#BJC


KSS คาด SET “Rebound” ต้าน 1433 จุด ชู BJC, CRC, KTB

KSS คาด SET “Rebound” ต้าน 1433 จุด ชู BJC, CRC, KTB

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คาด SET วันนี้ “Rebound” ต้าน 1429/1433 จุด รับ 1415/1411 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งขึ้น ดัชนีS&P500 +0.38% หุ้นเทคฯนำตลาด Broadcom ยังมีโมเมนตัม ขณะที่ปัจจัยมหภาค Flash PMI สหรัฐฯ ธ.ค. 24 ภาคบริการขยายตัว ดีกว่าคาด เร่งขึ้นสู่ 58.5 จุด ชดเชยฝั่งภาคผลิตที่ต่ำกว่าคาด หนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นภาพ Goldilocks to Soft Landing แต่ตลาดน่าจะเริ่มรอสัญญาณช่วงถัดไปโดยเฉพาะมุมมองดอกเบี้ยและเศรษฐกิจจากการประชุม Fed (ไทยทราบผลเช้า 19 ธ.ค.) บ่งชี้จาก US Bond Yield 10 ปีที่ยังแกว่ง 4.4%           ขณะที่เอเชียการฟื้นตัวจีนยังค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ความน่าสนใจระยะสั้นที่จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนยังไม่มาก ด้านไทยหลังตลาดปรับตัวลดลง 6 วันติด ส่งผลให้ Current Equity Risk Premium (ERP) แตะ 3.8% > ค่าเฉลี่ย 3.1% ส่วน Forward ERP ขึ้นไป 4.4% > Avg + 1 S.D. (4.05%) น่าจะเริ่มเป็นจุดกลับมาสร้างความน่าสนใจตลาดหุ้นไทย ผสาน ภายในลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม           ประเมิน SET วันนี้ Rebound หุ้นนำ คือ กลุ่ม Domestic ธนาคาร ค้าปลีก กลุ่มที่เป็นเป้า Domestic Long Term Funds อาทิ สื่อสาร วันนี้แนะนำ BJC, CRC, KTB

AWC ผนึกพลัง BJC เปิด ฟีนิกซ์ ศูนย์กลางอาหารระดับโลก

AWC ผนึกพลัง BJC เปิด ฟีนิกซ์ ศูนย์กลางอาหารระดับโลก

          หุ้นวิชั่น - บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ผนึกพลัง บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนา “Big C” คอนเซ็ปต์สโตร์โมเดลใหม่ที่ยังไม่เคยมีที่ไหนมาก่อนที่โครงการ “Phenix” (ฟีนิกซ์) ศูนย์กลางด้านอาหารครบวงจรระดับโลกที่เป็นแหล่งรวมอาหารและสุดยอดความอร่อยใจกลางเมืองบนพื้นที่ยุทธศาสตร์ย่านประตูน้ำ กับครั้งแรกของการผสานซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้าเข้าด้วยกัน ครบครันทุกเรื่องชอปปิ้งวัตถุดิบอาหารชั้นเลิศและหลากหลายส่งตรงจากผู้ผลิตในรูปแบบ “Shop in Shop” ที่จะสร้างมิติใหม่ของการชอปปิ้งแบบ “Factory Outlet” รวมถึงอาหารของฝากเลื่องชื่อและสินค้าอุปโภคบริโภคจากแบรนด์ระดับโลก ที่ได้รับการคัดสรรมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ นักท่องเที่ยวและฟูดเลิฟเวอร์ รวมถึงชุมชนโดยรอบโครงการอย่างครบครัน พร้อมเตรียมนำเทคโนโลยีรีเทลล้ำสมัยมาใช้ภายในคอนเซ็ปต์สโตร์ใหม่แห่งนี้ เพื่อเชื่อมต่อ Ecosystem ด้านอาหาร และมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง ดึงดูดนักชอปนักชิมและนักท่องเที่ยว เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางและจุดหมายปลายทางด้านอาหารระดับโลก เตรียมพบกับความตื่นเต้นจากโครงการ “Phenix” และ “Big C” พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษได้ตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้ โดย “Big C” คอนเซ็ปต์สโตร์ใหม่นี้มีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 2 ปี 2568           นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า “AWC  ยินดีอย่างยิ่งในความร่วมมือและความมุ่งมั่นร่วมกันของ AWC และ BJC Big C เพื่อร่วมสร้างสรรค์คอนเซ็ปต์สโตร์โมเดลใหม่ที่จะดึงพลังความหลากหลายของพันธมิตรธุรกิจอาหาร และพาวิลเลียนนานาชาติจากประเทศชั้นนำด้านอาหารกว่า 14 ประเทศที่นำสินค้าจากทั่วโลกมาร่วมในโครงการ ‘Phenix’ ผสานกับคอนเซ็ปต์รีเทลใหม่ที่ ‘Big C’ จะร่วมพัฒนากับ AWC ให้มีความโดดเด่น สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์โอกาสใหม่ให้กับธุรกิจอาหารและการค้าปลีกค้าส่ง และร่วมสนับสนุนกลยุทธ์ของภาครัฐที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านอาหารของภูมิภาค รวมทั้งนโยบายที่จะสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร เพื่อส่งเสริมประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารและการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก”           นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC กล่าวว่า “เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับ AWC อีกครั้งในการนำเสนอ ‘Big C’ คอนเซ็ปต์ใหม่ที่ได้พัฒนาต่อจากความสำเร็จของ ‘Big C’ ที่โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักท่องเที่ยวและผู้ที่มาใช้บริการ เราเห็นโอกาสที่จะร่วมสร้างคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ ‘Phenix’ ร่วมกัน ให้เป็นปรากฏการณ์สำคัญในการสร้างมิติใหม่ด้านการชอปปิ้งอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร อาทิ การสร้างสรรค์พื้นที่แบบ ‘Shop in Shop’ และการสร้างประสบการณ์แบบ ‘Factory Outlet’ ของผลิตภัณฑ์อาหารส่งตรงจากผู้ผลิตมารวมไว้ใจกลางเมือง ที่จะรวมทั้งร้านอาหารและผู้ผลิตอาหารชั้นนำมากมายเอาไว้ภายในโครงการ          ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาใช้บริการสามารถเลือกชอปปิ้งได้ทั้งรูปแบบค้าปลีกและค้าส่ง พร้อมด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะเข้ามาเสริมประสบการณ์ชอปปิ้งให้กับผู้ที่มาใช้บริการได้อย่างสะดวกและประทับใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมให้เติบโต ควบคู่กับการตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ” “Big C” คอนเซ็ปต์สโตร์โมเดลใหม่นี้จะได้รับการพัฒนาครอบคลุมพื้นที่กว่า 3,000 ตร.ม. บริเวณชั้น G ภายในโครงการ “Phenix”  ด้วยการนำเสนอประสบการณ์การชอปปิ้งที่หลากหลายและน่าตื่นเต้นไม่เหมือนใคร ผสานมิติใหม่ของซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้าเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ที่สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว ผู้บริโภค และฟูดเลิฟเวอร์เพื่อสัมผัสความพิเศษ พร้อมเชื่อมต่อกับ Ecosystem ด้านอาหารของ “Phenix” และเติมเต็มทุกมิติด้านอาหารอย่างครบวงจรในโซนสินค้าคุณภาพจากชุมชนหลากหลายภายในโครงการด้วยอาหารและสินค้าคุณภาพจากทั่วประเทศไทย เพื่อครอบคลุมทุกมิติด้านการชอปปิ้ง อาหาร และการท่องเที่ยวให้รอบด้าน ทั้งยังช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางและจุดหมายปลายทางด้านอาหารระดับโลก

“โกลเบล็ก” คัด 4 หุ้นเด่นรับแจกเงินหมื่น ชู CPALL-CPAXT-BJC-TNP

“โกลเบล็ก” คัด 4 หุ้นเด่นรับแจกเงินหมื่น ชู CPALL-CPAXT-BJC-TNP

          กรุงเทพฯ - บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยผันผวนจากปัจจัยกดดันเรื่องที่ FED จะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง  พร้อมจับตาศาลรัฐธรรมนูญ 22 พ.ย.นี้ ชี้ชัด รับ-ไม่รับคำร้องทักษิณ-เพื่อไทย ล้มล้างการปกครอง จึงให้กรอบดัชนี 1,420-1,470 จุด และกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มผู้สูงวัยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ CPALL-CPAXT-BJC-TNP           นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวนจากปัจจัยกดดันคำแถลงการณ์ของประธานเฟดที่บ่งชี้ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจชะลอลงตัวลง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังติดตามศาลรัฐธรรมนูญ นัด 22 พ.ย.นี้ ซึ่งเป็นการ รับ-ไม่รับคำร้อง ทักษิณ-เพื่อไทย ล้มล้างการปกครอง จึงให้กรอบดัชนีที่ระดับ 1,420-1,470 จุด           ขณะที่มีปัจจัยหุนจากสภาพัฒน์เปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2567 ขยายตัว 3.0% ดีกว่าตลาดคาดระหว่าง 2.4-2.7% และเร่งขึ้นจาก 2.2% จากในไตรมาส 2/2567 จากการผลิตภาคนอกเกษตรที่ขยายตัวเร่งขึ้นตามการขยายตัวของกลุ่มบริการและจากการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐ  ส่งผลให้สภาพัฒน์ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 2567 สู่ระดับ 2.6% จากเดิม 2.5% ด้านกระทรวงการคลังเตรียมเสนอแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ของขวัญปีใหม่ช่วงสิ้นปีนี้ต่อเนื่องถึงตลอดทั้งปีหน้า เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีกำหนดประชุมในวันอังคารนี้ (19 พ.ย.)           อีกทั้งทาง โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนว่าสหรัฐฯไม่ต้องการทำสงครามเย็น และไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบบของจีน โดยพันธมิตรของสหรัฐฯ ก็ไม่ได้ต่อต้านจีน และออสตัน กูลส์บี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาชิคาโกคาดการณ์ว่า FED อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ในปีนี้ และลดลงอีก 1% ในปีหน้าตามที่ได้คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา           อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาปัจจัยในประเทศวันนี้ (19 พ.ย.) จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และสัปดาห์ที่ 4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์, กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย, สัปดาห์ที่ 5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม, สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค, วันที่ 29 พ.ย. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจ           ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศที่น่าจับตาวันนี้ 19 พ.ย. อียู รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. (ประมาณการครั้งสุดท้าย), สหรัฐ รายงานตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค., วันที่ 20 พ.ย. ญี่ปุ่น รายงานยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนต.ค., สหรัฐ รายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์, วันที่ 21 พ.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือนพ.ย. ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค. และวันที่ 1 ธ.ค. กลุ่มโอเปกพลัสประชุมกำหนดนโยบายการผลิตอย่างเป็นทางการ           ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่ได้ออกนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มผู้สูงวัยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ  โดยประเมินว่าหุ้นที่จะได้อานิสงส์จากปัจจัยดังกล่าวได้แก่ CPALL, CPAXT, BJC และ TNP           ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่า หลัง “ทรัมป์” ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ประกอบกับประธานเฟดส่งสัญญาณไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังตัวเลขเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% และตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามราคาทองคำได้แรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น มองกรอบทองคำสัปดาห์นี้ 2,530 – 2,645 $/Oz ลุ้นทดสอบแนวรับ

ร่าง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เมนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ หนุนจิตวิทยาบวก หุ้นบริการ AOT, BTS, BJC

ร่าง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เมนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ หนุนจิตวิทยาบวก หุ้นบริการ AOT, BTS, BJC

          หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า รมช. คลัง คาดว่าใช้เวลา 1 เดือน ก่อนรอเสนอ ครม. พิจารณา ร่าง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เมนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ หลังผ่านขั้นตอน Public Hearing ที่มีประชาชนเห็นด้วย 82% แล้ว มองจิตวิทยาบวกหุ้นที่เกี่ยวข้อง กลุ่มทุนใหญ่ที่มีกระแสข่าวสนใจลงทุนและหุ้นภาคบริการ AOT, BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK ที่มา : บล.กรุงศรี

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

นทท.ต่างชาติ โต7.8% แนะนำสะสมหุ้นท่องเที่ยว AOT - ERW - AAV โดดเด่น

นทท.ต่างชาติ โต7.8% แนะนำสะสมหุ้นท่องเที่ยว AOT - ERW - AAV โดดเด่น

          หุ้นวิชั่น- ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงานว่า KSS Strategist Comment: TH Tourism Update นักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ล่าสุด (30 ก.ย. -6 ต.ค.) +7.8%w-w ตามผลบวก Golden Week ส่วนระยะถัดไปมองเร่งต่อจากปัจจัยหนุนฤดูกาลท่องเที่ยว ผสาน นักท่องเที่ยวจีนเร่งขึ้นตามสัญญาณ Flight Capacity จีนสู่ไทย แนะนำสะสม AOT, ERW, AAV, CPALL, BJC, ADVANC Key Ideas : นักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ล่าสุด 30 ก.ย. – 6 ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น +7.8%w-w อยู่ที่ 6.38 แสนคน สูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ เรามองเป็นผลบวกช่วง Golden Week ทั้งนี้ เราประเมินเป็นจุดเริ่มต้นก่อนฟื้นตัวช่วงปลายปี หนุนจาก การเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวต่อเนื่องยาวจากงวด 4Q24 – 1Q25 เริ่มเห็น Upside ของนักท่องเที่ยวจีน โดยปัจจุบันกำลังให้บริการต่อที่นั่ง ต่อ กม. (ASK) ของจีนเดินทางไปต่างประเทศ ณ 7 ต.ค. (หลัง Golden Week) แตะระดับ 75% ของ Pre-COVID ปรับเพิ่มมีนัยฯ 47%y-y นอกจากนี้ ระดับกำลังให้บริการต่อที่นั่ง ต่อ กม. (ASK) ของจีนเดินทางมาไทย ณ 7 ต.ค. สูง 68% ของ Pre-COVID เทียบกับยอดนักท่องเที่ยวจีน 8M24 ที่อยู่เพียง 63% ยิ่งสะท้อนภาพชัดเจน           Strategy: มองโมเมนตัมการฟื้นตัวภาคท่องเที่ยวทยอยชัดเจนขึ้น ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมค่อยๆคลายตัวลง และสถานการณ์ตะวันออกกลางยังเชื่อว่าจำกัดวงระหว่างคู่กรณี เชิงกลยุทธ์แนะนำสะสมหุ้นท่องเที่ยว+ภาคบริการที่คาดฟื้นตัวเด่นช่วงฤดูกาลต่อเนื่อง เน้น AOT(TP Con-68.9) ERW (TP Con-5.3) AAV (TP-2.86) CPALL (TP-77) BJC(TP-30) ADVANC (TP-300)

จัดพอร์ตหุ้นรับวายุภักษ์ KTB-BBL-BCP น่าสะสม

จัดพอร์ตหุ้นรับวายุภักษ์ KTB-BBL-BCP น่าสะสม

หุ้นวิชั่น- บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุว่า การลงทุนที่น่าสนใจ หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF) นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วม แนะนำ HMPRO GLOBAL CPALL BJC DCC และ TASCO ซึ่งจากสถิติปีที่เกิด La Nina หากลงทุนช่วงครึ่งหลัง ก.ย. และขายต้น พ.ย. คาดหวังจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5.0%