หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองแนวโน้ม KJL หรือ บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธิ 3Q67 ชะลอทั้ง QoQ และ YoY ที่ 42 ลบ. (-15.8% QoQ, -13.0% YoY) คาดรายได้ที่ 284 ลบ. ทรงตัว YoY แต่ลดลง 5.0% QoQ เนื่องจากเป็นช่วงที่ตลาดมีการแข่งขันสูงในช่วงที่ Supply มีมากกว่า Demand เนื่องจากโครงการภาครัฐฯ ล่าช้า และการบริโภคในประเทศชะลอตัว
ขณะที่ GPM คาดที่ 30.0% ชะลอลงเล็กน้อยจาก 31.1% ใน 2Q67 และลดลงมากจาก 33.4% ใน 3Q66เนื่องจากเป็นช่วงที่ก าลังการผลิตใหม่ยังไม่เข้าเต็มที่ และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงใน 3Q66 นอกจากนี้ใน 3Q67 มีการให้ส่วนลดตามการแข่งขันที่สูงขึ้น และ Product mix ที่เป็นสินค้าราคาต่ำมากขึ้นเพื่อสร้างยอดขายให้ตอบรับความต้องการลูกค้าทุกระดับ ในทุกภาวะเศรษฐกิจ
คาด 4Q67 พลิกฟื้นหลัง Demand เพิ่มขึ้นปัจจุบัน KJL มีกำลังการผลิต 30 ล้านชิ้น และยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าไปกลุ่ม Tier 3 (ช่างไฟ วิศวกรไฟฟ้า) โดยตั้งเป้า 10,000 คนภายในปีนี้ปัจจุบันราว 9,000 คน ทำให้ทั้งปียังเป็นตามแผนและจะเพิ่มเป็น 15,000 คนในปี 2568
แนวโน้ม 4Q67 คาดได้อานิสงส์จากปัจจัยฤดูกาล การเบิกจ่ายงบประมาณใหม่ภาครัฐฯไม่สะดุดเหมือนปีก่อนหน้า และที่สำคัญมีคำสั่งซื้อเพิ่มเติมจากการฟื้นฟูครัวเรือนในพื้นที่น้ำท่วมภาคเหนือ ทำให้ปริมาณความต้องการมากขึ้น ขณะที่ปริมาณ Supply เท่าเดิม การแข่งขันในตลาดลดลงและ Product mix มีสัดส่วนสินค้า High margin สูงขึ้น คาดรายได้มีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่ที่มากกว่า 300 ลบ. ได้ใน 4Q67
โดยคาดกำไรกลับมาที่ระดับ 50 ลบ.+/- ได้อีกครั้ง แต่จะทำระดับสูงสุดใหม่ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการควบคุม SG&A ใน 4Q67
ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐฯ ที่ต่อเนื่องไม่สะดุดเหมือนปีที่ผ่านมาทำให้ภาพรวมการลงทุน ทั้งภาครัฐฯ และเอกชนมีความต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลต่อปริมาณอุปสงค์ของตู้ไฟ รางเดินสายไฟด้วยเช่นกัน ปัจจุบันสินค้ากลุ่ม Solar roof เติบโตสูง แต่ในปี 2568 บริษัทจะเริ่มรุกตลาดใหม่มากขึ้นทั้งสินค้าที่ Collab ร่วมกับ Schneider จะผลิตและจำหน่ายเต็มปีในปี 2568 และสินค้ากลุ่ม IT ที่บริษัทจะเริ่มรุกตลาดนี้มากขึ้น ตามการเติบโของ Data center จากปัจจุบันที่มักเป็นการสั่งตรงจากลูกค้าและผลิตตามคำสั่งซื้อ (made to order)จะเปลี่ยนเป็นผลิตสินค้ามาตรฐานแบรนด์ KJL ที่มีจำหน่ายในเชิงพาณิชย์มากขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ และ GPM
บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2568 ที่ 1,400 ลบ. ใกล้เคียงฝ่ายวิเคราะห์คาดที่ 1,421 ลบ. แต่ GPM มีโอกาสสูงกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์ไว้ที่เพียง 28.4% เทียบกับปี 2567 ทั้งปีที่ทำได้ไม่ต่ำกว่า 30% ทำให้ประมาณการกำไรจึงมี Upside risk
อย่างไรก็ตามด้วยแนวโน้ม 3Q67 ไม่เด่น แนะนำสะสมหลังงบออกไปแล้ว (วันที่ 8 พ.ย.) โดยรวมกำไรทั้งปี 2567 ยังอยู่ในกรอบประมาณการ จึงยังคงประมาณการ และคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 10.90 บาท และคาดเงินปันผลงวด 2H67 ที่ 0.33 บาท ให้ผลตอบแทน 4.4%