#KLINIQ


KLINIQ มั่นใจผลงานโค้งสุดท้ายของปีดันเป้ารายได้โต เติบโต 30%

KLINIQ มั่นใจผลงานโค้งสุดท้ายของปีดันเป้ารายได้โต เติบโต 30%

          KLINIQ ประเมินแนวโน้มผลงานไตรมาส 4/67 ขยายตัวต่อเนื่อง หลังเร่งทำตลาดหนุนรายได้จากสาขาเดิมเพิ่มและการเปิดสาขาใหม่ในไตรมาสสุดท้ายเพิ่มเติมอีก 4 แห่งเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้ดีขึ้น พร้อมบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ รับพฤติกรรมใช้จ่ายเพื่อความสวยความงามช่วงปลายปี มั่นใจปีนี้รายได้เติบโต 30% ตามแผน           นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ เปิดเผยว่า แนวโน้มของการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 ประเมินว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้านี้ จากศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ KLINIQ ที่ให้บริการด้านคลินิกเวชกรรมด้านผิวหนังความงามศัลยกรรมตกแต่งและการดูแลป้องกันฟื้นฟูสุขภาพที่ครอบคลุมความต้องการและกำลังซื้อของลูกค้า ภายใต้แบรนด์ที่หลากหลายทั้ง The KLINIQUE, L.A.B.X, L’CLINIC, KLINIQ Wellness Spa และ THE KLINIQUE SURGERY CENTER สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี รองรับพฤติกรรมการจับจ่ายเพื่อความสวยความงามของลูกค้าในช่วงปลายปี           ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 6 แห่งในไตรมาสนี้ ประกอบด้วย The KLINIQUE จำนวน 2 สาขา L.A.B.X จำนวน 3 สาขาและ KLINIQ Wellness Spa อีก 1 สาขา ส่งผลภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 75 สาขา จะช่วยส่งเสริมศักยภาพการให้บริการที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน จะมุ่งทำตลาดเพื่อเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าใหม่และดึงลูกค้าเก่ากลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้น รวมถึงนำเสนอการให้บริการใหม่ๆ เพิ่มเติม ส่งผลดีต่อต่อการเติบโตของรายได้จากสาขาเดิมเพิ่มขึ้นหรือ SSSG (Same Store Sales Growth : SSSG) เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ควบคู่กับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพเพื่อรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และบริหารจัดการความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจปีนี้ที่ยังไม่เติบโตเต็มศักยภาพอีกด้วย           “เรามองว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ผลการดำเนินงาน จะขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ จากจำนวนสาขาใหม่ที่เปิดให้บริการเพิ่มเติมที่ทำให้มีลูกค้าใหม่เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น และแผนดึงดูดลูกค้าเก่าให้กลับมาใช้บริการเพื่อความสวยความงาม ซึ่งมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 30% ตามแผนที่วางไว้ได้ ทีมงานทุกภาคส่วนกำลังเร่งมืออย่างแข็งขันและช่วงเดือนตุลาคม พฤศจิกายน ถือว่าทิศทางรายได้เติบโตดี” นายแพทย์อภิรุจ กล่าว [PR News]

โกลเบล็ก แนะ

โกลเบล็ก แนะ"ซื้อ" KLINIQ เป้าสวย 39.60 บาท

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด แนะ “ซื้อ” บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ ราคาเหมาะสม 39.60 บาท **ประเด็นสำคัญในการลงทุน** **งวด 3Q67** บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 74 ล้านบาท ทรงตัว QoQ, +4% YoY ต่ำกว่าที่คาดราว 7% จากค่าใช้จ่ายขายที่สูงขึ้น บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 750 ล้านบาท +7% QoQ, +27% YoY ใกล้เคียงคาด รายได้เติบโตจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) +2.8% YoY และรายได้จากสาขาใหม่ ในงวด 3Q67 มีการเปิดสาขาใหม่ 1 สาขา คือแบรนด์ The KLINIQUE ที่จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้ ณ สิ้นงวด 3Q67 มีสาขารวมทั้งหมด 69 สาขา มีอัตรากำไรขั้นต้น (%GPM) ที่ระดับ 51.5% ปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ จาก 50.5% ในงวด 2Q67 เนื่องจากสาขาที่เปิดไปมากจำนวน 10 สาขาในงวด 1Q67 ทยอยถึงจุดคุ้มทุน แต่ลดลง YoY จากระดับ 53.8% ใน 3Q66 จากการเติบโตของรายได้จาก THE KLINIQUE SURGERY CENTER และ L.A.B.X ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมี %GPM ต่ำกว่าแบรนด์ THE KLINIQUE มี %SG&A to Sales ที่ระดับ 39.2% เพิ่มขึ้นจาก 39.0% และ 38.1% ในงวด 3Q66 และ 2Q67 ตามลำดับ สาเหตุหลักจากบริษัทมีการเพิ่มค่าใช้จ่ายทางการตลาด แต่รายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 74 ล้านบาท ทรงตัว QoQ, +4% YoY ช่วง 9M67 มีรายได้จากการขาย 2,139 ล้านบาท +30% YoY กำไรสุทธิ 223 ล้านบาท +6% YoY **ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 67 และปี 68 ลดลง 8% และ 6% ตามลำดับ** ปรับลดคาดการณ์รายได้ปี 67 และปี 68 ลง 4% และ 11% ตามลำดับ เป็น 2,939 ล้านบาท +29% YoY และ 3,439 ล้านบาท +17% YoY ตามลำดับ เติบโตจากยอดขายสาขาเดิมที่มีจำนวน 55 สาขาในปี 66 และการเติบโตจากการเปิดสาขาใหม่จำนวน 20 สาขาในปี 67 แบ่งเป็นแบรนด์ THE KLINIQUE 10 สาขา และ L.A.B.X 10 สาขา ช่วง 9M67 เปิดสาขารวม 14 สาขา ประกอบกับการเติบโตของรายได้ศูนย์ศัลยกรรมที่มีความโดดเด่นเรื่องการทำหน้าอกและการทำจมูก และปี 68 บริษัทตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ 10 แห่ง มีสมมติฐาน %GPM ที่ระดับ 50.9% และ 51.5% ตามลำดับ ปรับตัวลงจากปี 66 ที่ระดับ 54.0% จากสัดส่วนรายได้ของแบรนด์ L.A.B.X และ Surgery Center ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมี Margin ต่ำกว่าแบรนด์ THE KLINIQUE สมมติฐาน %SG&A to Sales ที่ระดับ 38.4% และ 38.3% ตามลำดับ ส่งผลให้เราคาดกำไรสุทธิปี 67-68 เท่ากับ 301 ล้านบาท +4% YoY และ 363 ล้านบาท +21% YoY ตามลำดับ โดยกำไรในช่วง 9M67 คิดเป็นสัดส่วน 73% ของประมาณการใหม่ในปี 67 **คงคำแนะนำ "ซื้อ" ปรับใช้ราคาเหมาะสมเป็นปี 68 ที่ 39.60 บาท**: แม้ฝ่ายวิเคราะห์ปรับลดประมาณการกำไรปี 67 และ 68 แต่ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงมีมุมมองบวกต่อผลการดำเนินงานในปี 68 ที่คาดจะกลับมาเติบโตจากอัตราการทำกำไรที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับรายได้ที่เติบโต และการควบคุมค่าใช้จ่าย ประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี Prospective PER โดยใช้ PE Ratio ระดับ -1SD ที่ 24x คาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 68 เท่ากับ 1.65 บาทต่อหุ้น ทำให้ได้ราคาเหมาะสมปี 68 เท่ากับ 39.60 บาท จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลง -25% YTD ทำให้ราคาเหมาะสมมี Upside จากราคาปัจจุบันราว 21% ขณะที่คาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ในอนาคตราว 4.5% ต่อปี เราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"

KLINIQ โชว์ผลงานไตรมาส 3/67 รายได้โต 26.8%

KLINIQ โชว์ผลงานไตรมาส 3/67 รายได้โต 26.8%

           KLINIQ โชว์ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 สุดแกร่ง ทำรายได้รวม 749.91 ล้านบาท เติบโต 26.8% มีกำไรสุทธิ 74.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% หลังสาขาใหม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า หนุน 9 เดือนแรกทำกำไรสุทธิ 223.43 ล้านบาท เติบโต 6.05% เดินหน้ารุกทำตลาดเต็มที่ มั่นใจทั้งปีทำรายได้เติบโต 30%            นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ สร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขายและการบริการ 749.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 591.45 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 74.04 ล้านบาท เติบโต 4.4% หากเทียบช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาทำได้ 70.95 ล้านบาท โดยมีปัจจัยความสำเร็จมาจากศักยภาพการดำเนินธุรกิจการให้บริการด้านคลินิกเวชกรรมด้านผิวหนังความงามศัลยกรรมตกแต่งและการดูแลป้องกันฟื้นฟูสุขภาพด้วยบริการที่หลากหลาย จึงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า            ขณะเดียวกัน รายได้จากแผนกศัลยกรรมตกแต่งขยายตัวได้ต่อเนื่อง รวมถึงในไตรมาสนี้มีจำนวนสาขาเปิดใหม่เพิ่มเติมอีก 19 สาขา เพิ่มความสามารถในการให้บริการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการบริการรวม 2,139.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.44% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนทำได้ 1,640.09 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 223.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 210.66 ล้านบาท            โดย ณ วันที่ 30 กันยายน บริษัทฯ มีสาขาที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้น 69 สาขา ประกอบด้วย THE KLINIQUE 45 สาขา, L.A.B.X 21 สาขา, THE KLINIQUE SURGERY CENTER 1 สาขา L’CLINIC 1 สาขา และ KLINIQ Wellness Spa 1 สาขา โดยการเติบโตของยอดขาย Cash Sale จากสาขาเดิม หรือ SSSG (Same Store Sales Growth : SSSG) เติบโตขึ้น 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจาก แบรนด์ THE KLINIQUE ที่ 65.7% L.A.B.X ที่ 18.1% THE KLINIQUE SURGERY CENTER ที่ 14.9% และ L’CLINIC 1.1%            ส่วนแผนดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ จะมุ่งส่งเสริมศักยภาพการให้บริการแก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในทุกแบรนด์ของบริษัทฯ เพื่อผลักดันเป้าปีนี้ให้เติบโต 30% ตามแผนที่วางไว้            บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจของ KLINIQ ว่า KLINIQ กําไรสุทธิ 74 ลบ. (+4% y-y, Flat q-q) ต่ำกว่ําเรําคําด 5% จากค่าใช้จ่ายการตลาดสูงกว่าคาด โดย SG&A/Sales 39.2% vs 3Q23/2Q24 39.0%/38.1% ขณะที่ รายได้ 750 ลบ. (+27% y-y,+7% q-q) จาก SSSG +2.8% y-y ถือว่าน้อยเทียบกับ 1H24 +14% y-y จากฐานปีก่อนสูง SSSG +16% y-y จากการขายคอรสความงามมาก และปีนี้มีผลกระทบฝนตกบางช่วง โดย SSSG หลักๆคาดมาจากส่วนศัลยกรรม ยังเติบโตดี            ขณะที่ ส่วนคลินิกโดยเฉพาะแบรนด์ LABX (18%ของรายได้) คาดชะลอตัว ขณะที่ สาขาใหม่ 4Q23-3Q24F +19 แห่ง ปัจจุบันมี 69 แห่ง สำหรับ Gross margin ที่ 51.5% ลดจาก 53.8% ปีก่อน ตามฐานรายได้จากส่วศัลยกรรม (Margin ต่ำกว่ํา) สัดส่วนเพิ่มเป็นราว 18% ของรายได้จากปีก่อน 11% แต่ Gross margin เริ่มฟื้นจาก 2Q2450.5% ตามสาขาใหม่ที่เร่งเปิด 10 แห่งใน 1Q24 เริ่มมีผลงานดีขึ้น            คาด 4Q24F จะเป็นจุดสูงสุดของปี กําไร 9M24 คิดเป็น 68% ของทั้งปี 2024F ที่ 328 ลบ. (+14%) มองมี Downside risk ราว 7% ด้าน Outlook 4Q24F จะเป็นจุดสูงสุดของปี คาดกําไรสุทธิ 82 ลบ. (+5% y-y, +4% q-q) จากภาพฤดูกาล, สาขาใหม่ 1H24F ที่ผลงานดีขึ้น, ศูนย์ศัลยกรรมที่เริ่มติดตลาดและกลับมากําไรแล้ตั้งแต่ 1Q24            แนะนํา “Buy” จาก TP25F 45 บาท หุ้นปรับลงมาในโซนลงทุนหุ้นปรับลด Ytd -27% และซื้อขาย PER24F 21 เท่า (-1.4SD) มองเป็นโซนซื้อสะสม จาก TP25F 45 บาท อิง PER25x คงมุมมองบวกต่อภาพอุตสาหกรรมความงามระยะยาว ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง