#CPALL


CPALL ลงทุน เดอะฟอเรสเทียส์ ทุ่ม 8,390 ลบ. อสังหาฯ Mixed-Use

CPALL ลงทุน เดอะฟอเรสเทียส์ ทุ่ม 8,390 ลบ. อสังหาฯ Mixed-Use

หุ้นวิชั่น - นายสุพจน์ ชิตเกษรพงศ์ เลขานุการบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (“CPALL” หรือ “บริษัทฯ”) รายงานตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (“CPAXT”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ CPALL ได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อยทางตรง และจะถือหุ้นในบริษัทย่อยทางอ้อม ดังนี้: เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อยทางตรงคือ บริษัท แอ็กซ์ตร้า โกรท พลัส จำกัด ซึ่ง CPAXT ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 95 โดยบริษัท แอ็กซ์ตร้า โกรท พลัส จำกัด จะเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทย่อยทางอ้อมคือ บริษัท แฮปปี้แทท แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์ จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 100 (ยกเว้นหุ้น 1 หุ้น) ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-Use Development) ภายใต้โครงการชื่อ The Happitat ซึ่งประกอบด้วยห้างสรรพสินค้าจำนวน 3 อาคาร และอาคาร Central Utility Plant ที่เป็นศูนย์กลางสาธารณูปโภค โดยโครงการ The Happitat ทั้งหมดตั้งอยู่ภายในโครงการ The Forestias ทั้งนี้ รายการดังกล่าวไม่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยง และขนาดของรายการไม่เข้าข่ายเป็นรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ที่มีนัยสำคัญตามข้อกำหนดของประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2551 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศที่เกี่ยวข้อง

“คุณสู้ เราช่วย” ดีกับเศรษฐกิจ โบรกชี้เป้า CPALL - CRC

“คุณสู้ เราช่วย” ดีกับเศรษฐกิจ โบรกชี้เป้า CPALL - CRC

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.พาย ชี้เงินเฟ้อสหรัฐฯตามตลาดคาด รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ สภาพคล่องสูงขึ้น (ดีกับเศรษฐกิจ) ปัจจัยนอกประเทศ           ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 99 จุด (-0.2%) แต่ดัชนี S&P500 , Nasdaq ปิดบวกหลังจากที่สหรัฐฯรายงานเงินเฟ้อสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.8% หลังมีรายงานว่า EU ประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย           เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานเงินเฟ้อประจำเดือน พ.ย. พบว่าขยายตัว 2.7%YoY 0.3%MoM และเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 3.3%YoY , 0.3%MoM ทั้งคู่ที่กล่าวไปข้างต้นสอดคล้องกับที่ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ โดยการลดลงของเงินเฟ้อ (ขยายตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้) ได้แรงหนุนหลักจากการปรับลงของราคาพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันเตา (-19.5%YoY) รวมไปถึงราคารถมือสองและรถบรรทุก (-3.4%YoY) แต่ทั้งนี้เงินเฟ้อสหรัฐฯแม้จะปรับลงจากจุดสูงสุดราว 9%YoY มาอยู่ที่ 2.7%YoY แต่ตัวเลข 2.7%YoY นั้นก็ถือว่าเร่งขึ้นจากเดือนก่อนที่ 2.6%YoY เป็นผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเริ่มขยับขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกับการแข็งค่าของ Dollar Index ส่วน CME FED Watch ล่าสุดให้น้ำหนักลดดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. ราว 98.6% แต่ปี 25 ทั้งปีประเมินว่าจะลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง ลดลงจาก Dot Plot ของ FED ที่ 4 ครั้ง สะท้อนมุมมองที่เข้มงวดมากขึ้นจากตลาด ซึ่งอาจเกิดจากความคาดหวังเงินเฟ้อจะไม่ปรับลงแรง รวมไปถึงการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศต่างๆภายใต้นโยบายของ Trump จะเป็นอีกแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ ส่วนค่าเงินบาทนั้นกลับมาอ่อนค่าทดสอบ 33.8 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ จากก่อนหน้าที่ 33.6 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนนึงเชื่อว่าเกิดจาก Dollar Index ที่แข็งค่า ด้านปัจจัยในประเทศ           วานนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ออกโครงการเห็นชอบแก้หนี้ SME , กลุ่มเปราะบาง ประกอบไปด้วย (1) มาตรการปรับโครงสร้างหนี้แบบลดภาระดอกเบี้ยโดยเน้นการตัดต้นเงินลูกหนี้ รูปแบบการให้ความช่วยเหลือเน้นที่ลดภาระผ่อนชำระค่างวดโดยค่างวดทั้งหมดจะนำไปตัดเงินต้น (2) ช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่ม Non Bank รูปแบบการช่วยเหลือจะได้แก่ลดภาระการผ่อนชำระค่างวดเป็น 70% ของค่างวดก่อนเข้าร่วมมาตรการพร้อมลดดอกเบี้ย 10% จากดอกเบี้ยก่อนเข้าร่วมตลอดระยะเวลา 3 ปี ความเห็นเราสำหรับสถาบันการเงินคุณภาพสินเชื่อดีขึ้นและภาระสำรองหนี้ฯลดลง ทำให้กล้าจะปล่อยสินเชื่อใหม่มากขึ้นแต่ในช่วง 3 ปีแรก รายได้ดอกเบี้ยรับปรับลดลงสินเชื่อลดลงจากการชำระคืนหนี้กระทบความสามารถการทำกำไร อย่างไรก็ดีผลกระทบส่วนหนึ่งจะถูกชดเชยจากการลดเงินนำส่งค่าธรรมเนียม FIDF ด้านเศรษฐกิจด้วยสภาพคล่องที่สูงขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนการบริโภค บวกกับกลุ่มค้าปลีก (BJC CRC CPALL) วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1435 – 1450 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะ Trading ได้เช่นเดิมรอการฟื้นตัวช่วงถัดไป แนะนำที่กลุ่มค้าปลีก (BJC CRC CPALL DOHOME) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ธนาคาร (BBL KBANK KTB SCB) ศูนย์การค้า (CPN) ส่งออก (ITC TU) CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท)           รายงานกำไรงวด 3Q24 ที่ 5.6 พันล้านบาท (+27%YoY) หลังหักรายการพิเศษจะมีกำไรปกติ 6.2 พันล้านบาท (+45%YoY) ดีกว่าที่เราและตลาดคาด 9% หนุนจากยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 ที่เติบโต 3.3%YoY จากยอดขายกลุ่มอาหารพร้อมทานและ Personal Care ที่เติบโตดี รวมกับการเติบโตของกำไรของ CPAXT จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Makro +1.5% และ Lotus’s +2.3%) ขณะที่เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 4Q24 จะเติบโต YoY และ QoQ ต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว CRC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 40.00 บาท)           รายงานกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 2.1 พันล้านบาท (+86%YoY) หลังตัดรายการพิเศษจะมีกำไรปกติที่ 1.6 พันล้านบาท (+24%YoY, +1%QoQ) ดีกว่าที่เราและ BB consensus คาด 17% ทำให้กำไร 9M24 คิดเป็น 68% ของประมาณการกำไรปี2024 กำไร 3Q24 ที่โต YoY มาจากรายได้จากการส่งเสริมการขายที่เพิ่มขึ้น การควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดี บวกกับอัตราภาษีจ่ายที่ลดลง แม้ว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ -3%YoY (ไทย -2%, เวียดนาม -6%, อิตาลี -4%) ขณะที่แนวโน้มช่วง QTD ของ 4Q24 มีทิศทางการฟื้นตัวและพลิกกลับมาเป็นบวกได้ในช่วง 10 วันของเดือนพ.ย. 2024

สินค้าจำเป็นยังบวก สินค้าฟุ่มเฟือยเริ่มฟื้น โบรกชี้หุ้น CPALL - HMPRO เด่น

สินค้าจำเป็นยังบวก สินค้าฟุ่มเฟือยเริ่มฟื้น โบรกชี้หุ้น CPALL - HMPRO เด่น

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.กรุงศรี ประเมินการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนเป็นแนวโน้มเดียวกันกับใน 3Q24 นั่นคือสินค้าจำเป็นจะอยู่ในโซนบวก และสินค้าฟุ่มเฟือย (ยกเว้น DOHOME) อยู่ในเชิงลบ หุ้นเด่นของเรายังคงเป็น CPALL (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 80 บาท) และเรามีมุมมองบวกมากขึ้นต่อกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (จากแนวโน้ม SSSG ที่ปรับตัวดีขึ้น) เราจึงเลือก HMPRO (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 13.50 บาท) เป็นอีกหนึ่งหุ้นเด่นเพราะ SSSG ที่เป็นบวกในปี 2025 ซึ่งน่าจะเป็นตัวเร่งเชิงบวกต่อราคาหุ้น SSSG ของกลุ่มสินค้าจำเป็นยังเป็นบวก           ใน 4Q24 CPALL, CPAXT และ BJC น่าจะยังคงมี SSSG เป็นบวกต่อไป โดยได้รับแรงหนุนจาก:           1. การแจกเงินสดจำนวน 10,000 บาท ณ สิ้นเดือนกันยายน ซึ่งส่งผลดีเล็กน้อยต่อ SSSG ในเดือนตุลาคม และ           2. สำหรับ CPAXT และ BJC การให้ความสำคัญกับอาหารสดช่วยให้ดีขึ้น SSSG ในหมวดหมู่นี้ เราสังเกตว่า SSSG สำหรับ CPALL และ BJC นั้นดีที่สุดที่ 5% ในเดือนพฤศจิกายน เทียบกับ 2% สำหรับ CPAXT และเราคิดว่านี่อาจเป็นตัวเร่งเชิงบวกต่อราคาหุ้นทั้งคู่ SSSG กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยดีขึ้น           แต่ยังเป็นลบ DOHOME เป็นหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยแห่งเดียวในการบันทึก SSSG เชิงบวกที่ 3% สำหรับทั้งเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน โดยได้รับการสนับสนุนจาก:           1. การฟื้นฟูหลังน้ำท่วม และ           2. การเบิกจ่ายอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล สำหรับ CRC, HMPRO และ GLOBAL ยังคงเห็นว่า SSS ติดลบโดยอยู่ระหว่าง -3% ถึง 0% ในช่วงทั้งสองเดือน เราชอบ HMPRO ซึ่งมี P/E อยู่ที่ 18.7 เท่า FY25F ซึ่งถือว่าถูกที่สุดในกลุ่มค้าปลีกทั้งหมด และเราคาดการณ์การฟื้นตัวที่ 2% SSSG ในปี FY25F ทั้งนี้ HMPRO ซื้อขายที่ -2SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว และมี ROE สูงสุดที่ 24.8% CPALL และ HMPRO เป็นหุ้นเด่น           CPALL เป็นหุ้นที่เราชื่นชอบ เนื่องจาก SSSG ที่สูงสุดในกลุ่ม และการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมที่ 21.3x FY25F P/E รวมทั้งเป็นผู้รับผลประโยชน์ที่ดีที่สุดจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ สำหรับ HMPRO เราชอบธุรกิจที่ดีของบริษัท เนื่องจาก ROE ที่สูงที่สุด

CPALL คาด Q4 รายได้พุ่ง อานิสงส์ไฮซีซันท่องเที่ยว-การบริโภคในประเทศ

CPALL คาด Q4 รายได้พุ่ง อานิสงส์ไฮซีซันท่องเที่ยว-การบริโภคในประเทศ

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.เอเอสแอล ระบุแนวโน้ม 4Q24F เป็นช่วงพีคของผลประกอบการตาม high season ของภาคการท่องเที่ยว รวมถึงได้อานิสงส์จากการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างการแจกเงิน 1 หมื่นบาท และ SSSG ยังคงขยายตัวจากไตรมาสก่อนที่ +3.3% พร้อมทั้งคาดหวังยังคงรักษาระดับของ GPM จากสินค้าพร้อมทาน ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลและเพื่อสุขภาพแนวโน้มเติบโต อีกทั้งรักษาระดับ Cost to income ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้คาดหวังรับรู้รายได้จาก CPAXT ที่ขยายตัวตามการเข้าสู่ช่วง high season ตามฤดูกาลท่องเที่ยว และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ทำให้ลูกค้ากลุ่ม HoReCa สั่งซื้อสินค้ามากขึ้น นอกจากนี้ในระยะถัดไป คาดหวังการเกิด synergy หลังการควบรวมกันมากขึ้น           ส่วนภาพทั้งปี 67-68F เท่ากับ 2.35 หมื่นล้านบาท +27%YoY และ 2.67 หมื่นล้านบาท +13.7%YoY ตามลำดับ โดยมีราคาเป้าหมายที่ 89.67 บาท ในเชิง sentiment ขานรับที่ประชุม ครม. เห็นชอบการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ในโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการ และพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยช่วยเหลือในอัตราไร่ละ 1,000 บาท เป็นบวกต่อกลุ่มลูกค้าฐานราก นอกจากนี้ CPALL ถือเป็นหนึ่งในหุ้นหลักของ SET ที่ยัง Laggard หุ้น Big Cap ราว 3.6% ในรอบ 60 วัน มองว่าในระยะถัดไปมีโอกาสที่จะเป็นหุ้นเป้าหมายกองทุนวายุภักษ์และ ThaiESG

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

บล.ดาโอ อัพเป้า CPALL เป็น 86 บ.กระตุ้นเศรษฐกิจหนุน แนะ “ซื้อ”

บล.ดาโอ อัพเป้า CPALL เป็น 86 บ.กระตุ้นเศรษฐกิจหนุน แนะ “ซื้อ”

        หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ CPALL (ซื้อ/ปรับเป้าขึ้นเป็น 86.00 บาท) SSSG ใน 4Q24Eยังเห็นเป็นบวก และ GPM ยังทรงตัวสูง ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นกลางต่อประชุมนักวิเคราะห์ โดย guidance ในด้านการขยายสาขายังใกล้เคียงเดิม โดยมีประเด็นคือ 1) การขยายสาขาเป็นไปตามเป้าในปี 2024Eจาก 9M24 ขยายไป 508 สาขา และขยาย 700 สาขาต่อเนื่องในปี 2025E ต่อไปจนกว่าจะครบ 2 หมื่นสาขา รวมถึงในปัจจุบันมี 98 (+11) สาขาในกัมพูชาและ 9 (+3) สาขาในลาว 2) 4Q24E QTD SSSG เป็นบวกต่อเนื่อง คาดอยู่ที่ระดับ+4% และ GPM ทรงตัวสูงต่อจากใน 3Q24 ทำให้คาดกไไรขยายตัวทั้ง YoY และ QoQ หนุนด้วยการท่องเที่ยวตามปัจจัยฤดูกาลปรับประมาณการกำไร 2024E/25E ขึ้น +9%/+2% อยู่ที่ 2.5 และ 2.7 หมื่นล้านบาท โต +33%/11%YoY จากเดิมที่ 2.3 และ 2.7 หมื่นล้านบาท จากผลการดำเนินงาน 9M24 ที่ออกมามี upside ต่อประมาณการเดิมของฝ่ายวิเคราะห์ และมองแนวโน้ม 4Q24E ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่องในทุกธุรกิจ และยังคงมั่นใจขยายสาขา CVS ได้ตามเป้าที่ 700 สาขาในปี 2024E และต่อเนื่องไปในปี 2025E ราคาหุ้น outperform SET ในช่วง 6 และ 12 เดือนที่ผ่านมา จากคาดได้ผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ หนุนผลการดำเนินงาน 2H24E และเรายังแนะนำ “ซื้อ” CPALL จากคาดเห็นการเติบโตได้ดีต่อเนื่องในทุกธุรกิจ

“โกลเบล็ก” คัด 4 หุ้นเด่นรับแจกเงินหมื่น ชู CPALL-CPAXT-BJC-TNP

“โกลเบล็ก” คัด 4 หุ้นเด่นรับแจกเงินหมื่น ชู CPALL-CPAXT-BJC-TNP

          กรุงเทพฯ - บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยผันผวนจากปัจจัยกดดันเรื่องที่ FED จะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง  พร้อมจับตาศาลรัฐธรรมนูญ 22 พ.ย.นี้ ชี้ชัด รับ-ไม่รับคำร้องทักษิณ-เพื่อไทย ล้มล้างการปกครอง จึงให้กรอบดัชนี 1,420-1,470 จุด และกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มผู้สูงวัยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ CPALL-CPAXT-BJC-TNP           นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวนจากปัจจัยกดดันคำแถลงการณ์ของประธานเฟดที่บ่งชี้ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจชะลอลงตัวลง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังติดตามศาลรัฐธรรมนูญ นัด 22 พ.ย.นี้ ซึ่งเป็นการ รับ-ไม่รับคำร้อง ทักษิณ-เพื่อไทย ล้มล้างการปกครอง จึงให้กรอบดัชนีที่ระดับ 1,420-1,470 จุด           ขณะที่มีปัจจัยหุนจากสภาพัฒน์เปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2567 ขยายตัว 3.0% ดีกว่าตลาดคาดระหว่าง 2.4-2.7% และเร่งขึ้นจาก 2.2% จากในไตรมาส 2/2567 จากการผลิตภาคนอกเกษตรที่ขยายตัวเร่งขึ้นตามการขยายตัวของกลุ่มบริการและจากการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐ  ส่งผลให้สภาพัฒน์ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 2567 สู่ระดับ 2.6% จากเดิม 2.5% ด้านกระทรวงการคลังเตรียมเสนอแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ของขวัญปีใหม่ช่วงสิ้นปีนี้ต่อเนื่องถึงตลอดทั้งปีหน้า เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีกำหนดประชุมในวันอังคารนี้ (19 พ.ย.)           อีกทั้งทาง โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนว่าสหรัฐฯไม่ต้องการทำสงครามเย็น และไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบบของจีน โดยพันธมิตรของสหรัฐฯ ก็ไม่ได้ต่อต้านจีน และออสตัน กูลส์บี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาชิคาโกคาดการณ์ว่า FED อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ในปีนี้ และลดลงอีก 1% ในปีหน้าตามที่ได้คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา           อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาปัจจัยในประเทศวันนี้ (19 พ.ย.) จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และสัปดาห์ที่ 4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์, กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย, สัปดาห์ที่ 5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม, สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค, วันที่ 29 พ.ย. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจ           ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศที่น่าจับตาวันนี้ 19 พ.ย. อียู รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. (ประมาณการครั้งสุดท้าย), สหรัฐ รายงานตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค., วันที่ 20 พ.ย. ญี่ปุ่น รายงานยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนต.ค., สหรัฐ รายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์, วันที่ 21 พ.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือนพ.ย. ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค. และวันที่ 1 ธ.ค. กลุ่มโอเปกพลัสประชุมกำหนดนโยบายการผลิตอย่างเป็นทางการ           ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่ได้ออกนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มผู้สูงวัยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ  โดยประเมินว่าหุ้นที่จะได้อานิสงส์จากปัจจัยดังกล่าวได้แก่ CPALL, CPAXT, BJC และ TNP           ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่า หลัง “ทรัมป์” ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ประกอบกับประธานเฟดส่งสัญญาณไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังตัวเลขเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% และตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามราคาทองคำได้แรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น มองกรอบทองคำสัปดาห์นี้ 2,530 – 2,645 $/Oz ลุ้นทดสอบแนวรับ

CPALL ส่องกำไรQ4แกร่ง โบรกชี้เป้า 80 บาท

CPALL ส่องกำไรQ4แกร่ง โบรกชี้เป้า 80 บาท

      หุ้นวิชั่น- ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ในไตรมาส 3/67 CPALL ทำกำไรสุทธิได้ 5.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% yoy ลดลง 10% qoq แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ ซึ่งหลักๆคือกำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนของ CPAXT และค่าใช้จ่ายในการควบรวมกิจการ พบว่า CPALL จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติสูงถึง 6.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% yoy และ 1% qoq สูงกว่าประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ฯ และ Bloomberg consensus ราว 4% และ 9% ตามลำดับ โดยมีปัจจัยหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) สูงกว่าคาดของธุรกิจร้านสะดวกซื้อและกำไรที่แข็งแกร่งกว่าคาดของ CPAXT ดังนั้นกำไรสุทธิในงวด 9 เดือนของปี 67 จึงเพิ่มขึ้นแตะ 1.82 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% yoy หรือคิดเป็น 76% ของประมาณการทั้งปี           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า ร้าน 7-Eleven ในไทยมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) บวก 3.3% ในไตรมาส 3/67 หนุนโดยยอดซื้อต่อบิลที่เพิ่มขึ้น 2.4% yoy และจำนวนลูกค้าที่เข้ามาในร้านเพิ่มขึ้น 0.5% yoy โดยในไตรมาสนี้ CPALL เปิดร้าน 7-Eleven ในไทยอีก 199 สาขา พร้อมทั้งเปิดสาขาเพิ่มในกัมพูชา 11 สาขาและลาว 3 สาขา จึงทำให้จำนวนสาขาโดยรวมในไทยเพิ่มเป็น 15,053 สาขา, กัมพูชา 98 สาขา และลาว 9 สาขา           ส่วนอัตรากำไรจากการขายสินค้าทรงตัว qoq ที่ 27.7%ไตรมาส 3/67 ยังเป็นสถิติสูงสุด เนื่องจากสินค้าที่ไม่ใช่อาหารมี GPM เพิ่มขึ้น 20bp qoq เพราะส่วนผสมการขายที่ดีขึ้นช่วยชดเชยอัตรากำไรจากสินค้าอาหารที่ลดลง 10bp qoq ตามฤดูกาล ขณะที่ GPM โดยรวมจากการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น 70bp yoy ดังนั้นแม้ธุรกิจร้านสะดวกซื้อจะมีอัตราส่วน SG&A/รายได้สูงขึ้น 40bp yoy และ 20bp qoq เป็น 27.5% จากค่าใช้จ่ายพนักงานและค่าโฆษณาที่เพิ่มขึ้น แต่ไตรมาส 3/67 ธุรกิจนี้ยังคงมีกำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่งถึง 30% yoy เป็น 4.4 พันล้านบาท คิดเป็น 79% ของกำไรสุทธิโดยรวมของ CPALL ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI คาดว่า CPALL จะยังมีกำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่งในไตรมาส 4/67 แม้อาจชะลอตัวลงจากไตรมาส 3/67 หลังผลดีจากค่าไฟฟ้าที่ลดลงค่อยๆหมดไป นอกจากนี้ กำไรสุทธิจาก CPAXT น่าจะเติบโตเพียงเล็กน้อย เนื่องจากฐานกำไร ของ Lotus’s ขยายใหญ่ขึ้น จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 67-69 ขึ้น 1.5-2.3% สะท้อน GPM ที่แข็งแกร่งของร้านสะดวกซื้อ ขณะที่เลื่อนระยะเวลาการลงทุนเป็นสิ้นปี 68 ส่งผลให้ราคาเป้าหมายของ CPALL เพิ่มเป็น 80 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”จากแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งและฐานกำไรที่ใหญ่ขึ้น           อย่างไรก็ตาม CPALL อาจมี downside risk หากมีการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำและต้นทุนอาหารสดเพิ่มสูงขึ้นส่วนปัจจัยบวกคือการที่บริษัทขยายสาขาในกัมพูชาและสปป.ลาวเร็วกว่าคาดและส่วนแบ่งกำไรจาก CPAXT สูงกว่าคาด เพราะได้ประโยชน์จาก synergy ระหว่าง Makro และ Lotus มากกว่าคาด

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

KSS คาด SET สร้างฐาน ชี้ต้าน 1463 จุด ค้าปลีก ท่องเที่ยว แบงก์ เช่าซื้อเด่น

KSS คาด SET สร้างฐาน ชี้ต้าน 1463 จุด ค้าปลีก ท่องเที่ยว แบงก์ เช่าซื้อเด่น

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คาด SET วันนี้ “แกว่งสร้างฐาน” ต้าน 1458/1463 จุด รับ 1443/1440 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯแกว่งในกรอบ ดัชนีS&P500 ปิดทรง แม้เงินเฟ้อ CPI ต.ค. 24 ตามตลาดคาด +2.6%y-y, 0.2%m-m และตลาดส่วนใหญ่ยังเชื่อภาพ Fed จะปรับลดดอกเบี้ย ธ.ค. 24 แต่เป็นที่น่าสังเกต US Bond Yield ปรับลงเฉพาะ 2 ปี ส่วน 10 ปีปรับขึ้น บ่งชี้ตลาดยังความกังวลต่อความเสี่ยงผลกระทบนโยบาย ประธานาธิบดี Trump ต่อเงินเฟ้อเงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าเช้านี้แตะ 34.9 บาท มองจิตวิทยาลบต่อ SET แต่ภายในกำไร 3Q24 ยังมีพัฒนาการ หลังรายงานเพิ่มเป็น 415 บริษัท ระดับกำไรต่ำกว่าคาดทรงตัว -19.2% (vs วานนี้ -19%) โดยมีกำไรกลุ่ม Domestic เด่นกลบฝั่ง Global พลังงาน+ชิ้นส่วนที่ต่ำคาด กอปรกับ สัญญาณชี้นำระยะถัดไปที่เป็นบวก อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก ต.ค. 24 สูงสุด ในรอบเกือบ 1ปี , กระทรวงการคลังยืนยันพิจารณามาตรการกระตุ้นบริโภค หากการฟื้นตัวมีสัญญาณสะดุด มอง SET ประคองได้ หุ้นเด่น คือ หุ้น Domestic (ค้าปลีก ท่องเที่ยว ธนาคาร เช่าซื้อ) หุ้น China Plays (เก็งรายงานเศรษฐกิจพรุ่งนี้คาดเริ่มเห็นพัฒนาการบวก) และหุ้นเงินบาทอ่อนค่าหนุน (อาหาร, ชิ้นส่วน) วันนี้แนะ CPALL, IVL, SCB

CPALL ไตรมาส 3 กำไรโต 28.4% ลุยขยายสาขา 7-Eleven

CPALL ไตรมาส 3 กำไรโต 28.4% ลุยขยายสาขา 7-Eleven

          CPALL เผยกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 แตะ 5,608 ล้านบาท โต 28.4% จากปีก่อน รายได้รวม 241,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% หนุนโดยยอดขายสินค้าจากทุกกลุ่มธุรกิจและการเติบโตของการท่องเที่ยว พร้อมเดินหน้าขยายสาขาร้าน 7-Eleven ในไทยอีก 700 แห่งในปี 2567 รวมถึงเปิดสาขาใหม่ในกัมพูชาและลาว มุ่งลงทุน 12,000-13,000 ล้านบาทเพื่อรองรับการเติบโตทุกช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์           นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL หรือ บริษัทฯ) ใคร่ขอรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ปี 2567 โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อย รายงานกำไรสุทธิจำนวน 5,608 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ (หลังปรับปรุงรายการ)* จำนวนเท่ากับ 6,190 ล้านบาท โดยสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้           ในไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 241,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 6.6 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและศูนย์การค้า และกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ตามการบริโภคภายในประเทศที่ยังคงขยายตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงปลายไตรมาส รวมถึงการท่องเที่ยวในไตรมาสนี้ที่ปรับตัวดีขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ กลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยเสริมในการเติบโตของรายได้อีกทางหนึ่ง แม้ว่าจะเผชิญกับฝนตกหนักในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อ           ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อเปิดร้านสาขาใหม่รวมทั้งสิ้น 199 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทฯ มีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 15,053 สาขา แบ่งเป็น 1. ร้านสาขาบริษัท 7,671 สาขา (ประมาณร้อยละ 51) โดยเปิดใหม่สุทธิ 125 สาขาในไตรมาสนี้ 2. ร้าน SBP และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 7,382 สาขา (ประมาณร้อยละ 49) โดยเปิดใหม่สุทธิ 74 สาขาในไตรมาสนี้           ร้านสาขาส่วนใหญ่ยังเป็นร้านที่ตั้งเป็นเอกเทศ ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 86 ของสาขาทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นร้านในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.           ในไตรมาส 3 ปี 2567 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 107,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาสนี้มียอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวันเท่ากับ 81,781 บาท และยอดขายเฉลี่ยของร้านสาขาเดิมเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดซื้อต่อบิลโดยประมาณ 84 บาท และจำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 964 คน           ทั้งนี้ จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้น           ธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังคงใช้แผนกลยุทธ์ที่สอดรับกับสถานการณ์ โดยคำนึงถึงการรักษาฐานลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยนำเสนอสินค้าใหม่ๆ พร้อมโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงความพยายามในการเพิ่มรายได้จากการขายสินค้าผ่านกลยุทธ์ O2O เช่น 7-Delivery และ All Online ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี โดยมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 11 ของรายได้จากการขายสินค้ารวม           อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุมและให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการมุ่งขยายสาขาร้าน 7-Eleven ตามแผน และเพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินค้าและบริการสำหรับลูกค้า ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังคงรายงานกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7,407 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 4,467 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.4 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนื กำไรต่อหุ้นตามงบการเงินเฉพาะกิจการในไตรมาส 3 ปี 2567 เท่ากับ 0.49 บาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในประเทศกัมพูชา รวมทั้งสิ้น 98 สาขา และมีสาขาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 9 สาขา คาดการณ์และแนวโน้มธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ในปี 2567           เป้าหมายการขยายสาขา บริษัทฯวางแผนที่จะพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ ทั้งแพลตฟอร์ม ออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งรวมถึงการขยายเครือข่ายร้านสาขาต่อเนื่องไปตามการ ขยายตัวของชุมชน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แหล่งท่องเที่ยว และทำเลที่มีศักยภาพ อื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดย บริษัทวางแผนที่จะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 700 สาขาใน ปี 2567 และมีเป้าหมายที่จะเปิดร้านใหม่เพิ่มในประเทศกัมพูชา และในสปป.ลาว ในปี 2567 อีกด้วย ประมาณการรายได้จากการ ขายและบริการ อัตราการเติบโตของรายได้ ส่วนใหญ่มาจากอัตราการเติบโตของยอดขายจากร้าน สาขาใหม่ และอัตราการเติบโต ของยอดขายเฉลี่ยจากร้านเดิม รวมถึงยอดขายจาก ช่องทางอื่นๆ อาทิ 7Delivery และ All Online ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียง กับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ อาทิ ระดับ ของอัตราเงินเฟ้อ ราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน และ การขยายตัวของการบริโภค ภายในประเทศ เป็นต้น           ประมาณการอัตรากำไรขั้นต้น บริษัทตั้งเป้าขยายอัตรากำไรขั้นต้นให้ได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยเน้นการพัฒนา ระบบในการคัดสรรสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น และผลักดัน ให้มีสัดส่วนของสินค้าที่ก าไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้น ทั้งจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภค           ประมาณการงบลงทุน คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 12,000 – 13,000 ล้านบาท

บล.กรุงศรี คาด SET แกว่งในกรอบ ต้าน 1476 จุด จับตาปัจจัยนอก แนะ ADVANC, AOT, CPALL

บล.กรุงศรี คาด SET แกว่งในกรอบ ต้าน 1476 จุด จับตาปัจจัยนอก แนะ ADVANC, AOT, CPALL

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คาด SET วันนี้ “แกว่งในกรอบ” ต้าน 1473/1476 จุด รับ 1455/1446 จุด ต่างประเทศรอ 3 ประเด็นคือการเลือกตั้งสหรัฐ 5 พ.ย. (รู้ผลราว 6 พ.ย. เป็นต้นไป) อิงจากสถิติหลังการเลือกตั้งสหรัฐ 2 รอบก่อนหน้า เดือน พ.ย. - ธ.ค. SET ให้ผลตอนเป็นบวก            การประชุม NPC ของจีนลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (ประชุมต่อเนื่องถึงวันที่ 8 พ.ย.) และ 6-7 พ.ย. ประชุม Fed (รู้ผลเช้าวันที่ 8 พ.ย.) คาดลดดอกเบี้ยฯ 25 bps ส่วนภายในภาพทางพื้นฐานยังบวก ตัวเลขยอดผู้ใช้บริการสนามบิน AOT (ชี้นำนักท่องเที่ยวต่างชาติ)ในช่วงวันที่ 1 – 2พ.ย. 2024 ปรับขึ้นทะลุ Pre – covid ที่ระดับ 103.6% ผสานกับรัฐบาลนายกฯ เมื่อวานเร่งรัดให้ทุกหน่วยงานเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตาม เป้าหมายที่ 80% ของงบลงทุนทั้งหมดที่ 9.6 แสนล้านบาท โดยรวมประเมิน GDP Growth ไทยปี 2024 คาด 2.4%y-y มี Upside มองบวกต่อ            SET โดยประเด็นที่ต้องตามวันนี้ เงินเฟ้อไทย เดือน ต.ค. ตลาดคาด 0.96% และประชุม ครม. ลุ้น มาตรการกระตุ้นฝั่งอสังหา ประเมินหุ้นพลังงาน ( น้ำมันบวกแรง 2%) หุ้น China play กลุ่มอสังหา, หุ้นอิงบริการ(สนามบิน, โรงแรม) วันนี้แนะ ADVANC, AOT, CPALL

abs

Hoonvision

KSS แนะสะสมหุ้นพื้นฐานดี ชอบ ADVANC, CPALL, TRUE

KSS แนะสะสมหุ้นพื้นฐานดี ชอบ ADVANC, CPALL, TRUE

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คาด SET Index บ่ายนี้จะแกว่งในกรอบ 1,477 -1,490 จุด โดยยังไม่มีปัจจัยหนุนหรือกดดันอะไรใหม่ ปัจจัยสำคัญตลาดจะให้โฟกัสคือ วันพฤหัสบดีนี้ รายละเอียดมาตรการและวงเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลจีน และการรายงานงบฝั่ง Real sector ที่จะเริ่มทยอยประกาศ อาทิ DELTA, TRUE กลยุทธ์แนะนำนักลงทุนทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีโดยเฉพาะกลุ่มที่คาดว่างบไตรมาส 3/67 จะออกมาแข็งแกร่ง ( ADVANC, CPALL, TRUE, IVL MOSHI) โดยมี Top Pick บ่ายนี้ คือ ADVANC, CPALL, TRUE

บล.กรุงศรี มอง SET 1481 จุด PTT, CPALL, IVL เด่น

บล.กรุงศรี มอง SET 1481 จุด PTT, CPALL, IVL เด่น

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คาด SET วันนี้ “Sideways/Up” ต้าน 1475/1481 จุด รับ 1460/1455 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งแคบ S&P500-0.21% หลังรายงานเงินเฟ้อ CPI สูงกว่าคาดเล็กน้อบ +2.4%y-y, 0.2%m-m แต่ลดลงจากเดือนก่อน ขณะที่ยอดผู้ขอรับสวัสดิการครั้งแรกเร่ง +14.7%w-w แย่กว่าคาด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากพายุเฮอริเคน ทำให้ภาพวงจรดอกเบี้ยขาลง และ US Soft Landing ยังเป็นบวกสินทรัพย์เสี่ยงโลก ฝั่งเอเชีย จีนรอติดตามมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมกระทรวงการคลังแถลง 12 ต.ค. และสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ปลายเดือน           ฝ่ายวิเคราะห์มองจะช่วยเปิด Upside เศรษฐกิจประเทศในภูมิภาค ภายใน 16 ต.ค. ติดตามประชุม กนง. Real Yield ที่เป็นบวก 14 เดือน เชิงกลยุทธ์เรามีโอกาสเห็นท่าทีDovish ขึ้น แม้น่าจะยังคงดอกเบี้ย ผสาน เม็ดเงินนักลงทุนสถาบันซื้อต่อเนื่อง 8 วัน ต่างชาติสลับซื้อพันธบัตร 2 วัน และ ต่างชาติ Long TFEX 6 วันติด มองหนุน SET หุ้นกลุ่มน้ำมัน (น้ำมัน +3.5% ความกังวลตะวันออกกลางที่กลับมา+พายุเข้าสหรัฐ+รัฐเตรียมเจรจาพื้นที่ ทับซ้อนทะเล) กลุ่มดอกเบี้ยขาลงหนุน (ค้าปลีก เช่าซื้อ หนี้สูง High Yield โรงไฟฟ้า) หุ้น China Plays วันนี้แนะ PTT, CPALL, IVL เด่น

บล.กรุงศรี คาด SET Index บ่ายนี้ผันผวนในกรอบ 1,460-1,475 จุด

บล.กรุงศรี คาด SET Index บ่ายนี้ผันผวนในกรอบ 1,460-1,475 จุด

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คาด SET Index บ่ายนี้ผันผวนในกรอบ 1,460-1,475 จุด โมเมนตัมรวมยังเป็นบวก หุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัวจะยังเป็นกลุ่มนำตลาด กลุ่ม ICT ยังเด่น กลุ่ม PTT และ PTTEP มีข่าวดี ไทย-กัมพูชาเตรียมเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ค้าปลีกและท่องเที่ยวทยอยสะสมก่อนเข้าสู่ high season โดยมี Top Pick บ่ายนี้ คือ ADVANC, CPALL และ ERW           SET Index ปิดตลาดภาคเช้าที่ 1,467.61 จุด +10.64 เปลี่ยนแปลง +0.73% ปรับขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ หุ้นที่ปรับตัวขึ้นเด่นเป็นหุ้น Big cap มีปัจจัยหนุนเฉพาะ อาทิ กลุ่มอิเล็กฯ (DELTA, CCET) ดีมานด์ชิ้นส่วนฯ ยังแกร่ง สะท้อนจากยอดขายของ TSMC ในไต้หวัน และ CCET เพิ่มขึ้นเด่นต่อเนื่อง กลุ่มสื่อสารดักเก็งงบ 3Q24 ผสานกับ INTUCH, GULF มีประเด็นควบรวมกิจการ ประเด็นน่าสนใจ ต่างประเทศ           ไทย-กัมพูชา: Bloomberg รายงานว่า ไทยและกัมพูชาเตรียมเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (OCA) ระหว่างไทยกับกัมพูชาอีกครั้ง เพื่อสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่ง คาดว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ (10 ล้านล้านบาท) แบ่งเป็นก๊าซธรรมชาติประมาณ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต และน้ำมันดิบประมาณ 300 ล้านบาร์เรล เรามองว่าเป็นจิตวิทยาบวกต่อผู้ผลิตและสำรวจฯ ในบ้านเรา คือ PTTEP และ PTT ซึ่งจะเป็น Growth story ในอนาคต ในประเทศ           ความเชื่อมั่น: ม.หอการค้า รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย. ปรับลงสู่ระดับ 55.3 จาก 56.5 ในเดือน ส.ค. ลดลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน จากปัญหาน้ำท่วมและสงครามตะวันออกกลางที่ยังยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะพลิกฟื้นตัวในเดือน ต.ค. หลังจากภาครัฐเริ่มแจกเงินให้กับกลุ่มเปราะบาง 1 หมื่นบาทต่อรายไปแล้ว เราคงน้ำหนัก Overweight ต่อกลุ่มค้าปลีกตามเดิม โดย Top Pick คือ CPALL, BJC, และ COM7

CPALL ประกาศงบQ3วันที่13 พ.ย.นี้ โบรกคาดกำไรโต 36% ฟื้นตัวเด่น

CPALL ประกาศงบQ3วันที่13 พ.ย.นี้ โบรกคาดกำไรโต 36% ฟื้นตัวเด่น

           หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงานว่า บล.กรุงศรี ระบุถึง CPALL ว่ากลับมาติดตามและยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 80 บาท เชื่อว่ากำไรหลักใน ไตรมาส 3/2567 จะเพิ่มขึ้น 36% yoy แต่ลดลง 6% qoq (อยู่ที่ 5.8 พันล้านบาท) การเติบโตที่ดีเมื่อเทียบกับปีก่อนได้รับแรงหนุนจาก: 1) การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ดีที่ 2-3% ในทุกธุรกิจ และ 2) อัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัว 0.4ppt (เป็น 22.2%) จากการมุ่งเน้นที่สาขาใหม่ ธุรกิจอาหารของ CPAXT (CPALL ถือหุ้น 60%) และ CVS ยังคงเน้นอาหารพร้อมรับประทานอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่า CPALL คือผู้ได้รับประโยชน์หลักจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่มประชากรขนาดใหญ่ ซึ่ง CPALL ให้ความสำคัญ CPALL จะประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 3/2567 ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567

นทท.ต่างชาติ โต7.8% แนะนำสะสมหุ้นท่องเที่ยว AOT - ERW - AAV โดดเด่น

นทท.ต่างชาติ โต7.8% แนะนำสะสมหุ้นท่องเที่ยว AOT - ERW - AAV โดดเด่น

          หุ้นวิชั่น- ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงานว่า KSS Strategist Comment: TH Tourism Update นักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ล่าสุด (30 ก.ย. -6 ต.ค.) +7.8%w-w ตามผลบวก Golden Week ส่วนระยะถัดไปมองเร่งต่อจากปัจจัยหนุนฤดูกาลท่องเที่ยว ผสาน นักท่องเที่ยวจีนเร่งขึ้นตามสัญญาณ Flight Capacity จีนสู่ไทย แนะนำสะสม AOT, ERW, AAV, CPALL, BJC, ADVANC Key Ideas : นักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ล่าสุด 30 ก.ย. – 6 ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น +7.8%w-w อยู่ที่ 6.38 แสนคน สูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ เรามองเป็นผลบวกช่วง Golden Week ทั้งนี้ เราประเมินเป็นจุดเริ่มต้นก่อนฟื้นตัวช่วงปลายปี หนุนจาก การเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวต่อเนื่องยาวจากงวด 4Q24 – 1Q25 เริ่มเห็น Upside ของนักท่องเที่ยวจีน โดยปัจจุบันกำลังให้บริการต่อที่นั่ง ต่อ กม. (ASK) ของจีนเดินทางไปต่างประเทศ ณ 7 ต.ค. (หลัง Golden Week) แตะระดับ 75% ของ Pre-COVID ปรับเพิ่มมีนัยฯ 47%y-y นอกจากนี้ ระดับกำลังให้บริการต่อที่นั่ง ต่อ กม. (ASK) ของจีนเดินทางมาไทย ณ 7 ต.ค. สูง 68% ของ Pre-COVID เทียบกับยอดนักท่องเที่ยวจีน 8M24 ที่อยู่เพียง 63% ยิ่งสะท้อนภาพชัดเจน           Strategy: มองโมเมนตัมการฟื้นตัวภาคท่องเที่ยวทยอยชัดเจนขึ้น ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมค่อยๆคลายตัวลง และสถานการณ์ตะวันออกกลางยังเชื่อว่าจำกัดวงระหว่างคู่กรณี เชิงกลยุทธ์แนะนำสะสมหุ้นท่องเที่ยว+ภาคบริการที่คาดฟื้นตัวเด่นช่วงฤดูกาลต่อเนื่อง เน้น AOT(TP Con-68.9) ERW (TP Con-5.3) AAV (TP-2.86) CPALL (TP-77) BJC(TP-30) ADVANC (TP-300)

จัดพอร์ตหุ้นรับวายุภักษ์ KTB-BBL-BCP น่าสะสม

จัดพอร์ตหุ้นรับวายุภักษ์ KTB-BBL-BCP น่าสะสม

หุ้นวิชั่น- บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุว่า การลงทุนที่น่าสนใจ หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF) นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วม แนะนำ HMPRO GLOBAL CPALL BJC DCC และ TASCO ซึ่งจากสถิติปีที่เกิด La Nina หากลงทุนช่วงครึ่งหลัง ก.ย. และขายต้น พ.ย. คาดหวังจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5.0%

CPALL เด่นรับเซเว่นสแกนจ่ายผ่าน Prompt pay เลือกหุ้นเด่นสุดในกลุ่มค้าปลีก-กำไรปีนี้โต 33%

CPALL เด่นรับเซเว่นสแกนจ่ายผ่าน Prompt pay เลือกหุ้นเด่นสุดในกลุ่มค้าปลีก-กำไรปีนี้โต 33%

           หุ้นวิชั่น - เซเว่น อีเลฟเว่น เปิดบริการใหม่ ให้สามารถสแกนจ่ายผ่าน QR Code จากแอปฯ ธนาคารได้แล้วโดยไม่มีขั้นต่ำ ทดลองเปิดให้บริการทั้งหมด 232 สาขาทั่วประเทศ พร้อมรองรับการสแกนผ่าน 7 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารออมสิน ธนาคารยูโอบี และธนาคารมิซูโฮ            บล.กรุงศรี มีมุมมองบวกต่อข่าว ร้านเซเว่นเริ่มเปิดรับสแกนจ่ายผ่าน QR code โดยนำร่อง 232 สาขาทั่วประเทศก่อนจะขยายสาขาให้บริการในระยะถัดไป เพราะเพิ่มช่องทางในการชำระเงิน ดังนั้น ระยะยาวคาดจะช่วยเพิ่มโอกาสในขายสินค้ามากขึ้น            แนวโน้มกำไรปกติ ไตรมาส3/2567 คาดบริเวณ 5.7-5.9 พันล้านบาท เติบโตสูง +36% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตาม 1) ทิศทาง SSSG ที่ยังบวก +1-4% ทุก format และดีกว่ากลุ่มค้าปลีก ประกอบกับ 2) GPM ของร้านเซเว่นและโลตัสส์เป็นขาขึ้น y-y ตามส่วนผสมการขายสินค้ามาร์จิ้นสูงที่ขยับขึ้น            คงคำแนะนำ “BUY” โดยมีราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 84 บาท ยังคงเลือกหุ้นเด่นสุดในกลุ่มค้าปลีก ทั้งนี้ เราชอบ CPALL ที่ 1) โมเมนตั้มกำไรปกติทั้งปี ปี 2567 คาดโต +33% สูงสุดในกลุ่มผู้ขายสินค้าในชีวิตประจำวัน , 2) ระยะยาวจะได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างของ CPAXT โดยผู้บริหารคาดสร้าง synergies 5.0 พันล้านบาทภายใน 3 ปีข้างหน้า และ 3) Valuation ถูก ราคาหุ้นซื้อขายบน PER ปี 2567 ที่ 25 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1.25SD ที่มา : บล.กรุงศรี

ดิจิทัลหมื่นบาทมาแล้ว มีหุ้นอะไรได้ประโยชน์?

ดิจิทัลหมื่นบาทมาแล้ว มีหุ้นอะไรได้ประโยชน์?

          หุ้นวิชั่น - บล. DAOL เผยคาดใช้จ่ายกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคมากสุดหลังเริ่มแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท           วานนี้ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เริ่มจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิรับเงิน 10,000 บาท ตามโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล โดยมีการเริ่มทยอยโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์และบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้ให้กับผู้มีสิทธิ์ และจะดำเนินการต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. นี้ รวม 6 วัน จำนวน 14.5 ล้านราย หรือคิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 145,000 ล้านบาท จากการสำรวจความคิดเห็นประชาชน พบว่าประชาชนส่วนใหญ่จะนำเงินไปใช้เพื่อการบริโภคและอุปโภคในชีวิตประจำวัน อาทิ ของใช้ในบ้าน, สินค้าเพื่อการศึกษา, สินค้าเพื่อการเกษตร, สินค้าไอที โทรศัพท์มือถือ DAOL: คงน้ำหนักการลงทุนกลุ่ม Commerce เป็น "มากกว่าตลาด"           โครงการแจกเงิน 10,000 บาทจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม โดยคาดว่าจะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ซึ่งจะช่วยหนุนและเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Commerce โดยตรง เรายังมองเป็นบวกต่อกลุ่ม Commerce ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมได้ โดยจะเป็นประโยชน์ทางอ้อมต่อการบริโภคโดยรวมของกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคสูง           ฝ่ายวิเคราะห์ ชอบ CPAXT (ซื้อ/เป้า 36.00 บาท), CPALL (ซื้อ/เป้า 84.00 บาท) และ CRC (ซื้อ/เป้า 40.00 บาท) ตามลำดับ จากการคาดการณ์การใช้จ่ายจะอยู่ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก           รองมาเป็นกลุ่ม Home Improvement HMPRO (ซื้อ/เป้า 15.00 บาท), GLOBAL (ถือ/เป้า 16.00 บาท) และ DOHOME (ถือ/เป้า 11.00 บาท) จากจำนวนสาขาที่มีในพื้นที่ที่มีผู้ได้รับสิทธิ์มากที่สุด ตามลำดับ หุ้นอื่นๆ ที่ได้ประโยชน์           และยังชอบกลุ่มผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคโดยตรง คือ NEO (ซื้อ/เป้า 64.00 บาท) มีสัดส่วนรายได้จากสินค้าอุปโภค 100%, OSP (ซื้อ/เป้า 28.00 บาท) มีสัดส่วนรายได้สินค้าอุปโภคที่ 9% ของรายได้รวม และ SFLEX (ซื้อ/เป้า 4.80 บาท) ได้ประโยชน์ต่อเนื่องจากยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีการใช้ flexible packaging เพิ่มขึ้น, CBG (ซื้อ/เป้า 88.00 บาท) กลุ่มเปราะบางเป็นลูกค้าหลักของเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์คาราบาวแดง คาดช่วยหนุนรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศใน 4Q24E โตต่อ YoY, QoQ