#CGSI


บล.CGSI ชูระบบ BETS ตอบโจทย์นักลงทุนทุกระดับ

บล.CGSI ชูระบบ BETS ตอบโจทย์นักลงทุนทุกระดับ

          หุ้นวิชั่น - [ประเทศไทย, 19 ธันวาคม 2567] บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI เผย ช่วง 11 เดือนของปี 2567 ธุรกรรม Block Trade ของบริษัทเพิ่มขึ้น สวนทางปริมาณการซื้อขายตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) โดยรวมที่ลดลง โดยปริมาณการซื้อขาย CGSI Block Trade เติบโตสูงถึง 61% ขณะที่ลูกค้าจำนวนมากใช้ระบบ BETS ส่งคำสั่งด้วยตัวเองในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน คาด Block Trade ในปีหน้ายังเติบโตต่อเนื่อง           ฝ่ายตราสารอนุพันธ์ CGSI กล่าวว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ปริมาณการซื้อขายและจำนวนคำสั่งซื้อขายรวมในตลาด TFEX อยู่ที่ 107.8 ล้านสัญญา และ 22.05 ล้านคำสั่ง ลดลง 17% และลดลง 7% เมื่อเทียบกับทั้งปี 2566 ตามลำดับ เช่นเดียวกับปริมาณการซื้อขายและจำนวนคำสั่งซื้อขาย Block Trade ในตลาด อยู่ที่ 32 ล้านสัญญา และ 1.33 แสนคำสั่ง ลดลง 22% และลดลง 36% เมื่อเทียบกับทั้งปี 2566 ตามลำดับ           “แม้ปริมาณการซื้อขาย TFEX โดยรวมจะลดลง แต่สัดส่วนการทำธุรกรรม Block Trade ของ CGSI กลับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงความสนใจของนักลงทุนที่ใช้ CGSI Block Trade ช่วยในเชิงกลยุทธ์การลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน” ฝ่ายตราสารอนุพันธ์ CGSI กล่าว           ทั้งนี้ CGSI Block Trade เติบโตถึง 61% ในช่วง 11 เดือนของปีนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ลูกค้าใช้ระบบ BETS ซึ่งเป็นระบบส่งคำสั่งด้วยตัวเองสูงถึง 67% โดยเฉพาะในไตรมาส 3/2567 ธุรกรรมใน CGSI Block Trade ขยายตัวถึง 157% ขณะที่จำนวนคำสั่งซื้อขายบนระบบ BETS เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 290% สูงกว่าปกติ บ่งชี้ว่าการใช้งานระบบ BETS มีสภาพคล่องที่ดี และมีปริมาณการซื้อขายในตลาดที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน           ฝ่ายตราสารอนุพันธ์ CGSI กล่าวว่า นักลงทุนใช้ Block Trade มากขึ้น เพื่อบริหารความเสี่ยง และดำเนินการส่งคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แก้ไขปัญหาสภาพคล่องบน Single Stock Futures (SSF) นอกจากนี้ ช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงยังกระตุ้นให้นักลงทุนใช้ Block Trade มากขึ้น เพราะมีความยืดหยุ่นในการกำหนดราคาและมีอัตราทดสูง ซึ่งช่วยป้องกันความเสี่ยงและการเก็งกำไร           ขณะที่โบรกเกอร์ได้พัฒนาแพลตฟอร์มเกี่ยวกับ Block Trade ทำให้นักลงทุนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ตอบโจทย์การส่งคำสั่งที่ง่ายและรวดเร็ว โดยเฉพาะ CGSI ได้เปิดตัวระบบส่งคำสั่ง Block Trade Online ชื่อว่าระบบ BETS ได้รับผลตอบรับดีเกินความคาดหมาย ตัวเลขผู้ใช้งานเติบโตก้าวกระโดดเกือบ 50% ของจำนวนนักลงทุนที่ส่งคำสั่ง Block Trade กับ CGSI ทำให้ในปี 2567 CGSI Block Trade มีปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้นผ่านระบบ BETS           ฝ่ายตราสารอนุพันธ์ CGSI มองว่า แม้ปริมาณการซื้อขายในตลาด TFEX จะเผชิญกับแรงกดดันและชะลอตัวในปี 2567 แต่คาดว่าในปี 2568 Block Trade จะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากภาวะตลาดมีเสถียรภาพและเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น Block Trade จะมีบทบาทในการเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับนักลงทุน           CGSI เล็งเห็นการเติบโตและบทบาทอันสำคัญของ Block Trade จึงได้พัฒนาระบบ BETS ขึ้นมา เพื่อช่วยให้นักลงทุนทำธุรกรรม Block Trade ผ่านระบบออนไลน์บนอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ นักลงทุนนสามารถเปิด-ปิดสถานะ Block Trade ได้อย่างคล่องตัว ตรวจสอบสถานะได้ตลอดเวลา มีฟีเจอร์คำนวณค่าใช้จ่ายอัตโนมัติ และจะพัฒนาระบบ BETS อย่างต่อเนื่องเพื่อให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุน           หากท่านต้องการควบคุมการลงทุนด้วยตัวเอง สามารถสมัครใช้ระบบ BETS ของ CGSI ได้ฟรีวันนี้ โดยมีสิทธิพิเศษ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 0 บาท สำหรับการเปิดและปิดสถานะ Long ภายในวันเดียวกันผ่านระบบ BETS เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2568 เกี่ยวกับ CGS International Securities           CGS International Securities (Thailand) Co., Ltd. (CGS TH) หนึ่งในกลุ่มบริษัท CGS International คือผู้ให้บริการทางการเงินแบบครบวงจรที่ได้รับรางวัลและติดอันดับบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำในประเทศไทย

CGSI ชี้หุ้นไทยครึ่งปีแรก 68 ไหว…ไม่ไหว เช็กดู!

CGSI ชี้หุ้นไทยครึ่งปีแรก 68 ไหว…ไม่ไหว เช็กดู!

          หุ้นวิชั่น - ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งปีแรก 68 ยังไม่คึกคัก เชื่อว่านักลงทุนต้องการรอดูท่าทีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและประเทศอื่นๆครั้งใหญ่หรือไม่ นอกจากนี้ นายทรัมป์อาจมีมาตรการลดภาษีให้กับคนอเมริกัน ซึ่งจะช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐ จึงเชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้เงินลงทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทย           ทั้งนี้ นโยบายเศรษฐกิจของนายทรัมป์ ยังอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯลดลงช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งปัจจุบัน Bloomberg คาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 75bp เป็น 3.75% ภายในสิ้นปี 68 ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI จึงคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งเดียวในปี 68 เป็น 2.00% จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.25%           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่า รัฐบาลไทยจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยลบภายนอก ประกอบด้วย โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 2 ที่รัฐจะแจกเงินให้คนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปในเดือนม.ค.68 ซึ่งตามรายงานข่าวระบุว่ารัฐบาลคาดว่าจะแจกเงินเฟส 2 ราว 4 หมื่นล้านบาท, มีแผนจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานภายในเดือนก.ย.68 เพื่อซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ, มีแผนปรับโครงสร้างหนี้ที่มีปัญหาหรือหนี้ที่ค้างชำระไม่เกิน 1 ปีในกลุ่มสินเชื่อบ้าน สินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อ SME ซึ่งมีมูลค่ารวม 1.3 ล้านล้านบาท, มีแผนปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาท/วัน เป็นต้น           สำหรับสถานการณ์การเมืองของไทยนั้น พรรคเพื่อไทยและน.ส.แพทองธาร ชินวัตรถูกยื่นคำร้องมากกว่า 10 คำร้อง ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย แม้จะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ดังนั้นหากประเมินในกรณีแย่สุดคือ พรรคเพื่อไทยถูกยุบพรรค สมาชิกพรรคที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค ก็ยังสามารถย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ได้           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า จากปัจจัยลบภายนอกที่ไม่สดใส จึงมองว่าหุ้น Domestic play และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า จึงชอบกลุ่มอุปโภคบริโภค, กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มการแพทย์, กลุ่มธนาคารและกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ขณะที่แนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนกลุ่มน้ำมันและก๊าซ, กลุ่มปิโตรเคมีและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์           โดยคาดว่า EPS ของตลาดหุ้นไทยจะเติบโต 3% yoy ในปี 67 และโต 11% ในปี 68 ขณะที่ยังคงเป้าดัชนี SET สิ้นปี 68 อยู่ที่ 1,630 จุด ซึ่งเท่ากับ P/E 16 เท่าในปี 68 หรือ -0.75SD ของค่าเฉลี่ยห้าปี โดยมีหุ้น Top pick คือ AMATA, BCH, CBG, CPN, CRC, MTC และ SCB           ทั้งนี้ ธีมหุ้นการลงทุนในปีหน้ามี 6 ธีมได้แก่ ธีมหุ้น ESG จะเป็นที่ต้องการมากขึ้นจากกองทุน Thai ESG (TESG) , ธีมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เชื่อว่ากลุ่มค้าปลีก กลุ่มธนาคาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค และกลุ่ม Home improvement น่าจะได้ประโยชน์จากโครงการนี้, ธีมหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก FDI , ธีมหุ้นสถานบันเทิงครบวงจร , ธีมหุ้นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และธีมหุ้น Value play           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มอง Upside risk ตลาดหุ้นไทยปี 68 จะมาจากการที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแข็งแกร่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและยอดส่งออกที่เติบโตสูงกว่าคาด ขณะที่ Downside risk จะมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น, ความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น, การปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งในและต่างประเทศช้ากว่าคาดและเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทย

โฟกัส MINT-SHR เป้าหุ้นท่องเที่ยว ESG

โฟกัส MINT-SHR เป้าหุ้นท่องเที่ยว ESG

          หุ้นวิชั่น- ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลสำรวจของ SiteMinder Platform ในปี 67 แสดงให้เห็นว่านักเดินทางทั่วโลกมากถึง 79% ให้ความสำคัญ กับการจองโรงแรมที่มีการดำเนินการด้านความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะที่ World Sustainable Hospitality Alliance ได้นิยามกลยุทธ์ “Net Positive” ว่า เป็นแนวคิดที่จะคืนประโยชน์ให้สังคม, สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจโลกมากกว่าทรัพยากรที่ใช้ไป ดังนั้น การนำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมบริการหรือ Net Positive Hospitality จึงเป็นความร่วมมือกันระหว่างผู้คน, โลก, สถานที่ รวมถึงความมั่งคั่ง เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าและยั่งยืนสำหรับทุกคน           World Sustainable Hospitality Alliance ได้สร้างกรอบการทำงานแก่ธุรกิจในอุตสาหกรรมบริการ โดยขั้นแรก ของ “Net positive hospitality pathway” คือ การวัดระดับการปล่อยคาร์บอนและบรรเทาผลกระทบเชิงลบ ส่วน ขั้นต่อไปคือ การหาวิธีลดผลกระทบเชิงลบให้เหลือน้อยที่สุด และริเริ่มโครงการที่สร้างผลกระทบเชิงบวก ตามด้วยการทำให้ผลกระทบเชิงลบหมดไป และสร้างผลกระทบเชิงบวกที่แข็งแกร่งก่อนจะส่งคืนประโยชน์ที่มาก กว่าเดิมให้กับสิ่งแวดล้อมและชุมชุม           World Sustainable Hospitality Alliance เน้นย้ำว่าประเด็นด้านความยั่งยืนที่สำคัญ (Materiality factor) ซึ่งมีผลต่อธุรกิจและผู้ถือหุ้นคือ 1.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 2.การจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ 3.การใช้น้ำ 4. การบริหารจัดการขยะ 5.สิทธิมนุษยชน ทั้งนี้โรงแรมที่ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ทำการศึกษาอาจอยู่ในขั้นตอนที่ต่างกันในเส้นทางสู่เป้าหมาย แต่เมื่อประเมินโดยเฉลี่ยแล้วพบว่า MINT และ SHR มีความคืบหน้าในการพัฒนาด้าน ESG           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่า ผู้ประกอบการโรงแรมทั้ง 4 บริษัทที่ทำการศึกษามีความเสี่ยงด้าน ESG ค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการเหล่านี้ยังต้องดำเนินการอีกมากเพื่อมุ่งสู่ Net zero และกลายเป็น Net positive ขณะที่เห็นว่า MINT น่าจะเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของนักลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการของไทยเมื่อ พิจารณาด้าน ESG เพราะ MINT มีคะแนน ESG สูงกว่าคู่แข่ง           นอกจากนี้ เชื่อว่านักลงทุนควรจับตาดู SHR เนื่องจากช่วง 3 ปีที่ผ่านมา SHR มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญด้านการดำเนินงานภายใต้กรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จึงเชื่อว่า SHR อาจมีการประเมินมูลค่าสูงขึ้นจากปัจจุบันที่ EV/EBITDA 7.7 เท่าในปี 69 หรือ 3.2 บาท เป็น 9.9 เท่าหรือ 5.0 บาท ส่วน MINT อาจเพิ่มขึ้นจาก EV/EBITDA 9.5 เท่าในปี 69 หรือ 41 บาท เป็น 10.5 เท่าในปี 69 หรือ 49 บาท