#ERW


ครม. อนุมัติมาตรการ Easy e-receipt  แจกเงินดิจิทัลเฟส 2 - ขยายเวลาลดภาษี ผับ บาร์

ครม. อนุมัติมาตรการ Easy e-receipt แจกเงินดิจิทัลเฟส 2 - ขยายเวลาลดภาษี ผับ บาร์

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.กรุงศรี เผย ครม. มีมติเห็นชอบแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 2 ให้กลุ่มผู้สูงอายุ, อนุมัติมาตรการ Easy e-receipt และขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิต ผับ บาร์ ไนต์คลับ อีก 1 ปี เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว บทวิเคราะห์มองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Domestic Play ที่จะได้ประโยชน์ อาทิ ค้าปลีก, ไฟแนนซ์, ร้านอาหาร และท่องเที่ยว (CRC, CPALL, SAWAD, CENTEL, ERW)

ERW โรงแรมฟื้นตัวแกร่ง โบรกปรับเป้าใหม่ปี 68 ที่ 5.20บ.

ERW โรงแรมฟื้นตัวแกร่ง โบรกปรับเป้าใหม่ปี 68 ที่ 5.20บ.

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ERW คาดการฟื้นตัวแข็งแกร่งใน 4Q67F และปี 2568F ฝ่ายวิเคราะห์ปรับประมาณกำไรและราคาเป้าหมายใหม่เป็นสิ้นปี 2568 คาดจะเห็นกำไรฟื้นตัวแข็งแกร่งจาก 4Q67F เป็นต้นไป           หากมองไปที่ 4Q67 เราพบว่า อัตราการเข้าพัก (OCR) ของโรงแรมแกรนด์ ไฮแอทเอราวัณฟื้นตัวได้โดยกลับสู่ระดับปกติที่ 85-87% ในเดือนพฤศจิกายน (เทียบกับ 60% ใน 3Q67และเดือนตุลาคม) ชี้เป็นนัยว่า OCR ของโรงแรมในกลุ่ม 5 ดาวปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (Average Daily Rate: ADR) ของโรงแรมกลุ่มนี้ก็ดีขึ้น 7% YoYในเดือนพฤศจิกายนด้วย ทั้งนี้มองว่าผลการดำเนินงานโดยรวมของกลุ่มโรงแรมน่าจะดีขึ้นจากอุปสงค์ในเดือนพฤศจิกายนแข็งแกร่งขึ้น ท่ามกลางอุปสงค์ในกลุ่ม MICE และบริษัทแข็งแกร่งเช่นกัน โดยที่ปัจจัยดังกล่าวนี้ น่าจะหนุนให้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ มากยิ่งขึ้น ส่วนอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่ไม่ใช่ Hop Inn น่าจะเร่งตัวขึ้นจาก 79% ใน 3Q67 สู่ระดับปกติราว 80-85% ในเดือนพฤศจิกายน นอกจากนี้โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ พัทยาได้ปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยไปแล้วเมื่อเดือนกันยายน ส่งผลให้อัตราการเข้าพักสูงขึ้นที่ 80% ในเดือนพฤศจิกายนพร้อมด้วย ADR สูงขึ้นอยู่ที่ 4,000 บาท (+10% จากระดับก่อนหน้า)แผนการปรับปรุงโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณและห้องแกรนด์บอลรูม สำหรับโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ           บริษัทวางแผนที่จะปรับปรุงห้องแกรนด์บอลรูมด้วยการทยอยปรับปรุงห้องพักไปทีละชั้นในช่วง 3Q68-4Q69 กรณีนี้อาจส่งผลต่ออัตราการเข้าพักราว 5% ขณะที่ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณยังอยู่ระหว่างการต่อสัญญาเช่าระยะยาวกับภาครัฐ ซึ่งผลสรุปในขั้นสุดท้ายจะใช้เวลาพอสมควรเนื่องจากที่ดินนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ปรับประมาณการกำไรปี 2567F และ 2568F ใหม่           เมื่อพิจารณาจากผลการดำเนินงานใน 9M67 รายได้ต่อห้องต่อคืน (RevPar) ของ ERW อยู่ที่ 1,487 บาทต่อคืน (OCR อยู่ที่ 79% และ ADR อยู่ที่ 1,876 บาทต่อคืน) ซึ่งสูงกว่าใน 9M66 (ที่ 1,417 บาทต่อคืน) ราว 5% ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรใหม่ในปี 2567-2568F เนื่องจากต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายภาษีสูงกว่าคาด ส่งผลให้เราคาดว่ากำไรสุทธิใหม่ของบริษัทปี 2567F จะเพิ่มจากเดิมเป็น 1,160 ล้านบาท ส่วนปี 2568F ลดลงจากเดิมอยู่ที่ 845 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการพิเศษต่าง ๆ แล้ว คาดกำไรปกติอยู่ที่ 793 ล้านบาทในปี 2567F และ 845 ล้านบาทในปี 2568F ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้น 1% ของ ADR จะส่งผลบวกต่อกำไรเพิ่มขึ้นราว 3% ขณะที่ค่าเช่าที่ดินเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาท จะกระทบกำไรราว 0.1% Valuation & Action           ยังคงแนะนำซื้อ ERW โดยประเมินราคาเป้าหมายใหม่เป็นสิ้นปี 2568 ที่ 5.20 บาท (อิงจาก EV/EBITDA ที่ 13.4x หรือเท่ากับ -0.75 S.D.) จากเดิม 5.65 บาท (อิงจากสิ้นปี 2567) โดยการสะท้อนถึงความเสี่ยงต่าง ๆจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากห้องพักโรงแรมและการปรับปรุงโรงแรมแกรนด์ ไฮแอทเอราวัณตามแผนที่วางไว้

ERWฤดูท่องเที่ยวมาแล้ว! รายได้โต - เข้าพักพุ่ง 80%

ERWฤดูท่องเที่ยวมาแล้ว! รายได้โต - เข้าพักพุ่ง 80%

      หุ้นวิชั่น - ERW ปีนี้คาดรายได้เติบโต 14-15% และคาดการณ์อัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ระดับ 80% พร้อมทั้งราคาห้องพักเติบโตเฉลี่ย 5-7% จากปี 2566 ลุยลงทุนโรงแรมบัดเจ็ท เพิ่มรายได้จากลูกค้าต่างประเทศ พร้อมปรับปรุงโรงแรม 3-5 ดาว สร้างการเติบโตระยะยาวอย่างมั่นคง มองท่องเที่ยวท้ายปี โตต่อ เข้าสู่ฤดูท่องเที่ยว จีน อินเดีย ยุโรปหนุน           นางสาวอภิญญา งามอภิชน  รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ ERW   ระบุในผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ถึง แผนธุรกิในภาพรวมปี 2567 บริษัทฯ ยังคงประมาณการเป้าหมายการเติบโตของรายได้อยู่ที่ร้อยละ 14-15 และคาดการณ์อัตราเข้าพักเฉลี่ยที่ระดับร้อยละ 80 พร้อมทั้งราคาห้องพักเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5-7 จากปี2566 โดยดำเนินการพัฒนาและขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องตามแผนระยะยาวที่วางไว้           บริษัทฯ มุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ทและเพิ่มสัดส่วนรายได้และกำไรที่เกิดจากฐานลูกค้าผู้ใช้บริการในต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตที่มีเสถียรภาพในระยะยาว ควบคู่กับการปรับปรุงโรงแรมระดับ 3-5 ดาว เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในประเทศไทยจำนวน 12 แห่ง           อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2567 ยังคงมีปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เช่น การผันผวนของค่าเงินบาท สภาวะเศรษฐกิจโลก สงครามระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และนโยบายของรัฐบาล บริษัทฯ จะติดตามปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิดและปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยคำนึงถึงสถานการณ์และสภาพคล่องของบริษัทฯ เป็นปัจจัยสำคัญ          อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2567 คาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยภาครัฐคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2567 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 35 ล้านคน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มนักท่องเที่ยวหลัก เช่น จีน อินเดีย และยุโรป รวมถึงการเพิ่มขึ้นของจำนวนเที่ยวบิน          ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีกระแสเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สินดำเนินงานจำนวน 1,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากสิ้นไตรมาส 3/2566 จากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ในไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีรายจ่ายเพื่อซื้อที่ดิน อาคาร อุปกรณ์ และสินทรัพย์ไม่มีตัวตน รวมทั้งสิ้นจำนวน 2,763 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เกิดจากการลงทุนในโครงการโรงแรมใหม่ และโรงแรมที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโรงแรมใหม่ตามแผนกลยุทธ์การเติบโตระยะยาว บริษัทฯ มียอดเงินสดคงเหลือจำนวน 1,241 ล้านบาท และมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จำนวน 6,105 ล้านบาท

ERW Q4 โตต่อ การท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่น หนุน โบรกแนะ

ERW Q4 โตต่อ การท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่น หนุน โบรกแนะ "Trading Buy" เป้าหมาย 4.30 บ.

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.กรุงศรี แนะนำ "Trading Buy" สำหรับ ERW ที่ราคาเป้าหมาย 4.30 บาท หลังจากการประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหารแสดงความมั่นใจต่อผลประกอบการใน 4Q24 โดยได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งทั้งในไทยและญี่ปุ่น การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ และโรงแรมฮอลิเดย์อินน์พัทยา นอกจากนี้ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะช่วยหนุน บทวิเคราะห์ยังคงประมาณการ FY24F ที่คาดว่าจะเติบโตทั้ง yoy และ qoq ปัจจุบัน ERW ซื้อขายที่ 24x PER 2025F และ 12x EV/EBITDA ซึ่งสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยในอดีต คงเป้าหมายรายได้เติบโต 14-15% ในปี 2024F 1. แนวโน้มที่ดีใน 4Q24F โดยเติบโตทั้ง yoy และ qoq เนื่องจากผู้บริหารเน้นย้ำถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในช่วงพฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นในตลาดไทยและญี่ปุ่น ตัวเลข QTD อัตราการเข้าพักของกลุ่มแตะ 80% ในขณะที่อัตราค่าห้องพักเฉลี่ย (ADR) อยู่ที่ 1,800 บาท แม้ว่า ADR จะลดลงเล็กน้อย yoy แต่ผู้บริหารคาดว่าอัตราจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปี โดยเฉพาะในกลุ่มโรงแรมหรู 2. ผู้บริหารยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปี 2024F ที่ 14-15% (เทียบกับ +11% ใน 9M24) โดย: i) การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการเพิ่มโรงแรม โดยเฉพาะโรงแรม 4 แห่งในญี่ปุ่น ii) โรงแรมฮอลิเดย์อินน์พัทยาที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเข้าพัก 80% และ ADR สูงกว่า 4,000 บาท (+10% เทียบกับก่อนปรับปรุง) iii) ปัจจัยหนุนตามฤดูกาลจากช่วงท่องเที่ยวไฮซีซั่น 3. ความคืบหน้าของแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ: i) อยู่ระหว่างการเจรจาสัญญาเช่าระยะยาวภายใต้สัญญา PPP ปัจจุบันบริษัทจ่ายค่าเช่ารายปี ii) วางแผนปรับปรุง (soft renovation) ใน 3Q25-4Q26 ด้วยงบประมาณประมาณ 500-600 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีผลกระทบต่อการดำเนินงานไม่มากเท่าการปรับปรุงครั้งก่อน iii) การฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของอัตราการเข้าพักหลังเหตุการณ์ โดยคาดว่าอัตราในเดือนพฤศจิกายนจะอยู่ที่ 85-87% และธันวาคมจะใกล้เคียงกับระดับปีก่อน 4. ERW จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง เนื่องจากมีหนี้สินปัจจุบัน 11 พันล้านบาท (อัตราส่วน IBD/E ที่ 1.5 เท่า) โดย 80% เป็นหนี้สกุลเงินบาท และทั้งหมดเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ผู้บริหารประมาณการว่าการลดลงของอัตราดอกเบี้ยจะช่วยประหยัดดอกเบี้ยจ่ายเดือนละ 1 ล้านบาท คงประมาณการผลประกอบการ แนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย 4.30 บาท - คาดว่าผลประกอบการจะมีการเติบโต qoq และ yoy ใน 4Q24F โดยกำไร 9 เดือนคิดเป็น 68% ของประมาณการกำไรปี 2567F ของเรา ดังนั้นเราจึงคงประมาณการปี 2024F - ยังคงคำแนะนำ "Trading Buy" ที่ราคาเป้าหมาย 4.30 บาท (อิงจาก DCF)

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

ERW ไตรมาส 3/67 กำไรที่ 124ล้าน นักท่องเที่ยวเพิ่มเติบโตหนุน

ERW ไตรมาส 3/67 กำไรที่ 124ล้าน นักท่องเที่ยวเพิ่มเติบโตหนุน

หุ้นวิชั่น - บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ไตรมาส 3/67 บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) มีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องจากกลยุทธ์ในการปรับอัตราค่าห้องพัก ประกอบกับแรงสนับสนุนจากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐ อาทิ ฟรีวีซ่า และจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 8.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากไตรมาส 3/66           ผลประกอบการก่อนรายการพิเศษในไตรมาสนี้ บริษัทฯ บันทึกรายได้รวมเท่ากับ 1,856 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/66 และบันทึกกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) เท่ากับ 553 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/66 โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 124 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/66 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงินจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยและยอดเงินกู้จากสถาบันการเงินเพื่อสนับสนุนการลงทุนของบริษัทฯ และค่าเสื่อมราคาจากการเปิดโรงแรมใหม่ในระหว่างกาล

บล.ทรีนีตี้ ชี้ High Season หนุน ERW “ซื้อเก็งกำไร” เป้า 5.6 บ.

บล.ทรีนีตี้ ชี้ High Season หนุน ERW “ซื้อเก็งกำไร” เป้า 5.6 บ.

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คาดกำไรสุทธิ ERW 3Q67 ที่ 115 ล้านบาทโดยมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ ปรับตัวลดลง 10% QoQ และ 22% YoY โดยการปรับตัวลดลงมาจากดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น โรงแรมกลุ่ม Economy Hotel ยังคงเป็นกลุ่มที่มีผลประกอบการเติบโตดีสุดในกลุ่ม โดยคาดมี RevPar ปรับตัวสูงขึ้น 14% YoY แต่กลุ่ม Luxury มี RevPar ปรับตัวลดลง 4% YoY คาด EBITDA Margin ใน 3Q67 อยู่ที่ 30% ใกล้เคียง 2Q67 และ 3Q66 แม้กำไรจากการดำเนินงานปกติ 9M67E จะคิดเป็น 63% ของคาดการณ์ทั้งปี แต่ยังคงคาดการณ์กำไรปี 2567 ที่ 836 ล้านบาท เติบโต 12.5% YoY โดย 4Q67 คาดกำไรจะเติบโต QoQ จากการเข้าสู่ High Season ของการท่องเที่ยวในประเทศไทยและญี่ปุ่น คงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ที่ราคาเป้าหมาย 5.60 บาท อิง Avg. EV/EBITDA ที่ 14x

มาตรการกระตุ้นเที่ยวไทย หักภาษี 2 เท่า หนุนหุ้นท่องเที่ยว AWC-ERW

มาตรการกระตุ้นเที่ยวไทย หักภาษี 2 เท่า หนุนหุ้นท่องเที่ยว AWC-ERW

          หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า มาตรการเที่ยวไทยไปต่อ (คาดจะให้นำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยว สัมมนา ประชุม) ในพื้นที่ประสบอุทกภัยมาหักลดหย่อนภาษีได้ โดยเบื้องต้นกำหนดที่ 2 เท่าของรายจ่าย มองบวกหุ้นอิงภาคท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนที่มีรายได้ในภาคเหนือที่เป็นพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมสูง คือ AWC (6% ของรายได้ ) ERW (3% ของรายได้) ที่มา : บล.กรุงศรี

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

บล.กรุงศรี คาด SET Index บ่ายนี้ผันผวนในกรอบ 1,460-1,475 จุด

บล.กรุงศรี คาด SET Index บ่ายนี้ผันผวนในกรอบ 1,460-1,475 จุด

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คาด SET Index บ่ายนี้ผันผวนในกรอบ 1,460-1,475 จุด โมเมนตัมรวมยังเป็นบวก หุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัวจะยังเป็นกลุ่มนำตลาด กลุ่ม ICT ยังเด่น กลุ่ม PTT และ PTTEP มีข่าวดี ไทย-กัมพูชาเตรียมเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ค้าปลีกและท่องเที่ยวทยอยสะสมก่อนเข้าสู่ high season โดยมี Top Pick บ่ายนี้ คือ ADVANC, CPALL และ ERW           SET Index ปิดตลาดภาคเช้าที่ 1,467.61 จุด +10.64 เปลี่ยนแปลง +0.73% ปรับขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ หุ้นที่ปรับตัวขึ้นเด่นเป็นหุ้น Big cap มีปัจจัยหนุนเฉพาะ อาทิ กลุ่มอิเล็กฯ (DELTA, CCET) ดีมานด์ชิ้นส่วนฯ ยังแกร่ง สะท้อนจากยอดขายของ TSMC ในไต้หวัน และ CCET เพิ่มขึ้นเด่นต่อเนื่อง กลุ่มสื่อสารดักเก็งงบ 3Q24 ผสานกับ INTUCH, GULF มีประเด็นควบรวมกิจการ ประเด็นน่าสนใจ ต่างประเทศ           ไทย-กัมพูชา: Bloomberg รายงานว่า ไทยและกัมพูชาเตรียมเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (OCA) ระหว่างไทยกับกัมพูชาอีกครั้ง เพื่อสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่ง คาดว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ (10 ล้านล้านบาท) แบ่งเป็นก๊าซธรรมชาติประมาณ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต และน้ำมันดิบประมาณ 300 ล้านบาร์เรล เรามองว่าเป็นจิตวิทยาบวกต่อผู้ผลิตและสำรวจฯ ในบ้านเรา คือ PTTEP และ PTT ซึ่งจะเป็น Growth story ในอนาคต ในประเทศ           ความเชื่อมั่น: ม.หอการค้า รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย. ปรับลงสู่ระดับ 55.3 จาก 56.5 ในเดือน ส.ค. ลดลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน จากปัญหาน้ำท่วมและสงครามตะวันออกกลางที่ยังยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะพลิกฟื้นตัวในเดือน ต.ค. หลังจากภาครัฐเริ่มแจกเงินให้กับกลุ่มเปราะบาง 1 หมื่นบาทต่อรายไปแล้ว เราคงน้ำหนัก Overweight ต่อกลุ่มค้าปลีกตามเดิม โดย Top Pick คือ CPALL, BJC, และ COM7

นทท.ต่างชาติ โต7.8% แนะนำสะสมหุ้นท่องเที่ยว AOT - ERW - AAV โดดเด่น

นทท.ต่างชาติ โต7.8% แนะนำสะสมหุ้นท่องเที่ยว AOT - ERW - AAV โดดเด่น

          หุ้นวิชั่น- ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงานว่า KSS Strategist Comment: TH Tourism Update นักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ล่าสุด (30 ก.ย. -6 ต.ค.) +7.8%w-w ตามผลบวก Golden Week ส่วนระยะถัดไปมองเร่งต่อจากปัจจัยหนุนฤดูกาลท่องเที่ยว ผสาน นักท่องเที่ยวจีนเร่งขึ้นตามสัญญาณ Flight Capacity จีนสู่ไทย แนะนำสะสม AOT, ERW, AAV, CPALL, BJC, ADVANC Key Ideas : นักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ล่าสุด 30 ก.ย. – 6 ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น +7.8%w-w อยู่ที่ 6.38 แสนคน สูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ เรามองเป็นผลบวกช่วง Golden Week ทั้งนี้ เราประเมินเป็นจุดเริ่มต้นก่อนฟื้นตัวช่วงปลายปี หนุนจาก การเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวต่อเนื่องยาวจากงวด 4Q24 – 1Q25 เริ่มเห็น Upside ของนักท่องเที่ยวจีน โดยปัจจุบันกำลังให้บริการต่อที่นั่ง ต่อ กม. (ASK) ของจีนเดินทางไปต่างประเทศ ณ 7 ต.ค. (หลัง Golden Week) แตะระดับ 75% ของ Pre-COVID ปรับเพิ่มมีนัยฯ 47%y-y นอกจากนี้ ระดับกำลังให้บริการต่อที่นั่ง ต่อ กม. (ASK) ของจีนเดินทางมาไทย ณ 7 ต.ค. สูง 68% ของ Pre-COVID เทียบกับยอดนักท่องเที่ยวจีน 8M24 ที่อยู่เพียง 63% ยิ่งสะท้อนภาพชัดเจน           Strategy: มองโมเมนตัมการฟื้นตัวภาคท่องเที่ยวทยอยชัดเจนขึ้น ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมค่อยๆคลายตัวลง และสถานการณ์ตะวันออกกลางยังเชื่อว่าจำกัดวงระหว่างคู่กรณี เชิงกลยุทธ์แนะนำสะสมหุ้นท่องเที่ยว+ภาคบริการที่คาดฟื้นตัวเด่นช่วงฤดูกาลต่อเนื่อง เน้น AOT(TP Con-68.9) ERW (TP Con-5.3) AAV (TP-2.86) CPALL (TP-77) BJC(TP-30) ADVANC (TP-300)

[PR News] ฮ็อป อินน์ จ่อ Spin-off  คาดยื่นไฟลิ่ง IPO ปี 2570

[PR News] ฮ็อป อินน์ จ่อ Spin-off คาดยื่นไฟลิ่ง IPO ปี 2570

          ฮ็อป อินน์ เครือข่ายโรงแรมบัดเจ็ทสัญชาติไทยที่มีสาขามากกว่า 70 โรงแรม จำนวนห้องพักรวมมากกว่า 7,000 ห้อง ครอบคลุม 3 ประเทศ ภายใต้การพัฒนาและบริหารของ บริษัท เอราวัณ ฮ็อป อินน์ จำกัด ในเครือ บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป หรือ ERW ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ตอบโจทย์นักเดินทางทุกประเภท ตั้งเป้าขยายเครือข่ายโรงแรมเพิ่มอย่างน้อย 3 ประเทศใหม่ ในเอเชียแปซิฟิก และเดินหน้าเป็นผู้นำเครือข่ายโรงแรมที่ครอบคลุมมากสุดในไทยมากกว่า 40 จังหวัด พร้อมแผนขยายสาขาในประเทศไทย ฟิลิปปินส์และญี่ปุ่น เพื่อครองใจและเพิ่มฐานลูกค้า ตั้งเป้ารายได้มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี(CAGR) มากกว่า 15% ปักธงในปี 2030 ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งเครือข่ายโรงแรมบัดเจ็ทที่ดีที่สุดในเอเชียแปซิฟิก           คุณพิชานันท์ บุญพร้อมกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายพัฒนาธุรกิจ กล่าวว่า "ปีนี้เป็นปีที่ 10 ของโรงแรมฮ็อป อินน์ ตลอด 10 ปี เราสามารถทำได้ตามแผนทั้งการขยายและการรักษาคุณภาพการบริการ เราตั้งเป้าที่ใหญ่และสำคัญในปี 2030 จะขึ้นเป็นเครือข่ายโรงแรมบัดเจ็ทที่ดีที่สุดในเอเซียแปซิฟิค เมื่อต้นปีที่ผ่านมาโรงแรมฮ็อป อินน์ ญี่ปุ่น เปิดให้บริการครบ 4 สาขา ในโตเกียวและเกียวโต โดยได้รับเสียงตอบรับที่ดีและเป็นการสร้างฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น จากหลายประเทศหลากหลายทวีป จึงทำให้เรามั่นใจว่าจะขยายเครือข่ายโรงแรมเพิ่มอย่างน้อยในอีก 3 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”           "เพื่อเพิ่มศักยภาพให้ฮ็อป อินน์ มีความพร้อมด้านการลงทุนตามแผนขยายระยะยาว แผนการ Spin-off ได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการ บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป มีการแยกส่วนบริหารงานและตั้งเป้าหมายแผนการทำงานของแต่ละปีอย่างชัดเจน ตอนนี้เราได้ Strategic partner คือ Lapis Hospitality Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่บริหารจัดการโดยกองทุน Lombard Asia V, L.P. เข้ารวมลงทุน 16.09% ที่ ฮ็อป อินน์ มูลค่า 700 ล้านบาท ซึ่งเป็น Partner ที่มีความสามารถประสบการณ์ด้านการลงทุนทั่วเอเชียแปซิฟิก เป็นการเสริมความพร้อมในการยกระดับโรงแรมฮ็อป อินน์ เพื่อก้าวสู่อันดับหนึ่งในเอเชียแปซิฟิก คาดการณ์ว่าจะยื่นเสนอบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2027 เพื่อให้สามารถนำหุ้นออกเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) เพื่อสนับสนุนแผนขยายงานระยะยาว ” คุณพิชานันท์ กล่าวเพิ่มเติม           คุณนลินี กฤษฎาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบริหารธุรกิจ กล่าวว่า “ฮ็อป อินน์ อยากทำให้ทุกการเดินทางของทุกคนง่ายขึ้น เราตั้งใจทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายทุกขั้นตอน หาง่าย จองง่าย พักสบาย ราคาเข้าถึงได้ เราให้ความสำคัญสูงสุดเรื่องความสม่ำเสมอในทุกมิติ ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีทั้งก่อนและหลังเข้าพักให้กับลูกค้า เรามีนโยบายที่เป็นเจ้าของและบริหารโรงแรมทั้งหมดเอง เพื่อรักษาคุณภาพให้ได้ 100% ของทั้งเครือ โดย 95% เป็นโรงแรมที่สร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ทุกโรงแรมมีความสม่ำเสมอ ทั้งด้านการออกแบบรูปลักษณ์ และมาตรฐานการบริการ ที่ไม่ว่าไปพักที่ประเทศใด สาขาไหน ไม่จะเป็นโรงแรมที่เพิ่งเปิด หรือเปิดบริการมา 10 ปี จะได้รับประสบการณ์เดียวกันทุกที่ ที่กล่าวมาข้างต้นมาจากความตั้งใจของทีมงานทุกคน ซึ่งสะท้อนคำมั่นสัญญาตลอด 10 ปี ที่มอบให้กับลูกค้า “Consistency is Yours" หรือ “ความสม่ำเสมอเป็นของคุณเสมอ” เราให้บริการลูกค้ามากกว่า 2.5 ล้านคนต่อปี ทีมงานทุกคนขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่มาเข้าพักกับเรา ฮ็อป อินน์ มีความพร้อมที่จะมอบการบริการที่ดีมีคุณภาพในทุกประเทศที่เราไปขยายและมั่นใจว่าแบรนด์จะเป็นที่ยอมรับในระดับสากล” กล่าวทิ้งท้าย

abs

Hoonvision

ERW กลุ่มทุนใหม่เข้าถือ EHI เพิ่มเครือข่ายโรงแรมบัดเจ็ท

ERW กลุ่มทุนใหม่เข้าถือ EHI เพิ่มเครือข่ายโรงแรมบัดเจ็ท

          หุ้นวิชั่น - บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“ERW”) แจ้งว่า บริษัท เอราวัณ ฮ็อป อินน์ จำกัด (“EHI”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่ดำเนินกิจการโรงแรมในกลุ่มบัดเจ็ทภายใต้แบรนด์ HOP INN ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นในเอเชียแปซิฟิก ได้เข้าทำสัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Share Subscription Agreement) (“สัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน”) กับ Lapis Hospitality Pte. Ltd. (“Investor”) ซึ่งเป็นบริษัทที่บริหารจัดการโดยกองทุน Lombard Asia V, L.P. เพื่อให้ Investor จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 57,534,247 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 16.09 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด เป็นจำนวนเงิน 700,000,000 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 12.17 บาทต่อหุ้น ในการนี้บริษัทฯ ได้เข้าทำสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น (Shareholders’ Agreement) (“สัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น”) เป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันนี้ ทั้งนี้ ธุรกรรมดังกล่าวจะบรรลุผลต่อเมื่อการดำเนินการต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ในสัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งรวมถึงการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขบังคับก่อน โดยกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน การเข้าทำธุรกรรมสัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนและสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นมีสาระสำคัญโดยสรุปดังนี้           EHI จะเริ่มดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยตั้งเป้าหมายที่จะยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป ทั้งนี้ขึ้นกับผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของ EHI ตลอดจนสภาวะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ไม่มีเงื่อนไขและข้อตกลงใด ๆ ในการที่บริษัทฯ จะรับซื้อหุ้นคืนจาก Investor EHI จะดำเนินการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (ESOP-Warrant) ในสัดส่วนไม่เกิน 4% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้ว ให้แก่ผู้บริหารและกรรมการของ EHI ในเวลาที่เหมาะสม โดยราคาใช้สิทธิจองซื้อไม่ต่ำกว่า 12.17 บาทต่อหุ้น การเข้าลงทุนใน EHI ของ Investor นี้จะช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจโรงแรมระดับบัดเจ็ทของบริษัทฯ ภายใต้แบรนด์ HOP INN ทั้งในประเทศไทยและในประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยจะก่อให้เกิดความร่วมมือในการแสวงหาโอกาสในการเติบโตขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ระยะยาวที่จะเป็นผู้นำเครือข่ายโรงแรมบัดเจ็ทในเอเชียแปซิฟิกได้ตามเป้าหมายที่ได้ประกาศไว้           ทั้งนี้ การเข้าทำรายการดังกล่าวไม่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน เนื่องจาก Lapis Hospitality Pte. Ltd. ไม่มีความสัมพันธ์และ/หรือเป็นบุคคลที่มีความเกี่ยวโยงกันกับบริษัทฯ และขนาดของรายการดังกล่าวเมื่อรวมรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ย้อนหลัง 6 เดือน มีขนาดรายการน้อยกว่าร้อยละ 15 ดังนั้น บริษัทฯ จึงไม่จำเป็นต้องจัดทำรายงานและเปิดเผยสารสนเทศเกี่ยวกับการเข้าทำรายการดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์แต่อย่างใด