[Vision Exclusive] เคาะค่าแรง 380บ. บิ๊ก CRD รับมือไหว!
หุ้นวิชั่น - เคาะค่าแรง 380 บาท ในจังหวัดเชียงใหม่ บิ๊กบอส CRD "ธีรพัฒน์ จิรพิพัฒน์" ลั่นอัตราค่าแรงขั้นต่ำเริ่ม 1 ม.ค.68 ไม่กระทบ เล็งปรับแผนสอดคล้องต้นทุน ส่งซิกผลงานปี 68 เฉิดฉาย คาดรายได้แตะพันล้านบาท จับตามาร์จิ้นฟู ตุน Backlog 500 ล้านบาท ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า บอร์ดไตรภาคีเคาะปรับขนค่าแรงเฉลี่ย +3% เป็น 337-400 บาท มีผล 1 ม.ค. 2025 ที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างเมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.) เห็นชอบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2025 ให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มในอัตราวันละ 7-55 บาท (เฉลี่ย +2.9%) โดยมีอัตราสูงสุดวันละ 400 บาท และอัตราต่ำสุดวันละ 337 บาท ดังนี้ กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ใน 4 จังหวัด และ 1 อำเภอ ได้แก่ จ.ภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 380 บาท ใน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นอัตราวันละ 372 บาท ในเขตท้องที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 6 จังหวัด (เพิ่มขึ้น +2.5%) กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 67 จังหวัดที่เหลือให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้น +2% ด้านนายธีรพัฒน์ จิรพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่ริมดอย จำกัด (มหาชน) หรือ CRD ผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาคาร สิ่งปลูกสร้างทั่วไป และงานระบบสาธารณูปโภค จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่น ว่า บริษัทไม่กังวลต่อการประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 โดยอัตราค่าจ้างที่บริษัทจ่ายให้กับพนักงานในปัจจุบันมีอัตราสูงกว่าอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมแผนการปรับตัวให้สอดคล้องกับต้นทุนใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า (ปี68) โดยจะปรับแผนการรับงานให้เหมาะสมกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ 380 บาท เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ในปี 2568 บริษัทจะเดินหน้าธุรกิจต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับพันธมิตร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ORN ซึ่งคาดว่าจะมีงานก่อสร้างเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 900-1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ในปี 2568 จะดีกว่าปี 2567 เนื่องจากโครงการที่ขาดทุนในปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการเสร็จไปมากแล้ว และคาดว่าแนวโน้มมาร์จิ้นจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2568 เป็นต้นไป ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ธุรกิจก่อสร้างมูลค่ารวม 500 ล้านบาท แบ่งเป็นงานราชการและงานใหม่มูลค่า 300 ล้านบาท และงานเดิมอีก 200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้จากงานดังกล่าวในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ของปี 2568 ตามแผนการดำเนินงาน รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision