ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#EGCO


EGCO ต่อสัญญา QPL ในฟิลิปปินส์ หนุนทุนแกร่ง แนะซื้อเป้า 130 บาท

EGCO ต่อสัญญา QPL ในฟิลิปปินส์ หนุนทุนแกร่ง แนะซื้อเป้า 130 บาท

            หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ระบุ EGCO แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวกับการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Supply Agreement: PSA) ฉบับใหม่ของโรงไฟฟ้าถ่านหิน Quezon (QPL) เป็นระยะเวลา 10 ปี และสามารถต่ออายุสัญญาเพิ่มได้อีก 5 ปี โดยมีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 400MW (คิดเป็นสัดส่วนราว 87% ของกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของโครงการ) Our Take ► โรงไฟฟ้า Quezon เป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินในฟิลิปปินส์ ขนาด 460MW ซึ่ง COD ตั้งแต่เดือน พ.ค. 2000 โดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเดิมที่ทำกับ Meralco (บริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจค้าปลีกไฟฟ้าในฟิลิปปินส์) จะสิ้นสุดในเดือน พ.ค. 2025 ทั้งนี้ บริษัทฯ จะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพ (Retrofit) ของโรงไฟฟ้าดังกล่าวในช่วง 3Q25 (จะใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า QPL เป็นหลัก และคาดใช้เงินลงทุนต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท ทำให้ไม่กระทบต่อกระแสเงินสดโดยรวม) เพื่อเตรียมขายไฟฟ้าตามสัญญาใหม่ในช่วง 4Q25 ► บริษัทฯ ได้มีการให้ข้อมูลว่าค่าไฟฟ้าของสัญญาฉบับใหม่จะอยู่ที่ราว 5.0-8.0 เปโซฟิลิปปินส์/หน่วย (ราว 2.90-4.70 บาท/หน่วย) จากเดิมที่ระดับ 8.0-10.0 เปโซฟิลิปปินส์/หน่วย (รวมรายได้จากค่าความพร้อมจ่ายแล้ว) ตามความต้องการไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ลดลง และจะขายไฟฟ้าให้กับผู้จำหน่ายไฟฟ้าขายปลีกรายใหญ่ในฟิลิปปินส์ ขณะที่ต้นทุนค่าเสื่อมราคามีแนวโน้มทรงตัวจากสัญญาฉบับก่อนหน้า ส่งผลให้คาดกำไรของโรงไฟฟ้า QPL มีโอกาสปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 700-1,000 ล้านบาท/ปี จาก 3,000-4,000 ล้านบาท/ปี บนสัญญาฉบับเดิม และต่ำกว่าที่เราประเมินไว้ก่อนหน้าที่ระดับ 1,000-1,500 ล้านบาท/ปี (ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ) ► เรามีมุมมองเป็นลบเล็กน้อยต่อการต่อสัญญาดังกล่าว เนื่องจากได้รับค่าไฟฟ้าต่ำกว่าที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม คาดหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวได้ในระยะกลาง-ยาว เนื่องจากการได้รับสัญญาฉบับใหม่จะส่งผลให้กระแสเงินสดของ EGCO มีความมั่นคงมากขึ้นและทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่อง (คาดมีการจ่ายเงินปันผลที่ราว 6.50 บาท/หุ้น/ปี) ► คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ที่ 130.00 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะยาว

EGCO Group ฉลุย! โรงไฟฟ้า Quezon ฟิลิปปินส์ คว้าสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่ 15 ปี

EGCO Group ฉลุย! โรงไฟฟ้า Quezon ฟิลิปปินส์ คว้าสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่ 15 ปี

               หุ้นวิชั่น - บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญของบริษัท เคซอน เพาเวอร์ (ฟิลิปปินส์) จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังความร้อน Quezon ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Supply Agreement - PSA) ฉบับใหม่ กำลังผลิต 400 เมกะวัตต์ ระยะเวลา 15 ปี กับผู้จำหน่ายไฟฟ้าขายปลีกรายใหญ่ในประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 ความสำเร็จดังกล่าวตอกย้ำบทบาทของโรงไฟฟ้า Quezon ที่มีเสถียรภาพสูงและจ่ายไฟฟ้าให้กับระบบไฟฟ้าของเกาะลูซอนมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนความสามารถในการสร้างรายได้ที่มั่นคงและสม่ำเสมอให้ EGCO Group ในอนาคต                ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group เปิดเผยว่า “โรงไฟฟ้า Quezon ประสบความสำเร็จในการได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่ ซึ่งเป็นสัญญาระยะยาว 15 ปี การได้รับสัญญา PSA นี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของโรงไฟฟ้า Quezon ในการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและความสามารถในการจำหน่ายไฟฟ้าในตลาดไฟฟ้าฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่อง โดย Quezon มีแผนหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าให้พร้อมทุกด้านสำหรับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าโรงไฟฟ้าจะสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ต่อไปได้อย่างราบรื่น และช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพให้กับระบบไฟฟ้าของเกาะลูซอนอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันโรงไฟฟ้า Quezon จะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงและสม่ำเสมอให้กับ EGCO Group ในระยะยาวด้วย”                ทั้งนี้ EGCO ถือหุ้น 100% ในโรงไฟฟ้าพลังความร้อน Quezon ตั้งอยู่ในเทศบาลเมืองเมาบัน จังหวัดเคซอน บนเกาะลูซอน ซึ่งมีจำนวนประชากรมากที่สุดในประเทศฟิลิปปินส์ โรงไฟฟ้าเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2543 ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว 25 ปี กับ Meralco และมีบทบาทช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วงที่ฟิลิปปินส์ยังขาดแคลนไฟฟ้า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โรงไฟฟ้า Quezon ให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม อย่างเกื้อกูลและยั่งยืน ด้วยการดำเนินโครงการส่งเสริมการศึกษาและการดูแลสุขภาพ ควบคู่กับการพัฒนาทักษะอาชีพและโครงสร้างพื้นฐานของชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ตลอดจนโครงการดูแลความหลากหลายทางชีวภาพ ได้แก่ โครงการอนุรักษ์เต่าทะเลและโครงการฟื้นฟูป่าชายเลน เป็นต้น

EGCO ทุ่มงบ 3 หมื่นลบ. รุกขยายพลังงานในปท.-ตปท.

EGCO ทุ่มงบ 3 หมื่นลบ. รุกขยายพลังงานในปท.-ตปท.

           หุ้นวิชั่น - EGCO รุกขยายธุรกิจพลังงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยวางงบลงทุนไว้ที่ 30,000 ล้านบาท พร้อมแสวงหาแนวทางธุรกิจใหม่ เพิ่มรายได้-กำไร            นางสาวจิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า ปี 2568 บริษัทตั้งเป้างบลงทุนไว้ที่ 30,000 ล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้า และธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปี 2567 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 10,587 ล้านบาท            ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมีโครงการสำคัญ ที่จะเข้ามาหนุนการเติบโตของรายได้ ได้แก่ โครงการ APEX ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมี 6 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 841 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะสามารถ COD ได้ในไตรมาส 1/68 จำนวน 5 โครงการ และไตรมาส 4/68 จำนวน 1 โครงการ             โครงการธุรกิจสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน CDI ในอินโดนีเซีย ซึ่งบริษัทได้ร่วมลงทุน 30% โดย CDI มีหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะธุรกิจด้านโลจิสติกส์ที่มีโอกาสขยายตัวสูง คาดว่าจะมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต             โครงการ Yunlin ในไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันสามารถเดินเครื่องเต็มกำลัง และสามารถรับรู้รายได้เต็มปี            โครงการ QPL ในฟิลิปปินส์ ที่กำลังดำเนินการต่อสัญญาในไตรมาสนี้ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง            ปัจจุบันบริษัทมีโรงไฟฟ้าจำนวน 42 แห่ง กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 6,608 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น 6,461 เมกะวัตต์ที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว และอีกอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ราว 147 เมกะวัตต์            นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาโอกาสในการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาพลังงานทางเลือกและเพิ่มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้า            สำหรับเป้าหมายในปี 2568-2560 กลยุทธ์ Triple P ยังคงเป็นแนวทางสำคัญของ EGCO GROUP โดยมีเป้าหมายหลัก คือ การลดการปล่อยคาร์บอนภายในปี 2573  ซึ่งเป็นเป้าหมายที่บริษัทดำเนินการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยังคงแสวงหาแนวทางธุรกิจใหม่ เพิ่มรายได้อย่างสม่ำเสมอ และรักษากำไรให้คงที่  โดยบริษัทจะให้ความสำคัญกับการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร การพัฒนาบุคลากร และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้มากขึ้น  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ

EGCO ปิดดีลขายหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock ออสเตรเลีย

EGCO ปิดดีลขายหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock ออสเตรเลีย

          บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ปิดดีลขายหุ้นทั้งหมด 100% ในบริษัท Boco Rock Wind Farm Pty Ltd (BRWF) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock กำลังผลิต 113 เมกะวัตต์ ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ให้แก่ Tilt Renewables บริษัทพลังงานหมุนเวียนในประเทศออสเตรเลีย           ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group เปิดเผยว่า “Millennium Energy B.V. (Millennium) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EGCO Group ถือหุ้นทั้งหมด ได้ดำเนินการขายหุ้นที่ถืออยู่ในสัดส่วน 100% ใน BRWF ให้แก่               Tilt Renewables เสร็จสมบูรณ์แล้ว ในวันที่ 7 มีนาคม 2568 เป็นผลให้ EGCO Group สิ้นสุดการเป็นผู้ถือหุ้นของ BRWF การขายหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Triple P” ด้านการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยนโยบายการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ (Asset Recycling) และนำเงินที่ได้จากการขายไปลงทุนใหม่ ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มและการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว”           EGCO Group ยังคงเดินหน้าเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งจากโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อบรรลุเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ของกำลังผลิตทั้งหมด ภายในปี 2573 [PR News]

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

EGCO คืนฟอร์ม! ปี 67 พลิกกำไร 5.4 พันลบ. เคาะจ่ายปันผล 3.25 บ./หุ้น

EGCO คืนฟอร์ม! ปี 67 พลิกกำไร 5.4 พันลบ. เคาะจ่ายปันผล 3.25 บ./หุ้น

          บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ประกาศผลการดำเนินงานปี 2567 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีกำไรจากการดำเนินงาน 9,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% และมีกำไรสุทธิ 5,412 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,796 ล้านบาท หรือ 165% เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ พร้อมเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเคาะจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลัง 3.25 บาท/หุ้น รวมปันผลทั้งปี 6.50 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนประมาณ 6%           ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group กล่าวว่า ในปี 2567 EGCO Group สามารถบริหารและจัดการการเดินเครื่องโรงไฟฟ้า ต้นทุนเชื้อเพลิง ต้นทุนทางการเงิน และสินทรัพย์ในทุกประเทศที่เข้าไปลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทรับรู้รายได้รวม 46,341 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน 9,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% และมีกำไรสุทธิ 5,412 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,796 ล้านบาท หรือ 165% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ EGCO Group มีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ได้แก่ Yunlin ในไต้หวัน มีปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในปัจจุบัน Yunlin ได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 80 ต้น รวมกำลังผลิต 640 เมกะวัตต์ เรียบร้อยแล้ว Quezon ในฟิลิปปินส์ มีปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น Nam Thuen 2 ใน สปป.ลาว มีรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยบวกสำคัญยังมาจากโรงไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ APEX ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ ที่รับรู้รายได้จากการขายโครงการเพิ่มขึ้น และกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ที่ EGCO Group เริ่มรับรู้รายได้จากการเข้าไปถือหุ้น 50% เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567           จากพื้นฐานธุรกิจที่มั่นคงและมีกระแสเงินสดสำหรับการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ทำให้ EGCO Group มีความสามารถใน    การจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังตอกย้ำนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ในฐานะหุ้นปันผล ที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (AGM) ประจำปี 2568 ให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2567 ในอัตรา 3.25 บาท/หุ้น หลังจากได้รับการอนุมัติจากที่ประชุม AGM ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 11 เมษายน 2568 จะทำให้ทั้งปี 2567 มียอดจ่ายเงินปันผลทั้งหมด 6.50 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนประมาณ 6% โดยมีกำหนด  จ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 เมษายน 2568           สำหรับการดำเนินงานในปี 2568 “EGCO Group เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ “Triple P” ที่มีเป้าหมายสร้างความแข็งแกร่ง 3 ด้าน ได้แก่ การเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรอย่างต่อเนื่อง การบรรลุเป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ และการปรับเปลี่ยนองค์กรในทุกมิติ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยมุ่งเน้นลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อเป้าหมาย Net Zero Carbon ผ่านการลงทุนทั้งรูปแบบการควบรวมและซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions - M&A) และการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ (Greenfield) ตลอดจนแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง โดยต่อยอดและเน้นการลงทุน ในประเทศที่มีฐานธุรกิจและพันธมิตรอยู่แล้ว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดไฟฟ้าและพลังงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงเป็นหนึ่งในฐานธุรกิจที่สำคัญของ EGCO Group ที่ได้เข้าไปลงทุนมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน EGCO Group มีโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาประมาณ 4 - 5 โครงการ รวมกำลังผลิตมากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนของการเจรจาและได้ข้อสรุปประมาณไตรมาสที่ 2 ของปีนี้” ดร.จิราพร กล่าวสรุป [PR News]

EGCO กางแผนปี 68 ทุ่มงบลงทุนกว่า 3 หมื่นลบ.  ลุยธุรกิจไฟฟ้าใน-ตปท.

EGCO กางแผนปี 68 ทุ่มงบลงทุนกว่า 3 หมื่นลบ. ลุยธุรกิจไฟฟ้าใน-ตปท.

          บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group กางแผนการดำเนินงานปี 2568 ทุ่มงบลงทุน 30,000 ล้านบาท ลุยขยายธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องทั้งในและต่างประเทศ มุ่งสร้างรายได้และกำไรให้เติบโตอย่างรวดเร็ว ภายใต้การขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ “Triple P” โดยเฉพาะการบริหารพอร์ตโฟลิโอให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยนโยบาย Asset Recycling เพื่อนำรายได้ไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มและการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะในประเทศที่ EGCO Group มีฐานธุรกิจและพันธมิตรอยู่แล้ว พร้อมเดินหน้าปักหมุดต่อยอดการลงทุนในสหรัฐอเมริกา และสานต่อการลงทุนภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง           ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group กล่าวว่า ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงาน การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (นายโดนัลด์ ทรัมป์) ที่คาดว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย การกีดกันทางการค้าที่รุนแรงขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลก ในปี 2568 จะเติบโตในระดับที่ไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ตาม นโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ให้เพิ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในประเทศ จะช่วยให้มีซัพพลายเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้ส่งผลดีต่อราคาค่าเชื้อเพลิงโลกที่จะลดลง นอกจากนี้ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะขยายตัวประมาณ 2.3% - 3.3% ซึ่งดีกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย โดยจากสถานการณ์ที่เป็นทั้งความท้าทายและเป็นทั้งโอกาสดังกล่าว ทำให้ในปี 2568 EGCO Group ปรับทิศทางและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ระยะ 3 ปี (ปี 2568-2570) โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรอย่างต่อเนื่อง และได้มีการปรับเปลี่ยนองค์กรในทุกมิติ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ด้วยกลยุทธ์ “Triple P” ได้แก่ Profitability and Performance Energizing เพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพทางการเงิน เพื่อดูแลอัตราส่วนหนี้สิน (Debt to EBITDA) และรักษาอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของบริษัท ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ถือหุ้นด้วยนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ Power and Energy-related Focus มุ่งเน้นลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ EGCO Group ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อเป้าหมาย Net Zero Carbon ผ่านการลงทุนทั้งรูปแบบการควบรวมและ ซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions - M&A) และการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ (Greenfield) ตลอดจนแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง โดยต่อยอดและเน้นการลงทุนในประเทศที่มีฐานธุรกิจอยู่แล้ว 8 ประเทศ ทั้งในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและในไทย เพราะเป็นตลาด ที่มีโอกาสและมีศักยภาพสูง ด้วยงบลงทุนปีละ 30,000 ล้านบาท Portfolio and People Management บริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมุ่งเน้นการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ (Asset Recycling) เพื่อนำรายได้ไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ และให้ความสำคัญกับ การสร้างความเป็นเลิศในกระบวนการดำเนินงาน (Operational Excellence) พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรและพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ดังเห็นได้จาก การที่ EGCO Group ขายหุ้นในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ RISEC สหรัฐอเมริกา และโรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock ออสเตรเลีย คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 7,000 ล้านบาท เมื่อเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา โดยบริษัทจะนำเงินไปใช้ลงทุนในโครงการใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงในอนาคตต่อไป สำหรับแผนการดำเนินงานและความก้าวหน้าของโครงการลงทุนต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ในปี 2568 ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของรายได้และกำไรของ EGCO Group อย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย การรับรู้รายได้เต็มปีจากการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration ส่วนขยาย กำลังผลิต 74 เมกะวัตต์ จ.ระยอง การรับรู้รายได้เต็มปีจากการเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass กำลังผลิตรวม 1,304 เมกะวัตต์ ในสหรัฐอเมริกา การรับรู้รายได้เต็มปีเป็นปีแรกจากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบสมบูรณ์ของโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin กำลังผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ ในไต้หวัน การรับรู้รายได้จากการขายโครงการพลังงานหมุนเวียนและการทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของ APEX ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 6 โครงการ กำลังผลิตรวม 841 เมกะวัตต์ ในสหรัฐอเมริกา การเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าใหม่ของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์ (หลังจากสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับปัจจุบันกับ Meralco ในเดือนพฤษภาคม 2568) กำลังผลิตรวม 400 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญา ซื้อขายไฟฟ้าใหม่ได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 EGCO Group มีความพร้อมสำหรับการลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศ RE Biglot รอบที่ 2 ในรูปแบบ Feed-in Tarff (FiT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงในส่วนพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ซึ่ง EGCO Group ได้รับการคัดเลือกก่อนหน้านี้แล้ว จำนวน 11 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 448 เมกะวัตต์ สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ EGCO Group ได้ลงทุนผ่าน APEX ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นโครงการเรือธง (Flagship) ที่จะผลักดันให้ EGCO Group บรรลุเป้าหมายการเพิ่ม RE เป็น 30% ในปี 2573 โดย APEX มีแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าจาก RE กว่า 56,000 เมกะวัตต์ จนถึงตอนนี้พัฒนาได้ราว 2,000 เมกะวัตต์ นอกจากนั้น ยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนในประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยที่มีความต้องการเพิ่ม RE ใน Portfolio อีกด้วย ในขณะที่การแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ในรูปแบบ M&A ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้สามารถรับรู้รายได้ทันที ปัจจุบัน EGCO Group มีโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาประมาณ 4-5 โครงการ รวมกำลังผลิตมากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ในประเทศที่มีฐานธุรกิจและมีพันธมิตรอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนของการเจรจาและได้ข้อสรุป ประมาณไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 สำหรับธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ในกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค ที่ดำเนินการผ่านบริษัท พีที จันทรา ดายา อินเวสตาสิ (PT Chandra Daya Investasi หรือ CDI) ในอินโดนีเซีย มีความก้าวหน้าในการดำเนินงานที่ชัดเจน โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการโซลาร์เซลล์บนทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar Farm) ในอ่างเก็บน้ำของธุรกิจผลิตและบำบัดน้ำครบวงจร กำลังผลิต 32 เมกะวัตต์ ซึ่งมีแผนจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2570 นอกจากนี้ CDI ยังมีแผนพัฒนาและขยายธุรกิจโลจิสติกส์เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ด้วยการซื้อเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ (Vessels) สำหรับขนส่งน้ำมัน ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติม           “EGCO Group เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่ากลยุทธ์ “Triple P” จะตอบโจทย์การสร้างรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง และส่งผลต่อการเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ด้วยการสร้างความสมดุลระหว่างโอกาสทางธุรกิจ ผลการดำเนินงานที่เป็นเลิศ (Operational Excellence) และการบรรลุเป้าหมายเป็นองค์กรที่มุ่งสู่ Net Zero Carbon ภายใต้การกำกับดูแลที่ดี ควบคู่กับการดำเนินงานที่จะดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม (ESG) ประกอบกับจุดแข็งของ EGCO Group ที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและการบริหารโครงการทั้งในและต่างประเทศมาอย่างยาวนาน รวมทั้งมีพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Partners) ที่เข้มแข็งและมีประสบการณ์ ตลอดจนมีความคุ้นเคยกับพื้นที่ในการพัฒนาโครงการ ที่จะช่วยส่งเสริม ขีดความสามารถในการแข่งขันได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังจะเป็นขุมกำลังในการผลักดันการสร้างรายได้และการเพิ่มกำไรของ EGCO Group อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี EGCO Group มุ่งมั่นตั้งใจในการดำเนินธุรกิจ และให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ถือหุ้นด้วยนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ” ดร.จิราพร กล่าวสรุป [PR News]

EGCO Group ขายหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock ออสเตรเลีย

EGCO Group ขายหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock ออสเตรเลีย

          หุ้นวิชั่น - บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ประกาศขายหุ้นทั้งหมดในสัดส่วน 100% ในบริษัท Boco Rock Wind Farm Pty Ltd (BRWF) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock กำลังผลิต 113 เมกะวัตต์ ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ให้แก่ Tilt Renewables ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานที่ทำธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนในประเทศออสเตรเลีย โดยการขายหุ้นครั้งนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ของ EGCO Group ที่มุ่งบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยแนวทางการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ (Asset Recycling) โดยรายได้จากการขายหุ้นนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกระแสเงินสดของ EGCO Group และจะนำไปใช้สำหรับการลงทุนในโครงการใหม่ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงในอนาคตและสร้างการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว           ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group เปิดเผยว่า “Millennium Energy B.V. (Millennium) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EGCO Group ถือหุ้นทั้งหมด ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับ Tilt Renewables เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 เพื่อขายหุ้นที่ถืออยู่ในสัดส่วน 100% ใน BRWF ให้แก่ Tilt Renewables โดยคาดว่าการขายหุ้น ครั้งนี้จะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 หลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้ EGCO Group สิ้นสุดการเป็นผู้ถือหุ้นของ BRWF           “การตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock ในประเทศออสเตรเลีย เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Triple P” ด้านการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุน ในส่วนของการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด (Asset Recycling) เพื่อนำรายได้ไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ ที่จะสร้างการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว โดย EGCO Group ยังคงเดินหน้าเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และทั้งจากโครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทางด้านพลังงาน โดยรายได้จากการขายหุ้นนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกระแสเงินสดของ EGCO Group และจะนำไปใช้สำหรับการลงทุนในโครงการใหม่ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงในอนาคต” ดร.จิราพร กล่าวเสริม           EGCO Group ได้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock ซึ่งมีกังหันลมจำนวน 67 ต้น รวมกำลังผลิตทั้งหมด 113 เมกะวัตต์ ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ในเดือนมิถุนายน 2556 โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในเดือนพฤศจิกายน 2557 ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว 15 ปี กับเอนเนอยี่ ออสเตรเลีย (EnergyAustralia Pty Ltd.)

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

EGCO ปลื้ม! Yunlin จ่ายไฟเข้าระบบครบ 640 MW รับรู้รายได้เต็มปี 2568

EGCO ปลื้ม! Yunlin จ่ายไฟเข้าระบบครบ 640 MW รับรู้รายได้เต็มปี 2568

          หุ้นวิชั่น - บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ประกาศความสำเร็จ Yunlin ในไต้หวัน สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 80 ต้น กำลังผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ เรียบร้อยแล้ว จากความสำเร็จดังกล่าวทำให้ Yunlin เป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน และจะทำให้ EGCO Group รับรู้รายได้จาก Yunlin เต็มปี 2568 เป็นปีแรก อีกทั้งสามารถจ่ายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้กับครัวเรือนไต้หวันได้มากกว่า 600,000 หลังคาเรือน ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 1.2 ล้านตันต่อปี นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างรายได้และเสริมความแข็งแกร่งของกระแสเงินสดให้ EGCO Group อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ “Triple P” ของ EGCO Group ที่มุ่งสร้างการเติบโตของรายได้อย่างยั่งยืน ควบคู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ            ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group เปิดเผยว่า “Yunlin ประสบความสำเร็จในการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 640 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือระหว่าง EGCO Group และพันธมิตร รวมถึงธนาคารผู้ให้กู้ทุกราย ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ตลอดจนรัฐบาลไต้หวันที่เป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จครั้งนี้ ผลสำเร็จดังกล่าวไม่เพียงช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด (Energy Transition) ในไต้หวัน แต่ยังช่วยสนับสนุนให้ EGCO Group บรรลุเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ภายในปี 2030 ตามกลยุทธ์ “Triple P” ที่มุ่งตอบโจทย์การเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ด้วยการสร้างความสมดุลระหว่างโอกาสทางธุรกิจ ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และการเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ”            EGCO Group ถือหุ้น 26.56% ใน Yunlin ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งแห่งแรกของ EGCO Group และช่วยเพิ่มกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนตามสัดส่วนการถือหุ้นให้ EGCO Group ประมาณ 170 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ คาดว่า Yunlin จะสร้างกระแสเงินสดให้ EGCO Group เฉลี่ย 2,000 ล้านบาทต่อปี ในช่วง 5 ปีแรกของการดำเนินโครงการเต็มรูปแบบ ยืนยันศักยภาพในการสร้างรายได้ในอนาคต            Yunlin ถือเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ด้วยศักยภาพการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาด 2,400 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ต่อปี ซึ่งสามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับภาคครัวเรือนไต้หวันมากกว่า 600,000 หลังคาเรือน คิดเป็น 90% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนทั้งหมดของมณฑลหยุนหลิน และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 1.2 ล้านตันต่อปี           โรงไฟฟ้า Yunlin ประกอบด้วยกังหันลม 80 ต้น กำลังผลิตต้นละ 8 เมกะวัตต์ กำลังผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบไต้หวัน และห่างจากชายฝั่งตะวันตกของมณฑลหยุนหลินในไต้หวันเป็นระยะทางประมาณ 8 - 17 กิโลเมตร ที่ระดับความลึกของน้ำทะเลในช่วง 7 – 35 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 82 ตารางกิโลเมตร โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี กับ Taipower (Taiwan Power Company)

EGCO ขาย RISECเป็นการตัดสินใจที่ดี รับรู้กำไรพิเศษที่ไตรมาส 1/2568

EGCO ขาย RISECเป็นการตัดสินใจที่ดี รับรู้กำไรพิเศษที่ไตรมาส 1/2568

          หุ้นวิชั่น - EGCO ได้แจ้ง SET ว่าได้ปิดดีลขายหุ้น 49% ใน RISEC ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ กำลังผลิต 609MW ในรัฐโรดไอแลนด์ สหรัฐอเมริกา (ขายไฟฟ้าให้ตลาด ISO-NE) ให้กับ Shell Energy North America (US), L.P. (SENA) เสร็จสมบูรณ์ หลังจากที่ได้ประกาศลงนามในสัญญาขายหุ้นเมื่อ ต.ค. 2024 ทั้งนี้ EGCO ได้ปิดดีลเข้าซื้อ RISEC ไปเมื่อ มี.ค. 2023 รวมระยะเวลาการถือประมาณ 21 เดือน ยังมองว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีและเห็นด้วยกับแผนการบริหารจัดการสินทรัพย์ของ EGCO ในครั้งนี้ เนื่องจาก RISEC เป็นสินทรัพย์ที่ขาดทุน โดยมีผลขาดทุนรวมตลอดเวลาที่ถือประมาณ 422 ล้านบาท ( จนถึง ก.ย. 2024) โดย EGCO จะรับรู้กำไรพิเศษเข้ามาในช่วง 1Q25 ซึ่งคาดว่าจะ cover ส่วนที่ขาดทุนทั้งหมดได้ในช่วงระยะเวลาการถือ 21 เดือนที่ผ่านมาได้           ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ ซ์้อ EGCO และมองว่ากำไรในปีนี้ยังเติบโตได้ 9% จากโครงการ yunlin รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าที่เหลือใน U.S. จากกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass โดยเฉพาะ Marcus Hook ขนาด 912MW ที่ได้อานิสงค์จากค้าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของตลาด PJM ที่มา : บริษัท หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

EGCO ปิดดีลขายหุ้นโรงไฟฟ้า RISEC ในสหรัฐฯ นำเงินต่อยอดลงทุนใหม่

EGCO ปิดดีลขายหุ้นโรงไฟฟ้า RISEC ในสหรัฐฯ นำเงินต่อยอดลงทุนใหม่

หุ้นวิชั่น - บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ปิดดีลขายหุ้น 49% ใน RISEC Holdings, LLC (RISEC) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง กำลังผลิต 609 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐโรดไอแลนด์ สหรัฐอเมริกา ให้กับ Shell Energy North America (US), L.P. (SENA) เสร็จสมบูรณ์ การขายหุ้นครั้งนี้สอดคล้องกับแนวทางการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ (Asset Recycling) เพื่อนำรายได้ไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ ที่จะสร้างการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว             ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group เปิดเผยว่า ตามที่ EGCO RISEC II, LLC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EGCO Group ถือหุ้นทั้งหมดและจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับ SENA และบริษัทย่อย 2 บริษัทของ Carlyle Group (Carlyle) ได้แก่ Cogentrix RISEC CPOCP Holdings, LLC และ Cogentrix RISEC CPP II Holdings, LLC เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 เพื่อขายหุ้นในสัดส่วน 49% ที่ถือใน RISEC ให้แก่ SENA ในขณะเดียวกัน Carlyle ก็ขายหุ้นของตนเองในสัดส่วน 51% ใน RISEC ให้แก่ SENA นั้น ทั้งนี้ การขายหุ้นดังกล่าว ได้ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568 เป็นผลให้ SENA เป็นเจ้าของ RISEC ในสัดส่วน 100% ในขณะที่ EGCO Group และ Carlyle ได้สิ้นสุดการเป็นผู้ถือหุ้นของ RISEC            “การขายหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้า RISEC เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Triple P” ด้านการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุน (Portfolio Management) ในส่วนของการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด (Asset Recycling) เพื่อนำรายได้ไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ ที่จะสร้างการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว โดย EGCO Group ยังคงเดินหน้าเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และทั้งจากโครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทางด้านพลังงาน โดยบริษัทมีแผนจะนำรายได้จากการขายหุ้นครั้งนี้ไปใช้สำหรับการลงทุนใหม่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว” ดร.จิราพร กล่าวเสริม            EGCO Group ได้ลงทุนในโรงไฟฟ้า RISEC ช่วงต้นปี 2566 ซึ่งโรงไฟฟ้าแห่งนี้จำหน่ายไฟฟ้าในตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้านิวอิงค์แลนด์ (ISO-NE) และทำสัญญาขายกำลังผลิตพร้อมจ่ายทั้งหมดและให้บริการเสริมความมั่นคงและระบบไฟฟ้า Blackstart กับ ISO-NE รวมทั้งได้ทำสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดและให้บริการเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าอื่น ๆ กับ SENA ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบรับจ้างแปลงพลังงาน (Energy Tolling Agreement)

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

GUNKUL-BGRIM ปลื้มได้ไฟเพิ่ม รัฐสั่งลุยไฟฟ้าทดแทน 2.1 พัน MW

GUNKUL-BGRIM ปลื้มได้ไฟเพิ่ม รัฐสั่งลุยไฟฟ้าทดแทน 2.1 พัน MW

          กกพ. ไฟเขียวผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 2,145 MW ด้าน GUNKUL กวาด 7 โครงการ 319 MW ดันกำลังการผลิตเพิ่ม ปักหมุดรายได้ทะลุ 10,000 ล้านบาท ส่วน EGCO คว้าสิทธิ 11 โครงการ 448 MW ฟาก BGRIM รับ 60 MW เสริมฐานพลังงานหมุนเวียน ส่วน EA ได้เพิ่ม 90 MW หนุนแผนขยายธุรกิจ จ่อทยอย SCOD ปี 2569-2573 โบรกมอง GUNKUL เด่นสุด เนื่องจากกำลังผลิตที่ได้รับคัดเลือกในรอบดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนราว 22% ของกำลังผลิตทั้งหมดในปัจจุบัน           สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ได้ประกาศรายชื่อผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมที่ได้รับการคัดเลือก ตามระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) พ.ศ. 2567 ซึ่งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานได้ประชุมเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 พิจารณาเห็นชอบผลการคัดเลือกผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมจำนวน 72 ราย ปริมาณพลังไฟฟ้าที่เสนอขายรวม 2,145.4 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นพลังงานลม จำนวน 8 ราย รวม 565.40 เมกะวัตต์ กำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ หรือ SCOD ตั้งแต่ปี 2571-2573 และพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน จำนวน 64 ราย รวม 1,580 เมกะวัตต์ กำหนด SCOD ตั้งแต่ 2569-2573           โดยมีการแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ให้การไฟฟ้าคู่สัญญาแจ้งให้ผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าทราบและยอมรับเงื่อนไขการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายใน 14 วันนับถัดจากวันที่สำนักงาน กกพ. ประกาศรายชื่อ และกลุ่มที่ 2 ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าที่มีรูปแบบการเชื่อมต่อสถานีไฟฟ้าเดียวกัน ตกลงรูปแบบการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าและค่าใช้จ่ายตามหลักการแบ่งปันสิ่งอำนวยความสะดวกร่วมกัน (Common Facilities Sharing) และยอมรับเงื่อนไขการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายใน 60 วัน นับถัดจากวันที่ประกาศผลการคัดเลือก           นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ในปี 2568 เชื่อว่ายังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปี 2567 เนื่องจากภาพรวมตลาดยังมีศักยภาพ ทั้งงานจากโครงการพลังงานทดแทนรอบใหม่ และงานของภาครัฐที่มีงบลงทุนด้านพื้นฐานเพิ่มเติมตามความต้องการใช้ไฟฟ้า โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากประมาณการรายได้ปี 2567 ที่คาดว่ารายได้รวมจะเติบโตตามเป้า 15% จากปีก่อน ซึ่งปัจจุบันถือว่าใกล้เคียงแล้ว หลัก ๆ การเติบโตยังคงมาจากการรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) และเทรดดิ้งอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า           ทั้งนี้ ปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้างานในมือจากธุรกิจ EPC ไว้ที่ประมาณ 4,500 ล้านบาท ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าวางเป้ากำลังการผลิตเติบโต 35% ใน 2 ปีข้างหน้า หรือเพิ่มประมาณ 100-150 เมกะวัตต์ต่อปี จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่กว่า 1,500 เมกะวัตต์           โดยล่าสุดสำนักงาน กกพ. ได้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคัดเลือกรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเฟส 2 กำลังการผลิตที่เสนอขายรวม 2,145 เมกะวัตต์ ซึ่งกลุ่มบริษัทย่อยที่ GUNKUL ถือหุ้นทางตรงผ่านบริษัท กันกุล วิน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และบริษัท กันกุล วัน เอ็นเนอร์ยี 9 จำกัด ได้รับการคัดเลือกรวมทั้งสิ้น 319 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นพลังงานลม 284 เมกะวัตต์ และโซลาร์กำลังการผลิต 35 เมกะวัตต์ โดยจะทยอย COD ตั้งแต่ปี 2570-2573 ส่งผลทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเพิ่มเป็นประมาณ 1,800 เมกะวัตต์ ซึ่งเป้าหมายของบริษัทฯ คือการมีเมกะวัตต์สะสมเพิ่มเป็น 2,000 เมกะวัตต์ในปี 2569 นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ดำเนินการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องอยู่หลายโครงการ ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มและโรงไฟฟ้าพลังงานลม           ขณะที่โครงการพลังงานหมุนเวียนจำนวน 832 เมกะวัตต์ ทั้งโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มและโรงไฟฟ้าวินด์ฟาร์ม ที่ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ไปก่อนหน้านี้ จะทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ตั้งแต่ปี 2569-2573 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในส่วนนี้ประมาณ 38,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ยังมีเงินลงทุนเพียงพอ และปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนยังอยู่ในระดับต่ำ พร้อมรองรับการเติบโตในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง           “ตามที่ได้มีการประกาศรายชื่อผู้ที่ได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นนั้น ทำให้บริษัทในกลุ่มของ GUNKUL ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการขายสินค้าในระบบอุปกรณ์ไฟฟ้าและรับเหมาก่อสร้างจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมไปด้วย โดยเฉพาะงานรับเหมาก่อสร้างที่จะได้รับโอกาสทำสายส่งไฟฟ้าและสถานีไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังมองว่าในอนาคตหากประเทศไทยมุ่งไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและต้องการมีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น GUNKUL ก็ยังมีโอกาสในการที่จะเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานภาครัฐเพิ่มขึ้น รวมถึงภาคเอกชนที่ตอนนี้ก็หันมาใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์เพิ่มมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ธุรกิจโซลาร์ที่เป็น Private PPA ของ GUNKUL จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน” นางสาวโศภชา กล่าวในที่สุด           ส่วน บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ผ่านการคัดเลือกกว่า 60 เมกะวัตต์ ขณะที่ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผ่านการคัดเลือก 90 เมกะวัตต์           บล. หยวนต้า ระบุว่า โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น บริษัทในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ได้รับคัดเลือกมากที่สุดคือ EGCO (ได้รับคัดเลือก 11 โครงการ ขนาดรวม 448 MW และเป็นโครงการแสงอาทิตย์ทั้งหมด) ตามมาด้วย GUNKUL (ได้รับคัดเลือก 7 โครงการ ขนาดรวม 319 MW แบ่งออกเป็นโครงการลม 4 โครงการ ขนาดรวม 284 MW และโครงการแสงอาทิตย์ 3 โครงการ ขนาดรวม 35 MW) มองว่าหุ้นที่ได้ประโยชน์ชัดเจนที่สุดคือ GUNKUL (TP@3.90) เนื่องจากกำลังผลิตที่ได้รับคัดเลือกในรอบดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนราว 22% ของกำลังผลิตทั้งหมดในปัจจุบัน (ทั้งที่ COD แล้วและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง)

EGCO เดินหน้ากลยุทธ์ 'Triple P' ทุ่มงบ 30,000 ล้าน/ปี มุ่งสู่ Net Zero ในปี 2593

EGCO เดินหน้ากลยุทธ์ 'Triple P' ทุ่มงบ 30,000 ล้าน/ปี มุ่งสู่ Net Zero ในปี 2593

          EGCO Group ประกาศขับเคลื่อนองค์กรภายใต้กลยุทธ์ “Triple P” ระยะ 3 ปี (ปี 2568-2570) มุ่งเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และกำไร เน้นลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ด้วยงบลงทุนปีละ 30,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ของกำลังผลิตทั้งหมด เป้าหมายระยะกลาง ภายในปี 2583 มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และเป้าหมายระยะยาว ภายในปี 2593 จะบรรลุการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon)           ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group เปิดเผยว่า ในยุคของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน EGCO Group ได้ทบทวนและปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจระยะ 3 ปี (ปี 2568-2570) โดยมีเป้าหมายสร้างความแข็งแกร่ง 3 ด้าน ได้แก่ การเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรอย่างยั่งยืน การบรรลุเป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ และการปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวนี้จะขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ “Triple P” 3 ด้าน ได้แก่ • Profitability and Performance Energizing เพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพทางการเงิน เพื่อดูแลอัตราส่วนหนี้สินและรักษาอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ถือหุ้น ด้วยนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ • Power and Energy-related Focus เน้นลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักและรากฐานความแข็งแกร่งของ EGCO Group ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ผ่านการลงทุนทั้งรูปแบบ M&A และ Greenfield ตลอดจนแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง โดยต่อยอดการลงทุนในประเทศที่มีฐานธุรกิจอยู่แล้ว 8 ประเทศ ด้วยการตั้งงบลงทุนปีละ 30,000 ล้านบาท • Portfolio and People Management บริหารจัดการพอร์ตการลงทุนและทรัพยากรบุคคลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมุ่งเน้นสร้างความเป็นเลิศในกระบวนการดำเนินงาน (Operational Excellence) ให้ความสำคัญกับการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์เพื่อนำรายได้ไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ (Asset Recycling) ที่จะสร้างการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในระดับสากล ตลอดจนปรับปรุงกระบวนการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในกระบวนการต่าง ๆ เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต           “EGCO Group” เชื่อมั่นว่า กลยุทธ์ “Triple P” จะตอบโจทย์การเติบโตขององค์กรอย่างอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ด้วยการสร้างความสมดุลระหว่างโอกาสทางธุรกิจ ผลการดำเนินงานที่แข็งแรงอย่างต่อเนื่อง และการบรรลุเป้าหมายเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ ทั้ง 3 ระยะ ได้แก่ เป้าหมายระยะสั้น ภายในปี 2573 เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ของกำลังผลิตทั้งหมด เป้าหมายระยะกลาง ภายในปี 2583 มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และเป้าหมายระยะยาว ภายในปี 2593 จะบรรลุการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon)” ดร.จิราพร กล่าว           สำหรับการดำเนินงานในปี 2568 ECGO Group เดินหน้าลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องอย่างต่อเนื่อง ด้วยการตั้งงบลงทุน 30,000 ล้านบาท การเติบโตทางธุรกิจในปีหน้าจะมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากโครงการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ การรับรู้รายได้เต็มปีจากการเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ในสหรัฐอเมริกา และจากการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration ส่วนขยาย จ.ระยอง การรับรู้รายได้จากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ในไต้หวัน การรับรู้รายได้จากการขายโครงการพลังงานหมุนเวียนและการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของ APEX ในสหรัฐอเมริกา การเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าใหม่ของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์ ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสปิดดีลโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในรูปแบบ M&A ทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลักและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ทันที           ดร.จิราพร ยังกล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 และ 9 เดือนของปี 2567 ว่า “ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงาน 3,604 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,463 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ในขณะที่ 9 เดือนแรกของปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงาน 7,014 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,518 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนมาจากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ และกลุ่มโรงไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ EGCO Group ยังสามารถผลักดันโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้มีความก้าวหน้าตามเป้าหมาย โดยเฉพาะ Yunlin ที่ติดตั้งเสากังหัน (Monopiles) และกังหันลม (Wind Turbine Generators - WTGs) ครบ 80 ต้น เรียบร้อยแล้ว และได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้วทั้งสิ้น 68 ต้น คิดเป็นกำลังผลิต 544 เมกะวัตต์ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 640 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้” [PR News]

EGCO โชว์กำไร Q3/67 กว่า 3,600 ลบ. แรงหนุนจากกลุ่มโรงไฟฟ้าต่างประเทศ

EGCO โชว์กำไร Q3/67 กว่า 3,600 ลบ. แรงหนุนจากกลุ่มโรงไฟฟ้าต่างประเทศ

          หุ้นวิชั่น - บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงาน 3,604 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,463 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ในขณะที่ 9 เดือนแรกของปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงาน 7,014 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,518 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนมาจากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ และกลุ่มโรงไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ EGCO Group มั่นใจจะสามารถปิดจ๊อบ Yunlin พร้อมจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 640 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้ ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group เปิดเผยว่า “ภาพรวมการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 EGCO Group ได้สร้างการเติบโตทางธุรกิจควบคู่กับการบริหารการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่อยู่ใน Portfolio อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการลงทุนในสหรัฐอเมริกา ตลอดจนสามารถผลักดันโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้มีความก้าวหน้าตามเป้าหมาย โดยเฉพาะ Yunlin โรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งในไต้หวัน ที่ติดตั้งเสากังหัน (Monopiles) และกังหันลม (Wind Turbine Generators - WTGs) ครบ 80 ต้น เรียบร้อยแล้ว และได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้วทั้งสิ้น 67 ต้น คิดเป็นกำลังผลิต 536 เมกะวัตต์ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 640 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้” สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 EGCO Group มีรายได้รวม 12,354 ล้านบาท ในขณะที่มีกำไรจากการดำเนินงาน 3,604 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากผลประกอบการของโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ ได้แก่ Paju ES ในเกาหลีใต้ Nam Thuen 2 ใน สปป.ลาว และ Quezon ในฟิลิปปินส์ โดยในไตรมาสนี้ EGCO Group มีกำไรสุทธิ 2,463 ล้านบาท ด้านผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2567 EGCO Group มีรายได้รวม 35,225 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน 7,014 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 5,518 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยสนับสนุนหลักนอกจากโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ ได้แก่ Paju ES ในเกาหลีใต้ Nam Thuen 2 ใน สปป.ลาว และ Quezon ในฟิลิปปินส์ แล้ว ยังเสริมด้วยโรงไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ Linden Cogen และ Compass ตลอดจน APEX ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ ที่รับรู้รายได้จากการขายโครงการ “ผลประกอบการของ EGCO Group ดังกล่าว สะท้อนถึงศักยภาพของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดไฟฟ้าและพลังงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงเป็นหนึ่งในฐานธุรกิจที่สำคัญของ EGCO Group โดยบริษัทยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน และธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง โดยมีข้อได้เปรียบจากการมีพันธมิตรที่เข้มแข็ง แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทที่ “มุ่งมั่นเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน” ดร.จิราพร กล่าว เกี่ยวกับ EGCO Group ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 EGCO Group มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 7,019 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,463 เมกะวัตต์ (คิดเป็น 21% ของกำลังผลิตทั้งหมด) ทั้งจากชีวมวล พลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมทั้งบนบกและนอกชายฝั่ง เซลล์เชื้อเพลิง และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ บริษัท เอ็กโก เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด “ESCO” ให้บริการงานเดินเครื่อง บำรุงรักษา วิศวกรรม ก่อสร้าง อนุรักษ์พลังงาน และการฝึกอบรมแก่โรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ บริษัทโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค “CDI” ในอินโดนีเซีย ระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “TPN” โครงการนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง “ERIE” บริษัทด้านการวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรม “Innopower” และบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงิน “Peer Power” ทั้งนี้ EGCO Group ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน Dow Jones Sustainability Index (DJSI) มา 4 ปีต่อเนื่อง (2563-2566) สามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับ EGCO Group เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.egco.com และ www.facebook.com/EGCOGroup

abs

ออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่ายและระบบสื่อสารอย่างครบวงจร

EGCO ขายหุ้น 49% ใน RISECปรับพอร์ตลงทุน หาโอกาสโตระยะยาว

EGCO ขายหุ้น 49% ใน RISECปรับพอร์ตลงทุน หาโอกาสโตระยะยาว

          บริษัท ผลิตไฟฟ้า จํากัด (มหาชน) หรือ EGCO ใคร่ขอเรียนให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทราบว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 EGCO RISEC II, LLC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EGCO ถือหุ้นทั้งหมดและ จดทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับ Shell Energy North America (US). L.P.(“SENA”) Cogentrix RISEC CPOCP Holdings, LLC และ Cogentrix RISEC CPP II Holdings, LLC ซึ่งสองบริษัทหลังเป็นบริษัทย่อยของ Carlyle Group (รวมเรียกว่า “Carlyle”) เพื่อขายเงินลงทุนของ EGCO RISEC II,LLC ในสัดส่วนร้อยละ 49 ใน RISEC Holdings, LLC (“RISEC”) ให้แก่ SENA (“การเข้าทํารายการ”) ในขณะเดียวกัน Carlyle จะขายหุ้นของตน ในสัดส่วนร้อยละ 51 ให้แก่ SENA ดังนั้น หากการทํารายการดังกล่าวแล้วเสร็จ SENA จะเป็นเจ้าของ RISEC ในสัดส่วนร้อยละ 100 ในขณะที่ EGCO และ Carlyle จะสิ้นสุดการเป็นผู้ถือหุ้นของ RISEC การเข้าทํารายการดังกล่าวได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท ในการประชุมครั้งที่ 11/2567เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 โดยคาดว่าจะดําเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 หลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกํากับดูแลที่เกี่ยวข้องการขายเงินลงทุนในครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์การบริหารพอร์ตการลงทุนของ EGCO ซึ่งทําให้ EGCO สามารถนํารายได้จากการเข้าทํารายการ เพื่อแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ที่จะสร้างความเติบโตให้แก่ EGCO ในระยะยาว อีกทั้งยังสอดคล้องกับวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ของบริษัท RISEC เป็นเจ้าของ Rhode Island State Energy Center, LP ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงขนาด 609 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่เมืองจอห์นสตัน รัฐโรดไอแลนด์ สหรัฐอเมริกา โรงไฟฟ้า RISEC จําหน่ายไฟฟ้าในตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้านิวอิงแลนด์ (ISO-NE) และ ทําสัญญาขายกําลังการผลิตพร้อมจ่ายทั้งหมดและให้บริการเสริมความมั่นคงและระบบไฟฟ้า blackstart กับ ISO-NE อีกทั้งโรงไฟฟ้าแห่งนี้ได้ทําสัญญาจําหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดพร้อมทั้งให้บริการเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าอื่น ๆ กับ SENA ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบรับจ้างแปลงพลังงาน (Energy Tolling Agreement)           การเข้าทํารายการดังกล่าวไม่ใช่รายการเกี่ยวโยงกัน และไม่เข้าข่ายที่ต้องรายงานสารสนเทศ ตามหลักเกณฑ์การทํารายการที่มีนัยสําคัญในการได้มาหรือจําหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน โดยเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทนที่ได้รับ เปรียบเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์รวมของบริษัท ตามงบการเงินของ EGCO ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีขนาดน้อยกว่าร้อยละ 15 จึงไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลตามหลักเกณฑ์ขั้นตอน และการเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศการทํารายการที่มีนัยสําคัญในการได้มาหรือจําหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตาม รายการดังกล่าวเป็นการรายงานในกรณีที่บริษัทยกเลิกการเข้าร่วมทุนกับบริษัทอื่นโดยสัดส่วนของการยกเลิกร่วมทุนตั้งแต่ร้อยละ 10 ของทุนที่ชําระแล้วของบริษัทร่วมทุน

EGCO ติดตั้งกังหันลม Yunlin จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ 640 MW สิ้นปีนี้

EGCO ติดตั้งกังหันลม Yunlin จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ 640 MW สิ้นปีนี้

          บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group เฮลั่น! แจ้งความก้าวหน้าของ Yunlin โรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งในไต้หวัน ติดตั้งกังหันลม (Wind Turbine Generators - WTGs) ครบ 80 ต้น เรียบร้อยแล้ว ลุยเชื่อมระบบจ่ายไฟฟ้าครบทุกต้น กำลังผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ สิ้นปีนี้           ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group เปิดเผยว่า “การก่อสร้าง Yunlin มีความก้าวหน้าตามแผนงานอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ติดตั้งกังหันลมซึ่งทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าครบทั้งหมด 80 ต้น เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้วางสายเคเบิลเพื่อจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว 78 เส้น จาก 81 เส้น ความก้าวหน้าของ Yunlin เป็นผลมาจากความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการบริหารโครงการและการวางแผนการก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการสนับสนุนของรัฐบาลไต้หวันและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องในทุกด้าน EGCO Group มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า Yunlin จะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบทั้งหมดสิ้นปีนี้ เมื่อโครงการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์คาดว่าจะสร้างกระแสเงินสดให้ EGCO Group เฉลี่ย 2,000 ล้านบาทต่อปี ในช่วง 5 ปีแรกของการดำเนินโครงการ”           EGCO Group ถือหุ้น 26.56% ในโครงการ Yunlin กำลังผลิตสุทธิรวม 640 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบไต้หวัน ห่างจากชายฝั่งทะเลทางตะวันตกของมณฑลหยุนหลิน ในไต้หวัน เป็นระยะทางประมาณ 8-30 กิโลเมตร และครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 90 ตารางกิโลเมตร โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี กับ Taipower (Taiwan Power Company) ปัจจุบันกังหันลมที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วได้จ่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าไต้หวันแล้วมากกว่า 1,600 กิกะวัตต์ชั่วโมง เมื่อโครงการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์จะสามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับครัวเรือนไต้หวันได้มากกว่า 600,000 หลังคาเรือน [PR News]

พฤอา
242526272812345678910111213141516171819202122232425262728293031123456