#Digital Assets


ก.ล.ต. ปรับเกณฑ์โฆษณา เพิ่มคำเตือนความเสี่ยงลงทุนใน

ก.ล.ต. ปรับเกณฑ์โฆษณา เพิ่มคำเตือนความเสี่ยงลงทุนใน "โทเคนดิจิทัล"

          หุ้นวิชั่น - ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์การโฆษณาของผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO portal) และของผู้ออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชน (ICO issuer) ในส่วนของคำเตือนความเสี่ยงการลงทุนในโทเคนดิจิทัล เพื่อช่วยให้ผู้ลงทุนตระหนักถึงความเสี่ยงหรือข้อจำกัดก่อนการตัดสินใจลงทุน โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2567           สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีแนวคิดที่จะปรับปรุงหลักเกณฑ์การโฆษณาของ ICO portal และ ICO issuer ในส่วนของคำเตือนความเสี่ยงการลงทุนในโทเคนดิจิทัล ให้เหมาะสม เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีวิธีการนำเสนอคำเตือนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้ลงทุนตระหนักถึงความเสี่ยงหรือข้อจำกัดก่อนการตัดสินใจใช้บริการหรือลงทุนในโทเคนดิจิทัล โดยได้เปิดรับความฟังความคิดเห็นและผู้ร่วมแสดงความเห็นส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าว           ก.ล.ต. จึงออกประกาศ* กำหนดให้ ICO portal และ ICO issuer ต้องจัดทำคำเตือนประกอบการโฆษณาตามหลักเกณฑ์ ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้ (1) ระบุข้อความคำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือข้อจำกัดของโทเคนดิจิทัลอย่างครบถ้วน (2) นำเสนอคำเตือนในรูปแบบที่มีความคมชัดและสังเกตได้ง่าย โดยใช้โทนสีที่แตกต่างจากสีพื้นของโฆษณาหรือใช้ตัวอักษรหนาขึ้น และมีขนาดของตัวอักษรไม่เล็กกว่าขนาดตัวอักษรส่วนใหญ่ในโฆษณานั้น (3) จัดให้มีข้อความที่เป็นคำเตือนตลอดเวลาที่โฆษณา โดยข้อความที่เป็นคำเตือนต้องเป็นภาษาเดียวกับภาษาหลักที่ใช้ในการโฆษณา และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ล.ต. กำหนด (4) ในกรณีการโฆษณาที่มีการแสดงภาพและเสียง และการโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (social media) ต้องจัดทำให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ล.ต. กำหนด           ทั้งนี้ การออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าว มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป           หมายเหตุ : * ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 34/2567 เรื่อง หลักเกณฑ์ในรายละเอียดเกี่ยวกับการโฆษณาของผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือผู้ออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัล ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 https://publish.sec.or.th/nrs/10464s.pdf

เจาะพอร์ต JAS ล่าสุดถือบิตคอยน์เท่าไหร่ ?

เจาะพอร์ต JAS ล่าสุดถือบิตคอยน์เท่าไหร่ ?

          บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า รายได้จากส่วนงานสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีโซลูชันจำนวน 582 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 169 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 41 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากรายได้จากการให้บริการวงจรเช่าในประเทศและระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น           สำหรับรายได้จากธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ในไตรมาส 3 ปี 2567 มีรายได้จำนวน 20.13 ล้านบาท ลดลง 12.43 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 38.19 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 45.55 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 69.36 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุจากในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ราคาเหรียญมีการปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อน ประกอบกับปริมาณการขุดบิตคอยน์ลดลงภายหลังช่วง Bitcoin halving           ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2567 จำนวนเหรียญบิตคอยน์คงเหลือ 48.9998 เหรียญ 

ก.ล.ต. สั่ง Bitazza ปิดรับลูกค้าใหม่

ก.ล.ต. สั่ง Bitazza ปิดรับลูกค้าใหม่

         คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติให้ บริษัท บิทาซซ่า จำกัด (Bitazza) ระงับการเปิดรับลูกค้าใหม่ เนื่องจากยังไม่สามารถแก้ไขการดำเนินงาน ในเรื่องการทำความรู้จักและตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าของบริษัทได้ตามการสั่งการ โดยให้แก้ไขการดำเนินงานให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567          ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีหนังสือสั่งการตามมาตรา 35 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 (พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ) เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ไปยัง Bitazza ให้แก้ไขระบบเปิดบัญชีและทำความรู้จักลูกค้า ระบบการเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้าประเภทเงินบาท การประกอบกิจการอื่น และมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (COI) และการเข้าถึงข้อมูลของบริษัท ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ลูกค้า ตามมติของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (คณะกรรมการ ก.ล.ต.) ทั้งนี้ Bitazza ได้ชี้แจงมายัง ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 แล้ว นั้น          คณะกรรมการ ก.ล.ต. ในการประชุม ครั้งที่ 12/2567 เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 พิจารณาแล้วเห็นว่า Bitazza สามารถแก้ไขการดำเนินงานในเรื่องระบบการเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้าประเภทเงินบาท การประกอบกิจการอื่น และมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (COI) และการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทได้ อย่างไรก็ดี บริษัทยังไม่สามารถแก้ไขการดำเนินงานในเรื่องการทำความรู้จักและตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าของบริษัทที่บกพร่องได้ตามการสั่งการของคณะกรรมการ          คณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 35 วรรคสอง แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ มีมติสั่งการให้ Bitazza ระงับการเปิดรับลูกค้าใหม่ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2567 โดยในระหว่างที่บริษัทระงับการเปิดรับลูกค้าใหม่ Bitazza ต้องดำเนินการ ดังนี้          (1) เสนอแผนการแก้ไขการดำเนินงานในเรื่องการทำความรู้จักและตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าโดยไม่ชักช้า โดยให้รวมถึงในกรณี 1) เงินลงทุนไม่สอดคล้องกับข้อมูลรายได้ของลูกค้า 2) อีเมลของลูกค้าคล้ายกันหรือที่อยู่ซ้ำกันและอาจเป็นลูกค้าที่มีความเสี่ยง 3) รอบการทบทวนข้อมูลลูกค้าไม่เหมาะสม และ 4) การจัดกลุ่มความเสี่ยงของลูกค้า          (2) ระงับการดำเนินงานในส่วนที่เป็นการเปิดรับลูกค้าใหม่ ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2567 จนกว่าจะแก้ไขตาม (1) ให้ถูกต้องครบถ้วน และได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ให้ดำเนินการเปิดรับลูกค้าใหม่ได้          ในการนี้ ให้ Bitazza ดำเนินการแก้ไขตามแผนการแก้ไขที่เสนอตาม (1) ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 และรายงานความคืบหน้าการดำเนินการต่อ ก.ล.ต. จนกว่าจะแล้วเสร็จ โดยบริษัทจะสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติเมื่อได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.          ทั้งนี้ สำหรับลูกค้า Bitazza สามารถติดต่อศูนย์บริการลูกค้าของบริษัท และสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ “ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและแจ้งเบาะแส” โทร. 1207 กด 8 หรืออีเมล [email protected] หรือ เฟซบุ๊กเพจ “สำนักงาน กลต.” หรือ SEC Live Chat ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th          นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก ก.ล.ต. กล่าวว่า “ก.ล.ต. ให้ความสำคัญในการติดตามการดำเนินงานของผู้ประกอบธุรกิจเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ประกอบธุรกิจได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด หากบริษัทดำเนินการแก้ไขแล้วเสร็จ สามารถส่งเอกสารหลักฐานให้ ก.ล.ต. ได้ทันที โดย ก.ล.ต. จะตรวจสอบการดำเนินการดังกล่าวของบริษัทก่อนเสนอคณะกรรมการ ก.ล.ต. พิจารณาต่อไป”