#COM7


COM7 เข้าดัชนี SET 50 นำสินค้าเทคโนโลยี มุ่งความยั่งยืน

COM7 เข้าดัชนี SET 50 นำสินค้าเทคโนโลยี มุ่งความยั่งยืน

          บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ได้รับเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็น 1 ใน 4 หุ้นใหม่ที่เข้าคำนวณดัชนี SET50 ในรอบครึ่งปีแรก 2568 พร้อมเดินหน้าวางกลยุทธ์นำสินค้าเทคโนโลยีตอบโจทย์ผู้บริโภค และความยั่งยืน           นายณรงค์ ศรีวรรณวิทย์ Chief Business Officer บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เปิดเผยว่า COM7 ได้รับเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้เป็น 1 ใน 4 หลักทรัพย์ใหม่ที่เข้าคำนวณดัชนี SET50 ในรอบครึ่งปีแรก พ.ศ. 2568 (1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2568) เป็นผลจากความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ที่เหมาะสมและแข็งแกร่ง ตอกย้ำผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าเทคโนโลยีที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ พร้อมกับ เดินหน้ากระจายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ในอนาคต เพื่อเพิ่มศักยภาพของ COM7 ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตลอดจน สร้างความเชื่อมั่นและความน่าสนใจ ในการลงทุนจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากดัชนี SET50 เป็นดัชนีที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของราคากลุ่มหลักทรัพย์ที่มี ขนาดมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง เป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้เปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุน (Performance Benchmark) หรือใช้เป็นดัชนีอ้างอิง (Underlying Index) ในการออกตราสารทางการเงินต่าง ๆ           อย่างไรก็ดี ในปีนี้ COM7 ได้รับรางวัลด้านความยั่งยืนจากตลาดหลักทรัพย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ประกอบด้วย ได้รับการประเมิน SET ESG Ratings 2024 ยกระดับที่ “AA”  รวมทั้ง คว้ารางวัล CGR 2024 ระดับ 5 ดาว “ดีเลิศ” ต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน และได้รับรางวัล CAC ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ตอกย้ำความมุ่งมั่นองค์กรโปร่งใส ต่อต้านคอร์รัปชัน สอดรับเทรนด์การลงทุนของโลก นักลงทุนให้ความสำคัญในการจัดสรรการลงทุนบนหลัก ESG มากขึ้นเรื่อยๆ โดย COM7 ให้ความสำคัญทั้งในมิติของสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance)           รวมทั้ง การนำเทคโนโลยีเข้ามายกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน มุ่งสู่ความยั่งยืนมากขึ้น และอยู่ในอุตสาหกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และพลังงานสะอาด ซึ่งในปีนี้ ได้เข้ามาต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งเป็นธุรกิจไฮมาร์จิ้น สอดรับกับการเติบโตของยุค Digital Transformation ด้วยการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่ม Solar Cell รวมถึงการจับมือ Amazon Web Services (AWS) เพื่อร่วมมือกันขยายฟีเจอร์ใหม่ๆ รองรับการเติบโตในตลาด Cloud Service ให้กับลูกค้ากลุ่ม SME

[ภาพข่าว] COM7 หุ้นยั่งยืน คว้าการประเมิน SET ESG Ratings 2024 ยกระดับที่ “AA”

[ภาพข่าว] COM7 หุ้นยั่งยืน คว้าการประเมิน SET ESG Ratings 2024 ยกระดับที่ “AA”

          นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เปิดเผยว่า COM7 ได้รับผลการประเมินหุ้นยั่งยืน หรือ SET ESG Ratings ประจำปี พ.ศ.2567 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดให้อยู่ในระดับ “AA” ยกระดับขึ้นจากปีที่ผ่านมา และจากบริษัทจดทะเบียนที่ผ่านเกณฑ์และได้รับการประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ในปีนี้มีจำนวนรวม 228 บริษัท สะท้อนการดำเนินธุรกิจค้าปลีกสินค้าเทคโนโลยีที่มีธรรมาภิบาล และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการองค์กรที่คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ครอบคลุมทั้งในมิติของสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) สอดคล้องกับเทรนด์การลงทุนอย่างยั่งยืน (sustainable investment) ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนต่อไป

จับตา!หุ้นเข้า SET50 BANPU-SAWAD-COM7-CCET

จับตา!หุ้นเข้า SET50 BANPU-SAWAD-COM7-CCET

          หุ้นวิชั่น -  หุ้นวิชั่น -ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า หุ้นที่คาดการณ์ว่าจะเข้า SET50 รอบครึ่งแรกปี 68 ได้แก่ BANPU, SAWAD, COM7 และ CCET ขณะที่หุ้นที่คาดว่าจะออกจาก SET50 ได้แก่ BCP CENTEL EA TIDLOR โดยเชื่อว่ามูลค่าหลักทรัพย์ที่ไม่ติดอันดับเป็น สาเหตุที่ทำให้หลุดออกจาก SET50   กรณีของ CCET ที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบครึ่งแรกปี 68 นั้น เชื่อว่าจะทำให้เกิดเงินทุนไหลเข้าดัชนี SET50 538.84 ล้านบาท ขณะที่ TIDLOR ที่คาดออกจาก SET50 จะทำให้มีเงินทุนไหลออกจากดัชนี SET50  324.74 ล้านบาท   สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET100 รอบครึ่งแรกปี 68 ได้แก่ CCET, JTS, PR9 และ COCOCO ส่วนหุ้นที่คาดว่า จะออกจาก SET100 ได้แก่ MBK, RBF, TIPH และ TOA โดยสาเหตุที่น่าจะทำให้ MBK และ TOA หลุดออกจาก SET100 เนื่องจาก Turnover ratio 1% ไม่ครบ 9 ใน 12 เดือน ส่วน TIPH ที่คาดออก เพราะมูลค่าซื้อขายไม่ผ่านเกณฑ์ 25% ของค่าเฉลี่ยรวมทั้งตลาด 9 ใน 12 เดือน ขณะที่ RBF คาดออก เพราะมูลค่าหลักทรัพย์ไม่ติดอันดับ ทั้งนี้คาดว่า CCET จะเข้า SET100 จะทำให้เกิดเงินทุนไหลเข้าดัชนี SET100 46.15 ล้านบาท และ MBK จะทำให้มีเงินทุนไหลออกจากดัชนี SET100 19.98 ล้านบาท             โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก SET50 และ SET100 รอบครึ่งแรกปี 68 ในช่วงวันที่ 13 - 18 ธันวาคม 67 นี้ และเริ่มใช้วันที่ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 68   ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า จากข้อมูลหุ้นที่เข้า SET50 ในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา หรือ 16 รอบของการปรับหุ้นเข้าและออกใน SET50 พบว่า หากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้าก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ 1 เดือน จะให้ ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.83% ขณะที่หากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้าก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ 2 สัปดาห์ ผลตอบแทนเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2.15% จากข้อมูลดังกล่าวชี้ว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงหุ้นใน SET50 นั้น หุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 จะให้ผลตอบแทนเชิงบวก         นอกจากนี้ยังพบว่า หุ้นที่ได้รับการปรับประมาณการเพิ่มขึ้น มีการซื้อขายอยู่ในโซนล่าง และมี Upside สูง เป็นหุ้นที่น่าสนใจ ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI จึงทำการเปรียบเทียบ % Upside to target price ของ Bloomberg consensus กับค่า Z Score 12M FWD PE 5 ปีย้อนหลัง พบว่า หุ้นที่มีการซื้อขายอยู่ในโซนล่าง มี % Upside to target price สูง และมี SETESG Rating ระดับ A ขึ้นไป ได้แก่ COM7 มี Upside 10.6% , BANPU มี Upside 5.7% ขณะที่ค่า Z-Scores 12M FWD PE 5 ปี อยู่ที่ -0.99 และ -0.02 ตามลำดับ             เมื่อเปรียบเทียบ การปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) กับราคาเป้าหมาย (Target price) ย้อนหลัง 1 เดือน จะได้หุ้นที่ถูกปรับประมาณการเพิ่มขึ้น ได้แก่ CCET (EPS ถูกปรับขึ้น 6.5%, Target price ถูกปรับขึ้น 52.9%) และหากเปรียบเทียบการปรับประมาณการกำไรต่อหุ้นกับราคาเป้าหมายย้อนหลัง 6 เดือน จะได้หุ้นที่ถูกปรับประมาณการเพิ่มขึ้น ได้แก่ CCET (EPS  ถูกปรับขึ้น 26.9%, Target price ถูกปรับขึ้น 81.4% และ COM7 (EPS ถูกปรับขึ้น 8.0%, Target price ถูกปรับขึ้น 35.0%)   ขณะที่หุ้นที่มีราคาปรับลงมากที่สุด โดยเปรียบเทียบย้อนหลัง 1 เดือนล่าสุด ได้แก่ BANPU ราคาปรับลง 7.3% และ SAWAD ปรับลง 3.6% และเมื่อพิจารณาข้อมูลการซื้อขายสุทธิของผู้บริหาร ตั้งแต่ต้นปี 67 ถึงปัจจุบัน จะได้หุ้นที่มียอดซื้อขายสุทธิของผู้บริหารมากสุด ได้แก่ SAWAD 323.24 ล้านบาท, CCET 14.45 ล้านบาท และ BANPU 8.54 ล้านบาท

COM7 กวาดกำไร 709 ล. ยิ้มรับ Q4 ไฮซีซั่น - iPhone ทรงดี / หุ้น SET

COM7 กวาดกำไร 709 ล. ยิ้มรับ Q4 ไฮซีซั่น - iPhone ทรงดี / หุ้น SET

          COM7 โชว์ผลงานไตรมาส 3/67 ออกมาแจ่ม รายได้ 17,983.5 ล้านบาท โต 10.2 % ส่วนกำไร 708.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9 % หลังมีหลายปัจจัยบวกหนุนความต้องการสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคและการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่าง iPhone16 แม้ต้องเผชิญภาวะสินค้าขาดแคลนและส่งมอบช้า แต่กลับมาพีคขึ้นในช่วงต้นไตรมาส 4 ซึ่งเป็นการเข้าสู่ฤดูไฮซีซั่น เตรียมรับยอดขายสมาร์ทโฟนและสินค้าใหม่หนุน เปิดเกมบุกตลาด Solar รับเทรนด์รักษ์โลก มั่นใจเป้ารายได้ปีนี้โต 10 % ตามที่วางไว้ ด้านสาขาสิ้นปีคาดมี 1,325 แห่งทั่วประเทศ           นางสนธยา ธัง Chief Marketing Officer บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เปิดเผยผลประกอบการบริษัท ฯ ไตรมาส 3/67  ว่า รายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 17,983.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2 % เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 16,320.8 ล้านบาท สำหรับกำไรส่วนของบริษัทใหญ่เท่ากับ 708.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนเท่ากับ 611.4 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 13.3 % ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงจากช่วงเดียวกันปีก่อนเท่ากับ 13.4 % รวมถึงใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าที่ระดับ 13.5 % นอกจากนั้น บริษัทยังมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจากบริษัทร่วม เท่ากับ 14.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึง 155.2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 5.8 ล้านบาท           “ช่วงไตรมาส 3 มีปัจจัยบวกหลายอย่าง โดยเฉพาะจากมาตรการภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจและผลจากการเปิดตัว iPhone16 แต่ปัจจุบันบริษัทยังคงเผชิญกับปัญหาขาดแคลนสินค้าและการส่งมอบที่ล่าช้าออกไป แต่บริษัทได้ประเมินสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อยอดขายในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากตอนนี้ยังเห็นผลสะท้อนชัดเจนว่า ยังมีความต้องการของตลาดสูงอย่างต่อเนื่องจากผู้บริโภค ขณะที่สินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟนแบรนด์ชั้นนำ ซึ่งเป็นสัดส่วนหลักของบริษัทฯ สร้างการเติบโตในระดับ Double Digits ซึ่งสูงกว่าภาพรวมตลาด  และการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A ได้ดี ทำให้แนวโน้มกำไรแข็งแกร่งขึ้น” นางสาวสนธยา ธัง กล่าว           ทั้งนี้  ณ สิ้นเดือนกันยายน 67 ที่ผ่านมา คอมเซเว่นมีจำนวนสาขาทั้งหมด 1,301 แห่ง ในไตรมาส 4 คาดจะเปิดเพิ่ม 24 แห่ง รวมทั้งปีคาดมี 1,325 แห่ง ทั่วประเทศ           นายจรัสพงษ์ ประเสริฐสกุล Head of sales and operations กล่าวต่อว่า ภาพรวมบริษัทในกลุ่ม แม้ยังมีผลการดำเนินงานไม่โดดเด่น แต่ภาพรวมมีการเติบโตที่ดีขึ้น ทั้งธุรกิจเช่าซื้อสินค้าภายใต้ UFund (Thunder FinFin) ที่ทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้า Apple ได้ง่ายขึ้นมีอัตราการอนุมัติที่ดีขึ้น ภายใต้การควบคุมความเสี่ยงอย่างรัดกุม ด้าน iCare ประกันภัย เริ่มเข้ามาขยายตลาดจริงจังในไตรมาสแรกปีนี้ เห็นยอดขายที่มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง           นอกจากนี้ เพื่อขยายไปยังตลาดใหม่ที่เป็นเทรนด์ของการรักษ์โลก ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติให้บริษัทย่อยของบริษัทเข้าร่วมลงทุนเพื่อจัดตั้งบริษัทแห่งใหม่ ชื่อ บริษัท โซลาร์ ไนน์ จำกัด เพื่อดำเนินกิจการจัดจำหน่ายโซลาร์เซลล์ โดย บริษัท คอมเซเว่น โฮลดิ้ง จำกัด จะถือหุ้น 60 % ของทุนจดทะเบียน และนายขวัญชัย มยุรศิริพงษ์ ถือหุ้นสัดส่วน 40 % ของทุนจดทะเบียน สำหรับวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อต่อยอดทางธุรกิจและประกอบกิจการอื่นที่สืบเนื่องกับธุรกิจหลัก โดยใช้เงินสดจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทเป็นเงินลงทุน เพื่อขยายตลาดรับทิศทางพลังงานทดแทนมีแนวโน้มเชิงบวก และได้อานิสงส์ภาครัฐสนับสนุน เปิดจำหน่ายไปแล้วในไตรมาส 3 ในร้าน BaNANA จำนวน 41 จุดขาย และจะเปิดอีก 59 จุดขายในไตรมาส 4 รวมเป็น 100 จุดขาย รุกตลาด Solar เต็มตัว           สำหรับภาพรวม iPhone16 ที่เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา และเริ่มวางจำหน่ายจริงในวันที่ 20 กันยายน 67 ได้รับการตอบรับที่ดีตั้งแต่เปิดจอง โดยยอดจองเพิ่มขึ้นประมาณ 34 % สะท้อนกระแสความสนใจของสินค้า ขณะที่ข้อจำกัดในเรื่องอุปทานสินค้าที่มีจำกัดในช่วงเปิดตัวล็อตแรก เมื่อเทียบกับ iPhone รุ่นก่อน มีจำนวนลดลง อีกทั้ง การมีจำนวนประเทศ Tier1 ที่จำหน่าย iPhone ล็อตแรกเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ในเดือนกันยายน ยอดขายในช่วงเปิดตัวเดือนกันยายนยังเข้ามาไม่เต็มที่นัก แต่กลับมาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในเดือนตุลาคม พร้อมด้วยการจัดกิจกรรมการตลาด และแคมเปญ Trade in Plus กระตุ้นกำลังซื้อ ส่งผลให้ COM7 มีทราฟฟิคคนเข้ามาประเมินราคาเพิ่มขึ้น และสนับสนุนยอดขายที่ได้จากเครื่องเก่ามาแลกเครื่องใหม่ เติบโตขึ้นถึง 40%           ทั้งนี้ แนวโน้มไตรมาส 4/67 ยังคาดจะเป็นไตรมาสที่ดีของปี จากการเปิดตัวสินค้าใหม่และสร้างยอดขายเข้ามาต่อเนื่อง ได้แก่ Apple Watch Series10, iPad Mini รวมทั้ง Airpod และ Mac Book รุ่นใหม่ กระแสตอบรับค่อนข้างดี พร้อมกับการให้ความสำคัญในการให้บริการ สร้าง Customer Experience รวมทั้ง สร้างแบรนด์ Studio7 และ Banana ให้แข็งแกร่ง รุกตลาดในรูปแบบ Omni Chanel ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และการเข้าถึงลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับแต่ละกลุ่มลูกค้าอย่างแท้จริง           นอกจากนั้นยังมีปัจจัยเพิ่มเติมที่ช่วยส่งเสริมความมั่นใจในไตรมาส 4/67 อีก นั่นก็คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโครงการ 10,000 บาท ที่เริ่มส่งผลบวกต่อการเติบโตในกลุ่มของสมาร์ทโฟนระดับราคาเริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าสมาร์ทโฟนได้กลายมาเป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับลูกค้าในกลุ่มนี้เช่นกัน ทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มส่งสัญญาณขาลงก็ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคด้วย           ไม่หมดเท่านี้ เพื่อต่อยอดจากการเป็นผู้นำในตลาด Smart Phone และ iPhone รายใหญ่ของประเทศไทย เรามุ่งเน้นพัฒนาและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของเรา จึงพัฒนา Case Club ร้านที่เข้ามาตอบโจทย์การใช้เคสโทรศัพท์ เปิดแล้ว 5 สาขา และช่องทางออนไลน์ https://caseclub.in.th โดยเอ็กซ์คลูซีฟกับแบรนด์และดีไซเนอร์ในประเทศไทย  ทั้งลูกค้ายังสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมตามสไตล์ของตัวเอง (Personalization) ได้อีกด้วย ถือเป็นการเปิดธุรกิจใหม่ในกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรที่ค่อนข้างดี           บริษัทฯ จึงยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2567 จะเติบโต 10 % จากปีก่อนที่ทำได้ 69,559.5 ล้านบาท พร้อมกับให้ความสำคัญในการบริหารงานตามหลัก ESG และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ล่าสุด คว้ารางวัล CGR 2024 ระดับ 5 ดาว “ดีเลิศ” ต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน และรับมอบประกาศนียบัตรรับรองการต่ออายุเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 จากงาน CAC Certification Ceremony 2/2024 “Navigating ESG : The Power of Integrity” จัดโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) [PR News]

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

COM7 โบรกฯมอง Q4 ช่วงพีค - จับตาการแข่งขันเข้ม

COM7 โบรกฯมอง Q4 ช่วงพีค - จับตาการแข่งขันเข้ม

         หุ้นวิชั่น - บล.เคจีไอ ส่องหุ้น Com7 มองผลประกอบการไตรมาสที่สามของ COM7 เป็นไปตามคาด โดยกำไรที่ลดลง QoQ และ การปิดสาขาร้านใน Q3/67 ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันในตลาด ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ “ถือ” โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 31.00 บาท อิงจาก PER ที่ 22.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต -0.5 S.D.) หรือ คิดเป็น PEG ที่ 1.8x ฝ่ายวิจัยมองไตรมาสที่สี่จะเป็นช่วงที่ดีตามฤดูกาล แต่ยังต้องจับตาการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้น          โดยตามปกติแล้วไตรมาสที่สี่จะเป็นช่วง peak ตามฤดูกาล ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่า COM7 จะได้อานิสงส์จากปัจจัยนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ยอดขายที่ลดลงในไตรมาสที่สาม และ การปิดสาขาร้านทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการแข่งขันของบริษัท และ การแข่งขันที่อาจจะเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น อาจจะทำให้บริษัทเพิ่มยอดขายตามเป้าหมายได้ยากถ้าไม่ยอมเฉือนอัตรากำไรลง ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ยังต้องติดตามต่อไป ในขณะเดียวกัน บริษัทย่อยแห่งใหม่ (Solar9 Co., Ltd) ที่ทำธุรกิจนำหน่าย solar cell อาจจะทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจใหม่ อื่น ๆ ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ “ถือ” โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 31.00 บาท

เก็งโผหุ้นเข้า SET50 BANPU, SAWAD, COM7, TCAP

เก็งโผหุ้นเข้า SET50 BANPU, SAWAD, COM7, TCAP

            หุ้นวิชั่น - ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ได้ประเมินหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 ในรอบครึ่งแรกปี 68 เบื้องต้น ได้แก่ BANPU, SAWAD, COM7, TCAP และหุ้นที่คาดว่าจะออกจาก SET50 ได้แก่ BCP, CENTEL, EA, TIDLOR โดยคาดว่ามูลค่าหลักทรัพย์ที่ไม่ติดอันดับเป็นสาเหตุที่ทำให้หลุดออกจาก SET50 ทั้งนี้ประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 หากข้อมูลครบ จะคำนวณใหม่อีกครั้ง             สำหรับหุ้นคาดว่าจะเข้า SET100 ในรอบครึ่งแรกปี 68 ได้แก่ JTS, CCET, COCOCO, PR9 ขณะที่คาดว่าหุ้นที่จะออกจาก SET100 ได้แก่ MBK, RBF, TIPH, TOA สาเหตุที่คาดว่า MBK และ TOA จะหลุดออกจาก SET100 เนื่องจาก Turnover ratio 1% ไม่ครบ 9 ใน 12 เดือน ส่วน TIPH จะหลุดจาก SET100 เพราะมูลค่าซื้อขายไม่ผ่านเกณฑ์ 25% ของค่าเฉลี่ยรวมทั้งตลาด 9 ใน 12 เดือน และ RBF ที่หลุด เพราะมูลค่าหลักทรัพย์ไม่ติดอันดับ โดยประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 หากข้อมูลครบ จะคำนวณใหม่อีกครั้ง             โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) น่าจะประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก SET50 และ SET100 ในรอบ ครึ่งแรกปี 68 ในช่วงวันที่ 13 - 18 ธ.ค.2567 และเริ่มใช้วันที่ 1 ม.ค.- มิ.ย. 2568             ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า จากข้อมูลหุ้นที่เข้า SET50 ในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา หรือ 16 รอบของการปรับหุ้นเข้าและออกใน SET50 พบว่าหากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้า 1 เดือน ก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.83% ขณะที่หากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ ก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.15% ดังนั้น จากข้อมูลดังกล่าวพบว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงหุ้นใน SET50 นั้น หุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 จะให้ผลตอบแทนในเชิงบวก             ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า หุ้นที่ได้รับการปรับประมาณการเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีการซื้อขายอยู่ในโซนล่าง และมี เปอร์เซ็น upside สูง เป็นหุ้นที่น่าสนใจ โดยเมื่อเปรียบเทียบเปอร์เซ็น upside ของราคาหุ้นต่อราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus กับค่า Z Score ช่วง 12 เดือน FWD PE 5 ปีย้อนหลัง หุ้นที่มีการซื้อขายอยู่ในโซนล่างมีเปอร์เซ็น upside ของราคาหุ้นต่อราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus สูง และมี SETESG Rating ในระดับ A ขึ้นไป ได้แก่ TCAP (7.7%) และ BANPU (0.5%) ในขณะที่ค่า Z-Scores 12 เดือน FWD PE 5 ปีจะอยู่ที่ -0.95 และ 0.003 ตามลำดับ             ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบการปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) กับราคาเป้าหมายย้อนหลัง 1 เดือน จะได้หุ้นที่ถูกปรับประมาณการเพิ่มขึ้นได้แก่ COM7 ขณะที่หุ้นที่ราคาลงมามากที่สุด โดยเปรียบเทียบย้อนหลัง 1 เดือนล่าสุดได้แก่ BANPU (-11.3%) และเมื่อพิจารณาข้อมูลการซื้อขายสุทธิของผู้บริหาร ตั้งแต่ต้นปี 2567 ถึงปัจจุบัน จะได้หุ้นที่ มียอดซื้อขายสุทธิของผู้บริหารมากสุด ได้แก่ SAWAD 323.24 ล้านบาท และ BANPU 8.54 ล้าน บาท

[ภาพข่าว] COM7 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวโครงการ ESOP W1

[ภาพข่าว] COM7 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวโครงการ ESOP W1

          นายศิริพงษ์ สมบัติศิริ ประธานกรรมการ นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จํากัด (มหาชน) หรือ COM7 นำทีมคณะกรรมการบริษัทฯ ร่วมงานประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการออกและเสนอขายใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทและ/หรือบริษัทย่อย ครั้งที่1 (COM7 – ESOP W1) จํานวนไม่เกิน 30,000,000 หน่วย อายุไม่เกิน 5 ปี โดยไม่คิดมูลค่า อัตราการใช้สิทธิใบสําคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยต่อหุ้นสามัญ 1 หุ้น และมีราคาใช้สิทธิในราคาหุ้นละ 25.50 บาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงจูงใจและเป็นผลตอบแทนให้กับบุคลากรที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จกับองค์กร ให้มีความตั้งใจทุ่มเทในการทำงานและมีความรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กร และเป็นการรักษาบุคลากรที่มีความสำคัญให้ทำงานกับบริษัทต่อไปในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือในการจูงใจให้บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ  และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจและสร้างความยั่งยืนในการประกอบธุรกิจเข้าร่วมงานกับบริษัท ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นต่อไปโดยงานดังกล่าวจัดขึ้น ณ สำนักงานใหญ่บริษัท เมื่อเร็วๆ นี้

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

[PR News] COM7  iPhone 16 ยอดจองคึก รับเทรนด์ใหม่

[PR News] COM7 iPhone 16 ยอดจองคึก รับเทรนด์ใหม่

COM7 ว้าว! กระแส iPhone 16 ซีรีส์ ยอดจองแรงไม่แผ่ว รับเทรนด์ Apple Intelligence แถมปีนี้ขายเร็วกว่าเดิม           COM7 ยิ้มรับการเปิดตัวของ iPhone 16 ซีรีส์ ขายวันแรก ลูกค้าต่อคิวจับจองเป็นเจ้าของล้น กระแสตอบรับดีตั้งแต่เปิดจองเมื่อวันที่ 13 – 19 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำสถิติร้อนแรงไม่แพ้รุ่นก่อน เปิดโผ iPhone 16 Pro Max ความจุ 256 GB และ 512 GB สีไทเทเนียมทะเลทราย (Desert Titanium) กวาดคะแนนยอดนิยมสูงสุด พร้อมกับฟีเจอร์ Apple Intelligence รองรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุค AI และอานิสงส์ไทย Tier 1 ขาย iPhone 16 ในปีนี้เร็วขึ้นกว่าปีก่อน 2 วัน ในด้านราคาที่ปรับลดลงจากรุ่นก่อนเฉลี่ย 1,000 – 4,000 บาท สนับสนุนการตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น พร้อมบริการ Trade In+ นำสินค้าเครื่องเก่ามาแลกรับส่วนลด เพื่อเป็น iPhone 16 ที่ Studio7 และ BaNANA รวมทั้ง  สาขาในเครือ ทั่วประเทศ พร้อมอวดโฉม Studio7 สาขา EmQuartier ยกระดับเป็น Apple Premium Partner (APP) ที่ใหญ่ที่สุดใน South East Asia            นางสาวแก้วเจียระไน เขมาสิทธิ์ ผู้จัดการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้า Apple บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เปิดเผยถึง ผลตอบรับของ iPhone 16 , iPhone 16 Plus , iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ที่วางจำหน่ายวันแรก ลูกค้าต่อคิวจับจองเป็นเจ้าของล้นหลาม ภายหลังจากเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 13 – 19 กันยายน 67 ที่ผ่านมา iPhone 16 ซีรีส์ ยังคงสร้างปรากฏการณ์ที่ดีต่อเนื่อง ลูกค้าให้การตอบรับ มียอดจองซื้อเข้ามาดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน โดยเฉพาะ iPhone 16 Pro Max ความจุ 256 GB และ 512 GB สีไทเทเนียมทะเลทราย (Desert Titanium) ได้รับความนิยมสูงสุด และถูกจองหมดอย่างรวดเร็ว           นับเป็นการยกระดับ iPhone ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ Apple Intelligence รองรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ สร้างความตื่นเต้นให้สาวก Apple กันไม่น้อย เพราะมีหลายฟีเจอร์ที่จะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น สะดวกขึ้น ให้ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยสูง และการปรับความสามารถของ Siri ให้มีความธรรมชาติ เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งาน ควบคู่กับ ChatGPT ซึ่งจะใช้งานได้ตั้งแต่ iPhone 15 Pro ขึ้นไป บนระบบปฏิบัติการ iOS 18 และมองว่า เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผลตอบรับ iPhone 16 ซีรีส์ ที่เปิดตัวในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับอย่างคึกคัก           นอกจากนี้ ในปี 67 นับเป็นอีกปีที่ดี ในฐานะประเทศไทยเป็นประเทศกลุ่มแรก (Tier 1) ที่จำหน่าย iPhone ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม พร้อมสำหรับการวางจำหน่ายวันแรก ในวันที่ 20 กันยายน 67 เร็วกว่าปีก่อน 2 วัน ในราคาที่ปรับเข้าถึงผู้บริโภคง่ายขึ้น และได้กลุ่มเป้าหมายกว้างขึ้น ซึ่งราคาปรับลดลงจากรุ่นก่อนหน้าราว 1,000 – 4,000 บาท โดย iPhone 16 ความจุ 128 GB ราคาเริ่มต้นที่ 29,900 บาท ไปจนถึง iPhone 16 Pro Max ความจุ 1 TB ราคาเริ่มต้นที่ 64,900 บาท           “สำหรับการจัดกิจกรรมรับเครื่อง iPhone 16 ซีรีส์ ในวันแรก ที่ร้าน Studio7 ชั้น 2 อาคาร A ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์ (EmQuartier) เปิดให้ลูกค้าเข้ามารับสินค้าตั้งแต่ 8.00 น. มีลูกค้าต่อคิวรอรับเครื่องด้วยบรรยากาศคึกคัก นอกจากนี้ Studio7 สาขา EmQuartier ได้อวดโฉมใหม่เป็น Apple Premium Partner (APP) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและ South East Asia ความพิเศษของสาขานี้ก็คือ มีสินค้า Apple ครบครัน ทั้ง iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และ Gadget & Accessories มีพื้นที่ขนาดใหญ่ รองรับการจัด Workshop และกิจกรรมที่เสริมสร้างประสบการณ์การใช้สินค้า Apple ให้ดีขึ้น ตอกย้ำ COM7 ที่เล็งเห็นประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค และเป็นตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่สุดของ Apple ในประเทศไทย” นางสาวแก้วเจียระไน กล่าว           อย่างไรก็ดี ในด้านการบริการที่ครบวงจรของ COM7 บริษัทได้พัฒนาแคมเปญ “เทรดอิน พลัส (Trade-in Plus)” นำเครื่องเก่ามาแลกรับส่วนลดเครื่องใหม่ ที่ร้าน Studio 7 และ BaNANA รวมทั้งสาขาภายใต้การบริหารทั่วประเทศไทย ให้ลูกค้าใช้งานได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากขึ้น โดยมีโปรแกรมมาช่วยวิเคราะห์เพิ่มความแม่นยำ และชาญฉลาด ทำให้ลูกค้าได้ราคาที่ดีกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังมีบริการด้านไฟแนนซ์และโปรแกรมสินเชื่อบัตรเครดิตที่ร่วมรายการผ่อน 0% นานสูงสุด 36 เดือน และสินเชื่อ UFund จาก COM7 เป็นทางเลือกให้ลูกค้าในการตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่ได้ง่ายกว่าเดิม           อีกทั้ง ในโลกเทคโนโลยีกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Apple ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยระบบที่เป็นเอกลักษณ์ มี Ecosystem สินค้าครอบคลุมการใช้งานแบบไร้รอยต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับการเปิดตัว iPhone 16 รุ่นเรือธงของ Apple ปีนี้ มาพร้อมกับ Apple Watch Series 10 ที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่หมดจด หน้าจอใหญ่ขึ้น ขอบบางลง และ Apple Watch Ultra 2 ยกระดับความทนทาน รวมถึง AirPods 4 , AirPods Max และ AirPods Pro 2 มาพร้อมกับประสบการณ์เสียงและการอัปเกรดซอฟต์แวร์ที่ดียิ่งขึ้น ในสีสันใหม่ จะสนับสนุนให้ในโค้งสุดท้ายของปีนี้คึกคัก นอกจากนี้ ยังทำให้กลุ่มสินค้า Accessory ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเช่นกัน           ทั้งนี้ ณ สิ้นมิถุนายน 2567 COM7 มีช่องทางการจำหน่ายสินค้า Apple กระจายอยู่ทั่วประเทศ  ประกอบด้วย Studio7 ที่มี 133 สาขา นอกจากนี้ ยังจำหน่ายผ่านร้าน BaNANA , BKK , KingKong Phone และ True Shop by COM7 จากสาขาทั้งหมดภายใต้การบริหารของ COM7 ในครึ่งปีแรกมีจำนวน 1,382 สาขา พร้อมกับแพลตฟอร์ม Studio7thailand.com และ BNN.in.th สะท้อนการมีช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่ง และเชื่อมต่อธุรกิจ O2O (Online to Offline) โดยสามารถช้อปออนไลน์รับสินค้าที่ร้านได้ใน 1 ชั่วโมง และบริการส่งฟรีทั่วประเทศ