#BCH


BCH ลูกค้าต่างชาติฟื้น ปี68กลับมาเด่น ชูเป้า 20.4 บ.

BCH ลูกค้าต่างชาติฟื้น ปี68กลับมาเด่น ชูเป้า 20.4 บ.

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาด BCH ปี 2568 โดดเด่น คลายปมประกันสังคม-ลูกค้าคูเวต  สรุปประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 28 พ.ย. 2567 ► บริษัทชี้แจงประเด็นเรื่องการพิจารณาปรับเปลี่ยนระบบเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) สำหรับโรคที่มีค่า Adjusted RW โดยจากเดิม 2 ปีที่ผ่านมา ถูกปรับลดลงเหลือ 7,200 บาทต่อ RW สำหรับงวดปี 2568 บริษัทแจ้งว่าทางคณะกรรมการที่พิจารณาร่วมกับทางประกันสังคมได้อนุมัติแล้ว โดยให้ยึดอัตรา 12,000 บาทต่อ RW ตลอดทั้งปี ซึ่งจะช่วยให้ผลประกอบการของกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น และไม่ต้องกังวลว่าจะถูกปรับลดย้อนหลังอีก แต่สำหรับงวด 4Q67 ยังเป็นอัตราเก่า ซึ่งไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งทำให้ยังต้องรอปรับกับงบประมาณของ สปส.อีกครั้ง ► ประเด็นเรื่องลูกค้าคูเวตที่หายไป จากกรณีที่รัฐบาลปรับนโยบายส่งผู้ป่วยมารักษา โดยการระงับการสนับสนุนส่งต่อผู้ป่วยมายังประเทศไทย คาดว่าจะได้ข้อสรุปต้นปีหน้า บริษัทมั่นใจว่าจะเป็นหนึ่งในสามบริษัทที่ทางรัฐบาลคูเวตเลือก เมื่อพิจารณาจากการที่รัฐบาลมา ตรวจสอบ ส่วนการที่รัฐบาลคูเวตปรับนโยบายจากเดิมมีการส่งรักษาทุกโรคเป็นเฉพาะโรครุนแรง มองว่าไม่กระทบ เพราะทางบริษัทรับรักษาเฉพาะโรคซับซ้อนรุนแรงอยู่แล้ว สำหรับลูกค้าคูเวต ► บริษัทให้เป้าหมายการเติบโตรายได้ปี 2568 เติบโต double-digit (มากกว่า 10%) คาดว่า รายได้จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติจะฟื้นตัว จากลูกค้าคูเวตจะกลับมาใช้บริการ คาดว่าสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 20% จากปีนี้ที่อยู่ที่ 18% ► รพ.แห่งใหม่ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างดำเนินการเป็นไปตามแผนของบริษัท สำหรับที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างจำนวน 2 แห่ง ได้แก่ 1) รพ.เกษมราษฎร์สุวรรณภูมิ 268 เตียง จะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2568 และเปิดให้บริการในต้นปี 2570 2) รพ.เกษมราษฎร์ระยอง เริ่มก่อสร้างได้ในปี 2569 และเปิดให้บริการภายในปี 2571 ► วิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกจากการประชุม ประเด็นที่ สปส.พิจารณาปรับอัตราการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับโรคที่มีค่า Adjusted RW > 2 ขึ้นมาเป็นอัตราเดิมที่ 12,000 บาทต่อหน่วย หรือ Adj RW คงที่เท่ากันตลอดทั้งปี แม้จะต่ำกว่าที่สมาคม รพ.เอกชนเสนอที่ 15,000 บาท แต่หากการันตีว่าจะไม่ถูกลดเงินลงอีกเหมือนปี 2565-2566 ที่โดนปรับลดลงมาเหลือเพียง 7,200 บาท จะส่งผลดีต่อ รพ.ที่รับประกันสังคมที่ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกปรับลดงบอีก ส่วนงวด 4Q67 ที่อาจต้องบันทึกในอัตราเดิม บริษัทเคยแจ้งแล้ว และเรานับรวมในประมาณการแล้ว ขณะที่ปี 2568 เราประมาณการรายได้ที่ 12,343 ล้านบาท +5% YoY และกำไรปกติที่ 1,632 ล้านบาท เติบโต 9% YoY ซึ่งประมาณการของเราค่อนข้างอนุรักษ์นิยมต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโต double-digit ซึ่งเรามองว่ามี Upside Risk ในการปรับประมาณการ ► คงคำแนะนำ "ซื้อ" มองว่าราคาหุ้นปรับลดลงสะท้อนประเด็นข่าวลบไปแล้วพอสมควร ทั้งจากข่าวลูกค้าคูเวตที่หายไปจากการปรับนโยบายรักษาของรัฐบาลคูเวต และประเด็นที่รอประกันสังคมปรับอัตราค่าบริการผู้ประกันตน เราประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2568 ที่ 20.40 บาท อิงวิธี DCF และสมมติฐาน WACC ที่ 7.6% (Ke 8.6%), Terminal growth 3%

BCH ปี 68 ต่างชาติพุ่ง ประกันสังคมมีเบิกเพิ่ม

BCH ปี 68 ต่างชาติพุ่ง ประกันสังคมมีเบิกเพิ่ม

          #หุ้นวิชั่น#BCH เผยปี 2568 จะเป็นปีทองของโรงพยาบาล เติบโตสองหลักจากผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้น คาดเกิน20% ปีหน้า  พร้อมรับแรงหนุนจากการปรับระบบเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล สปส. เดินหน้าขยายโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่ง และปรับปรุงโรงพยาบาลเดิม ตอกย้ำความพร้อมให้บริการทางการแพทย์มาตรฐานสูง           ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เปิดเผยว่า  สำหรับปี 2568 กลุ่มโรงพยาบาลคาดการณ์ว่าปี 2568 จะเป็นปีแห่งการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะเติบโตในอัตราสองหลัก (มากกว่า 10%) จากการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะชาวคูเวตที่มีแนวโน้มเดินทางเข้ามารักษามากขึ้น คาดว่าสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 20% จากปีนี้ที่อยู่ที่ 18% นอกจากนี้ ยังได้รับแรงสนับสนุนจากการปรับเปลี่ยนระบบเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) สำหรับโรคที่มีค่า Adjusted RW โดยจากเดิมที่ปรับลดลงเหลือ 7,200 บาทต่อ RW คาดว่าปีหน้าจะปรับเป็นระบบเบิกจ่ายแบบปลายเปิด ทำให้ค่าเฉลี่ยกลับมาอยู่ที่ 12,000 บาทต่อ RW ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ผลประกอบการของกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นในปีหน้าโดยปัจจุบันบริษัทมีผู้ประกันตนในเรือ 1,030,000 ราย นอกจากนี้บริษัทยังเดินหน้าในการเพิ่มบริการใหม่ๆ ยังคงมุ่งมั่นที่จะให้บริการทางการแพทย์ที่รักษามาตรฐานการให้บริการที่ดี รวมถึงการขยายฐานผู้ป่วยผ่านการขยายโรงพยาบาลในพื้นที่แห่งใหม่ และการรักษาฐานผู้รับบริการโดยการปรับปรุงพื้นที่ในโรงพยาบาลเดิม           โรงพยาบาลแห่งใหม่ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างดำเนินการเป็นไปตามแผนของบริษัท สำหรับการขยายโรงพยาบาลที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างจำนวน 2 แห่ง ได้แก่           โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ มีจำนวนเตียงจดทะเบียนประมาณ 268 เตียง ใช้งบลงทุนประมาณ 1,600 ล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนจากเงินสดภายในกิจการและเงินกู้ยืมระยะยาวปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับปรุงที่ดินและยื่นขอรับการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ภายในไตรมาส 4 ปี 2567 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2568 และเปิดให้บริการในต้นปี 2570           โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ระยอง จังหวัดระยอง บริษัทได้ซื้อที่ดินขนาดประมาณ 30 ไร่ ในอำเภอเมือง จังหวัดระยอง มูลค่ารวม 180 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายกิจการโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ระยอง ตามแผนการขยายกิจการของบริษัท โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2569 และเปิดให้บริการภายในปี 2571จังหวัดระยองมีจำนวนผู้ประกันตนประมาณ 517,000 ราย และมีจำนวนเตียงอยู่ที่ 24 เตียงต่อประชากร เทียบกับกรุงเทพฯ ที่มี 55 เตียงต่อประชากร สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสในการแข่งขันและส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในพื้นที่ นอกจากนี้ จังหวัดระยองตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ส่งผลให้บริษัทได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีจากการตั้งโรงพยาบาลในพื้นที่ดังกล่าว           โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค การปรับปรุงพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยนอกและหอผู้ป่วยวิกฤต ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการทั้งผู้ป่วยทั่วไปและผู้ป่วยในโครงการประกันสังคม           โรงพยาบาลการุณเวช ปทุมธานี การปรับปรุงพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยนอกและห้องพักผู้ป่วยใน เพื่อยกระดับเป็นโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปทุมธานีในปี 2568 ซึ่งจะทำให้โรงพยาบาลมีพื้นที่ให้บริการและศูนย์การแพทย์เฉพาะทางที่ดึงดูดผู้ป่วยทั่วไปและผู้ป่วยในโครงการประกันสังคมได้มากขึ้น           โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ แม่สาย การก่อสร้างอาคารแห่งใหม่จำนวน 3 ชั้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้รับบริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ภายในอาคารแห่งใหม่ประกอบไปด้วยพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยทั่วไป แผนกฉุกเฉิน ศูนย์กามารเวช ศูนย์ทันตกรรม และห้องพักผู้ป่วยในโดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2567 และเปิดให้บริการภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2568          โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง การก่อสร้างตึกใหม่เพื่อรองรับการให้บริการผู้ป่วยทั่วไปและผู้ป่วยประกันสังคมได้มากขึ้น โดยแบ่งเป็นพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน รวมถึงอาคารจอดรถ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2568 และเปิดให้บริการภายในปี 2570

KGI คาด BCH กำไร Q3 ที่ 445 ลบ.  แนะนําซื้อ พร้อมปรับเป้าหมายใหม่

KGI คาด BCH กำไร Q3 ที่ 445 ลบ. แนะนําซื้อ พร้อมปรับเป้าหมายใหม่

          หุ้นวิชั่น – บล.เคจีไอ คาดว่าผลประกอบการ 3Q67F ของ BCH จะดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยมีกําไรสุทธิ 445ล้านบาท (+1.0% YoY, +60.7% QoQ) เรามองว่าผลการดําเนินงานโดยรวมดูดี แม้ว่าการขาดผู้ป่วยชาวคูเวตยังไม่ใช่เรื่องปกติสําหรับ BCH แต่คาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะยังดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง QoQ สอดคล้องกับไตรมาสที่แข็งแกร่งตามฤดูกาลในรอบปี ทั้งนี้ เมื่ออิงตามประมาณการกําไรสุทธิใน 3Q67F จะคิดเป็น 30% ของประมาณการกําไรเต็มปี และจะทําให้กําไรสุทธิในงวด 9M67F อยู่ที่ 1.04 พันล้านบาท (+6.4% YoY)คิดเป็น 70.2% ของประมาณการกําไรเต็มปี ประเด็นสําคัญที่น่าสนใจของประกอบการ 3Q67Fและแนวโน้มธุรกิจมีดังนี้ i) รายได้จะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ใน 3Q67F เราคาดว่า BCH จะได้รับผลบวกจากรายได้ค่าบริการรักษาพยาบาลที่แข็งแกร่งใน 3Q67F โดยคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 3 พันล้านบาท (+4.0% YoY, +15.6% QoQ) เนื่องจาก i) ผลจากปัจจัยฤดูกาลในช่วงฤดูฝนต่อผู้ป่วยในประเทศii) การกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติ (แต่จํานวนผู้ป่วยชาวคูเวตที่ลดลง) iii) ไม่ได้รับรู้ผลกระทบจากอัตราค่ารักษาโรคซับซ้อน (RW>2)จาก SSO ลดลง และ iv) รับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากการรักษาโรคเรื้อรัง (ประมาณ 80ล้านบาท)จาก SSO ในไตรมาสนี้ ii) อัตรากําไรขั้นต้นลดลงเพราะจํานวนผู้ป่วยชาวคูเวตลดลงถึงแม้ว่ารายได้ของ BCH จะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ แต่เราคาดว่าอัตรากําไรขั้นต้นของบริษัทใน 3Q67F จะไม่เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เพราะขาดผู้ป่วยชาวคูเวตที่รัฐบาลส่งมารักษาที่ BCH ไปในไตรมาสที่สาม ซึ่งจะทําให้รายได้จากผู้ป่วยกลุ่มนี้ลดลงเหลือเพียง 1% (จากผู้ป่วยที่ชําระเงินสด)ของรายได้รวมของ BCH (จากประมาณ 5%-6%ในสถานการณ์ปกติ) และทําให้อัตรากําไรขั้นต้นลดลงเพราะผู้ป่วยกลุ่มนี้มี margin สูงจากการรับบริการรักษาโรคที่ซับซ้อน iii) คาดว่าผู้ป่วยชาวคูเวตจะกลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้นในปี 2568F คาดว่าจํานวนผู้ป่วยชาวคูเวตจะยังไม่เพิ่มขึ้นใน 4Q67Fเพราะยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนจากรัฐบาลคูเวตในขณะนี้ คงประมาณการกําไรปี 2567F-2568F เอาไว้เท่าเดิม           ยังคงประมาณการกําไรสุทธิปี 2567F เอาไว้ที่ 1.48 พันล้านบาท (+5.5% YoY) และ ปี 2568F ที่ 1.78 พันล้านบาท (+19.6% YoY) Valuation & Action เรายังคงคาดว่าผลประกอบการของ BCH จะแข็งแกร่งที่สุดใน 3Q67F และมีแนวโน้มจะฟื้นตัวขึ้นในระยะยาว ยังคงคําแนะนําซื้อ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย DCF ปี 2568 ที่ 21.70 บาท (ใช้ WACC ที่ 7.5% และ TG ที่3.0%) จากเดิมที่ 21.00 บาท (อิงจากประมาณการปี 2567) Risks           COVID-19 ระบาด, เกิดปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองไทยรอบใหม่ และ เกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่

KSS คาดกำไร Q3 BCH ที่ 452 ลบ. ส่องเป้า 20 บ.

KSS คาดกำไร Q3 BCH ที่ 452 ลบ. ส่องเป้า 20 บ.

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) มอง Slightly negative ต่อ BCH โดยคาด 3Q24F กำไรสุทธิ 452 ลบ. (+2%y-y +63%q-q) หากหักผลอัตราแลกเปลี่ยน คาดธุรกิจปกติมีกำไร 465 ลบ. (-6%y-y +60%q-q) ลดลง y-y แต่เติบโตสูง q-q ตามทิศทางรายได้ (+5%y-y +17%q-q) เติบโตจาก OPD และประกันสังคมรับรู้ภาระเสี่ยงฯ เพิ่มเติม รวมทั้งคาดมี Gross margin 30.2% ลดลง y-y แต่ดีขึ้น q-q แนวโน้ม 4Q24F คาดกำไรสุทธิลดลง y-y q-q ตามทิศทางรายได้ และ Gross margin ทั้งนี้โทน 2H24F แย่กว่าคาดเดิม ทำให้กำไรสุทธิปี 24F จะมี downside ราว -5% จาก 1,430 ลบ. ประกอบกับอาจมีความเสี่ยงต้องตั้งสำรองค่าใช้จ่ายสำรองหนี้จากรายได้ COVID ค้างรับ ปรับคำ แนะนำเป็น Neutral (เดิม Trading Buy) สำหรับ BCH (TP25F 20.00 บาท)

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด BCH ทำกำไร Q3 ที่ 474 ลบ. ผลงานแกร่ง

อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด BCH ทำกำไร Q3 ที่ 474 ลบ. ผลงานแกร่ง

         หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ราคา BCH วานนี้ปรับลง 4% คาดสะท้อนความกังวลรายได้ IPD ที่อ่อนแอลงใน 3Q67 จากจำนวนผู้ป่วยชาวคูเวตที่ลดลง อย่างไรก็ดี 3Q67 คาดมีกำไรปกติ 474 ลบ.ยังเพิ่มขึ้น 4%YoY และ 41%QoQ          อีกทั้งยังมีมุมมองบวกต่อประเด็นการจ่ายค่ารักษาพยาบาลโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงจากประกันสังคม และกำไรที่ยังเติบโตแข็งแกร่งในปี 2568

เก็ง BCH คูเวตขึ้นบัญชี ผู้ป่วยเบิกค่ารักษาจากรัฐได้

เก็ง BCH คูเวตขึ้นบัญชี ผู้ป่วยเบิกค่ารักษาจากรัฐได้

          หุ้นวิชั่น - BCH น่าจะอยู่ในรายชื่อโรงพยาบาลที่รัฐบาลคูเวตเลือก คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติในไตรมาส 3/67 จะเติบโตทั้ง yoy และ qoq           ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ได้จัดการประชุมให้นักลงทุนสถาบันพบกับศ.ดร.เฉลิม หาญพาณิชย์ CEO ของ BCH และทีมนักลงทุนสัมพันธ์ของ BCH ประเด็นหลักที่หารือคือเรื่องการกลับมาของผู้ป่วยจากคูเวตและอัตราค่าบริการทางการแพทย์ของผู้ป่วยในด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง หรือมี Adj. RW มากกว่า 2 จากสำนักงานประกันสังคม (สปส.)           แม้รัฐบาลคูเวตยังไม่สรุปรายชื่อโรงพยาบาลในไทยที่ประชาชนสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลจากรัฐได้ แต่ BCH เชื่อว่าจะมีไดโรงพยาบาลไทย 3 แห่งอยู่ในรายชื่อนี้ และ BCH จะเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ได้รับคัดเลือก ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มีความเห็นตรงกับ BCH อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการแน่นอนในการสรุปรายชื่อโรงพยาบาล แต่จากการสำรวจความคิดเห็นของโรงพยาบาลอื่นที่รับผู้ป่วยจากคูเวตเช่นกัน พบว่าผู้ประกอบการโรงพยาบาลคาดว่ารัฐบาลคูเวตจะสรุปรายชื่อโรงพยาบาลก่อนสิ้นปี 67 นี้           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI คาดว่า ในไตรมาส 3/67 BCH จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% yoy, และเพิ่มขึ้น 52% qoq ขณะที่คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 10% yoy และ 22% qoq เป็น 3.5 พันล้านบาท เพราะปกติแล้วไตรมาส 3 จะเป็นไฮ-ซีซั่นของโรงพยาบาลไทย และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะเพิ่มขึ้นจาก 26.0% ในไตรมาส 2/67 เป็น 33.0% ในไตรมาส 3/67 แม้จะยังต่ำกว่า 33.9% ในไตรมาส 3/66 เนื่องจาก BCH น่าจะมีผู้ป่วยชาวคูเวตเข้ามาใช้บริการไม่มากเหมือนไตรมาส 3 ปีที่แล้ว           BCH มีแผนจะบันทึกรายได้จากการรักษาผู้ป่วยในด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง หรือมีค่าน้ำหนักสัมพันธ์ที่ปรับตามวันนอน (Adj RW) มากกว่า 2 ที่ 7,200 บาท/Adj RW ในไตรมาส 4/67 (สปส. กำหนดอัตราค่าบริการทางการแพทย์อยู่ที่ 12,000 บาท/Adj RW) เนื่องจากผู้บริหาร BCH มองว่าสปส.น่าจะมีงบประมาณไม่พอจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลเต็มจำนวน ฝ่ายวิเคราะห์ฯจึงคาดว่า BCH จะกลับรายการรายได้ประมาณ 81 ล้านบาทในไตรมาส 4/67 ซึ่งสะท้อนอยู่ในตัวเลขประมาณการแล้ว           ราคาหุ้น BCH น่าจะสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่สปส.อาจปรับลดค่าบริการทางการแพทย์ของผู้ป่วยในด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงและการที่จำนวนผู้ป่วยจากคูเวตฟื้นตัวช้าแล้ว จึงมองว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมากกว่าคู่แข่งในช่วงนี้เป็นโอกาสดีที่จะเข้าสะสมหุ้น (ราคา BCH ลบ 25% YTD เทียบกลุ่มการแพทย์บวก 3% YTD) จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายเดิม 19.70 บาท ท่ากับ P/E 26 เท่าในปี 68 หรือ +0.5SD ของค่าเฉลี่ยห้าปี           โดยเชื่อว่าราคาหุ้นอาจปรับตัวขึ้น หาก BCH มีผลกำไรแข็งแกร่งรายไตรมาสและผู้ป่วยชาวคูเวตกลับมาใช้บริการ แต่อาจมี downside risk หากมีการปรับลดค่าบริการทางการแพทย์ของผู้ป่วยประกันสังคมที่เป็นโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงในปี 67 ทั้งนี้เเชื่อว่า BCH จะมี EPS เติบโตสูงกว่าคู่แข่งในปี 67-69

BCH โรงพยาบาลไตรมาส 3/67 โตต่อเนื่อง

BCH โรงพยาบาลไตรมาส 3/67 โตต่อเนื่อง

          BCH คาดไตรมาส 3/2567 ซึ่งเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ จะช่วยผลักดันรายได้กลับมาฟื้นตัว หลังได้รับผลกระทบจากรายได้ประกันสังคมที่ลดลงในไตรมาส 2 พร้อมเดินหน้าขยายโรงพยาบาลรับดีมานด์เพิ่ม           ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เปิดเผยว่า การบันทึกรายได้จากสำนักงานประกันสังคมในกลุ่ม high cost care (RW ≥ 2) ที่ไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 7,200 บาท/RW จากเดิม 12,000 บาท/RW ส่งผลกระทบต่อรายได้รวมของบริษัทประมาณ 80 ล้านบาท โดยผลกระทบดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2/2567 และไม่มีผลกระทบในไตรมาส 3/2567 ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีหลังซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ มียอดผู้ป่วยทั้ง IPD และ OPD ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากโรคตามฤดูกาล และแนวโน้มที่ผู้รับบริการใส่ใจดูแลสุขภาพและความงามมากขึ้น ประกอบกับการดำเนินการตามแผนงานของศูนย์การแพทย์เฉพาะทางต่าง ๆ ทำให้จำนวนผู้เข้ารับบริการในโรงพยาบาลเครือ BCH เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การขยายระยะเวลาของโครงการความร่วมมือในการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาด้วยการผ่าตัด 5 กลุ่มโรค และการเข้าร่วมการตรวจสุขภาพเชิงรุกให้แก่ผู้ประกันตน จะช่วยเพิ่มรายได้จากการผสมผสานระหว่างรายได้จากผู้ป่วยทั่วไปและผู้ป่วยในโครงการประกันสังคม           บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการให้บริการทางการแพทย์ที่รักษามาตรฐานสูง พร้อมทั้งพิจารณาเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ เช่น บริการ Telemedicine และการขยายฐานผู้ป่วยผ่านการขยายโรงพยาบาลในพื้นที่แห่งใหม่ รวมถึงการปรับปรุงพื้นที่ในโรงพยาบาลเดิม เพื่อสร้างการเติบโตของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ คาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตในอัตราเลขหลักเดียวระดับสูง (High Single Digit)           สำหรับการขยายโรงพยาบาลที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างจำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งมีจำนวนเตียงจดทะเบียนประมาณ 268 เตียง ใช้งบลงทุนประมาณ 1,600 ล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนจากเงินสดภายในกิจการและเงินกู้ยืมระยะยาว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับปรุงที่ดินและยื่นขอรับการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2567 และเปิดให้บริการในต้นปี 2570           ส่วนโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ระยอง บริษัทได้ซื้อที่ดินขนาดประมาณ 30 ไร่ ในอำเภอเมือง จังหวัดระยอง มูลค่ารวม 180 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายกิจการโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ระยอง ตามแผนขยายธุรกิจ โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2569 และเปิดให้บริการภายในปี 2571 ซึ่งจังหวัดระยองมีจำนวนผู้ประกันตนประมาณ 517,000 ราย และมีจำนวนเตียงอยู่ที่ 24 เตียงต่อประชากร เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ ที่มี 55 เตียงต่อประชากร สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสในการแข่งขันและการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในพื้นที่ นอกจากนี้ จังหวัดระยองยังตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ส่งผลให้บริษัทได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการตั้งโรงพยาบาลในพื้นที่ดังกล่าว มุมมองโบรกต่อ BCH  เป้าสูงสุด 23.30  บาท

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

live-sticky
LIVE