#ITC


ITC โบรกคาด Q4 ยอดขายทะลุเป้า สินค้า Premium ยืนได้ไม่หวั่นภาษี Trump – OECD

ITC โบรกคาด Q4 ยอดขายทะลุเป้า สินค้า Premium ยืนได้ไม่หวั่นภาษี Trump – OECD

          หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงานว่า บล.ฟิลลิป  เผยยอดขายของ ITC ปี 67 คาดทะลุเป้าจากคำสั่งซื้อที่เติบโต และมีแนวโน้มเพิ่ม Payout Ratio แม้เผชิญความเสี่ยงด้านภาษี Global Minimum Tax ของ OECD และภาษีนำเข้าจากสหรัฐ อย่างไรก็ตาม คาดว่าคุณภาพสินค้า Premium ของ ITC และต้นทุนที่ต่ำกว่าผู้ผลิตในสหรัฐยังเป็นแก่นหลักในการแข่งขันท่ามกลางการกีดกันทางการค้าและความเสี่ยงด้านภาษีที่รายล้อม แนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาพื้นฐานปี 68 ที่ 34.25 บาท คาดยอดขายปี 67 ทะลุเป้า ลุ้นเพิ่มปันผล           ใน 4Q67 ยอดสั่งซื้อสินค้าในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมโตขึ้น y-y โดยบริษัทขนส่งสินค้าลงเรือแล้วกว่า 74% ของยอดสั่งซื้อ ทางฝ่ายคาดว่ายอดขาย 4Q67 อยู่ที่ 5,279 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.0% q-q และ 11.2% y-y ประมาณการยอดขายรวมปี 67 อยู่ที่ 18,310 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.6% y-y (Company Guidance: +15-17%) ทั้งนี้ บริษัทเคยกล่าวว่าอาจเพิ่ม Payout Ratio หากยอดขายทั้งปีถึงเป้า หากบริษัทคง Payout Ratio ที่ 79% คาดว่าเงินปันผลจากผลประกอบการปี 67 อยู่ที่ 1.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield ประมาณ 4.5% โดยบริษัทจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.40 บาทต่อหุ้นไปแล้ว และคาดจ่ายที่เหลือ 0.60 บาทต่อหุ้น แต่ในกรณีที่บริษัทตัดสินใจเพิ่ม Payout Ratio เป็น 90% คาดว่าจะจ่ายที่เหลือ 0.75 บาทต่อหุ้น รวมทั้งสิ้น 1.15 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield ประมาณ 5.2% อย่างไรก็ตาม การเพิ่มหรือไม่เพิ่ม Payout Ratio ต้องรอมติที่ประชุม AGM ต้นปี 68 ยังยืนได้ท่ามกลางพายุภาษีจาก Trump และ OECD           เนื่องจากไทยได้ดุลการค้าสหรัฐมากสุดเป็นลำดับที่ 11 และอาหารสัตว์เลี้ยงส่งออกของไทยคิดเป็น 34.8% ของการนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งหมดของสหรัฐ ทำให้มีความเสี่ยงถูกเพิ่มภาษีนำเข้า 10-20% ตามนโยบายของทรัมป์ที่ต้องการลดการขาดดุลการค้า มีแนวโน้มที่ภาระภาษีนี้จะถูกส่งผ่านไปยังผู้บริโภคผ่านการขึ้นราคาสินค้า และคาดว่าโรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า และสินค้าส่วนมากเป็นกลุ่ม Economy จึงไม่ได้แข่งขันโดยตรงกับสินค้า Premium ของ ITC ที่เป็นเซกเมนต์ส่งออกหลักไปยังสหรัฐ           ในส่วนภาษี Global Minimum Tax 15% ของ OECD อาจถูกนำมาใช้ในไทย ซึ่ง ITC มี Effective Tax Rate ที่ 3-5% แต่มีรายได้ไม่ถึง 750 ล้านยูโร จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขดังกล่าว คาดว่าปลอดภัยจนกว่าจะถึงปี 71 ที่รายได้คาดการณ์อาจเพิ่มจนถึงเกณฑ์ อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องเตรียมพร้อมหากการเติบโตทำให้บริษัทเข้าสู่เงื่อนไขในอนาคต ราคาพื้นฐานปี 68 ที่ 34.25 บาทต่อหุ้น           โดยวิธี DCF ประเมินราคาพื้นฐานหุ้นด้วยวิธีการ Discounted Cash Flow จาก Free Cash Flow to Equity (FCFE) โดยกำหนดค่า Beta ที่ 0.79 สำหรับปี 2568-2570 และใช้ Adjusted Beta ที่ 0.86 ในปี 2571 เป็นต้นไป สำหรับคำนวณ Terminal Value โดยมี Required Rate of Return for Equity (re) ที่ 6.5% สำหรับปี 2568-2570 และ 6.8% สำหรับปี 2571 เป็นต้นไป และมี Sustainable Growth Rate สำหรับปี 2571 ที่ 2.5% โดยใช้ Estimated Retention Ratio และ ROE เฉลี่ยของกลุ่มบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน           ด้วยตัวธุรกิจที่อยู่ใน Mega Trend ทำให้คาดว่ามีความต้องการสินค้ามากขึ้นในอนาคต ราคาพื้นฐานสำหรับปี 2568 อยู่ที่ 34.25 บาทต่อหุ้น แนะนำ “ซื้อ”

ITC โชว์กำไรสุทธิ Q3/2567 พุ่ง 51.5% แตะ 976.2 ล้านบาท

ITC โชว์กำไรสุทธิ Q3/2567 พุ่ง 51.5% แตะ 976.2 ล้านบาท

           ITC เผยกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2567 ทะลุ 976.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.5% จากปีก่อน อานิสงส์จากยอดขายที่พุ่ง พร้อมกำไรสุทธิสะสม 9 เดือนแรก พุ่ง 85.3% ขานรับดีมานด์อาหารสัตว์เลี้ยงในตลาดอเมริกาและยุโรป ส่วนปีนี้คาดรายได้โต 15-17% ลดลงจากเป้าเดิมเล็กน้อย แต่อัตรากำไรขั้นต้นคาดทำได้ 26-28%            นายไชยวัฒน์ เจริญรุจิตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC เปิดเผยถึง กำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2567 แข็งแกร่งอยู่ที่ 976.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 51.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักจากรายได้จากการขายที่สูงขึ้น กำไรจากการดำเนินงาน และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 22.0% สูงขึ้นเมื่อเทียบกับ 16.1% ในไตรมาส 3 ปี 2566 อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2567 ลดลงเล็กน้อย 3.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากรายได้จากการขายที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารเพิ่มขึ้น และการลดลงของรายได้อื่น โดยถูกหักกลับบางส่วนจากการลดลงของผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2567 ทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2567 ที่ 22.1%            กำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ 2,806.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 85.3% เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานที่ลดลงในปีก่อนหน้า โดยสาเหตุหลักจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น และผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิแข็งแกร่งอยู่ที่ 21.5% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 14.0% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566            อีกทั้ง มีรายได้จากการขายในช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ 4,435.7 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน) สาเหตุหลักจากความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปอเมริกาและยุโรป สัดส่วนการขายสินค้าพรีเมียมที่สูงขึ้น รวมไปถึงกลยุทธ์การปรับราคาของบริษัทฯ ขณะที่รายได้จากการขายลดลงเล็กน้อย 2.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากการขายที่ลดลงในทวีปอเมริกาและยุโรป เนื่องจากปัญหาพื้นที่เรือขาดแคลนและการบริหารตู้ขนส่งของลูกค้า หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน รายได้จากการขายจะเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน            บริษัทฯ มีรายได้จากการขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ที่ 13,031.3 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 20.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน) โดยหลัก ๆ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในทุกตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปอเมริกาและยุโรป เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานที่ลดลงในปี 2566 สัดส่วนการขายสินค้าพรีเมียมที่สูงขึ้น และกลยุทธ์การปรับราคาของบริษัทฯ            สำหรับปี 2567 เป้าหมายผลการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทมีการปรับรายได้จากการขายอยู่ที่ 15-17% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ 18-19% และแต่อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะทำได้ 26-28% มากกว่าเดิมที่ 24-26% ทั้งนี้นโยบายการจ่ายเงินปันผลจะอยู่ในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ            บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC เป็นหนึ่งในผู้นำในการรับจ้างผลิต (OEM) ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก และได้ถูกจัดอันดับโดย www.petfoodindustry.com ให้เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food Company) อันดับ 5 ของเอเชียในปี 2566 ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกในจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดสงขลา ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกว่า 195,400 ตันต่อปี            อีกทั้ง บริษัทฯ ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพระดับกลางถึงพรีเมียม และขนมสำหรับแมวและสุนัขที่ทำจากวัตถุดิบหลักคือเนื้อปลาและเนื้อไก่ ในปี 2566 บริษัทฯ มีรายการผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายทั้งหมด 4,858 รายการ ให้บริการลูกค้ากว่า 435 รายใน 46 ประเทศทั่วโลก โดยนอกเหนือจากการรับจ้างผลิตแล้ว บริษัทฯ ยังจำหน่ายอาหารและขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ได้แก่ Bellotta, Marvo, ChangeTer, Calico Bay และ Paramount