#BIZ


พลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรม

พลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรม "รักษามะเร็ง" | จัดเต็มการลงทุน

https://www.youtube.com/watch?v=Ddq9f4CDMgc พลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรม "รักษามะเร็ง" | จัดเต็มการลงทุน ติดตามรายการ #จัดเต็มการลงทุน ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 9.00-9.30 น. ทาง ททบ.5

BIZ กำไร Q3 86.97 ลบ. เพิ่ม 86.88% รุกประมูลเครื่องฉายรังสีฯ ดันรายได้โต

BIZ กำไร Q3 86.97 ลบ. เพิ่ม 86.88% รุกประมูลเครื่องฉายรังสีฯ ดันรายได้โต

           BIZ เปิดผลงานไตรมาส 3/67 โชว์กำไรสุทธิ 86.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.88% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังส่งมอบเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งให้กับโรงพยาบาลภาครัฐได้ตามแผน ฟากผู้บริหาร “สมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์” ระบุ ปัจจุบันมี Backlog กว่า 900 ลบ. ล้านบาท ทยอยรับรู้ยาว 1-2 ปี พร้อมเตรียมเข้าชิงประมูลงานล็อตใหม่เครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฯ กว่า 800 ล้านบาท คาดมีโอกาสคว้างานไม่น้อยกว่า 50% มั่นใจดันผลงานปี 67 เติบโตได้ดีกว่าปีก่อน            นายสมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (BIZ) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ 86.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.43 ล้านบาท หรือ 86.88% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 46.54 ล้านบาท และมีรายได้รวม 675.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 251.46 ล้านบาท หรือ 59.32% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 423.94 ล้านบาท            "รายได้และกำไรที่เติบโตเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3/2567 ได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งมอบเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งให้กับโรงพยาบาลภาครัฐ ที่เป็นคู่สัญญาได้ตามแผนงาน รวมถึงจากการมีจำนวนสัญญาให้บริการบำรุงรักษาเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง” นายสมพงษ์ กล่าว            ขณะเดียวกัน รายได้จากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านการรักษาโรคมะเร็งที่ปรับเพิ่มขึ้น ตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนลูกค้าที่เข้ามารับบริการ ได้สนับสนุนผลงานในไตรมาส 3/2567 ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน            ในส่วนของโรงพยาบาลเฉพาะทางมะเร็ง แคนเซอร์อลิอันซ์ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 73.97% มีการวางแผนผลักดันให้เป็นศูนย์กลางด้านการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งชั้นนำของภูมิภาคตะวันออก โดยให้บริการการรักษาด้วยการฉายรังสี (Radiotherapy) และการรักษาด้วยเคมีบำบัด (Chemotherapy) คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ในปี 2567 ที่ระดับ 100 ล้านบาท และจะถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 3-5 ปี            ปัจจุบัน BIZ มีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 900 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะยาว 1-2 ปี  และเตรียมเข้าชิงประมูลงานล็อตใหม่เป็นเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฯ กว่า 800 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีโอกาสคว้างานได้ไม่น้อยกว่า 50%            ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BIZ กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากความต้องการเครื่องฉายรังสีมะเร็งที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับอัตราผู้ป่วยโรคมะเร็งที่เพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้มีโอกาสในการขายเครื่องฉายรังสีมะเร็ง โดยมั่นใจว่ารายได้ในปี 2567 จะเติบโตได้ดีกว่าปีที่ผ่านมาได้อย่างแน่นอน [PR News]

BIZ โชว์กำไรไตรมาส 3/2567 พุ่ง 86.88% แตะ 86.97 ล้านบาท

BIZ โชว์กำไรไตรมาส 3/2567 พุ่ง 86.88% แตะ 86.97 ล้านบาท

          BIZ รายงานประกอบการไตรมาส 3/2567 มีกำไรเพิ่มขึ้น 86.88% มาอยู่ที่ 86.97 ล้านบาท ลงนามสัญญาซื้อขายครุภัณฑ์ทางการแพทย์มูลค่า 935 ล้านบาท คาดส่งมอบครบปี 2568 มองหาและขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและสาธารณสุขในการเป็นผู้นำด้านการรักษาและป้องกันโรคมะเร็ง           บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIZ รายงานผลการดำเนินงานของฝ่ายจัดการ สำหรับงวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567           สำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรเบ็ดเสร็จรวมจากส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเท่ากับ 86.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่ากับ 40.43 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 86.88 จากปีก่อนหน้าซึ่งเท่ากับ 46.54 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขาย และมีอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 12.88 ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 10.98           สำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทในเครือมีกำไรสุทธิ 0.08 ล้านบาท บริษัทรับรู้กำไรจากบริษัทย่อยตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อยดังกล่าว (ร้อยละ 73.97)           ส่วนรายได้จากการขาย บริการ และรายได้จากกิจการโรงพยาบาล สำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 จำนวน 673.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 251.93 ล้านบาท หรือร้อยละ 59.70 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน           บริษัทยังคงมองหาและขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและสาธารณสุขในการเป็นผู้นำด้านการรักษาและป้องกันโรคมะเร็ง เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยและทัดเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น การก่อตั้งโรงพยาบาลเฉพาะทางที่เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งเป็นธุรกิจใหม่ที่บริษัทได้ดำเนินการเพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว ซึ่งเป็นการขยายประเภทธุรกิจที่ต่อยอดจากการจำหน่ายและติดตั้งเครื่องมือแพทย์ทางด้านการฉายรังสี           ในไตรมาสที่ 3/2567 (ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567) บริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายครุภัณฑ์ทางการแพทย์กับโรงพยาบาล 4 แห่ง มีมูลค่ารวมของสัญญาโดยประมาณ 935,000,000 บาท ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาส่งมอบครบทุกโครงการภายในปี 2568 ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทมี Backlog มูลค่า 935,000,000 บาท

[Vision Exclusive] BIZ ผู้นำขายเครื่องฉายรังสีมะเร็งในไทย

[Vision Exclusive] BIZ ผู้นำขายเครื่องฉายรังสีมะเร็งในไทย

          มะเร็ง: ภัยเงียบที่ทวีความรุนแรงทั้งในไทยและทั่วโลก ด้วยจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ทำให้ระบบสาธารณสุขต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ การรักษาและการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น เครื่องฉายรังสีรักษามะเร็ง จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วย มาติดตามแนวทางในการต่อสู้กับโรคร้ายนี้ พร้อมโอกาสการพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งให้กับคนไทย           นายสมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (BIZ) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งชุดเครื่องมือทางการแพทย์สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยวิธีรังสีรักษา (Radiotherapy) และให้บริการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องมือทางการแพทย์ดังกล่าว เปิดเผยว่า โรคมะเร็งเป็นโรคที่เกิดขึ้นมากในปัจจุบันและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประชากรทั่วโลก โดยมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเทียบกับสาเหตุการเสียชีวิตทั้งหมดมากถึงร้อยละ 15 องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่าในปี พ.ศ. 2563 มีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่จำนวนมากถึง 19.3 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 9.95 ล้านคน โดยโรคมะเร็งที่พบมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งกระเพาะอาหาร           นอกจากนี้ WHO ยังคาดการณ์ว่าอุบัติการณ์ผู้ป่วยมะเร็งในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้น โดยในปี 2568 จะมีผู้ป่วยจำนวน 168,093 ราย ในปี 2573 จะเพิ่มเป็น 185,735 ราย และในปี 2578 จะมีผู้ป่วยจำนวน 201,209 ราย           ทาง WHO ยังคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าในปี 2040 จำนวนผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 28.4 ล้านรายต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 47% จากปี 2020 โดยสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก การสูงวัยของประชากร และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และการขาดการออกกำลังกาย จากข้อมูลของสถาบันมะเร็งแห่งชาติในปี 2566 พบว่าประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 140,000 รายต่อปี และมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งประมาณ 80,000 รายต่อปี มะเร็งที่พบมากที่สุดในคนไทย ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งปากมดลูก จำนวนผู้ป่วยมะเร็งสะสมในประเทศไทย ณ ปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 600,000 ราย ซึ่งเป็นจำนวนผู้ป่วยที่ยังมีชีวิตและอยู่ระหว่างการรักษา การเฝ้าระวัง หรือรักษาหายแล้ว แนวโน้มผู้ป่วยมะเร็งในประเทศไทยมีการเติบโตขึ้นปีละกว่า 10% โดยความก้าวหน้าทางการแพทย์ช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตและอยู่ได้นานขึ้น           สำหรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการรักษามะเร็งโดยตรง ข้อมูลจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยสปสช.จัดสรรงบประมาณกว่า 10,000 ล้านบาทในปี 2566 สำหรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยมะเร็ง รวมถึงเคมีบำบัด รังสีบำบัด และการผ่าตัด เมื่อรวมกับงบประมาณจากระบบประกันสังคมและสวัสดิการข้าราชการ งบประมาณรวมจะอยู่ที่ประมาณ 10,000-12,000 ล้านบาทต่อปี โดยการจัดสรรงบประมาณนี้จะเริ่มตั้งแต่ตุลาคมถึงมีนาคมของทุกปี           BIZ ในฐานะผู้จัดจำหน่ายเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็ง ได้จำหน่ายเครื่องฉายรังสีให้กับทั้งภาครัฐและเอกชน โดยกว่า 90% ของยอดจำหน่ายมาจากภาครัฐ เนื่องจากมีงบประมาณในการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ด้านนี้สูง เครื่องฉายรังสีที่จำหน่ายมีราคาตั้งแต่ 100-150 ล้านบาท และสูงสุดถึง 260 ล้านบาทต่อเครื่อง โดยเป็นเครื่องฉายรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านำเข้าจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป ในแต่ละปี บริษัทจำหน่ายเครื่องฉายรังสีได้ปีละ 5-6 เครื่อง และในบางปีสูงถึง 7-8 เครื่อง โดยผ่านการคัดเลือกจากโรงพยาบาลและการประมูลงาน ปัจจุบัน BIZ ครองส่วนแบ่งตลาดเครื่องฉายรังสีมะเร็งถึง 60% เนื่องจากมีคู่แข่งในตลาดเพียง 1-2 ราย           บริษัทมีการเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่างานในมือ (Backlog) กว่าหลักพันล้านบาท และในปี 2567 บริษัทได้ยื่นประมูลงานมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทตามเป้าหมาย ซึ่งคาดว่ารายได้ในปีหน้าจะเติบโตมากกว่า 10% และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง           ในปี 2562 บริษัทได้ขยายธุรกิจไปยังโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านการรักษาโรคมะเร็งที่จังหวัดชลบุรี ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท แคนเซอร์ อัลลิอันซ์ จำกัด โดย BIZ ถือหุ้น 75% ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษามะเร็ง โรงพยาบาลแคนเซอร์ อัลลิอันซ์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 มีรายได้กว่า 100 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตอีก 10% หรือมีรายได้ถึง 110 ล้านบาท           สำหรับการเลือกตั้งโรงพยาบาลที่จังหวัดชลบุรี เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC แต่เนื่องจากการเติบโตของ EEC ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ บริษัทจึงต้องปรับกลยุทธ์ร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง เพื่อส่งต่อผู้ป่วยมะเร็งมารับการรักษาที่โรงพยาบาลแคนเซอร์ อัลลิอันซ์ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดนี้สูงขึ้น ทำให้การคืนทุนอาจใช้เวลาระยะหนึ่ง ปัจจุบันโรงพยาบาลมีเตียงรองรับผู้ป่วย 30 เตียง และมีศักยภาพในการขยายเพิ่มเติมในอนาคต รายงานโดย : ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว สำนักข่าว Hoonvision

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

[ภาพข่าว] BIZ มอบเครื่อง High Flow Humidificationให้ รพ.พระนารายณ์มหาราช

[ภาพข่าว] BIZ มอบเครื่อง High Flow Humidificationให้ รพ.พระนารายณ์มหาราช

          นายภูวิศ สีลภูสิทธิ์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและทรัพยากรมนุษย์ พร้อมคณะผู้บริหาร บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (BIZ) เป็นตัวแทนบริษัทฯ มอบเครื่องให้ออกซิเจนอัตราการไหลสูง (High Flow Humidification) จำนวน 2 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ประกอบการใช้งาน มูลค่า 445,800 บาท ให้แก่ โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี รับมอบโดย พญ.นุชรินทร์ อักษรดี (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ทั้งนี้ เครื่องควบคุมการให้ออกซิเจนอัตราการไหลสูง จะนำมาใช้งานกับสายให้ออกซิเจนทางจมูก เพื่อชะล้างทางเดินหายใจส่วนบน และออกซิเจนที่ใช้จะได้รับความร้อน ทำให้มีอุณหภูมิที่ตรงกับร่างกายมนุษย์มากที่สุด สามารถช่วยเหลือในผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ขั้นวิกฤติ หรือทารกแรกเกิดที่มีภาวะหายใจลำบาก ให้สามารถพ้นจากภาวะวิกฤต และช่วยให้สามารถฟื้นฟูร่างกายได้เร็วยิ่งขึ้น

[Vision Exclusive] Checklist หุ้นเครื่องมือแพทย์ แรงรับกระแสสุขภาพยุคใหม่

[Vision Exclusive] Checklist หุ้นเครื่องมือแพทย์ แรงรับกระแสสุขภาพยุคใหม่

          หุ้นวิชั่น - รู้หรือไม่! บริษัท เอสอีไอ เมดิคัล จำกัด (มหาชน) หรือ SEI เป็นบริษัทล่าสุดที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่น่าสนใจคือบริษัทนี้เป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว สืบเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น           นอกจากนี้ SEI ยังอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งมีความมั่นคงและโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ SEI เข้าถึงแหล่งทุนใหม่ เพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน และสนับสนุนการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ อย่างมีนัยสำคัญ           บริษัท หลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ข้อมูลในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2566) อุตสาหกรรมธุรกิจเครื่องมือแพทย์เติบโตเฉลี่ย CAGR 5% ณ สิ้นปี 2566 มูลค่าตลาดอยู่ที่ 2.1 แสนล้านบาท ขณะที่ตลาดนำเข้าเครื่องมือแพทย์ ซึ่งเกี่ยวกับธุรกิจของ SEI เติบโตเฉลี่ย CAGR 8% อยู่ที่ 90,859 ล้านบาท ทาง Yuanta Research ประเมินการเติบโตของตลาดนำเข้าเครื่องมือแพทย์ในช่วงปี 2567-2568 จะเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 8% โดยมีปัจจัยหนุนดังนี้:การจัดสรรงบประมาณของประเทศเพื่อใช้งานในกระทรวงสาธารณสุขในปี 2567 ที่เพิ่มขึ้น 13,462 ล้านบาท หรือเพิ่ม 8.8%           การเติบโตของโรงพยาบาลหรือศูนย์การแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น เช่น ศูนย์ Rehabilitation Center ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่ง และศูนย์ IVF กระแสความนิยมด้านสุขภาพมากขึ้น และการขยายธุรกิจของโรงพยาบาลทั้งเอกชนและรัฐอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้เครื่องมือการแพทย์มากขึ้น           ทีมข่าวหุ้นวิชั่นจะพามา "Checklist หุ้น mai" ที่น่าจับตามองสำหรับกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคที่เกี่ยวข้องกับการจัดจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจอย่างมากในยุคปัจจุบัน           ธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์เป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะได้รับการสนับสนุนจากความต้องการด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะหลังจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ทำให้ความต้องการเทคโนโลยีทางการแพทย์ล้ำสมัยและอุปกรณ์เพื่อการดูแลสุขภาพพุ่งสูงขึ้น           ทีมข่าวหุ้นวิชั่นจะพาไปเช็กว่าหุ้นตัวไหนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai มีศักยภาพในการเติบโตสูง และตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจสุขภาพและการแพทย์           TM ประกอบธุรกิจ ตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ที่จำหน่าย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มอุปกรณ์และวัสดุสิ้นเปลือง 2) กลุ่มอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ โดยสินค้าที่เป็นประเภทเดียวกันกับบริษัทฯ ได้แก่ กลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองทางแพทย์ และกลุ่มสินค้าสำหรับการผ่าตัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2559 ผลประกอบการ 6 เดือนแรกปี 2567 มีรายได้ 350.68 ล้านบาท ขาดทุน 12.87 ล้านบาท           SMD ประกอบธุรกิจ ตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยนำเข้าจากผู้ผลิตต่างประเทศ เพื่อจัดจำหน่ายให้แก่ สถานพยาบาลในประเทศและบุคคลทั่วไป โดยสินค้าที่เป็นประเภทเดียวกันกับบริษัทฯ ได้แก่ กลุ่มเครื่องมือแพทย์ทั่วไปที่ใช้ในห้องผ่าตัด และกลุ่มเครื่องส่องตรวจโสต ศอ นาสิก เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2564 ผลประกอบการ 6 เดือนแรกปี 2567 มีรายได้ 322.83 ล้านบาท ขาดทุน 5.18 ล้านบาท           WINMED ประกอบธุรกิจ เป็นผู้นำเข้า และจำหน่ายเครื่อง และชุดอุปกรณ์ สำหรับการเก็บ การตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัย และการบำบัดรักษาทางการแพทย์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2564 ผลประกอบการ 6 เดือนแรกปี 2567 มีรายได้ 291.58 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 5.58 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีสองบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบธุรกิจด้านสินค้าอุปโภคบริโภค           BIZ ประกอบธุรกิจ เป็นผู้จำหน่ายและติดตั้งชุดเครื่องมือทางการแพทย์สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยวิธีรังสีรักษา (Radiotherapy) และให้บริการซ่อมบำรุงรักษาชุดเครื่องมือทางการแพทย์สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยวิธีรังสีรักษา(Maintenance Service) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2559 ผลประกอบการ 6 เดือนแรกปี 2567 มีรายได้ 538.77 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 61.75 ล้านบาท           NAM ประกอบธุรกิจ ผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์สิ้นเปลืองทางการแพทย์ และให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร โดยสินค้าที่เป็นประเภทเดียวกันกับบริษัทฯ ได้แก่ กลุ่มสินค้าทำความสะอาดทางการแพทย์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2566  ผลประกอบการ 6 เดือนแรกปี 2567 มีรายได้ 437.56 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 53.32 ล้านบาท รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision