#D


ไฮซีซั่นท่องเที่ยว D - TNP ขึ้นแท่น

ไฮซีซั่นท่องเที่ยว D - TNP ขึ้นแท่น

หุ้นวิชั่น -  นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัดหรือ GBS เปิดเผยกับ ทีมข่าวหุ้นวิชั่น ว่า ช่วงไตรมาส 4 หรือไตรมาสสุดท้ายของปีถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกให้กับหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเฉพาะ บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ D และ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากเทศกาลท่องเที่ยวในช่วงนี้          บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ D คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) โดยกลุ่มธุรกิจของ D ให้บริการทางทันตกรรมครบวงจรผ่านโรงพยาบาลทันตกรรม ศูนย์ทันตกรรม และคลินิกทันตกรรม รวมถึงธุรกิจจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ทันตกรรม          ในช่วงไตรมาส 4 ที่ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว คลินิกบริการทันตกรรมของ D จะได้รับประโยชน์จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มีสัดส่วนประมาณ 60% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากทวีปยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกาที่เดินทางมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในปี 2568 และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568           D มีแผนการทำการตลาดยาสีฟันสำหรับผู้ที่จัดฟัน เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ และในระยะยาวภายใน 3 ปีข้างหน้า D มีแผนปรับปรุงคลินิกสาขาที่ตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยว เช่น จังหวัดเชียงใหม่และภูเก็ต ให้กลายเป็นโรงพยาบาลฟันในรูปแบบเดียวกับโรงพยาบาลทันตกรรม กรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล (BIDH)          สำหรับผลประกอบการ D ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 720.02 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 44.31 ล้านบาท          ขณะที่ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP คาดไตรมาส 4/2567 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า และช่วงเดียวกันกับปีก่อน (Y-Y , Q-Q) จาก 3 ประเด็น คือ การเข้าสู่ High Season การได้รับอานิสงส์จากการแจกเงินสด 10,000 บาท ที่กลุ่มผู้มีสิทธิ์เพิ่มได้รับเมื่อช่วงปลายไตรมาส 3/2567 รวมทั้งรอบเก็บตก ต.ค.-ธ.ต.          และขยายสาขาใหม่อีก 2 สาขา สู่ ณ สิ้นปี 2567 ทั้งหมด 49 สาขา ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์เตรียมปรับเพิ่มประมาณการกำไรทั้งปี 2567 จากเดิมที่ 177 ล้านบาท +10% Y-Y แนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 5 บาท          สำหรับผลประกอบการ TNP ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 2,152.27 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 134.64 ล้านบาท รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision

[Vision Exclusive] “D” ปักหมุดทันตกรรมต่างชาติ ชูธง Medical Tourism ดันยอด

[Vision Exclusive] “D” ปักหมุดทันตกรรมต่างชาติ ชูธง Medical Tourism ดันยอด

          หุ้นวิชั่น - รู้หรือไม่! บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ D เป็นบริษัทที่มุ่งเน้นธุรกิจด้านการให้บริการทันตกรรมครบวงจร ทั้งในประเทศไทยและสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีบทบาทสำคัญในด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) โดยรายได้จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยรายได้จากกกลุ่มลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากสถานการณ์ COVID-19 กลับเข้าสู่ภาวะปกติ           ปัจจุบัน บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ D มีสาขาทั้งหมด 16 แห่ง โดยแบ่งเป็นศูนย์ทันตกรรมหลักอย่าง Bangkok International Dental Center (BIDC) และคลินิกทันตกรรม Smile Signature ซึ่งตั้งอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย เช่น สาขาสยามพารากอน สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ สาขาพระราม 2 และสาขาอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อรองรับลูกค้าทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมารับบริการด้านทันตกรรมและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์           สำหรับโครงสร้าง D มีรายได้หลักมาจาก 3 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจบริการทันตกรรม (Dental Services ซึ่งแบ่งออกเป็นการให้บริการภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ เช่น ศูนย์ทันตกรรมบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล เดนทัล เซ็นเตอร์ (BIDC), คลินิกทันตกรรม BIDC และคลินิกทันตกรรม สไมล์ ซิกเนเจอร์ (Smile Signature) โดยรายได้หลักมาจากการให้บริการรักษาและทำฟันต่าง ๆ เช่น การปลูกรากฟันเทียม การจัดฟัน การฟอกสีฟัน และทันตกรรมเพื่อความสวยงาม           ธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ทันตกรรม (Dental Supplies) บริษัทลูกในเครือ อย่าง เดนทัล วิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบการนำเข้าและจัดจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ทางทันตกรรมให้กับคลินิกทันตกรรมต่าง ๆ ทั้งในเครือและภายนอก และธุรกิจผลิตชิ้นงานทันตกรรม (Dental Lab) โดยบริษัท เดนทัล ออล (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบการผลิตชิ้นงานทางทันตกรรม เช่น ครอบฟัน ฟันปลอม สะพานฟัน และอื่น ๆ เพื่อจำหน่ายให้กับคลินิกต่าง ๆ​           ทีมข่าววิชั่นได้สัมภาษณ์ ทพ.พรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ D เกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจในช่วง Q4/67 โดย ทพ.พรศักดิ์ ระบุว่า แนวโน้มในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดี เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น (High Season) ของการท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศจำนวนมาก ส่งผลให้มีความต้องการใช้บริการทางทันตกรรมสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ           ด้วยศักยภาพของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ทำให้ศูนย์ทันตกรรมและคลินิกในเครือของ D มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งบริษัทคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดรายได้และผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง           นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการ ด้วยการเพิ่มจำนวนทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและการขยายบริการทันตกรรมต่าง ๆ ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้เข้ามารับบริการ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้           ปัจจุบัน D มีสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติคิดเป็น 60% และกลุ่มลูกค้าชาวไทย 40% ของรายได้รวมทั้งหมด โดยสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางและการท่องเที่ยวทั่วโลก           อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติในปัจจุบันยังไม่สามารถกลับไปสู่ระดับสูงสุดในช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 ได้ เนื่องจากในช่วงเวลานั้น สัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติเคยสูงถึง 70-80% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่ปัจจุบันยังมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาใช้บริการน้อยกว่าช่วงก่อนโควิดอยู่บ้าง           เมื่อพิจารณาถึงปริมาณลูกค้าในประเทศ แม้ว่าจะมีจำนวนมากกว่าลูกค้าต่างชาติ แต่รายได้เฉลี่ยต่อหัว (Spending per Head) ของลูกค้าคนไทยยังคงต่ำกว่าลูกค้าต่างชาติอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากลูกค้าต่างชาติในระดับสูงแม้จะมีจำนวนลูกค้าน้อยกว่า           ทพ.พรศักดิ์ กล่าวต่อว่า บริษัทคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยนอกจากสาขาที่มีอยู่แล้ว บริษัทยังมองหาพื้นที่ที่มีศักยภาพเพิ่มเติม โดยเฉพาะย่านสุขุมวิท ซึ่งถือเป็นแหล่งที่มีกลุ่มลูกค้าต่างชาติใช้บริการจำนวนมาก คาดว่าแผนการเปิดสาขาใหม่จะเริ่มได้ในช่วงปลายปี 2567 หรือไม่ก็ช่วงต้นปี 2568 เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism)           ในขณะเดียวกัน โรงพยาบาลทันตกรรมกรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล (BIDH) ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจสำคัญของบริษัท มีศักยภาพในการให้บริการและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น โดยหากเดินหน้าเต็มกำลัง คาดรายได้จากโรงพยาบาล BIDH จะทำได้สูงถึง 400 ล้านบาท จากที่ผ่านมาโรงพยาบาล BIDH มีรายได้อยู่ที่ 200 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งคาดว่าการให้บริการของ BIDH จะสามารถสร้างรายได้ได้เต็มที่ เนื่องจากโรงพยาบาลเพิ่งเริ่มดำเนินธุรกิจได้เพียง 3-4 ปีเท่านั้น           สำหรับภาพรวมผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 534.39 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 24.23 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2565 รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 829.34 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 57.50 ล้านบาท ส่วนในปี 2566 รายได้เติบโตเป็น 944.93 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 71.25 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 บริษัทสามารถทำรายได้รวม 472.23 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 34.14 ล้านบาท           นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนการเติบโต โดยตั้งเป้ารายได้ในปี 2567 ที่มากกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ จากการเติบโตของสาขาและการขยายฐานลูกค้าใหม่ที่มีศักยภาพในอนาคต รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision