ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#BBIK


BBIK คลาวด์ - AI หนุนแกร่ง เคาะเป้า 45.70 บาท แนะ

BBIK คลาวด์ - AI หนุนแกร่ง เคาะเป้า 45.70 บาท แนะ "ซื้อ"

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง BBIK ว่า ธนาคารไร้สาขา, คลาวด์ และ AI คือปัจจัยหนุนการเติบโตปี 68-69 คงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 45.70 บาท           เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ BBIK เนื่องจากคาดการณ์อัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรหลักปี 67-69 ที่ 25% CAGR และ BBIK มี PEG เพียง 0.9 เท่า (อิงจาก P/E ปี 67 ที่ 22x และอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรหลักปี 67-69) โดยปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตในปี 68-69 ได้แก่ การลงทุนในธนาคารไร้สาขา, การย้ายระบบลูกค้าสู่คลาวด์, การนำ AI มาใช้เพิ่มขึ้น และโครงการภาครัฐ หลังจากกำไรหลักทำจุดสูงสุดใหม่ใน 4Q67 เราคาดว่ากำไรหลัก 1-2Q68 จะยังคงเติบโตแข็งแกร่ง YoY อย่างไรก็ตามเราปรับลดราคาเป้าหมายที่อิงวิธี DCF ลงเป็น 45.70 บาท (WACC 10%, TG 3%) จากเดิม 50.10 บาท หลังปรับลดประมาณการกำไรปี 70-73 ลง ปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 70 ลง 5% แม้ประมาณการกำไรปี 68-69 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่เราปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 70 ลง 5% เพื่อสะท้อนแนวโน้มความต้องการบริการด้านเทคโนโลยีจากกลุ่มธนาคารที่อาจลดลง โดยคาดว่าความต้องการจากอุตสาหกรรมธนาคารจะเริ่มลดลงหลังกลางปี 69 เมื่อโครงการพัฒนาธนาคารไร้สาขาได้การลงระบบเสร็จแล้ว การปรับประมาณการครั้งนี้ส่งผลให้อัตราการเติบโตของกำไรหลักจะชะลอลงจาก 25% ต่อปีในปี 68-69 เหลือ 16% ในปี 70 แนวโน้มปี 68-69 แข็งแกร่งจาก 4 ปัจจัยหนุน เราคาดว่ากำไรหลักจะเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปีในปี 68-69 โดยได้รับแรงหนุนจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ความต้องการจากธนาคารที่เพิ่มขึ้น – โดยมีธนาคาร 4 แห่งที่ต้องอัปเกรด/เปลี่ยนระบบ Core Banking ใน 1-2 ปีข้างหน้า และการลงทุนในธนาคารไร้สาขาจะเริ่มกลางปี 68 การย้ายระบบขึ้นคลาวด์ – การลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ที่เพิ่มขึ้นในไทยช่วยลดค่าความหน่วง (Latency) ในการใช้งานระบบคลาวด์ การใช้ AI ที่เพิ่มขึ้น – ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของลูกค้า โครงการภาครัฐ แนวโน้มระยะสั้นยังคงแข็งแกร่ง           BBIK รายงานกำไรหลัก 4Q67 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 103 ล้านบาท (+29% YoY, +17% QoQ) เราคาดว่ากำไรหลัก 1-2Q68 จะยังเติบโต YoY จากการชนะประมูลโครงการที่แข็งแกร่งและอัตราการใช้พนักงาน (staff utilisation) ที่ Vulcan สูงขึ้น ทั้งนี้ในช่วง ม.ค.-ก.พ. 68 บริษัทจำเป็นต้องปฏิเสธบางโครงการจากลูกค้าเนื่องจากมีบุคลากรไม่พอรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้เราคาดว่าแนวโน้มรายไตรมาสยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 3-4Q68 จากการที่ธนาคารไร้สาขาเริ่มลงทุนในช่วงกลางปี 68

BBIK คาดกำไรปีนี้ 360 ลบ. รุกตลาด Digital Transformation

BBIK คาดกำไรปีนี้ 360 ลบ. รุกตลาด Digital Transformation

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ระบุ  Bluebik Group (BBIK) ประชุมนักวิเคราะห์โทนยังเป็นบวก Analyst Note ► รายได้กลุ่ม AI ที่ไม่เติบโต YoY ใน 4Q24 หลักๆ มาจากการบันทึกบัญชีที่งาน AI หลายๆ ส่วนต้องไปช่วยหนุนงานกลุ่มอื่นๆ ที่อาจจะถูก Classify เป็นรายได้กลุ่มอื่น แต่โดยรวมงานด้าน AI เพิ่มขึ้นมีนัยสำคัญ ► รายได้ Training ที่ทำร่วมกับ The Standard เติบโตต่อเนื่องใน 2H24 BBIK ประเมินว่ายังเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ตลาด Training มีโอกาสเติบโตอีกมาก ตอนนี้บริษัทฯ ยังทำเพียงส่วนตลาด Executive Training และยังไม่ได้เร่งทำการตลาดเพื่อหาลูกค้าอย่างจริงจัง ► BBIK มี Backlogs ณ สิ้นปี 2024 ที่ 983 ล้านบาท (+14% YoY) อยู่ที่บริษัทฯ BBIK 842 ล้านบาท และอยู่ที่ Orbit หรือ JV ราว 141 ล้านบาท ► ภาพรวมการประมูลงานในช่วงต้นปี 2025 ดีกว่าช่วงเดียวกันของปี 2024 ที่ตลาดเผชิญความกังวลการลงทุนของลูกค้า ปี 2025 เศรษฐกิจรวมอาจจะไม่ได้เติบโตมากนัก แต่ภาคธนาคารกลับมาลงทุนเพื่อรองรับ Cybersecurity และยกระดับด้าน Digital ขณะที่ภาครัฐที่มีงบประมาณตามปกติหนุนให้เอกชนอื่นๆ กล้าลงทุนมากขึ้น ► ในปี 2025 BBIK จะเน้นการรุก ตลาด Solution ที่เกี่ยวข้องกับ AI การรุกตลาด Data Center เช่น การทำ Migration ไปอยู่บน Cloud การออกแบบให้ใช้งานบน Cloud ได้มีประสิทธิภาพ การรุกงาน Virtual Banking เช่น เริ่มมีการรับงานที่เกี่ยวข้องแล้ว หวังจะได้งานในการ Implementation เพิ่มขึ้นในระยะถัดไป การทำงานด้าน Cybercrime Prevention Act หรือการลงทุนด้านไอทีเพื่อยกระดับการป้องกันแก๊งมิจฉาชีพ หรือการยกระดับระบบเพื่อรองรับ Transaction ด้าน Digital ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ► การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำกำไร BBIK คาดว่าจะทำได้ดีขึ้นในปี 2025 เนื่องจากปี 2024 ต้องเร่งส่งมอบงานใน 2H24 ทำให้ BBIK ต้องจ้าง Outsourcing มาช่วย เป็นต้นทุนเพิ่มที่สามารถลดลงได้หากบริหารจัดการได้ดีขึ้น ขณะที่ 1H24 งานขาดหายทำให้ใช้ทรัพยากรได้ไม่เต็มศักยภาพ ในปี 2025 บริษัทฯ คาดว่าจะบริหารได้ดียิ่งขึ้นจากประสบการณ์ในปีที่ผ่านมา และแนวโน้มงานที่ไม่ได้ขาดหายไปตั้งแต่ต้นปีทำให้การกระจายงานดีขึ้น ► BBIK ตั้งเป้าหมายปี 2025 เติบโตในกรอบ 20%-30% YoY เทียบกับคาดการณ์ของเราที่ 17% YoY ► ปี 2025 BBIK จะกลับมาสนใจเรื่อง M&A เพิ่มขึ้นหลังจากผ่านช่วงการรวมองค์กรหลังทำ M&A ใหญ่มาสักระยะแล้ว โดยปีนี้อย่างน้อยจะใช้สิทธิซื้อ Innoviz ที่เหลือ ขณะที่ M&A อื่นๆ จะเน้นไปที่ การขยายไปต่างประเทศ หรือการเพิ่มกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่มี การซื้อ Software platform มาเพิ่มเติมบริการใหม่ๆ หรือยกระดับบริการเดิมให้กับกลุ่ม การจะปิดดีลได้หรือไม่ขึ้นกับราคาที่เหมาะสม บริษัทฯ ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งรีบ ดีลที่จะเกิดขึ้นจะต้องเป็นดีลที่สร้างมูลค่าเพิ่มต่อกลุ่ม Our Take ► เราคงคาดการณ์กำไรปกติปี 2025 ที่ 360 ล้านบาท (+20% YoY) และคงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ที่ 47.50 บาทต่อหุ้น อิง PER 26.5x ความเสี่ยงสำคัญ การเติบโตของตลาด Digital Transformation ไม่ได้เร็วอย่างที่คาด สูญเสียทรัพยากรบุคคลสำคัญ เศรษฐกิจถดถอยรุนแรง

BBIK กำไร Q4/67 ทำจุดสูงสุดใหม่ แตะ 108 ลบ. รับเทรนด์ AI Transformation ขาขึ้น

BBIK กำไร Q4/67 ทำจุดสูงสุดใหม่ แตะ 108 ลบ. รับเทรนด์ AI Transformation ขาขึ้น

           บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน   ครบวงจร เผยผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 มีกำไรสุทธิแตะระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องที่ 108 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่รายได้อยู่ที่ 409 ล้านบาท เติบโต 10% (YoY) ซึ่งเป็นผลจากภาคธุรกิจกลับมาลงทุนด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 3 หลังจากแนวโน้มเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ทั้งในภาคการท่องเที่ยว การบริโภคของภาคเอกชน รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่เร่งตัวขึ้น            สำหรับผลประกอบการตลอดปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 314 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน และมีรายได้ 1,507 ล้านบาท เติบโต 15% (YoY) ขณะที่มูลค่าแบ็คล็อค (ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567)        อยู่ที่ 983 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงานจากบริษัทแม่และบริษัทย่อย 842 ล้านบาท และจากบริษัทร่วมทุน 141 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากบริษัทแม่และบริษัทย่อยมากกว่า 669 ล้านบาท และจากบริษัทร่วมทุนทั้งหมด    ในปีนี้ ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงปี 2569 - 2572            นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.22 บาทต่อหุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมดจำนวน 200,015,474 หุ้น หรือคิดเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 44,003,404 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 32 ของกำไรสุทธิของงบเฉพาะกิจการ    หลังหักสำรองตามกฎหมาย ในส่วนของกำไรสุทธิที่เหลือจะใช้เพื่อชำระค่าหุ้นงวดสุดท้ายของบริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ จำกัด และสำรองเงินสดสำหรับเงินทุนหมุนเวียนที่อาจเพิ่มขึ้น สอดรับกับเป้าหมายเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว รวมถึงรักษาสภาพคล่อง ลดภาระการกู้ยืมเงินและดอกเบี้ยจากสถาบันการเงิน เพื่อให้อัตราส่วนทางการเงินของบริษัทฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยมีการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 30 เมษายน 2568 และกำหนด ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 29 เมษายน 2568 พร้อมจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 พฤษภาคม 2568            นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK กล่าวว่า AI Transformation เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค ส่งผลให้การลงทุนด้านเทคโนโลยีเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงมีการปรับกลยุทธ์การให้บริการโดยนำ AI เป็นแกนกลางผสานกับทุกบริการหลัก (AI-Led Integrated Services) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการยกระดับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ด้วยกลยุทธ์และเทคโนโลยี (Enterprise Transformation) แบบครบวงจร จากปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวนี้ บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปี 2568 จะสามารถเติบโตมากกว่า 20%            “นับจากปี 2568 องค์กรธุรกิจจะประยุกต์ใช้ AI ในกระบวนการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งปัจจุบันกระแส AI Transformation ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและกำลังเข้าสู่ช่วงขาขึ้นอย่างชัดเจน สะท้อนผ่านมูลค่าตลาด AI ทั่วโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 243,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2568 เป็น 826,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2573 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 28% (CAGR) (ข้อมูลจาก Statista) ผลจากแนวโน้มนี้ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่ากลยุทธ์   AI-Led Integrated Services สอดรับกับทิศทางของตลาด และยังเพิ่มโอกาสสร้างรายได้จากการขยายการให้บริการ  ด้านอื่น ๆ เนื่องจากการขับเคลื่อนโครงการ AI Transformation ให้ประสบความสำเร็จนั้น องค์กรธุรกิจต้องดำเนินงานอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การวางกลยุทธ์ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและข้อมูล การพัฒนาโมเดล AI ขั้นสูงและแอปพลิเคชัน ตลอดจนเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์” นายพชร กล่าว นอกจากกระแส AI Transformation ที่กระตุ้นให้เกิดการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีปัจจัยบวกอื่น ๆ ที่จะสนับสนุนการเติบโตของ BBIK ได้แก่ 1) การลงทุนด้าน Data Center ในประเทศไทย จากบริษัทชั้นนำระดับโลก 2) แผนการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งแบ่งส่วนความรับผิดชอบระหว่างผู้ให้บริการโทรคมนาคม แพลตฟอร์ม และสถาบันการเงิน 3) การประกาศรายชื่อผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Virtual Bank ในช่วงกลางปี 2568 4) การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการถือครองหุ้น 100% ในบริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ จำกัด ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568            สำหรับแผนการรองรับการเติบโตและการรับงานขนาดใหญ่ของภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ บริษัทฯ ยังเดินหน้าบูรณาการการทำงานอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง            “ในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ภาคธุรกิจให้ความสำคัญกับดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันมากขึ้น โดยนอกจากบริษัท ขนาดใหญ่แล้ว ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กก็เริ่มนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในกระบวนการดำเนินงานอย่างจริงจัง ยิ่งเทคโนโลยีมีความทันสมัยและซับซ้อนมากขึ้นเท่าใด การลงทุนก็ต้องพิจารณาในหลายมิติมากขึ้น อาทิ ความสามารถ  ในการรองรับการขยายตัวด้านดิจิทัลในอนาคต การปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ เป็นต้น จากปัจจัยหนุนเหล่านี้ บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในระยะยาว อีกทั้งการย้ายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในปีนี้ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสขยายธุรกิจและดึงดูดนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย” นายพชร กล่าวทิ้งท้าย            สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ Website : www.bluebik.com หรือติดตามข่าวสารผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ที่ Facebook Page : Bluebik Group และ LinkedIn : Bluebik Group [PR News]

BBIK แจ้งงบปี67กำไรที่313ลบ. แบ็กล็อกแน่น842ล.

BBIK แจ้งงบปี67กำไรที่313ลบ. แบ็กล็อกแน่น842ล.

         หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน BBIK แจ้งงบปี 67 กำไร 313.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.80 ล้านบาท หรือโต 3.56% จากปี 66 ส่วนรายได้อยู่ที่ 1,506.66 ล้านบาท โต 14.72% จากปีก่อน โชว์ Backlog 842 ล้านบาท คาดบุ๊กปีนี้ไม่น้อยกว่า 669 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะรับรู้ในปี 69-72           บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK แจ้งผลประกอบการ สำหรับปี 2567 เปรียบเทียบกับปี 2566 ว่า แม้ในระหว่างปี 2567 จะยังคงมีปัจจัยลบที่ต่อเนื่องในส่วนของภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคธุรกิจ แต่กลุ่มบริษัทฯ ยังคงรักษาความสามารถในการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและต่อเนื่อง ส่งผลให้สำหรับปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ ยังคงมีผลประกอบการสูงเป็นประวัติการณ์ทั้งส่วนของรายได้และกำไรสุทธิ           โดยรายได้รวมของกลุ่มบริษัทฯ สำหรับปี 2567 อยู่ที่ 1,506.66 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าจำนวน 193.37 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.72 ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการปรับใช้เทคโนโลยี (Technology Adoption) และดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น หลังการลงทุนจากภาคเอกชนกลับมาขยายตัวและการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับกลุ่มบริษัทฯ สามารถดำเนินการให้บริการได้อย่างน่าพอใจ ทำให้มีผลการประกอบการที่เติบโตโดยเฉพาะธุรกิจการให้คำปรึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีให้กับองค์กร (DX) และการพัฒนาระบบงาน ERP รวมถึงการให้บริการ Corporate training           ทั้งนี้ ในส่วนของกลุ่มงาน MC, PMO และ AI ที่แสดงยอดรายได้ที่ลดลงเนื่องจากการปรับรูปแบบการรับงาน การให้บริการที่เป็น Integrated services รวมงานดังกล่าวเข้าไปในงานที่เป็นการพัฒนาระบบงานขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้นเพื่อชูจุดแข็งของกลุ่มบริษัทฯ ในความเป็น end-to-end digital transformation partner ให้ชัดเจน จึงทำให้ยอดรายได้เฉพาะส่วนงานดังกล่าวที่เป็นโครงการเฉพาะด้านมีมูลค่าที่ลดลง โดยการเติบโตของรายได้กลุ่มบริษัทฯ มาจากทั้งการต่อยอดการให้บริการในกลุ่มลูกค้าเดิม รวมถึงการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ ในกลุ่มธุรกิจสถาบันการเงิน กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต กลุ่มค้าปลีก กลุ่มประกันภัย และกลุ่มเทคโนโลยี           ในส่วนของกำไรสำหรับปี 2567 กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทฯ อยู่ที่ 313.83 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 10.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.56 จากกำไรสุทธิของปี 2566 และกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 301.11 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 22.55 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.09 ของกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ปี 2566           ทั้งนี้อัตรากำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 21 ของรายได้รวม ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากปี 2566 เนื่องจากผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2567 ที่มีรายได้ที่ชะลอการเติบโต รวมถึงต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นชั่วคราวในช่วงครึ่งปีแรก เช่น ค่าใช้จ่าย Outsource จากความจำเป็นเร่งด่วนของงานบางโครงการ รวมถึงค่าใช้จ่าย One-time ของภาษีเงินได้ แต่ทั้งนี้ อัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯ สำหรับปี 2567 ก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวด 9 เดือนปี 2567 ที่อยู่ที่ร้อยละ 19 ของรายได้รวม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถของบริษัทฯ ในการฟื้นกลับมาเติบโตได้ตามที่คาดหวัง           ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 กลุ่มบริษัทฯ มีสัญญาการให้บริการมูลค่าคงเหลือ (Backlog) อยู่ 842 ล้านบาท (ที่ไม่ได้รวมยอด Backlog ของกิจการร่วมค้าและบริษัทร่วมทั้งหมด) โดย backlog ดังกล่าว คาดว่าจะสามารถส่งมอบการให้บริการและรับรู้รายได้ในปี 2568 ไม่น้อยกว่า 669 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะรับรู้ในปี 2569-2572

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

BBIK ฮอตสุดในกลุ่ม โบรกเคาะเป้าหมาย 47 บาท แนะ

BBIK ฮอตสุดในกลุ่ม โบรกเคาะเป้าหมาย 47 บาท แนะ"ซื้อ"

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) ระบุถึง BBIK ว่า คาดรายได้ทำสถิติใหม่อีกครั้ง           ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่ากำไรหลักใน 4Q24F ของ BBIK จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 103 ล้านบาท (+32% YoY, +17% QoQ) โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาล ประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น และการฟื้นตัวของความต้องการด้านการให้คำปรึกษาทางเทคโนโลยี ส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปีอาจสูงกว่าประมาณการเดิมของเรา 8% และอาจดีกว่าคาดในปี 2025 เช่นกัน เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 47 บาท BBIK ยังคงเป็นหุ้น Top Pick เนื่องจากคาดว่าจะมีการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มในปี 2024 และ 2025 คาดกำไร 4Q24 เป็นสถิติใหม่           คาดว่ารายได้กลุ่มจะเพิ่มขึ้น 12% YoY และ 7% QoQ สู่ระดับ 415 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากฤดูกาลที่มีความต้องการสูง GPM คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 50.8% จากการจัดการต้นทุน หากไม่รวมปัจจัยดังกล่าว GPM ยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากประสิทธิภาพต้นทุนที่ดีขึ้นและ economy of scale รายได้จากบริษัทร่วมคาดว่าจะยังคงสูงที่ 22 ล้านบาท ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์คาดว่ากำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 103 ล้านบาทใน 4Q24 (+32% YoY, +17% QoQ) และผลักดันให้กำไรสุทธิทั้งปีอยู่ที่ 302 ล้านบาท (+8% YoY) ซึ่งสูงกว่าประมาณการเดิมที่ 280 ล้านบาท (+8%) ยังมี Upside risk ในปี 2025           บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้ที่ 20-30% โดยได้รับแรงหนุนจากโครงการใหม่ๆ และความต้องการด้าน AI, Cloud, Cybersecurity และบริการพัฒนาแอปพลิเคชัน งานภาครัฐจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางการเติบโตที่สำคัญ โดยมีสัดส่วนรายได้ของกลุ่มต่ำกว่า 10% ในปี 2024 แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 10-15% ในปีนี้ เนื่องจากบริษัทเพิ่งได้รับโครงการใหม่ภายใต้โครงการ Digital Wallet ซึ่งเป็นก้าวแรกในการเข้าถึงโครงการภาครัฐมากขึ้น คงประมาณการกำไรสุทธิในปี 2025F ที่ 336 ล้านบาท (+20% YoY) และมี Upside risk ทำให้ปีนี้จะเป็นอีกปีที่ดีสำหรับ BBIK โดยได้รับแรงหนุนจาก (1) การเข้าซื้อหุ้น Innoviz ที่เหลืออีก 15% (ปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 85%) และ (2) Backlog ที่แข็งแกร่งและความต้องการอย่างต่อเนื่องในการเพิ่ม/ปรับปรุง/อัพเกรดเทคโนโลยีในองค์กรต่างๆ คงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 47 บาท           BBIK เป็นบริษัทเพียงแห่งเดียวในกลุ่มที่คาดว่าจะมีการเติบโตของกำไรในปี 2024 และคาดว่าจะมีกำไรที่แข็งแกร่งในปีนี้ ความต้องการเทคโนโลยีในทุกองค์กรยังคงมีอย่างต่อเนื่อง BBIK ยังคงเป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มเทคโนโลยี ราคาเป้าหมายของเราอยู่ที่ 47 บาท โดยอิงจาก P/E ที่ 28 เท่า (+0.5SD ของค่าเฉลี่ย) ฝ่ายวิเคราะห์คงความเห็นว่ากลุ่มเทคโนโลยี (บริการให้คำปรึกษา) ควรซื้อขายที่ระดับ P/E 20-30 เท่า เนื่องจากมีแนวโน้มระยะยาวที่แข็งแกร่ง มูลค่าปัจจุบันยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ซึ่งซื้อขายที่ระดับ 25-35 เท่า

จับตา BBIK งบทำสถิติใหม่ แนะนำ “ซื้อ” เป้าปี 68 ที่ 47.50 บาท

จับตา BBIK งบทำสถิติใหม่ แนะนำ “ซื้อ” เป้าปี 68 ที่ 47.50 บาท

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง BBIK ว่า คาดกำไรปกติ 4Q24 เติบโตเด่น QoQ และ YoY คาดกำไรปกติ 4Q24 ที่ 101 ล้านบาท (+15% QoQ, +28% YoY) เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2024 และจะเป็นจุดสูงสุดใหม่ของบริษัทฯ อีกครั้ง กำไรปกติที่เติบโตเด่นทั้ง QoQ และ YoY มาจากรายได้ที่เติบโตต่อเนื่องและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทฯ ร่วมที่แข็งแกร่ง สรุปสาระสำคัญดังนี้ คาดรายได้หลักที่ 409 ล้านบาท (+5% QoQ, +10% YoY) หนุนจากรอบการรับรู้งานใน Backlogs กลุ่มที่ยังเติบโตดียังคงเป็นกลุ่มด้าน Digital Excellence and Delivery           คาดอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ 51.0% (+408 bps QoQ, +577 bps YoY) อัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าปกติแต่มีผลของการปรับปรุงรายการทางบัญชี แต่หากไม่รวมผลบวกทางบัญชี คาดว่า GPM ปกติจะยังปรับเพิ่มขึ้นจาก economies of scale SG&A คาดที่ 113 ล้านบาท (+5% QoQ, +20% YoY) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดที่ 20 ล้านบาท (-14% QoQ, -14% YoY) อัตราภาษีจ่ายคาดที่ 10% BBIK จะรายงานผลประกอบการ 4Q24 ในวันที่ 19 ก.พ. 25 ตั้งเป้าหมายปี 2025 เติบโตในกรอบ 25%-30%           หากกำไรออกมาตามคาด กำไรปกติทั้งปี 2024 จะอยู่ที่ 301 ล้านบาท ดีกว่าคาดการณ์ของเราที่ 287 ล้านบาท ราว 5% และแม้เป็นปีที่ถูกท้าทายจาก 1H24 ที่งานขาดหายไป แต่บริษัทฯ ชดเชยได้ดีใน 2H24 ที่เด่น ขณะที่แนวโน้มปี 2025 BBIK วางเป้าหมายการเติบโตที่ระดับ 25%-30% YoY โดยปัจจัยหนุนสำคัญอยู่ที่การเจาะงานภาครัฐเพิ่มขึ้นจากเดิม 5% ของกลุ่มขึ้นเป็นระดับ 10%-15% ของกลุ่ม และการลงทุนต่อเนื่องของภาคเอกชนโดยเฉพาะในงานด้าน AI, Cybersecurity, และงานด้าน Digital Transformation ปรับลดประมาณการการเติบโตปี 2025 ให้อนุรักษ์นิยมมากขึ้นเพื่อให้สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังท้าทายและความผันผวนที่สูงของเศรษฐกิจโลกจากสงครามการค้า เราปรับสมมติฐานการเติบโตให้อนุรักษ์นิยมมากขึ้น โดยคาดกำไรปกติปี 2025 ที่ 360 ล้านบาท (+26% YoY) อิงสมมติฐาน           รายได้เติบโต 16% YoY GPM รักษาระดับได้ ส่วนแบ่งกำไรจาก Orbit รักษาระดับได้ ปัจจัยหนุนสำคัญที่จะทำให้ประมาณการของเราต่ำเกินไป ได้แก่ BBIK ได้งาน Virtual Bank ขนาดใหญ่ในช่วง 2H25 ขณะที่ความเสี่ยงของประมาณการคือภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอทำให้บริษัทฯ ขนาดใหญ่เลือกชะลอการลงทุนด้านเทคโนโลยี หรือเลือกลงทุนเท่าที่จำเป็น คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ที่ 47.50 บาทต่อหุ้น           เราปรับปรุงสมมติฐานในการประเมินมูลค่าของเราดังนี้ ปรับลด Multiple จาก 32x เหลือ 26.5x หรือที่ระดับ -1.5SD ของค่าเฉลี่ยในอดีตเพื่อให้สะท้อนความเสี่ยงของตลาดทุนที่ผันผวนมากขึ้นและการเติบโตที่ท้าทายขึ้นจากฐานกำไรที่สูงกว่าเดิม และ ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 แทนราคาเหมาะสมกลางปี 2025           ประเมินราคาเหมาะสมใหม่ของ BBIK ที่ 47.50 บาทต่อหุ้น อิง PER 26.5x เชิงพื้นฐานเราคงคำแนะนำ “ซื้อ” กำไรของ BBIK ยังเด่นต่อเนื่องและดีเพียงพอที่จะสนับสนุน PER ที่อยู่ในระดับสูงกว่ากลุ่ม ขณะที่อิงประมาณการที่อนุรักษ์นิยมมากขึ้น ราคาหุ้นปัจจุบันก็ยังซื้อขายบน PER25 ที่เพียง 18.6x เทียบกับศักยภาพการเติบโตระดับ 25%-30% ที่คาดจะยังทำได้ไปอีกระยะ หุ้นไม่แพงเทียบกับการเติบโต

ไทย AI โตเด่น BE8-BBIK รับอานิสงส์ Digital Adoption

ไทย AI โตเด่น BE8-BBIK รับอานิสงส์ Digital Adoption

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) ผลสำรวจ Telener Asia พบว่า ประเทศไทยเชื่อถือใน AI มากที่สุดในภูมิภาค เมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ใช้งานจากตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาค โดยยังมีช่องว่างเติบโตอีกมาก จาก 1) แม้ 77% ของผลำรวจใช้งาน AI อยู่แล้ว แต่ใช้เพื่อการทำงานราว 20% ยังต่ำกว่าสิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยด้านที่ใช้สูงในไทย คือ ความบันเทิง 2) ผู้คนไทยให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายมากกว่าความเป็นส่วนตัว (เชื่อว่าบริการ AI ที่ใช้ปกป้องความเป็นส่วนตัวได้ 38% ของผลสำรวจ เทียบกับเพียง 21% ในประเทศสิงคโปร์, และมีแนวโน้มอนุญาตให้ AI เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว vs ราว 15-20% ของคน สิงคโปร์+มาเลเซีย) 3) 6 ใน 10 ของคนไทยยังมีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับ AI และสิ่งที่ AI สามารถเสริมการใช้ชีวิตที่รู้ทันโลกและปลอดภัย ผลสำรวจดังกล่าวทำให้มั่นใจอย่างมากต่อการเร่งขึ้นอัตรา AI Adoption ในไทย และโอกาสที่ยังเติบโตอีกมากในอนาคต และจะสร้าง Upside ต่อหุ้นเชื่อมโยงธีมดังกล่าว ความต้องการ Data Center (INSET, GULF, GPSC) การใช้ข้อมูลในโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่เติบโตก้าวกระโดด (ADVANC, TRUE) กลุ่มช่วยเรื่อง AI / Digital Adoption (BE8, BBIK)

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

[Vision Exclusive] BBIK เจาะงานภาครัฐ จับตาไอทีปี68 โตสนั่น

[Vision Exclusive] BBIK เจาะงานภาครัฐ จับตาไอทีปี68 โตสนั่น

           หุ้นวิชั่น - บอสใหญ่ BBIK "พชร อารยะการกุล" กางแผนธุรกิจปีมะเส็ง เจาะฐานภาครัฐทำเงิน คาดดันสัดส่วนแตะ 10% จากปัจจุบันต่ำกว่า 5% เชื่อหลายองค์กรลุยลงทุนไอทีอื้อ ส่วนเอกชน แบงก์ ประกันคึกคัก คาดรายได้ปี 68 โตดีบเบิ้ลดิจิต            นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า ทิศทางธุรกิจของบริษัทในปี 2568 จะเน้นการขยายฐานเทคโนโลยีให้ครอบคลุมหลากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชนที่มีความต้องการลงทุนในด้านไอทีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ เช่น สถาบันการเงิน บริษัทประกันภัย และธุรกิจอื่น ๆ มีดีมานด์ในการพัฒนาและขยายฐานไอทีอย่างชัดเจน นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะรุกเข้าสู่ตลาดภาครัฐมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมามีการดำเนินงานในภาคส่วนนี้น้อย            ในส่วนของการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ BBIK วางแผนที่จะเร่งดำเนินการตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี 2568 เพื่อเพิ่มศักยภาพและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับบริษัทในระยะยาว            ในปี 2568 มีแนวโน้มที่งานจากภาครัฐจะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ตามแผนการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากภาครัฐของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่า 5% อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ BBIK คาดการณ์ว่าสัดส่วนรายได้จากงานภาครัฐจะเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าแตะระดับ 7-8% และมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 10% หากบริษัทสามารถรับงานใหม่ในภาคส่วนนี้ได้ตามแผนที่วางไว้            ปัจจุบันบริษัทเริ่มได้รับงานจากลูกค้าภาครัฐแล้วบางส่วน เช่น งานด้านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ โดยบริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนดำเนินงานเพื่อส่งมอบบริการให้กับลูกค้าตามแผน ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทมีมูลค่าสัญญาการให้บริการคงเหลือ (Backlog) รวมทั้งสิ้น 871 ล้านบาท โดยไม่รวม Backlog จากกิจการร่วมค้าและบริษัทร่วมทั้งหมด สำหรับ Backlog ดังกล่าว คาดว่าจะสามารถส่งมอบและรับรู้รายได้ในปี 2567 ไม่น้อยกว่า 355 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ระหว่างปี 2568-2572            แผนการลงทุนในปี 2568 โดยมุ่งเน้นด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม AI เพื่อปรับใช้กับลูกค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการและเทรนด์การใช้งานระบบไอทีในปัจจุบัน            บริษัทตั้งเป้าการเติบโตในปี 2568 อยู่ในระดับดับเบิ้ลดิจิต แม้เศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้อาจเติบโตได้ไม่มาก แต่เชื่อมั่นว่า BBIK จะสามารถเติบโตได้สูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม ซึ่งมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 20-30%            การดําเนินธุรกิจของบริษัทนั้น จะดําเนินการผ่านบริษัท บริษัทย่อย บริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า ซึ่งมีขอบเขตการดําเนินงานใน 4 ส่วนหลัก ได้แก่ ธุรกิจบริการหลักด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation Consulting Services) ที่เป็นส่วนงานหลักที่กลุ่มบริษัท มีการให้บริการอย่างครบวงจร ซึ่งกลุ่มบริษัทจะมุ่งเน้นความสําคัญเรื่องคุณภาพการให้บริการควบคู่กับการขยายธุรกิจรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มบริการหรือเทรนด์เทคโนโลยีสําคัญหลังการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ระบบดิจิทัล ทั้งนี้ ธุรกิจการให้บริการหลัก มีดังนี้ ธุรกิจการให้คําปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting; MC) เป็นการออกแบบแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจระยะสั้นและยาว (3 ปี – 5 ปี) การออกแบบแผนการตลาดสําหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการของลูกค้า การวิจัยตลาดเพื่อสร้างกลยุทธ์การแข่งขัน การออกแบบกระบวนการทํางานเพื่อลดความซ้ำซ้อน และการปรับโครงสร้างองค์กรให้สอดคล้องกับธุรกิจ ธุรกิจการบริหารโครงการเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic PMO; PMO) เป็นการให้บริการบริหารโครงการต่างๆ ในรูปแบบการกํากับดูแลโครงการ จัดกลไกการจัดการโครงการ ตลอดจนดําเนินการบริหารโครงการ หรือบริหารผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถดําเนินงานได้ทันเวลา และองค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ธุรกิจการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คําปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery; DX) เป็นการให้คําปรึกษาเชิงลึกด้านดิจิทัลครบวงจรและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมสําหรับองค์กร ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบสถาปัตยกรรมและโครงสร้างของระบบ การออกแบบประสบการณ์ของผู้ใช้งานและส่วนติดต่อระหว่างผู้ใช้กับระบบ (UX/UI) บนหน้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น การพัฒนาและปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการเชื่อมต่อโปรแกรม เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะด้านภายในองค์กร โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานและความคล่องตัวให้กับธุรกิจ ธุรกิจการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลชั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Big data,advanced analytics and artificial intelligence; AI) เป็นการให้บริการออกแบบและพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ เพื่อใช้สนับสนุนการตัดสินใจ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ธุรกิจบริการด้านทรัพยากรบุคคลชั่วคราวที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอที (IT Staff Augmentation) โดยทําหน้าที่จัดหาพนักงานที่เชี่ยวชาญด้านไอที อาทิ โปรแกรมเมอร์ และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อปฏิบัติงานตามกําหนดระยะเวลาจนจบโครงการ ธุรกิจบริการด้านการพัฒนาระบบและให้คําปรึกษาด้านความปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security and Solution Implementation Services) โดยเป็นการให้บริการที่ปรึกษาเพื่อบริหารจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ครบวงจรตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์และกรอบการบริหารจัดการ การประเมินมาตรการควบคุมและป้องกัน การยกระดับมาตรการป้องกัน การวางแผนและรับมือเหตุละเมิดความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมถึงการติดตั้งระบบ Cyber security ให้กับลูกค้า ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) โดยกลุ่มบริษัท มีการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจซึ่งเป็นบริษัทชั้นนําด้านไอทีระดับโลกในการนําเสนอดิจิทัลแพลตฟอร์ม หรือไอทีโซลูชันที่สามารถรองรับความต้องการและเทรนด์ธุรกิจใหม่ และขยายฐานลูกค้าที่ครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้าขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการทําดิจิทัล            ทรานส์ฟอร์เมชันและเทรนด์การทําธุรกิจ เช่น  ธุรกิจด้านการพัฒนาระบบงาน Enterprise Resource Planning; ERP และการพัฒนาประสิทธิภาพการใช้ร ะบบงาน (ERP maximization and advisory) ซึ่งในปัจจุบันมีการให้บริการสําหรับร ะบบงาน Microsoft Dynamic 365 และระบบงาน SAP โดยมุ่งเน้นการออกแบบและพัฒนาโปรแกรมผ่านการเขียนโปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจขั้นสูง เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานระบบ ERP ได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพสูงสุด ธุรกิจด้านการพัฒนาระบบงาน Customer Relationship Management; CRM (CRM advisory and solution) ซึ่งในปัจจุบันมีการให้บริการสําหรับระบบงาน Salesforce ตั้งแต่การออกแบบ พัฒนาและการดูแลระบบ โดยมุ่งเน้นการออกแบบและพัฒนาระบบที่สามารถเชื่อมต่อการทํางานกับระบบเดิมที่ลูกค้ามีอยู่ อย่างไร้รอยต่อ เพื่อทําให้การใช้งานสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังมีการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม หรือไอทีโซลูชันขึ้นมาเอง เช่น นวัตกรรม LISMA หรือ LISMA X ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อระบบ SAP เข้ากับแพลตฟอร์ม Line หรือ Microsoft เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานระบบต่างๆ ได้สะดวก ง่ายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ธุรกิจร่วมค้า โดยการลงทุนร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญที่สามารถต่อยอดด้านบริการและธุรกิจ ได้แก่ บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทฯ และบริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท ปตท. นํ้ามันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน) (“โออาร์”) เพื่อประกอบธุรกิจบริการด้านการให้คําปรึกษา ออกแบบ พัฒนา ดูแลรักษาระบบและแอพพลิเคชั่นของบริษัทในเครือโออาร์ รวมถึงการหารายได้โดยการใช้ประโยชน์ของข้อมูล (Data Monetization) โดยเป็นการขยายผลเพื่อนําข้อมูลที่เป็นทรัพยากรขององค์กรไปใช้ต่อยอดทางธุรกิจ บริษัท ซอส สกิลส์ จํากัด (“Sauce Skills”) ซึ่งเป็นการร่วมมือกับ บริษัท เดอะแสตนดาร์ด จํากัด ในการดําเนินธุรกิจพัฒนาหลักสูตรอบรมแก่องค์กร (Corporate Training) เพื่อมุ่งยกระดับทักษะและความรู้ความเข้าใจด้านดิจิทัล ธุรกิจ และการส่งเสริมความเป็นผู้นําในองค์กร (Sauce Skills มีฐานะเป็นบริษัทย่อยภายในงบการเงินรวมของบริษัทฯ) ซึ่งได้เริ่มให้บริการและมีรายได้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 บริษัท อีโค เอ็กซ์ จํากัด (“EcoX”) ซึ่งเป็นธุรกิจร่วมค้ากับ บริษัท เบริล 8 พลัส จํากัด (มหาชน) ในการดําเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม (Green Technology) ธุรกิจต่างประเทศ โดยกลุ่มบริษัทมีการรุกสู่ตลาดต่างประเทศที่มีขนาดใหญ่และมีความต้องการในการทําดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มบริษัทมีการให้บริการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คําปรึกษาด้านเทคโนโลยีให้กับลูกค้าต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร และเวียดนาม ผ่านการชูจุดแข็งด้วยศักยภาพของบุคลากรด้านดิจิทัล และข้อได้เปรียบในต้นทุนบริการที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision  

BBIK คาดปี68 รายได้แกร่ง อานิสงส์รัฐยกระดับ IT แก้คอลเซ็นเตอร์

BBIK คาดปี68 รายได้แกร่ง อานิสงส์รัฐยกระดับ IT แก้คอลเซ็นเตอร์

            หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กสิกรไทย มีมุมมองเชิงบวกต่อ BBIK ที่จะได้ประโยชน์จากการเพิ่มการลงทุนด้านระบบ IT ของกลุ่มธนาคาร เพื่อยกระดับความปลอดภัยหลังจากรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความสำคัญกับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และแนวโน้มการบังคับใช้กรอบความรับผิดชอบร่วมกัน (SRF) ตามแบบสิงคโปร์ที่ให้ธนาคารและบริษัทสื่อสารรับผิดชอบร่วมกันหากเกิดการหลอกลวงออนไลน์ ทั้งนี้ คาดผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ยังแข็งแกร่งจากยอดคงค้างในไตรมาส 3/2567 ที่ยังอยู่ในระดับสูง โดย Valuation อยู่ในระดับ 18 เท่าของกำไรปี 2568 ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าราคาปัจจุบันเหมาะสมสำหรับการลงทุนทั้งระยะสั้นและยาว BBIK: ราคาพื้นฐาน 46.67 บาท

InnovestX ผนึก BBIK พัฒนาแอป ยกระดับเทรดสินทรัพย์ตลาดทั่วโลก

InnovestX ผนึก BBIK พัฒนาแอป ยกระดับเทรดสินทรัพย์ตลาดทั่วโลก

          บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) เรือธงด้านการลงทุนภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group) ร่วมมือกับ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร มาเป็นส่วนหนึ่งในการวางโรดแมปทำ Architecture & Tech Modernization เพื่อช่วยวางเฟรมเวิร์กและโครงสร้างพื้นฐานในการพัฒนา ‘แอปพลิเคชัน InnovestX’ สำหรับซื้อขายสินทรัพย์บนช่องทางดิจิทัล ซึ่งครอบคลุม    หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุน และสินทรัพย์อื่น ๆ มุ่งสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านการลงทุนที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์นักลงทุนอย่างครบครัน โดย InnovestX ถือเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตของลูกค้า      อย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 1 ล้านราย           นายวีรภัทร จันทรวรรณกูล Chief Technology Officer บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด    กล่าวว่า แอป InnovestX เป็นแอปพลิเคชันการลงทุน ที่ออกแบบโดยนักลงทุน เพื่อนักลงทุน ลูกค้า InnovestX สามารถลงทุนได้ครบทุกสินทรัพย์ ในปัจจุบันพบว่าความต้องการของนักลงทุนไม่ได้จำกัดแค่หุ้นไทย แต่มองหาโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์อื่นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้จากจำนวนผู้ลงทุนในหุ้นต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา InnovestX เล็งเห็นว่าการมีเครื่องมือการลงทุนที่ดี เทียบเท่ามาตรฐานสากลเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีให้มีความมั่นคง ในขณะเดียวกันต้องมีความยืดหยุ่น สามารถรองรับความต้องการของนักลงทุนในอนาคตได้อย่างรวดเร็ว เพราะสิ่งสำคัญของนักลงทุนคือเวลา การลงทุนต้องมีความราบรื่น และรวดเร็ว แอป InnovestX ใหม่จึงได้รับการพัฒนาโครงสร้าง Platform ด้วยแนวคิด 2 ประการ ได้แก่ 1) Future-ready Architecture ออกแบบสถาปัตยกรรมแบบ Modular เพื่อให้สามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในอนาคตได้อย่างยืดหยุ่น และสามารถปรับปรุงเพิ่มเติมได้เป็นส่วน ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ    มีความปลอดภัยระดับธนาคาร แข็งแกร่งและรวดเร็ว 2) Fast Innovation การปรับโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี พร้อมปรับเปลี่ยนฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้ทันท่วงทีและตอบโจทย์นักลงทุนได้อย่างรวดเร็ว โดยมุ่งเน้นให้มี Performance ที่ดี เพื่อให้เกิดประสบการณ์การใช้งานที่ดี รวดเร็วในการส่งคำสั่ง ถูกต้องแม่นยำ และราบรื่น และมาพร้อมกับความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัย และความเชื่อมั่นในฐานะบริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX เป็นหัวใจสำคัญ (Seamless, Secure, Reliable)           นายวีรภัทร กล่าวเสริมว่า จากความมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง  ทำให้ InnovestX มองหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาแอปพลิเคชันด้านการลงทุน โดย Bluebik                มีประสบการณ์ทั้งในแง่การให้คำปรึกษาและการพัฒนาระบบซื้อขายหลักทรัพย์และสินทรัพย์อื่น ๆ มีประสบการณ์ตรงในการพัฒนาแพลตฟอร์มลงทุนให้กับลูกค้ารายอื่นในต่างประเทศ มีเฟรมเวิร์กที่สามารถนำมาปรับใช้ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงมีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง จึงมั่นใจว่าจะสามารถเข้ามาเสริมการยกระดับ ‘แอปพลิเคชัน InnovestX’ ในครั้งนี้ให้มีความเป็นมาตรฐานระดับสากลมากยิ่งขึ้น           นายปกรณ์ เจียมสกุลทิพย์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า Bluebik รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากทาง InnovestX ให้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีเพื่อการซื้อขายผลิตภัณฑ์การลงทุน (Financial Trading Technology) และช่วยปรับปรุงพัฒนาระบบ (Architecture & Tech Modernization) ให้กับ ‘แอปพลิเคชัน InnovestX’ ที่ทาง InnovestX พัฒนาอยู่ โดยจาก ความเชี่ยวชาญของ Bluebik ในการพัฒนา Large-Scale Application จะสามารถช่วยวางรากฐานระบบของแอปพลิเคชันให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงที่ระบบจะทำงานผิดพลาด และสร้างประสบการณ์การใช้งาน (User Experience) ที่ดีให้กับนักลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาทาง Bluebik มีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับธนาคารและบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่มาแล้วหลายแห่ง           มร. มาร์ติน ซิมป์สัน ผู้อำนวยการ บริษัท บลูบิค โกลบอล จำกัด (ฺBluebik Global) ในฐานะ Technical Director ของทีมผู้พัฒนาเทคโนโลยี EDNA (Event-Driven Nano Service Architecture) ระบุว่า Bluebik ได้นำเทคโนโลยี EDNA เข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อเป็นเทคโนโลยีแกนหลักของ ‘แอปพลิเคชัน InnovestX’ โดย EDNA เป็นเฟรมเวิร์กในการทำงานกับ Microservice ที่เป็นการแบ่งระบบออกเป็นส่วนย่อย ๆ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการพัฒนา ซึ่ง EDNA เป็นกรอบการทำงานที่ช่วยให้ทีมพัฒนาหลายทีมสามารถทำงานร่วมกันบนกรอบเดียวกัน เนื่องจากมองเห็นภาพรวมของระบบได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ง่ายต่อการดูแลและแก้ไขเมื่อระบบเกิดข้อผิดพลาด อีกทั้งมีความยืดหยุ่นสูงสามารถรองรับการใช้งานจำนวนมากและรองรับการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ ‘แอปพลิเคชัน InnovestX’ ได้ในอนาคต โดยก่อนหน้านี้ Bluebik ได้พัฒนาและนำ EDNA ไปประยุกต์ใช้งานจริงสำหรับการพัฒนาแพลตฟอร์มให้กับธุรกิจและสถาบันการเงินมาแล้วในหลายประเทศ           ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่าง InnovestX และ Bluebik ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนแวดวง       การลงทุนของไทย ด้วยการสร้างนวัตกรรมการลงทุน โดยเฉพาะการพัฒนาแอปพลิเคชันการลงทุนที่ตอบโจทย์ได้ทุก  ความต้องการในอนาคต เพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถคว้าโอกาสการลงทุนในตลาดทั่วโลกได้ ด้วยแพลตฟอร์มที่ทัดเทียม Global Standards ไม่ใช่แค่ Execution Platform แต่เป็นแอปพลิเคชันที่นำแต้มต่อของการลงทุนต่างประเทศทั่วโลกมาไว้ในมือคนไทยทุกคนไทย           ในแง่ของการพัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์นั้น Bluebik มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบขนาดใหญ่ อาทิ โมบายแบงก์กิ้ง (Mobile Banking) ระบบซื้อขายหลักทรัพย์และสินทรัพย์ดิจิทัล ระบบลงทะเบียนขนาดใหญ่ และระบบ Large-Scale & Super App เป็นต้น โดย Bluebik เป็นบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำด้านดิจิทัล      ทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร ซึ่งให้บริการตั้งแต่การให้คำปรึกษาทางด้านกลยุทธ์ (Management Consulting)      การให้คำปรึกษาและพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Excellence and Delivery) การพัฒนาระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่และปัญญาประดิษฐ์ (Big Data and Artificial Intelligence) การให้คำปรึกษาด้านความมั่นคงปลอดภัย    ทางไซเบอร์ (Cybersecurity) และระบบบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning: ERP)      โดย Bluebik มีผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลกว่า 1,000 คน ใน 4 ประเทศ เพื่อให้บริการองค์กรชั้นนำขนาดใหญ่ในหลากหลายภาคอุตสาหกรรม และหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก [PR News]

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

หยวนต้าคัดดาวเด่น ICT BBIK-SECURE ติดเทรนด์ 

หยวนต้าคัดดาวเด่น ICT BBIK-SECURE ติดเทรนด์ 

          หุ้นวิชั่น - "หยวนต้า" มองธุรกิจ ICT หุ้นกลาง-เล็ก ฝั่ง Cyber Security, Digital Transformation และ Gadget Play เติบโตโดดเด่น คาดกำไรพุ่งแรง ชูหุ้นเด่น BBIK และ SECURE ติด Mega Trend           ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึงแนวโน้มธุรกิจกลุ่ม TCT ว่า แนวโน้มไตรมาส 4/67 เด่นเป็นรายตัว           แนวโน้มไตรมาส 4/67 กลุ่ม Mobile Operators คาด TRUE และ ADVANC กำไรปกติเติบโตทั้ง QoQ และ YoY แต่ TRUE จะเด่นกว่า เพราะมีแรงส่งการลดต้นทุนซ้ำซ้อนที่มากกว่า ส่วน THCOM คาดกำไรปกติยังไม่มีนัยสำคัญ หุ้นขนาดกลาง ขนาดเล็ก กลุ่ม Cyber security , digital Transformation และ Gadget Play คาดกำไรปกติเติบโตต่อเนื่อง QoQ หุ้นที่กำไรปกติเด่นกว่ากลุ่มและราคาหุ้นยังน่าสนใจเน้นไปที่ SYNEX , BBIK และ SECURE           กลุ่ม Mobile Operators เริ่มตึงตัว           ราคาหุ้นกลุ่ม Mobile Operators ปัจจุบันซื้อขายที่ EV/EBITDA band 1.0SD ไม่ถูกเหมือนในช่วงต้นปี 2567 อย่างไรก็ดีฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าหุ้นจะยังเด่นกว่าตลาดในช่วง 6 เดือนจากนี้จาก 1) แนวโน้มกำไรของกลุ่มที่ยังดี 2) แรงส่ง Bond yield ขาลงในปี 2568 และ 3) โอกาสถูกปรับประมาณการกำไรเพิ่มอีกรอบของตลาดหลัง ADVANC ได้แรงส่งผู้ถือหุ้นใหม่ NewCo ส่วน TRUE มีโอกาสที่จะทำ Synergy ได้เร็วกว่าที่ตลาดคาด ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินยังไปได้ต่อได้ในกรอบราว 15-20%  ฝ่ายวิเคราะห์ชอบ TRUE ที่กำไรปกติมีโอกาสเกิด Upside Risk ได้มากกว่า ADVANC ส่วนปัจจัยที่ต้องระมัดระวังคือกาปรระมูลคลื่นความถี่ในช่วงกลางปี 2568           เน้นหุ้นขนาดกลาง ขนาดเล็กที่ได้ Mega Trend 1) ตัวแทนที่ได้ปรับประโยชน์จากการเข้ามาลงทุนของ Data Center ระดับโลกในประเทศไทย เลือก INSET (สร้าง Data Center) SYMC (ให้บริการเชื่อมต่อ Data ระหว่างเทศ) เป็นต้น 2) ตัวแทนการเติบโตของตลาด AI ในประเทศไทย การเข้าสู่ตลาดของสินค้าในกลุ่ม AI ทั้ง Gadget และ AI Service เต็มปีเป็นแรกในปี 2568 ฝ่ายวิเคราะห์เลือก SYNEX เป็นตัวแทน Theme ดังกล่าว 3) ผู้เล่นที่จะได้รับประโยชน์จากการเข้าสู่ตลาดของงาน Virtual Bank ผู้ได้รับอนุญาต Virtual Bank 3 รายในเดือน มิถุนายน 68 จะต้องขึ้นบริการภายในกลางเดือน มิถุนายน 69 เหลือเพียง 1 ปี จากวันที่ได้รับอนุญาต ฝ่ายวิเคราะห์เลือก BBIK และ SECURE เป็นตัวแทน Theme ดังกล่าว           คงน้ำหนัก Neutral เลือก SYMC เป็นหุ้นเด่น           ราคาหุ้นกลุ่ม ICT ปรับขึ้นมามาก ทำให้นักงทุนต้องมีความระมัดระวังในการลงทุนเพิ่มขึ้น เน้นการเลือกหุ้นรายตัวที่ราคายังมี Upside และต้องหาจังหวะทยอยลดน้ำหนักหุ้นที่ขึ้นร้อนแรงจน Upside จำกัด ฝ่ายวิเคราะห์เลือก SYMC (BUY TP 12.70 THB) เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม

AI อนาคตไทย ชู BBIK , BE8 , SECURE รับอานิสงส์

AI อนาคตไทย ชู BBIK , BE8 , SECURE รับอานิสงส์

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุ AI อนาคตของไทย และ มนุษยชาติ คุณ Jensen Huang ได้ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ในงาน AI Vision for Thailand โดยได้ให้ความเห็นว่า AI จะเข้ามาเป็นปัจจัยหลักของทุกคนในอีก 3 ปี โดยมีเพียง 20 ประเทศในโลกที่เริ่มสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับโดยสิ่งที่สำคัญที่สุด           สำหรับการพัฒนา AI คือ ข้อมูล จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างปัญญาประดิษแบบพึ่งพาตนเอง (SovereignAI) ขึ้นในไทยเพื่อเป็นทรัพยากรอันล้าค่าของไทยเท่านั้นโดยจะผลักดันให้AI ถูกบรรจุในทุกมหาวิทยาลัย และ เตรียมสร้างนวัตกรรมใหม่ คือ ThaiAI และ ThaiGPT โดยใช้องค์ความรู้ของ NVIDIA เพื่อให้ไทยเป็นหนึ่งในผู้ำด้านเทคโนโลยีของโลกพร้อมเดินหน้าสนับสนุนบริษัท Start Up AI ในไทยกว่า 60 แห่ง มองเป็นบวกกับหุ้นในห่วงโซ่อุปทาน AI เช่น กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กฯกลุ่ม ICT กลุ่มนิคมฯ กลุ่มโรงไฟฟ้า และ กลุ่มเทคโนโลยี เช่น BBIK , BE8 และ SECURE สำหรับกลยุทธ์การลงทุน 1.) Datacenter และ AI a)โทรคมนาคม:ADVANC, INTUCH, TRUE b)นิคมฯและโรงไฟฟ้า:AMATA,BGRIM,GPSC,GULF,WHA, ROJNA c)อื่นๆ: BBIK, BE8, SECURE, INSET,ITEL 2)Bit Coin : BROOK, TTA, JTS, XPG 3)มาตรการรัฐ+หวังมาตรการแก้หนี้: BBL,CPALL,CRC,KBANK,KTB,MTC,SCB, TTB4)ท่องเที่ยว :CENTEL,ERW,LH,MINT, SPA

BBIK ไตรมาส4 แกร่งต่อ บริการ ERP-CRM หนุน

BBIK ไตรมาส4 แกร่งต่อ บริการ ERP-CRM หนุน

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.กรุงศรี เผย BBIK รายงานกำไรหลัก 3Q24 ที่ 88 ล้านบาท (+17% yoy, +95% qoq) ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดใหม่ประจำไตรมาสของบริษัท สูงกว่าที่เราคาดไว้ 12% และสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ 9% เนื่องมาจาก GPM สูงกว่าที่คาด และเราคาดว่ากำไรจะแข็งแกร่งใน 4Q24 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น ผลประกอบการที่แข็งแกร่งใน 3Q24 สนับสนุนมุมมองของเราว่า BBIK มีความแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม โดยคาดว่ากำไรจะทรงตัวในปีนี้ ขณะที่บริษัทอื่นๆ จะหดตัว เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" และราคาเป้าหมาย 47 บาท BBIK ยังคงเป็นหุ้นที่เราชอบมากที่สุดในกลุ่ม           กำไรทำสถิติใหม่ รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 389 ล้านบาท (+16% yoy, +15% qoq) สอดคล้องกับที่เราคาดไว้ โดยได้รับแรงหนุนจากลูกค้าใหม่และโครงการใหม่จากลูกค้าเดิม โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคาร ประกันภัย เทคโนโลยี และค้าปลีก นอกจากนี้ BBIK ยังมีรายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากบริการ ERP และ CRM ซึ่งเป็นบริการที่บริษัทให้ความสำคัญมาตั้งแต่ต้นปีนี้ GPM ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 46.9% เทียบกับ 43.8% ใน 2Q24 สูงกว่าที่เราคาดไว้ 110bps ส่วนแบ่งกำไรยังแข็งแกร่ง เนื่องจาก Orbit ได้ส่งมอบโครงการใหญ่ในไตรมาสนี้ ทำให้กำไรหลักอยู่ที่ 88 ล้านบาท (+17% yoy, +95% qoq)           แนวโน้ม 4Q24 ยังดี จากผลประกอบการใน 3Q24 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้เราคาดว่าผลประกอบการใน 4Q24 มีโอกาสชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง เนื่องจากเราเชื่อว่า 4Q ยังเป็นช่วง high season ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการให้โครงการต่างๆ เสร็จก่อนสิ้นปี ในเบื้องต้น เราคาดว่ากำไรจะลดลงเหลือ 80 ล้านบาท (+1% yoy, -10% qoq) และกำไรทั้งปีจะทรงตัว           คงคำแนะนำซื้อ เป็นหุ้นเด่นสุดในกลุ่ม BBIK ยังคงเป็นหุ้นที่เราชอบมากที่สุดในกลุ่มนี้ เนื่องจากหุ้นตัวนี้รายงานการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งที่สุดใน 3Q24 และคาดว่าจะมีกำไรที่แข็งแกร่งต่อเนื่องใน 4Q24 ในขณะที่บริษัทอื่นๆ ในกลุ่มนี้มีแนวโน้มว่ากำไรจะหดตัวอย่างมากในปีนี้ เนื่องจากความต้องการบริการของบริษัทเหล่านี้มีการชะลอตัว และมีการแข่งขันที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า BBIK จะรายงานการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม เราคงคำแนะนำซื้อและราคาเป้าหมาย 47 บาท อ้างอิงระดับ P/E 28 เท่า (-1SD)

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

BBIK ผลงาน Q3/67 เด่น กำไรพุ่งแรง 115%

BBIK ผลงาน Q3/67 เด่น กำไรพุ่งแรง 115%

          บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน   ครบวงจร เผยกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2567 เติบโตถึง 115% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา (QoQ) อยู่ที่ 92 ล้านบาท และมีรายได้เพิ่มขึ้น 15% อยู่ที่ 389 ล้านบาท เป็นผลจากความต้องการปรับใช้เทคโนโลยี (Technology Adoption) และดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันฟื้นตัวตามภาพรวมเศรษฐกิจ หลังการลงทุนภาคเอกชนกลับมาขยายตัวและ การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐเร่งตัวขึ้น ปัจจัยข้างต้นยังส่งผลบวกให้รายได้ 9 เดือนแรกของบริษัทฯ พุ่งแตะ 1,098 ล้านบาท เติบโต 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีกำไรสุทธิ 205 ล้านบาท           สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ผ่านมาเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ของบริษัทฯ เติบโต 16%   อยู่ที่ 389 ล้านบาท และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 15% อยู่ที่ 92 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงขีดความสามารถในการเติบโตของบริษัทฯ และการฟื้นตัวของการลงทุนด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลของภาคธุรกิจ ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าสัญญาณบวกทางธุรกิจ จะส่งผลถึงไตรมาส 4 โดยมีแรงส่งสำคัญจากภาคการท่องเที่ยว การบริโภค การปรับลดอัตราดอกเบี้ยและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่กำลังทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง หนุนให้ผลประกอบการทั้งปี 2567 ของบริษัทฯ ทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นปีที่ 8           ในส่วนของมูลค่างานแบ็คล็อค (ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567) ของบริษัทฯ ยังอยู่ในระดับสูงถึง 1,168 ล้านบาท เตรียมรับรู้รายได้ 499 ล้านบาทในปีนี้ โดยแบ่งออกเป็นบริษัทแม่และบริษัทย่อย 355 ล้านบาท และบริษัทร่วมและกิจการร่วมทุน 144 ล้านบาท ที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 2568 – 2572           นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ระบุว่าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจกำลังเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัล ซึ่งทุก ๆ การเปลี่ยนแปลงและกระแสเทคโนโลยีใหม่จะกระตุ้นให้เกิดการปรับใช้เทคโนโลยีมากขึ้น อีกทั้งองค์กรที่มองข้ามการลงทุนด้านดิจิทัลอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงและเสียเปรียบทางธุรกิจในอนาคต ด้วยเหตุนี้ การลงทุนด้านเทคโนโลยีจึงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อภาพรวมเศรษฐกิจกลับมาขยายตัว โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงและเป็นลูกค้าหลักของบริษัทฯ อาทิ ธุรกิจการเงินและธนาคาร ค้าปลีก  และประกันภัย           “ปัจจุบันเทคโนโลยีมีอิทธิพลต่อการดำเนินธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ พัฒนาการอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ ๆ นำมาซึ่งข้อดีและความเสี่ยง ส่งผลให้องค์กรจำเป็นต้องปรับใช้เทคโนโลยีอย่างมีกลยุทธ์และต่อเนื่อง เพื่อให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีและจัดการกับความเสี่ยงต่าง ๆ ปัจจัยดังกล่าวนี้หนุนให้ความต้องการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันยังเป็นเทรนด์ที่แข็งแกร่ง ยกตัวอย่าง กระแส Generative AI ที่กำลังมาแรงส่งผลกระทบต่อธุรกิจและการใช้ชีวิตของมนุษย์ กดดันให้องค์กรเริ่มปรับใช้ AI มากขึ้นและนำไปสู่เทรนด์ AI Transformation ที่จะช่วยสร้าง      ข้อได้เปรียบทางธุรกิจ ผ่านการวิเคราะห์และคาดการณ์อย่างแม่นยำของโมเดล AI ขั้นสูง และเปลี่ยนกระบวนการทำงาน ซึ่งแนวโน้มนี้ส่งผลบวกต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในอนาคต โดยเฉพาะในส่วนบริการของบลูบิคที่เกี่ยวข้องกับการวางกลยุทธ์และแผนงาน AI Transformation การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่มีความยืดหยุ่นสูงสามารถรองรับการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคต โซลูชันด้านความปลอดภัยไซเบอร์และ Enterprise Resource Planning (ERP) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI รวมถึงการบริหารจัดการโครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่มีความซับซ้อน ซึ่งแนวโน้ม     ความต้องการเหล่านี้สอดรับกับบริการแบบครบวงจรของเรา” นายพชร กล่าว โดยแผนงานรองรับการขยายตัวทางธุรกิจและเทรนด์เทคโนโลยีสำคัญในอนาคตของบลูบิค แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1) แผนงานระยะสั้น การเร่งเดินหน้าเพิ่ม Utilization Rate ของพนักงานบริษัทในเครือ เพื่อรองรับโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้น พร้อมเดินเครื่อง Cross Resource และ Cross Selling อย่างเข้มข้น ตั้งเป้าลดต้นทุนและขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพ อาทิ ภาครัฐและอุตสาหกรรมการผลิต 2) แผนงานระยะกลาง - ยาว การให้ความสำคัญกับ Upskill และ Reskill พนักงาน เตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงและเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในโลกดิจิทัล ที่นับจากนี้จะมีความซับซ้อนและต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะหลายด้าน เพื่อตอบสนองความต้องการและช่วยองค์กรลูกค้าสร้างข้อได้เปรียบทางธุรกิจจากการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ “ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา บลูบิค เติบโตในทุกมิติ ปัจจุบันบริษัทฯ มีจำนวนพนักงานผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมากเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ เทียบชั้นกับบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีระดับโลกและได้รับความไว้วางใจจากองค์กรลูกค้าให้ช่วยขับเคลื่อนโครงการดิจิทัลขนาดใหญ่ระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านี้เรายังสามารถสร้าง ผลกำไรอย่างต่อเนื่องให้แก่นักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นผลจากความมุ่งมั่นและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของบริษัทฯ เพื่อบรรลุพันธกิจการส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่องค์กรลูกค้า” นายพชร กล่าวปิดท้าย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ Website : www.bluebik.com หรือติดตามข่าวสารผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ที่ Facebook Page : Bluebik Group และ LinkedIn : Bluebik Group [PR News]

หยวนต้ามองไอทีโตเด่น BBIK-SECURE กำไรแรง

หยวนต้ามองไอทีโตเด่น BBIK-SECURE กำไรแรง

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระยะสั้นส่องกล้องผลประกอบการของกลุ่มในช่วงที่เหลือของปี 2567 ภาพรวมกลุ่มสื่อสารกลุ่ม Mobile Operator รายงานกำไรปกติ 3Q67 เด่นโดยเฉพาะ TRUE ที่กำไรปกติทำได้ 2.9 พันล้านบาทเติบโต QoQ และ YoY ทำให้ตลาดต้องปรับเพิ่มประมาณการรอบใหม่           ส่วน ADVANC กำไรปกติทรงตัว QoQ แต่เติบโต YoY ขณะที่หุ้นที่ยังไม่รายงานผลประกอบการ THCOM คาดมีผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนกดดันให้มีขาดทุนสุทธิ แต่งบออกเป็นจุดในการสะสมลุ้นความคืบหน้าของดีลในตลาดอินเดียและแรงซื้อที่เหลือของกองทุนวายุภักษ์           ส่วนหุ้นขนาดกลางขนาดเล็ก คาดกำไรปกติจะเด่นในกลุ่มค้าปลีกสินค้า IT อย่าง SYNEX และ ADVICE แนะนำเก็งกำไรงบระยะสั้น           ส่วนกลุ่ม Growth เด่นที่ BBIK และ SECURE ที่กำไรปกติคาดจะฟื้นตัวแรง QoQ ส่วน BE8 และ MEB งบเติบโตแต่ในอัตราที่ตลาดคาดหวังไว้ก่อนหน้าแล้วเช่นเดียวกับหุ้น System Intregators ที่งานภาครัฐฟื้นตัว แต่อยู่ในอัตราที่ช้ากว่าที่ตลาดคาดแนวโน้ม 4Q67 กลุ่ม Mobile Operators คาด TRUEและ ADVANC กำไรปกติเติบโตทั้ง QoQ และ YoYแต่ TRUE จะเด่นกว่าเพราะมีแรงส่งการลดต้นทุนซ้ำซ้อนที่มากกว่า           ส่วน THCOM คาดกำไรปกติยังไม่มีนัยสำคัญ หุ้นขนาดกลางขนาดเล็ก กลุ่ม Cybersecurity, Digital Transformation, และ Gadget Play คาดกำไรปกติเติบโตต่อเนื่อง QoQ หุ้นที่กำไรปกติเด่นกว่ากลุ่มและราคาหุ้นยังน่าสนใจเน้นไปที่ SYNEX, BBIK, และ SECURE

บล.หยวนต้า คาดกำไร Q3 BBIK ทำระดับสูงสุดใหม่

บล.หยวนต้า คาดกำไร Q3 BBIK ทำระดับสูงสุดใหม่

            หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรปกติของ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK 3Q67 ฟื้นตัวเด่น ทั้ง QoQ และ YoY ทำระดับสูงสุดใหม่ ที่ 80 ล้านบาท (+77% QoQ, +7% YoY) กำไรปกติที่เติบโตเด่นทั้ง QoQ และ YoY มาจากรายได้ที่กลับมาเติบโต ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทฯ ร่วมที่แข็งแกร่งและอัตราภาษีจ่ายที่กลับสู่ระดับปกติ ดังนี้ คาดรายได้หลักที่ 385 ล้านบาท (+14% QoQ, +15% YoY) หนุนจากงานด้าน Digital Excellence and Delivery งานด้าน AI และงานด้าน ERP ที่ฟื้นตัวเด่น QoQ คาดอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ 46.2% (+244 bps QoQ, -681 bps YoY) อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวเด่นเนื่องจากได้ economies of scale ขณะที่การลดลง YoY มาจากการปรับปรุงวิธีการบันทึกบัญชีราว 300bps และการรับรู้รายได้ Training ที่มีอัตรากำไรต่ำกว่ากลุ่ม SG&A คาดที่ 109 ล้านบาท (+0% QoQ, +6% YoY) ไม่เพิ่มขึ้นตามรายได้สะท้อนการได้ economies of scale ส่วนแบ่งก าไรจากบริษัทร่วมคาดที่ 20 ล้านบาท (+89% QoQ, +122% YoY) หลักๆ เป็นรอบรับรู้งานของ Orbit โดยจะยังรับรู้ในระดับสูงต่อเนื่องใน 4Q67 อัตราภาษีจ่ายคาดที่ 12% กลับเข้าสู่ระดับปกติ จาก 2Q67 ที่สูงผิดปกติที่ 21% BBIK จะรายงานผลประกอบการ 3Q67 ในวันที่ 11 พ.ย. 67             หากกำไรออกมาตามคาด กำไร 9M67 จะคิดเป็น 67% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2567 ของฝ่ายวิเคราะห์ที่ 287 ล้านบาท (+4% YoY) ขณะที่แม้มีการรับรู้รายได้จำนวนมากใน 3Q67 แต่คาด Backlogs ของ BBIK จะลดลงเพียงเล็กน้อย QoQ สะท้อนแนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q67 ที่จะยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง             คาดปี 2568 กลับเข้าสู่ศักยภาพการเติบโตปกติที่ระดับ +/-30% ต่อปี คงคาดการณ์กำไรปกติปี 2568 ที่ 384 ล้านบาท (+34% YoY) หรือกลับเข้าสู่ระดับปกติการฟื้นตัวที่เด่นในปี 2568 หนุนจาก  การเข้ามาของ AI ทำให้งานด้านการให้คำปรึกษามีความต้องการเพิ่มเติมเนื่องจากบริษัทฯ ขนาดใหญ่ต้องวางกลยุทธ์เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลง การเข้าสู่ตลาดของงาน Virtual Bank ที่ BBIK เป็นตัวเต็งสำคัญที่จะชนะงานจากสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้าในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่และประสบการณ์ท างานที่พิสูจน์แล้ว ผลบวกของการปรับปรุงองค์กรในปี 2567 ที่จะส่งผลให้ประสิทธิภาพองค์กรดียิ่งขึ้นในปี 2568             คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมกลางปี 2568 ที่53.50 บาทต่อหุ้น ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม กลางปี 2568 ที่ 53.50 บาทต่อหุ้น อิง PER 32x คงคำแนะนำ “ซื้อ” คาดหุ้นตอบสนองเชิงบวกสะท้อนแนวโน้มผลประกอบการ 3Q67 ที่จะเด่นกว่าที่ตลาดคาดก่อนหน้า ฝ่ายวิเคราะห์เลือก BBIK ให้เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม Growth สำหรับการเก็งกำไรงบ 3Q67 ต่อเนื่องไปถึง 4Q67

abs

ออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่ายและระบบสื่อสารอย่างครบวงจร

บล.กรุงศรี คาดหุ้นวันนี้แกว่งตัวในกรอบ แนวต้าน 1476 จุด แนะ ADVANC, BBIK, IVL

บล.กรุงศรี คาดหุ้นวันนี้แกว่งตัวในกรอบ แนวต้าน 1476 จุด แนะ ADVANC, BBIK, IVL

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) KSS Daily Strategy คาด SET วันนี้ “แกว่งในกรอบ” ต้าน 1470/1476 จุด รับ 1455/1446 จุด วันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐRebound นำโดย Tech และความเชื่อมั่นต่อดอกเบี้ยสหรัฐขาลง โดย MUFG และตลาดคาดประชุม Fed 6-7 พ.ย. จะลดดอกเบี้ย 25 bps สู่4.75% หลังจากตัวเลขตลาดแรงงาน Nonfarm payrolls +1.2 หมื่นราย ต่ำคาดมาก แม้เป็นผลชั่วคราวจากผลกระทบพายุเฮอริเคน ผสานฝั่งภาคผลิต PMI < 50 จุด            สัปดาห์นี้ ปัจจัยหลักที่ต้องตามคือการเลือกตั้งสหรัฐคาดความผันผวนจะลดลง และลุ้นมาตรการกระตุ้นจกาประชุม NPC ของจีน            ภายในปัจจัยเศรษฐกิจไทยชี้ไปทางบวกต่อตลาดหุ้น อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ 3 เดือนข้างหน้าปรับขึ้นสู่ 58.4 สูงสุดในรอบ 6 เดือน ผสาน BOI อนุมัติส่งเสริมการลงทุน Data Center 2 โครงการใหญ่มูลค่า 6 หมื่นล้านบาท และวันพรุ่งนี้รัฐบาลคาดจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฝั่งอสังหา(+บริโภค ท่องเที่ยว ลงทุน)            โดยรวมประเมิน GDP Growth ไทยปี 2024 คาด 2.4%y-y มี Upside มองบวกต่อ SET ประเมินหุ้นนำหุ้นธีม Infra Tech, หุ้น Domestic, หุ้นงบ 3Q24 ดี หุ้นChina play  วันนี้แนะ ADVANC, BBIK, IVL

BBIK รับเต็ม! Google ทุ่ม 3.5 หมื่นล้านในไทย ดัน Digital Transformation - Cloud คึกคัก

BBIK รับเต็ม! Google ทุ่ม 3.5 หมื่นล้านในไทย ดัน Digital Transformation - Cloud คึกคัก

          หุ้นวิชั่น - บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง แผนการลงทุนของ Google ซึ่งประกาศแผนลงทุนในไทย 3.6 หมื่นล้านบาท เพื่อสร้าง Data   Center และ Cloud   Region สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 1.4 แสนล้านบาทภายใน 2572 คาดช่วยสร้างงาน 1.4 หมื่นตำแหน่งต่อปีระหว่างปี 2568-2572 ฝ่ายวิเคราะห์มองเป็นบวกต่อเป็นบวกต่อการยกระดับอุตสาหกรรม Data Center/Cloud ที่เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่รัฐบาลสนับสนุนมาโดยตลอด โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์ เช่น กลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตจากการขยายบริการด้าน Data Center/Cloud กลุ่ม Tech Consult (BBIK BE8)           BBIK กำไรมีแนวโน้มเติบโตตามอุตสาหกรรน คาดกำไรหลักปี 67-69 จะเติบโตเฉลี่ย 28% CAGR หนุนจากโอกาสในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากความได้เปรียบด้านต้นทุนและตลาดซอฟต์แวร์องค์กรในประเทศยังมีขนาดเล็ก ▪การเซ็นสัญญาโครงการใน มิ.ย. 67 ทำให้ backlog ณ สิ้น Q2/67 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 905 ล้านบาท โดย 506 ล้านบาท จะรับรู้เป็นรายได้ครึ่งปีหลัง 67           ขณะที่การชนะประมูลโครงการยังแข็งแกร่งในเดือน ก.ค.-ส.ค. คาดกำไรหลัก Q3/67 ที่ 83 ล้านบาท +10% YoY และ +83% QoQ▪เชื่อว่า  BBIK จะได้  Sentiment บวก จาก Google ประกาศลงทุนในไทย 3.5 หมื่นล้านบาท ผลักดัน Data  Centerและ Cloud Region ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อโอกาสธุรกิจให้คำปรึกษา DigitalTransform ครบวงจรของ BBIK ในอนาคต ฝ่ายวิเคราะห์ให้เป้าเชิงกลยุทธ์ที่ 44 บาท

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011