#BBL


SCB-BBL เด่น รับ กนง. คง ดอกเบี้ย

SCB-BBL เด่น รับ กนง. คง ดอกเบี้ย

          บล.หยวนต้า ชี้ กนง. คงดอกเบี้ย 2.25% ตามคาด หลังเศรษฐกิจยังขยายตัวจากภาคท่องเที่ยวและบริการ พร้อมส่งสัญญาณเฝ้าระวังความเสี่ยงสินเชื่อ SMEs ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะเก็บหุ้นกลุ่ม Domestic Play เด่น SCB, KBANK, BBL, CPALL และ CRC           บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.25% หลังจาก ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในครั้งที่ผ่านมา โดยการคง อัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้เนื่องจากเงินเฟ้อที่ยังสามารถเติบโต ในกรอบเป้าหมาย และเศรษฐกิจยังขยายตัว โดยได้รับแรง หนุนจากภาคบริการและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดีขึ้น รวมถึง การส่งผ่านต้นทุนในหมวดอาหารอย่างไรก็ดี ยังคงมีความ เสี่ยงด้านสินเชื่อที่ชะลอตัวและความสามารถในการคืนหนี้ที่ ลดลง           โทนจากการแถลงของ กนง. ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจน โดยเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอยู่ในกรอบเป้าหมาย ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และยังไม่มีความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ เนื่องจากยังไม่เห็นการปรับเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังและติดตามแนวโน้มนโยบายของประเทศเศรษฐกิจหลัก           นอกจากนี้ยังคงมีความเสี่ยงด้านสินเชื่อที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs อย่างไรก็ดี โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” คาดว่าจะสามารถเข้ามาช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่มีภาระหนี้สูง ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาได้อย่างตรงจุดและส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ           เชิงกลยุทธ์การลงทุน มีมุมมองบวกต่อกลุ่ม Domestic Play เช่น ธนาคาร ค้าปลีก และอาหารและเครื่องดื่ม โดยหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ SCB, KBANK, BBL, TTB, CPALL, CPAXT, BJC, CRC, และ OSP

THAI แปลงหนี้เป็นทุน BBL-KTBรับอานิสงส์ เช็กเลย!

THAI แปลงหนี้เป็นทุน BBL-KTBรับอานิสงส์ เช็กเลย!

            หุ้นวิชั่น - บทวิเคราะห์ บล. ดาโอ ระบุว่า BBL, KTB แจ้งแบบ 246-2 เข้าถือหุ้น THAI จากการแปลงหนี้เป็นทุน ทำให้แนวโน้ม NPL จะลดลง โดย BBL แจ้งในแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) ของหุ้น THAI ที่จำนวน 2,407,879,062 หุ้น สัดส่วน 10.3507% ส่วน KTB ถือหุ้น THAI ที่ 1,327,322,126 หุ้น สัดส่วน 5.7280% (ที่มา: SEC)             มีมุมมองเป็นบวกต่อ BBL และ KTB เพราะจะทำให้ NPL จะลดลง คาดเร็วสุดใน 4Q24E โดยอ้างอิงจากหนังสือชี้ชวน THAI (วันที่ 20 ต.ค. 22) พบว่า BBL มีการปล่อยสินเชื่อ (ไม่รวมหุ้นกู้) ให้ THAI ที่ 9.3 พันล้านบาท และ KTB อยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท และหลังจากมีการแปลงหนี้เป็นทุนพบว่าBBL ถือหุ้นใน THAI ที่ประมาณ 2.4 พันล้านหุ้น (สัดส่วน 10.35%) จากเดิมที่ 9.4 ล้านหุ้น โดยมีราคาแปลงหนี้เป็นทุนที่ 2.5452 บาท ทำให้เราคาดว่าจะได้มูลค่าที่แปลงหนี้เป็นทุนได้ 6.1 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้ NPL ของ BBL จะลดลงได้ -0.22% จาก 3Q24 ที่อยู่ที่ 3.40% ทั้งนี้หลังการเพิ่มทุนแบบ RO สำเร็จ หากผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิ์ครบ 100% จะส่งผลให้ BBL ถือหุ้น THAI ที่ระดับราว 7.30% ซึ่งเป็นไปตามแผนของ BBL ที่จะถือหุ้นไม่เกิน 10%KTB ถือหุ้นใน THAI ที่ประมาณ 1.327 พันล้านหุ้น (สัดส่วน 5.728%) จากเดิมไม่พบจำนวนหุ้นเพราะไม่ได้ติดรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยมีราคาแปลงหนี้เป็นทุนที่ 2.5452 บาท ทำให้เราคาดว่าจะได้มูลค่าที่แปลงหนี้เป็นทุนได้ 3.4 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้ NPL ของ KTB จะลดลงได้ -0.13% จาก 3Q24 ที่อยู่ที่ 3.14% ทั้งนี้หลังการเพิ่มทุนแบบ RO สำเร็จ หากผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิ์ครบ 100% จะส่งผลให้ KTB ถือหุ้น THAI ที่ระดับราว 4.02%โดยเราคาดว่าแนวโน้ม NPL จากประเด็นนี้จะลดลงได้เร็วสุดใน 4Q24E             แนะนำ “ซื้อ” BBL และราคาเป้าหมายที่ 186.00 บาท อิง 2025E PBV ที่ 0.60x (-1.00SD below 10-yr average PBV) เพราะ BBL ยังคงมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินที่รองรับความเสี่ยงได้ดีกว่าคู่แข่ง โดยมี coverage ratio สูงที่สุดในกลุ่มที่ 267% ด้าน Valuation ยังน่าสนใจโดยเทรดที่ PBV เพียง 0.53x หรือที่ระดับ -1.25SD ย้อนหลัง 10 ปี ถูกกว่ากลุ่มที่เทรดที่ PBV ที่ 0.66x             แนะนำ “ซื้อ” KTB และราคาเป้าหมายที่ 24.50 บาท อิง 2025E PBV ที่ 0.74x (-0.50SD below 10-yr average PBV) จากกำไรสุทธิปี 2024E อยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงที่สุดในกลุ่มธนาคารที่ +18% YoY ขณะที่กำไรสุทธิ 4Q24E จะเพิ่มขึ้น YoY และ KTB เน้นปล่อยสินเชื่อภาครัฐมากขึ้น ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำและรองรับกับสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงได้ ขณะที่ valuation ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับต่ำเพียง PBV ที่ 0.67x (-1.00SD below 10-yr average PBV)

BBL บทสรุปนักเคราะห์ วิพากษ์มูลค่าอย่างไร?

BBL บทสรุปนักเคราะห์ วิพากษ์มูลค่าอย่างไร?

           หุ้นวิชั่น- บล.ดาโอ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” BBL และราคาเป้าหมายที่ 186.00 บาท อิง 2025E PBV ที่ 0.60x (-1.00SD below 10-yr average PBV)            โดยมีมุมมองเป็นกลางต่อการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเพราะภาพรวมยังเป็นไปตามคาด โดยยังคงเป้าหมาย Loan growth ปี 2024E ที่ 3-5% (เราคาด 3%) แต่ 9M24 = -1.2% YTD ซึ่งถือว่าท้าทายมาก แต่ยังคาดหวังสินเชื่อรายใหญ่จะเร่งเบิกจ่ายใน 4Q24E ส่วน NIM ปรับเป้าขึ้นที่ 3.00% จากเดิมที่ 2.80% (เราคาด 3.00%, 9M24 ที่ 3.06%) โดยรวมผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1 ครั้งแล้ว ขณะที่ Credit cost ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1.20-1.25% (เราคาด 1.15%) จากเดิมที่ 0.9-1.0% ส่วน NPL ปรับเป้าขึ้นที่ 3.0-3.5% จากเดิมที่ 3%+/- (เราคาด 3.30%, 9M24 ที่ 3.40%) โดย 4Q24E จะมีปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้ NPL จะลดลงได้บ้าง            ด้านประเด็นเรื่อง THAI ที่ออกจากแผนฟื้นฟู ผู้บริหารเผยว่าจะไม่มีการ reverse สำรองฯ แต่รอเลื่อนการจัดชั้นขึ้นจาก Stage 3 ซึ่งจะทำให้แนวโน้ม NPL ลดลงได้ในปี 2025 เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E อยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น +4% YoY จากสำรองฯที่ลดลง ขณะที่คาดกำไรสุทธิ 4Q24E จะเพิ่มขึ้น YoY จากสำรองฯที่ลดลง แต่จะลดลง QoQ จาก OPEX ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ราคาหุ้นปรับตัวลดลง -5% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับ SET จาก กนง. เซอร์ไพร์ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%            ขณะที่ยังคงแนะนำ “ซื้อ” เพราะ BBL ยังคงมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินที่รองรับความเสี่ยงได้ดีกว่าคู่แข่ง เพราะมี coverage ratio สูงที่สุดในกลุ่มที่ 267% ด้าน Valuation ยังน่าสนใจโดยเทรดที่ PBV เพียง 0.52x หรือที่ระดับ -1.25SD ย้อนหลัง 10 ปี ถูกกว่ากลุ่มที่เทรดที่ PBV ที่ 0.66x

BBL ชูปันผล 4.5-4.8% ต่อปี ตั้งสำรอง NPL แข็งแกร่ง

BBL ชูปันผล 4.5-4.8% ต่อปี ตั้งสำรอง NPL แข็งแกร่ง

          หุ้นวิชั่น-ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ในไตรมาส 3/67 BBL ทำกำไรสุทธิได้ 1.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% yoy และ 5.7% qoq สูงกว่าประมาณการของ Bloomberg consensus 9% แต่ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ 6.5% ส่วนกำไรก่อนตั้งสำรองเติบโต 2.7% yoy แต่ลดลง 1.4% qoq           ปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนผลประกอบการของ BBL ไตรมาส 3/67 คือ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยและกำไรจากเงินลงทุนที่แข็งแกร่ง รวมถึงกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และอัตราการสำรองหนี้สูญที่ลดลง           อย่างไรก็ตาม ยอดสินเชื่อในไตรมาส 3/67 ลดลง 3.9%yoy และ 3.0% qoq และลดลง 1.7% จากสิ้นปี 66 นอกจากนี้ยังมีอัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้น qoq เป็น 3.4% เทียบจาก 3.2% ในไตรมาส 2/67 ขณะที่มีอัตราการสำรองหนี้สูญอยู่ที่ 122bp ลดลงจาก 153bp ในไตรมาส 2/67 ดังนั้นอัตราการตั้งสำรองต่อหนี้ NPL ของ BBL จึงลดลงจาก 283% ในไตรมาส 2/67 เป็น 266.6% ในไตรมาส 3/67           BBL มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) อยู่ที่ 3.06% ในไตรมาส 3/67 เพิ่มขึ้นจาก 3.01% ในไตรมาส 2/67 เนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์สูงขึ้น แม้ว่าต้นทุนดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น ดังนั้นรายได้ดอกเบี้ยสุทธิในไตรมาส 3/67 จึงลดลง 2.2% yoy แต่เพิ่มขึ้น 0.7% qoq ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตแข็งแกร่งถึง 47.6% yoy และ 19.8% qoq           ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเติบโต 2.4% yoy และ 1.2% qoq นำโดยรายได้ค่าธรรมเนียมจากบริการประกันผ่านธนาคาร (bancassurance) และบริการกองทุนรวม เนื่องจากสถานการณ์ตลาดทุนดีขึ้นและนักลงทุนรับความเสี่ยงได้มากขึ้น           BBL มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้เพิ่มสูงขึ้น qoq เป็น 47.7% ในไตรมาส 3/67 เทียบจาก 44.1% ในไตรมาส 2/67 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมทั้ง ค่าใช้จ่ายทางการตลาด นอกจากนี้พบว่าอัตราภาษีที่แท้จริงกลับมาอยู่ที่ 20% จากระดับต่ำกว่าปกติที่ 14% ในไตรมาส 2/67 ขณะที่ BBL นำกำไรสะสมมาจัดสรรเป็นเงินสำรองตามกฎหมายและเงินสำรองอื่นๆ จำนวน 5.5 พันล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (CAR) เพิ่มขึ้น qoq เป็น 20.8% ในไตรมาส 3/67 จาก 19.5% ไตรมาส 2/67           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ยังแนะนำ “ซื้อ” BBL ที่ราคาเป้าหมาย 195 บาท เท่ากับ P/BV 0.62 เท่าในปี 68 โดยมองว่า BBL มีการประเมินมูลค่าน่าสนใจที่ P/BV เพียง 0.5 เท่าในปี 68 รวมทั้งมีอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้ NPL แข็งแกร่งที่ 266.6% ในไตรมาส 3/68 และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงสูงที่ 20.8% นอกจากนี้คาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะอยู่ที่ 4.5-4.8% ต่อปี ในปี 67-69 ภายใต้สมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 29-30%           ยังคงเลือก BBL เป็นหนึ่งใน Top pick ของกลุ่มธนาคารไทย เพราะมีสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยน้อยที่สุดและมีสินเชื่อลูกค้ากิจการต่างประเทศสูงถึง 25% ของยอดสินเชื่อรวมในไตรมาส 2/67 อย่างไรก็ตาม BBL จะมี downside risk หากความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น และการลงทุนภาคเอกชนอ่อนตัว ส่วนปัจจัยบวกจะมาจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจสินเชื่อในต่างประเทศ, อัตราการสำรองหนี้สูญที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 68-69 และมีการปรับชั้นสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่จาก NPL กลับมาเป็นสินเชื่อปกติมากขึ้นในปีหน้า

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

BBL กำไรดีกว่าคาด 9เดือนแรกปี67 โต 6.2%

BBL กำไรดีกว่าคาด 9เดือนแรกปี67 โต 6.2%

           ธนาคารกรุงเทพ (BBL) รายงานกำไรสุทธิสําหรับ 9 เดือนแรกของปี 2567 รวม 34,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนด้วยการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยและรายได้จากการลงทุน พร้อมรักษาสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ใกล้เคียงปีก่อน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในช่วงปลายปีนี้คือผลกระทบจากน้ำท่วม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิสำหรับ 9 เดือนปี2567 จำนวน 34,807ล้านบาท            ในไตรมาส 3 ปี 2567 เศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ การส่งออกของไทยที่เพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ของประเทศคู่ค้า และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องโดยได้รับแรงสนับสนุนจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การส่งออก และการขยายตัวของการลงทุนจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ผลกระทบจากน้ำท่วมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะในภูมิภาคที่สำคัญต่อการจัดหาพลังงานโลก และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีนี้                       แม้ว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางขยายตัว แต่ยังมีปัจจัยอื่นที่เป็นความท้าทายหรืออาจเป็นโอกาสทางธุรกิจ ได้แก่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อบริบทโลกให้ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงนโยบายและกฎเกณฑ์ของทางการ ตลอดจนความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ธนาคารกรุงเทพในฐานะ “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” ยังคงมุ่งเน้นให้คำแนะนำลูกค้าเพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ โดยส่งเสริมการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมดูแลและช่วยเหลือธุรกิจไทยให้ปรับตัวสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสนับสนุนลูกค้าให้ได้ประโยชน์จากโอกาสในการขยายกิจการไปยังต่างประเทศ ในขณะเดียวกันธนาคารยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง พร้อมทั้งยึดมั่นแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible lending) โดยให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมและการเติบโตอย่างยั่งยืน ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิสําหรับ 9 เดือนปี 2567 จำนวน 34,807 ล้านบาท            ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิสําหรับ 9 เดือนปี 2567 จำนวน 34,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 จากการบริหารจัดการ สภาพคล่องของธนาคารและอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิกับต้นทุนเงินรับฝากที่เพิ่มขึ้นตามภาวะอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 3.05 สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากรายได้จากการลงทุนตามสภาวะตลาด และรายได้ค่าธรรมเนียมจากบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวมที่ยังคงเติบโตดี สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายทางการตลาด โดยที่ธนาคารยังคงรักษาอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 46.3 ทั้งนี้จากการที่ธนาคารมีการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาส 3 ปี 2567 ธนาคารจึงตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง ส่งผลให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสําหรับ 9 เดือนปี 2567 มีจำนวน 27,204 ล้านบาทซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ธนาคารกรุงเทพยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่องและเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน            ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,638,697 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.2จากสิ้นปีก่อน โดยสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ยังคงมีการเติบโต สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 3.4 ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ร้อยละ 266.6เป็นผลจากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง            ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 จำนวน 3,109,982 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.3จากสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ 84.8 ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งหมดอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ร้อยละ 20.8 ร้อยละ 17.4 และร้อยละ 16.6 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำ ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด            บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุถึง BBL ประกาศกำไร 3Q67 ที่ 12,476 ล้านบาท ดีขึ้น 6%QoQ และ 10%YoY ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าราว 13% โดย NIM ปรับตัวดีขึ้นราว 6 bps ด้านรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวดีขึ้นถึง 20%QoQ จากกำไรเงินลงทุน ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ลดลง 21%QoQ เป็นปัจจัยหนุนกำไรในไตรมาสนี้เช่นกัน แต่สัดส่วน NPL เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากราว 31 bps ส่งผลให้สัดส่วน NPL Coverage Ratio ลดลงเหลือราว 250% จาก 269%  ใน ไตรมาส 2/2567 คำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 185 บาท

คัดหุ้นปันผลสูง KTB BBL ADVANC HMPRO

คัดหุ้นปันผลสูง KTB BBL ADVANC HMPRO

          หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัดระบุถึง หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี แนะนำหุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL ADVANC HMPRO

SET มีแนวต้านจิตวิยา 1,500-1,510 จุด BBL-BDMS หุ้นเด่นวันนี้

SET มีแนวต้านจิตวิยา 1,500-1,510 จุด BBL-BDMS หุ้นเด่นวันนี้

          หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด คาด SET เริ่มมี upside จำกัด ในระยะสั้น บริเวณแนวต้านจิตวิทยา 1500-1510 จุด และแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ยังมีต่อเนื่องกดดันดัชนี รวมถึงอาจมี sentiment ลบ จากตัวเลข GDP จีน ใน Q3 ที่จะประกาศเช้านี้ออกมาชะลอตัว ด้านแนวรับอยู่ที่ 1485 และ 1475 จุด ตามลำดับ หากต่ำกว่า จะเป็นสัญญาณลบต่อภาพกาาพักฐาน           BBL: 3Q67 มีกำไรสุทธิ 1.25 หมื่นลบ. เติบโต 6%QoQ และ 10%YoY สูงกว่าเราและตลาดคาด จากกำไรจากเครื่องมือการเงินและเงินลงทุน ขณะที่ 4Q67 แม้คาดกำไรลดลง QoQ แต่จะเพิ่มขึ้น YoY หนุนให้ปี 2567 คาดกำไรเติบโต 8%YoY และยังโตต่อ 5%YoY ในปี 2568 ส่วน Valuation มองยังไม่แพงในแง่ PBV เทียบกับ ROE และมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ           BDMS: มองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มการแพทย์ โดย 3Q67 คาดกำไรปกติสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ราว 4.3-4.4 พันลบ. เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ทั้งปี 2567 คาดมีกําไรปกติเติบโต 13%YoY สู่ 1.6 หมื่น ลบ. และยังเติบโตต่ออีก 8%YoY ในปี 2568 อีกทั้ง valuation ยังอยู่ในระดับต่ำที่ PER 67F ระดับ 27 เท่า (-2SD)

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

จับตา SET ลุ้นฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน - แนะเก็บ PTTEP, BBL เป็นหุ้นเด่น

จับตา SET ลุ้นฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน - แนะเก็บ PTTEP, BBL เป็นหุ้นเด่น

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า แม้ SET ได้รับ sentiment ลบ หลัง bond yield สหรัฐปรับขึ้น จากที่ตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในเดือนพ.ย. อย่างไรก็ตาม ลุ้นจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเป็นปัจจัยหนุนตลาด ทำให้ยังมองแนวรับบริเวณ 1435-1440 จุดยังรองรับได้ และมีโอกาสฟื้นตัวได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1460 และ 1470 จุดตามลำดับ สำหรับหุ้นเด่นวันนี้           PTTEP: มองว่าราคาน้ำมันที่แข็งแกร่งในระยะสั้นจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น อีกทั้งราคาหุ้นยังคงปรับขึ้นช้ากว่าราคาน้ำมัน และเป็นหุ้นที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากกรณีกังวลความไม่สงบในตะวันออกกลาง ขณะที่ผลการดำเนินงานและงบดุลของบริษัทยังแข็งแกร่ง โดยในปี 2567 คาดมีกำไรปกติ 8.27 หมื่นล้านบาท เติบโต 5% YoY ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อวันนี้ไม่เกิน 137.50 บาท           BBL: เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มธนาคาร เนื่องจาก Valuation ในแง่ PBV/ROE น่าสนใจที่สุด และความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่น ๆ ขณะที่คาดว่าในไตรมาส 3/2567 กำไรปกติจะเติบโต 5% YoY และ 1% QoQ โดยมีแรงหนุนจากการตั้งสำรอง (Credit Cost) ที่ลดลง รวมทั้งสินเชื่อและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (non-NII) เช่น กำไรจากเครื่องมือทางการเงินยังมีการเติบโต

บล.กรุงศรี ปรับเป้า BBL เป็น 150 บ.

บล.กรุงศรี ปรับเป้า BBL เป็น 150 บ.

          หุ้นวิชั่น - บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์ โดยแนะนำการลงทุน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL โดยมีมุมมอง Neutral ต่อกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 คาดที่ 1.15 หมื่นลบ.กำไรเพิ่มขึ้น +1% y-y เพราะเงินลงทุน (FVTPL) ขณะที่กำไรลดลง-3% q-q จากการ repricing fixed deposit และสินเชื่อลดลง-2.5% q-q คิดเป็น-0.7% YTD จากสินเชื่อภาคธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อต่างประเทศ           ทั้งนี้ฝ่ายวิเคระาห์ปรับกำไรสุทธิ 68-69 ขึ้นปีละ +(3)% เพราะมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางภาครัฐจะช่วยลดปัญหาการตกชั้นของลูกหนี้ส่งผลต่อเป้าปี 2568 ปรับขึ้นเป็น 150บ. แต่มองว่า BBL ได้ประโยชน์จากมาตรฐานกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐช้าสุดในกลุ่มธนาคารใหญ่และอาจไม่เห็นการเพิ่ม dividend payout ratio           คาด BBL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ที่ 1.15 หมื่นลบ.กำไรเพิ่มขึ้น +1%  y-y เพราะรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) เพิ่มขึ้น  +23% q-q จากเงินลงทุน (FVTPL) ขณะที่กำไรลดลง -3% q-q จากรายได้ดอกเบี้ย(NII) ลดลง-1% q-q จากการ repricing fixed deposit และสินเชื่อลดลง-2.6% y-y และ-2.5% q-q คิดเป็น-0.7% YTD จากสินเชื่อภาคธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อต่างประเทศด้านคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอ NPL Ratio อยู่ที่ 3.30% เพิ่มจากไตรมาส 2/67 ที่ 3.20% ตามความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ