#JMT


JMTผลงานโตเด่น จับตาโค้งท้ายพีค แนะ

JMTผลงานโตเด่น จับตาโค้งท้ายพีค แนะ "ซื้อ" เป้า 21.6 บาท

หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ผลประกอบการจะเติบโตโดดเด่นในปี 25F โดยสิ้นงวด ก.ย. 24 JMT มีพอร์ตหนี้เสียในมูลค่ารวม 534,864 ล้านบาท โดย 87% เป็น Unsecured NPL และ 13% เป็น Secured NPL ขณะที่การซื้อหนี้ 9M24 มีเพียง 807 ล้านบาท เทียบกับ 9M23 ที่ใช้เงินซื้อ 6,380 ล้านบาท เราแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 21.6 บาท          โดยมองว่าผลประกอบการใน 4Q24F จะเป็นช่วงพีคที่สุดของปีโดยปี 24F ประเมินกำไรสุทธิที่ 1.66 พันล้านบาท -16% YoY ชะลอตัวลงจาก 1.การเพิ่มค่าใช้จ่ายเพื่อปรับปรุงกระบวนการติดตามหนี้ราว 500 ล้านบาท ในช่วงมิ.ย. เป็นต้นมา เพื่อลดค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองในระยะยาว ค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการจัดเก็บหนี้ด้อยคุณภาพที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย Cash collection ที่ชะลอตัว ส่วนหนึ่งมาจากการปรับเกณฑ์การขายหนี้ด้อยคุณภาพของ ธปท. ที่ทำให้สถาบันการเงินขาย NPL และ NPA ได้น้อยลง เนื่องจากต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งก่อนและหลังเป็นหนี้เสีย ก่อนที่จะขายหนี้ออกมาได้จึงใช้เวลานานและมีปริมาณหนี้น้อยลงมาขายสู่ตลาด         สำหรับแนวโน้มการเติบโตเฉลี่ยแบบ CAGR ของกำไรสุทธิในปี 24-26F คิดเป็น 10% โดยผลประกอบการจะเติบโตโดดเด่นในปี 25F ที่ประเมินกำไรสุทธิราว 2.05 พันล้านบาท +23% YoY เนื่องจาก 1. คาดหวังก่อตั้ง AMC กับพาร์ทเนอร์สถาบันการเงินอีกแห่ง หนุนส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีเพียง JK AMC แนวโน้มค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองที่ลดลงจากการจัดเก็บหนี้ที่ดีขึ้น โดยวางแผนซื้อหนี้เพิ่ม 2-3 พันล้านบาท ได้ประโยชน์จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ภายใต้บรรยากาศการปรับลดดอกเบี้ยของ ธปท. อย่างน้อย 1-2 ครั้งในปี 2025 หนุนรายได้ในทุกกลุ่มธุรกิจขยายตัว YoY

JMT กลับมาเด่น แนะ “ซื้อ” เป้า 21.6 บาท

JMT กลับมาเด่น แนะ “ซื้อ” เป้า 21.6 บาท

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ได้ประโยชน์จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ สิ้นงวด ก.ย. 24 JMT มีพอร์ตหนี้เสียในมูลค่ารวม 534,864 ล้านบาท โดย 87% เป็น Unsecured NPL และ 13% เป็น Secured NPL ขณะที่การซื้อหนี้ 9M24 มีเพียง 807 ล้านบาท เทียบกับ 9M23 ที่ใช้เงินซื้อ 6,380 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 21.6 บาท โดยมองว่าผลประกอบการใน 4Q24F จะเป็นช่วงพีคที่สุดของปี          ปี 24F ประเมินกำไรสุทธิที่ 1.66 พันล้านบาท -16%YoY ชะลอตัวลงจาก 1. การเพิ่มค่าใช้จ่ายเพื่อปรับปรุงกระบวนการติดตามหนี้ราว 500 ล้านบาท ในช่วง มิ.ย. เป็นต้นมา เพื่อลดค่าใช้ จ่ายการตั้งสำรองในระยะยาว 2. ค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการจัดเก็บหนี้ด้อยคุณภาพที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย 3. Cash collection ที่ชะลอตัว ส่วนหนึ่งมาจากการปรับเกณฑ์การขายหนี้ด้อยคุณภาพของ ธปท. ที่ทำให้สถาบัน ทางการเงินขาย NPL และ NPA ได้น้อยลง เนื่องจากต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งก่อนจะเป็นหนี้เสีย และ หลังจากเป็นหนี้เสีย ก่อนที่จะขายหนี้ออกมาได้จึงใช้เวลาที่นานและมีปริมาณหนี้ที่นำมาขายสู่ตลาดลดลง            สำหรับแนวโน้มการเติบโตเฉลี่ยแบบ CAGR ของกำไรสุทธิในปี 24-26F คิดเป็น 10% โดบผลประกอบการจะเติบโตโดดเด่นในปี 25F ที่ประเมินกำไรสุทธิราว 2.05 พันล้านบาท +23%YoY เนื่องจาก 1. คาดหวังการจัดตั้ง AMC กับพาร์ทเนอร์สถาบันการเงินอีกแห่ง หนุนส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีเพียง JK AMC 2. แนวโน้มค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองที่ลดลง จากการจัดเก็บหนี้ที่ดีขึ้น โดยวางแผนซื้อหนี้เพิ่ม 2-3 พันล้านบาท 3. ได้ประโยชน์จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ภายใต้บรรยากาศการปรับลดดอกเบี้ยของ ธปท. อย่างน้อย 1-2 ครั้งในปี 2025 หนุนรายได้ในทุกกลุ่มธุรกิจขยายตัว YoY

JMT ไตรมาส 3 พลิกมีกำไร 430 ลบ. คาด Q4 พุ่งสูงสุดของปี

JMT ไตรมาส 3 พลิกมีกำไร 430 ลบ. คาด Q4 พุ่งสูงสุดของปี

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.กรุงศรี มอง Positive JMT ต่อรายงานกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 430 ลบ. (-8% y-y, +17% q-q) ลดลง y-y จากรายได้ที่ต่ำกว่า 3Q23 ตามสภาวะเศรษฐกิจ และ Gross margin ซึ่งปรับตัวลงตามการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีกับลูกหนี้ แต่กำไรฟื้นตัว q-q หลังเริ่มเห็นผลบวกจากการเร่งรัดดำเนินคดี ส่งผลให้ Cash collection ฟื้นตัว (+5% y-y, +7% q-q) และ ECL ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (-24% y-y, -46% q-q) โดยปัจจุบันกำไรสุทธิ 9M24F คิดเป็น 73% บนประมาณการใหม่ 24-26F ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ ปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4% ตาม Momentum ธุรกิจจับเก็บหนี้ที่เริ่มเห็นภาพฟื้นตัว ด้าน Outlook 4Q24F คาดเป็นจุดสูงสุดของปี แต่กำไรยังลด y-y จาก Gross margin ซึ่งลดลง y-y ตามปริมาณการดำเนินคดี แต่กำไรฟื้นต่อเนื่อง q-q ตาม Cash collection ซึ่งเป็น Peak Season ของปี เราแนะนำ Trading Buy บน TP25F ใหม่ 22.8 บาท อิง PBV25F ที่ 1.2x ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี ของ JMT รายงานกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 430 ลบ. (-8% y-y +17% q-q)           รายงานกำไรสุทธิ JMT 3Q24 ที่ 430 ลบ. (-8% y-y, +17% q-q) ลดลง y-y ตาม Gross margin ที่ต่ำลง y-y จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีเร่งรัดติดตามทวงหนี้ที่เพิ่มขึ้นล้อไปกับสภาวะเศรษฐกิจ ทว่ากำไรฟื้นตัวดี q-q จาก ECL ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (-24% y-y, -46% q-q) โดยบริษัทฯ เริ่มเห็นผลบวกจากการดำเนินคดี อิง Cash collection ซึ่งกลับมาทำได้ดี (+5% y-y, +7% q-q) โดยกำไรสุทธิงวด 9M24 อยู่ที่ 1,215 ลบ. บนกรอบประมาณการที่ 73% ของประมาณการทั้งปี โดยใน 3Q24 มีการซื้อมูลหนี้เพิ่มราว 10,000 ลบ. ซึ่งเป็นหนี้ในกลุ่ม Unsecured เป็นหลักทั้งใน JMT และ JK ซึ่งอยู่กรอบประมาณการ คาดแนวโน้มกำไร 4Q24F ลดลง y-y ฟื้นตัวต่อเนื่อง q-q           คาดกำไร 4Q24F ลดลง y-y ฟื้นตัวต่อเนื่อง q-q และจะเป็นจุดสูงสุดของปี โดยมองว่า Cash collection จะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและ ECL จะยังมีพัฒนาการจาก 3Q24 เล็กน้อย กอปรกับมี Catalyst ที่ต้องจับตามองคือการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ปรับกำไรสุทธิ 24-26F ขึ้นเฉลี่ย 4% CAGR จากการฟื้นตัวเร็วกว่าคาด           โดยรวมปรับกำไรสุทธิปี 24-26F ขึ้นเฉลี่ย 4% CAGR ตาม i) Cash collection ที่ปรับตัวดีขึ้น ii) ECL ที่ลดลงเฉลี่ย 2% ตามการจัดเก็บที่เริ่มเห็นพัฒนาการ iii) ปรับเพิ่มส่วนแบ่งกำไรจาก JK ในปี 25-26F ราว 1.8% สะท้อนแนวโน้มธุรกิจ AMC ที่ฟื้นตัวไปในทิศทางเดียวกับ JMT คำแนะนำ           ปรับคำแนะนำลงเป็น Trading Buy บนราคาเป้าหมาย (TP25F) ที่ 22.80 บาท อิง PBV 1.2x โดยเป็นการ re-rate ระดับ Forward PBV ให้ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปีของ JMT มองราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยบวกไปแล้วบางส่วน ทว่ายังมี Upside เหลืออีกราว 14% บนประมาณการปัจจุบัน

JMT ไตรมาส3/67 กำไร 430ล้าน คาดไตรมาส 4/67 เก็บหนี้ดีขึ้น

JMT ไตรมาส3/67 กำไร 430ล้าน คาดไตรมาส 4/67 เก็บหนี้ดีขึ้น

           JMT กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 430 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 7.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมกำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ 1,215 ล้านบาท ลดลง 17.4% จากปีก่อน โดยบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตั้งเป้าไตรมาส 4/67 เป็นช่วงเก็บหนี้สูงสุด สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง            บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT บริษัทฯ มีรายได้รวมสำหรับงวด 9 เดือน เท่ากับ 3,947.6 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 6.5 โดยรายได้ในส่วนบริหารหนี้ด้อยคุณภาพยังคงมีการเติบโต และจะเติบโตไปพร้อมกับการจัดเก็บกระแสเงินสด ทั้งนี้ สัดส่วนของรายได้ในธุรกิจบริหารหนี้ เท่ากับร้อยละ 89.4 ของรายได้รวมของบริษัท            บริษัทฯ มียอดกระแสเงินสดจากการจัดเก็บหนี้ (Cash Collection) ในไตรมาส 3/2567 กรณีรวมกระแสเงินสดที่จัดเก็บโดยบริษัทสินทรัพย์ JK เท่ากับ 2,263 ล้านบาท และสำหรับส่วนของบริษัท จะมีการจัดเก็บในไตรมาส 3/2567 ที่ผ่านมาเท่ากับ 1,396 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2567 ร้อยละ 7 และสำหรับงวด 9 เดือน กรณีกระแสเงินสดที่จัดเก็บรวมบริษัทสินทรัพย์ JK เท่ากับ 6,479 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ สำหรับการจัดเก็บกระแสเงินสดในส่วนของบริษัท ในรอบ 9 เดือน เท่ากับ 4,154 ล้านบาท            กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น สำหรับไตรมาส 3/2567 เท่ากับ 430 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 7.8 สำหรับงวด 9 เดือน เท่ากับ 1,215 ล้านบาท ลดลงเท่ากับ 255.3 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 17.4 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ เท่ากับร้อยละ 30.8            “บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายในการจัดเก็บกระแสเงินสดให้เพิ่มขึ้น ด้วยการติดตามลูกค้าอย่างใกล้ชิด โดยคาดการณ์ว่าไตรมาส 4/2567 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ในด้านการจัดเก็บหนี้ด้อยคุณภาพ” สภาพคล่องและความเพียงพอของเงินทุน            บริษัทฯ มีกระแสเงินสดเพียงพอต่อการดำเนินกิจการและชำระเงินกู้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้สำรองกระแสเงินสดที่จะต้องชำระเงินกู้ให้กับหุ้นกู้ที่ครบกำหนดจ่ายคืน ที่มีกำหนดไถ่ถอนภายในปี 2567 ไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีมูลค่ารวมเพียง 1,012.5 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีกระแสเงินสดและเงินสดในบริษัทเพียงพอต่อการจ่ายคืนหุ้นกู้ดังกล่าว            นอกจากนี้ สำหรับหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนภายใน 1 ปี บริษัทฯ และบริษัทย่อย ได้จัดทำประมาณการทางการเงินสำหรับการชำระหนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีแหล่งเงินมาจากกระแสเงินสดภายในบริษัท เงินปันผลรับที่จะได้รับจากบริษัทย่อยและกิจการร่วมค้า เงินกู้ยืมที่จะได้รับคืนจากกิจการร่วมค้า และการรีไฟแนนซ์ (Refinance) โดยการออกหุ้นกู้ ซึ่งในช่วงปลายไตรมาส 3/2567 ที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จในการปิดการขายหุ้นกู้ 2 ชุดใหม่ อายุ 2 ปี และ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.90% และ 5.50% ต่อปีตามลำดับ มูลค่ารวมทั้งสองชุด 1,800 ล้านบาท นักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดีครบตามจำนวน            บริษัทฯ ยังคงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และยังคงดำรงอัตราส่วนทางการเงินตามข้อกำหนดสิทธิหุ้นกู้เสมอมา มุมมองของอุตสาหกรรมในอนาคต            ในอนาคต อุตสาหกรรมบริหารหนี้ด้อยคุณภาพคาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอนและแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของหนี้เสียในระบบการเงิน การเติบโตนี้ยังได้รับแรงผลักดันจากการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ช่วยให้กระบวนการบริหารหนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และปรับโครงสร้างหนี้ นอกจากนี้ แนวโน้มการปรับปรุงกฎระเบียบด้านการบริหารหนี้ของรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนธุรกิจในภาคนี้ให้มีความยั่งยืนและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

JMT สุดปลื้ม! หุ้นกู้ 2 ชุดใหม่ มูลค่า 1,800 ล้านบาท ขายหมดเกลี้ยง

JMT สุดปลื้ม! หุ้นกู้ 2 ชุดใหม่ มูลค่า 1,800 ล้านบาท ขายหมดเกลี้ยง

          JMT ประสบความสำเร็จ ปิดการขายหุ้นกู้ 2 ชุดใหม่ อายุ 2 ปี และ 4 ปี ดอกเบี้ย 4.90% และ 5.50% ต่อปีตามลำดับ มูลค่ารวมทั้งสองชุด 1,800 ล้านบาท นักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดี ขายได้เต็มตามจำนวนที่ขออนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ รับภาพรวมหนี้ในระบบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมลุยซื้อหนี้เข้าพอร์ตเพิ่มเต็มแม็กซ์           นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “JMT”) เปิดเผยถึง ความสำเร็จในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาวชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 2 ชุด เสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป และ ผู้ลงทุนสถาบัน โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2569 อัตราดอกเบี้ย 4.90% ต่อปี และชุดที่ 2 อายุ 4 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2571 อัตราดอกเบี้ย 5.50% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ ด้าน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับความน่าเชื่อถือ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567 โดยอันดับความน่าเชื่อถือบริษัทฯและหุ้นกู้อยู่ที่ BBB+           ทั้งนี้ หุ้นกู้ที่เสนอขายทั้งหมดในครั้งนี้มีจำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,800,000 หน่วย มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,800 ล้านบาท กำหนดเสนอขายระหว่างวันที่ 28 – 30 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ขายได้เต็มจำนวนสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน สำหรับวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในการเข้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจากบริษัท/สถาบันการเงินเข้ามาบริหาร รวมทั้ง นำไปชำระคืนหนี้จากการออกหุ้นกู้           บริษัทฯ ประเมินทิศทางธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพเป็นไปตามแผน ทิศทางหนี้เสีย (NPL) ในระบบยังคงมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง โดยกลุ่มที่มีปัญหาอย่างกลุ่มสินเชื่อรายย่อยประเภทไม่มีหลักประกัน สินเชื่อบัตรเครดิต สถาบันการเงินยังคงบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพด้วยการทยอยขายหนี้ออกมาต่อเนื่อง ล่าสุด JMT เห็นสัญญาณที่ดี ลุยซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารในช่วงไตรมาส 3/2567 ถึงปัจจุบัน ได้ลงนามซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้าพอร์ตแล้ว รวมมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ประเภทไม่มีหลักประกัน (Unsecure Loan) สนับสนุนพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพอย่างไม่เป็นทางการของ JMT ในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 538,000 ล้านบาท (พอร์ต JMT และ JK AMC) ขณะที่ เงินที่ได้จากการระดมทุน จะมารองรับโอกาสในการขยายธุรกิจในช่วงต่อจากนี้  และสะท้อนความเชื่อมั่นของ JMT ผู้นำธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพของประเทศ [PR News]

JMT กวาดซื้อหนี้หมื่นล้าน หนุน Q3-Q4/67 สัญญาณดี

JMT กวาดซื้อหนี้หมื่นล้าน หนุน Q3-Q4/67 สัญญาณดี

           JMT เปิดฉาก! ลุยซื้อหนี้ก้อนโตเข้ามาบริหารรวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท ส่งสัญญาณสถาบันการเงินเตรียมทยอยขาย NPL ออกมาในครึ่งปีหลังมากกว่าครึ่งแรก โดยเฉพาะในกลุ่ม Unsecured Loan หนุนพอร์ตรวมอย่างไม่เป็นทางการอยู่ที่ 538,000 ล้านบาท            นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ผู้นำธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพของประเทศ เปิดเผยว่า ภาพรวมการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหาร ในช่วงไตรมาส 3/67 ถึงปัจจุบัน JMT ได้ลงนามซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้าพอร์ตแล้ว รวมมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นหนี้ประเภทไม่มีหลักประกัน (Unsecured Loan) สนับสนุนพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพอย่างไม่เป็นทางการของ JMT ในปัจจุบันขึ้นสู่ระดับ 538,000 ล้านบาท (พอร์ต JMT และ JK AMC)            นับเป็นการส่งสัญญาณ ภาพรวมสถาบันการเงินทั้งสถาบันการเงินที่เป็นธนาคารและไม่ใช่ธนาคารเริ่มทยอยขายหนี้ด้อยคุณภาพออกมาในช่วงครึ่งปีหลัง จากครึ่งปีแรกมีการขายหนี้ออกมาอย่างจำกัด เนื่องจากรอดำเนินการตามนโยบายการปรับโครงสร้างหนี้ให้แล้วเสร็จ ขณะที่ สถานการณ์หนี้ครัวเรือน มองว่า ตัวเลขหนี้เสีย หรือ NPL ของประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะหนี้ในกลุ่มบัตรเครดิต หนี้สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อส่วนบุคคล เนื่องจากเศรษฐกิจในภาพรวมยังมีสัญญาณฟื้นตัวช้า โดย JMT มีความพร้อมในการเดินหน้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหาร พร้อมกับความพยายามในการติดตามหนี้อย่างใกล้ชิดกับลูกค้า จึงคาดไตรมาส 3/2567 แนวโน้มธุรกิจมีทิศทางที่ดี จากช่วงไตรมาส 2/2567 เป็นช่วงต่ำสุดของปี พร้อมกับตั้งงบลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารในครึ่งปีหลังจำนวน 1,500 - 2,000 ล้านบาท [PR News]

[PR News] JMT ชำระคืนหุ้นกู้ 625 ลบ. จ่อออกชุดใหม่ ดบ. 4.70-5.0%

[PR News] JMT ชำระคืนหุ้นกู้ 625 ลบ. จ่อออกชุดใหม่ ดบ. 4.70-5.0%

         JMT แจ้งข่าวดี! จ่ายคืนหุ้นกู้ 625 ลบ. ตามนัด! และเตรียมเงินพร้อมแล้วสำหรับจ่ายคืนหุ้นกู้ในชุดถัดไป พ.ย. 67 นี้ มองผลงานช่วงครึ่งปีหลังทำได้ดี วางงบ 1,000 - 1,200 ลบ. เดินหน้าลุยซื้อหนี้เพิ่ม อีกทั้ง อยู่ระหว่างออกหุ้นกู้ 2 ชุดใหม่ อายุ 2 - 4 ปี ดอกเบี้ยราว [ 4.70 - 5.50% ] ต่อปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นขออนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต.          นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า JMT เดินหน้าชำระคืนเงินกู้ จำนวน 625 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทได้ชำระคืนพร้อมดอกเบี้ยให้กับผู้ถือหุ้นกู้ทั้งหมดตามกำหนดในวันที่ 27 กันยายน 67 พร้อมให้ความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัททุกราย ที่ผ่านมาบริษัทได้จ่ายดอกเบี้ยและคืนเงินหุ้นกู้ครบตามกำหนด และเตรียมเงินไว้พร้อมแล้วสำหรับไถ่ถอนหุ้นกู้ชุดต่อไปในเดือนพฤศจิกายน 67 นี้ มูลค่า 1,012.5 ล้านบาท          โดยประเมินทิศทางธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพในครึ่งปีหลังเป็นไปตามแผน ทิศทางหนี้เสีย (NPL) ในระบบมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง JMT ตั้งงบลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารในครึ่งปีหลังจำนวน 1,000 – 1,200 ล้านบาท ในกลุ่มหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน อาทิ กลุ่มบัตรเครดิต หนี้สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อส่วนบุคคล จากครึ่งปีแรก JMT สามารถจบดีล ใช้เงินลงทุนซื้อหนี้ไปแล้ว 535 ล้านบาท อีกทั้ง ความพยายามในการจัดเก็บและติดตามหนี้อย่างใกล้ชิดกับลูกค้า ซึ่งคาดว่า ECL จะทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำ JMT ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ธุรกิจบริหารหนี้มีแนวโน้มสดใสในอนาคต          อย่างไรก็ดี JMT ได้อยู่ระหว่างการยื่นร่างแบบแสดงรายการต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยคาดว่าออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน จำนวน 2 ชุด อายุ 2-4 ปี ดอกเบี้ยราว [ 4.70 - 5.50% ] จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายผู้ลงทุนทั่วไป-สถาบัน โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2569 อัตราดอกเบี้ย [ 4.70 - 4.90% ] ต่อปี และชุดที่ 2 อายุ 4 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2571 อัตราดอกเบี้ย [ 5.30 - 5.50% ] ต่อปี โดยคาดว่าจะเสนอขายได้ในช่วงปลายเดือน ตุลาคม 2567 นี้          ทั้งนี้ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับความน่าเชื่อถือ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567 ความน่าเชื่อถือองค์กรอยู่ที่ BBB+  หุ้นกู้จัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ BBB+ โดยบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในการเข้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหาร อีกทั้ง นำไปชำระคืนหนี้จากการออกหุ้นกู้หรือเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงิน และ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

[Vision Exclusive] JMT จับตาไตรมาส 4  จ่อซื้อหนี้ 2-3 หมื่นล้าน

[Vision Exclusive] JMT จับตาไตรมาส 4 จ่อซื้อหนี้ 2-3 หมื่นล้าน

          หุ้นวิชั่น-JMT เตรียมเดินหน้าซื้อหนี้ก้อนใหญ่เพิ่มมูลค่า 20,000-30,000 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2567 เน้นลูกหนี้รายย่อยไร้หลักประกัน คาดไตรมาสสุดท้ายของปีจะเป็นไตรมาสที่ผลประกอบการสูงสุด พร้อมกลับมาเติบโตอีกครั้งในไตรมาส 1/2568 บริษัทมั่นใจในความเชี่ยวชาญด้านการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยการใช้เทคโนโลยีและการขยายเครือข่ายในการเข้าถึงลูกค้า ปัจจุบันบริหารพอร์ตหนี้มูลค่า 500,000-600,000 ล้านบาท            นายปิยะ พงษ์อัชฌา กรรมการ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า ในไตรมาส 4/2567 บริษัทมีแผนที่จะซื้อมูลหนี้ก้อนใหญ่เพิ่มเข้ามาในพอร์ตมูลค่า 20,000-30,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างการทำ Due Diligence  โดยจะเน้นการซื้อกลุ่มลูกหนี้รายย่อยที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งปัจจุบันมีซัพพลายหนี้ที่ขายออกมาจำนวนมาก สำหรับปัญหาการตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ที่บริษัทเคยประสบในช่วงที่ผ่านมา ขณะนี้ได้มีการแก้ไขและปรับกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง คาดว่าในไตรมาส 3/2567 จะเห็นการชำระหนี้เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาส 2/2567 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุด โดยในไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ทำผลการดำเนินงานได้ดีที่สุด และบริษัทจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในช่วงไตรมาส 1/2568            ด้วยความเชี่ยวชาญในการจัดเก็บหนี้ JMT สามารถดูแลลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการรวมหนี้ การแก้ปัญหาให้แก่ลูกหนี้แบบครบวงจร และการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในกระบวนการจัดเก็บหนี้ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อกับลูกค้า หรือการพัฒนาระบบฐานข้อมูลลูกหนี้ที่ทันสมัย ทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น            ทั้งนี้ บริษัทสามารถเก็บหนี้ได้ถึง 500% จากการลงทุน โดยภาพรวมของการเก็บหนี้ยังคงมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ได้เข้มงวดในการพิจารณาการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ส่งผลให้คุณภาพของลูกหนี้ดีขึ้น เช่น ลูกหนี้ LTV  มีรายได้สูง และมีประวัติการผ่อนชำระที่ดี ทำให้การจัดเก็บเงินเป็นไปได้มากขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มลูกหนี้ที่มีรายได้สูงขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มผู้ที่มีรายได้ต่อเดือนสูงก็มีอัตราการจ่ายที่ดีขึ้นเช่นกัน            บริษัทยังได้ขยายเครือข่าย (Network) ในการเข้าถึงลูกค้า โดยการร่วมมือกับพันธมิตรในเครือในการลงทุนในพื้นที่ต่างๆ ขณะนี้บริษัทกำลังบริหารจัดการหนี้ในพอร์ตปัจจุบันที่มีมูลค่าอยู่ระหว่าง 500,000-600,000 ล้านบาท รายงานโดย : ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว สำนักข่าว Hoonvision