขึ้น ดัชนีS&P500 +0.38% หุ้นเทคฯนำตลาด Broadcom ยังมีโมเมนตัม ขณะที่ปัจจัยมหภาค Flash PMI สหรัฐฯ ธ.ค. 24 ภาคบริการขยายตัว ดีกว่าคาด เร่งขึ้นสู่ 58.5 จุด ชดเชยฝั่งภาคผลิตที่ต่ำกว่าคาด หนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นภาพ Goldilocks to Soft Landing แต่ตลาดน่าจะเริ่มรอสัญญาณช่วงถัดไปโดยเฉพาะมุมมองดอกเบี้ยและเศรษฐกิจจากการประชุม Fed (ไทยทราบผลเช้า 19 ธ.ค.) บ่งชี้จาก US Bond Yield 10 ปีที่ยังแกว่ง 4.4% ขณะที่เอเชียการฟื้นตัวจีนยังค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ความน่าสนใจระยะสั้นที่จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนยังไม่มาก ด้านไทยหลังตลาดปรับตัวลดลง 6 วันติด ส่งผลให้ Current Equity Risk Premium (ERP) แตะ 3.8% > ค่าเฉลี่ย 3.1% ส่วน Forward ERP ขึ้นไป 4.4% > Avg + 1 S.D. (4.05%) น่าจะเริ่มเป็นจุดกลับมาสร้างความน่าสนใจตลาดหุ้นไทย ผสาน ภายในลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม            ประเมิน SET วันนี้ Rebound หุ้นนำ คือ กลุ่ม Domestic ธนาคาร ค้าปลีก กลุ่มที่เป็นเป้า Domestic Long Term Funds อาทิ สื่อสาร วันนี้แนะนำ BJC, CRC, KTB

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

KSS คาด SET สร้างฐาน มองต้าน 1445 จุด แบงก์ เช่าซื้อ ท่องเที่ยวนำตลาด

KSS คาด SET สร้างฐาน มองต้าน 1445 จุด แบงก์ เช่าซื้อ ท่องเที่ยวนำตลาด

 หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คาด SET วันนี้ “แกว่งสร้างฐาน” ต้าน 1440/1445 จุด รับ 1425/1420 จุด ดัชนีS&P500 -0.38% จากแรงขาย หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีแม้US Bond Yield 10 ปีจะแกว่งตัว 4.26% หลังจากรายงานเงินเฟ้อ PCE ต.ค. 24 ตามตลาดคาด +2.3%y-y, 0.2%m-m vs prev. 2.1%y-y, 0.2%%m-m ทั้งนี้ตลาดยังดูให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงระยะถัดไปจากนโยบาย Trump 2.0 มากกว่า อย่างไรก็ดีจุดบวกสั้นๆ คือ ช่วยให้ Dollar Index ชะลอแข็งค่าระยะสั้นและยังติดแนวต้าน 107 จุด หนุนเงินบาทแข็งค่า 34.5 +/- บาท ภายในติดตามการเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคาดมีความคืบหน้า ครม.สัญจร 29 พ.ย. ขณะที่ฝั่งมาตรการแก้หนี้ จะมีการขยายขอบเขตเพิ่มเติมจากพักชำระดอกเบี้ยกลุ่มค้างหนี้ไม่เกิน 1 ปี ครอบคลุมการ Haircut กลุ่มค้างชำระ > 1 ปี บวกต่อกลุ่มธนาคารที่ส่วนใหญ่ write-off ลูกหนี้แล้ว คาด SET แกว่งสร้างฐาน หุ้นนำ คือ หุ้นกลุ่ม Domestic (ธนาคาร เช่าซื้อ ท่องเที่ยว ค้าปลีก) หุ้นที่เงินบาทแข็งค่า+ราคาพลังงานจากผลบวกสถานการณ์ความขัดแย้งตะวันออกกลางทยอยคลายลงหนุน (โรงไฟฟ้า Anti-Commodity) วันนี้แนะ AOT, GULF, SCB

KSS คาด SET วันนี้ “Sideways Up” ต้าน 1471 จุด แนะ ADVANC, BTS, GULF

KSS คาด SET วันนี้ “Sideways Up” ต้าน 1471 จุด แนะ ADVANC, BTS, GULF

 หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คาด SET วันนี้ “Sideways Up” ต้าน 1463/1471 จุด รับ 1440/1435 จุด ดัชนี S&P500 ปิดบวก 0.35% จาก เศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นภาพ Goldilocks - Soft Landing หลัง Flash PMI บริการ พ.ย. 24 สูงกว่าคาด เพิ่มสู่ 57.0 จุด สูงสุดใน 31 เดือน แต่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ย. 24 (U of Michigan – รอบสุดท้าย) ต่ำคาด 71.8 จุด ผสาน ราคาน้ำมันเฉลี่ย +1.4% ขณะที่ภายในความกังวลต่อเสถียรภาพการเมืองคลายลง หลังศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องวินิจฉัย "ทักษิณ-เพื่อไทย" ล้มล้างการปกครอง หนุนการเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะสั้น – กลาง มีความต่อเนื่อง เช้านี้เงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่าสู่ 34.4 บาท ผสาน MSCI Rebalance มีผลราคาปิดวันนี้ แม้ Net Flows เป็นกลาง แต่การเพิ่มน้ำหนักกระจายหลายหุ้น Big Cap อาทิGULF, ADVANC, SCB, TRUE, INTUCH (รวมกัน 15% ของมูลค่าตลาด) vs หุ้นออกจากดัชนี SCGP และหุ้นถูกลดน้ำหนัก BEM, BDMS, SCC (รวมกัน 5% ของมูลค่าตลาด) คาดวันนี้ SET แกว่งขึ้นโดยมีหุ้นนำ คือ หุ้น Domestic (ธนาคาร ค้าปลีก เช่าซื้อ โรงไฟฟ้า สื่อสาร) ผสาน หุ้นพลังงานต้นน้ำ วันนี้ แนะ ADVANC, BTS, GULF

บล.กรุงศรี คาด ADVICE ปี 68 กำไรโต รับปีทองธุรกิจสินค้าไอที

บล.กรุงศรี คาด ADVICE ปี 68 กำไรโต รับปีทองธุรกิจสินค้าไอที

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คาดปี 2568 จะเป็นปีทองสำหรับธุรกิจสินค้าไอทีและ ADVICE จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์หลัก บริษัทมีปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตภายในองค์กรที่จะช่วยให้บริษัททำผลงานได้ดีกว่ากลุ่ม ซึ่งมาจากการเริ่มเข้าสู่ตลาดโทรศัพท์มือถือ เราเริ่มต้นคำแนะนำ ADVICE ด้วยคำแนะนำ "ซื้อ" และราคาเป้าหมาย 7.70 บาท เข้าสู่ช่วงปีทองใน 2025           เราคาดว่าปี 2025 จะเป็นปีทองสำหรับธุรกิจสินค้าไอที โดยเฉพาะตลาดคอมพิวเตอร์ โดยมีสาเหตุจาก (1) พัฒนาการของเทคโนโลยี AI (2) การเปิดตัว CPU และ GPU รุ่นใหม่ และ (3) การเริ่มต้นของวัฏจักรการอัปเกรดคอมพิวเตอร์ ADVICE จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์หลัก เนื่องจากมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากคอมพิวเตอร์ถึง 70% ประกอบด้วยชิ้นส่วน (33%) แล็ปท็อป (26%) และเดสก์ท็อป (10%) เราคาดว่าการส่งมอบ PC จะเติบโต 5% ในปี 2025 จาก 4% ในปี 2024 ร้านค้า Advice iStore จะเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้หลัก           ก่อนหน้านี้ ADVICE มุ่งเน้นธุรกิจจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์เป็นหลัก โดยมีรายได้จากสมาร์ทโฟนคิดเป็นเพียง 6% ของรายได้รวม ปัจจุบันบริษัทต้องการขยายธุรกิจนี้ เริ่มจากการขายผลิตภัณฑ์ Apple ซึ่งบริษัทได้รับใบอนุญาตเป็นตัวแทนจำหน่าย Apple อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือว่าเป็นรายที่ 4 ในประเทศไทย บริษัทมีแผนเปิดสาขา Advice iStore 8 สาขาในปีนี้ โดยปัจจุบันมี 2 สาขา และต้องการเปิด 33-35 สาขาภายในสิ้นปี 2025 และเป็น 68-70 สาขาในปี 2026 เรามองว่าประเด็นดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนุนรายได้ใหม่ของบริษัท เนื่องจาก (1) เป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่มีโอกาสแย่งส่วนแบ่งตลาดได้ และ (2) สร้าง Synergy value กับร้าน ADVICE ในปัจจุบัน คาดกำไรเติบโตแกร่ง แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 7.70           เราคาดว่ากำไรของบริษัทจะเติบโต 48% ในปีนี้เป็น 251 ล้านบาท และเติบโตได้อีก 19% เป็น 299 ล้านบาทในปี 2025 ดังนั้น เรามองว่า ADVICE สมควรซื้อขายที่ P/E 16 เท่า (+5 SD) ซึ่งอาจดูสูง แต่ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E ต่ำสุดในกลุ่มผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอที ที่ซื้อขายกันที่ 16-17 เท่า แต่ ADVICE คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าคู่แข่ง

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

บล.กรุงศรี ชี้ นทท. ฟื้นตัว +8% Golden week หนุน กลุ่มการบินเด่น

บล.กรุงศรี ชี้ นทท. ฟื้นตัว +8% Golden week หนุน กลุ่มการบินเด่น

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จํากัด (มหาชน) (KSS) มอง Positive ยอด นทท.สัปดาห์ที่ 40/24 ฟื้น +8% w-w เป็น 0.64 ล้านคนจากช่วงวันหยุด Golden week ประเทศจีนหนุยอด นทท.จีนฟื้นกว่า +34% w-w และเข้าสู่ช่วง High season ของตลาดระยะไกลยอด นทท.ฟื้น +11% w-w แนวโน้มสัปดาห์ถัดไปคาดยอด นทท.ชะลอลง w-w จากฐานสูงในสัปดาห์นี้ ส่วนราคาน้ำมัน (Jet Fuel) ปรับขึ้น +9% w-w จากความกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลางแต่ยังต่า กว่าสมมติฐานเรา -12% ส่วนเงินบาทกลับมาอ่อนค่า +1.03 บาท/USD w-w คลายแรงกดดันต่อการเดินทางมาท่องเที่ยวไทย อัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่า +1.03 บาท/USD w-w คลายแรงกดดันการเดินทางมาท่องเที่ยวไทย แต่เป็นลบต่อ AAV ที่มีหนี้สกุล USD กว่า 1,000 ล้านเหรียญ ต้องบันทึกรายการพิเศษทางบัญชีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ฝ่ายวิเคราะห์คงน้ำหนัก Bullish กลุ่มการบิน และเลือก BA (Buy, TP 25.75) และ AOT (Buy, TP 64.5) เป็นหุ้น Top pick กลุ่มฯแม้ราคาเป้าหมาย (TP25F) หุ้นกลุ่มการบินจะเหลือ Upside ไม่มาก อย่างไรก็ตาม หุ้นสายการบินยังมี Upside จากราคาน้ำมัน (Fig 8-9) และ AOT ยังมีUpside จากโอกาสปรับขึ้นค่า PSC (Fig 10, ผลการศึกษาปรับขึ้นค่า PSC จะแล้วเสร็จกลางปีหน้า) และฝ่ายวิเคราะห์มองหุ้นกลุ่มการบินยังมี Sentiment บวกจากการเข้าสู่ช่วง High season (4Q24-1Q25) ขณะที่ระยะสั้นเรามองหุ้น AAV น่าสนใจจากการเก็งกำไรราคาน้ำมันต่ำกว่าคาด และ SAV ลุ้นปิดดีลการบริหารจราจรทางอากาศของประเทศลาวภายในเดือน พ.ย.24

นทท.ต่างชาติ โต7.8% แนะนำสะสมหุ้นท่องเที่ยว AOT - ERW - AAV โดดเด่น

นทท.ต่างชาติ โต7.8% แนะนำสะสมหุ้นท่องเที่ยว AOT - ERW - AAV โดดเด่น

          หุ้นวิชั่น- ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงานว่า KSS Strategist Comment: TH Tourism Update นักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ล่าสุด (30 ก.ย. -6 ต.ค.) +7.8%w-w ตามผลบวก Golden Week ส่วนระยะถัดไปมองเร่งต่อจากปัจจัยหนุนฤดูกาลท่องเที่ยว ผสาน นักท่องเที่ยวจีนเร่งขึ้นตามสัญญาณ Flight Capacity จีนสู่ไทย แนะนำสะสม AOT, ERW, AAV, CPALL, BJC, ADVANC Key Ideas : นักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ล่าสุด 30 ก.ย. – 6 ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น +7.8%w-w อยู่ที่ 6.38 แสนคน สูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ เรามองเป็นผลบวกช่วง Golden Week ทั้งนี้ เราประเมินเป็นจุดเริ่มต้นก่อนฟื้นตัวช่วงปลายปี หนุนจาก การเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวต่อเนื่องยาวจากงวด 4Q24 – 1Q25 เริ่มเห็น Upside ของนักท่องเที่ยวจีน โดยปัจจุบันกำลังให้บริการต่อที่นั่ง ต่อ กม. (ASK) ของจีนเดินทางไปต่างประเทศ ณ 7 ต.ค. (หลัง Golden Week) แตะระดับ 75% ของ Pre-COVID ปรับเพิ่มมีนัยฯ 47%y-y นอกจากนี้ ระดับกำลังให้บริการต่อที่นั่ง ต่อ กม. (ASK) ของจีนเดินทางมาไทย ณ 7 ต.ค. สูง 68% ของ Pre-COVID เทียบกับยอดนักท่องเที่ยวจีน 8M24 ที่อยู่เพียง 63% ยิ่งสะท้อนภาพชัดเจน           Strategy: มองโมเมนตัมการฟื้นตัวภาคท่องเที่ยวทยอยชัดเจนขึ้น ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมค่อยๆคลายตัวลง และสถานการณ์ตะวันออกกลางยังเชื่อว่าจำกัดวงระหว่างคู่กรณี เชิงกลยุทธ์แนะนำสะสมหุ้นท่องเที่ยว+ภาคบริการที่คาดฟื้นตัวเด่นช่วงฤดูกาลต่อเนื่อง เน้น AOT(TP Con-68.9) ERW (TP Con-5.3) AAV (TP-2.86) CPALL (TP-77) BJC(TP-30) ADVANC (TP-300)