#DUSIT


‘กลุ่มดุสิตธานี’ ปักหมุดรุกมาเลเซียครั้งแรก ดีเดย์ 7 ธ.ค.นี้

‘กลุ่มดุสิตธานี’ ปักหมุดรุกมาเลเซียครั้งแรก ดีเดย์ 7 ธ.ค.นี้

          หุ้นวิชั่น - ประเทศมาเลเซีย 4 ธันวาคม 2567 : กลุ่มดุสิตธานี ประกาศเปิดตัว โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส มะละกา ที่พร้อมให้บริการในวันที่ 7 ธันวาคม 2567  เผยเป็นโรงแรมแห่งแรกของเครือดุสิตธานีในประเทศมาเลเซีย โดย โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส มะละกา ตั้งอยู่ในทำเลที่ยอดเยี่ยมใจกลางมะละกา ซึ่งได้รับยกย่องจากยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกในด้านวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของกลุ่มดุสิตธานีในการเข้าสู่ตลาดมาเลเซีย           มร.จิลล์ เครตัลเลช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานีมีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัว โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส มะละกา ซึ่งถือเป็นโรงแรมแห่งแรกของเครือดุสิตธานีในมาเลเซีย ที่พร้อมนำเสนอบริการอันอบอุ่นแบบไทย โดยถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการผสมผสานระหว่างความสะดวกสบาย และงานบริการที่จริงใจภายใต้มาตรฐานดุสิตธานี ซึ่งมั่นใจว่า โรงแรมแห่งนี้จะได้รับการต้อนรับจากนักเดินทาง ทั้งเพื่อธุรกิจและเพื่อการพักผ่อน ด้วยจุดเด่นหลายประการที่กลุ่มดุสิตธานีภูมิใจนำเสนอ เพื่อสร้างประสบการณ์การเข้าพักที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเดินทางทุกคน [PR News]

DUSIT คาดพลิกกำไรรอบ 7 ปี ท่องเที่ยวหนุน แนะ

DUSIT คาดพลิกกำไรรอบ 7 ปี ท่องเที่ยวหนุน แนะ "ซื้อ" ให้เป้า 16 บ.

         หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มอง คงมุมมองบวกต่อ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) คาดหวัง Upside ต่อประมาณการปี 2567-68** ฝ่ายวิเคราะห์เข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์และมีมุมมองเป็นบวก สรุปประเด็นสำคัญดังนี้ ► ผู้บริหารให้แนวโน้มธุรกิจโรงแรมใน 4Q67 เติบโตดี YoY สำหรับโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ (เปิดปลาย 3Q67) ปัจจุบันอัตราการเข้าพัก (Occ. Rate) อยู่ที่ราว 60% และ ADR เฉลี่ยที่ 10,000 บาท/คืน สะท้อนการ Ramp-up ที่ทำได้ดีสำหรับโรงแรมใหม่ ด้านค่าใช้จ่าย Pre-Operating จะรับรู้ใน 4Q67 อีกราว 20 ล้านบาท เพราะค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ถูกรับรู้ไปมากแล้วใน 3Q67 (~80 ล้านบาท) ► ต้นเดือน พ.ย. 67 บริษัทลงนามกับ Strategic Partner “Greenhouse” บริษัทชั้นนำด้านอาหารจากญี่ปุ่นที่เข้าลงทุน 20% ใน Epicure Catering (Dusit Foods ถืออยู่ 70%) ซึ่งสร้างโอกาสการเติบโตในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่น โรงพยาบาล และสายการบิน ต่อยอดจากปัจจุบันที่ Epicure Catering ให้บริการในกลุ่มโรงเรียนนานาชาติ ► กลางเดือน พ.ย. 67 บจ. วิมานสุริยา (บริษัทย่อย) ได้ส่งมอบ Bare Shell (โครงสร้างตึก) ของธุรกิจ Retail ให้กับ CPN เพื่อทำการตกแต่งภายใน คาดรายการดังกล่าวจะรับรู้เป็นกำไรในงบ 4Q67 ของ DUSIT ราว 250-300 ล้านบาท (คิดบนสมมติฐานรายได้การโอน Bare Shell ที่ 4,000 ล้านบาท, NPM ที่ 10% และ DUSIT ถือบริษัทย่อย 70%) ► บริษัทคงเป้ารายได้รวมปี 2567 เติบโต 18-20% YoY และ EBITDA Margin ที่ 14-15% ซึ่งใกล้เคียงกับประมาณการของเรา แบ่งตามธุรกิจดังนี้: 1) ธุรกิจโรงแรม: คงเป้าหมายรายได้ +18-20% YoY จากการเติบโตของ RevPar และการกลับมาเปิดให้บริการโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ 2) ธุรกิจการศึกษายังเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ เพื่อช่วยชดเชยผลขาดทุนช่วงเริ่มต้นของ The Food School 3) ธุรกิจอาหาร: คงเป้ารายได้ +20-25% YoY เติบโตเด่นจากธุรกิจ Catering และร้าน Bakery 4) ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ: การก่อสร้างส่วนที่เหลือของโครงการ Dusit Central Park (DCP) คืบหน้าตามแผน ตึก Office และ Retail คาดเปิดใน 3Q68 ส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ Residence จะเริ่มปลายปี 2568 ► โครงการ Residence ปัจจุบันขายไปแล้ว 83% คาดภายในสิ้นปี 2567 จะขายได้ตามเป้า 85% และเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ช่วง 4Q68-2Q69 โดยผู้บริหารคาดจะโอนกรรมสิทธิ์ได้ครบทั้งโครงการภายใน 2H69 ซึ่งดีกว่าประมาณการของเราที่คาดว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ภายในปี 2569 ที่ 85% ของทั้งโครงการ ► ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกหลังการประชุม แม้บริษัทจะคงเป้าการเติบโตของรายได้และแผนการเปิดโครงการ DCP ตามเดิม แต่เราเห็นปัจจัยหนุนเชิงบวกจาก: 1) กำไรจากการโอน Bare Shell ที่สูง +/- 300 ล้านบาท จะช่วยให้ 4Q67 มีโอกาสขาดทุนน้อยกว่าที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า เบื้องต้นคาดผลขาดทุนปกติระดับ 50-100 ล้านบาท (เดิมคาด 200 ล้านบาท) 2) ปัจจุบัน Occ. Rate และ ADR ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ใกล้เคียงกับสมมติฐานทั้งปี 2568 ของเรา แม้เพิ่งเปิดโรงแรม ซึ่งหาก Occ. Rate และ ADR ยังทรงตัวในระดับสูง และปรับตัวขึ้นได้ดีในปีหน้า จะเป็น Upside ต่อประมาณการในระยะถัดไป ฝ่ายวิเคราะห์คงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 2568 คาดพลิกกลับมารายงานกำไรปกติในรอบ 7 ปี คาดกำไรปกติปี 2568-2569 ที่ 520 ล้านบาท และ 1,800 ล้านบาท (+244% YoY) ตามลำดับ การเติบโตหนุนจาก:1) การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว 2) ผลบวกของโครงการ DCP โดยเฉพาะใน 2H68 หลังผ่านช่วง Ramp-up โรงแรมใหม่ การเปิดโครงการ Retail, Office และการเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ Residence ช่วงปลายปี ► คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเหมาะสม 16.00 บาทต่อหุ้น ปัจจุบันหุ้นซื้อขายบน PER68 ที่ 18 เท่าและ EV/EBITDA68 เพียง 7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม (ตารางที่ 1) เราประเมินว่าถูกเกินไปเทียบกับการ Turnaround ตลาดควร Re-rate Multiple สะท้อนการฟื้นตัวของผลประกอบการและการรับรู้รายได้รอบใหญ่จาก DCP ในระยะ 12 เดือนจากนี้ ► ความเสี่ยง: นักท่องเที่ยวต่ำกว่าคาด, เศรษฐกิจถดถอยรุนแรง, เปิดโครงการใหม่ล่าช้า, และการแข่งขันด้านราคา

DUSIT เปิดรีสอร์ทหรูในอินเดีย ตอกย้ำมุ่งขยายแบรนด์ลักซ์ชูรีทั่วโลก

DUSIT เปิดรีสอร์ทหรูในอินเดีย ตอกย้ำมุ่งขยายแบรนด์ลักซ์ชูรีทั่วโลก

          กรุงเทพฯ 7 พฤศจิกายน 2567 : กลุ่มดุสิตธานีเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง ประกาศลงนามในข้อตกลงการบริหารจัดการโรงแรมเชิงกลยุทธ์กับบริษัท ชราวันตี โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ไพรเวท จำกัด ผู้พัฒนาโรงแรมและรีสอร์ทระดับลักซ์ชูรีชั้นนำในประเทศอินเดีย เพื่อดำเนินกิจการ เดวาราณา สากเลศปุระ, กรณาฏกะ – อะ ดุสิต รีทรีตส์ โดยมีกำหนดเปิดตัวในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2571 ซึ่งถือเป็นโครงการ “เดวาราณา – ดุสิต รีทรีตส์” แห่งแรกที่ลงนามนอกประเทศจีน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของกลุ่มดุสิตธานี ในการขยายแบรนด์รีสอร์ทระดับลักซ์ชูรีไปยังจุดหมายปลายทางสุดพิเศษทั่วโลก           มร. จิลล์ เครตัลเลช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  เดวาราณา สากเลศปุระ, กรณาฏกะ – อะ ดุสิต รีทรีตส์ เป็นการให้บริการภายใต้แบรนด์ “เดวาราณา-ดุสิต รีทรีตส์” ซึ่งกลุ่มดุสิตธานีวางตำแหน่งแบรนด์ในระดับลักซ์ชูรี โดยเป็นการให้บริการครั้งแรกในประเทศอินเดีย และเป็นครั้งแรกที่มีการลงนามความร่วมมือนอกประเทศจีน เนื่องจากความสอดคล้องอย่างลงตัวระหว่างความงามตามธรรมชาติอันเงียบสงบของเมืองสากเลศปุระ กับแก่นแท้อันสมบูรณ์แบบของ เดวาราณา – ดุสิต รีทรีตส์ ทำให้จุดหมายปลายทางอันงดงามแห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ระดับลักซ์ชูรีของกลุ่มดุสิตธานี           เดวาราณา สากเลศปุระ, กรณาฏกะ – อะ ดุสิต รีทรีตส์ ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่มีความหมายให้กับนักเดินทางทั้งในอินเดียและจากต่างประเทศ โดยที่พักประกอบด้วยวิลล่าและห้องสวีท 75 ห้อง ขนาดตั้งแต่ 47 ถึง 90 ตร.ม. โดยจะมี 25 ยูนิตที่มาพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว ผู้เข้าพักจะได้เพลิดเพลินไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสุขภาพ รวมถึง เดวาราณา เวลเนส เซ็นเตอร์ ที่มีทั้งคลับสุขภาพ สปา ห้องออกกำลังกาย ห้องอบไอน้ำ และซาวน่า นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมไว้บริการ ได้แก่ สระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ ห้องอาหารที่ให้บริการอาหารอินเดีย และห้องอาหารเพื่อสุขภาพที่เปิดตลอดทั้งวัน โดยเน้นไปที่การรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน           สากเลศปุระ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาฆาฏตะวันตก อยู่ห่างจากบังกาลอร์ เมืองหลวงของรัฐกรณาฏกะประมาณ 4 ชั่วโมงโดยรถยนต์ มีชื่อเสียงในเรื่องการทำไร่กาแฟ ชา และเครื่องเทศอันอุดมสมบูรณ์ รวมถึงศาสนสถานโบราณ และเส้นทางเดินป่าอันงดงามโดยจะผ่านป่าสงวนไบเซิล ซึ่งเป็นแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพที่มีชื่อเสียงระดับโลก ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่อยู่ไม่ไกล ได้แก่ ป้อมปราการมัญจาราบัด ที่สร้างเป็นรูปดาว สามารถมองเห็นวิวเทือกเขาได้แบบพาโนรามา และยอดเขาเจนุกัลลู กุดดา ที่สามารถมองเห็นทะเลอาหรับได้จากจุดนี้ สำหรับสนามบินนานาชาติมังกาลอร์ ตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณ 130 กม. และสถานีรถไฟสากเลศปุระ อยู่ห่างจากที่พักเพียง 20 กม.           “เรามีความยินดีที่จะนำการต้อนรับอันอบอุ่นแบบไทยมาสู่เมืองสากเลศปุระ และมีความมุ่งมั่นที่ปรารถนาสร้างประสบการณ์เพื่อการบำบัดและการเปลี่ยนแปลง ผ่านกิจกรรมต่างๆ ซึ่งคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากทั่วโลก เรามุ่งหวังที่จะมอบการเข้าพักเพื่อสุขภาวะที่ดีอย่างไม่มีใครเหมือนให้กับทุกท่านที่มาเยือน ซึ่งจะเสริมสร้างทั้งจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ รวมถึงยังได้เป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์และมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของรัฐกรณาฏกะอีกด้วย” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.ดุสิตธานี กล่าว           มร. ซานโตช บาลากฤษณะ กรรมการบริหาร บริษัท ชราวันตี โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ไพรเวท จำกัด กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มดุสิตธานี เพื่อเปิดตัวแบรนด์ เดวาราณา – ดุสิต รีทรีตส์ ในประเทศอินเดีย ด้วยความมุ่งมั่นของดุสิตฯ ในการสร้างประสบการณ์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมให้ดียิ่งขึ้นนั้น สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราเพื่อสร้างโครงการพิเศษนี้ ด้วยความเชี่ยวชาญของดุสิตฯ เรามีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า เดวาราณา สากเลศปุระ, กรณาฏกะ – อะ ดุสิต รีทรีตส์ จะมอบประสบการณ์เหนือระดับ ผสมผสานความหรูหราและความเป็นอยู่ที่ดีเข้าด้วยกัน เพื่อเชื่อมโยงผู้มาเยือนสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างมีคุณค่า ซึ่งจะดึงดูดนักเดินทางผู้ที่กำลังแสวงหาแรงบันดาลใจจากความงามอันเงียบสงบของเทือกเขาฆาฏตะวันตก ในรัฐกรณาฏกะแห่งนี้”           ปัจจุบันกลุ่มดุสิตธานีมีโรงแรมในเครือทั้งหมด 301 แห่ง เปิดให้บริการใน 18 ประเทศ แบ่งเป็นโรงแรม 57 แห่งซึ่งดำเนินงานภายใต้ ดุสิต โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท และวิลล่าหรู 244 แห่งภายใต้แบรนด์อีลิท เฮเวนส์ ผู้ให้บริการเช่าวิลล่าระดับลักซ์ชูรีทั่วเอเชีย ซึ่งรวมถึงวิลล่าหรูหลายแห่งในรัฐกัวด้วย โดยในเดือนธันวาคมนี้ กลุ่มดุสิตธานีจะกลับมาให้บริการในประเทศอินเดียอีกครั้งด้วยการเปิดโรงแรมดุสิต ดีทู ฟากู ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาหิมาลัยอันอุดมสมบูรณ์ ใกล้กับเมืองชิมลา นอกจากนี้ กลุ่มดุสิตธานียังมีแผนเปิดโรงแรมอีก 4 แห่งในรัฐกรณาฏกะ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงกลางปี ​​พ.ศ. 2569 [PR News]