#CCET


DELTA จับมือ CCET ยกระดับนวัตกรรมระบบอัตโนมัติเพื่ออุตสาหกรรมอัจฉริยะ

DELTA จับมือ CCET ยกระดับนวัตกรรมระบบอัตโนมัติเพื่ออุตสาหกรรมอัจฉริยะ

          หุ้นวิชั่น - กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 16 ธันวาคม 2567 — บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SET Ticker: Delta) ผู้นำระดับโลกด้านการจัดการพลังงานและผู้ให้บริการโซลูชันสีเขียวอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย IoT และ บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SET Ticker: CCET) ผู้นำด้านอุตสาหกรรม 4.0+ และเป็นบริษัทชั้นนำด้านการผลิตอุปกรณ์และชิ้นส่วนอีเล็คโทรนิคส์ (Electronics manufacturing Services (EMS)) ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อยกระดับการทำงานร่วมกันด้านระบบอัตโนมัติในภาคอุตสาหกรรม ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการพัฒนาประสิทธิภาพ นวัตกรรม และความยั่งยืนในอุตสาหกรรม EMS           นายคงสิทธิ์ โจวกิจเจริญ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แคล-คอมพ์ฯ และเดลต้าต่างดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 35 ปี และประสบความสำเร็จในธุรกิจของตนเป็นอย่างดี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แคล-คอมพ์ฯ มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการใช้ automated smart manufacturing ในทุกกระบวนการผลิต และใช้ระบบดิจิทัลในการบริหารจัดการ ตามความมุ่งมั่นเพื่อการรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในอุตสาหกรรม EMS  ในขณะที่เดลต้าก็ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในด้านการอนุรักษ์พลังงานและลดการปล่อยคาร์บอน ผลิตภัณฑ์ยานยนต์ และโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ด้วยเหตุนี้ เราจึงรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมมือกับเดลต้าในการพัฒนาและยกระดับกระบวนการผลิตอัจฉริยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทยสู่อีกขั้นของความสำเร็จ”           นายวิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้วางรากฐานความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับแคล-คอมพ์ฯ ผ่าน MOU ฉบับนี้ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการผลิตอัจฉริยะและการพัฒนาตามแนวทางอุตสาหกรรม 4.0+ ในภาคอุตสาหกรรม EMS การผนวกรวม โซลูชันระบบอัตโนมัติ และ AI ที่ทันสมัยของเดลต้าเข้ากับกระบวนการผลิตของแคล-คอมพ์ฯนั้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิผลในสายการผลิต และสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืน เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือภายใต้ MOU นี้จะเปิดโอกาสให้ทั้งสองบริษัทได้ร่วมกันพัฒนา และมุ่งสู่การเป็นโรงงานอัจฉริยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นได้”           จากความร่วมมือที่แน่นแฟ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา MOU ฉบับนี้ได้ยกระดับโครงการความสำเร็จต่าง ๆ ระหว่างเดลต้าและแคล-คอมพ์ฯ ให้เป็นทางการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้หุ่นยนต์ SCARA เทคโนโลยี DIATwin และโครงการประหยัดพลังงาน ความสำเร็จเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจน ทั้งด้านประสิทธิภาพการดำเนินงาน และความยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นรากฐานสำคัญในการต่อยอดความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติขั้นสูงอย่าง DIAEAP-IMM           แพลตฟอร์ม CCET 4.0+ (Cell & Connection & Equipment E-System & Transportation) ของแคล-คอมพ์ฯ ซึ่งประกอบด้วยโซลูชัน AI และศูนย์ข้อมูลควบคุมการผลิต ที่ผนวกรวมกับโซลูชัน DIAEAP-IMM ของเดลต้า เป็นหัวใจสำคัญของความร่วมมือครั้งนี้ โดยมุ่งเน้นพัฒนาระบบอัตโนมัติสำหรับงานฉีดพลาสติก แพลตฟอร์มขั้นสูงนี้รวมความสามารถด้าน IoT การติดตามแบบเรียลไทม์ และการวิเคราะห์ด้วย AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดของเสีย และยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ การผสานเทคโนโลยีจากทั้งสององค์กรจะช่วยพัฒนาระบบใหม่ที่สามารถควบคุมตัวแปรได้แม่นยำ เพิ่มประสิทธิภาพการไหลตัวของแม่พิมพ์ และลดความผิดพลาดในการผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ด้วยศักยภาพในการประมวลข้อมูลดิบให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่พร้อมใช้งาน DIAEAP-IMM จะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ไร้ตำหนิและรักษามาตรฐานคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง           ความร่วมมือครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรม EMS ด้วยการผนวกจุดแข็งด้านระบบอัตโนมัติของเดลต้าเข้ากับศักยภาพการผลิตของแคล-คอมพ์ฯ ทั้งสององค์กรมุ่งมั่นที่จะสร้างบรรทัดฐานใหม่ของการผลิตที่ชาญฉลาดและยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนนวัตกรรมและการดูแลสิ่งแวดล้อมให้ทัดเทียมมาตรฐานและเทรนด์การผลิตระดับโลก [PR News]

จับตา!หุ้นเข้า SET50 BANPU-SAWAD-COM7-CCET

จับตา!หุ้นเข้า SET50 BANPU-SAWAD-COM7-CCET

          หุ้นวิชั่น -  หุ้นวิชั่น -ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า หุ้นที่คาดการณ์ว่าจะเข้า SET50 รอบครึ่งแรกปี 68 ได้แก่ BANPU, SAWAD, COM7 และ CCET ขณะที่หุ้นที่คาดว่าจะออกจาก SET50 ได้แก่ BCP CENTEL EA TIDLOR โดยเชื่อว่ามูลค่าหลักทรัพย์ที่ไม่ติดอันดับเป็น สาเหตุที่ทำให้หลุดออกจาก SET50   กรณีของ CCET ที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบครึ่งแรกปี 68 นั้น เชื่อว่าจะทำให้เกิดเงินทุนไหลเข้าดัชนี SET50 538.84 ล้านบาท ขณะที่ TIDLOR ที่คาดออกจาก SET50 จะทำให้มีเงินทุนไหลออกจากดัชนี SET50  324.74 ล้านบาท   สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET100 รอบครึ่งแรกปี 68 ได้แก่ CCET, JTS, PR9 และ COCOCO ส่วนหุ้นที่คาดว่า จะออกจาก SET100 ได้แก่ MBK, RBF, TIPH และ TOA โดยสาเหตุที่น่าจะทำให้ MBK และ TOA หลุดออกจาก SET100 เนื่องจาก Turnover ratio 1% ไม่ครบ 9 ใน 12 เดือน ส่วน TIPH ที่คาดออก เพราะมูลค่าซื้อขายไม่ผ่านเกณฑ์ 25% ของค่าเฉลี่ยรวมทั้งตลาด 9 ใน 12 เดือน ขณะที่ RBF คาดออก เพราะมูลค่าหลักทรัพย์ไม่ติดอันดับ ทั้งนี้คาดว่า CCET จะเข้า SET100 จะทำให้เกิดเงินทุนไหลเข้าดัชนี SET100 46.15 ล้านบาท และ MBK จะทำให้มีเงินทุนไหลออกจากดัชนี SET100 19.98 ล้านบาท             โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก SET50 และ SET100 รอบครึ่งแรกปี 68 ในช่วงวันที่ 13 - 18 ธันวาคม 67 นี้ และเริ่มใช้วันที่ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 68   ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า จากข้อมูลหุ้นที่เข้า SET50 ในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา หรือ 16 รอบของการปรับหุ้นเข้าและออกใน SET50 พบว่า หากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้าก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ 1 เดือน จะให้ ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.83% ขณะที่หากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้าก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ 2 สัปดาห์ ผลตอบแทนเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2.15% จากข้อมูลดังกล่าวชี้ว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงหุ้นใน SET50 นั้น หุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 จะให้ผลตอบแทนเชิงบวก         นอกจากนี้ยังพบว่า หุ้นที่ได้รับการปรับประมาณการเพิ่มขึ้น มีการซื้อขายอยู่ในโซนล่าง และมี Upside สูง เป็นหุ้นที่น่าสนใจ ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI จึงทำการเปรียบเทียบ % Upside to target price ของ Bloomberg consensus กับค่า Z Score 12M FWD PE 5 ปีย้อนหลัง พบว่า หุ้นที่มีการซื้อขายอยู่ในโซนล่าง มี % Upside to target price สูง และมี SETESG Rating ระดับ A ขึ้นไป ได้แก่ COM7 มี Upside 10.6% , BANPU มี Upside 5.7% ขณะที่ค่า Z-Scores 12M FWD PE 5 ปี อยู่ที่ -0.99 และ -0.02 ตามลำดับ             เมื่อเปรียบเทียบ การปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) กับราคาเป้าหมาย (Target price) ย้อนหลัง 1 เดือน จะได้หุ้นที่ถูกปรับประมาณการเพิ่มขึ้น ได้แก่ CCET (EPS ถูกปรับขึ้น 6.5%, Target price ถูกปรับขึ้น 52.9%) และหากเปรียบเทียบการปรับประมาณการกำไรต่อหุ้นกับราคาเป้าหมายย้อนหลัง 6 เดือน จะได้หุ้นที่ถูกปรับประมาณการเพิ่มขึ้น ได้แก่ CCET (EPS  ถูกปรับขึ้น 26.9%, Target price ถูกปรับขึ้น 81.4% และ COM7 (EPS ถูกปรับขึ้น 8.0%, Target price ถูกปรับขึ้น 35.0%)   ขณะที่หุ้นที่มีราคาปรับลงมากที่สุด โดยเปรียบเทียบย้อนหลัง 1 เดือนล่าสุด ได้แก่ BANPU ราคาปรับลง 7.3% และ SAWAD ปรับลง 3.6% และเมื่อพิจารณาข้อมูลการซื้อขายสุทธิของผู้บริหาร ตั้งแต่ต้นปี 67 ถึงปัจจุบัน จะได้หุ้นที่มียอดซื้อขายสุทธิของผู้บริหารมากสุด ได้แก่ SAWAD 323.24 ล้านบาท, CCET 14.45 ล้านบาท และ BANPU 8.54 ล้านบาท

CCET ขายหุ้นในบริษัทย่อย CCBS มูลค่าเกือบ 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

CCET ขายหุ้นในบริษัทย่อย CCBS มูลค่าเกือบ 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

          หุ้นวิชั่น -  บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CCET แจ้งการขายหุ้นในบริษัท Cal-Comp Industria de Semiconductores S.A. (CCBS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CCET ถือหุ้นอยู่ 58.03% โดยการขายหุ้นครั้งนี้ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567           รายละเอียดธุรกรรม: • ผู้ซื้อ: บริษัท Digitron da Amazonia Industria e Comercio LTDA • มูลค่าธุรกรรม: 5,947,725.02 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 213 ล้านบาท) • ขนาดธุรกรรม: 0.23% ของมูลค่าสินทรัพย์รวม ไตรมาส 3/2567 • ไม่มีความเกี่ยวโยง: ผู้ซื้อไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกับ CCET • วันที่คาดว่าธุรกรรมเสร็จสิ้น: ไตรมาส 4/2567 ธุรกรรมนี้เป็นไปเพื่อปรับโครงสร้างภายในองค์กรและเพิ่มประสิทธิภาพของกลุ่มบริษัท โดยไม่ได้เข้าข่ายเป็นรายการที่มีนัยสำคัญ หรือรายการที่เกี่ยวโยงกันตามหลักเกณฑ์ของตลาดทุน ทั้งนี้ CCET จะใช้รายได้จากการขายหุ้นเพื่อบริหารจัดการและเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทต่อไป

CCET เผยกำไรไตรมาส 3/67 พุ่ง 93.63% ที่ 676.03 ล้านบาท

CCET เผยกำไรไตรมาส 3/67 พุ่ง 93.63% ที่ 676.03 ล้านบาท

          CCET ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ทะลุ 19.88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 676.03 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 93.63% เทียบปีก่อน พร้อมเผยกำไร 9 เดือนปี 2567 แตะ 54.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โตแรง 89.30% ผลจากการบริหารธุรกิจที่ดีขึ้นและความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นในบางกลุ่มผลิตภัณฑ์           บริษัท แคล-คอมพ์ อิเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ขอเรียนชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 3 และงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 ตามงบการเงินเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3 และงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 โดยมีรายละเอียดดังนี้: รายได้จากการขาย           ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าเท่ากับ 1,145.56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 38,955.61 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.30 จากไตรมาสที่ 3 ปี 2566 รายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นนั้นส่วนใหญ่เกิดจากความต้องการเครื่องพิมพ์ ผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล และอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสนี้           สำหรับงวดเก้าเดือนปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าเท่ากับ 3,001.98 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 106,594.84 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 5.94 จากงวดเก้าเดือนของปี 2566 ทั้งนี้ การลดลงของรายได้จากการขายส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความต้องการของตลาดโลกโดยรวมที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ           สำหรับไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 19.88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 676.03 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 93.63 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.01 เป็นร้อยละ 1.74 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน           สำหรับงวดเก้าเดือนปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 54.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 1,953.69 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 89.30 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรสุทธิสำหรับงวดเก้าเดือนปี 2567 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.91 เป็นร้อยละ 1.83 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน           กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการบริหารธุรกิจโดยรวมที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

เก็งโผหุ้นเข้า SET50 BANPU, SAWAD, COM7, TCAP

เก็งโผหุ้นเข้า SET50 BANPU, SAWAD, COM7, TCAP

            หุ้นวิชั่น - ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ได้ประเมินหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 ในรอบครึ่งแรกปี 68 เบื้องต้น ได้แก่ BANPU, SAWAD, COM7, TCAP และหุ้นที่คาดว่าจะออกจาก SET50 ได้แก่ BCP, CENTEL, EA, TIDLOR โดยคาดว่ามูลค่าหลักทรัพย์ที่ไม่ติดอันดับเป็นสาเหตุที่ทำให้หลุดออกจาก SET50 ทั้งนี้ประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 หากข้อมูลครบ จะคำนวณใหม่อีกครั้ง             สำหรับหุ้นคาดว่าจะเข้า SET100 ในรอบครึ่งแรกปี 68 ได้แก่ JTS, CCET, COCOCO, PR9 ขณะที่คาดว่าหุ้นที่จะออกจาก SET100 ได้แก่ MBK, RBF, TIPH, TOA สาเหตุที่คาดว่า MBK และ TOA จะหลุดออกจาก SET100 เนื่องจาก Turnover ratio 1% ไม่ครบ 9 ใน 12 เดือน ส่วน TIPH จะหลุดจาก SET100 เพราะมูลค่าซื้อขายไม่ผ่านเกณฑ์ 25% ของค่าเฉลี่ยรวมทั้งตลาด 9 ใน 12 เดือน และ RBF ที่หลุด เพราะมูลค่าหลักทรัพย์ไม่ติดอันดับ โดยประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 หากข้อมูลครบ จะคำนวณใหม่อีกครั้ง             โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) น่าจะประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก SET50 และ SET100 ในรอบ ครึ่งแรกปี 68 ในช่วงวันที่ 13 - 18 ธ.ค.2567 และเริ่มใช้วันที่ 1 ม.ค.- มิ.ย. 2568             ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า จากข้อมูลหุ้นที่เข้า SET50 ในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา หรือ 16 รอบของการปรับหุ้นเข้าและออกใน SET50 พบว่าหากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้า 1 เดือน ก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.83% ขณะที่หากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ ก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.15% ดังนั้น จากข้อมูลดังกล่าวพบว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงหุ้นใน SET50 นั้น หุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 จะให้ผลตอบแทนในเชิงบวก             ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า หุ้นที่ได้รับการปรับประมาณการเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีการซื้อขายอยู่ในโซนล่าง และมี เปอร์เซ็น upside สูง เป็นหุ้นที่น่าสนใจ โดยเมื่อเปรียบเทียบเปอร์เซ็น upside ของราคาหุ้นต่อราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus กับค่า Z Score ช่วง 12 เดือน FWD PE 5 ปีย้อนหลัง หุ้นที่มีการซื้อขายอยู่ในโซนล่างมีเปอร์เซ็น upside ของราคาหุ้นต่อราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus สูง และมี SETESG Rating ในระดับ A ขึ้นไป ได้แก่ TCAP (7.7%) และ BANPU (0.5%) ในขณะที่ค่า Z-Scores 12 เดือน FWD PE 5 ปีจะอยู่ที่ -0.95 และ 0.003 ตามลำดับ             ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบการปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) กับราคาเป้าหมายย้อนหลัง 1 เดือน จะได้หุ้นที่ถูกปรับประมาณการเพิ่มขึ้นได้แก่ COM7 ขณะที่หุ้นที่ราคาลงมามากที่สุด โดยเปรียบเทียบย้อนหลัง 1 เดือนล่าสุดได้แก่ BANPU (-11.3%) และเมื่อพิจารณาข้อมูลการซื้อขายสุทธิของผู้บริหาร ตั้งแต่ต้นปี 2567 ถึงปัจจุบัน จะได้หุ้นที่ มียอดซื้อขายสุทธิของผู้บริหารมากสุด ได้แก่ SAWAD 323.24 ล้านบาท และ BANPU 8.54 ล้าน บาท

[Gossip] CCET ลุ้นเข้าคำนวณ SET 100

[Gossip] CCET ลุ้นเข้าคำนวณ SET 100

ปุกาด ปุกาด...ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้การประกาศรายชื่อหุ้นที่เตรียมเข้า SET50 และ SET100 ของตลาดหลักทรัพย์ฯ กันแล้ว ล่าสุด โบรกฯเริ่มออกบทวิเคราะห์หุ้นดี มีลุ้นถูกดึงเข้าคำนวณดัชนีในต้นปี 68 ...แว่วว่า  บมจ.แคล - คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (CCET) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ติดโผเข้า SET100 รอบนี้ด้วย และประเมินมีโอกาสมากถึง 90% ... แบบนี้เตรียมนับถอยหลังไม่นานเกินรอ มีเฮ! แน่นอนคร้า

live-sticky
LIVE