ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#BCPG


BCPG โตแรง! โรงไฟฟ้าสหรัฐฯหนุน ขึ้นแท่น Top Pick พลังงาน

BCPG โตแรง! โรงไฟฟ้าสหรัฐฯหนุน ขึ้นแท่น Top Pick พลังงาน

             หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง BCPG ระบุว่า การเติบโตช่วง 2H25 ชัดเจน โรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ จะเป็น Growth Driver สำคัญในปี 2025              เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมา เราได้เข้าร่วมงาน Yuanta Corporate Day กับผู้บริหาร โดยมีสาระสำคัญดังนี้              ปัจจุบัน โครงการลม Monsoon ในลาว (กำลังการผลิต 290MWe, ถือหุ้น 48%) ได้มีการติดตั้งกังหันลมเสร็จสิ้นไปกว่า 92% โดยมีกำหนดการ COD ในช่วง 2H25 ซึ่งโครงการ Monsoon จะขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ในรอบปี 2025/26 ค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติทั้ง 4 โครงการในสหรัฐฯ ปรับขึ้นมาอยู่ที่ $269.92/MW-Day โดย PJM (ตลาดขายไฟฟ้าในสหรัฐฯ) คาดการณ์ว่าค่าความพร้อมจ่ายในอีก 2 ปีข้างหน้า จะยังทรงตัวในระดับสูง เนื่องจากไฟฟ้าสำรองในระบบ (Reserve Margin) ของตลาด PJM มีโอกาสลดลงมาอยู่ที่เพียง 10%-15% ของกำลังการผลิตในตลาด สาเหตุจาก อุปสงค์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจาก Data Center และ AI อุปทานไฟฟ้าในตลาด PJM ไม่สามารถเพิ่มได้ทัน โดยคาดว่าทาง PJM จะประกาศค่าความพร้อมจ่ายสำหรับรอบปี 2026/27 ในเดือน ก.ค. นี้ เริ่มเห็นการเติบโตของกำไร YoY ตั้งแต่ 2Q25 เป็นต้นไป เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 1Q25 ที่ราว 250-300 ล้านบาท เติบโต QoQ จากการที่โรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ มีจำนวนวันปิดซ่อมน้อยลง และปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าน้ำในลาว แต่ลดลง YoY เพราะผลกระทบจาก การหมดสัญญา Adder การขายโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่น หากมองไปยัง 2Q25 เราคาดว่ากำไรปกติจะกลับมาเติบโต YoY จากการเริ่มรับรู้ ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นค่าความพร้อมจ่ายในเดือน มิ.ย. 25 (รับรู้ราว 1 เดือน) ขณะที่ 3Q-4Q25 เราคาดว่ากำไรปกติสามารถเติบโต YoY ได้อย่างต่อเนื่อง จากการเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Monsoon ที่มีกำหนดการ COD ในช่วง 2H25การรับรู้ค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ แบบเต็มไตรมาส ให้เป็น Top Pick สำหรับการลงทุนในช่วง 2Q25เราคงประมาณการปี 2025 ที่ 1,583 ล้านบาท (+41% YoY) และคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ที่ 9.50 บาท/หุ้น (Upside 32%) เรามองว่า BCPG มีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่ากลุ่มโรงไฟฟ้า จาก บริษัทมีความเสี่ยงเชิงนโยบายของรัฐต่ำที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากมีกำลังการผลิตในประเทศเพียง 10% (รวมกำลังการผลิตที่ยังไม่ COD) ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ต่ำที่สุดของอุตสาหกรรม ปัจจุบันบริษัทมีสัญญา Adder เหลือเพียง 1 โครงการ (โดยจะหมดสัญญาในปี 2029 และจะส่งผลกระทบต่ำกว่า 5% ของประมาณการปี 2029) แนวโน้มการเติบโตของกำไรที่ชัดเจนตั้งแต่ 2Q25 เป็นต้นไป คงคำแนะนำ "ซื้อ" - ให้ BCPG เป็น Top Pick ของกลุ่มโรงไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาหุ้นที่ Outperform ตลาดค่อนข้างมาก เชิงกลยุทธ์แนะนำ ซื้อเมื่อราคาปรับตัวลงมาที่แนวรับ 6.80 บาท/หุ้น

BCPG มุ่ง Net Zero ปี 93 คว้า SET ESG Ratings 3 ปีซ้อน

BCPG มุ่ง Net Zero ปี 93 คว้า SET ESG Ratings 3 ปีซ้อน

          หุ้นวิชั่น - บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเป็นผู้ประกอบการและลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังน้ำ และก๊าซธรรมชาติ ในประเทศไทย ประเทศฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และสหรัฐอเมริกา มีกำลังการผลิตรวม 1,959 เมกะวัตต์           นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มการทำการตลาดกับผู้บริโภครายย่อยโดยตรงมากขึ้น เน้นการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับผู้บริโภคโดยตรง รวมถึงให้บริการการจัดการ ด้านพลังงานหรือ energy as a service และนำเทคโนโลยีล้ำสมัยระดับโลกมาใช้ ช่วยเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคสามารถผลิตพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ด้วยตัวเองและประหยัดค่าใช้จ่าย           อาจกล่าวได้ว่า บีซีพีจี ผู้นำด้านการพัฒนาพลังงานทดแทน ถือเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพราะได้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 (2565-2566) และในปี 2567 ที่ผ่านมาได้รับการรับรองให้เป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) (อบก.) และตั้งเป้าหมายจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593           ล่าสุด บีซีพีจี คว้าเรตติ้งหุ้นยั่งยืนระดับ "AAA" ซึ่งเป็นระดับสูงสุด จากการประกาศผลหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยได้รับการคัดเลือกเป็นหุ้นยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 3           นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG กล่าวไว้ว่า บีซีพีจีได้รับผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ “AAA” ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร (Resources) จากการประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ยกระดับการดำเนินงานภายใต้กรอบ ESG ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและการกำกับดูแลกิจการ โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย ทุกภาคส่วน ตอบสนองวิสัยทัศน์ “บีซีพีจี สร้างโลกสีเขียวที่ยั่งยืน” และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ การเติบโตขององค์กรในระยะยาว           “มีบริษัทจดทะเบียนที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมรับการประเมิน ESG Ratings จำนวน 228 บริษัท และมีบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับผลการประเมินอยู่ใน ระดับ AAA (คะแนน 90-100) จำนวน 56 บริษัท โดย บีซีพีจี เป็น 1 ใน 56 บริษัทดังกล่าว ถือเป็นความสำเร็จที่เราได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจาก ปีที่ผ่าน ๆ มา บริษัทฯ ได้รับ SET ESG Ratings ในระดับ AA” นายนิวัติ กล่าวเพิ่มเติม           โดยก่อนหน้านี้ บีซีพีจี ยังได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย หรือ CGR 5 ดาว ระดับ “ดีเลิศ” โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการไทย (IOD) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 และการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น AGM Checklist ระดับเกณฑ์สูงสุด ได้คะแนนเต็ม 100 คะแนน (5 เหรียญ) จากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) โดย บีซีพีจี เป็นหนึ่งใน 60 บริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม SET 100 ที่สามารถทำคะแนนเต็มได้รับทั้ง 5 ดาว และ 5 เหรียญ จากทั้งหมด 800 กว่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย [PR News]

BCPG กำไรปกติปี 67 พุ่ง 35%  ปีนี้โตต่อ โรงไฟฟ้าก๊าซสหรัฐฯ หนุน

BCPG กำไรปกติปี 67 พุ่ง 35% ปีนี้โตต่อ โรงไฟฟ้าก๊าซสหรัฐฯ หนุน

         หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุ BCPG กำไรปกติ 4Q67 เติบโตสูงมาก +94% YoY ตามคาด กำไรปกติ 4Q67 227 ลบ. ลดลง -50%QoQ ตามฤดูกาล แต่เติบโตสูงมาก +94%YoY ตามคาด จากส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมาก แต่กำไรสุทธิต่ำกว่าคาดจากการตั้งสำรองลูกหนี้ค่าไฟฟ้า ส่งผลให้กำไรปกติทั้งปี FY67 เติบโตสูง +35%YoY กำไรสุทธิ +65%YoY จากกำไรพิเศษจากการขาย Solar ที่ญี่ปุ่น BCPG ประกาศจ่ายเงินปันผลทั้งปี เพิ่มเป็น 0.28 บ./หุ้น D/P 4.0% คาดกำไร 1Q68F ยังแข็งแกร่งตามปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นของ Hydro ในลาว และส่วนแบ่งกำไรก๊าซในสหรัฐฯ คงคำแนะนำ “ซื้อ” จาก Valuations ยังน่าสนใจด้วย P/B 0.7x และกำไรปกติแข็งแกร่งหนุนโดยโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ ประเด็นการลงทุน กำไรปกติ 4Q67 เติบโตสูงมาก YoY ตามคาด กำไร 4Q67 164 ลบ. (พลิกจากขาดทุน -28 ลบ. 3Q67 และ -174 ลบ. 4Q66) ต่ำกว่าคาดที่ 324 ลบ. แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ -63 ลบ. (หลักๆ คือ กำไร FX 122 ลบ. และการตั้งสำรองลูกหนี้ค่าไฟฟ้าการไฟฟ้าลาว -182 ลบ.) กำไรปกติ 227 ลบ. (-50%QoQ, +94%YoY) ใกล้เคียงคาดที่ 224 ลบ. การลดลง QoQ เกิดจากกำไรจาก Hydro ในลาวลดลงมากตามฤดูกาล ขณะที่เพิ่มขึ้นมาก YoY เกิดจาก ปริมาณผลิตไฟฟ้าของ Hydro ในลาว +8%YoY จากน้ำไหลเข้าเขื่อนมากขึ้น รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามเงินให้กู้ยืมแก่บ.ร่วมเพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นมากเป็น 339 ลบ. +470%YoY (แต่ -20%QoQ) หนุนโดยส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ 323 ลบ. (-25%QoQ, +273%YoY) ลดลง QoQ จากการหยุดซ่อมบำรุงตามฤดูกาล เพิ่มขึ้น YoY จากการรับรู้ของโรง CCE เต็มไตรมาสและสเปรดค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจาก Wind ที่ฟิลิปปินส์ก็เพิ่มขึ้นทั้ง QoQ, YoY จาก CF เพิ่มขึ้นจาก 26% เป็น 35% และเงินชดเชยประกันภัย ทั้งนี้ กำไรปกติทั้งปี FY67 1.12 พันลบ. (+35%YoY) จากส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ +293%YoY ซึ่งมากเกินพอต่อกำไรที่หายไปจาก Adder หมดอายุและการขายโครงการ Solar ในญี่ปุ่น ขณะที่กำไร FY67 1.82 พันลบ. +65%YoY จากกำไรขายโครงการ Solar ในญี่ปุ่น BCPG ประกาศจ่ายเงินปันผลทั้งปี 0.28 บ./หุ้น D/P 4.0% คงเหลือจ่าย 2H67 อีก 0.18 บ./หุ้น ขึ้น XD 5 มี.ค. คาดกำไร 1Q68F ยังแข็งแกร่ง เราคาดแนวโน้มกำไร 1Q68F ยังแข็งแกร่ง แม้ YoY กำไรจะหายไปจาก Adder หมดอายุของ Solar ในไทยและการขายโครงการ Solar ในญี่ปุ่น แต่จะถูกชดเชยด้วยกำไรที่เพิ่มขึ้นของ Hydro ในลาวตามปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น YoY และส่วนแบ่งกำไรจากก๊าซในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น รวมถึงดอกเบี้ยจ่ายลดลงมากจากการคืนเงินกู้หลังได้รับเงินจากการขายโครงการ เราปรับประมาณการกำไร FY68F เพิ่มขึ้น +28% เพื่อสะท้อนส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นตาม Capacity revenue ที่เพิ่มขึ้นมาก คำแนะนำ คงคำแนะนำ “ซื้อ” เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” จาก Valuations ยังน่าสนใจด้วย P/B 0.7x กำไรปกติ 4Q67 ดีตามคาด และแนวโน้มกำไร FY68F แข็งแกร่งตามส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ แม้ว่า BCPG มีความเสี่ยงจากการตั้งด้อยค่าลูกหนี้การไฟฟ้าลาวเพิ่มเติม แต่มองว่าส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นมาก จะเป็นตัวชดเชยได้ ปัจจัยเสี่ยง ความล่าช้าของโครงการลงทุน เหตุการณ์ที่ทำให้โครงการก่อสร้างหรืออยู่ระหว่างพัฒนาไม่เป็นไปตามคาด ความเสี่ยงจากการจัดหาโครงการลงทุนใหม่ ที่ไม่สามารถจัดหาโครงการลงทุนใหม่ได้ตามแผนที่กำหนดไว้ จากข้อกำหนดกฎหมาย และการแข่งขันที่สูงขึ้น รวมถึงผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำกว่าคาด ความเสี่ยงจากฤดูกาลและภัยธรรมชาติ จากสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนซึ่งกระทบต่อปริมาณการผลิตไฟฟ้า และภัยธรรมชาติอาจสร้างความเสียหายในการดำเนินธุรกิจ

BCPG กำไรปี 67 โต 64.8% รับรู้กำไรพิเศษขายโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ญี่ปุ่น

BCPG กำไรปี 67 โต 64.8% รับรู้กำไรพิเศษขายโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ญี่ปุ่น

           หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทฯ บันทึกกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 1,819.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 64.8 เนื่องจากการบันทึกกำไรจากรายการพิเศษรวม 696.9 โดยเพิ่มขึ้นหลักจากการบันทึกรายการกำไรจากการขายสินทรัพย์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น            ส่วนกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 1,122.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.6 จากปีก่อน โดยมีปัจจัย ดังต่อไปนี้ การรับรู้ผลการดำเนินงานของคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มบริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 การรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป. ลาว เพิ่มขึ้น เนื่องจาก ในปี 2566 โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำมีการหยุดการผลิตไฟฟ้า เพื่อเตรียมขายไฟฟ้าไปยังการไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐเวียดนาม (Vietnam Electricity -EVN) โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าว ได้กลับมาดำเนินการผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์กับ EVN ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 ประกอบกับ ปรากฎการณ์ลานีญาที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น จากการเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ของโครงการ Nabas 2 บางส่วน และการรับรู้เงินชดเชยรายได้จากการประกันภัยที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4/2567 การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มปี โดยมีการเริ่มรับรู้ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนขนาดตามสัดส่วนการถือหุ้น 151 เมกะวัตต์ 426 เมกะวัตต์ และ 280 เมกะวัตต์ ในเดือนมีนาคม กรกฎาคม และตุลาคม 2566 ตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตาม การรับรู้ผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ได้รับผลกระทบบางส่วนจากผลการดำเนินงานที่ลดลงของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย โรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศไทย รวมถึงผลจากการจำหน่ายโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่น            กลุ่มบริษัทฯ มี EBITDA จากการดำเนินงาน 4,609.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.0 จากปี 2566 สาเหตุหลักจากผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นของคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือ และโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป. ลาว ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้า พลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์ และโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกา            บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,322.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14.1 จากปี 2566 เนื่องจากรายได้ที่ลดลงจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศไทย โรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศไทย และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น            สำหรับปัจจัยหลักที่คาดว่าจะมีผลกระทบกับการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ กลุ่มบริษัทฯ คาดว่าปัจจัยหลักที่จะมีผลกระทบกับการดำเนินงานในอนาคตอันใกล้ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐและหน่วยงานราชการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบายอาจจะส่งผลกระทบต่อ โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และโอกาสในการดำเนินธุรกิจในอนาคต อย่างไรก็ตาม หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญของกลุ่มบริษัทฯ คือจะ มุ่งเน้นการลงทุนไปในประเทศที่มีนโยบายสนับสนุนให้มีสัดส่วนพลังงานสะอาดในแผนพัฒนาพลังงาน (Power Development Plan) อยู่อย่างชัดเจน ควบคู่ไปกับการติดตามการเปลี่ยนแปลงของนโยบายดังกล่าวอย่างใกล้ชิด การเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน สกุลเงินบาทต่อสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ และสกุลเงินเยน อาจส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ สามารถรับรู้ทั้งผล กำไรและขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จากการแปลงค่างบการเงิน เนื่องจากกลุ่มบริษัทฯ มีสินทรัพย์สุทธิ/หนี้สินสุทธิ ที่เป็นสกุลเงินตรา ต่างประเทศ แต่ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯมีแผนในการบริหารและติดตามสถานะ สินทรัพย์สุทธิ/หนี้สินสุทธิ ดังกล่าว โดยให้สอดคล้องกับสกุล เงินของธุรกรรมและสกุลเงินหลักที่ใช้ในการดำเนินงานในแต่ละประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย อาจส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ โดยรวมเปลี่ยนแปลง เนื่องจากหนี้สินที่มีภาระ ดอกเบี้ยของกลุ่มบริษัทฯ มีบางส่วนที่เป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทฯ เชื่อว่าจะสามารถบริหารจัดการต้นทุน ทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมภายใต้นโยบายการเงินที่รัดกุม ทั้งนี้ณ สิ้นปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ มีสัดส่วนหนี้สินที่เป็นอัตราดอกเบี้ย คงที่ อยู่ที่ร้อยละ 59 และสัดส่วนหนี้สินที่เป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ 41 ซึ่งเป็นระดับที่กลุ่มบริษัทฯ มองว่าอยู่ในระดับที่ เหมาะสมตามสภาวะตลาดในช่วงเวลานี้นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ได้ติดตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอย่างใกล้ชิด เพื่อบริหารความเสี่ยง อัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสมตามสถานการณ์ ปัจจัยทางฤดูกาลของแต่ละประเทศ กระทบต่อการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งประกอบด้วย สภาวะ แสงอาทิตย์ ลม และน้ำ เช่น ในฤดูฝนจะส่งผลให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ลดลง แต่ในทางกลับกันจะส่งผลให้การผลิต ไฟฟ้าจากพลังน้ำดีขึ้น ความเสี่ยงด้านเครดิตของคู่สัญญา ในปัจจุบันคู่สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทฯ มีความหลากหลาย ได้แก่ คู่สัญญาในประเทศ และคู่สัญญาในต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศที่กำลังพัฒนา หรือคู่สัญญาหน่วยงานรัฐ และคู่สัญญาหน่วยงาน เอกชน ซึ่งจะมีระดับความเสี่ยงทางด้านเครดิตแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตามกลุ่มบริษัทฯ มีการบริหารการกระจายตัวของความเสี่ยง คู่สัญญาในระดับ portfolio ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งในบางกรณียังมีการบริหารความเสี่ยงของเครดิตคู่สัญญา โดยการเปลี่ยน คู่สัญญาซื้อขายไฟฟ้าไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงของเครดิตที่ดีขึ้น

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

BCPG รัฐลดค่าไฟไม่กระทบกำไร  Data Center – AI ในสหรัฐหนุน

BCPG รัฐลดค่าไฟไม่กระทบกำไร Data Center – AI ในสหรัฐหนุน

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ระบุ ปัจจุบันรัฐบาลได้มีแนวคิดในการปรับลดค่าไฟฟ้าลงเป็น 3.70 บาท/หน่วย (ลดลงราว 11% จากปัจจุบัน) ผ่านการลดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนของระบบการจ่ายไฟฟ้าและต้นทุนก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการปรับสัญญาการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการพลังงานหมุนเวียนเดิมเพื่อให้สามารถปรับลดค่า Ft ลงได้ ส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวลงเฉลี่ย 4% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา            เนื่องจากการปรับลดค่า Ft จะส่งผลให้ราคารับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าแบบ Adder ลดลง อย่างไรก็ตาม จากการประเมินของเราคาดว่าการปรับลดค่าไฟฟ้าลงเป็น 3.70 บาท/หน่วย จะส่งผลกระทบต่อกำไรของ BCPG เพียง 5% ของประมาณการกำไรปี 2568            นอกจากนี้ BCPG ยังถือว่าเป็นหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีความเสี่ยงเชิงนโยบายน้อยกว่ากลุ่มฯ เพราะปัจจุบันมี สัดส่วนกำลังผลิตที่อยู่ในไทยเพียง 193MW หรือคิดเป็นเพียง 10% ของกำลังผลิตรวม โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ จะได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรม Data Center            ปัจจุบัน สหรัฐฯ ถือเป็นประเทศที่มีการลงทุนในอุตสาหกรรม Data Center มากที่สุดในโลก (ผลจากการมีบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จำนวนมาก) และหากมองไปยังพื้นที่ของ ตลาด PJM (ตลาดไฟฟ้าในสหรัฐฯ ที่โรงไฟฟ้าของ BCPG ตั้งอยู่)            ตลาดดังกล่าวมีการจ่ายไฟฟ้าให้กับ Data Center รวมราว 3,375MW ในปี 2566 และมีแนวโน้มเพิ่มเป็น 7,041MW ในปี 2573 ตามการเติบโตของอุตสาหกรรม Data Center และ AI ซึ่งอุตสาหกรรมดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพสูง            ทำให้ปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าที่เป็น Base Load (เช่น ก๊าซธรรมชาติ) สูงขึ้นต่อเนื่อง และทำให้ ค่าความพร้อมจ่าย ของตลาดดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน            หากอิงข้อมูลจาก PJM พบว่าค่าความพร้อมจ่ายของตลาดดังกล่าวสำหรับรอบ 2568/69 (เริ่ม มิ.ย. 25 – พ.ค. 26) ได้มีการปรับเพิ่มเป็น 269.90 ดอลลาร์สหรัฐฯ/MW-day จากรอบก่อนที่ระดับ 28.90-48.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ/MW-day ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568-2569  ขึ้น 28% และ 46% ตามลำดับ            ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568-69 ขึ้น 28% และ 46% ตามลำดับ เป็น 1,583 ล้านบาท (+75% YoY) และ 1,931 ล้านบาท (+52% YoY) ตามลำดับ เพื่อสะท้อนค่าความพร้อมจ่ายของสหรัฐฯ สำหรับงวด  2568-69 (มิ.ย. 25 - พ.ค. 26) ที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 269.90 ดอลลาร์สหรัฐฯ/MW-day (เรายังไม่ได้รวมโครงการลมในเวียดนามขนาด 99MW ไว้ในประมาณการ)            มองว่าการเติบโต YoY ในปี 2025 จะได้แรงหนุนจาก ความสามารถในการทำกำไรของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น (ผลจากการปรับขึ้นค่าความพร้อมจ่ายและราคาก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น)            รวมถึงการเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลม Monsoon ที่มีกำหนดทยอย COD ในช่วง 2H25            หากมองไปปี 2026 คาดว่ากำไรปกติสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลม Monsoon แบบเต็มปี และการรับรู้รายได้จากโครงการแสงอาทิตย์ในไต้หวัน ที่ COD ในช่วงปลาย 2025 ราว 100MW แบบเต็มปี คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเหมาะสมเป็น 9.50 บาท            ผลจากการปรับประมาณการขึ้นส่งผลให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ของเราเพิ่มขึ้นเป็น 9.50 บาท/หุ้น มี Upside 39%            ทั้งนี้ เรามองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันมีโอกาสฟื้นตัวได้ในระยะกลาง-ยาวจาก ผลประกอบการที่คาดว่าผ่านจุดต่ำสุดของรอบไปแล้ว และมีโอกาสกลับมาเติบโต YoY ได้ต่อเนื่อง ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรม Data Center และ AI ในสหรัฐฯ            จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะยาว

BCPG ราคาหุ้น +5% คาดกำไรสุทธิปี 68 โตเกือบ 60% YoY

BCPG ราคาหุ้น +5% คาดกำไรสุทธิปี 68 โตเกือบ 60% YoY

           หุ้นวิชั่น - บล.กรุงศรี ระบุ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) ราคาหุ้น +5% คาดการเติบโตกำไรสุทธิปี 68 โตเกือบ 60% yoy หนุนจากโรงไฟฟ้าที่สหรัฐฯ ที่จะได้ capacity revenue เพิ่มอย่างก้าวกระโดด            คงคำแนะนำ Buy ราคาเป้าหมาย 7.70 บาท            แต่ในระยะสั้น คาด core profit จะลดลง qoq เพราะปัจจัยฤดูกาลโรงไฟฟ้าพลังน้ำและmaintenance โรงไฟฟ้าที่สหรัฐฯ ส่วน yoy เพิ่มขึ้นจากส่วนแบ่งกำไรโรงไฟฟ้าสหรัฐฯจากการซื้อสัดส่วนเพิ่ม40%ใน CCE ตั้งแต่ต.ค.67 คาดจะชดเชย Adder ที่หมดแล้วกับรายได้ที่หายไปจากโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่น

BCPG แจ้งจัดตั้ง

BCPG แจ้งจัดตั้ง"บีซีพีจี ไฮโดรเพาเวอร์"

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน นายรวี บุญสินสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ขอเรียนให้ทราบว่า คณะกรรมการบริษัทในการประชุมครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2568 มีมติอนุมัติให้บริษัทจัดตั้งบริษัทย่อย โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ จัดตั้งบริษัทชื่อ บริษัท บีซีพีจี ไฮโดรเพาเวอร์ จำกัด โดยจัดตั้งที่ประเทศไทย วัตถุประสงค์เพื่อการลงทุน และมีทุนจดทะเบียนที่ 1 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัท บีซีพีจี อินโดไชน่า จำกัด (บริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นร้อยละ 99.99) ถือหุ้นร้อยละ 99.99 สำหรับแหล่งเงินทุนมาจากเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

BCPG คาดปี 68 กำไรโต 23%  โรงไฟฟ้าสหรัฐหนุน แนะซื้อ เป้า 7.70 บาท

BCPG คาดปี 68 กำไรโต 23% โรงไฟฟ้าสหรัฐหนุน แนะซื้อ เป้า 7.70 บาท

            หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กรุงศรี ปรับประมาณการกำไร BCPG ปี 2025-26F ขึ้น 23% ต่อปี จากคาดการณ์ว่าโรงไฟฟ้า 4 โรงที่สหรัฐฯ ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนการลงทุนไว้ จะเพิ่มกำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 2 ปีนี้ จากการที่ capacity revenue หรืออัตราค่าไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าจะได้รับจากการผลิตไฟที่สหรัฐฯ (PJM market) มีการปรับเพิ่มขึ้นสูงถึง 834% ในโรงไฟฟ้า CCE และ SFE และ 445% สำหรับโรงไฟฟ้า Hamilton 2 โรง เราได้ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 7.70 บาท (จาก 7.20 บาท) และปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ" (จาก Trading Buy) การปรับเพิ่ม capacity revenue หรืออัตราค่าไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าจะได้รับจากการผลิตไฟที่สหรัฐฯ (PJM market) PJM Interconnection เผยข้อมูลรายได้จากกำลังผลิต หลังจากการประมูลกำลังผลิตแต่ละครั้ง (เพื่อให้มั่นใจถึงความน่าเชื่อถือและเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้าในอนาคต) ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นถึงรายได้จาก capacity revenue หรืออัตราค่าไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าจะได้รับจากการผลิตไฟที่สหรัฐฯ (PJM market) มีการปรับเพิ่มขึ้นสูงถึง 834% ในโรงไฟฟ้า CCE และ SFE และ 445% สำหรับโรงไฟฟ้า Hamilton 2 โรง ซึ่งมีสาเหตุมาจากความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศหนาวที่รุนแรง และจาก Data Center ในรัฐโอไฮโอและรัฐเพนซิลเวเนีย (ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าทั้ง 4 แห่งในสหรัฐฯ ของ BCPG ได้แก่ Carroll County Energy LLC (CCE), South Field Energy LLC (SFE), Hamilton Liberty LLC และ Hamilton Patriot LLC) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง capacity revenue สำหรับช่วงเดือน Jun24-May25 และ Jun25-May26 ที่มีการประกาศไว้ล่วงหน้า เพิ่มขึ้น 834% สำหรับโรงไฟฟ้า CCE และ SFE และเพิ่มขึ้น 445% สำหรับโรงไฟฟ้า Hamilton กำไรจากโรงไฟฟ้าที่สหรัฐฯ หนุนผลประกอบการ ปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ" โรงไฟฟ้าทั้ง 4 แห่งนี้มีกำลังผลิตรวม 857 MW เฉพาะในส่วนของ BCPG จากทั้งหมด 3.6 GW และจะมีส่วนสำคัญต่อผลกำไรของบริษัทตั้งแต่ช่วง 2H25F เป็นต้นไป เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปี 2025-26F ขึ้น 23% ในแต่ละปี หลังจากปรับเพิ่มส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน 19% และ 20% หลัก ๆ มาจากโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ โดยประมาณการของเราได้รวมผลกระทบจากการอัปเกรดโรเตอร์ที่ Hamilton (ปี 2025-26F) ซึ่งต่อไปจะเพิ่มกำลังผลิตอย่างน้อย 30 MW (รวมสองโรง) ในปี 2027F และการบำรุงรักษาใหญ่ที่ CCE ในปี 2025F และจากการปรับประมาณการทำให้ราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 7.70 บาท (จาก 7.20 บาท) และเราปรับเพิ่มคำแนะนำสำหรับ BCPG เป็น "ซื้อ" (จาก Trading Buy) เนื่องจากการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ที่ล่าช้าของโครงการ Nabas-2 และโครงการ solar farm ในไต้หวัน เรายังคงคิด valuation จากสองโครงการดังกล่าวเพียง 50% สำหรับประมาณการอย่างระมัดระวัง หากโครงการเหล่านี้กลับมาดำเนินการตามแผน ราคาเป้าหมายอาจสูงถึง 8.20 บาท นอกจากนี้ เรายังไม่ได้รวมโครงการ wind farm ใหม่สองแห่งในเวียดนาม (รวม 99 MW) ซึ่งอยู่ระหว่างการเสร็จสิ้นธุรกรรมและรอการเริ่ม COD

BCPG รับอานิสงส์ Data Center - AI  ในสหรัฐฯ เคาะเป้า 8.50 บ.

BCPG รับอานิสงส์ Data Center - AI  ในสหรัฐฯ เคาะเป้า 8.50 บ.

            หุ้นวิชั่น - บล.หยวนต้า ประเมินหุ้น BCPG มีโอกาสได้ประโยชน์จากปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ที่สูงขึ้นตามการเติบโต ของอุตสาหกรรม Data Center (หนุนความสามารถ ในการทำกำไรของโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ) ฝ่ายวิจัยคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี2025 ที่ 8.50 บาท/หุ้น  และคาดหุ้นมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่ากลุ่มฯ เพราะ ได้รับผลกระทบจำกัดจากนโยบายรัฐและกำไรอยู่ ในช่วงของการฟื้นตัว มีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่ากลุ่มฯ...คงคำแนะนำ “ซื้อ ” คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ที่ 8.50 บาท/หุ้น โดยมองว่า BCPG มีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่ากลุ่ม โรงไฟฟ้าในระยะกลาง-ยาวจาก 1) การที่บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจำกัดจากทั้งการรับซื้อไฟฟ้าจาก พลังงานหมุนเวียนที่ยังไม่ชัดเจนและโอกาสในการเข้าแทรกแซงค่าไฟของรัฐ 2) คาดกำไรปกติของบริษัทฯ ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว โดยคาดกำไรปกติปี 2025 ที่ 1,234 ล้านบาท เติบโต 36% YoY จากส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวตามทิศทางราคาก๊าซ ธรรมชาติในสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น YoY (ราคาขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเร็วกว่าต้นทุน) และการเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก โครงการลมในลาวตั้งแต่ช่วง 2H25 และ 3) เป็นหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของ อุตสาหกรรม Data Center และ AI ในสหรัฐฯ ชัดเจนที่สุด (สัดส่วนกำไรจากโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ สูงที่สุดใน กลุ่มฯ)จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะยาว

BCPG ตั้ง รวี บุญสินสุข เป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ มีผล  1 ม.ค. 68

BCPG ตั้ง รวี บุญสินสุข เป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ มีผล 1 ม.ค. 68

หุ้นวิชั่น - ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ในการประชุม ครั้งที่ 16/2567  เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 มีมติแต่งตั้ง นายรวี บุญสินสุข ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ (Chief Executive Officer & President) ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป [PR News]

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

BCPG ประกาศผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2567 มีกำไรสุทธิที่ 1,656 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 29.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

BCPG ประกาศผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2567 มีกำไรสุทธิที่ 1,656 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 29.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

          บีซีพีจี เผย ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิที่ 1,656 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 29.6 ขณะที่ไตรมาสที่ 3/2567 บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าอย่างมากของสกุลเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 28 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานปกติ ซึ่งไม่รวมรายการพิเศษ ยังคงมีกำไรที่ 453 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 356 จากไตรมาส 2/2567           นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือนของปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิที่ 1,656 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 29.6 สำหรับงวดไตรมาส 3 ปี 2567 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,125 ล้านบาท สูงขึ้นจากไตรมาสที่ 2/2567 ร้อยละ 3.8 จากปัจจัยสำคัญๆ ได้แก่ รายได้ที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำในสปป. ลาวเนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูกาล (High Season) ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้เต็มกำลัง และรายได้ที่เพิ่มขึ้นของโครงการคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือในประเทศไทย ที่กลุ่มบริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 ซึ่งรายได้ที่กล่าวถึงสามารถชดเชยรายได้ที่ลดลงจากอัตราค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) ที่หมดไป และจากการขายโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีการเติบโตสูงขึ้นเช่นกัน จากการจัดการแผนการซ่อมบำรุงที่มีประสิทธิภาพในไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง กล่าวคือ มีกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 453 ล้านบาท หรือเติบโตถึงร้อยละ 356 จากไตรมาสที่ 2/2567           “ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของสกุลเงินบาท ส่งผลให้บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 28 ล้านบาท จากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างมากจาก 36.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มาเป็น 32.29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในปลายไตรมาสที่ 3 ได้ส่งผลให้บริษัทฯ ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิที่ 480 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง จากการแปลงค่าสินทรัพย์ที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ” นายนิวัติกล่าวเพิ่มเติม

BCPG ลงนาม TISCO รับการสนับสนุนเงินกู้ 4,200 ล้านบาท เสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน เพื่อขยายธุรกิจด้านพลังงานสะอาด

BCPG ลงนาม TISCO รับการสนับสนุนเงินกู้ 4,200 ล้านบาท เสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน เพื่อขยายธุรกิจด้านพลังงานสะอาด

          BCPG ลงนามสัญญาเงินกู้ จำนวน 4,200 ล้านบาท ระยะเวลา15 ปี กับ ธนาคารทิสโก้ เสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน เพื่อขยายธุรกิจด้านพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักในการเติบโต มุ่งเพิ่มสัดส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด ให้สอดคล้องกับบทบาทองค์กรผู้นำการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonization)           นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมาอย่างต่อเนื่อง และในครั้งนี้ ธนาคารทิสโก้ ได้ให้การสนับสนุนวงเงินกู้จำนวน 4,200 ล้านบาท ระยะเวลา 15 ปี สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน พร้อมขยายศักยภาพในการเติบโตในในธุรกิจด้านพลังงานสะอาด           ด้านนายพิธาดา วัชรศิริธรรม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบรรษัทธนกิจ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารทิสโก้ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้การสนับสนุนเงินกู้ในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดให้แก่บีซีพีจี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านพลังงานสะอาด และให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนครอบคลุมในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) มาอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับบทบาทของ ธนาคารทิสโก้ ที่ให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ Sustainable Focus ขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งธนาคารทิสโก้ เชื่อมั่นว่า การลงนามสัญญาในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจให้แก่บีซีพีจี รวมถึงเป็นการสนับสนุนการสร้างพลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการขยายสัดส่วนสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) ของธนาคารทิสโก้ ให้มากกว่าร้อยละ 20 ของพอร์ตสินเชื่อขนาดใหญ่ทั้งหมดภายในปี 2568 [PR News]

[ภาพข่าว] BCPG รับโล่ผู้นำการจัดการก๊าซเรือนกระจกยอดเยี่ยม ประจำปี 2567

[ภาพข่าว] BCPG รับโล่ผู้นำการจัดการก๊าซเรือนกระจกยอดเยี่ยม ประจำปี 2567

          นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (ที่ 3 จากซ้าย) รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก ประจำปี 2567 (Climate Action Leading Organization: CALO) ระดับยอดเยี่ยม สาขาทรัพยากร จากนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขององค์กรสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์  ณ  โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว           ทั้งนี้ BCPG เป็นองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจกระดับยอดเยี่ยม เพียงองค์กรเดียวใน 23 องค์กร ที่มีผลการประเมินการจัดการก๊าซเรือนกระจกอยู่ในระดับทอง (Gold) ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการตรวจวัด (MEASURE) ด้านการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก (Reduce) และด้านการชดเชยปริมาณก๊าซเรือนกระจก (CONTRIBUTE)  

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

[ภาพข่าว] BCPG บรรลุเป้าหมายคาร์บอนนิวทรัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

[ภาพข่าว] BCPG บรรลุเป้าหมายคาร์บอนนิวทรัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

          บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) โดยคุณสมหญิง ปัญญาชีวิตา ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร รับมอบประกาศนียบัตรเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร และคาร์บอนนิวทรัลประเภทองค์กร จากนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ประธานกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบีซีพีจีเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และการชดเชยคาร์บอน มีความมุ่งมั่นในการจัดการและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมคาร์บอนต่ำ  ณ  องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ           ทั้งนี้ บีซีพีจีได้รับการรับรองและสามารถชดเชยปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในปี 2566จำนวนทั้งสิ้น 2,328 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเป็นการบรรลุเป้าหมายคาร์บอนนิวทรัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยมีเป้าหมายบรรลุคาร์บอนนิวทรัลในทุกประเทศทั่วโลกที่บริษัทฯ ได้เข้าไปลงทุน ภายในปี 2573

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011