#KCG


หยวนต้าคาด KCG ผลงาน New High ได้ต่อ หุ้นราคาถูก แนะ

หยวนต้าคาด KCG ผลงาน New High ได้ต่อ หุ้นราคาถูก แนะ "ซื้อ"

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง KCG ว่า ราคาหุ้นปรับตัวลงสวนทางกับกำไร 4Q24 ที่คาดทำ New High คาดกำไรใน 4Q24 ดีกว่าที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า เราคาดรายได้ใน 4Q24 ที่ 2,450 ล้านบาท (+39.8% QoQ, +11.0% YoY) กลับมาทำ New High ได้อีกครั้งหนุนจากการเข้าสู่ช่วง High Season ที่เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูงขึ้นช่วยหนุนอุปสงค์สินค้าทุกกลุ่มของบริษัท รวมถึงการออกสินค้าใหม่ราว 5 SKUs ในช่วงท้ายปี            ขณะที่ GPM คาดอยู่ที่ 30.8% ทรงตัวสูงขึ้น QoQ เนื่องจาก U-rate ที่ปรับตัวดีขึ้นตามทิศทางของยอดขาย แต่ลดลง YoY จากการรับรู้ผลของราคาต้นทุนวัตถุดิบ เช่น ไขมันเนย ที่ปรับตัวขึ้น ส่วน SG&A/Sales คาดลดลงทั้ง QoQ และ YoY อยู่ที่ 22.9% ดีกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้าที่ระดับไม่ต่ำกว่า 23.5% เนื่องจากสัดส่วนรายได้ที่สูงขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการด้านค่าใช้จ่ายพนักงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวทำให้เราคาดกำไรปกติใน 4Q24 ที่ 146 ล้านบาท (+109.3% QoQ, +4.9% YoY) กลับมาทำNew High ได้อีกครั้ง ดีกว่าที่เราประเมินไว้ก่อนหน้าที่คาดกำไรจะทำได้เพียงเติบโต QoQ และทรงตัว YoY ซึ่งหากกำไรปกติใน 4Q24 ออกมาตามคาด กำไรปกติของทั้งปี 2024 จะสูงกว่าประมาณการของเราราว 5% คาดกำไรปี 2025 ยังทำ New High ได้ต่อ แม้มาจากฐานสูงในปีก่อน            เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการในปี 2025 ของ KCG โดยคาดกำไรปกติที่ 413 ล้านบาท(+10.1% YoY) ทำ New High ได้ต่อเนื่องแม้มีฐานสูงในปีก่อน หนุนจากรายได้ที่คาดเติบโตต่อเนื่อง จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะสูงขึ้น และการรับรู้ผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐฯ เต็มปีช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ประกอบกับการออกสินค้าใหม่ไม่น้อยกว่า 20 SKUs เพื่อชดเชยสินค้าที่ถูกยกเลิกไปในปีก่อนจากการทำ Product Rationalization ขณะที่ GPM อาจลดลงเล็กน้อยจากการรับรู้ผลของราคาต้นทุนไขมันเนยที่สูงขึ้นเต็มปี ส่วน SG&A/Sales คาดลดลงต่อเนื่อง YoY จากการบริหารจัดการที่ดีขึ้นรวมถึงสัดส่วนรายได้ที่สูงขึ้น           นอกจากนี้ประมาณการของเรายังมี Upside จาก 1) ผลของลานีญาที่อาจทำให้ผลผลิตนมสูงขึ้น ซึ่งเป็นบวกต่อราคาต้นทุนไขมันเนย และ 2) ดอกเบี้ยจ่ายที่อาจลดลงจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของภาครัฐฯ ตั้งแต่ช่วง พ.ย. 2024 ช่วยหนุน NPM ราคาหุ้นปัจจุบันถูกสุดในกลุ่มขนมขบเคี้ยว คงคำแนะนำ “ซื้อ”            ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงราว 32% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และต่ำกว่าราคา IPO ที่ 8.55 บาท จากความกังวลเรื่องราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวขึ้น อาจส่งผลให้กำไรใน 4Q24 และปี 2025 ไม่เติบโต โดยราคาหุ้นในปัจจุบัซื้อขายบน PER25 เพียง 9.0 เท่า บนประมาณการที่มีโอกาสปรับขึ้นได้อีก ซึ่งถือว่ายังต่ำกว่ากลุ่มขนมขบเคี้ยวค่อนข้างมาก หากเทียบกับทั้ง SNNP และ NSL ที่ 15 เท่า นอกจากนี้ที่ราคาปัจจุบันยังสามารถคาดหวังเงินปันผลได้ที่ระดับมากกว่า 5% ต่อปี ซึ่งเรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงสวนทางกับ แนวโน้มผลประกอบการที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสมที่ 12.20 บาท

KCG ลุ้นปี68 นิวไฮต่อ สินค้าขายดี ตปท.หนุน

KCG ลุ้นปี68 นิวไฮต่อ สินค้าขายดี ตปท.หนุน

          หุ้นวิชั่น-KCG ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 ทะลุสถิติใหม่ พร้อมเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ส่วนปี  2567 คาดรายได้ที่ 7,600 ล้านบาท ส่วนผลงานไตรมาส4/67 ไฮซีซั่น เทศกาลขายของดี โชว์ศักยภาพ ESG ครองใจนักลงทุน           นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2568 โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตในอัตราสูงระดับ “High Single Digit” เมื่อเทียบกับปี 2567 ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 7,600 ล้านบาท นับเป็นการสร้างสถิติรายได้สูงสุดอย่างต่อเนื่อง           ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ สามารถจำแนกออกเป็น 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม (Dairy Products): ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เนย (Butter) และเนยแข็ง (Cheese) รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่แปรรูปมาจากนม ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการประกอบอาหารและเบเกอรี่ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ (Food and Bakery Ingredients: FBI):ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ส่วนผสมของอาหาร (Food Ingredients) ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมบริโภค ผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์ประกอบการทำเบเกอรี่ สารเสริมคุณภาพอาหารต่างๆ ผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้เข้มข้น รวมถึงอุปกรณ์ในการทำเบเกอรี่ และอุปกรณ์ประกอบอาหาร ผลิตภัณฑ์บิสกิต (Biscuits): ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์คุกกี้ แครกเกอร์ และเวเฟอร์           โดย KCG มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนอย่างรัดกุม นอกจากนี้ บริษัทยังเร่งขยายช่องทางการขายผ่านอีคอมเมิร์ซ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง           ในด้านตลาดส่งออก KCG กำลังมองหาโอกาสการเติบโตในหลายภูมิภาคสำคัญ เช่น เวียดนาม มาเลเซีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา รวมถึงญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและมีความสำคัญต่อกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทด้วย           สำหรับไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ KCG ได้เพิ่มกำลังการผลิตและการกระจายสินค้าเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะจากภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และการจัดเลี้ยง (HORECA) ทั้งนี้ ไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่บริษัทฯ ได้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) เมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นๆ ในปีเดียวกัน โดยแนวโน้มภาพรวมราคาต้นทุนวัตถุดิบเฉลี่ยทั้งปี 2567 จะปรับลดลงได้เล็กน้อยเมื่อเทียบกับราคาต้นทุนวัตถุดิบเฉลี่ยทั้งปี 2566 ในขณะที่แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นปี 2567 จะมีปัจจัยสนับสนุนจากภาพรวมราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง อัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity Utilization Rate) ที่เพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น และการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ           นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เปิดใช้งานศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้า KCG Logistics Park เต็มที่แล้วในไตรมาส 3/2567 ที่ผ่านมา แต่ในช่วงรอยต่อของการเปิดใช้งาน KCG Logistics Park ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการเตรียมความพร้อมในการจัดเก็บวัตถุดิบและสินค้า รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขนย้ายวัตถุดิบและสินค้าจากคลังสินค้าภายนอกมายัง KCG Logistics Park อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะได้รับผลประโยชน์จาก KCG Logistics Park ได้เต็มที่ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/2567 เป็นต้นไป ทำให้ บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้และตลอดปี 2567 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้           ทั้งนี้ KCG ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยในปีนี้ นอกจากได้รับคัดเลือกจากสถาบันไทยพัฒน์ ให้เป็น 1 ในหลักทรัพย์ที่น่าลงทุนกลุ่ม ESG Emerging ปี 2567 ที่ได้เข้าไปอยู่ในทำเนียบ ESG 100 เป็นครั้งแรก บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จในด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับรางวัล Investors’ Choice Award 2567 ด้วยคะแนนเต็ม 100 และได้รับคะแนน CGR ระดับ 5 ดาว ‘ดีเลิศ’ ตั้งแต่ปีแรก หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ           อีกทั้งล่าสุดยังได้ “การได้รับคะแนน SET ESG Ratings ระดับ A ในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนของบริษัท KCG โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา KCG ได้ให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการ ESG หรือ Environmental (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) อย่างจริงจัง สะท้อนผ่านยุทธศาสตร์ทางธุรกิจของ KCG หรือ 7 Business Pillars ซึ่งครอบคลุมทุกมิติของธุรกิจ ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน การดูแลพนักงานและสังคม ไปจนถึงการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล โดยความสำเร็จที่เกิดขึ้นในปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ KCG ในการดำเนินธุรกิจด้วยความตระหนักถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มบนพื้นฐานของการพัฒนาความยั่งยืน ซึ่งผลจากแนวคิดนี้ถูกพิสูจน์ผ่านความสำเร็จต่างๆ ในปีที่ผ่านมา  การได้รับผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ A ส่งท้ายปีในครั้งนี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจของบริษัท KCG และพนักงานทุกคน รวมถึงผู้เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่การสร้างธุรกิจและสังคมที่ยั่งยืน

เปิดฤดูการขาย รับเทศกาลปีใหม่ หนุนธุรกิจอาหารกำไรพุ่ง [EP. 2/2]

เปิดฤดูการขาย รับเทศกาลปีใหม่ หนุนธุรกิจอาหารกำไรพุ่ง [EP. 2/2]

https://youtu.be/9-k0YMPFULo เปิดฤดูการขาย รับเทศกาลปีใหม่ หนุนธุรกิจอาหารกำไรพุ่ง [EP. 2/2] จัดเต็มการลงทุน ติดตามรายการ จัดเต็มการลงทุน ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 9.00-9.30 น. ทาง ททบ.5

เปิดฤดูการขาย รับเทศกาลปีใหม่ หนุนธุรกิจอาหารกำไรพุ่ง [EP. 1/2]

เปิดฤดูการขาย รับเทศกาลปีใหม่ หนุนธุรกิจอาหารกำไรพุ่ง [EP. 1/2]

https://www.youtube.com/watch?v=csjNaY_AfWY เปิดฤดูการขาย รับเทศกาลปีใหม่ หนุนธุรกิจอาหารกำไรพุ่ง [EP. 1/2] จัดเต็มการลงทุน ติดตามรายการ จัดเต็มการลงทุน ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 9.00-9.30 น. ทาง ททบ.5

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

KCG โชว์แกร่ง กำไรพุ่ง 38.7% รั้งอันดับ 1 ตลาดเนยและชีส

KCG โชว์แกร่ง กำไรพุ่ง 38.7% รั้งอันดับ 1 ตลาดเนยและชีส

          หุ้นวิชั่น - KCG เปิดกำไรไตรมาส 3/2567 ทำกำไรสุทธิ 76.7 ล้านบาท เติบโต 38.7% ยอดขายรวม 1,752.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ครองอันดับ 1 ส่วนแบ่งการตลาดผลิตภัณฑ์เนยและผลิตภัณฑ์ชีสอย่างต่อเนื่อง พร้อมตอกย้ำความมั่นใจในการเข้าสู่ไตรมาส 4 รับเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง ด้วยการเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ที่ครองใจผู้บริโภคในช่วงเทศกาล และการสร้างความเชื่อมั่นจากความยั่งยืน           นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  หรือ KCG  ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์ สัญชาติไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 เติบโตอย่างต่อเนื่อง KCG มียอดขายรวม 1,752.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3% และมีกำไรสุทธิ 76.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม (Dairy Products) มียอดขาย 1,063.4 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 60.7% ผลิตภัณฑ์สำหรับการประกอบอาหารและเบเกอรี่และอื่นๆ (FBI) มียอดขาย 507.8 ล้านบาท สัดส่วน 29% และผลิตภัณฑ์บิสกิต (Biscuits) มียอดขาย 181.4 ล้านบาท สัดส่วน 10.3% สำหรับช่องทางการขายให้ผู้ประกอบการ (B2B) มียอดขาย 763.3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 43.5% ช่องทางการขายให้ผู้บริโภค (B2C) มียอดขาย 921.2 ล้านบาท สัดส่วน 52.6% และช่องทางการส่งออกยอดขาย 68.1 ล้านบาท สัดส่วน 3.9% โดย KCG มีการดำเนินธุรกิจตามยุทธศาสตร์การพัฒนาใน 7 มิติ ซึ่งครอบคลุมถึงการพัฒนานวัตกรรมและการออกสินค้าใหม่ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ รวมถึงการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลกำไรในไตรมาส 3 ออกมาอย่างน่าประทับใจ           “ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ไตรมาส 4 ซึ่งเป็นฤดูการขายอย่างแท้จริงของ KCG โดยบริษัทฯ ได้เพิ่มการผลิตและการกระจายสินค้าเพื่อรองรับความต้องการซื้อสินค้าที่จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองปีใหม่ และการจับจ่ายใช้สอยจากภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร  และธุรกิจจัดเลี้ยง (HORECA) บริษัทฯ จึงมีความมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 และปี 2567 จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมาย           “ทั้งนี้ KCG ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยในปีนี้ นอกจากได้รับคัดเลือกจากสถาบันไทยพัฒน์ ให้เป็น 1 ในหลักทรัพย์ที่น่าลงทุนกลุ่ม ESG Emerging ปี 2567 ที่ได้เข้าไปอยู่ในทำเนียบ ESG 100 เป็นครั้งแรก บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จในด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับรางวัล Investors’ Choice Award 2567 ด้วยคะแนนเต็ม 100 และได้รับคะแนน CGR ระดับ 5 ดาว ‘ดีเลิศ’ ตั้งแต่ปีแรก หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตอกย้ำความสำเร็จของการเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์สัญชาติไทย โดย KCG มุ่งมั่นเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมและความยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ (7 Business Pillars) เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมทั้งสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคต” นายดำรงชัยกล่าว

[ภาพข่าว] “KCG” คว้าคะแนน CGR ระดับ 5 ดาว ‘ดีเลิศ’

[ภาพข่าว] “KCG” คว้าคะแนน CGR ระดับ 5 ดาว ‘ดีเลิศ’

              บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์ ประสบความสำเร็จอีกครั้งด้วยการได้รับคะแนนการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) ประจำปี 2567  และติด Top Quartile ของบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่า 3,000-9,999 ล้านบาท ด้วยผลประเมินคะแนน 102 จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2024 : CGR) ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors : IOD) โดยการสนับสนุนจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ตั้งแต่ปีแรกที่รับการประเมิน ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการกำกับดูแลกิจการด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม โดยยึดหลักในการใช้นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับคะแนน CGR ในระดับ “5 ดาว” หรือ “ดีเลิศ” ตั้งแต่ปีแรก ทั้งยังติด Top Quartile ในกลุ่ม Market Cap. เดียวกัน โดยได้รับคะแนนรวม 102  ซึ่งเกิน 100% โดยเฉพาะในหมวดการคำนึงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้เสียและการพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืนที่ได้รับคะแนนถึง 104 เป็นข้อพิสูจน์ที่ KCG ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียม  รวมถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างรอบด้านด้วยความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ KCG เกิดความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ KCG ติดอันดับหลักทรัพย์กลุ่ม ESG Emerging ปี 2567 และการเปิดตัว ‘KCG Logistics Park’ เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รวมถึงการคว้ารางวัล  Investors’ Choice Award 2567 ด้วยคะแนนเต็ม 100 ซึ่งทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า วิธีการบริหาร และยุทธศาสตร์ทางธุรกิจที่เราใช้นั้นถูกต้อง รวมทั้งผลประกอบการที่เติบโตอย่างสวนกระแส” “ดังนั้น KCG จะเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมและความยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ  (7 Business Pillars) เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมทั้งสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง การได้รับรางวัลนี้เป็นแรงผลักดันสำคัญ ที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต” นายดำรงชัย กล่าว

[PR News] KCG ผู้นำนวัตกรรมอาหาร ชู ”แดรี่โกลด์ ชีสรสกะเพรา”

[PR News] KCG ผู้นำนวัตกรรมอาหาร ชู ”แดรี่โกลด์ ชีสรสกะเพรา”

           บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “KCG” ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์สัญชาติไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “แดรี่โกลด์ ชีสรสกะเพรา” ครั้งแรกของนวัตกรรมชีสแผ่นรสกะเพราจัดจ้านในประเทศไทย จากแบรนด์ “แดรี่โกลด์” (Dairygold) ที่สร้างสรรค์ความอร่อยโดยผสมผสานระหว่างรสชาติท้องถิ่นดั้งเดิม (Localization) และความทันสมัย (Modernization) ที่ตอบโจทย์ความสะดวก พร้อมคอนเซ็ปต์ “สนุก อร่อยเกินคาด ถึงเครื่องรสกะเพรา” เพิ่มความอร่อยนัวชีส เพียงแค่โปะบนอาหาร ​           นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์สัญชาติไทย กล่าวว่า “KCG มีความตั้งใจนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์โมเดิร์นไลฟ์สไตล์มาตลอด เราพบว่าเทรนด์ของผู้บริโภค ให้ความสำคัญกับ Localization ผู้คนมีความภูมิใจในอาหารท้องถิ่นบ้านเกิด ขณะเดียวกัน หากนำเสนออาหารท้องถิ่น ในบริบท Modernization ที่ทันสมัยมากขึ้น และทำให้ผู้บริโภคสนุกกับการบริโภคที่มีความหลากหลายได้ ก็จะยิ่งทำให้ผู้บริโภคมีความสุขในการรับประทานมากขึ้น แดรี่โกลด์ ในฐานะผู้นำผลิตภัณฑ์ชีสของประเทศไทย จึงนำเสนอ แดรี่โกลด์ ชีสรสกะเพรา ซึ่งนำชีสที่เป็นอาหารตะวันตกมาผสมผสานกับกะเพรา ที่เป็นอาหารยอดฮิต ของคนไทย ที่ตอบโจทย์ทั้งความอร่อย และความสนุกที่ผู้บริโภคสามารถนำไปโปะบนอาหารเพื่อเพิ่มความอร่อยได้” จุดเด่นของแดรี่โกลด์ ชีสกะเพรา: ความอร่อยในแบบที่คุ้นชิน รสชาติกะเพราเข้มข้น ผสานกับความอร่อยของชีสคุณภาพสูงจากแดรี่โกลด์ ความง่าย/สะดวกสบาย แค่แกะและโปะ ก็อร่อยได้ทันที ความสนุก/หลากหลาย โปะชีสบนสารพัดเมนูโปรด เพิ่มรสชาติอร่อยพร้อมเปลี่ยนเมนูธรรมดาให้อร่อยฟิน ​           “สิ่งที่ KCG ทำมาตลอดคือ “Fusion” ตั้งแต่การนำวัตถุดิบอาหารตะวันตกเข้ามาในประเทศไทย มาจนถึงการเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบอาหารตะวันตกในประเทศไทยสำเร็จ สิ่งที่ KCG ทำคือการ Crossover ข้ามสายพันธุ์มาตลอด แต่ Fusion ในรูปแบบของ KCG ไม่เพียงแค่การนำอาหารต่างสไตล์มาประยุกต์รวมกันเท่านั้น แต่หัวใจของการคิดค้นรูปแบบ Fusion เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่คือ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีออกมาต่อยอดใน หลากหลายมิติ อย่าง แดรี่โกลด์ เรามองว่าเป็น Beyond Dairy หรือเป็นผู้สร้างนวัตกรรมการบริโภคชีสแผ่นให้แตกต่าง จากชีสทั่วๆ ไป โดยตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นผู้ผลิต Topping Cheese อันดับ 1 เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ไม่ว่าจะเรื่องความนิยมอาหาร Fusion และ เทรนด์ Solo Economy ซึ่งทั้งหมดนี้ต่อยอดมาจากกลยุทธ์ “Fusion กินnovation” ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ KCG ใช้เป็นอาวุธสำคัญในการเป็นผู้นำด้านอาหาร สำหรับโมเดิร์นไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต” นายดำรงชัย กล่าว ​            แดรี่โกลด์ ชีสรสกะเพรา วางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ Lotus's go fresh, Big C Mini และ ห้างสรรพสินค้า ชั้นนำทั่วประเทศ

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต