ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#CBG


[Vision Exclusive] CBG ยันเมียนมาร์ไม่กระทบยอด ย้ำปีนี้รายได้รวมโต 30%

[Vision Exclusive] CBG ยันเมียนมาร์ไม่กระทบยอด ย้ำปีนี้รายได้รวมโต 30%

          หุ้นวิชั่น - CBG เผยยอดขายเมียนมาร์ไม่กระทบ มียอดขายในเมียนมาร์เพียง 6-7% และปัจจุบันยังส่งสินค้ายังปกติ ย้ำเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวขายดี มาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สิ้นปีลุ้นแตะ 29% ทั้งปีมั่นใจรายได้เติบโต 30% จากปีก่อน           นายร่มธรรม เสถียรธรรมะ กรรมการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG เปิดเผยกับ ทีมข่าวHoonvision แม้จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดต่างประเทศของบริษัท แต่ CBG ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากสัดส่วนรายได้จากเมียนมาร์คิดเป็นเพียง 6-7% ของรายได้จากตลาดต่างประเทศทั้งหมดนอกจากนี้ บริษัทฯ ยังยืนยันว่า การจัดส่งสินค้าในพื้นที่ยังคงดำเนินการได้ตามปกติ และยัง ไม่มีรายงานปัญหาในด้านซัพพลายเชนหรือการจัดจำหน่าย แต่อย่างใดสรุปคือ เหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาไม่มีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของคาราบาวกรุ๊ปในขณะนี้           ในส่วนของเครื่องดื่ม ชูกำลัง “คาราบาว” ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง สะท้อนผ่านส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ของเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์ “คาราบาว” ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่องทาง Open Trade ซึ่งสามารถทำส่วนแบ่งตลาดได้สูงถึง 28.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) ขณะที่ภาพรวมเฉลี่ยทุกช่องทางการจำหน่ายอยู่ที่ระดับ 25-26% โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดแตะ 29%           นายร่มธรรม ยังกล่าวก่อนหน้านี้ว่า ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคาราบาวก็กลับมาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลเชิงบวกต่อ CBG ซึ่งได้รับรายได้จากการดำเนินงานด้านการผลิตบรรจุภัณฑ์ เช่น ขวดแก้ว กระป๋อง และค่าจัดจำหน่ายตามช่องทางกระจายสินค้า สำหรับตลาดต่างประเทศในไตรมาส 1/2568 บริษัทเปิดเผยว่ายอดขายอาจชะลอตัวเล็กน้อยตามภาวะตลาดในประเทศเมียนมาและกัมพูชา อย่างไรก็ดี ยังคงคาดหวังว่ายอดขายจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี อย่างไรก็ดีทำให้บริษัทคาดว่าภาพรวมรายได้ปีนี้จะเติบโตได้ 30% จากปีก่อนขณะเดียวกัน รายงานโดย : ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว Hoonvision

[Vision Exclusive] CBG แชร์

[Vision Exclusive] CBG แชร์ "ชูกำลัง" นิวไฮ แอลกอฮอล์ขายดีช่วย

          หุ้นวิชั่น - CBG คาราบาว ขายดี มาร์เก็ตแชร์นิวไฮ!ปัจจุบันส่วนแบ่งตลาดทุกช่องทางอยู่ที่ 25–26% โดยปีนี้ตั้งเป้าแตะ 29% ขณะเดียวกัน ธุรกิจรับจ้างจัดจำหน่ายและแพ็กเกจจิ้งโตแรง ตามยอดขายเหล้า-เบียร์ของกลุ่ม หนุนรายได้รวมปีนี้โต 30% พร้อมศึกษาการซื้อหุ้นคืน แต่จะพิจารณาควบคู่กับสภาพคล่องในตลาด           นายร่มธรรม เสถียรธรรมะ กรรมการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG เปิดเผยกับ ทีมข่าวHoonvision บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผ่านส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ของเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์ “คาราบาว” ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่องทาง Open Trade ซึ่งสามารถทำส่วนแบ่งตลาดได้สูงถึง 28.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) ขณะที่ภาพรวมเฉลี่ยทุกช่องทางการจำหน่ายอยู่ที่ระดับ 25-26% โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดแตะ 29%           เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทได้วางแผนรุกขยายยอดขายในทุกมิติ ทั้งการขยายฐานผู้บริโภค การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด รวมถึงการแต่งตั้ง Distributor รายใหม่ พร้อมยังคงดำเนินกลยุทธ์หลักในการตรึงราคาขายปลีกที่ 10 บาท เพื่อช่วยบรรเทาค่าครองชีพของผู้บริโภคไทยในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน           ในขณะเดียวกัน ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคาราบาวก็กลับมาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่ม “เหล้าขาว” ซึ่งสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 1.2 ล้านลังต่อเดือน แม้ยอดขายอาจลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 4/2567 ที่ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจเหล้า-เบียร์ แต่ในไตรมาส 1/2568 นี้ คาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ไตรมาส 1/2567) ได้สูงถึง 60% จากความนิยมในผลิตภัณฑ์เหล้าขาวของคาราบาวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้งด้านรสชาติและคุณภาพ โดยน่าสังเกตว่า ยอดขายเหล้ายังไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ตรงกันข้าม กลับมีแนวโน้มเติบโตสวนทางกับเศรษฐกิจ           การเติบโตของธุรกิจเหล้าและเบียร์ ยังส่งผลเชิงบวกต่อ CBG ซึ่งได้รับรายได้จากการดำเนินงานด้านการผลิตบรรจุภัณฑ์ เช่น ขวดแก้ว กระป๋อง และค่าจัดจำหน่ายตามช่องทางกระจายสินค้าอีกด้วย           ทั้งนี้ รายได้จากการรับจ้างจัดจำหน่ายให้แก่บุคคลภายนอกยังคงเติบโตอย่างโดดเด่น จากการที่กลุ่มสินค้าประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีความหลากหลาย มีคุณภาพ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่งผลให้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับประสิทธิภาพของระบบกระจายสินค้าที่ครอบคลุมและแข็งแกร่งทุกช่องทางการขาย           คาราบาวยังได้กำหนดยุทธศาสตร์สำคัญในการผลักดัน “เบียร์” เป็นเครื่องมือทางการตลาด เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยวาง 2 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1. การสร้างความนิยมในกลุ่มผู้บริโภค เพื่อขยายฐานผู้ดื่ม ผ่านร้านค้า On-trade (ผับ บาร์ และร้านอาหารในหัวเมืองใหญ่), งานอีเวนต์ และคอนเสิร์ต รวมถึงกิจกรรม Carabao Cup เพื่อเน้นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ และเพิ่มการรับรู้แบรนด์ “Carabao Beer” และ “Tawandang Beer” ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง 2. การสร้างเครือข่ายร้านค้าพันธมิตร เพื่อกระจายความนิยมและกระจายสินค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงและหาซื้อผลิตภัณฑ์ได้อย่างสะดวก           ด้วยยุทธศาสตร์ดังกล่าว ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จึงเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทในภาพรวม           สำหรับตลาดต่างประเทศในไตรมาส 1/2568 บริษัทเปิดเผยว่ายอดขายอาจชะลอตัวเล็กน้อยตามภาวะตลาดในประเทศเมียนมาและกัมพูชา อย่างไรก็ดี ยังคงคาดหวังว่ายอดขายจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี อย่างไรก็ดีทำให้บริษัทคาดว่าภาพรวมรายได้ปีนี้จะเติบโตได้ 30% จากปีก่อนขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินการซื้อหุ้นคืน โดยจะพิจารณาอย่างรอบคอบบนพื้นฐานของความเหมาะสมและความสามารถในการรักษาสภาพคล่องของการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ รายงานโดย : ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการ Hoonvision

CBG ลุ้นยอดขายโต-ต้นทุนลด เคาะเป้า 79.50 บาท

CBG ลุ้นยอดขายโต-ต้นทุนลด เคาะเป้า 79.50 บาท

            หุ้นวิชั่น - บล.ฟิลลิป ส่องหุ้น CBG คาดรายได้จากสุราข้าวหอมใน 1Q68 สดใส ส่วนเบียร์ตะวันแดงยังมีแนวโน้มขยายตัว ด้านยอดขายรวม 1Q68 อาจอ่อนตัว QoQ จากตลาดส่งออกเครื่องดื่มชูกำลัง             ขณะที่ในประเทศ Traditional Trade แตะ 28.1% ทำสถิติสูงสุดใหม่ ต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงหนุน 1Q68 GPM คาดเพิ่มขึ้น 200 bps QoQ และ YoY ทางฝ่ายคาดยอดขายปี 68 ที่ 24,954 ลบ. +18.1% และกำไรสุทธิ 3,421 ลบ. +20.3% โดยมีแรงหนุนจากต้นทุนที่ลดลงและมาตรการลด ค่าใช้จ่าย คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาพื้นฐานปี 68 79.50 บาท นอกจากนี้ Reduction ของบรรจุภัณฑ์ และคำพื้นฐานปี 68 ที่ 79.50 บาทต่อหุ้น โดยวิธี DCF ประเมินราคาพื้นฐานด้วยวิธี Discounted Cash Flow จาก Free Cash Flow to Equity (FCFE) โดย กำหนดค่า Beta ที่ 1.06             สำหรับปี 2568-2571 และใช้ Adjusted Beta ที่ 1.04 ในปี 2572 เป็นต้นไป โดยมี Required Rate of Return for Equity (re) ที่ 7.8% และ Sustainable Growth Rate ที่ 1.3% ทางฝ่ายมองว่าภาพการเติบโตของบริษัทยังดูสดใส แม้จะมีการแข่งขันภายในประเทศอยู่บ้าง แต่เชื่อว่ายอดขายจะเติบโตสองหลักได้ และการทำขวดบรรจุภัณฑ์ให้บางลง รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบ เช่น น้ำตาล เศษแก้วที่ราคาถูกลงจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับ CBG เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลดลงมามาก คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาพื้นฐานปี 68 79.50 บาทต่อหุ้น

จับตาศึก

จับตาศึก "เครื่องดื่มชูกำลัง" ชู CBG เด่นสุด

          หุ้นวิชั่น - บล.ดาโอ จับตาหุ้นเครื่องดื่มชูกำลัง โดยฝ่ายวิจัย คงน้ำหนักการลงทุนกลุ่ม Food & Beverage (Energy Drink) ที่ “เท่ากับตลาด”           ฝ่ายวิจัยคาดมูลค่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังปี 2025E จะอยู่ที่ 23,850 ล้านบาท ขยายตัว +3% YoY (ปี 2024 โต +6.1%) สำหรับเดือน ก.พ. 2025 ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศเดือน ก.พ. (by % sales volume) เติบโต +2.7% YoY, -4% MoM โดย OSP มี market share อยู่ที่ 43.6% (-190 bps YoY, ทรงตัว MoM), CBG อยู่ที่ 25.8% (+150 bps YoY, +10 bps MoM) และ TCP อยู่ที่ 19.4% (+20 bps YoY, +20 bps MoM)           โดยเดือน ก.พ. OSP และ TCP จัดโปรโมชั่นใน CVS อีกทั้ง OSP เริ่มกระจายสินค้า M-150 (Yellow) ราคา 10 บาท สู่ Traditional Trade และ Makro ทั่วประเทศเป็นเดือนแรก โดยจะครบทั้งหมดในเดือน มี.ค. ด้าน CBG ยังไม่ได้จัดโปรโมชั่น โดยมีแผนที่จะจัดในปลาย มี.ค. - ต้น เม.ย. ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างรอดูผลตอบรับของผู้บริโภคและ market share หลัง OSP กระจายสินค้า M-150 (10 บาท – Yellow) ครบทั่วประเทศ และ CBG จัดโปรโมชั่นใน CVS ในช่วงปลายมี.ค.           สำหรับภาษีน้ำตาลที่จะปรับขึ้นระยะที่ 4 ตั้งแต่ 1 เม.ย. ปัจจุบัน OSP และ TCP ไม่ต้องเสียภาษีน้ำตาล ด้าน CBG เสียภาษีน้ำตาลที่ 0.045 บาทต่อขวด           อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับสูตรลดน้ำตาลเรียบร้อยแล้ว โดยสูตรใหม่จะไม่ต้องเสียภาษีน้ำตาล (0 บาท/ขวด) ทั้งนี้ หากกรมสรรพสามิตเลื่อนการปรับขึ้นภาษีน้ำตาล บริษัทฯ จะใช้เครื่องดื่มชูกำลังสูตรปัจจุบันต่อไปคาดกำไรปกติกลุ่มใน 1Q25E โต YoY, QoQ จากรายได้และ GPM ขยายตัว หนุนโดยต้นทุนวัตถุดิบและ packaging ที่ปรับตัวลดลง           ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรสุทธิกลุ่มปี 2025E ที่ 6,413 ล้านบาท (+9% YoY) จากรายได้รวมที่ขยายตัวต่อเนื่องจากรายได้ทั้งในและต่างประเทศขยายตัวจากการบริโภคฟื้นตัว           ราคาหุ้นกลุ่ม Food & Beverage (Energy Drink) ทรงตัวเมื่อเทียบกับ SET ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัยเลือก CBG (ซื้อ/เป้า 95.00 บาท) เป็น Top Pick กลุ่ม           จาก 1) market share เครื่องดื่มคาราบาวแดงซึ่งอยู่ในทิศทางขาขึ้น เราคาดปิดปีที่ 28% (บริษัทคาด 29%), 2) valuation ไม่แพง ปัจจุบัน CBG เทรดอยู่ที่ 2025E PER 17.7x ยังไม่สะท้อน 2024-26E EPS CAGR +19% และมี upside จากการปรับ packaging, เปิดโรงงานพม่าและเขมร และ 3) มี short term catalyst จากกำไร 1Q25E ที่จะสูงสุดในรอบ 15 ไตรมาส

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

CBG ต้นทุนลด-รายได้โต บล.ดาโอ ชูพิกัด 95 บาท

CBG ต้นทุนลด-รายได้โต บล.ดาโอ ชูพิกัด 95 บาท

              หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง CBG (ซื้อ/เป้า 95.00 บาท) 1Q25 รายได้ในประเทศโต, 2Q25 ราคาน้ำตาลและต้นทุน packaging ลด เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 95.00 อิง 2025E PER 27.0x (ใกล้เคียง -1SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)               เรามีมุมมองเป็นบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (13 Mar 2025) มีประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1) Market share ม.ค. อยู่ที่ 25.4 (+240 bps YoY, -60 bps MoM) บริษัทคาดว่า market share เดือน ก.พ. จะทรงตัว MoM เนื่องจาก CBG เลือกที่จะไม่ทำโปรใน 2 เดือนนี้ จาก low season               ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะจัดโปรโมชั่นในเดือน มี.ค.ในตลาด modern trade คาด market share จะปรับตัวดีขึ้น , 2) ผู้บริหารคาดกำไรสุทธิ 1Q25E จะโต YoY, QoQ และสูงสุดในรอบ 15 ไตรมาส หนุนโดย i) รายได้รวมขยายตัว YoY ลดลง QoQ ตามฤดูกาล โดยรายได้ domestic branded own +40% YoY, -10% QoQ               ด้านต่างประเทศรายได้ลดลง -13% YoY, -5%QoQ เนื่องจากรายได้กัมพูชาลดลงและรายได้พม่าปรับตัวลงเล็กน้อย คาดรายได้distribution ทำ All Time High ต่อ, ii) GPM ขยายตัว +2% คาดอยู่ที่ 28% -29%, 3)บริษัทคาดกำไร 2Q25E ทำ All Time Highจากรายได้ขยายตัว, GPMขยายตัวจากต้นทุนน้ำตาลลดลงเต็มไตรมาสเริ่มรับรู้ขวดแก้วและกระป๋องที่บางลงเราคงประมาณการกำไรปี 2025E ที่ 3,525 ล้านบาท (+24%YoY) จากรายได้ +18% YoY และ GPM ขยายตัว               เบื้องต้น เราคาดกำไรสุทธิ 1Q25E จะอยู่ในกรอบ800-820 ล้านบาท ขยายตัว YoY, QoQ จาก GPMขยายตัว และค่าใช้จ่ายปรับตัวลดลงเนื่องจาก4Q24 มีโบนัสพิเศษราคาหุ้น underperform SET -4% ใน 1 เดือนที่ผ่าน เรามองว่า valuationน่าสนใจ โดยเทรดอยู่ที่ 2025E PER 17.4xเรามองว่าผลประกอบการเดินหน้าสู่วัฎจักรขาขึ้นรอ บใหม่

เจาะโรงงาน CGB ที่มาแสนล้าน

เจาะโรงงาน CGB ที่มาแสนล้าน

https://www.youtube.com/watch?v=BwVN5kXsqAs

CBG ตอกย้ำธุรกิจที่ยั่งยืน  ติด Sustainability 2 ปี ซ้อน

CBG ตอกย้ำธุรกิจที่ยั่งยืน ติด Sustainability 2 ปี ซ้อน

               หุ้นวิชั่น -บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยติดอันดับ Sustainability Yearbook 2025 จาก S&P Global เป็นปีที่สองติดต่อกัน ซึ่งเป็นการจัดอันดับบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่โดดเด่นและเป็นยอมรับในระดับสากล และในปีนี้ คาราบาวกรุ๊ป ยังได้รับคะแนนที่เพิ่มสูงขึ้นในหลายมิติอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากร และความโปร่งใสทางธุรกิจ ตอกย้ำวิสัยทัศน์ “สินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก” (World Class Product, World Class Brand) ที่มีการบริหารงานอย่างยั่งยืนครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (ESG) อย่างเด่นชัด                นายเสถียร เสถียรธรรมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับ Sustainability Yearbook ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง นับเป็นความภูมิใจของผู้บริหารและพนักงานทุกคน และการที่คะแนนของเราดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงการเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มของไทย แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาด้านความยั่งยืน และใช้กระบวนการทางธุรกิจเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม อย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าการสร้างความยั่งยืนอย่างแท้จริง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถส่งเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และสร้างการเติบโตให้กับองค์กร พร้อมเดินหน้าสร้างนวัตกรรม ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อไป คาราบาวกรุ๊ป มีนโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม                สิทธิมนุษยชน และการกำกับดูแลกิจการ พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายด้าน ESG ที่สอดคล้องกับนโยบายของประเทศ และสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจผ่านการดำเนินโครงการสำคัญต่างๆ อาทิ • เพิ่มการใช้พลังงานสะอาดหรือพลังงานทางเลือก • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในกระบวนการผลิต • มุ่งพัฒนาแพ็กเกจจิ้งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลดของเสีย • เพิ่มการนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิล ตลอดจนเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพนักงานและชุมชน ผ่านโครงการพัฒนาสังคมที่มีผลลัพธ์ชัดเจน                สำหรับ The Sustainability Yearbook เป็นรายงานด้านความยั่งยืนที่ได้รับความเชื่อมั่นในกลุ่ม นักลงทุนและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก ด้วยเกณฑ์การประเมินที่เข้มข้นของ S&P CSA ทั้งในมิติ สิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ ซึ่งตั้งแต่ปี 2023 ทาง S&P CSA ได้เพิ่มความเข้มข้นในการประเมิน ด้วยการปรับคำถามและเพิ่มหัวข้อคำถามที่เจาะลึกมากขึ้น โดยการติดอันดับใน The Sustainability Yearbook เป็นครั้งที่สองติดต่อกันในปีนี้ นับเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของคาราบาวกรุ๊ป ที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตของธุรกิจ ตามวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของกลุ่มธุรกิจคาราบาว “ร่วมสร้างสังคมแห่งโอกาส เพื่อชีวิตที่ดีกว่า”

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

เปิด 6 ปัจจัยหนุน CBG โตเด่น  เคาะเป้าที่ 95.00 บ.

เปิด 6 ปัจจัยหนุน CBG โตเด่น เคาะเป้าที่ 95.00 บ.

            หุ้นวิชั่น - บล.ดาโอ ประเมินหุ้น CBG คงคำแนะนำ “ซื้อ”และคงราคาเป้าหมายที่ 95.00 อิง 2025E PER 27.0x (ใกล้เคียง -1SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (25 Feb 2025) มีประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1) ปี 2025E ตั้งเป้ารายได้รวมโต +30% YoY และ GPM ขยายตัว โดยฝ่ายวิจัยคาดรายได้โต +18% หากเป็นตามบริษัทคาดจะเป็น upside ต่อประมาณการ 2) แนวโน้มกำไร 1Q25E เติบโตเด่น YoY จากรายได้ในประเทศที่เติบโต YoY และ GPM ขยายตัวจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง 3) แผน cost saving ในปี 2025E-26E ได้แก่ ปรับลดน้ำหนักขวดแก้วทั้งขวดสุราและคาราบาวแดงลงในปี 2025E -26E, ลดความหนากระป๋ องตั้งแต่ พ.ค. 2025, 4) โรงงาน Myanmar เริ่ม COD 3Q25E และโรงงาน Cambodia จะเริ่ม COD 1Q26E, 5) ด้านประเทศจีน บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์ทเนอร์ คาดชัดเจนใน 3Q25 และ 6) มีประเทศแถบ Middle East สนใจร่วมตั้งใจโรงงาน กับ CBG ที่แถบ Middle East อยู่ระหว่างเจรจากับ CBG             ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปี 2025E ที่ 3,525 ล้านบาท (+24% YoY)จากรายได้ +18% YoY และ GPMขยายตัว เบื้องต้นคาดกำไร 1Q25E ขยายตัวเด่น YoY จากรายได้ในประเทศที่เติบโตเด่น YoY และGPM ขยายตัวราคาหุ้น underperform SET -2% ใน 1เดือนที่ผ่าน ฝ่ายวิจัยมองว่า valuation น่าสนใจ โดยเทรดอยู่ที่2025E PER 17.2x มองว่าผลประกอบการเดินหน้าสู่วัฎจักรขาขึ้นรอบใหม่

CBG กำไร Q4 นิวไฮ ปีนี้ตลาดตปท. หนุน เป้า 93.00 บ.

CBG กำไร Q4 นิวไฮ ปีนี้ตลาดตปท. หนุน เป้า 93.00 บ.

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ระบุ Carabao Group (CBG) รายงานกำไรปกติ 4Q24 ที่ 783 ลบ. (+5.6% QoQ, +20.5% YoY) ใกล้เคียงคาด และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ไตรมาส ส่วนกำไรทั้งปี 2024 อยู่ที่ 2,843 ลบ. เติบโตเด่น 47.7% YoY ► รายได้ 4Q24 อยู่ที่ 5,978 ลบ. (+17.3% QoQ, +12.4% YoY) ใกล้เคียงคาด แบ่งได้เป็น 1. รายได้ธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง (ED) 3,432 ลบ. (+14% QoQ, +18% YoY) โดยยอดขายในประเทศอยู่ที่ 2,045 ลบ. เติบโต 15% QoQ, 37% YoY ทำระดับสูงสุดใหม่ของบริษัท จากการขยายส่วนแบ่งการตลาดต่อเนื่อง ส่วนยอดขายต่างประเทศอยู่ที่ 1,387 ลบ. (+6% QoQ, -5% YoY) โดยกลุ่ม CLMV ฟื้นดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY แต่ตลาดอื่นๆ ชะลอตัว YoY 2. รายได้ธุรกิจรับจ้างจัดจำหน่ายอยู่ที่ 2,251 ลบ. (+23% QoQ, +42% YoY) เติบโตจากการจัดจำหน่ายสุราที่ดีต่อเนื่อง ขณะที่รายได้จัดจำหน่ายเบียร์เติบโต ► อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อยู่ที่ 26.7% น้อยกว่าคาดที่ 27.7% ลดลงจาก 28.1% ใน 3Q24 จากต้นทุนอะลูมิเนียมที่สูงขึ้น และส่วนผสมผลิตภัณฑ์ที่มีรายได้จัดจำหน่ายให้บุคคลภายนอกมากขึ้น แต่ GPM ดีขึ้นจาก 25.2% ใน 4Q23 สะท้อนต้นทุนการผลิต อาทิ ก๊าซธรรมชาติ และเศษแก้วที่ปรับลดลง และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น ลดต้นทุนคงที่ต่อหน่วย ► SG&A/Sales ใกล้เคียงคาด อยู่ที่ 11.1% (-20 bps QoQ, +50 bps YoY) ลดลง QoQ จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ และสัดส่วนรายได้ที่เติบโต แต่สูงขึ้น YoY จากค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานที่สูงขึ้น ► บริษัทประกาศจ่ายปันผลจ่ายงวด 2H24 ที่ 0.70 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Div Yield 0.9% ขึ้น XD วันที่ 6 มี.ค. 2025 Our Take ► เราประเมินแนวโน้มกำไรปกติของ CBG ใน 1Q25 เบื้องต้นจะทรงตัว QoQ แต่เติบโต YoY โดยเราประเมินรายได้ 1Q25 อาจชะลอ QoQ เล็กน้อยจากฐานสูงที่ทำไว้ใน 4Q24 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามส่วนแบ่งตลาดเดือน ม.ค. - มี.ค. ต่อเนื่อง หากปรับขึ้นต่อ มีโอกาสที่รายได้จะทรงตัว หรือเติบโตได้เล็กน้อยเช่นกัน แต่ CBG จะมีปัจจัยบวกหนุนคือด้านต้นทุนที่จะปรับลดลงทั้งราคาอะลูมิเนียม, ราคาน้ำตาล และเศษแก้ว หนุน GPM ให้สูงขึ้น ► ราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมาปรับลดลงจากความกังวลด้านการแข่งขันราคาที่สูงขึ้น และแนวโน้มตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่อาจไม่เติบโต อย่างไรก็ตามเราคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 2568 ของ CBG ที่คาดเติบโตได้ต่อจาก 1. ธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังในต่างประเทศเติบโตจากตลาดเวียดนาม และกัมพูชาเป็นหลัก รวมถึงคาดหวังการฟื้นตัวในเมียนมาจากการกลับไปตั้งโรงงานผลิตในช่วง 2H25 2. แนวโน้มธุรกิจรับจ้างจัดจำหน่ายที่ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง ► เราคงราคาเหมาะสม CBG ที่ 93.00 บาท และคงคำแนะนำ “ซื้อ”

CBG กำไรQ4ทำนิวไฮ ปันผล0.70บ. ปีนี้โตต่อ

CBG กำไรQ4ทำนิวไฮ ปันผล0.70บ. ปีนี้โตต่อ

          หุ้นวิชั่น-  บทวิเคราะห์ บล. ดาโิอคงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 95.00 อิง 2025E PER 27.0x (ใกล้เคียง -1SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) CBG รายงานกำไรสุทธิ 783 ล้านบาท (+21% YoY, +6% QoQ) กำไรขยายตัว YoY หนุนโดย 1) รายได้รวมขยายตัว +12% YoY หนุนโดยรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น +40% YoY, รายได้ distribution business ทำ All Time High ช่วยชดเชยรายได้ต่างประเทศที่ปรับตัวลดลง -1% YoY, 2) GPM ขยายตัว YoY จาก volume การผลิตที่เพิ่มขึ้น และ 3) SG&A to sales ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีโบนัสพิเศษสำหรับพนักงาน และค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดเพิ่มขึ้น ด้านกำไรขยายตัว QoQ เป็นไปตามฤดูกาล           ทั้งนี้ CBG ประกาศจ่ายปันผล 0.70 บาท (XD 6 มี.ค)คงประมาณการกำไรที่ 3,525 ล้านบาท (+24% YoY) จากรายได้ +18% YoY และ GPM ขยายตัวราคาหุ้น outperform SET +3% ใน 1 เดือนที่ผ่าน           มองว่า valuation น่าสนใจ โดยเทรดอยู่ที่ 2025E PER 21.0x และมี upside จากการปรับขนาดขวดแก้วและกระป๋องให้บางลงในประมาณการ

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

CBG มาจริงกำไรพุ่ง 48% ปันผล 70 สตางค์ เป้า 95บ.

CBG มาจริงกำไรพุ่ง 48% ปันผล 70 สตางค์ เป้า 95บ.

           หุ้นวิชั่น- ไม่ผิดหวัง CBG กำไรปี 2567 สนั่น 2,843 ล้านบาท โต 48% จากปีก่อน รายได้ผงาดทะลุ 2 หมื่นล้าน จัดปันผลแบบฉ่ำๆ อีก 0.70 บาทต่อหุ้น โบรกจับตาปีนี้ CBG ฟันกำไรต่ออีก 3,525 ล้านบาท เดินหน้าทำ All Time High เคาะพื้นฐาน 95 บาท            นายพงศานต์ คล่องวัฒนกิจประธานผู้บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ในปี 2567 CBG มีกำไรสุทธิ 2,843 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% YoY สะท้อนยอดขายที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนที่ปรับตัวลดลง การควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการแบ่งปันสิทธิผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล EFL ให้แก่บริษัทคู่ค้าในกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตเบียร์คาราบาวและเบียร์ตะวันแดง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารและทำการตลาด            นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลงจากความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการจัดการเงินทุนหมุนเวียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น กำไรตามนัด            ก่อนหน้านี้ บทวิเคราะห์บล. ดาโอระบุว่า คาด CBG กำไรสุทธิ 4Q24E ที่ 792 ล้านบาท (+22% YoY, +7% QoQ) สูงสุดในรอบ 14 ไตรมาส แม้จะมีโบนัสพิเศษ จากรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่เติบโตแข็งแกร่งทำ All Time High คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E-25E ปี 2024E ที่ 2,852 ล้านบาท (+48% YoY) สำหรับปี 2025E ประมาณการกำไรสุทธิที่ 3,525 ล้านบาท (+24% YoY)            คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 95.00 บาท อิง 2025E PER 27.0x (ใกล้เคียง -1SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) ปัจจุบัน CBG เทรดอยู่ที่ 2025E PER 20.4x เรามองว่า valuation ยังน่าสนใจ เมื่อเทียบกับกำไรปี 2025E-26E ที่เดินหน้าทำ All Time High แจกปันผลอีก 0.70 บ.            ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 พิจารณาจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงาน (เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม ปี 2567) จำนวนหุ้นละ 0.70 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 700 ล้านบาท            เมื่อรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงาน (เดือนมกราคม – มิถุนายน ปี 2567) จำนวนหุ้นละ 0.60 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 600 ล้านบาท และได้จ่ายไปแล้วเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ทำให้เงินปันผลรวมที่จ่ายจากกำไรสุทธิปี 2567 เท่ากับ 1,300 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นละ 1.30 บาท            ทั้งนี้ CBG จะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 7 มีนาคม 2568 และหากที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายเงินปันผลดังกล่าว บริษัทฯ จะกำหนดการจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 รายได้เพิ่มขึ้น 11%            CBG ในปี 2567 รายได้จากการขายรวมเท่ากับ 20,964 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +11% YoY โดยในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการดำเนินการผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเองจำนวน 12,190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +9% YoY จากยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังคาราบาวแดงในประเทศที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากส่วนแบ่งทางการตลาดเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยหนุนให้คาราบาวแดงเป็นแบรนด์สินค้าที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี อันเป็นผลจากการที่บริษัทฯ ยังคงดำเนินกลยุทธ์หลักคงราคาขายปลีกที่ 10 บาท รวมถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การกระจายสินค้าที่ละเอียดยิ่งขึ้นให้มีเครือข่ายที่กว้างขวางและครอบคลุมมากขึ้นผ่านคู่ค้ารายย่อยระดับอำเภอและระดับตำบล และการเพิ่มจำนวนคู่ค้าของสินค้าเครื่องดื่มบำรุงกำลังผ่านพอร์ตสินค้าของคู่ค้ากลุ่มแอลกอฮอล์เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่าย            นอกจากนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการรับจ้างจัดจำหน่ายให้แก่บุคคลภายนอกจำนวน 7,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +18% YoY จากการจัดจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นหลัก ที่ยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่รายได้จากการจำหน่ายสินค้ากลุ่มอื่นๆ เท่ากับ 860 ล้านบาท ลดลง -11% YoY เนื่องจากในไตรมาส 3/2566 บริษัทได้จำหน่ายขวดแก้ว กระป๋องอะลูมิเนียม และบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ให้แก่บริษัทคู่ค้าซึ่งเป็นผู้ผลิตเบียร์คาราบาวและเบียร์ตะวันแดงในปริมาณมากเพื่อเตรียมความพร้อมในการออกสินค้าใหม่สู่ตลาดในช่วงไตรมาส 4/2566

คาราบาวกรุ๊ป รับรางวัล Thailand’s Top Corporate Brands 2024

คาราบาวกรุ๊ป รับรางวัล Thailand’s Top Corporate Brands 2024

          หุ้นวิชั่น - บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รับการประกาศเป็นองค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดของประเทศไทยประจำปี 2567 หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยมูลค่า 89,115 ล้านบาท ในงาน ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brands 2024 จัดโดย ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นการได้รับรางวัลดังกล่าวเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน โดยมีคุณกมลดิษฐ สมุทรโคจร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รับมอบโล่เกียรติยศ Thailand’s Top Corporate Brands 2024 จากศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวันที่ 30 มกราคม 2568 ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย           นายกมลดิษฐ สมุทรโครจร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า รางวัลดังกล่าวสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ขององค์กร “สินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก” หรือ World Class Product, World Class Brand ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง พร้อมลงทุนเพื่อเสริมสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผ่านกลยุทธ์การตลาดที่หลากหลายและสอดคล้องกับเทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น           ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคาราบาว ไม่เพียงแต่ทำให้แบรนด์แข็งแกร่งในประเทศ แต่ยังเป็นที่รู้จักในระดับโลก หนึ่งในตัวอย่างสำคัญคือการเป็นผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันฟุตบอล “คาราบาว คัพ” หรือ EFL League Cup ซึ่งเป็นหนึ่งในถ้วยฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดในของอังกฤษ โดยคาราบาวได้สนับสนุนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งตามสัญญาปัจจุบัน จะสิ้นสุดลงหลังฤดูกาล 2026-27 ส่งผลให้คาราบาวกลายเป็นผู้สนับสนุนที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของรายการนี้           นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญในด้านความยั่งยืน โดยดำเนินการหลายประการเพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อการเติบโตและพัฒนาบนพื้นฐานด้านความยั่งยืน เช่นเดียวกับองค์กรระดับโลก อาทิ การแสดงถึงความโปร่งใสผ่านการเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลที่สำคัญ หรือนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและจรรยาบรรณคู่ค้า เป็นต้น           งาน ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brands 2024 จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 เพื่อมอบรางวัลให้แก่ องค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดของประเทศไทยและในอาเซียน ประจำปี 2567 จัดโดยหลักสูตรปริญญาโทด้านการจัดการแบรนด์และการตลาด ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. กุณฑลี รื่นรมย์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. เอกก์ ภทรธนกุล ได้ทำวิจัยเรื่อง “การประเมินมูลค่าแบรนด์องค์กรในประเทศไทยและใน ASEAN ประจำปี 2567” โดยใช้เครื่องมือวัดมูลค่า แบรนด์องค์กรอย่างเป็นระบบ หรือ CBS Valuation ที่ได้รับการยอมรับอย่างยิ่งในแวดวงวิชาการ มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้องค์กรธุรกิจทั้งในประเทศและภูมิภาค ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างแบรนด์องค์กรให้เข้มแข็ง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของธุรกิจอย่างยั่งยืน           สำหรับงานวิจัยนี้ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 15 ปี ทั้งนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ประกาศผลบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดในแต่ละหมวดธุรกิจของกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นประจำทุกปี [PR News]

CBG ไม่แข่งสงครามราคากระจายสินค้าแกร่ง-เป้า95บ.

CBG ไม่แข่งสงครามราคากระจายสินค้าแกร่ง-เป้า95บ.

          หุ้นวิชั่น - บทวิเคราะห์ บล. ดาโอระบุว่า คุณร่มธรรม เสถียรธรรมะ กรรมการผู้จัดการ CBG เผย บริษัทไม่มีความกังวลและจะไม่ได้รับผลกระ ทบจากกรณีคู่แข่งจะออกเครื่องดื่มชูกำลังใหม่ 10 บาท/ขวด ซึ่งเดิมคู่แข่งรายดังกล่าวนั้น ก็มีสินค้าเครื่องดื่มชูกำลัง 10 บาทอยู่ 2-3 ตัวซึ่งทำการตลาดมานาน          ดังนั้นสะท้อนให้เห็นว่า CBG ไม่กระทบเพราะ market share ในปีที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น มองว่าการที่คู่แข่งออกตัวใหม่มาเพิ่ม จะไม่กระทบยอดขายและ market share ของ CBG แต่ไปกระทบยอดขายและแชร์ของคู่แข่งเองกับเครื่องดื่มชูกำลังหลักที่มีราคา 12.00 บาทในปัจจุบัน          อย่างไรก็ตาม CBG ไม่มีแผนที่จะลดราคาลงไปสู้ หรือจัดโปรโมชั่น หรือมีการอัดสต๊อกแต่อย่างใด เพราะปัจจุบันช่องทางการขายบริษัทแน่นมากเกือบ 100% แต่บริษัทสามารถเพิ่มช่องทางการขายได้อีก เพราะมีสินค้าในพอร์ตเพิ่ม ทำให้มีคู่ค้ารายใหม่ทั้งนี้ ไตรมาส 1 ยอดขายยังคงดีต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศจากช่องทางการขายของบริษัทที่แข็ง แกร่งเกือบ 100% CBG มั่นใจ market share ปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 29% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 26%ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้โต +30% YoY และ margin ทรงตัว          DAOL: Outlook ยังดีต่อเนื่อง เรามีมุมมองเป็นบวกต่อ outlook ของ CBG ทั้งนี้ เราประเมินกำไรสุทธิ 4Q24E ที่ 792 ล้านบาท (+22% YoY, +7% QoQ) สูงสุดในรอบ 14 ไตรมาสแม้จะมีโบนัสพิเศษ จากรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่เติบโตแข็งแกร่งทำ All Time High          คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E-25E เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 2,852 ล้านบาท (+48% YoY) สำหรับปี 2025E เราคงประมาณการกำไรสุทธิที่ 3,525 ล้านบาท (+24% YoY) Valuation/Catalyst/Risk          คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 95.00 อิง 2025E PER 27.0x (ใกล้เคียง -1SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) ปัจจุบัน CBG เทรดอยู่ที่ 2025E PER 20.4x เรามองว่า valuation ยังน่าสนใจ เมื่อเทียบกับกำไรปี 2025E-26E ที่เดินหน้าทำ All Time High

abs

ออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่ายและระบบสื่อสารอย่างครบวงจร

CBG ส่วนแบ่งตลาด ธ.ค.ชน26% เครื่องดื่มชูกำลังฮอต-เป้า 95บ.

CBG ส่วนแบ่งตลาด ธ.ค.ชน26% เครื่องดื่มชูกำลังฮอต-เป้า 95บ.

                      หุ้นวิชั่น-บทวิเคราะห์ บล.ดาโอ ระบุว่า Nielsen รายงาน Market Share เครื่องดื่มชูกำลังเดือน ธ.ค. 2024 by sales volume ตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ธ.ค. เติบโต +6% YoY, +1.5% MoM ดังนี้ Carabao Dang อยู่ที่ 26.0% (+260 bps YoY +40 bps MoM) CBG (ได้แก่ คาราบาวแดง, คันโซคูณสอง) อยู่ที่ 26.5% (+240 bps YoY, +50 bps MoM) M-150 อยู่ที่ 29.8% (-130 bps YoY, -80 bps MoM) OSP (ได้แก่ M-150, Lipo, โสมอินซัม, ฉลาม) อยู่ที่ 43.0% (-180 bps YoY, -90 bps MoM) Krating Daeng อยู่ที่ 12.6% (-140 bps YoY, -30 bps MoM) TCP อยู่ที่ 19.0% (-120 bps YoY, + 10 bps MoM)             มีมุมมองเป็นบวกจากประเด็นข้างต้น โดยรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศเดือน ธ.ค. ของ CBG ยังทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จาก volume ขายที่ดี โดย market share คาราบาวแดง ปิดปีที่ 26.0% ตามเป้าที่บริษัทวางไว้             ทั้งนี้ ประเมินกำไรสุทธิ 4Q24E ที่ 792 ล้านบาท (+22% YoY, +7% QoQ) สูงสุดในรอบ 14 ไตรมาส กำไรขยายตัว YoY หนุนโดย 1) รายได้รวมขยายตัว +12% YoY หนุนโดยรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น +37% YoY, รายได้ distribution business ทำ All Time High หนุนโดยรายได้สุราข้าวหอมเติบโตโดดเด่น ช่วยชดเชยรายได้ต่างประเทศที่ปรับตัวลดลง, 2) GPM ขยายตัว YoY จาก volume การผลิตที่เพิ่มขึ้น และ 3) SG&A to sales ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีโบนัสพิเศษสำหรับพนักงาน และค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดเพิ่มขึ้น             ด้านกำไรขยายตัว QoQ เป็นไปตามฤดูกาลคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E-25E เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 2,852 ล้านบาท (+48% YoY) สำหรับปี 2025E เราคงประมาณการกำไรสุทธิที่ 3,525 ล้านบาท (+24% YoY) คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 95.00 อิง 2025E PER 27.0x (ใกล้เคียง -1SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)

CBGกำไรQ4ทำสถิตินิวไฮ คาดฟัน792 ล้าน-เป้า95บ.

CBGกำไรQ4ทำสถิตินิวไฮ คาดฟัน792 ล้าน-เป้า95บ.

          หุ้นวิชั่น - บทวิเคราะห์ บล. ดาโอระบุว่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” CBG และคงราคาเป้าหมายที่ 95.00 อิง 2025E PER 27.0x (ใกล้เคียง -1SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เราประเมินกำไรสุทธิ 4Q24E ที่ 792 ล้านบาท (+22% YoY, +7% QoQ) ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์เดิมจากโบนัสพิเศษ กำไรขยายตัว YoY หนุนโดย 1) รายได้รวมขยายตัว +12% YoY หนุนโดยรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น +37% YoY จากกลยุทธ์การคงราคาขาย 10 บาท หนุน market share ของคาราบาวแดง ณ สิ้น ธ.ค. อยู่ที่ 26% (4Q24 ที่ 25.6%, 4Q23 = 23.2%, 3Q24 = 24.9%), รายได้ distribution business ทำ All Time High หนุนโดยรายได้สุราข้าวหอมเติบโตโดดเด่น ช่วยชดเชยรายได้ต่างประเทศที่ปรับตัวลดลง -2% YoY, 2) GPM ขยายตัว YoY จาก volume การผลิตที่เพิ่มขึ้น และ 3) SG&A to sales ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีโบนัสพิเศษสำหรับพนักงาน และค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดเพิ่มขึ้น ด้านกำไรขยายตัว QoQ เป็นไปตามฤดูกาลเราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ลง -3% เพื่อสะท้อน โบนัสพิเศษที่เพิ่มขึ้น โดยเราประเมินกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 2,852 ล้านบาท (+48% YoY)           สำหรับปี 2025E คงประมาณการกำไรสุทธิที่ 3,525 ล้านบาท (+24% YoY)ราคาหุ้น underperform SET -2% ใน 1 เดือนที่ผ่าน เรามองว่า valuation น่าสนใจ ปัจจุบัน CBG เทรดอยู่ที่ 2025E PER 22.1x ยังไม่สะท้อน 2023-2025E EPS CAGR +35%

CBG พา ปีเตอร์ ชไมเคิล ตำนานมือโกล พบแฟนๆไทย

CBG พา ปีเตอร์ ชไมเคิล ตำนานมือโกล พบแฟนๆไทย

             เครื่องดื่มคาราบาว และเครื่องดื่มตะวันแดง เครือ CBG จับมือ English Football League ผู้จัดการแข่งขัน คาราบาว คัพ พาตำนานนักฟุตบอลมาเยือนเมืองไทย ตอกย้ำความเป็นเครื่องดื่มสำหรับแฟนฟุตบอลอย่างแท้จริง เดินหน้าลุยแคมเปญ เชียร์บอล เชียร์บาว เอาใจแฟนฟุตบอลชาวไทย ด้วยการจัดกิจกรรม Carabao Bao Meet the Legend 2025 | Peter Schmeichel เชิญตำนานผู้รักษาประตูระดับโลก มาพบปะกับแฟนฟุตบอลชาวไทยอย่างใกล้ชิด เพราะคาราบาวเชื่อว่า ฟุตบอลเป็นเรื่องของทุกคน ทุกคนที่รักฟุตบอลต้องเข้าถึงกีฬาที่รัก และนักฟุตบอลที่ชื่นชอบได้              โดยเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2568 ที่โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง รามอินทรา แฟนฟุตบอลชาวไทยและเหล่าอินฟลูเอนเซอร์รวมตัวครั้งยิ่งใหญ่กว่า 500 คน และทุกคนต่างได้รับประสบการณ์สุดพิเศษกับตำนานผู้รักษาประตูระดับโลก Peter Schmeichel โดยนอกจากจะได้ฟังบทสัมภาษณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหนแล้ว ยังมีกิจกรรมรูปแบบใหม่ให้แฟนฟุตบอลชาวไทยได้เล่นเกมตอบคำถามเฟ้นหา ซูเปอร์แฟน โดยแฟนฟุตบอลที่ตอบคำถามได้ถูกต้องและรวดเร็วที่สุดจะได้ ถ่ายภาพ รับลายเซ็น และร่วมโต๊ะอาหารอย่างใกล้ชิดกับ Peter Schmeichel              สำหรับแฟนฟุตบอลท่านอื่นๆ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของแคมเปญ เชียร์บอล เชียร์บาว และกิจกรรม Carabao Bao Meet the Legend มาติดตามกันว่า เครื่องดื่มคาราบาวจะพานักฟุตบอลระดับโลกคนไหนมาพบกับแแฟนฟุตบอลชาวไทย

abs

Hoonvision

CBG โตต่อ โอกาส New High  โบรกแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าที่ 95 บาท

CBG โตต่อ โอกาส New High โบรกแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าที่ 95 บาท

          หุ้นวิชั่น - บล.ดาโอ รายงานว่า คุณร่มธรรม เสถียรธรรมะ กรรมการผู้จัดการ CBG เผย ผลงานของบริษัทในปี 2025E เติบโตต่อเนื่อง และมีโอกาสจะทำ New High เนื่องจากปัจจุบันยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังของบริษัทเติบโตได้ดี และยังสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ โดยในปี 2024 ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเติบโต +5% สูงสุดหลังจากโควิด จากแรงงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นและราคากาแฟสูงขึ้น หันมาบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังแทน           สำหรับ 4Q24 การคงราคาขายที่ 10 บาททำให้ชิง market share ได้ ยอดขายเครื่องดื่มชูกำลัง 4Q24E ยังทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อ ทั้งนี้ตั้งเป้า market share สิ้นปี 2025E ที่ 29% และมีตัวเลขเป้าหมายการ ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังที่ 1,200 ล้านขวด จากปี 2024 ที่ 900 ล้านขวด และอยู่ระหว่างศึกษาปรับสูตร เพื่อลดปริมาณน้ำตาล นอกจากนี้บริษัทยังมีต้นทุนการผลิตที่ลดลงจากราคาน้ำตาลที่ลดลง และขวด แก้วแบบบาง ปัจจุบันมีไลน์การผลิตที่เป็นแบบบาง 1 ไลน์และมีแผนขยายไลน์แบบบางเพิ่มอีก ช่วยหนุน GPM ดีขึ้น           สำหรับตลาดต่างประเทศ กัมพูชายังคงเติบโตต่อเนื่อง และโรงงานเมียนมาจะผลิตได้กลางปี 2025E ส่วนโรงงานกัมพูชาผลิตจะเสร็จใน 2026E ตามแผน ด้านการขยายตลาดใหม่ กำลังศึกษาซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นตลาดใหญ่ จากเดิมที่มีฐานตะวันออกกลางที่กลุ่มอัฟกานิสถาน Implication           Outlook ยังดีต่อเนื่อง เรามีมุมมองเป็นบวกจากประเด็นข้างต้น เราคาด market share ของเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศ ณ สิ้นปี 2025E ที่ 28% (บริษัทคาดที่ 29%) เทียบกับปี 2024E ที่ 26% ซึ่งหากเป็นไปตามบริษัทคาดจะเป็น upside ต่อประมาณการของเรา โดยเราประเมินรายได้รวมปี 2025E ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท (+11% YoY) และ GPM ขยายตัว เรามองว่า GPM มี upside ต้นทุนการผลิตที่ลดลง และการปรับสูตรลดน้ำตาล อีกทั้งมีแผนเพิ่มไลน์การผลิตขวดแก้วแบบบางซึ่งลดต้นทุนการผลิตได้ 11 สตางค์ต่อขวด มี short term catalyst จากกำไร 4Q24E ที่สูงสุดรอบ 14 ไตรมาส โดยรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศ พ.ย. ยังทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จาก volume ขายที่ดี เราคาด market share ของ Carabao Dang & CBG เดือน ธ.ค. จะปรับตัวขึ้นต่อ (คาด Market share จะอยู่ที่ 26%) ทั้งนี้ เราคาดกำไร 4Q24E อยู่ที่ 879 ล้านบาท (+35% YoY, +18% QoQ) สูงสุดในรอบ 14 ไตรมาส หนุนโดย 1) high season คาดรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศทำ All Time High ต่อ, ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากแจกเงิน 10,000 บาทกลุ่มเปราะบาง หนุน distribution business โตต่อเนื่อง และรายได้ต่างประเทศเติบโตต่อเนื่อง และ 2) GPM ขยายตัว YoY ทรงตัว QoQ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 2,939 ล้านบาท (+53% YoY) สำหรับปี 2025E เราคาดกำไรสุทธิที่ 3,508 ล้านบาท (+19% YoY) จากรายได้ที่ขยายตัวต่อเนื่อง YoY และ GPM ขยายตัว Valuation/Catalyst/Risk           เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 95.00 อิง 2025E PER 27.0x (ใกล้เคียง -1SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)

จับตา CBG โบรกลุ้นกำไร Q4 ทำนิวไฮ หนุนทั้งปีโตแรง

จับตา CBG โบรกลุ้นกำไร Q4 ทำนิวไฮ หนุนทั้งปีโตแรง

         หุ้นวิชั่น - บล.เอเชียพลัส ส่อง หุ้น CBG โดย คาด CBG จะมีกำไรสุทธิงวด 4Q67 ที่ 771 ล้านบาท (+4% QoQ, +19% YoY) โดยกำไรที่คาดเติบโตทั้ง QoQ และYoY เนื่องด้วยคาดรายได้รวมสูงขึ้นทั้งจาก เครื่องดื่มชูกำลัง“คาราบาวแดง” ที่ส่วนแบ่งทางการตลาดเชิงปริมาณใน 4QTD67 ทำจุดสูงสุด 25.4% และรายได้รับจ้างจัดจำหน่าย(สุราข้าวหอม)ทำจุดสูงสุดของปี ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าประมาณการกำไรทั้งปี 67 ของเรามี upside ราว 2%-3% ทำให้ ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 67-68 รวมทั้งคงราคาเป้าหมายปี68 ที่ 92.75(อิง PER 30.5 เท่า, -1.0 S.D) และคงคำแนะนำ “Outperform” เพราะ 1) ระยะสั้นมี ปัจจัยบวกจากกำไร 4Q67 ที่คาดจะทำจุดสูงสุดในรอบ 14 ไตรมาส ซึ่งจะทำให้ กำไรรวมทั้งปี 67 โตแรงกว่า 43%YoY และ2) PER ปี68 อยู่ที่ 25.5เท่า ซึ่งต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ที่ 31.8 เท่า แต่คาดกำไรปี 68 เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ย คงคำแนะนำ “Outperform” ให้ราคาเป้าหมายที่ 92.75 บาท

ตลาดเครื่องดื่มบูม หุ้นไหนเด่น เช็กด่วน!

ตลาดเครื่องดื่มบูม หุ้นไหนเด่น เช็กด่วน!

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) ระบุว่า ส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศ POSITIVE           ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินส่วนแบ่งการตลาดของ OSP ขยายตัว 0.3ppt mom เป็น 44.8% ในเดือนตุลาคม เนื่องจากยอดขายฟื้นตัวหลังน้ำท่วมลดลง ในทางตรงกันข้าม ส่วนแบ่งตลาดของ CBG ลดลง 0.7ppt mom เหลือ 25.1% ในเดือนตุลาคม แต่ผู้บริหารมั่นใจว่าจะได้ส่วนแบ่งตลาด 26% ในเดือนธันวาคม เนื่องจากเข้าร่วมในแคมเปญ 2 ขวด 18 บาท ในร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 ถึงมกราคม 2025 CBG ยังตั้งเป้าจะได้รับส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม 3ppt ในปี 2025 เป็น 29% เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ CBG (TP THB89) และ OSP (TP THB23) CBG จะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มใน 4Q24           แม้ CBG จะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในเดือนตุลาคม แต่ฝ่ายบริหารระบุว่ายอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศจะเติบโตได้ดีใน 4Q24 โดยประเมินยอดขายจะเพิ่มขึ้น 37% yoy เป็น 261 ล้านขวดใน 4Q24 เนื่องจากมีราคาขายต่ำสุด (10 บาท เทียบกับของแบรนด์อื่นในตลาดที่ 12 บาท) นอกจากนี้ เนื่องจาก 4Q24 เป็นช่วงที่ดีที่สุดของปี ยอดขายในกัมพูชาน่าจะแข็งแกร่ง (ส่วนแบ่งรายได้ 15%) เมื่อดูต้นทุนราคาอลูมิเนียม (8% ของ COGS) น่าจะค่อนข้างทรงตัว qoq เนื่องจาก CBG ล็อคราคาไว้จนถึง 1Q25 เราประมาณการกำไร 4Q24 แบบระมัดระวังจะเพิ่มขึ้น 1% yoy เป็น 656 ล้านบาท สำหรับ OSP ตลาดในเมียนมายังดีอยู่ใน 4Q24           OSP คาดว่าจะได้รับส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศต่อไปในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม นอกจากนี้ยอดขายน่าจะยังคงแข็งแกร่งในเมียนมาร์ (ส่วนแบ่งรายได้ 10%) เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น เราคาดกำไรหลัก 4Q24F จะเพิ่มขึ้น 30% เป็น 770 ล้านบาท CBG เป็นหุ้นเด่น ความเสี่ยงหลังคือความผันผวนของราคาวัตถุดิบ           CBG ซื้อขายที่ 25x 2025F P/E ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 37x สำหรับ OSP มี Valuation ที่ไม่แพง P/E 19x ปี 2025F หรือ -1.5SD ของค่าเฉลี่ยระยะยาว OSP สมควรที่จะเทรดที่ Valuation ต่ำกว่า CBG เพราะคาดว่า OSP อาจเสียส่วนแบ่งตลาดในระยะยาว เนื่องจากสินค้ามีราคาสูงกว่า แต่นักลงทุนอาจมองว่าหุ้นน่าสนใจหากคาดกำไรเติบโตแข็งแกร่งใน 4Q24 ความเสี่ยงที่สำคัญคือราคาวัตถุดิบมีความผันผวน โดยเฉพาะโซดาแอชและอลูมิเนียม

CBG

CBG "ถูกดี" ไม่กระทบตลาด คาดผลงานโค้งท้ายโตเด่น เป้า 85 บ.

หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ► ฝ่ายวิเคราะห์เข้าประชุมพิเศษเมื่อวานนี้ บริษัทชี้แจงกรณีมีผู้ร้องยื่นไปที่ DSI ให้ตรวจสอบกรณีร้านโชว์ห่วย (ร้าน "ถูกดี") หลอกลงทุน โดยบริษัทยืนยันว่าร้าน "ถูกดี" ดำเนินธุรกิจสุจริตและถูกต้องตามกฎหมาย โดยเราสรุปสาระสำคัญดังนี้ Our Take ► กรณีการฟ้องร้องดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับ CBG เนื่องจาก CBG ไม่ได้มีการถือหุ้นระหว่างกัน และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจของร้าน "ถูกดี" หรือมีการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัวของคุณเสถียร (ผู้ถือหุ้นใหญ่ CBG) เท่านั้น ขณะที่ยอดขายในร้าน "ถูกดี" ของ CBG มีสัดส่วนน้อยไม่ถึง 3% ของรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศของบริษัท หรือไม่ถึง 1% ของรายได้รวม จึงไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายในกรณีเลวร้ายสุดที่ร้าน "ถูกดี" ถูกฟ้องร้อง ► บริษัทยืนยันว่าร้าน "ถูกดี" ดำเนินธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย สะท้อนได้จากผู้ร่วมดำเนินธุรกิจมากกว่า 3,000 รายที่ยังดำเนินธุรกิจอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ประเด็นดังกล่าวเคยถูกผู้ร้องรายเดิมยื่นฟ้องร้องร้าน "ถูกดี" ผ่านคณะกรรมการการแข่งขันการค้า (กขค.) มาแล้วในปี 2566 ซึ่งทางกขค. มีคำตัดสินว่าร้าน "ถูกดี" ไม่มีความผิด ► ปัจจุบัน DSI ยังไม่รับเรื่องในการพิจารณาคดีดังกล่าว โดยอยู่ระหว่างการขอคำชี้แจงจากทางร้าน "ถูกดี" และมีแนวโน้มเป็นบวก บริษัทคาดว่าจะไม่มีการฟ้องร้องใดๆ เนื่องจากไม่ได้มีมูลเหตุอย่างเพียงพอที่จะทำให้ DSI รับเรื่องพิจารณาคดี และเป็นเรื่องในอดีตที่ทาง กขค. เคยพิจารณาแล้ว ► ขณะที่ปัจจัยกดดันด้านต้นทุนอลูมิเนียม กรณีจีนยกเลิกการคืนภาษีสำหรับการส่งออกอลูมิเนียมและทองแดง 13% (นำเข้าอลูมิเนียมจากจีนจะมีราคาต้นทุนสูงขึ้น 13%) โดย Supplier ของ CBG อยู่ระหว่างการพิจารณาราคาขายใหม่ อย่างไรก็ตาม ปกติ CBG จะนำเข้าจากจีนและญี่ปุ่น โดยใน 3Q67 บริษัทมีการนำเข้าจากญี่ปุ่น 100% ทำให้ใน 1Q68 เป็นต้นไปบริษัทจะหันไปซื้อจากญี่ปุ่น และทำให้แนวโน้มราคาต้นทุนอลูมิเนียมจะใกล้เคียงกับช่วง 3Q67 หรือที่ระดับราคา LME 2,500 – 2,600 USD/ตัน ซึ่งเป็นระดับราคาที่บริษัทยังสามารถบริหารจัดการได้ ► บริษัท Guidance แนวโน้มยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังและจัดจำหน่ายสุราข้าวหอมในประเทศทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน ขณะที่ต้นทุนจะลดลงจากราคาอลูมิเนียมที่ปรับลง (ซื้อจากจีนตอนที่ราคายังต่ำ) และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นจะหนุน GPM ทำให้เราคงประเมินแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67 จะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ► ขณะที่เป้าการเติบโตรายได้ในปี 2568 บริษัทยังคงเป้าหมายไว้ที่ระดับไม่น้อยกว่า 20% YoY จากการเติบโตในตลาดในประเทศมากกว่า 20% และตลาดต่างประเทศที่ระดับ 8-10% ซึ่งยังสูงกว่าประมาณการรายได้ปี 2568 ที่คาดไว้ที่ 22,854 ล้านบาท (+8.4% YoY) ของเรามีความหมายสำคัญ ► ราคาหุ้นปรับลง 5% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนปัจจัยกดดันดังกล่าว ซึ่งเรามองว่าตลาดกังวลมากไป ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่แนวโน้มกำไรเติบโตเด่นใน 4Q67 และความกังวลดังกล่าวจะคลี่คลายมากขึ้นหลังจากนี้ เรามองราคาที่ย่อลงมาเป็นโอกาสในการเข้าเก็งกำไร คงคำแนะนำ TRADING ราคาเป้าหมาย 85.00 บาท มี Upside gain 11.5%

โบรกแนะโอกาสสะสม CBG Q4/67 ทำนิวไฮรอบ14ไตรมาส

โบรกแนะโอกาสสะสม CBG Q4/67 ทำนิวไฮรอบ14ไตรมาส

          หุ้นวิชั่น - บล.ดาโอ ระบุว่า ร้านถูกดีมีมาตรฐาน ชี้แจงกรณีบุคคลร้องเรียน DSI ไม่เป็นความจริง ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นกลางต่อประเด็นดังกล่าว โดยได้สอบถามไปยัง CBG ซึ่งชี้แจงว่า ร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” เป็นธุรกิจส่วนตัวของคุณเสถียร เศรษฐสิทธิ์ และ CBG ไม่ได้ถือหุ้นในร้านดังกล่าว ปัจจุบันร้านมีสาขากว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศไทย           มองว่าผลกระทบต่อ CBG จำกัด เนื่องจากสัดส่วนรายได้จากร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” คิดเป็นเพียง 1% ของรายได้รวม อีกทั้งผู้บริโภคยังสามารถซื้อสินค้าของ CBG ผ่านช่องทางอื่นทดแทนได้ สำหรับสินค้าแอลกอฮอล์ของบริษัท ตะวันแดง 1999 จำกัด โรงเหล้าเป็นผู้จัดจำหน่ายโดยตรงไปยังร้านดังกล่าว ซึ่งเป็นช่องทาง Modern Trade ในขณะที่ CBG รับผิดชอบการจัดจำหน่ายในช่องทาง Traditional Trade เท่านั้น แนวโน้มการลงทุน มองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาเป็นโอกาส “เข้าซื้อสะสม” โดยมีปัจจัยหนุนระยะสั้น (short term catalyst) ดังนี้: 1. แนวโน้มกำไร ไตรมาส 4/2567 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 14 ไตรมาส หนุนโดย o ฤดูกาลที่เป็น High Season ของเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศ o ผลบวกจากมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท ที่สนับสนุนธุรกิจการกระจายสินค้า (distribution business) o รายได้ต่างประเทศเติบโตต่อเนื่อง 2. อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ขยายตัว YoY และทรงตัว QoQ ประมาณการกำไร • ปี 2024E: กำไรสุทธิ 2,939 ล้านบาท (+53% YoY) • ปี 2025E: กำไรสุทธิ 3,508 ล้านบาท (+19% YoY) จากรายได้และ GPM ที่ขยายตัวต่อเนื่อง Valuation           คงราคาเป้าหมายที่ 95.00 บาท อิง 2025E PER 27.0x ปัจจุบัน CBG เทรดที่ 2025E PER 21.9x ซึ่งยังไม่สะท้อนการเติบโตของ EPS CAGR +35% ระหว่างปี 2023-2025 และยังมีปัจจัยหนุนระยะสั้นจากกำไร ไตรมาส 4/2567 ที่จะสูงสุดในรอบ 14 ไตรมาส

CBG ยอดขายโตไม่หยุด เคาะพื้นฐาน 95 บาท

CBG ยอดขายโตไม่หยุด เคาะพื้นฐาน 95 บาท

หุ้นวิชั่น  - บทวิเคราะห์ บล. ดาโอระบุว่า Nielsen รายงาน Market Share เครื่องดื่มชูกำลังเดือน ต.ค. by volume ดังนี้CBG อยู่ที่ 25.5% (-80 bps MoM, +180 bps YoY)Carabao Dang อยู่ที่ 25.1% (-70 bps MoM, +220 bps YoY) มีมุมมองเป็นบวกจากประเด็นข้างต้น แม้ market share จะปรับตัวลดลง MoM เล็กน้อยจากแผนการจัด promotion ใน CVS แต่ยังเติบโต YoY อย่างไรก็ตาม รายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศ ต.ค. ยังทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จาก volume ขายที่ดี เราคาด market share เดือน พ.ย. - ธ.ค. จะปรับตัวขึ้น จากการรุกทำการตลาดใน CVS เพิ่มขึ้น (คาดปิดปี 2024E Market share จะอยู่ที่ 26%) ทั้งนี้ เราคาดกำไร 4Q24E อยู่ที่ 879 ล้านบาท (+35% YoY, +18% QoQ) สูงสุดในรอบ 14 ไตรมาส หนุนโดย 1) high season คาดรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศทำ All Time High ต่อ,ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากแจกเงิน 10,000 บาทกลุ่มเปราะปรางหนุน distribution business โตต่อเนื่อง และรายได้ต่างประเทศเติบโตต่อเนื่อง และ 2) GPM ขยายตัว YoY ทรงตัว QoQ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 2,939 ล้านบาท (+53% YoY) สำหรับปี 2025E เราคาดกำไรสุทธิที่ 3,508 ล้านบาท (+19% YoY) จากรายได้ที่ขยายตัวต่อเนื่อง YoY และ GPM ขยายตัว เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 95.00 อิง 2025E PER 27.0x (ใกล้เคียง -1SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)

นักลงทุนคอแห้ง! หุ้นเครื่องดื่มไตรมาส 3 เสิร์ฟกำไรแบบจัดเต็ม

นักลงทุนคอแห้ง! หุ้นเครื่องดื่มไตรมาส 3 เสิร์ฟกำไรแบบจัดเต็ม

อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม สำหรับไตรมาส 3/2567 บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือMALEE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  บริษัท และบริษัทย่อยมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ในไตรมาส 3/2567 เท่ากับ 61 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 3/2566 ที่มีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 9 ล้านบาท ผลการดำเนินงานเติบโต 551% YoY เป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 6% YoY จากกลยุทธ์ที่เน้นการเติบโตของสินค้าภายใต้แบรนด์ Malee ที่เป็น Focus SKU มีการยกเลิกขายสินค้าบางรายการ มีการปรับเพิ่มราคาสินค้าบางกลุ่มสินค้า และในกลุ่มลูกค้า CMG (Contract Manufacturing) ที่เป็นผลิตภัณฑ์ตามสัญญาและรับจ้างผลิต ตลอดจนความมีประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนขายที่ดีขึ้น บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)หรือSSC  รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567    กำไรสุทธิของบริษัท เท่ากับ 404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.1% จากผลกำไรสุทธิ 248 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของยอดขายและการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมีผลกำไรต่อหุ้นเป็นจำนวน 1.52 บาท เพิ่มขึ้น 0.59 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับผลกำไรต่อหุ้น 0.93 บาทในงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือCBG รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ เท่ากับ 741 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +40% YoY สะท้อนยอดขายที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนที่ปรับตัวลดลง การควบคุมค่าใช้จ่าย มีรายได้จากการขายรวมเท่ากับ 5,098 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +8% YoY โดยในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการดำเนินการผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเองจำนวน 3,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +8% YoY จากยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังคาราบาวแดงในประเทศที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากส่วนแบ่งทางการตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากการที่บริษัทฯ ยังคงดำเนินกลยุทธ์หลักคงราคาขายปลีกที่ 10 บาท รวมถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การกระจายสินค้าให้มีเครือข่ายที่กว้างขวางและครอบคลุมมากขึ้นผ่านคู่ค้ารายย่อยระดับอำเภอและระดับตำบล เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ TACC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  บริษัท มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 และสำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 จำนวน 66.31 และ 205.68 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 6.42 และ 36.95 ล้านบาท (คิดเป็น 10.73% และ 21.90%) จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 59.89 และ 168.73 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.89% และ 14.16% ของรายได้ของไตรมาส 3 ปี 2567 และ 2566 (ลดลง 0.27%) และคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 14.45% และ 13.55% ของรายได้สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 และ 2566 (เพิ่มขึ้น 0.90%)  กลุ่มบริษัทฯ คาดว่ารายได้ทั้งปี 2567 จะเติบโตร้อยละ 10 จากปีก่อน จากกลยุทธ์การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าหลัก เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ นำเสนอสินค้าใหม่จับเทรนด์ผู้บริโภครักสุขภาพ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน)หรือCOCOCO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 172.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.57 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 12.81% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่ลดลง 54.84 ล้านบาท หรือคิดเป็นการลดลง 24.14% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากปัจจัยภายนอกจากสถานการณ์ความผันผวนของตลาดการเงินโลกจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศและแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนยังคงมีผลกระทบต่อตลาดเงินและค่าเงินบาทในระยะสั้น ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศมีความผันผวน ส่งผลให้การรับรู้กำไรสุทธิลดลง สำหรับงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 603.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 252.45 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 72% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ ICHI รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  กำไรสุทธิของบริษัทฯ ในไตรมา 13/2567 และ โตรมาร 3/2566 เท่ากับ 357.3 ล้านบาท และ 328.0 ล้านบาทหรือ คิดเป็นอัตราทำไรสุทธิของรายได้จากการขาย เท่ากับ 16.7% และ 15.8% ตามลำดับ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 20.3 ล้านบาท หรือเท่ากับ 6.9% สำหรับทำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 1.099.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 16.7% กำไร สุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับ 805.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.6%ของรายได้จากการขาย กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 294.6 ล้านบาทหรือเท่ากับ 36.6% บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน)หรือSAPPE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 รายงานผลประกอบการ กำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ในไตรมาส 3/2567 เท่ากับ 300.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.2% ต่อรายได้จากการขาย ลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อนหน้าที่ 319.1 ล้านบาทบริษัทฯ มีรายได้จากการขายในไตรมาสนี้เท่ากับ 1,566.2 ล้านบาท ลดลง 6.0% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมาจากการลดลงของรายได้จากการขายตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ภายในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมีแผนการออกสินค้าใหม่ทั้งหมดมากกว่า 20 รายการ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้รายได้จากการขายเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)หรือSSC  รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567    กำไรสุทธิของบริษัท เท่ากับ 404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.1% จากผลกำไรสุทธิ 248 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของยอดขายและการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมีผลกำไรต่อหุ้นเป็นจำนวน 1.52 บาท เพิ่มขึ้น 0.59 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับผลกำไรต่อหุ้น 0.93 บาทในงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุผลที่อธิบายข้างต้น บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน)หรือHTC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567   บริษัทฯ มีกำไรสุทธิแสดงไว้ในงบการเงินรวมเป็นจำนวนเท่ากับ 129.2 ล้านบาท ลดลง 3.6% YoY และลดลง 18.7% QoQ จากปริมาณการขายที่ลดลงจากสภาวะอากาศเย็นและน้ำท่วม และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 6.9% ลดลง 0.3 จุดเปอร์เซ็นต์ YoY และ QoQ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าสภาวะตลาดเครื่องดื่มพร้อมดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในภาคใต้จะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4/2567 จากสภาวะการท่องเที่ยวปลายปีที่ปรับตัวดีขึ้น และสภาวะอากาศที่เข้าสู่ฤดูหนาว อีกทั้งจะเริ่มได้รับผลบวกจากการปรับราคาในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเต็มทั้งไตรมาส 4/2567 บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP มีการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) รายงานผลขาดทุนสุทธิสำหรับไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ 361 ล้านบาท ลดลง 156.3% จากปีก่อน (YoY) และลดลง 159.8% จากไตรมาสก่อน (QoQ) เนื่องจากมีการบันทึกผลขาดทุนสุทธิจากการจำหน่ายเงินลงทุนในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายขวดแก้วในประเทศเมียนมาตามแผนยุทธศาสตร์การลงทุนตามที่ได้ส่งข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไปเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 และการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน รวมเป็นจำนวน 1,033 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 672 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% YoY และลดลง 27.2% Qo

CBG ยอดขายแกร่งถึงปี 69 คาราบาวแดงหยุดไม่อยู่

CBG ยอดขายแกร่งถึงปี 69 คาราบาวแดงหยุดไม่อยู่

          หุ้นวิชั่น- ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ว่าในไตรมาส 3/67 CBG ทำกำไรสุทธิได้ 741 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% yoy และ 7% qoq สอดคล้องกับประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ฯและ Bloomberg consensus โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น yoy หนุนโดยยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ เติบโตแข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ยังเพิ่มสูงขึ้น           CBG ทำกำไรสุทธิรวม 2.1 พันล้าน บาท เพิ่มขึ้น 62% yoy งวด 9 เดือนของปี 67 คิดเป็น 74% และ 73% ของประมาณการทั้งปีของฝ่ายวิเคราะห์ฯและ Bloomberg consensus ตามลำดับ           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า สิ่งที่โดดเด่นของผลประกอบการในไตรมาส 3/67 คือ ยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 8% yoy และ 23% qoq เป็น 1.8 พันล้านบาท จากส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ข้อมูลของ Nielsen ระบุว่าส่วนแบ่งตลาดด้านปริมาณขายของเครื่องดื่ม “คาราบาวแดง” ทำสถิติ สูงสุดใหม่ที่ 25.8% ในเดือนก.ย.67 เทียบกับ 22.6% ในเดือนก.ย.66           นอกจากนี้ ยอดขายที่เติบโตสูงยังทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด ส่งผลให้ GPM จากการขายเครื่องดื่มบำรุงกำ ลังของ CBG เพิ่มขึ้น 420bp yoy และ 90 bp qoq เป็น 39.8% ในไตรมาส 3/67 ส่วนในต่างประเทศ CBG มียอดขายเติบโต 7.5% yoy เนื่องจากยอดขายในตลาดสำคัญอย่างกัมพูชา, ลาว, เมียนมา และเวียดนาม (CLMV) กลับมาขยายตัวถึง 24% yoy           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า ส่วนแบ่งตลาดของเครื่องดื่มคาราบาวแดงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อ เนื่องจากความได้เปรียบด้านราคา คาราบาวแดงจำหน่ายราคาขวดละ 10 บาท ทำให้ได้เปรียบคู่แข่งที่จำหน่ายในราคาสูงกว่า จึงเชื่อว่ายอดขายในประเทศจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับตลาดต่างประเทศเห็นแนวโน้มสดใสเช่นกัน หนุนโดยการฟื้นตัวของยอดขายในกัมพูชา นอกจากนี้ หากโรงงานในเมียนมาของ CBG สามารถเริ่มผลิตได้ตามแผนในไตรมาส 2/68 คาดว่าจะช่วยให้ยอดขายในครึ่งแรกปี 68 และปี 69 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้ CBG สามารถแข่งขันอย่างเท่าเทียมในตลาดเมียนมา เนื่องจากนโยบายจำกัดสินค้านำเข้าของเมียนมา ส่งผลกระทบต่อส่วนแบ่งตลาดของ CBG มาตั้งแต่กลางปี 65           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ยังแนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 94.50 บาท หลังเลื่อนระยะเวลาเป้าหมายการลงทุนเป็นสิ้นปี 68 ยังคงเลือก CBG เป็น Top pick ในกลุ่มเครื่องดื่มของไทย เพราะผลกำไรมีแนวโน้มเติบโตสูงจากยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่แข็งแกร่งในไทย อีกทั้งโรงงานในเมียนมาใกล้จะเปิดดำเนินงาน           อย่างไรก็ตาม CBG อาจมี downside risk หากราคาวัตถุดิบพุ่งสูงขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายในตลาดส่งออกที่สำคัญ ส่วนปัจจัยบวกคือการที่ CBG มีส่วนแบ่งตลาดในเมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังเปิดโรงงานในประเทศนี้ รวมถึงความสำเร็จในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่

โบรกคาด CBG ปีหน้าโตแกร่ง แนะ “ซื้อ” พร้อมเพิ่ม TP ขึ้น 17% เป็น 89 บ.

โบรกคาด CBG ปีหน้าโตแกร่ง แนะ “ซื้อ” พร้อมเพิ่ม TP ขึ้น 17% เป็น 89 บ.

            หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.กรุงศรี แนะอัปเกรด CBG เป็น “ซื้อ” และเพิ่ม TP ขึ้น 17% เป็น 89 บาท หลังจากปรับประมาณการตามเป้าผู้บริหารสำหรับปี 2025 ในการบรรยายสรุปของนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ ซึ่งรวมถึง (1) ยอดขายที่เติบโต 20% yoy นำโดยกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังและธุรกิจจัดจำหน่ายบุคคลที่สาม (2) อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น (yoy) ด้วยการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และ (3) อัตราส่วนต้นทุนการขายและบริหารต่อยอดขายที่ลดลง เนื่องจากยอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว เราคงกำไร FY24F ไว้แต่เพิ่มกำไรหลัก FY25F ขึ้น 12.1% ตามคำแนะนำเชิงบวก CBG คาดหวังว่าจะได้ส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศเพิ่มขึ้น             CBG มีราคาเครื่องดื่มชูกำลังต่ำสุดที่ 10 บาท/ขวด ส่วนแบ่งการตลาดในประเทศของ CBG เพิ่มขึ้น 1.9ppt qoq เป็น 25.8% และฝ่ายบริหารคาดว่าจะสูงถึง 26% ภายในสิ้นปี 2024 ในปี 2025 พวกเขาคาดว่าส่วนแบ่งการตลาดในประเทศสำหรับเครื่องดื่มชูกำลังจะเพิ่มขึ้น 3ppt เป็น 29% และทำให้เราตั้งสมมติฐานของการเติบโตของยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศเป็น 16% ในปี FY25F สำหรับธุรกิจระหว่างประเทศ ฝ่ายบริหารคาดว่ารายได้จะเติบโตเพียง 2% yoy สาเหตุหลักมาจากสภาวะที่เปราะบางในเมียนมาร์ สำหรับธุรกิจจัดจำหน่ายบุคคลที่สาม คาดยอดขายเติบโต 24% yoy นำโดยสุราข้าวหอม สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การเติบโตของยอดขาย 20% ในปี 2025 การผลิตแก้วและกระป๋องใกล้เต็มกำลังการผลิตในปี 2025             นอกจากนี้พวกเขาวางแผนที่จะใช้แก้วและอลูมิเนียมน้อยลงในบรรจุภัณฑ์ ซึ่งจะลดต้นทุนได้ 1-2% ด้วยเหตุผลเหล่านี้เราจึงเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นปี FY25F ขึ้น 0.2ppt เป็น 26% และเนื่องจากยอดขายเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีงบฯ 25F เราจึงลดอัตราส่วนต้นทุน SG&A/ยอดขายรวมลง 0.8pt เหลือ 11.5% ความเสี่ยงหลักคือความผันผวนของราคาวัตถุดิบและสงครามราคา             กำหนด TP ของเราไว้ที่ 27.8x P/E ปี 2025F ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 37.3x เล็กน้อย (เนื่องจากกำไรน้อยลงในช่วงการระบาดใหญ่) มองโลกในแง่ดีด้วยความระมัดระวังต่อคำเป้าผู้บริหารล่าสุด เราสังเกตว่ายอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศของ CBG มักจะเติบโต 1-2% ต่อปี และคำแนะนำการเติบโตของยอดขาย 16% ในปี 2568F อาจเป็นความทะเยอทะยานแต่ก็สามารถบรรลุได้ CBG ซื้อขายที่ 24.1x 2025F P/E ความเสี่ยงที่สำคัญคือราคาวัตถุดิบที่ผันผวนโดยเฉพาะอลูมิเนียม

CBG มาร์เก็ตแชร์นิวไฮ ปี68 เบียร์โต 100% หนุน

CBG มาร์เก็ตแชร์นิวไฮ ปี68 เบียร์โต 100% หนุน

          CBG คาดการณ์ยอดขายไตรมาส 4/2567 ทำสถิติสูงสุดใหม่ จากยอดขายในประเทศและกลุ่ม CLMV ที่ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังคงราคาขาย “คาราบาวแดง” ที่ 10 บาทเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด สิ้นปี แตะ 26% จากปัจจุบันที่ 25.8% ทำนิวไฮในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่วนปีหน้าคาดยอดขายเบียร์โต 100%  ส่วนกำไรไตรมาส 3/2567 พุ่ง 741 ล้านบาทที่  40%              นายร่มธรรม เสถียรธรรมะ กรรมการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG เปิดเผยกับทีมข่าว "หุ้นวิชั่น" ว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2567 คาดว่ายอดขายในประเทศจะเติบโตโดดเด่น และอาจสร้างสถิติใหม่ (all-time high) พร้อมกันนี้ ยอดขายในกลุ่ม CLMV ก็มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากไตรมาส 3/2567 ที่เริ่มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยบริษัทยังคงยืนยันราคาจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์ “คาราบาว” ที่ 10 บาทต่อขวด โดยไม่มีแผนปรับขึ้นราคาในเร็ว ๆ นี้ ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของคาราบาวขยายตัวอยู่ที่ 25.8% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 26% ภายในสิ้นปี 2567           สำหรับปี 2568 บริษัท คาดว่ายอดขาย(ไม่รวมเบียร์) จะเติบโต 20% มาจากการจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ  นอกจากนี้ในส่วนของยอดขายเบียร์ จะเติบโตต่อเนื่องจากปี 567 คาดว่าจะสามารถเติบโตได้กว่า 100% ซึ่งจะทำให้รายได้จากส่วนของบรรจุภัณฑ์ และยอดขาย รับจ้างจัดจำหน่ายให้แก่บุคคลภายนอกเติบโตเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การใช้ผลิตภัณฑ์เบียร์เป็นเครื่องมือการตลาดของ CBG ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ของการรับรู้แบรนด์อีกด้วย           ส่วนผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมเท่ากับ 5,098 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +8% YoY โดยในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการดำเนินการผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเองจำนวน 3,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +8% YoY จากยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังคาราบาวแดงในประเทศที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากส่วนแบ่งทางการตลาดเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากการที่บริษัทฯ ยังคงดำเนินกลยุทธ์หลักคงราคาขายปลีกที่ 10 บาท รวมถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การกระจายสินค้าให้มีเครือข่ายที่กว้างขวางและครอบคลุมมากขึ้นผ่านคู่ค้ารายย่อยระดับอำเภอและระดับตำบลเพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่าย นอกจากนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการรับจ้างจัดจำหน่ายให้แก่บุคคลภายนอกจำนวน 1,824 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +26% YoY จากการจัดจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นหลักที่ยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่รายได้จากการจำหน่ายสินค้ากลุ่มอื่นๆ เท่ากับ 175 ล้านบาท ลดลง -56% YoY เนื่องจากในไตรมาส 3/2566 บริษัทได้จำหน่ายขวดแก้ว กระป๋องอะลูมิเนียม และบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ให้แก่บริษัทคู่ค้า ซึ่งเป็นผู้ผลิตเบียร์คาราบาวและเบียร์ตะวันแดงในปริมาณมากเพื่อเตรียมความพร้อมในการออกสินค้าใหม่สู่ตลาดในช่วงไตรมาส 4/2566           บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 1,431 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +13% YoY คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ 28% เพิ่มขึ้นจากช่วงระยะเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 27% ในขณะที่ส่วนผสมของความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ตามยอดขาย (Product mix) จากสัดส่วนของรายได้จากการรับจ้างจัดจำหน่ายให้แก่บุคคลภายนอกซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่า เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า เป็นผลมาจากกำไรขั้นต้นของสินค้าที่ดำเนินการผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเองปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้าและไตรมาสก่อนหน้า ถึงแม้ว่าราคาน้ำตาลซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักทยอยปรับตัวสูงขึ้นตามสภาวะตลาดในระหว่างปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการวัตถุดิบอื่นรวมถึงต้นทุนบรรจุภัณฑ์ เช่น เศษแก้ว เพื่อลดต้นทุนได้เป็นอย่างดี ตลอดจนต้นทุนพลังงานที่ใช้ในกระบวนการผลิตที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ที่กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนผลิตที่ลดลงจากประหยัดต่อขนาด (Economies of scale)           กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ เท่ากับ 741 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +40% YoY สะท้อนยอดขายที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนที่ปรับตัวลดลง การควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดตามที่กล่าวข้างต้น รวมถึงการแบ่งปันสิทธิผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล EFL ให้แก่บริษัทคู่ค้าในกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตเบียร์คาราบาวและเบียร์ตะวันแดงเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารและทำการตลาด

CBG  โบรกฯส่อง Q3 กำไรแกร่ง  มอง Q4 ยอดขาย หนุนโตต่อ

CBG โบรกฯส่อง Q3 กำไรแกร่ง มอง Q4 ยอดขาย หนุนโตต่อ

         หุ้นวิชั่น - บล.เคจีไอ ประเมินหุ้น CBG รายงานกําไรสุทธิใน Q3/67 อยู่ที่ 741 ล้านบาท (+40% YoY และ +7% QoQ ใกล้เคียงกับที่ฝ่ายวิจัยและนักวิเคราะห์ในตลาดคาด การที่กําไรแข็งแกร่งขึ้นได้แรงหนุนจากการได้ส่วน แบ่งการตลาดของเครื่องดื่มชูกําลังในประเทศเพิ่มขึ้น การฟื้นตัวของรายได้จากการส่งออก และผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ของบุคคลภายนอกได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ อัตรากําไรขั้นต้น (GPM) ดีขึ้นจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการดําเนินงานและการประหยัดต่อขนาดยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในขับเคลื่อนการเติบโต ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่ากําไรของ CBG จะยังมีโมเมนตัมบวกต่อเนื่องใน Q4/67 โดยเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากยอดขายในประเทศและที่กัมพูชาสูงขึ้น          ฝ่ายวิจัยคงคําแนะนํา“ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี2568 ที่ 86.50 บาท (อิงจากPER ที่26x หรือ-1.0S.D.) ในขณะนี้ คาดว่ากําไรของ CBG จะยังคงมีโมเมนตัมเป็นบวกใน Q4/67 โดยเติบโตทั้ง YoY และ QoQ หนุนจากยอดขายในประเทศและที่กัมพูชาสูงขึ้น

ดิจิทัลหมื่นบาทมาแล้ว มีหุ้นอะไรได้ประโยชน์?

ดิจิทัลหมื่นบาทมาแล้ว มีหุ้นอะไรได้ประโยชน์?

          หุ้นวิชั่น - บล. DAOL เผยคาดใช้จ่ายกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคมากสุดหลังเริ่มแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท           วานนี้ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เริ่มจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิรับเงิน 10,000 บาท ตามโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล โดยมีการเริ่มทยอยโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์และบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้ให้กับผู้มีสิทธิ์ และจะดำเนินการต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. นี้ รวม 6 วัน จำนวน 14.5 ล้านราย หรือคิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 145,000 ล้านบาท จากการสำรวจความคิดเห็นประชาชน พบว่าประชาชนส่วนใหญ่จะนำเงินไปใช้เพื่อการบริโภคและอุปโภคในชีวิตประจำวัน อาทิ ของใช้ในบ้าน, สินค้าเพื่อการศึกษา, สินค้าเพื่อการเกษตร, สินค้าไอที โทรศัพท์มือถือ DAOL: คงน้ำหนักการลงทุนกลุ่ม Commerce เป็น "มากกว่าตลาด"           โครงการแจกเงิน 10,000 บาทจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม โดยคาดว่าจะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ซึ่งจะช่วยหนุนและเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Commerce โดยตรง เรายังมองเป็นบวกต่อกลุ่ม Commerce ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมได้ โดยจะเป็นประโยชน์ทางอ้อมต่อการบริโภคโดยรวมของกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคสูง           ฝ่ายวิเคราะห์ ชอบ CPAXT (ซื้อ/เป้า 36.00 บาท), CPALL (ซื้อ/เป้า 84.00 บาท) และ CRC (ซื้อ/เป้า 40.00 บาท) ตามลำดับ จากการคาดการณ์การใช้จ่ายจะอยู่ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก           รองมาเป็นกลุ่ม Home Improvement HMPRO (ซื้อ/เป้า 15.00 บาท), GLOBAL (ถือ/เป้า 16.00 บาท) และ DOHOME (ถือ/เป้า 11.00 บาท) จากจำนวนสาขาที่มีในพื้นที่ที่มีผู้ได้รับสิทธิ์มากที่สุด ตามลำดับ หุ้นอื่นๆ ที่ได้ประโยชน์           และยังชอบกลุ่มผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคโดยตรง คือ NEO (ซื้อ/เป้า 64.00 บาท) มีสัดส่วนรายได้จากสินค้าอุปโภค 100%, OSP (ซื้อ/เป้า 28.00 บาท) มีสัดส่วนรายได้สินค้าอุปโภคที่ 9% ของรายได้รวม และ SFLEX (ซื้อ/เป้า 4.80 บาท) ได้ประโยชน์ต่อเนื่องจากยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีการใช้ flexible packaging เพิ่มขึ้น, CBG (ซื้อ/เป้า 88.00 บาท) กลุ่มเปราะบางเป็นลูกค้าหลักของเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์คาราบาวแดง คาดช่วยหนุนรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศใน 4Q24E โตต่อ YoY, QoQ

พฤอา
242526272812345678910111213141516171819202122232425262728293031123456