#ICHI


นักลงทุนคอแห้ง! หุ้นเครื่องดื่มไตรมาส 3 เสิร์ฟกำไรแบบจัดเต็ม

นักลงทุนคอแห้ง! หุ้นเครื่องดื่มไตรมาส 3 เสิร์ฟกำไรแบบจัดเต็ม

อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม สำหรับไตรมาส 3/2567 บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือMALEE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  บริษัท และบริษัทย่อยมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ในไตรมาส 3/2567 เท่ากับ 61 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 3/2566 ที่มีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 9 ล้านบาท ผลการดำเนินงานเติบโต 551% YoY เป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 6% YoY จากกลยุทธ์ที่เน้นการเติบโตของสินค้าภายใต้แบรนด์ Malee ที่เป็น Focus SKU มีการยกเลิกขายสินค้าบางรายการ มีการปรับเพิ่มราคาสินค้าบางกลุ่มสินค้า และในกลุ่มลูกค้า CMG (Contract Manufacturing) ที่เป็นผลิตภัณฑ์ตามสัญญาและรับจ้างผลิต ตลอดจนความมีประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนขายที่ดีขึ้น บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)หรือSSC  รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567    กำไรสุทธิของบริษัท เท่ากับ 404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.1% จากผลกำไรสุทธิ 248 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของยอดขายและการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมีผลกำไรต่อหุ้นเป็นจำนวน 1.52 บาท เพิ่มขึ้น 0.59 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับผลกำไรต่อหุ้น 0.93 บาทในงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือCBG รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ เท่ากับ 741 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +40% YoY สะท้อนยอดขายที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนที่ปรับตัวลดลง การควบคุมค่าใช้จ่าย มีรายได้จากการขายรวมเท่ากับ 5,098 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +8% YoY โดยในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการดำเนินการผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเองจำนวน 3,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +8% YoY จากยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังคาราบาวแดงในประเทศที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากส่วนแบ่งทางการตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากการที่บริษัทฯ ยังคงดำเนินกลยุทธ์หลักคงราคาขายปลีกที่ 10 บาท รวมถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การกระจายสินค้าให้มีเครือข่ายที่กว้างขวางและครอบคลุมมากขึ้นผ่านคู่ค้ารายย่อยระดับอำเภอและระดับตำบล เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ TACC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  บริษัท มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 และสำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 จำนวน 66.31 และ 205.68 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 6.42 และ 36.95 ล้านบาท (คิดเป็น 10.73% และ 21.90%) จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 59.89 และ 168.73 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.89% และ 14.16% ของรายได้ของไตรมาส 3 ปี 2567 และ 2566 (ลดลง 0.27%) และคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 14.45% และ 13.55% ของรายได้สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 และ 2566 (เพิ่มขึ้น 0.90%)  กลุ่มบริษัทฯ คาดว่ารายได้ทั้งปี 2567 จะเติบโตร้อยละ 10 จากปีก่อน จากกลยุทธ์การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าหลัก เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ นำเสนอสินค้าใหม่จับเทรนด์ผู้บริโภครักสุขภาพ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน)หรือCOCOCO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 172.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.57 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 12.81% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่ลดลง 54.84 ล้านบาท หรือคิดเป็นการลดลง 24.14% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากปัจจัยภายนอกจากสถานการณ์ความผันผวนของตลาดการเงินโลกจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศและแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนยังคงมีผลกระทบต่อตลาดเงินและค่าเงินบาทในระยะสั้น ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศมีความผันผวน ส่งผลให้การรับรู้กำไรสุทธิลดลง สำหรับงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 603.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 252.45 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 72% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ ICHI รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  กำไรสุทธิของบริษัทฯ ในไตรมา 13/2567 และ โตรมาร 3/2566 เท่ากับ 357.3 ล้านบาท และ 328.0 ล้านบาทหรือ คิดเป็นอัตราทำไรสุทธิของรายได้จากการขาย เท่ากับ 16.7% และ 15.8% ตามลำดับ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 20.3 ล้านบาท หรือเท่ากับ 6.9% สำหรับทำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 1.099.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 16.7% กำไร สุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับ 805.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.6%ของรายได้จากการขาย กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 294.6 ล้านบาทหรือเท่ากับ 36.6% บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน)หรือSAPPE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 รายงานผลประกอบการ กำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ในไตรมาส 3/2567 เท่ากับ 300.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.2% ต่อรายได้จากการขาย ลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อนหน้าที่ 319.1 ล้านบาทบริษัทฯ มีรายได้จากการขายในไตรมาสนี้เท่ากับ 1,566.2 ล้านบาท ลดลง 6.0% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมาจากการลดลงของรายได้จากการขายตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ภายในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมีแผนการออกสินค้าใหม่ทั้งหมดมากกว่า 20 รายการ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้รายได้จากการขายเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)หรือSSC  รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567    กำไรสุทธิของบริษัท เท่ากับ 404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.1% จากผลกำไรสุทธิ 248 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของยอดขายและการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมีผลกำไรต่อหุ้นเป็นจำนวน 1.52 บาท เพิ่มขึ้น 0.59 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับผลกำไรต่อหุ้น 0.93 บาทในงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุผลที่อธิบายข้างต้น บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน)หรือHTC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567   บริษัทฯ มีกำไรสุทธิแสดงไว้ในงบการเงินรวมเป็นจำนวนเท่ากับ 129.2 ล้านบาท ลดลง 3.6% YoY และลดลง 18.7% QoQ จากปริมาณการขายที่ลดลงจากสภาวะอากาศเย็นและน้ำท่วม และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 6.9% ลดลง 0.3 จุดเปอร์เซ็นต์ YoY และ QoQ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าสภาวะตลาดเครื่องดื่มพร้อมดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในภาคใต้จะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4/2567 จากสภาวะการท่องเที่ยวปลายปีที่ปรับตัวดีขึ้น และสภาวะอากาศที่เข้าสู่ฤดูหนาว อีกทั้งจะเริ่มได้รับผลบวกจากการปรับราคาในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเต็มทั้งไตรมาส 4/2567 บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP มีการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) รายงานผลขาดทุนสุทธิสำหรับไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ 361 ล้านบาท ลดลง 156.3% จากปีก่อน (YoY) และลดลง 159.8% จากไตรมาสก่อน (QoQ) เนื่องจากมีการบันทึกผลขาดทุนสุทธิจากการจำหน่ายเงินลงทุนในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายขวดแก้วในประเทศเมียนมาตามแผนยุทธศาสตร์การลงทุนตามที่ได้ส่งข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไปเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 และการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน รวมเป็นจำนวน 1,033 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 672 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% YoY และลดลง 27.2% Qo

ICHI แจ้งยกเลิกกิจการ บริษัท อิชิตัน พาวเวอร์ จำกัด ยันไม่กระทบฐานะทางการเงิน

ICHI แจ้งยกเลิกกิจการ บริษัท อิชิตัน พาวเวอร์ จำกัด ยันไม่กระทบฐานะทางการเงิน

          ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชนเรื่อง ICHI แจ้งยกเลิกกิจการ ตันพาวเวอร์ จำกัด ยันไม่กระทบฐานะทางการเงิน ขอเรียนชี้แจงให้ทราบว่า บริษัท อิชิตัน พาวเวอร์ จำกัด เป็นบริษัทย่อยที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2560 ในปัจจุบันไม่ได้ประกอบกิจการมากว่า 7 ปี จึงเห็นสมควรให้ปิดการดำเนินการเชิงพานิชย์           ขอยืนยันว่าการเลิกกิจการของบริษัทย่อยดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษัทฯ แต่อย่างใด และไม่เกี่ยวข้องกับ “ตัน พาวเวอร์” (TAN POWER) เครื่องดื่ม Energy Drink ที่ยังคงดำเนินกิจกรรมทางการตลาดย่างแข็งขันต่อเนื่อง ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ICHI           บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ICHI ขออภัยอย่างสูงที่อาจจะทำให้สื่อมวลชนเข้าใจคลาดเคลื่อนจึงขออนุญาตชี้แจงทำความเข้าใจมา ณ ที่นี้

ICHI ฟันกำไร 357.3 ลบ. พร้อมปันผล 0.60 บาทต่อหุ้น

ICHI ฟันกำไร 357.3 ลบ. พร้อมปันผล 0.60 บาทต่อหุ้น

          หุ้นวิชั่น - นางอิง ภาสกรนที  รองกรรมการผู้อำนวยการ  บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI แจ้งรายได้ ไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,141.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.3 ล้านบาท หรือเท่ากับ 3.1% จาก ช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 2,076.6 ล้านบาท โดยยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 6.5% จากการเติบโตของกลุ่มตลาดชาพร้อมดื่ม ชาสมุนไพรและน้ำด่าง ส่วนยอดขายต่างประเทศลดลง 36.0% เนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาท และปัญหากำลังซื้อภายในของประเทศคู่ค้า สำหรับรายได้จากการขายงวด 9 เดือนปี 2567 และ ปี 2566 เท่ากับ 6,586.3 ล้านบาท และ 5,938.9 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 647.4 ล้านบาท หรือเท่ากับ 10.9% โดยยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 14.2% จากการเติบโตของกลุ่มตลาดชาพร้อมดื่ม ชาสมุนไพร และน้ำด่าง ส่วนยอดขายต่างประเทศลดลง 23.3% เนื่องจากการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตสินค้า OEM เพื่อส่งออกในไตรมาส 2 การแข็งค่าของเงินบาทในไตรมาส 3 และปัญหากำลังซื้อภายในของประเทศคู่ค้า ต้นทุนขาย           ต้นทุนขายของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/2567 เท่ากับ 1,591.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วนต้นทุนขายต่อรายได้จากการขายเท่ากับ 74.3% โดยต้นทุนขายในงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 1,554.0 ล้านบาทหรือคิดเป็น 74.8% ของรายได้จากการขาย บริษัทฯ มีอัตราส่วนต้นทุนขายลดลงเล็กน้อย สำหรับต้นทุนขายงวด 9 เดือนปี 2567 และ ปี 2566 เท่ากับ 4,868.8 ล้านบาท และ 4,569.6 ล้านบาทตามลำดับ หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้จากการขาย 73.9% และ 76.9% ตามลำดับ โดยบริษัทฯ มีอัตราส่วนต้นทุนขายลดลงจากการผลิตสินค้าที่มากขึ้นตามความต้องการของตลาด (Economy of Scale) การปรับสูตรการลดน้ำตาลในบางกลุ่มผลิตภัณฑ์ และราคาวัตถุดิบกลุ่มบรรจุภัณฑ์ปรับตัวลดลง ค่าใช้จ่ายในการบริหาร           ค่าใช้จ่ายในการบริหารของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/2567 และ ไตรมาส 3/2566 เท่ากับ 42.0 ล้านบาท และ 35.8 ล้านบาทตามลำดับ โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อยอดขาย เท่ากับ 2.0% และ 1.7% ตามลำดับ ค่าใช้จ่ายในการบริหารมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สำหรับงวด 9 เดือนของปี 2567 และ ปี 2566 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการบริหาร เท่ากับ 148.7 ล้านบาท และ 119.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.3% และ 2.0% ของรายได้จากการขายตามลำดับ ค่าใช้จ่ายในการบริหารมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ต้นทุนทางการเงิน           ต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ ไตรมาส 3/2567 และไตรมาส 3/2566 มีจำนวน 0.4 ล้านบาท และ 0.5 ล้านบาท ตามลำดับ ต้นทุนทางการเงินเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย           สำหรับต้นทุนทางการเงินงวด 9 เดือนปี 2567 และปี 2566 มีจำนวน 1.2 ล้านบาท และ 1.4 ล้านบาทตามลำดับ ต้นทุนทางการเงินเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้า           ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/2567 และ ไตรมาส 3/2566 เท่ากับ 0.9 ล้านบาท และ 1.6 ล้านบาท ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนลดลง 0.7 ล้านบาท เนื่องจากมีการใช้งบสื่อสารทางการตลาด           สำหรับงวด 9 เดือนของ ปี 2567 และปี 2566 บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าของบริษัทฯ เท่ากับ 13.7 ล้านบาท และ 12.1 ล้านบาท โดยส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาท เนื่องจากการควบคุมค่าใช้จ่ายทางการตลาด การปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ กำไรสุทธิ           กำไรสุทธิของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/2567 และ ไตรมาส 3/2566 เท่ากับ 357.3 ล้านบาท และ 328.0 ล้านบาท หรือ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิของรายได้จากการขาย เท่ากับ 16.7% และ 15.8% ตามลำดับ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 29.3 ล้านบาท หรือเท่ากับ 8.9%           สำหรับกำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 1,099.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 16.7% กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับ 805.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.6% ของรายได้จากการขาย กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 294.6 ล้านบาทหรือเท่ากับ 36.6%           ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีการอนุมัติการจ่ายเงินปันผล อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.60 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) : 22 พ.ย. 2567 และวันที่จ่ายปันผล 06 ธ.ค. 2567           บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ขอเรียนให้ทราบว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2567 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ได้มีมติอนุมัติให้เลิกกิจการ บริษัท อิชิตัน เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางตรงในสัดส่วนร้อยละ 100 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป และจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนเลิกกิจการและชำระบัญชีให้เป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดต่อไป โดยการเลิกกิจการของบริษัทย่อยดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษัทฯ แต่อย่างใด เนื่องจากปัจจุบันบริษัทย่อยดังกล่าวไม่ได้ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว

[ภาพข่าว] อิชิตัน กรุ๊ป คว้า 2 รางวัลเกียรติยศในงาน SET Awards 2024

[ภาพข่าว] อิชิตัน กรุ๊ป คว้า 2 รางวัลเกียรติยศในงาน SET Awards 2024

          บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI ประสบความสำเร็จในงาน SET Awards 2024 คว้า 2 รางวัลทรงเกียรติ ได้แก่ รางวัล Outstanding CEO Awards 2024 และ Outstanding Company Performance Awards ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดระหว่าง 10,000-30,000 ล้านบาท โดยนายธนพันธุ์ คงนันทะ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม เป็นผู้รับมอบรางวัลจาก นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในพิธีมอบรางวัล           "รางวัลอันทรงคุณค่าทั้งสองรางวัลนี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จ แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจ สำหรับพนักงานอิชิตันทุกคน เรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มคุณภาพสูง ควบคู่ไปกับการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนร่วมกับสังคม ผ่านกระบวนการผลิตที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม" นายธนพันธุ์กล่าว           ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนให้เห็นการดำเนินธุรกิจของอิชิตัน กรุ๊ป ที่ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล การกำกับดูแลกิจการที่ดี และความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ มุ่งสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน