#INET


INET มั่นใจปี 67 โตตามเป้า 20%  ปีหน้ารุกพื้นที่ใหม่ Cloud Service

INET มั่นใจปี 67 โตตามเป้า 20% ปีหน้ารุกพื้นที่ใหม่ Cloud Service

          บมจ.อินเทอร์เน็ตประเทศไทย หรือ INET มั่นใจผลการดำเนินงานปี 2567 เติบโต 20% ตามเป้าหมาย หลังดีมานด์กลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดกลางและเล็กใช้ดิจิทัลขับเคลื่อนธุรกิจ บริการ Cloud Infrastructure และ Cybersecurity พุ่ง และคาดว่าจำนวน VMIs จะมีมากกว่า 60,000  เติบโตมากกว่า 60% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ตอกย้ำความเป็นผู้นำ Local Cloud Service และ Digital Platform Service ของประเทศไทย           นางมรกต กุลธรรมโยธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET ผู้ให้บริการ Local Cloud Service และ Digital Platform Service  เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานในปี 2567 คาดว่ารายได้เติบโต 20% ได้ตามเป้าหมาย จากการขยายฐานลูกค้าทั้งภาครัฐและภาคเอกชนกว่า 5,000 ราย ที่มุ่งทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) โดยการวางระบบโครงสร้างด้าน Cloud Infrastructure และการยกระดับด้านความปลอดภัยและความมั่นคงของข้อมูล (Cybersecurity) รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีคลาวด์โอเพนซอร์ส (Open source Cloud) ที่เจาะตลาดกลุ่มลูกค้าขนาดกลางและเล็กได้ผลตอบรับดีเกินคาด จึงมั่นใจว่าจำนวน VMIs มากกว่า 60,000  เติบโตมากกว่า 60% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา           นอกจากนี้ การเติบโตดังกล่าวยังเป็นผลมาจากความต้องการใช้บริการคลาวด์ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ จึงเป็นพันธมิตรที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับลูกค้าและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศให้เติบโตไปพร้อมกัน ขณะเดียวกัน ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรและสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไอทีในประเทศไทย พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งขยายการให้บริการแพลตฟอร์มเซอร์วิส e-tax invoice, CA (Certificate Authority) เพื่อรองรับกับนโยบายลดหย่อนภาษีในช่วงต้นปี 68 อีกด้วย           สำหรับในปี 2568 บริษัทฯ เตรียมแผนกลยุทธ์เชิงรุกในการเปิดพื้นที่ใหม่ และยังคงให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยธุรกิจไทยในการทำ Digital Transformation ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยให้เติบโต

INET: ผู้ให้บริการไอซีทีครบวงจร [HoonVison x FynnCorp]

INET: ผู้ให้บริการไอซีทีครบวงจร [HoonVison x FynnCorp]

          บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) [INET] ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแบบครบวงจร ด้วยฐานลูกค้ากว่า 4,000 ราย โดดเด่นด้าน Cloud Solution และ Digital Platform สำหรับธุรกิจ มีบริการเป็นที่ยอมรับอย่าง One Electronic Billing และ One Authen Key Highlights           ผลการดำเนินงานเติบโต กระแสเงินสดเป็นบวกต่อเนื่อง จากรายได้การขายและให้บริการ รวมถึงกำไรสุทธิในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 เติบโตกว่า 21% และ 57% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สะท้อนดีมานด์ด้าน Digital Transformation ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในแต่ละองค์กรธุรกิจที่เป็นฐานลูกค้าเดิมและใหม่           เชี่ยวชาญด้าน Cloud Service และมุ่งสู่ Platform Service Provider เพื่อรองรับการเติบโตของ Digital Transformation จากความสำเร็จของบริษัทในการพัฒนาแพลตฟอร์ม "หมอพร้อม" ที่เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของคนไทยในสถานพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน สู่การขยายบริการ E-Tax Invoice, CA (Certificate Authority) และขยายธุรกิจ Data Center ในไทย เพื่อพัฒนาแหล่งการจัดเก็บข้อมูลภายในประเทศ           เสนอขายหุ้นกู้ 2 รุ่น ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ เป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และผู้ออกมีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด โดยจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ประกอบด้วย รุ่นอายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5.35-5.45% ต่อปี และ 3 ปี 1 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5.70-5.80% ต่อปี ซึ่งเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 7-9 มกราคม ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทไม่มีประวัติการผิดนัดชำระหนี้เงินต้นหรือดอกเบี้ยของหุ้นกู้ Company Overview           บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (INET) เริ่มประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารครบวงจร เมื่อปี 2538 และได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2544 เป็นต้นมา โดยมีสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และบริษัท โทรคมนาคมเเห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในปัจจุบัน ด้วยสัดส่วน 24.9% และ 24.1% ตามลำดับ           ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแบบครบวงจร โดดเด่นด้าน Cloud Service           การดำเนินธุรกิจของ INET แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) Infrastructure as a Service เป็นการรวมการให้บริการ 3 ประเภท ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับบริการดิจิทัลอื่น คือ Cloud service, INET Data Center และ บริการ Internet Access           1.1) ธุรกิจบริการ Cloud Service เป็นบริการการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ร่วมกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งบริษัทให้บริการระบบ Cloud Service ในลักษณะสาธารณะสำหรับองค์กรมา กว่า 10 ปี และได้รับรองมาตรฐานเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นรายแรกในไทย (ISO/IEC 27018:2019) โดยให้บริการแบ่งตามประเภทเทคโนโลยี คือ Infrastructure as a Service (IaaS): การให้บริการในโครงสร้างพื้นฐานของระบบคอมพิวเตอร์ อย่าง Server, Storage และ Network เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้บริการลดค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนซื้อและบำรุงรักษาอุปกรณ์เอง Platform as a Service (Paas): เป็นบริการที่ให้ผู้ใช้สามารถนำ Application มาทำงานอยู่บนระบบนี้ โดยไม่ต้องลงทุนด้าน Hardware และ Software อย่างเช่น บริการใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ บริการระบบบริหารจัดการเอกสารดิจิทัล (Paperless) รวมถึง บริการเตรียมความพร้อมทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Cyber Security) เป็นต้น Software as a Service (SaaS): เป็นการให้บริการ Application และ Software ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องติดตั้ง Software ในอุปกรณ์ปลายทาง และไม่ต้องดูแลรักษา Hardware เช่น Email on Cloud เป็นต้น           1.2) ธุรกิจบริการ INET Data Center อย่าง Co-Location บริการรับฝาก Server สำหรับองค์กรที่ต้องการความปลอดภัย ด้วยระบบสนับสนุนอย่างระบบไฟฟ้าสำรอง ระบายความร้อน การเชื่อมต่อเครือข่ายความเร็วสูง โดยลูกค้าจะนำเครื่องที่มีอยู่แล้วมาฝากในพื้นที่ที่จัดไว้ใน ศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลไอเน็ต (INET-IDC) ทั้งหมด 3 แห่งของบริษัท ซึ่งได้แก่ อาคารบางกอกไทย ทาวเวอร์ (INET-IDC1) อาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ (INET-IDC2) และอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี (INET-IDC3) ซึ่งทั้ง 3 ศูนย์สามารถเชื่อมต่อกันด้วยความเร็วสูง และจะคอยให้บริการองค์กรชั้นนำของประเทศที่ทำการซื้อขายธุรกรรมหลักทรัพย์อินเทอร์เน็ต ไปจนถึง ผู้ให้บริการเว็บไซต์ และผู้ใช้บริการจากต่างประเทศที่ต้องการเผยแพร่ต่อผู้ใช้ในประเทศไทย           1.3) ธุรกิจบริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (Internet Access) สำหรับธุรกิจครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ 2) Business Platform ประกอบด้วยบริการ           2.1) E-Transaction อย่าง E-Tax Invoice Service เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถจัดทำข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ส่งมอบให้ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการด้วยระบบที่เชื่อมโยงกับสรรพากร, E-Factoring ตัวช่วยส่งข้อมูลรายการบัญชี สร้างเอกสารการเงินผ่านระบบออนไลน์ระหว่างบริษัทที่มีบัญชีลูกหนี้ และบริษัทไฟแนนซ์ โดยทำให้บริษัทที่มีหนี้สามารถขายหนี้สินให้กับบริษัทไฟแนนซ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพขึ้น และ Certification Authority (CA) เป็นหน่วยงานในการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ผู้ใช้สามารถนำไปใช้ทำธุรกรรมต่างๆได้อย่างมั่นใจว่าบุคคลนั้นๆที่ทำการติดต่อมีตัวตนจริง เชื่อถือได้ เช่น ใบรับรองประเภทนิติบุคคล ใบรับรองประเภทเจ้าหน้าที่นิติบุคคล และใบรับรองประเภทบุคคล           2.2) E-Office อย่างบริการ Digital Workflow ที่ทำให้องค์กรปรับเปลี่ยนกระบวนการทางธุรกิจเป็นระบบดิจิทัล เช่น ลดการใช้กระดาษ เพิ่มความเร็วในการจัดการข้อมูล รวมถึงระบบลงนามเอกสารจากกระดาษเป็น Digital Signature อีกทั้ง E-Meeting (One-Conference) และ One Box ที่ทำให้องค์กรบริหารจัดการไฟล์เป็นระบบและปลอดภัย Source: One Report 2566           โครงสร้างรายได้ของบริษัท มีรายได้จาก Cloud Service เป็นหลัก คิดเป็นประมาณ 85% ของรายได้ในปี 2566 ตามมาด้วยบริการ Co-Location 10% และอื่นๆ และในปี 2567 รายได้ของแต่ละกลุ่มธุรกิจยังคงสัดส่วนใกล้เคียงเดิม Source: One Report 2566 (หน่วยล้านบาท)           กลุ่มลูกค้าของบริษัทประกอบด้วยหน่วยงานรัฐและเอกชนที่เป็น Medium Enterprise ส่วนใหญ่ และรองลงมาเป็น Small Enterprise แบ่งเป็นลูกค้าองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนทางด้าน IT Structure ลูกค้าขนาดกลางและขนาดเล็กที่ต้องการใช้ IT Structure หรือ Software as a Service รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนด้านบุคลากรด้าน IT และช่วยลดปัญหาบุคลากรขาดทักษะ โดยบริษัทมีช่องทางการจำหน่าย เน้นการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง นำเสนอสินค้าและบริการไปยังกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มผ่านพนักงานขาย หน้าเว็บไซด์ และ Thaidotcom Marketplace และมีการร่วมมือกับพันธมิตรในการให้บริการ Cloud Service เพื่อขยายฐานลูกค้า โดยเน้นลูกค้าเอกชนที่สนใจนวัตกรรม Source: Opportunity Day 3Q2567           หากเทียบในอุตสาหกรรมเดียวกัน พบว่า มีผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการอินเทอร์เน็ตจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เหมือนกับบริษัทจำนวน 222 ราย (อ้างอิงข้อมูลจากรายงานประจำปี 2566) ซึ่ง INET จัดว่าเป็นบริษัทขนาดกลางในกลุ่มคู่แข่งขันทั้งหมด 222 ราย ตั้งเป้าการเป็น Trusted Platform Service Provider           บริษัทวางแผนที่จะเป็นมากกว่า Cloud Service Provider โดยการมุ่งเน้นการลงทุนในบริการ Platform ต่างๆ เพื่อต่อยอดการใช้งานของบริการ Cloud พร้อมกับให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งจาก Roadmap ที่ได้วางไว้ บริษัทได้ก้าวข้ามการเป็น Cloud Provider มาสู่การสร้างแพลตฟอร์ม (Digital Transform) ที่เน้นการจัดข้อมูลให้เข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ Source: Opportunity Day 3Q2567           ในปัจจุบัน บริษัทมีบริการด้าน Digital Platform Services เป็นที่ยอมรับอย่าง One Electronic Billing ผู้ให้บริการ E-Tax Invoice ด้วยส่วนแบ่งตลาด 48.9% จำนวนลูกค้า 2,889 ราย และ One Authen ผู้ให้บริการ CA หรือ Digital Signature มีส่วนแบ่งการตลาด 77.2% ซึ่งบริษัทได้พัฒนาขึ้นมาเอง เป็นกรรมสิทธิ์ที่ผ่านการรับรองจาก NRCA (ผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ) ส่งผลให้ต้นทุนระยะยาวของบริษัทต่ำลง Source: Opportunity Day 3Q2567 สภาพตลาดและการแข่งขัน           ตลาดคลาวด์ในประเทศไทยมีมูลค่ามากกว่า 58,000 ล้านบาทในปัจจุบัน และจากพฤติกรรมของคนในการใช้ชีวิตเข้าสู่ดิจิทัลมากขึ้นโดยเฉพาะภายหลังช่วง COVID-19 จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผู้ใช้บริการคลาวด์หรือแพลตฟอร์มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรายงานจาก IDC APeJ Public Cloud Services Tracker รายงานมูลค่าตลาดของบริการ Public Cloud ในไทย มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 20.33% ระหว่างปี 2561-2567 ซึ่ง Software as a Service มีส่วนแบ่งการตลาดใหญ่สุด ด้วยสัดส่วน 50% ของจำนวนรวมทุกประเภท Financial Performance           เติบโตในกลุ่มรายได้หลักอย่าง Cloud Service และ Digital Platform รายได้จากการขายและให้บริการใน 9 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 21.02% YoY มาอยู่ที่ 1,842.63 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรายได้จากการขาย 9M2566 ที่เคยอยู่ที่ 1,522.62 ล้านบาท ด้วยแรงขับเคลื่อนจากความต้องการของภาคเอกชนที่อยากปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล           กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเกือบ 57% YoY ใน 9M2567 มาอยู่ที่ 207.52 ล้านบาท จากการเติบโตของรายได้ ประกอบกับการบริหาร จัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ Current Corporate Bonds Financial Covenants           ในการออกหุ้นกู้ บริษัทมีหน้าที่ดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD/E: Interest Bearing Debt to Equity Ratio) ตลอดอายุของหุ้นกู้ในงบการเงินรวม เป็นอัตราส่วนไม่เกิน 2.5 เท่า ณ วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีของแต่ละปี โดย ณ ไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทดำรงอัตราส่วนนี้เท่ากับ 2.14 เท่า ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากสิ้นปี 2566 ที่ 2.27 เท่า จากการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น และเงินกู้ยืมระยะยาวลดลงอย่างมาก Outstanding Bonds           INET ออกหุ้นกู้ระยะยาวมาแล้วทั้งหมด 13 รุ่นตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน และเป็นหุ้นกู้ที่ยังไม่ครบกำหนดชำระ 8 รุ่น ซึ่งเป็นหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระในเดือนมกราคม ปี 2568 จำนวน 3 รุ่น ได้แก่ INET251A, INET251B, INET251C รวมเป็นมูลค่าเงินต้นของหนี้หุ้นกู้ทั้งสิ้น 1,500 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ ปัจจุบัน บริษัทมีหนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ (Outstanding bonds) 4,578.3 ล้านบาท โดยบริษัทอยู่ในระหว่างการเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่จำนวน 2 รุ่น วัตถุประสงค์เพื่อชำระคืนหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระในต้นปีหน้าทั้ง 3 รุ่น (roll over) รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นในการประกอบกิจการ ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมหากไม่สามารถเสนอขายได้เต็มจำนวน จากกระแสเงินสดภายในกิจการ หรือจากแหล่งเงินทุนอื่นๆ หุ้นกู้เสนอขายใหม่ Key Risk Factors ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง เนื่องจากบริษัทอยู่ในช่วงขยายธุรกิจ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน จึงจำเป็นต้องจัดหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทมีโครงสร้างเงินทุนจากการกู้ยืมเป็นหลัก (D/E = 4.57) และเป็นหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสูง สะท้อนจากการเทียบกับกำไรส่วน EBITDA พบว่ามีค่าเพิ่มขึ้นมา 8.77 เท่า ในงวด 9 เดือน ปี 2567 จึงทำให้อาจเผชิญกับความผันผวนด้านอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับ ถ้าผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามแผนที่คาดไว้ ก็อาจส่งผลความสามารถในการชำระหนี้ได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มทุนในอนาคตและดำเนินการลดต้นทุนอย่างเป็นระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สภาพคล่องอยู่ในระดับที่บริษัทควบคุมได้ ความเสี่ยงในการดำรงอัตราส่วนทางการเงิน บริษัทมีหน้าที่ดำรงอัตราส่วนของหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันสิ้นงวดบัญชี ไม่เกิน 2.5 เท่า ในการกู้ยืม ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทดำรงอัตราส่วนนี้เท่ากับ 2.14 เท่า โดยบริษัทเชื่อมั่นว่า ณ สิ้นปี 2567 จะสามารถดำรงอัตราส่วนนี้ไว้ได้ ความเสี่ยงด้านการด้อยสิทธิเชิงโครงสร้างของหุ้นกู้ เนื่องจากหุ้นกู้ที่เสนอขายนี้เป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ซึ่งทำให้มีความด้อยสิทธิกว่าเจ้าหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน (หนี้มีประกัน) อย่างมีนัยสำคัญ Source: Company's factsheet อ่านรายละเอียดเพิ่มที่ https://app.visible.vc/shared-update/bedb3e8b-073e-441b-b5b7-a1b4e6a2babb

INET ไตรมาส 3/67 มีกำไรที่ 82.05ล้านบาทโต 56.69%

INET ไตรมาส 3/67 มีกำไรที่ 82.05ล้านบาทโต 56.69%

        หุ้นวิชั่น - บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน)หรือ INET รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/67 ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2567 หากเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานปีก่อน (YoY) พบว่า บริษัทฯมีรายได้ จากการขายและให้บริการที่เติบโตขึ้น 21.02% โดยในส่วนของต้นทุนจากการขายและให้บริการยังคงสามารถบริหารจัดการได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานเติบโตขึ้น 46.45% จากปีก่อนหน้าในไตรมาสเดียวกันหรือทำได้ลาว 284.31 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ทำได้ 82.05ล้านบาท หรือเติบโต 56.69% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเติบโต 17.16% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยเติบโตในกลุ่มของรายได้หลักคือ Cloud Service และ Digital Platform Service ซึ่งมีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 86% ของรายได้บริการทั้งหมด จากการให้บริการลูกค้าองค์กรที่มีศักยภาพและการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของภาคเอกชนในการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล สร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินงานของลูกค้าและช่วยบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ จากการยกระดับมาตรฐานการให้บริการแก่ลูกค้าตามกลยุทธ์ของบริษัทฯ

INET ผนึก depa ยกระดับอุตสาหกรรมดิจิทัลของประเทศไทย

INET ผนึก depa ยกระดับอุตสาหกรรมดิจิทัลของประเทศไทย

         บมจ.อินเทอร์เน็ตประเทศไทย หรือ INET ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เดินหน้าโครงการ “เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมดิจิทัล ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัล” พร้อมส่งเสริมให้ได้รับมาตรฐาน ISO/IEC/29110 สร้างเศรษฐกิจดิจิทัลไทยมีคุณภาพและเติบโตอย่างยั่งยืน            นางมรกต  กุลธรรมโยธิน  กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ภายใต้โครงการ “เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมดิจิทัล ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัล” ซึ่งจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมดิจิทัลของประเทศไทยสู่ความยั่งยืน          ความร่วมมือดังกล่าว จะช่วยส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมดิจิทัล ตลอดจนร่วมบูรณาการความร่วมมือกับเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ สนับสนุนให้ผู้ประกอบการดิจิทัลไทยมีการขยายฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ผู้ที่ขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัลจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตลอดจนการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการได้รับมาตรฐาน ISO/IEC/29110 ซึ่งเป็นการรับรองคุณภาพการบริหารงานหรือผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ให้แก่หน่วยงานหรือผู้ประกอบการ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทยอย่างมีคุณภาพ [PR News]

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

[ภาพข่าว] INET เปิดบ้านต้อนรับนักลงทุน

[ภาพข่าว] INET เปิดบ้านต้อนรับนักลงทุน

          บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแบบครบวงจร เปิดบ้านต้อนรับนักลงทุนเข้าเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลคอมพิวเตอร์ INET-IDC3 ณ ศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลคอมพิวเตอร์ INET-IDC3 จังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีดิจิทัล โชว์ศักยภาพศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัย ระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานสากล เดินหน้าขยายฐานลูกค้า สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน พร้อมเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการ, อาคาร Utility INET-IDC3 และโครงการ Solar Farm นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรม ‘นักลงทุนพบผู้บริหาร’ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 ณ ห้องประชุม INET HALL ชั้น IT อาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้ร่วมรับฟังการบรรยายแผนการดำเนินธุรกิจ และผลการดำเนินงาน พร้อมพูดคุยกับผู้บริหารอย่างใกล้ชิด สร้างความเข้าใจในศักยภาพและทิศทางการเติบโตของ INET ซึ่งจะร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้แก่ประเทศ

[ภาพข่าว] INET ไฟเขียวเพิ่มกรอบวงเงินออกหุ้นกู้ 2,000 ล.

[ภาพข่าว] INET ไฟเขียวเพิ่มกรอบวงเงินออกหุ้นกู้ 2,000 ล.

          เดินหน้าเต็มกำลังกับการขยายธุรกิจ Cloud Service & Digital Platform ครั้งใหญ่ สำหรับบริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET ผู้ให้บริการ Cloud Infrastructure ชั้นนำ งานนี้ผู้บริหารคนเก่ง ‘มรกต กุลธรรมโยธิน’ กรรมการผู้จัดการ INET ไม่รีรอเตรียมขยายพร้อมขยายการลงทุน หลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 26 กันยายน 2567 มีมติอนุมัติขยายกรอบวงเงินการออกและเสนอขายหุ้นกู้เพิ่มเติมอีก 2,000 ล้านบาท รวมเป็นไม่เกิน 7,000 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนงานขยายธุรกิจ โดยบริษัทฯ เตรียมขยายธุรกิจเพื่อรองรับธุรกิจคลาวด์ที่กำลังมาแรง รวมถึงจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทางธุรกิจ

[ภาพข่าว] INET MOU กับ SME D BANK ร่วมโครงการ “Nex Gen Commerce”

[ภาพข่าว] INET MOU กับ SME D BANK ร่วมโครงการ “Nex Gen Commerce”

           นางมรกต กุลธรรมโยธิน (ที่ 4 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ  บมจ. อินเทอร์เน็ตประเทศไทย หรือ INET พร้อมด้วย นายพิชิต มิทราวงศ์ (ที่ 5 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D BANK ผู้ให้บริการสินเชื่อ Green Productivity และสินเชื่อประเภทอื่น ๆ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ “Nex Gen Commerce” ร่วมมือกันพัฒนายกระดับผู้ประกอบการ SMEs ใช้เทคโนโลยีภาคบริการ สู่การค้าขายยุคดิจิทัล 4.0 ตลอดจนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจและต่อยอดธุรกิจให้เติบโตสามารถแข่งขันธุรกิจระดับประเทศได้ต่อไป โดยความร่วมมือในครั้งนี้ INET เป็นผู้ให้บริการ Nex Gen Commerce แพลตฟอร์มค้าขายออนไลน์สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ไทย ที่มีฟีเจอร์ครบครันรองรับผู้ประกอบการธุรกิจทั้ง B2B หรือ B2C ส่วน “SME D BANK” ร่วมส่งเสริมการเข้าถึงสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตไปพร้อมกัน ณ อาคาร SME Bank Tower

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต