ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#DCC


DCC กำไรปี 67 ที่ 1,103.6 ล้านบาท ลดลง 6.6%

DCC กำไรปี 67 ที่ 1,103.6 ล้านบาท ลดลง 6.6%

          บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานปี 2567 เทียบกับปีก่อน มียอดขายสินค้ารวม 7,028.5 ล้านบาท ลดลง 712.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.2 ปริมาณขายลดลง 6.0 ล้านตารางเมตร หรือร้อยละ 12.8 ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 39.7 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 38.0 ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายกระเบื้องพอร์ซเลน สินค้ากลุ่มพรีเมียมเพิ่มขึ้น รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 6.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.8 จากรายได้พื้นที่เช่า ต้นทุนในการจัดจำหน่ายลดลง 62.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.9 จากปริมาณขายที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 14.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.8 ส่วนหนึ่งจากค่าเสื่อมราคาอาคารสาขาเปิดใหม่ และจากค่าภาษีที่ดินสิ่งปลูกสร้างที่ภาครัฐเรียกเก็บเต็มจำนวน           ต้นทุนทางการเงินลดลง 2.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.4 จากเงินกู้ยืม และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ลดลง 16.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.8 จากกำไรที่ลดลง ทำให้มีกำไรสุทธิรวม 1,104.0 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 78.8 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.7 แบ่งเป็นกำไรเบ็ดเสร็จอื่นจากการคำนวณผลประโยชน์พนักงาน 1.3 ล้านบาท ส่วนได้เสียในบริษัทย่อยที่ไม่อยู่ในอำนาจควบคุม 0.4 ล้านบาท เหลือเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัททั้งสิ้น 1,103.6 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 78.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.6 จากการจำหน่ายกระเบื้องพอร์ซเลนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทลดลงเล็กน้อย คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.121 บาทต่อหุ้น

DCC Q3 กำไร 249.4 ลบ. ลดลง 15.8% Y-Y แจง จีน-อินเดียทุ่มตลาด บวกอสังหาฯซบเซา

DCC Q3 กำไร 249.4 ลบ. ลดลง 15.8% Y-Y แจง จีน-อินเดียทุ่มตลาด บวกอสังหาฯซบเซา

            นายมารุต แสงศาสตรา ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) หรือ DCC แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2567 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 1,610.2 ล้านบาท ลดลง 227.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.4 จากปริมาณขายเฉพาะกระเบื้อง 9.2 ล้านตารางเมตร ลดลง 1.8 ล้านตารางเมตร หรือร้อยละ 16.2 ส่วนหนึ่งเกิดจากกระเบื้องนำเข้าจากประเทศจีนและอินเดียที่ทุ่มตลาดเข้ามาเพิ่มขึ้นตลอด และความต้องการในประเทศลดต่ำลงเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงซบเซา สำหรับราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 40.2 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 39.0 รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 0.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.7 ต้นทุนในการจัดจำหน่ายลดลง 17.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.6 เนื่องมาจากปริมาณขายลดลง ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 8.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.3 ส่วนหนึ่งจากค่าเสื่อมราคาอาคารสาขาเปิดใหม่ ต้นทุนทางการเงินลดลง 1.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.6 จากเงินกู้ยืมที่ลดลง ทำให้มีกำไรสุทธิรวม 249.5 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 46.9 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนได้เสียในบริษัทย่อยที่ไม่อยู่ในอำนาจควบคุม 0.1 ล้านบาท เหลือเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัททั้งหมด 249.4 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 46.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.8 คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.027 บาท             ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 5,393.0 ล้านบาท ลดลง 610.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.2 จากปริมาณการขายเฉพาะกระเบื้องลดลง 15.5 ล้านตารางเมตร หรือร้อยละ 33.0 ส่วนหนึ่งเกิดจากกระเบื้องนำเข้าจากประเทศจีนและอินเดียที่ทุ่มตลาดเข้ามาเพิ่มขึ้นตลอด และความต้องการในประเทศลดต่ำลงเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงซบเซา สำหรับราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 ราคาต้นทุนพลังงานค่าก๊าซเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 39.6 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้นร้อยละ 37.8 รายได้อื่นรวม 48.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5.0 ล้านบาท ต้นทุนในการจัดจำหน่ายลดลง 63.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.6 เนื่องจากปริมาณการขายลดลง ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 3.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.5 ส่วนหนึ่งจากค่าเสื่อมราคาอาคารสาขาเปิดใหม่ ต้นทุนทางการเงินลดลง 2.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.9 จากเงินกู้ลดลง ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ลดลง 12.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.4 จากกำไรที่ลดลง ทำให้มีกำไรสุทธิรวม 860.6 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนได้เสียในบริษัทย่อยที่ไม่อยู่ในอำนาจควบคุม 0.4 ล้านบาท เหลือเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัททั้งหมด 860.2 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 53.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.8 คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.094 บาทต่อหุ้น             สินทรัพย์รวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 มีจำนวน 10,212.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสินทรัพย์รวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 จำนวน 152.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.5 สินทรัพย์หมุนเวียนลดลง 27.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.9 จากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลง 41.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 46.9 ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้หมุนเวียนอื่นลดลง 11.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.9 สินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น 33.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.2 สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนเพิ่มขึ้น 179.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.5 จากกลุ่มที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์สุทธิเพิ่มขึ้น 239.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.8 ส่วนใหญ่จากการซื้อที่ดินเพื่อใช้ก่อสร้างสาขา จากสินทรัพย์สิทธิการใช้ลดลง 61.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.4 จากการเปลี่ยนแปลงอายุสัญญาเช่า และค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์สิทธิการใช้ สินทรัพย์ไม่มีตัวตนเพิ่มขึ้น 5.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 27.5 จากการลงทุนระบบบริหารงานขายเพื่อรองรับการจัดการข้อมูล เพื่อใช้ในการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น             หนี้สินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 มีจำนวน 3,170.8 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2566 จำนวน 207.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.1 เงินกู้ยืมระยะสั้นลดลง 45.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.8 เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้หมุนเวียนอื่นลดลง 34.8 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.6 จากการชำระตามงวด หนี้สินตามสัญญาเช่าลดลง 69.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 33.5 จากการชำระตามสัญญาเช่ารถขนส่งสินค้า และสัญญาเช่าที่ดินสาขา ส่วนของผู้ถือหุ้นรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 มีจำนวน 7,041.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 จำนวน 359.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.4 เพิ่มจากกำไรเบ็ดเสร็จในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 861.9 ล้านบาท ลดลงจากเงินปันผลไตรมาส 4/2566 จำนวน 109.5 ล้านบาท และไตรมาส 1-2/2567 จำนวน 365.0 ล้านบาท และลดลงจากหุ้นทุนซื้อคืนจำนวน 27.8 ล้านบาท

จัดพอร์ตหุ้นรับวายุภักษ์ KTB-BBL-BCP น่าสะสม

จัดพอร์ตหุ้นรับวายุภักษ์ KTB-BBL-BCP น่าสะสม

หุ้นวิชั่น- บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุว่า การลงทุนที่น่าสนใจ หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF) นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วม แนะนำ HMPRO GLOBAL CPALL BJC DCC และ TASCO ซึ่งจากสถิติปีที่เกิด La Nina หากลงทุนช่วงครึ่งหลัง ก.ย. และขายต้น พ.ย. คาดหวังจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5.0%

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011